วันนี้..ที่แตกต่าง ตอนที่ 1
แปลงและแต่งเพิ่มโดย Iczy
หมายเหตุ:
เรื่องนี้ลงในนิตยสารปกสีเล่มหนึ่งเมื่อสิบปีก่อนโน้น
เป็นเรื่องที่ผมชอบมาก แต่กลับมีเพียงสองตอนจบ
ผมเลยนำมาปัดฝุ่นดัดแปลงและต่อเติมใหม่
ชอบไม่ชอบอย่างไรก็บอกได้นะครับ
1.
วันนี้เขามีงานเขียนสารคดีที่ต้องส่งสำนักพิมพ์ให้ทันพรุ่งนี้
ซึ่งอีกเพียงหน้ากระดาษเดียวก็จะเสร็จ
เสียงของรถปิคอัพสีแดงที่ด้านหลังต่อเบาะและหลังคาเป็นรถโดยสารสำหรับนักเรียนแล่นผ่าน
ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง
และรถคันนี้เองที่ทำให้เขาต้องเร่งเขียนเพื่อให้จบเร็วที่สุด..
"อาเปี๊ยก ทำอะไรอยู่เหรอ"
"ไง..อีฟ เข้ามาในบ้านก่อนมั้ย"
เขายิ้มรับการทักทายของเด็กหญิงวัย 14 ปี ในชุดนักเรียน
เธอถือสมุดและหนังสือมายืนอยู่ที่รั้วบ้าน
มันเหมือนเป็นหน้าที่ไปเสียแล้วสำหรับเขาที่ต้องสอนอีฟทำการบ้าน
"อาเปี๊ยกเขียนหนังสืออยู่เหรอ"
เสียงที่เปลี่ยนจากเด็กหญิงมาเป็นเด็กรุ่นเอ่ยถาม
"ฮื่อ ต้องเขียนให้เสร็จภายในพรุ่งนี้
อีกครึ่งหน้าก็เรียบร้อยแล้ว รอแป๊บเดียวนะอีฟ"
ทันทีที่เขาพูดจบ
อีฟก็นั่งลงตรงม้าหินหน้าบ้านแล้วกางสมุดและหนังสือออกมา
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มเร่งรีบเขียนบทความ
แสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่ค่อนข้างจ้าเมื่อครู่นี้เริ่มทอแสงละมุนขึ้น
มันเป็นลำแสงที่ให้ความอบอุ่นของเวลากลางวันได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะถ้ามีสายลมโชยมาเป็นระลอก
"เฮ้อ เสร็จซะที วันนี้มีการบ้านแยะไหมอีฟ"
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วยืดแขนขึ้นเหนือศีรษะทำท่าบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยขบ
"เพิ่งจะเปิดเรียน ครูเลยไม่ให้การบ้านเยอะเท่าไหร่น่ะ"
เด็กสาวตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น สายลมอ่อน ๆ
พัดปอยผมเธอพลิ้วไสว
เขาเดินออกมาที่ม้าหินแล้วเอียงหน้าดู
"วันนี้การบ้านวิชาอะไรล่ะ"
"อ๋อ..ภาษาอังกฤษค่ะ อาเปี๊ยก" สาวน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มใส ๆ
ให้เขาจนแก้มตุ่ย
เด็กสาววัย 14 กับหนุ่มใหญ่วัย 34
ที่ต่างวัยกันพอสมควรกำลังแนบชิดกับอย่างสนิทสนม
สำหรับเขาและเธอแล้วในสายตาของคนทั่วไปมองว่าเป็นความสนิทสนมที่ลงตัวเพราะต่างถูกอกถูกใจกันในแต่ละทัศนะ
"นี่ถ้าอีฟอายุมากกว่านี้สักสองสามปี
คงได้เป็นแฟนกับตาเปี๊ยกนั่นแน่เลย"
"เฮ้ย เค้าถูกชะตากัน ไปคิดอะไรเกินเลยไปขนาดนั้น"
"บางทีฉันเห็นยายเปิ้ลแฟนของตาเปี๊ยก
เค้ามองอีฟอย่างหึงเหมือนกันนะ"
ต่างคนต่างมองต่างมุมเพราะแต่ละคนก็มีจิตใจแตกต่างกันออกไปนั่นเอง
เขาช่วยสอนการบ้านเธออย่างอดทนเพราะอีฟไม่ใช่เด็กที่หัวไวหรือเรียนเก่งอะไรนัก
แต่เธอก็มีความขยันหมั่นเพียรไม่แพ้เด็กคนอื่น ๆ
นี่เป็นจุดที่ดีของเธอและเป็นอีกส่วนที่เขาและเธอมีความเหมือนกัน
"การบ้านเสร็จแล้ว ไชโย..ไปเล่นอะไรกันดีล่ะอาเปี๊ยก นะนะ
เดี๋ยวเอาสมุดการบ้านไปเก็บก่อน" เด็กสาวร้องด้วยความดีใจ
เธอรีบเก็บสมุดหนังสือแล้วจูงมือเขาไปที่บ้านของเธอซึ่งอยู่เยื้อง
ๆ บ้านเขาไปนั่นเอง
เมื่อถึงหน้าบ้านเขาก็ยืนคอยเธอโดยไม่เข้าไปในบ้าน
ไม่นานนักเธอก็กลับออกมาแล้วก็คว้ามือเขาไว้ด้วยความสนิทสนม
"เออ อีฟ ป้าตุ้ยย้ายออกไปแล้ว ใครจะมาอยู่แทนล่ะ"
เขาชี้ไปยังบ้านไม้สองชั้นที่อยู่ติดกับบ้านของเธอ
"ไม่รู้เหมือนกัน เข้าไปดูกันไหม" เด็กสาวถามยิ้ม ๆ
ตาเป็นประกาย แสงแดดอ่อน ๆ
สาดกระทบผิวหน้าบางใสของเธอจนแทบมองเห็นเส้นเลือดข้างใต้
"อีฟไม่กลัวผีเหรอ" เขาแกล้งแหย่
"ม่ายกลัว..เอายังงี้
เดี๋ยวอีฟจะไปแอบแล้วอาเปี๊ยกหาให้เจอแล้วกัน"
เธอยกมือขึ้นท้าวสะเอว ลอยหน้าลอยตาพูด
"ได้เลย บ้านแค่นี้จะไปแอบที่ไหนพ้น" เขาหัวเราะ
"ปิดตา..แล้วนับหนึ่งถึงยี่สิบนะ อีฟไปแอบล่ะ"
พูดจบเด็กสาวก็วิ่งตึกตักเข้าไปในบริเวณบ้านร้าง
ชายหนุ่มหันหลังให้บ้านที่เธอวิ่งเข้าไปแล้วก็เริ่มนับ
"หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..ห้า.."
ขณะที่เขานับนั้น
เขาก็ได้ยินเสียงของอีฟวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นบน
ซึ่งแน่นอนเธอต้องขึ้นไปแอบอยู่ที่ใดที่หนึ่งของชั้นบนแน่
เมื่อนับได้ครบ 20 เขาจึงหันแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
เขาแกล้งทำทีสำรวจมุมต่าง ๆ
ของชั้นล่างเพื่อทำเป็นกลบเกลื่อนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเธอก่อนหน้านี้
"ห้องเก็บของก็ไม่มี หลังบ้านก็ไม่มี ต้องไปแอบชั้นบนแหง ๆ
เลย"
ชายหนุ่มแกล้งพึมพำให้เธอได้ยินแล้วก็ก้าวขึ้นชั้นบนโดยลงเท้าหนัก
ๆ เพื่อให้รู้ว่าเขากำลังใกล้เธอเข้าไปทุกขณะ
ในที่สุดเขาก็เห็นเธอแอบอยู่ในห้องน้ำโดยพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด
แต่แทนที่จะพุ่งเข้าไปหา
เขาแกล้งเป็นเดินเลยไปยังระเบียงของชั้นบนแล้วต่อไปยังระเบียงของหลังบ้านโดยผ่านห้องน้ำไปเสียอย่างนั้นแหละ
และเมื่อเดินกลับมาอยู่ใกล้กับห้องน้ำ
ก็แกล้งทำเป็นยืนมองซ้ายมองขวาแล้วบ่น
"เอ..อีฟไปแอบอยู่ที่ไหนนะหรือแอบไปที่บ้านอย่างนี้โกงกันนี่นา"
ชายหนุ่มชักเท้าจะเดินลงชั้นล่าง
ทันใดร่างของเด็กสาวที่เริ่มจะเติบโตทางสรีระก็โผเข้ากอดทางด้านหลังอย่างแน่นหนา
"แค่นี้อาเปี๊ยกก็หาไม่เจอ อีฟแอบอยู่ในห้องน้ำน่ะ"
เธอหัวเราะร่วนด้วยความดีใจที่เอาชนะเขาได้
ในยามนี้เขามีความรู้สีกว่าก้อนเนื้อสองก้อนที่สัมผัสอยู่กับแผ่นหลังนั้น เริ่มกระเพื่อมไหวเป็นจังหวะที่ช้าลง
ๆ และท่อนแขนที่รัดอกอยู่นั้นก็ขยับแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกทั้งเสียงลมหายใจของเด็กสาวแรงขึ้นตามลำดับ
เขาไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ว่าเป็นเช่นไร
ระหว่างความอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากร่างของสาวน้อยที่กำลังกอดรัดกับความรู้สึกในใจแห่งอารมณ์หวีดหวิว
สุดท้ายเมื่อเสียงหายใจยาวเฮือกหนัก ๆ ดังขึ้นที่ด้านหลัง
มือนิ่มที่รัดเขาก็คลายออกจากกันทั้งสองด้าน ชายหนุ่มค่อย
ๆ
หันหลังกลับมาและสังเกตเห็นว่าตามใบหน้าและลำคอของสาวน้อยเบื้องหน้ามีเม็ด เหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมดแล้วมันค่อย
ๆ ไหลลงเป็นทาง
ตัวเขาเองก็พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกลึก ๆ
เอาไว้อย่างสุดความสามารถ
"โอ้โฮ..อีฟนี่แอบเก่งจัง" เขาพูดชมกลบเกลื่อนความรู้สึก
ใบหน้าของเด็กสาวแดงระเรื่อ
จะเป็นด้วยความเหนื่อยหรือด้วยอารมณ์อื่นเขาเองก็สุดจะหยั่งรู้ได้
"เย็นแล้วพ่อคงใกล้จะกลับ อีฟไปล่ะ
พรุ่งนี้ค่อยเล่นกันใหม่"
เด็กสาวพูดเสียงแผ่วเบาโดยไม่มองหน้าเขา
พูดจบเธอก็วิ่งลงบันไดกลับบ้านของเธอไป
ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้านหลังของเธอที่หายลับไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน
เขาอดคิดเปรียบเทียบอีฟเมื่อก่อนกับเธอในวันนี้ไม่ได้
เมื่อก่อนที่จะเปิดเทอมเขาก็ใกล้ชิดกับอีฟเช่นนี้เหมือนกับทุกวันนี้
ร่างของอีฟโดยเฉพาะส่วนหน้าอกที่แนบหลังของเขาในวันนี้
มันแตกต่างกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เช่นเดียวกันอารมณ์ของเธอที่ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกันเมื่อได้สัมผัสกับเขา
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกที่สับสนแล้วสาวเท้าเดินกลับบ้านตัวเองบ้าง
วันนี้เขาไม่มีงานอะไรที่เร่งรีบ และเมื่อแดดทอแสงอ่อนลง
จึงมานั่งสูบบุหรี่ที่ม้าหินหน้าบ้านเพื่อรับลมที่พัดโชยมาไม่ขาดระยะ
มันเป็นเวลากลางวันที่ดูสดชื่นมากสำหรับฤดูนี้ซึ่งเป็นฤดูฝน
แต่ถ้ามีฝนตกลงมาก็จะดูไม่รื่นรมย์เท่าใดเลย
และแล้วรถปิคอัพที่ส่งนักเรียนสีแดงก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งดูไม่สมกับวัยของคนขับที่มีผมหงอกเกือบเต็มหัวแต่ยังสามารถขับรถได้คล่องแคล่วเช่นนี้
พอรถผ่านกลับออกมาอีกครั้ง
บุหรี่ที่เขาสูบอยู่ก็ลามไหม้จนต้องโยนมันทิ้งไป
เสียงใส ๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นที่หน้าบ้าน
"วันนี้ไม่เขียนหนังสือเหรอ อาเปี๊ยก"
เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีฟหนีบการบ้านยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่หน้าประตู
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้
"เพิ่งจะเริ่มเขียนเรื่องใหม่
เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่เป็นเรื่องเป็นราวไปก่อน"
"แล้วพอใกล้จะส่งงานก็รีบเขียนทั้งวันทั้งคืนเลยใช่ไหม
ยังงี้ทั้งปี"
เธอรู้ใจเขาเป็นอย่างดี เมื่อไม่จวนเวลาต้องส่งต้นฉบับจริง
ๆ
เขามักจะเฉื่อยแฉะจนไฟลนก้นนั่นแหละถึงต้องปั่นให้เสร็จทันเวลา
"วันนี้การบ้านคณิตศาสตร์อีกแล้ว น่าเบื่อจริง ๆ เลย"
เธอเบ้หน้า
"อีกแล้วเหรอ"
เขาเองก็มีความรู้สึกว่าวิชานี้น่าเบื่อพอ ๆ กับเธอ
หลายสิ่งหลายอย่างที่ทั้งคู่ชอบและไม่ชอบร่วมกัน
จึงทำให้เขาและเธอสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
แล้วเวลาของการสอนการบ้านในวิชาที่น่าเบื่อหน่ายก็เกือบจะเสร็จสิ้นลงเหลือแต่เพียงข้อสุดท้ายเท่านั้น
"ข้อสุดท้ายแล้ว อาเปี๊ยก"
อีฟก้มหน้าลงทำการบ้านพร้อมกับครุ่นคิดการคูณการหารเลขอย่างไม่ค่อยจะว่องไวเท่าใด
ชายหนุ่มเหลือบดูเธอทำงานพลันสายตาก็มองลอดเข้าไปในคอเสื้อนักเรียนที่ได้ปลดคอซองออกแล้ว
ชั้นในของเสื้อนักเรียนเป็นเสื้อยืดแต่มันไม่รัดนัก
จึงเห็นเป็นช่องเผยให้เห็นเนื้อที่นูนขึ้นมาเป็นเนินเกือบจะเป็นทรงกลมจากสี ผิวที่ขาวเพราะเนื้อส่วนนั้นไม่ได้ถูกแดดลมสัมผัส
มันจึงเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ
"เสร็จแล้วอาเปี๊ยก ไชโย"
อีฟลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าเขา
ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะเกรงว่าเธออาจจะเห็นสายตาที่ จ้องมองสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเธอที่เปลี่ยนแปลงไป
"แล้ววันนี้อีฟจะเล่นอะไรล่ะ" เขาถาม
"อะไรดีหนอ..ขี่จักรยานแล้วกัน อาเปี๊ยกรออยู่นี่นะ
เดี๋ยวอีฟจะเอาการบ้านไปเก็บแล้วขี่จักรยานมา"
ครู่ต่อมา
อีฟก็ขี่จักรยานแล้วก็ดีดกระดิ่งติดต่อกันหลายครั้ง
เมื่อมาใกล้ก็จอดจักรยาน
"อีฟลงมาซ้อนอา" เขายื่นมือจะไปจับแฮนด์
แต่เด็กสาวปัดมือเขาออก "ไม่เอาอีฟจะเป็นคนขี่
อาเปี๊ยกซ้อนอีฟ"
"จะไหวเหรอ ตัวอาหนักนะ"
ชายหนุ่มคลำมือตัวเองแล้วหัวเราะหึ ๆ อย่างเอ็นดู
เด็กสาวเม้มปากทำหน้าตาขึงขัง "ไหวสิ..ยังงี้
อีฟเป็นคนนั่งหน้า
อาเป็นคนจับแฮนด์แล้วก็เป็นคนถีบอยู่ด้านหลังด้วย"
"เอาเปรียบกันนี่" เขาหัวเราะแล้วส่ายหน้า
เด็กสาวยิ้มหวานแล้วบุ้ยปากไปที่ด้านหลัง "มา
ขึ้นมาอาเปี๊ยก"
แล้วในที่สุดเขาก็ต้องนั่งซ้อนท้ายจักรยานโดยมีอีฟนั่งอยู่เบาะหน้าโดยเขาเป็นคนถีบจักรยาน
เมื่อขี่ไปได้สักครู่เขาก็รู้สึกว่าอีฟประคองจักรยานได้ไม่ดีนักเพราะจะลงหลุมลงร่องอยู่เรื่อย
ทำให้รถเสียการทรงตัว
เขาจึงต้องโน้มตัวลงไปจับแฮนด์รถช่วยซึ่งก็ทำให้หน้าอกเขาแนบสัมผัสกับแผ่นหลังอันนุ่มนิ่มของเด็กสาว
อีฟขยับมือของเธอเพื่อให้ชายหนุ่มจับแฮนด์ได้ถนัดแล้วเธอค่อยเอามือของเธอมากุมมือเขาไว้ทั้งสองข้าง
"ไปทางไหนล่ะอีฟ"
"ตรงไปเลย"
เด็กสาวตอบแล้วพยักเพยิดไปข้างหน้าทำให้ผมของเธอเคลียกับใบหน้าเขา
กลิ่นแชมพูอ่อน ๆ ลอยมากระทบจมูก
เขาเหลือบตามองไปข้างหน้าแล้วก็ร้องเสียงหลง "ไม่ไหวมั้ง
ทางนั้นมันเป็นถนนลูกรัง ขรุขระออก หลุมเยอะแยะไปหมด
เดี๋ยวได้ล้มกันพอดี"
"เอาเถอะน่า อีฟชอบ" เด็กสาวยืนกราน
เขาไม่เข้าใจเธอจริง ๆ
ทำไมถึงชอบถนนที่ไม่ค่อยสะดวกเช่นนั้น
แต่ก็ไม่อยากขัดใจเธอ
เส้นทางที่อีฟเลือกเป็นถนนเชื่อมซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว
ยิ่งในยามโพล้เพล้อย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งร้างผู้คน
สองฟากข้างถนนมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นรกครึ้ม
ระหว่างที่จักรยานขี่ผ่านไป
ความขรุขระของถนนก็ทำให้รถสั่นสะเทือน
และในจังหวะนั้นอีฟที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหน้ารถก็ลื่นไถลลงมาทับตักเขา
และเมื่อรถวิ่งไปในสภาพนี้ทำให้อีฟนั่งอยู่บนตักเขาตลอดเวลา
ด้วยสภาพที่เขานุ่งกางเกงขาสั้นและอีฟใส่กระโปรงนักเรียน
จากทางที่ขรุขระทำให้กระโปรงของเธอเลื่อนจากเข่ารั้งเข้ามาจนถึงหน้าขา
เขาเริ่มสังเกตว่าเนื้อในส่วนท่อนขาของอีฟที่สัมผัสกับหน้าขาของเขาเริ่มเย็นลง
ๆ แม้ว่ามันจะเสียดสีกันอยู่ก็ตาม
ชายหนุ่มพยายามประคองรถเพื่อจะหนีหลุมและบ่อ
แต่อีฟกลับพยายามให้รถไปยังหลุมบ่ออยู่เสมอซึ่งเมื่อรถกระแทกลงหลุมทีไร สะโพกของเธอก็จะกระแทกกับหน้าขาเขาทุกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ยิ่งระยะทางที่ยาวไกล เนื้อท่อนขาของเธอยิ่งเย็นลงเรื่อย ๆ
แต่แผ่นหลังของเธอที่สัมผัสกับอกเขากลับรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นทุกที
เสื้อของเธอเริ่มเปียกชื้นขึ้นจนมองเห็นสายรัดของเสื้อในได้ชัดเจน
ส่วนเขาเองก็อาการไม่ค่อยดีนักเพราะถูกแก้มก้นอวบ ๆ
กดกระแทกและเสียดสีอย่างใกล้ชิดจนควยเขาพองก๋าขึ้นมาพาดอยู่ที่ร่องก้นเด็กสาว
ซึ่งเธอเองก็คงจะสัมผัสได้แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อีฟเริ่มหายใจถี่และหนักขึ้นเช่นเมื่อวานที่เธอกอดรัดเขา
เธอเริ่มทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดของเธอลงมาที่ตักของเขา
และเสียดสีกับควยเขาใต้กางเกงราวกับจงใจ
เธอปล่อยมือออกจากแฮนด์ทั้งสองข้างแล้วเอามือมาจับที่เบาะหน้า
และเมื่อจังหวะของล้อรถตกไปในหลุมตัวเธอก็จะลอยขึ้นจากตักเขาเล็กน้อยแต่จังหวะที่จะตกกลับคืน
เธอกลับเอามือกดเบาะหน้าแล้วกระแทกสะโพกลงบนหน้าตักเขาอย่างแรงแล้วบดขยี้ร่องก้นเธอกับหน้าขาเขา
เขาได้ยินเสียงเธอสูดปากเบา ๆ ตลอดเวลา
เขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน
อารมณ์หนุ่มร้อนฉ่าขึ้นมาเช่นกันเพียงแต่ต้องพยายามระงับอารมณ์ไว้เนื่องจาก ไม่แน่ใจว่าอีฟแค่เล่นสนุกแบบเด็ก
ๆ หรือไม่ ในจังหวะที่เธอทิ้งตัวลงมา
ใจจริงเขาอยากเด้งสะโพกสวนขึ้นไปบดขยี้กับแก้มก้นอวบเด้งให้กระโปรงนักเรียน กระจายแต่ก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งบนอานหลังรอรับการโถมตัวลงมาของอีฟ
ระหว่างนั้นทั้งคู่ไม่มองหน้าและไม่ได้พูดอะไรกัน
มีแต่การกระทำที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่เร่าร้อนภายในต่อกันเท่านั้น
อีฟกระแทกตัวลงบนตักเขาอย่างหนักเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกดสะโพกนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วอึดใจ
เธอถอนหายใจยาวหนักแน่นพร้อมทั้งพรั่งพรูเหงื่อตามลำแขน
ซอกคอและแผ่นหลังออกมา
"กลับกันเถอะอาเปี๊ยก" เสียงของอีฟบอกเขาอย่างแหบโหย..