ผมนายภูผา หนุ่มโสดวัย30 เจ้าหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทร่วมชาติแห่งหนึ่ง พื้นเพดั่งเดิมเป็นลูกอิสาน จังหวัดชัยภูมิ ผมจากถิ่นเดิมมากลายเป็นคนเมืองหลวงตั้งแต่อายุ18 โดยอาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงน้าที่วัดหัวลำโพง ก่อร่างสร้างตัวขึ้นด้วยความวิริยะ และมีแรงแค้นเป็นตัวผลักดัน จนผมสามารถยืนขึ้นได้ด้วยความแข็งแกร่งอีกครั้ง
12ปีที่ผมไม่เคย เหยียบย่างกลับภูมิลำเนา จนกระทั่งปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมาผมลากไอ้แจ๊คเพื่อนลูกครึ่งอเมริกันนิโกรแม่ ไทย พากันขับรถฮอนด้า ซีอาร์วี ป้ายแดง กลับไปเยี่ยมพ่อแก่แม่แก่ของผมที่อำเภอภูเขียว
ชิวิตไอ้แจ๊คนั้น คล้ายกันกับผม เราสองคนเพื่อนเป็นสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนที่รามคำแหง จนจบออกมาทำงานในบริษัทเดียวกัน เราสร้างตัวเองจากจุดศูนย์เหมือนๆกัน ไอ้แจ๊คนั้นมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า มันไม่รู้เลยว่าในชีวิตมันมีวงศาคณาญาติเหลืออีกบ้างหรือไม่ ฉนั้นมันกับผมจึงเป็นเหมือนเงาของกันและกันมาโดยตลอด เห็นผมที่ไหนต้องเห็นไอ้แจ๊คที่นั่น เราสองคนใช้ชีวิตหนุ่มโสดกันอย่างโชกโชน ไม่ว่าเรื่องกิน เรื่องเที่ยวเรื่องหลับนอน แม้กระทั้งเรื่องผู้หญิงมันกับผมก็ใช้ร่วมกันอยู่บ่อยๆ
ทันที่ที่ไป ถึงบ้านพร้อมของฝากมากมายให้พ่อแก่แม่แก่ ผมอยู่ให้ท่านชื่นชมกับความก้าวหน้าของชีวิตสักครู่ก็ลากไอ้แจ๊คไปตะรอน ทันที เงินโบนัสเป็นฟ่อนตุงอยู่ในกระเป๋าของเราทั้งสอง ผมขับรถคู่กายพาไอ้แจ๊คชมบรรยากาศรอบๆอำเภอ 12ปีที่ผมไม่เคยกลับมาเยือน มิได้ทำให้อำเภอภูเขียวเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ร้ารวงตึกแถวเก่าๆในสมัยก่อนยังคงอยู่ สอดแทรกด้วยอาคารขนาดใหญ่ของห้างสดวกซื้อที่ผุดขึ้นมาสองสามแห่ง
ผม ขับรถผ่านตลาดก็พบกับตึกแถวโทรมๆที่เมื่อ12ปีที่แล้วมันคือร้านจำหน่าย เครื่องไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอ ร้านของพ่อไอ้ประกอบ อดีตเพื่อนที่เป็นผู้สร้างความแค้นให้กับผม แต่อันที่จริงถ้าไม่มีเหตุการที่ทำให้ผมต้องซมซานพลัดถิ่นไปเป็นเด็กวัด เมื่อ12ปีที่แล้ว ก็อาจจะไม่มีนายภูผาหนุ่มอนาคตสดใสอย่างทุกวันนี้ก็ได้
ผม เจ็บแปล๊บๆเหมือนมีเข็มทิ่มอยู่ในใจ เมื่อหวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว12ปี ร่างสมส่วนของสาวหน้าสดใส แก้มสีชมพู มีลัคยิ้มสองแก้ม ที่ยามยิ้มแล้วนักเรียนชายทุกคนต่างมองตาค้าง ผูกโบร์สีน้ำเงินที่เรือนผมยาวสลวย ในชุดนักเรียนม.ปลาย ผุดวาบขึ้นมาในห้วงนึก ทอฝัน สาวผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของผม สาวผู้บดขยี้หัวใจรักของผม บัดนี้คงอยู่เป็นสุขสบายกับไอ้เพื่อนทรยศแล้วเป็นแน่
ผมขับรถผ่านไป อย่างเชื่องช้าด้วยใจที่ล่องลอย จนเกือบจะเลยสวนอาหารที่อยู่ด้านหลังอำเภอไปเสีย ถ้าไม่ได้ยินเสียงไอ้แจ๊คร้องบอก ท้องฟ้ายังสว่าง สวนอาหารคงยังไม่ได้เปิดบริการ แต่เมื่อเหล่าพนักงานเสริฟที่กำลังจัดตั้งโต๊ะได้ยินเสียงคำรามของเครื่อง ยนต์ขนาด2400ซีซี จากรถฮอนด้า ป้ายแดงของผม ต่างก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ ในอำเภอเล็กๆมีไม่บ่อยนักที่จะมีแขกขับรถหรูๆมาใช้บริการที่สวนอาหารแห่งนี้ ทันที่ที่รถจอดสนิท พนักงานในร้านต่างรีบกันกุลีกุจอมาต้อนรับ ผมเลือกซู้มศาลาไม้ทรงไทยซึ่งจุคนได้ไม่ต่ำกว่า8ที่สำหรับนั่ง แต่ผมมาเพียงแค่สองคน ถ้าไม่ใช่เพราะอิทธิพลของรถป้ายแดง ผมคงไม่มีโอกาศมานั่งซุ้มนี้แน่
ผมสั่งเหล้าฝรั่งยี่ห้อดังพร้อมกับ แกล้มมาเต็มโต๊ะ จนเกินกว่าที่คนเพียงสองคนจะทานหมด เราสองคนนั่งดื่มนั่งกินไปกันเรื่อยๆ โดยมีสาวน้อยชุดซิ่นผ้าฝ้ายทอมือยาวเพียงเข่ามาคอยบริการชงเหล้าเสริฟ พร้อมเสียงพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระ กระเซ้าเย้าแหย่พนักงานสาวๆอย่างครื้นเครง เราคุยกันถึงเรื่องเซ็กส์ล่าสุดกับสาวิตรีเซลส์สาวผู้ยะโส ผู้ซึ่งเคยมองเราด้วยหางตาเหยียดหยามในครั้งแรกที่ได้รับการแนะนำให้รู้จัก แต่หลังจากที่เราทั้งคู่ร่วมมือกันถล่มรูเสียวของเธอไปแล้ว จากสาวสวยหุ่นสบึมที่หยิ่งทรนงก็กลายเป็นลูกแมวน้อยแสนเชื่อง ทาสกามที่พร้อมบริการให้เราทั้งคู่ที่ถูกเรียกหา
เวลาผ่านไปอย่างรวด เร็ว จนท้องฟ้ามืดมิด แสงไฟกระพริบพราวแพรวที่ประดับตกแต่งสวนอาหารดูสว่างไสว เสียงเพลงบรรเลงเบาๆจากเหล่านักดนตรีเริ่มขับกล่อม อันเป็นสัญญาณว่าอีกสักครู่บรรดาเหล่านักร้องชายหญิงจะต้องขึ้นเวทีโชร์เพลง เมดเลย์ในจังหวะสามช่าให้ลูกค้าได้รับฟัง
นักร้องทั้งหมดต่างทะยอ ยขึ้นเวทีขับกล่อมเพลงเมดเลย์ในจัวหวะสามช่าพร้อมเต้นยักย้ายกันไปมา นักร้องหญิงของสวนอาหารแห่งนี้มีด้วยกัน6คน สามคนนับจากด้านซ้าย ยังเป็นสาวน้อยรุปร่างหน้าตาสดใส ที่ดูเหมือนจะเพิ่งหัดร้องเพลงกันได้ไม่เท่าไหร่ เพราะหลายครั้งที่เสียงร้องของเธอคล่อมจังหวะดนตรี หรือไม่บางทีก็เสียงไปไม่ถึงตัวโน๊ต ส่วนสาวสองคนทางด้านขวาเสียงร้องพร้อมท่าทางยัยย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรี ดูเข้าท่ากว่า เพียงเสียงแค่ว่ารูปร่างหน้าตาเธอไม่สดใสเท่าทางอีกฝั่ง ยกเว้นคนกลางที่ดูร่างระหงสูงกว่าทุกคน ร่างสูงขาวจนผ่องของเธอดูกลบรัศมีของนักร้องทั้ง5คนจนหมดสิ้น เสียงเพลงที่เธอขับกล่อมไพเราะเสนาะโสต หน้าสวยนั้นกลับแฝงแววเศร้าๆ ไม่สดใสร่าเริงเฉกเช่นเพื่อนๆ
ผมหมายตาสาวคนนี้ไว้ จึงสั่งสาวพนักงานเสริฟให้นำพวงมาลัยพร้อมติดแบงค์สีแดงๆ10ใบไปมอบให้เธอบน เวที สักพักเมื่อเธอร้องเพลงจบก็เดินตรงมายังโต๊ะของผม เธอยกมือไหว้กล่าวสวัสดีพร้อมขอบคุณในมาลัยน้ำใจที่ผมมอบให้ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ใจผมก็กระตุกอย่างแรง นักร้องสาวใหญ่คนนี้ช่างคล้ายทอฝันยิ่งนัก แม้เธอจะแนะนำตัวเองว่าเธอชื่อขวัญใจก็ตาม
หลังจากการพูดคุยกันทำให้ ผมทราบว่าอายุเธอก็อ่อนกว่าผม ประมาณสองปี ผมแกล้งถามถึงเรื่องครอบครัวของเธอจึงได้ทราบว่าเธอเคยมีสามีมาแล้ว แต่เลิกไปนานแล้วเช่นกัน ก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นนักร้อง เธอแต่งงานกับเสี่ยหนุ่มเจ้าของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาด แต่แล้วเพียงแค่ห้าปีชีวิตสมรสของเธอก็พังทลายเพราะสามีหนุ่มนั้นทั้งเจ้า ชู้และติดการพนัน น้ำเสียงที่เธอเล่าแฝงแววเศร้าอย่างแท้จริง
ใช่แล้ว นักร้องสาวคนนี้คือทอฝัน สาวผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของผมนั่นเอง
ภาพ สาวน้อยผูกโบร์สีน้ำเงิน ใบหน้าชวนฝันเช่นเดียวกับชื่อของเธอ ยามแย้มยิ้มดูสว่างเหมือนโลกของผมจะหยุดหมุน ผมกับเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เธอเข้าเรียนม.1 ในขณะที่ผมอยุ่ม.3 ความสัมพันธ์แบบพี่น้องร่วมโรงเรียนเริ่มกลายมาเป็นความรักเมื่อทอฝันเรียน ม.3 ใช่ครับเราสองคนเคยรักกันมากจนกระทั่งไอ้ประกอบลูกชายคนเดียวของร้านขาย เครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดเข้ามาแทรกเมื่อทอฝันเลื่อนชั้นขึ้น ม.4 เธอฉีกสัญญารักระหว่างเราด้วยการนอกใจผม ไปหาไอ้เสี่ยหนุ่ม ผมยังจำถึงวาจาเยาะเย้ยครั้งสุดท้ายได้เต็มสองหูเมื่อผมไปทวงถามสัญญาใจของ เรา
"ภู...เธอไปให้พ้นชีวิตฝันได้มั๊ย..ขอร้องละ ขวัญเลือกพี่กอบแล้ว...เค้าดูมีอนาคตกว่าลูกชาวนาจนๆอย่างเธอ...."
บัด นี้ทอฝันกำลังนั่งอิงแอบผมอยู่ สองมือของเธอถูกผมเกาะกุมไว้ เธอจำผมไม่ได้แน่เพราะหลังจากที่ใจผมสลายไปในครั้งนั้นแล้ว ผมก็ซมซานไปขออาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงน้าที่วัดหัวลำโพง ผมเรียนกวดวิชาจนจบม.ปลาย แล้วเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังของรัฐ แรงทิฐิและแรงแค้นสาวคนรัก เป็นตัวกระตุ้นผลักดันให้ผมคร่ำเคร่งกับการเรียน และมุ่งมั่นในวิชาชีพ จนประสพความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
ผมรู้ด้วยประสพการณ์ว่าขณะนี้เธอ กำลังถูกชะตากับผม อาจเพราะรูปร่างหน้าตาที่คมเข้ม หรืออาจจากแบงค์สีแดง10ใบที่ผมติดไปกับพวงมาลัยก็ได้ จึงทำให้ทอฝันเต็มใจให้ผมกอดประคองเช่นนี้ ผมเปลี่ยนไปจากหนุ่มน้อยร่างสูงผอม แต่งตัวปอนๆด้วยความยากจนของฐานะ แต่บัดนี้เสื้อผ้าแบรนด์เนม ขับรถหรูป้ายแดง ทอฝันไม่มีทางจำผมได้แน่
ผม นั่งอยู่ที่สวนอาหารจนร้านปิด จากนั้นผมชวนเธอไปเที่ยวต่อ เธอตอบตกลงแต่ร้านแถวนั้นปิดประมาณตีสอง มันไม่มีที่กินต่อแล้ว ผมโยนกุญแจรถให้ไอ้แจ๊คขับ ให้เธอนั่งกลาง โดยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกระโปรงยีนส์เสื้อยืด เพื่อนก็ขับรถไป ผมดึงร่างเธอมาแนบพรมจูบไปทั่วใบหน้าก่อนจะประกบปากกัน มือทั้งสองล้วงบีบเค้นนมเธอหนักๆ จนเธอครางฮือๆๆ ผมละมือข้างหนึ่งฉกวูบลงด้านล่าง เซาะผ่านขอบกระโปรงยีนส์ของเธอไปยังจุดหมายกึ่งกลางร่าง ทอฝันอ้าขาอำนวยความสดวก ผมกรีดปลายนิ้วผ่านกางเกงในราคาถูกๆของเธอจนพบว่าร่องเสียวเรียวยาวของเธอ นั้นฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งความกระสันต์ ผมรู้สึกมึนจากการดื่มเล็กน้อย แต่ไม่เท่ากับแรงแค้นที่เกาะกุมจิตใจอยู่ในขณะนั้น
ผมพาทอฝันเข้าไป เช็คอินที่โรงแรมโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของเธอเลย ไอ้แจ๊ครออยู่ที่รถและเมื่อผมเข้าห้องเรียบร้อยแล้วจึงได้โทรศัพท์ไปบอกหมาย เลขห้องกับมัน ทอฝันเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก่อนที่ไอ้แจ๊คจะขึ้นมาถึง ผมให้มันแอบอยู่ที่ระเบียงของห้อง หลังจากนั้นเธอก็อาบน้ำเสร็จ ผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำบ้าง พอผมอาบน้ำเสร็จผมก้เดินโทงๆออกมาด้วยสภาพเปลือยเปล่า ทอฝันเธออยู่ในชุดผ้าขนหนูตัวเดียวนั่งอยู่บนเตียง ผิวเธอขาว หน้าอกเต่งตึง ผมยาวสลวย เป็นลักษณะที่ผมชอบดั่งเช่นอดีต ผมเข้าไปกอดจูบเธอ เธอก็เอนตัวนอนลงบนเตียง เราไม่พูดพร่ำทำเพลง กันมาก ผมใช้มือกระตุกผ้าเธอออกจากร่าง เรานอนกอดจูบกัน มือผมก็ซนล้วงไปทั่วร่างที่ผมเคยถวิลหาทุกยามที่เงียบเหงา ปากผมก็ดูดงับที่หัวนมเม็ดเล็กของเธออย่างแรงจนเธอผวาร้องครางออกมาคงทั้ง เจ็บและเสียวซ่าน
นมเธอใหญ่มากกว่าเก่าที่ผมเคยแตะต้องในวัยสาว แต่หัวนมยังเล็กน่ากัดมาก มือผมก็ล้วงที่นาผืนน้อย รู้สึกว่ามีน้ำแฉะไหลออกมาจนฉ่ำเยิ้ม ทอฝันร้องครางหลับตา บิดส่ายตัวไปมาบนที่นอน ผมหันไปหาไอ้แจ๊คพร้อมพยักหน้าให้มันเข้ามาเลียร่องเสียวที่ผมกำลังเกาะ กุมอยู่ เพื่อนผมก็ว่าง่าย มันตรงเข้ามาเลียที่หว่างขาเธอทันที ทอฝันร้องครางเสียงดังมากขึ้นด้วยความซ่านเสียวที่โดนโจมตีทั้งด้านบนและ ด้านล่างพร้อมๆกัน