ดิฉันต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ในทุกๆวันตามปกติวันเวลาราชการ ดิฉันชื่อวิมล เป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาไทยอยู่ที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่งในเขตภาคเหนือตอนบน ความที่ดิฉันถือตำแหน่งเป็นครูฝ่ายปกครองด้วย ทำให้ในบางวันฉันต้องคอยตรวจตรากระเป๋าเด็กนักเรียนตรงหน้าประตูทางเข้า เพราะละแวกโรงเรียนที่สอนอยู่มียาเสพติดระบาดอยู่มาก อีกทั้งพวกเด็กๆในโรงเรียน ยังเป็นพวกวัยรุ่นกำลังโต ชอบลอง และไม่ค่อยจะเชื่อฟัง เลยต้องเข้มงวดกวดขันกันเป็นพิเศษ ดิฉันจึงกลายเป็นครูฝ่ายปกครองจอมเฮี้ยบและดุมากๆคนนึงของโรงเรียนเลยก็ว่าได้
ครอบครัวของดิฉัน มีกันอยู่ 5 คน คือ ดิฉันและ สามี กับลูกๆอีกสามคน ลูกคนเล็กเป็นผู้ชายกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันกับที่ดิฉันสอนอยู่ อีกสองเป็นผู้ชายคน ผู้หญิงคน เรียนจบแล้วกำลังทำงานอยู่ในเมืองกรุง ในทุกๆวันดิฉันจะออกจากบ้านแต่เช้าพร้อมกับลูกชายคนเล็กของดิฉัน ลูกชายคนเล็กเรียนอยู่ชั้น ม.5 เป็นเด็กนักเรียนที่เรียบร้อยมาก ไม่เคยดื้อและเกเรเลย พอดิฉันมาถึงโรงเรียน ฉันและลูกก็แยกทางกันไปทำหน้าที่ของตน หน้าที่ครูของดิฉันมีมาก เลยไม่ได้ใส่ใจกับลูกชายคนเล็กเท่าไรนัก เพราะเขาเองก็เป็นคนนิสัยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
คาบสุดท้ายของทุกวัน ดิฉันต้องเข้าสอนตามตาราง โดยสอนวิชาภาษาไทยให้กับเด็กม.3 ห้อง8 ซึ่งถือเป็นห้องที่มีเด็กเกเรเยอะมากๆ ทั้งดื้อทั้งซน ครูคนใหนก็กำราบไม่อยู่ เลยต้องส่งให้ดิฉันมาสอน แม้ดิฉันจะเป็นครูที่เฮี้ยบและดุมากๆ แต่ถ้าไม่เข้มงวดกับเด็กพวกนี้เมื่อไร เด็กมันจะได้ใจยิ่งเกเรขึ้นเท่านั้น แม้จะเหนื่อยที่จะต้องมาคอยสอนมาคอยบังคับพวกเด็กเกเรเหล่านี้ แต่ดิฉันก็ทำอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะกำราบเด็กพวกนี้ตามสัญชาตญาณความเป็นครู จนครูคนอื่นๆเห็นว่าเด็กนักเรียนห้อง8 ให้ความเคารพกับดิฉันมากที่สุดในบรรดาครูทั้งหมด เลยตัดสินใจให้ดิฉันเป็นครูประจำชั้นห้อง8 ด้วย ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ปฏิเสธ เพราะการกำราบเด็กเกเรก็ถือเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว แต่พอกลับบ้านมาทีไรก็หลับเป็นตายทุกที ด้วยความเหนื่อยล้า
ทุกเช้าในคาบแรก คือคาบโฮมรูมดิฉันต้องเข้าไปคุยกับเด็กนักเรียนในห้องทุกๆเช้า ดิฉันสังเกตพวกเด็กนักเรียนผู้ชายในห้อง ถ้าไม่แอบอ่านหนังสือโป๊ ก็คุยกันเรื่องรถซิ่ง ส่วนพวกผู้หญิง บางคนก็แอบพกเครื่องสำอางค์มาแต่งหน้าที่โรงเรียน สังเกตจากใบหน้าของเด็กนักเรียนหญิงบางคนซึ่งแต่งหน้าจัดมากเกินกว่าที่จะเป็นนักเรียน จนดิฉันต้องเรียกมาเตือนเป็นรายๆไป บางคนนอกจากแต่งหน้าแล้ว ยังแต่งกายผิดระเบียบด้วย ผู้หญิงบางคนยังเล่นหูเล่นตากับเด็กนักเรียนชายในห้องอย่างออกหน้า แม้ดิฉันจะว่าจะเตือน บางทีถึงกับลงไม้เรียวกับเด็กๆเหล่านี้แล้ว พอปล่อยไปซักพักก็กลับมาเกเรกันเหมือนเดิมอีก ถึงจะรู้สึกอ่อนใจ แต่ดิฉันก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถความเป็นครู ทั้งนี้ก็แค่อยากให้เด็กๆพวกนี้ได้ดีแหล่ะค่ะ ไม่อยากให้หลงเดินทางผิดๆ
วันนึงดิฉันเข้าห้องเรียนไปสอนตามปกติ แต่เข้าไปก่อนเวลา ทำให้พวกเด็กๆเลยไม่ทันตั้งตัว ดิฉันเข้าห้องมาแล้ว ยังเห็นจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ เล่นซนคุยกันอยู่ ดิฉันแกล้งเดินเบาๆตรงไปยังกลุ่มของพวกเด็กที่เกเรที่สุดในห้อง คือกลุ่มพวกเด็กนักเรียนชายที่อยู่หลังห้อง พอดิฉันทำเสียงเอ็ดใส่เสียงดัง พวกเด็กๆก็แตกฮือกันไปนั่งประจำที่แทบไม่ทัน ดิฉันสังเกตเห็นหนังสือเล่มนึงถูกวางลืม กองอยู่กับพื้นตรงนั้นเลยหยิบเอาขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นหนังสือโป๊ พอดิฉันพลิกไปดู ก็ปรากฏเห็นฉากร่วมเพศกันอย่างโจ๋งครึ่มสอดใส่กันแบบเห็นจะจะ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ได้แต่ตวาดเสียงดังเพื่อหาเจ้าของหนังสือมารับผิดชอบ
“หนังสือโป๊ เล่มนี้ของใคร ออกมาหน้าชั้นเร็วๆ!”ดิฉันตวาดเสียงดัง แต่พวกเด็กๆก็ก้มหน้าเงียบกันหมด
ดิฉันคิดขึ้นมาได้ว่าพวกผู้ชายที่อ่านหนังสือพวกนี้จะต้องเครื่องเพศแข็งปั๋งกันทุกคน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร นอกจากจะจับตัวการมาลงโทษ จึงสั่งให้ผู้ชายในห้องทั้งหมดยืนขึ้น จนสังเกตได้อยู่ สี่-ห้าคนที่เป้ากางเกงตุง เลยสั่งให้ออกมายืนเรียงอยู่หน้าชั้น
“ดูซิอ่านกันจนเป้ากางเกงตุงขนาดนี้ยังไม่ยอมรับผิดอีก” ดิฉันพูดขึ้นมา เอาไม้เรียวเคาะใส่เป้ากางเกงเด็กพวกนั้นเบาๆ จนเด็กพวกนั้นสะดุ้งจนตัวงอ ทำเอาเด็กคนอื่นๆหัวเราะกันสนุก ส่วนพวกที่ยืนรอทำโทษอยู่หน้าชั้นก็ก้มหน้าหลบอายกันหมด
“หนังสือเล่มนี้ครูจะเอาไปเผาทิ้ง ส่วนพวกเธอต้องเจอไม้เรียวคนละสองที” ดิฉันพูดจบก็ สั่งให้เด็กพวกนั้นเดินเรียงเข้ามาทีละคน ดิฉันฟาดไม้เรียวลงก้นเด็กเหล่านั้นไปคนละสองที ก่อนที่ดิฉันจะเริ่มทำการสอน
แล้วออดเลิกชั้นก็ดังขึ้น พวกเด็กๆก็เริ่มทำความสะอาดกันตามเวรที่แบ่งกันไว้ ส่วนดิฉันก็เข้าห้องพักครูไปจัดเตรียมเอกสาร เพื่อกลับเอาไปทำต่อที่บ้าน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้จะเข้าไปเอาเมล็ดผักจำพวกผักสลัดแถวๆแปลงเกษตรท้ายโรงเรียนเพื่อนำไปปลูกที่บ้าน จากห้องพักครูของดิฉันไปแปลงเกษตรก็ประมาณ 200 เมตร ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก ก็เลยเดินไป พอเดินมาสักครึ่งทางถึงตรงแถวตึกร้าง ที่เหลือแต่กำแพงด้านเดียวซึ่งเมื่อก่อนคือตึกพักครูเกษตรเก่า ตอนนี้กำลังจะถูกทุบทิ้ง ดิฉันก็ได้ยินเสียงเด็กหลายๆคนคุยกัน ก็เลยค่อยๆแอบมองลอดช่องหน้าต่างเก่าที่ไม่มีบานหน้าต่างแล้ว แอบฟังเด็กพวกนั้นคุยกัน
“ ครูวิมลแม่งตีเจ็บชิบหาย กูยังปวดก้นอยู่เลยว่ะ”เด็กคนนึงพูดขึ้นมา
“เออสัด..แม่ง เกิดมาพ่อแม่กูยังไม่เคยตีกูเลย คอยดูนะสักวันกูจะจับแม่งเย็ดให้ได้”เด็กคนที่ดูจะเป็นหัวโจกพูดขึ้นมา เขาชื่อ อั๋นลูกเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างในตัวเมือง สิ่งที่เด็กคนนั้นพูดทำเอาดิฉันโกรธแทบเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็อยากฟังเด็กพวกนั้นคุยต่อ เลยยังไม่แสดงตัวออกไป
“เฮ้ย นั่นมันครูนะเว้ย” เด็กคนข้างๆพูดขึ้นมา ทำสีหน้าตกใจ
“ครูแล้วไงวะ อย่าบอกนะพวกมึงไม่เคยคิด ครูวิมลแม่งทั้งขาวทั้งอวบ สะโพกใหญ่ แถมนมใหญ่ชิบหายน่าเย็ดจะตาย กูว่านะหีแกคงจะใหญ่ด้วยแหล่ะว่ะ กูยังเคยแอบเอาไปจินตนาการชักว่าวเลย ข้ารู้พวกเอ็งก็คิดแบบเดียวข้า อย่าปฏิเสธเลยดีกว่า” เด็กชายอั๋นพูดจบ หัวเราะออกมาเบาๆ ดูๆเด็กนักเรียนคนอื่นก็ตั้งใจฟังไม่น้อย ดิฉันเองก็เริ่มหน้าร้อนๆเหมือนกันที่ได้ยินพวกเด็กนักเรียนพูดกันแบบนั้น
“เออว่ะ กูก็เคยเอาไปจินตนาการเหมือนกัน สเป๊กกูเลย อวบๆขาวๆ ยิ่งแกอยู่ข้างๆบ้านข้าด้วยนะ ได้แอบมองแกเป็นประจำเลยล่ะ” เด็กนักเรียนอีกคนพูดขึ้นมา พอดิฉันสังเกตดีๆก็ถึงกับตกใจ เพราะเด็กคนนั้นคือลูกชายร้านขายของชำข้างๆบ้านดิฉันเอง เขาชื่อว่า เก่ง ซึ่งปกติเป็นเด็กเรียบร้อยมากๆ อีกทั้งยังเรียนอยู่ห้องหนึ่ง ห้องเด็กเรียนดี สะอาดสะอ้านผิดกับเด็กคนอื่นๆ ดิฉันแปลกใจมากว่าทำไมต้องมาคลุกคลีอยู่กับกลุ่มเด็กเกเรพวกนี้ด้วย
“เอางี้ พวกมึงมาชักว่าวกับกู เป็นสักขีพยานกัน ว่าจะหาทางเย็ดครูวิมลแก้เผ็ดให้จงได้ดีกว่า” เด็กนักเรียนชื่ออั๋นลุกขึ้น รูดซิปชักลำควยออกมา ก่อนที่เด็กคนอื่นๆจะทำตาม
ตอนนี้ภาพที่อยู่ตรงหน้าดิฉัน คือภาพเด็กนักเรียนชายสี่คน กำลังยืนเรียงชักว่าวกันอย่างสนุกสนาน ดิฉันสังเกตดูท่อนเอ็นแต่ละคน มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชื่อเก่ง นอกจากจะขาวตี๋และตัวใหญ่แล้ว ท่อนเอ็นของเขายังมีขนาดเขื่องอีกด้วย ซ้ำยังขาวเผือก หัวแดงบาน ลำงอเป็นรูปดาบเลยทีเดียว ดิฉันที่แอบมองดูแล้วก็หน้าร้อน ใจสั่นๆ ยิ่งรู้ว่าเด็กๆพวกนี้คิดพิเรนทร์กับดิฉันด้วย ยิ่งทำให้ใจหวิวๆขึ้นมา ถึงแม้ดิฉันจะโกรธเด็กเหล่านั้นอยู่ก็ตาม ดิฉันรีบเดินออกมาจากตรงจุดนั้นช้าๆ และเงียบ พอได้ระยะห่างสักหน่อย จึงรีบเดินไวๆมาที่แปลงเกษตรทันที รีบทำธุระให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านดีกว่า เพราะกลัวลูกชายจะรอนาน
พอดิฉันเดินมาถึงก็ไม่เจอใครอยู่ที่เรือนเพาะชำเลยทั้งๆที่นัดกับครูอ๊อด(ครูสอนวิชาเกษตร) ว่าจะเข้ามาเอาเมล็ดผักสลัด ก็เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องพักครูตรงหลังโรงเพาะชำเผื่อครูอ๊อดจะอยู่ที่นั่น เดินไปถึงก็ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล๊อกไว้และเปิดแง้มๆอยู่ พอดิฉันจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องพักครูเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงสองเสียงเหมือนคนกำลังคุยกัน ก็เลยหยุดยืนใช้สายตามองลอดผ่านช่องประตูเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจของดิฉันหล่นไปกองที่ตาตุ่มทันที มันยิ่งกว่าที่ดิฉันได้เห็นได้ยินเมื่อกี้เสียอีก เมื่อเห็นครูอ๊อดยืนทาบตัวช่วงล่างแนบติดอยู่ด้านหลังครูเพ็ญ(ครูสอนนาฏศิลป์) โดยที่กระโปรงชุดครูสีกากีของครูเพ็ญถูกถลกขึ้นม้วนมากองเหนือสะโพกเผยให้เห็นแก้มก้นขาวโพลน เสื้อสีกากีของเธอถูกแกะกระดุมเม็ดบนออกสอง-สามเม็ด แล้วคอเสื้อถลกออกไปด้านข้างเผยให้เห็นเนื้อไหล่ขาวที่ตัดกับสายเสื้อในสีดำชัดเจน ช่วงบริเวณหน้าอกของครูเพ็ญถูกจับคลำด้วยสองมือของครูอ๊อดจนบุ๋มตามรูปนิ้วจากทางด้านหลัง ส่วนครูอ๊อดเองก็ยืนเปลือยท่อนล่างกางเกงถูกถอดกองไว้ที่ปลายเท้า เขากำลังกระเด้ารัวบั้นเอวจนก้นตอบเข้าใส่บั้นท้ายครูเพ็ญจากทางด้านหลังอย่างเป็นจังหวะจนแก้มก้นของครูเพ็ญกระเพื่อม ได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันอย่างถนัดถนี่ดัง ปั่บ ปั่บ..
ดิฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะทั้งครูอ๊อดและครูเพ็ญต่างก็มีครอบครัว มีผัวมีเมีย ซ้ำยังมีลูกแล้วด้วยกันทั้งคู่ ไม่คาดคิดเลยว่าเขาสองคนจะกล้าทำเรื่องผิดประเวณี ผิดผัว-ผิดเมียอย่างนี้
“เร็วหน่อย..อ๊อด..เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า..อาห์”ครูเพ็ญเหลียวศีรษะหันมาพูดกับครูอ๊อดที่อยู่ด้านหลังของเธอ สายตาของดิฉัน จ้องไปที่ท่อนล่างเปลือยเปล่าของพวกเขาทั้งสอง มุมที่ดิฉันมองอยู่เป็นมุมทางด้านข้างพอดี ทำให้เห็นพวกเขาปฏิบัติกิจกามได้อย่างถนัดตา ทั้งจังหวะโยกเข้า-ออก และแท่งเอ็นที่ผลุบๆโผล่ๆตรงช่องว่างระหว่างกลางตัวอย่างเป็นจังหวะ ภาพที่เห็นทำเอาดิฉันหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นตึกตัก จนต้องเอามือกุมหน้าอกตัวเอง ดิฉันคิดในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งครูทั้งนักเรียนเป็นพอๆกันเลย โดยเฉพาะครูซึ่งถือว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ มีความรู้มากมายแทนที่จะเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ กลับทำเรื่องบัดสีเสียเอง แม้ดิฉันจะคิดตำหนิพวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหวิวๆขึ้นมาอีกครั้ง เพราะทั้งครูอ๊อดและครูเพ็ญต่างก็เป็นเพื่อนสนิทเรียนร่วมรุ่นเดียวกันมา ไม่เห็นมีท่าทีจะเป็นอย่างนี้ได้
“จะรีบทำไม เลิกเรียนแล้ว ไม่มีใครมาเห็นหรอก อูย” ครูอ๊อดพูดกับครูเพ็ญ มือทั้งสองข้างของครูอ๊อดถูกเลื่อนมาจับกระชับไว้ที่สะโพกทั้งสองข้างของครูเพ็ญ แล้วครูอ๊อดก็เริ่มเร่งจังหวะกระเด้ารัวบั้นเอวเร็วขึ้น
“อ๊ะส์..นัดกับวิมลไว้ไม่ใช่หรอ..อ้าส์..”ครูเพ็ญพูดถามครูอ๊อด พอเขาเอ่ยชื่อดิฉันขึ้นมา สติของดิฉันก็กลับคืน พยายามขยับตัวหลบไปหลังประตู
“มาตอนนี้เลยสิดี จะได้จับเย็ดอีกคน อูย” ครูอ๊อดพูดขึ้นมา สิ่งที่ฉันได้ยิน ทำเอาดิฉันถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก และพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขากำลังพูดต่อ
“ว้าย..อยุดเลยนะ นั่นมันเพื่อนฉัน..อ๊ะส์...อ๊ะส์..” ครูเพ็ญพูดเสียงแข็งออกมา ก่อนที่จะครางกระเส่าน้ำเสียงเหมือนคนใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว ที่รู้เพราะเรื่องพวกนี้ดิฉันก็ผ่านมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน
“เพื่อนกันสิดี จะได้ขอเย็ดกันง่าย เหมือนเพ็ญไงจ้ะ อูย” ครูอ๊อดพูดขึ้นมา ทำให้ดิฉันกลับคิดมากขึ้นไปอีกว่าทั้งสองแอบไปมีความสัมพันธ์แบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไร
“อย่าพูดอย่างนั้นนะ อ๊ะส์..อู้ว..แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว..อาห์..อาห์..” เสียงครูเพ็ญพูดปนน้ำเสียงครางกระเส่า ทำให้ดิฉันใจเต้นตึกตักมากขึ้นไปอีก จนรู้สึกเหมือนจะหน้ามืดทนยืนดูต่อไม่ค่อยไหว เลยค่อยๆเดินออกมาจากตรงนั้น พอได้ระยะห่างก็เดินไวๆกลับมาที่รถทันที แม้ดิฉันจะอยู่ห่างจากห้องพักครูแล้ว แต่ดิฉันกลับยังได้ยินเสียงครางดังลั่นขึ้นมาแว่วๆจากด้านหลัง ดิฉันคิดว่าตอนนี้เพื่อนครูของดิฉันทั้งสองคนคงจะสุขสมถึงจุดหมายทั้งคู่แล้ว
“แม่ ทำไมมาช้าจัง ผมรออยู่นานแล้วนะ รีบๆกลับกันเถอะ” เสียงลูกชายของดิฉันพูดขึ้นมา ขณะที่ดิฉันเดินมาถึงที่รถ
ดิฉันไม่พูดอะไร พอขึ้นรถได้ก็รีบขับกลับบ้านทันที พอถึงบ้านลูกชายของดิฉันก็รีบลงจากรถ เพราะตอนนี้ได้เวลาการ์ตูนเรื่องโปรดของเขาพอดี ส่วนดิฉันก็เดินหอบเอาเอกสารไปไว้ในห้องทำงาน โดยไม่ลืมเหน็บหนังสือโป๊ที่ยึดมาจากพวกเด็กเกเรพวกนั้นเข้ามาในห้องด้วย ดิฉันเข้าไปหลังครัวหยิบน้ำเย็นในตู้เย็นออกมาดื่ม ก่อนที่จะกลับเข้ามาทำงานเอกสารในห้องทำงานของดิฉันต่อ
ทำงานไปได้สักพัก ดิฉันก็คิดไปหลายๆเรื่องจนต้องหยุดทำงาน แล้วมานั่งเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งเรื่องเด็กนักเรียน และเรื่องของครูอ๊อดกับครูเพ็ญ เรื่องของพวกเด็กนักเรียน ดิฉันไม่อยากจะต่อว่าเด็กๆมากเท่าไรนัก เพราะพวกเขากำลังอยู่ในวัยรุ่นวัยกลัดมัน ซ้ำยังเป็นเด็กจะพูดจะทำอะไรก็ไม่ค่อยคิด ผิดกับครูอ๊อดและครูเพ็ญที่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้วซ้ำยังเป็นครูบาอาจารย์ ไม่น่าจะมาทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะครูอ๊อดที่พูดจาเกินเลยออกมา ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะไม่ได้คิดอะไรแค่คะนองปาก ดิฉันพยายามมองในแง่ดีเข้าไว้ก่อน เพราะอย่างที่บอกทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับดิฉัน ไปเรียนไปเที่ยวด้วยกันอยู่ตลอด สำหรับครูอ๊อดและครูเพ็ญก็เห็นมีหยอกล้อกันบ้างตามประสาเพื่อน แต่ไม่คิดว่าจะเกินเลยกันมาถึงขนาดนี้
ดิฉันคิดๆอยู่ก็เหลือบมองดูหนังสือโป๊ที่วางไว้ข้างๆ ใจมันก็สั่นๆ พอหยิบหนังสือโป๊ขึ้นมาดู ดิฉันพลิกดูไปหน้าต่อหน้า เห็นภาพชายหญิงร่วมเพศเย็ดกันหลายท่า สอดใส่กันแบบเห็นจะๆ ดิฉันห่างเหินเรื่องอย่างว่ามานานมากๆ ตั้งแต่ที่ดิฉันย้ายมาเป็นครูฝ่ายปกครอง นับคร่าวๆมาก็ร่วมปีแล้ว พอมาได้เห็นของแบบนี้ จึงทำให้อารมณ์สวาท ใจวาบหวิว ไฟราคะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ดิฉันเองเมื่อสมัยสาวๆก็เป็นคนไวต่อเรื่องพรรค์นี้มาก กับสามี เราสองคนก็มีอะไรกันบ่อยๆ จนมีลูกด้วยกันถึงสามคน เพียงแต่พักหลังๆเท่านั้นที่หายๆไปบ้าง เพราะต่างคนต่างมีงานมากขึ้น
พอคิดไปคิดมาก็เริ่มฟุ้งซ่าน เลยเดินออกไปเอาผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระความร้อนที่มี ดิฉันอาบน้ำราดตัวด้วยน้ำเย็นๆก็พอให้หายงุ่นง่านลงไปได้บ้าง พอออกมาจากห้องน้ำก็เดินเข้าห้องแต่งตัว แต่เสื้อผ้าส่วนมากก็ตากไว้อยู่หลังบ้าน โดยเฉพาะพวกชุดนอน ดิฉันเลยเดินหยิบตะกร้าผ้าไปที่ราวตากหลังบ้าน เพื่อไปเก็บเสื้อผ้า ทั้งที่ยังนุ่งผ้าถุงมัดกระโจมอกอยู่ ขณะที่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ที่หลังบ้านนั้น ดิฉันก็เหลือบไปมองเห็นเด็กชายเก่งกำลังรถน้ำต้นไม้อยู่ทางหลังบ้านพอดี บ้านทั้งสองหลังของเราติดกัน ด้านหลังบ้านถูกกั้นไว้แค่รั้วไม้ปักไว้ห่างๆเท่านั้น พอให้มองลอดเห็นกันได้อย่างชัดเจน เขามองดิฉันตาแทบถลนออกมาจากเบ้า ยิ่งดิฉันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย ที่เด็กชายเก่งพูดออกมาให้เพื่อนๆของเขาฟังว่า เคยแอบเอาดิฉันไปจินตนาการเวลาช่วยตัวเองนั้น ก็ยิ่งทำให้ดิฉันใจสั่น หัวใจเต้นตึกตัก ทำเอาอกสั่นหวั่นไหว ยิ่งผ้าถุงที่นุ่งกระโจมอกไว้นั้น ทั้งบางเพราะมันเก่ามากแล้ว อีกทั้งยังเปียกเลยทำให้เห็นส่วนสัดอวบๆของดิฉันได้อย่างชัดเจนถนัดตา ส่วนหน้าอกก็นูนดันผ้าถุงเป็นรูปเต้าเห็นยอดถันขึ้นเป็นเม็ดๆ ด้านล่างเนินสามเหลี่ยมก็เว้าเข้าไปเห็นเป็นทรงเนินทรงโคกแคมชัดเจน ดิฉันอายมากเมื่อถูกเด็กรุ่นลูกมองละลาบละล้วงอย่างกับจะกลืนกินอย่างนั้น จึงรีบเก็บเสื้อผ้าไวๆรีบเดินขึ้นบันใดมาบนบ้านทันที แล้วรีบเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า เพื่อเปลี่ยนชุดคลุมนอน พอดิฉันกำลังจะเปลี่ยนชุด ก็เหลือบไปมองบ้านเด็กชายเก่ง จึงเพิ่งรู้ว่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของบ้านดิฉันดันไปตรงกับห้องนอนของเด็กชายเก่งพอดี เลยปิดหน้าต่างห้องไว้ ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดนอน เพราะกลัวว่าจะถูกเด็กชายเก่งแอบดูอีก
พอตกกลางคืน ด้วยความกระสันต์ของดิฉันที่สะสมมาทั้งวัน จึงพยายามปลุกสามีให้ทำการบ้าน แต่สามีของฉันก็นอนหลับเป็นตาย ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น เงี่ยนก็เงี่ยน ดิฉันเลยออกมาจากห้องนอน ตรงไปที่ห้องทำงาน นั่งบนเก้าอี้นวม หยิบเอาหนังสือโป๊มาเปิดแล้ว ถลกปลายชุดคลุมนอน แหกขาใช้นิ้วแยงร่องสวาทช่วยตัวเอง เสร็จสมจนนิ้วเปียกคารูสวาทบนเก้าอี้ทำงาน ก่อนที่ดิฉันจะเดินเพลียๆกลับเข้าไปนอนตามเดิม