เมื่อตอนที่ผมเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์จากสถาบันชื่อดังในเมืองหลวงมาใหม่ๆ ผมตัดสินใจสมัครเข้าทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ผูกขาดงานรับเหมาก่อสร้างให้กับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวBที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เวลาห้างแห่งนี้จะขยายสาขาเมื่อไหร่ ก็เป็นบริษัทของผมนี่ล่ะที่ได้รับงานเสมอๆ วิศวกรของบริษัทจึงต้องออกไปกินอยู่หลับนอนตามไซต์งานในต่างจังหวัดคราวละหลายเดือนอยู่เสมอ แลกกับเงินเดือนที่น้อยคนจะกล้าปฏิเสธ
งานแรกที่ผมได้รับทำให้ผมต้องเดินทางไปไกลถึงภาคอีสานเกือบริมสุดแม่น้ำโขง จังหวัดเล็กๆนี้ยังไม่มีห้างสรรพสินค้าเลยแม้แต่แห่งเดียว ชาวเมืองจึงตื่นเต้นเฝ้ารอกันมาก ส่วนผมเองก็ตื่นเต้นพอกันเพราะนี่เป็นการทำงานอย่างจริงๆจังๆครั้งแรกในชีวิตของผม โชคยังดีที่ผมมีเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง
เพื่อนคนนี้เรียนจบมาจากสถาบันเดียวกันกับผม ว่าที่จริงแล้วตอนเรียนเราก็สนิทสนมหยอกล้อเล่นหัวกันพอสมควร แต่พอได้มาทำงานร่วมกันในพื้นที่ห่างไกลอย่างนี้ ยิ่งทำให้เราแน่นแฟ้นกันขึ้นกว่าเดิม ผมเคยถามเหมือนกันว่าทำไมเลือกมาทำงานจังหวัดห่างไกลอย่างนี้ เพราะเพื่อนคน ที่ว่าไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นหญิงสาว ที่สำคัญ สวยซะด้วยสิ แล้วที่นี่ก็มีแต่คนงานผู้ชายตัวดำๆล่ำๆ พวกผู้หญิงที่มีก็พอกันเพราะส่วนใหญ่ก็คือเมียของพวกนั้นแหละ ผมเลยสงสัยว่าทำไมเธอถึงเลือกมาเป็นนางฟ้าในหมู่มารอย่างนี้
“อยู่กรุงเทพมาทั้งชีวิตแล้ว เราเบื่อว่ะเต้ย”
ผมไม่แปลกใจเลยกับคำตอบของแก้ว เพราะตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่เพื่อนผมคนนี้มีนิสัยติสท์ๆลุยๆ ถ้าตามภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นผู้หญิงแนวๆคนหนึ่ง แก้วเป็นคนหน้าหวานสวย แต่เธอไม่เคยจะพิรี้พิไรกับการแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้า ตลอดสี่ปีที่เรียนหนังสือกันมา ผมจึงได้เห็นแต่หน้าใสๆของแก้วเสมอๆ หน้าใสๆที่ว่า จะมีเส้นผมยาวที่เธอดัดจนฟูไปทั้งหัวคลอเคลียอยู่ที่แก้ม ภาพหญิงสาวหัวฟูๆ เดินหยอกล้อเฮฮากับหนุ่มวิดวะหน้าโจรๆกลุ่มใหญ่ คือภาพที่คนในสถาบันชินตาอยู่เสมอ
แม้แต่มาทำงานที่นี่แก้วก็ยังไม่เคยเปลี่ยน เครื่องแต่งตัวของเธอยังคงเป็นกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมงกับเสื้อชอปพร้อมด้วยผ้าใบคู่โปรด จะเว้นก็แต่ในวันหยุดที่แก้วจะสลัดคราบมาสวมเสื้อยืดตัวโคร่งๆกับกระโปรงบานลายกราฟฟิคสดใส สะพายย่ามใบโปรดเข้าไปในตัวเมืองเพื่อหาซื้อหนังสือมาอ่าน
มีวันหนึ่งที่แก้วเข้าไปที่ไปรษณีย์เพื่อไปรับดีวีดีหนังพี่เจ้ยที่เพื่อนส่งมาให้ ผมเลยนั่งดูไอออนแมนภาคสองอยู่คนเดียวในห้องพัก กำลังจะเอื้อมไปเปลี่ยนแผ่น ก็พอดีได้ยินเสียงแว่วมาจากหน้าต่าง
“เอามาตัวเดียวพอ เดี๋ยวเค้าสงสัย”
“เอาตัวนั้นแหละ ตัวสีขาว”
ผมเงี่ยหูฟังภาษาอีสานที่ได้ยินจนจับใจความได้อย่างนั้น เสียงตะกุกตะกักนี้ดังมาจากนอกระเบียง ผมเลยชะโงกหน้าออกไปดู ใครกันมาทำอะไรแถวนี้
ปรากฎว่าเป็นคำกับบุญ สองพี่น้องช่างปูนในไซต์งานนั่นเอง ทั้งสองเมื่อเห็นหน้าผมโผล่ออกไปก็สะดุ้งโหยง เอามือไขว้หลังพัลวัน
“อ๋อผมมาฉี่ครับ เดินผ่านมาก็ปวดฉี่พอดี”
ผมยังไม่ได้ถามอะไรบุญก็ละล่ำละลักเอ่ยปากขึ้นก่อน แล้วก็สาวก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มันบ้าอะไรของมันวะทำไมต้องเดินอ้อมมาฉี่ไกลขนาดนี้ แต่ผมก็ได้รู้คำตอบเมื่อคำเดินกลับหลังออกไป ผ้าสีขาวๆแลบโผล่ออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกงของคำ เมื่อพิจารณาประกอบกับว่าที่นี่คือหลังห้องของแก้ว แล้วเมื่อกี้ทั้งสองก็ยืนอยู่ที่ราวตากผ้า ก็เลยสรุปได้ไม่ยากว่า เจ้าบุญกับเจ้าคำคือโจรโรคจิตมาขโมยกางเกงในเพื่อนผม!
ผมถึงกับใจเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเจ้าสองคนนั้นจะคิดกับหัวหน้ามันอย่างนี้ แม้พี่น้องคู่นั้นจะอายุมากกว่าแก้วอยู่สองสามปี แต่แก้วก็มีตำแหน่งสูงกว่าพวกมัน เวลาทำงานผมก็เห็นมันทั้งสองเคารพนบน้อมกับแก้วเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า พวกนี้จะเอากางเกงในแก้วไปประกอบกิจกรรมอะไร
ผมตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับแก้ว เพราะกลัวว่าเธอจะผวาจนไม่เป็นอันทำงาน อีกอย่างก็สงสารสองคนนั้นด้วยเพราะผมรู้มาว่าต้องทำงานเลี้ยงพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาต แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะเฝ้ามองพฤติกรรมของทั้งสอง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสังเกตมาก่อน ตอนนี้จึงได้รู้ว่า ทั้งบุญและคำแอบมองแก้วเสมอเวลาทำงาน โดยเฉพาเวลาเธอหันหลังให้ สายตาขมึงทึงของทั้งคู่ จะจับจ้องบั้นท้ายที่ยักย้ายอยู่เสมอ
ความคิดเรื่องนี้ติดอยู่ในหัวของผมนานเหมือนกัน จนกระทั่งบุญกับคำลาออกไป ผมก็เลยเลือนๆเรื่องนี้ไปบ้าง พวกเราทำงานใกล้จะเสร็จแล้ว ห้างสรรพสินค้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง วันหนึ่งเมื่อเงินเดือนออก ผมเลยชวนพวกคนงานที่สนิทๆกันมากินเหล้าที่ห้อง แก้วไม่กินเหล้า แต่เธอก็มานั่งสรวลเสเฮฮาด้วยกันจนดึกดื่นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนเช้าผมจึงเห็นว่ามีมือถือไอโมบายเครื่องหนึ่งลืมทิ้งไว้ที่ห้องผม ผมจำได้ว่าเป็นของลุงวัน ช่างเหล็กที่ผมคุ้นเคยด้วยนั่นเอง ผมเลยเดินไปห้องลุงเค้า กะจะเอาไปคืน ก็เจอลุงวันนั่งถอนด้วยเหล้าขาวอยู่หน้าห้องแกพอดี
“ขอบคุณมากเลยครับคุณเต้ย นึกว่าจะได้เครื่องใหม่ซะแล้ว ยังงี้ต้องฉลองซะหน่อย เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อเบียร์มาให้นะครับ”
ลุงวันคล้อยหลังไป ผมเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้อง กะจะเอาโทรศัพท์ไปวางคืนไว้ในลิ้นชักโต๊ะแก พอเปิดผลัวะออก ผมก็ต้องทำหน้างง เพราะในลิ้นชัก มีรูปถ่ายวางอยู่ปึกหนึ่ง พอหยิบขึ้นมาดู เห็นผมฟูๆผมก็จำได้ทันทีว่าเป็นรูปแก้วนั่นเอง
ลุงวันเก็บรูปแก้วไว้ในลิ้นชักทำไม พอผมพลิกๆดู ก็ปรากฏว่าเป็นรูปแก้วในอิริยาบถต่างๆตอนทำงานทั้งปึก ดูก็รู้ว่าเป็นการแอบถ่ายโดยที่เพื่อนผมไม่รู้ตัว แทบทุกภาพเห็นหน้าแก้วไม่ค่อยชัด ยกเว้นรูปสุดท้าย โคลสอัพไปที่ใบหน้าเธอเต็มๆ แต่ก็ยังเห็นหน้าหวานๆนั้นไม่ชัดอยู่ดี เพราะรูปถ่ายแผ่นนั้น มันเต็มไปด้วยคราบขาวเกรอะกรัง ที่ผมดูก็รู้ว่าเป็นน้ำอสุจิผู้ชาย!
โอย อย่างนี้ผมหายสงสัยแล้วว่าลุงวันแอบถ่ายรูปแก้วไว้ทำไมมากมาย แกเอาแก้วมาเป็นผู้หญิงในจินตนาการเวลาชักว่าวนั่นเอง ผมก็เลยเปิดดูในโทรศัพท์แกอีก อยากรู้ว่ายังมีรูปแก้วที่แกยังไม่ได้ล้างออกมาบ้างหรือเปล่า
ไม่มีครับ รูปทั้งหมดที่เห็นในโทรศัพท์ ก็เป็นชุดเดียวกับรูปในลิ้นชัก แต่คลิปวีดิโอสั้นๆคลิปละไม่ถึงสิบวินี่สิ! ผมถึงกับเหงื่อแตกเมื่อดูจบ เพราะคลิปแรกคือคลิปแก้ว กำลังหลับตาขยี้ฟองสบู่ที่เปียกเต็มหัว โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนงานก่อสร้างกำลังแอบถ่ายร่างระหงเปล่าเปลือยชุ่มน้ำของเธออยู่ ส่วนคลิปที่สองยิ่งไปกันใหญ่ เป็นภาพถ่ายจากมุมสูง เห็นหัวฟูๆของแก้ว กำลังก้มลงอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ ในห้องน้ำที่เธอไม่รู้อีกเช่นกันว่ามีคนงานก่อสร้างกำลังแอบถ่ายเธอกำลังนั่งยองยองปลดทุกข์ ภาพจากมุมสูงเผยให้เห็นบั้นท้ายกลมกลึงขาวเนียนของแก้ว แต่สักพักภาพในคลิปวูบไปพักหนึ่ง เมื่อกลับมาก็กลายเป็นภาพถ่ายในมุมเสยขึ้น สิ่งที่ผมเห็นกับตาจนใจเต้นรัวก็คือ ภาพโคลสอัพ ที่จับให้เห็นกลีบแคมแดงๆ ที่แหวกอ้าออกจนเกือบสุด เพราะเจ้าของกำลังนั่งยองๆอยู่นั่นเอง!
ใจยังไม่หายสั่นดีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลุงวันกลับมาพอดี ผมนั่งกินเบียร์กับแก แต่ใจมันลอยไปเตลิดเปิดเปิง ในหัวมีแต่ร่างเปลือยขาวของแก้วกับกลีบแดงๆติดอยู่ พยายามลบยังไงก็ลบไม่ออก ให้หลังมาเป็นอาทิตย์ก็ยังลืมไม่ลงเหมือนเดิม ยิ่งเวลาเห็นหน้าแก้ว ไม่รู้เสื้อผ้าที่เธอใส่ติดตัวอยู่มันหายไปไหน ผมเห็นแต่หุ่นสวยๆเปลือยๆทุกที ยอมรับเลยว่าผมเคยช่วยตัวเอง โดยเอาภาพแก้วที่จำมาจากในคลิปนั้นมาช่วยในการจินตนาการ เวลาที่ผมห้ามใจไม่อยู่ ผมถึงกับเสียดายที่ไม่บลูทูธคลิปนั้นมาเก็บไว้ แต่ทุกครั้งก็มานึกรู้สึกผิดทีหลังเมื่อได้หลั่งน้ำออกไปจนหายฟุ้งซ่าน
แน่นอนว่าผมไม่กล้าบอกแก้ว และเช่นเคย ผมกลับมาสังเกตดูลุงวัน แกชอบแอบมองแก้วตาไม่กระพริบเหมือนเจ้าสองคนนั้นเด๊ะ นอกจากนั้นแล้ว คราวนี้ผมลองสังเกตดูสายตาคนอื่นๆบ้าง ปรากฏว่าทุกคนชอบแอบมองแก้วตั้งแต่กรรมกรก่อสร้างยันเจ้าของบริษัท บางคนก็มองแล้วยิ้มๆ บางคนก็หันไปกระซิบกระซาบ มีคราวหนึ่งผมแอบได้ยินกรรมกรหน้าดำๆสองคนกระซิบกันว่า
“ดูขอบกางเกงในคุณแก้วสิ สีครีมจริงๆด้วย เหมือนกับที่ไอ้ยอดมันบอกจริงๆ”
“เออ แสดงว่าเมื่อเช้ามันได้แอบดูคุณแก้วเข้าห้องน้ำจริงๆ”
“อิจฉามันว่ะ หน้าสวยๆอย่างนี้ หีจะสวยขนาดไหนน้อ ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวสักวันกูจะพามึงแอบดูกลีบหีคุณแก้วให้ได้ จะได้ตายตาหลับเสียที”
ว่าแล้วมันก็หันไปหัวเราะกันดังลั่นอยู่สองคนจนแก้วหันกลับไปมองแล้วยิ้มหวานให้ ไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาระบายความใคร่ของพวกมันอยู่
“แก้ว พรุ่งนี้ไปห้องน้าเชนมั้ย ” เมื่อถึงวันเงินเดือนออก ผมก็ชวนเธอไปสังสรรค์กับลูกน้องตามปกติ แต่คราวนี้แก้วปฏิเสธเธอบอกกำลังติดพันกับการอ่านหนังสือปรัชญาเล่มใหม่ที่เพื่อนเพิ่งส่งมาให้
“ปรัชญาไม่ทำให้อิ่มท้องนะแก้ว” ผมเย้าเธอด้วยใบหน้ายิ้มๆ แก้วยิ้มให้แต่ไม่ตอบ เธอคงรู้ว่าป่วยการที่จะเถียงกับคนที่วันๆเอาแต่กินเหล้าสำมะเลเทเมาอย่างผม
“ระวังเหอะ กินเหล้ามากๆ ไอ้แจนมันจะทิ้งเอา” แก้วกระเซ้าคืน เธอลากเอาแฟนที่เคารพของผมมาขู่
“ไม่เป็นไร ทิ้งแล้วเดี๋ยวเต้ยมาคบกับแก้วก็ได้” ผมชอบแหย่แก้วเล่นๆอย่างนี้เสมออยู่แล้ว ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง
“ลองดูสิ ไอ้ต๊อดมันจะเอาค้อนแพ่นกบาล” เธอทำหน้าดุ แล้วก็หัวเราะฮ่าๆ ไอ้ต๊อดที่ว่าก็คือเพื่อนรักผมที่เป็นแฟนแก้วนั่นเอง ตอนนี้มันไปเรียนโทไกลถึงอเมริกา
วันต่อมาผมก็ไปกินเหล้าห้องน้าเชนตามที่นัดไว้ ผมเป็นคนชอบคลุกคลีกับบรรดาลูกน้อง ไม่ถนัดคุยกับหัวหน้าเท่าไหร่ ในวงเหล้าห้าหกคนวันนี้ จึงมีผมที่ตำแหน่งสูงสุด แต่ถ้าวัดตามอายุ ผมจะอาวุโสกว่าก็แค่ไอ้แคน เด็กกรรมกรขาเป๋เท่านั้นเอง
แสงโสมหมดไปเกือบลังแต่พวกเราก็ยังคงดวดกันต่อ อย่างที่รู้กันว่าพวกก่อสร้างตามไซต์งานนี่แทบจะกินเหล้าแทนน้ำกันอยู่แล้ว ส่วนผมเองก็มีหรือจะยอมเสียชื่อเด็กวิดวะ พวกเรากินกันไปด้วย คุยกันไปด้วย ทั้งแต่เรื่องงาน เรื่องบอล เรื่องการเมือง จนกระทั่งมุดลงไปเรื่องใต้เตียง ผมจำได้ว่า พวกในวงเหล้านี้ล้วนแต่ชอบจ้องมองแก้วทั้งนั้น แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องแก้วในวงเหล้าเลย คงเป็นเพราะเกรงใจเพื่อนสนิทอย่างผมที่นั่งหัวโด่อยู่ในวง จนกระทั่งการมาถึงของคนสองคน
บุญกับคำนั่นเองที่หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่เข้ามาในห้อง ทั้งสองยกมือไหว้ผมแล้วบอกว่าจะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าที่เคยทำงานด้วยกัน พวกเราเลยไปซื้อเหล้ามาเพิ่มแล้วนั่งซดกันต่อ กระทั่งเจ้าคำกรึ่มๆแล้วจึงควักของในถุงออกมา
“ผมมีของมาฝากหัวหน้า”