close buttonclose buttonclose button
เพื่อน เสียวเรื่องยาว

เพื่อน เสียวเรื่องยาว

เรื่องเสียว · 91400

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงผ่านการเรียนระดับมหาวิทยาลัยมาแล้วโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยปิด สมัยก่อนพวกวิทยาลัยเอกชนยังไม่ต้องสอบจากส่วนกลางเหมือนสมัยนี้ รุ่นผมนี่วิทยาลัยกรุงเทพ, วิทยาลัยรังสิต หรือหอการค้ายังเรียกวิทยาลัยอยู่เลย ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย ตอนที่ผมสอบเข้าได้ก็ตื่นเต้นเหมือนๆ คนอื่น เพราะจะได้เรียนในคณะและสาขาที่ตัวเองอยากเรียน สาขาของผมมีนักศึกษาใหม่ 40 คน เป็นผู้ชาย 15 คนและผู้หญิง 25 คน บอกตรงๆ ว่าผู้หญิงในสาขาผมโดยเฉลี่ยแล้วไม่ค่อยสวยหรอก แต่ส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนดีๆ ในกรุงเทพทั้งนั้น พวกตระกูลคอนแวนต์กับตระกูลสาธิตนั่นแหล่ะ เด็กต่างจังหวัดไม่ค่อยมี เพราะสาขาผมต้องสอบวิชาเฉพาะด้วย ซึ่งเด็กต่างจังหวัดจะค่อนข้างเสียเปรียบ ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยได้เรียนหรอก เพราะต้องซ้อมเชียร์กันทั้งวัน แล้วต้องมีการแบ่งพี่รหัสน้องรหัส และยังจัดบัดดี้ด้วย ซึ่งบัดดี้ของผมเป็นผู้หญิงมาจากคอนแวนต์ชื่อน้ำ ส่วนผมมาจากโรงเรียนชายล้วน และไอ้การที่เป็นบัดดี้กันนี่มันก็ทำให้เราสนิทกันเร็วมาก เพราะต้องช่วยเหลือกันตลอด ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องกิจกรรม และแทบจะต้องรู้เรื่องของอีกฝ่ายนึงเกือบทุกเรื่อง ผมก็เล่าเรื่องของผมให้น้ำฟัง น้ำก็เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟัง
           น้ำไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยอะไรนัก สูงแค่ 150 กว่าๆ ผมยาว ค่อนข้างจะอวบ ใส่แว่น เธอมีดีที่เรียนเก่ง ซึ่งไอ้สิ่งนี้แหล่ะเป็นอะไรที่ผมต้องพึ่งเธอมาโดยตลอด หน้าที่หลักของเธอคือโทรมาตามผมให้ไปเรียนให้ทันในแต่ละวัน และบ่อยครั้งมากที่เธอต้องชวนเพื่อนคนอื่นนั่งแท็กซี่มาตามผมถึงบ้านเพื่อให้ไปเรียน อีกอย่างนึง เธอค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะเธอเรียนเก่งเป็นที่หนึ่งมาตลอด มีอะไรอย่างนึงที่อยากบอกเพื่อนๆ โดยเฉพาะรุ่นน้องๆ ก็คือ ผู้หญิงที่จบจากโรงเรียนหญิงล้วนโดยเฉพาะตระกูลโรงเรียนฝรั่ง ที่พ่อแม่ไปรับไปส่งที่โรงเรียน แล้วยังเป็นเด็กเรียนอีก มักจะมีปัญหาอย่างนึงคือ โลกของเธอจะค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้ชาย มันไม่เหมือนพวกที่จบจากโรงเรียนที่มีผู้ชายผู้หญิงเรียนรวมกัน ผมได้ความรู้นี้จากน้ำ เธอแทบไม่มีเพื่อนผู้ชายเลย ที่แย่มากๆ ก็คือพี่น้องอีกสองคนของเธอก็เป็นผู้หญิงหมดเลย ในโลกของเธอ ผู้ชายมีแค่พ่อกับครูแค่นั้นเอง
           ความที่น้ำมีเพื่อนผู้ชายน้อยทำให้เธอไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นมากนัก พอถูกจัดให้เป็นบัดดี้กับผม ก็กลายเป็นว่ามีอะไรเธอก็เรียกแต่ผม ซึ่งเป็นงานค่อนข้างหนักมาก เพราะการที่ต้องอยู่กับผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรในชีวิต ได้แต่นั่งกินนอนกิน มีหน้าที่เรียนอย่างเดียวมาตลอดเนี่ย ทำให้งานกิจกรรมทุกอย่างต้องมาลงที่ผมเกือบทั้งหมด ที่จริงผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่หรอก เพราะจริงๆ แล้วผมแอบชอบเพื่อนต่างสาขาแต่ในคณะเดียวกันอีกคนนึงต่างหาก แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าไปคุยด้วยเลย เพราะน้ำจะอยู่ข้างๆ ตลอด ผมค่อนข้างอึดอัด เพราะกลัวว่าเพื่อนที่ผมชอบจะเข้าใจผิด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง และดูเหมือนน้ำก็ยังไม่ยอมรับรู้ว่าผมอึดอัด ช่วงหลังๆ ยิ่งไปกันใหญ่ กินข้าวเที่ยงเธอก็จะมานั่งกินด้วย ซึ่งตามปกติผมจะนั่งกินข้าวกับเพื่อนผู้ชายอีกสองสามคนที่ค่อนข้างจะสนิทกัน ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลยเพราะโรงอาหารเป็นโรงอาหารรวมของคณะ ผมไม่อยากให้ใครเห็นเลยว่าน้ำกับผมสนิทกัน เคยลองเอ่ยปากให้ไปนั่งโต๊ะอื่นดูก็แล้ว แอบย้ายโต๊ะไปนั่งกินที่อื่นก็แล้ว เธอก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินตามมานั่งกินข้าวด้วย ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะผมไม่ชอบหักคอใคร
           ผมมารู้สึกว่าที่จริงแล้วน้ำนิสัยดีก็ตอนที่ไปงานรับน้องของสาขา ซึ่งผมซวยมากๆ เพราะพอไปถึงปรากฏว่าผมเป็นไข้ ไม่สบาย ต้องนอนซมอยู่ในห้องพัก ในขณะที่คนอื่นเค้าไปเข้าร่วมงานรับน้องกันหมด ผมมารู้จากเพื่อนทีหลังว่าน้ำเข้ามาดูแลผมตลอดเวลาที่ผมเป็นไข้ จัดอาหารมาให้ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าผากเพราะผมตัวร้อนมาก เธอขอรุ่นพี่ตรงๆ ว่าเธอไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องเพื่อจะอยู่ดูแลผม เธอจะนั่งเก้าอี้ข้างเตียงผมเกือบตลอดเวลา จนได้เวลานอนเธอถึงแยกกลับไปนอนในห้องพักของผู้หญิง เช้าวันรุ่งขึ้นผมรู้สึกดีขึ้น เพื่อนผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ผมพูดไม่ออก พอเธอเข้ามานั่ง ผมก็ถามเธอว่าทำไมไม่ไปร่วมงาน เธอบอกว่าเธออยากอยู่เป็นเพื่อนผมมากกว่า น้ำลองเอามือมาอังหน้าผากผมแล้วบอกว่าไข้หายแล้ว ผมคิดอะไรไม่รู้ ดึงมือเธอมาจูบเบาๆ ที่หลังมือแล้วเอามือเธอมากอดไว้ที่อก น้ำนั่งม้วนไปม้วนมา ผมขอบคุณเธอที่อยู่เป็นเพื่อน ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ว่าอะไรน้ำแล้ว เวลาที่เธอเดินไปไหนมาไหนกับผม เรายิ่งสนิทกันมากขึ้นทุกวัน การจับมือถือแขนกลายเป็นเรื่องปกติของเรา อย่างนึงที่ผมอยากพูดกับเพื่อนๆ ก็คือการคบผู้หญิงคนนึง มันมีสเตปของมันอยู่ ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าผู้ชายคนนึงเดินไปชนไหล่ผู้หญิงซักคน แล้วจะจูงมือเธอพาเข้าโรงแรมไปเอาได้เลย หรือแม้กระทั่งการบอกว่าคบกันได้วันสองวันแล้วก็ได้เอา มันไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลนะ นี่หมายถึงผู้หญิงดีๆ นะครับ ไม่ใช่พวกที่จับได้ตามผับ อย่างนั้นผมไม่นับ ผมหมายถึงผู้หญิงที่ทำงานดี นิสัยดี พฤติกรรมดีและมารยาทดี ถ้าใครสามารถพาผู้หญิงแบบนี้เข้าโรงแรมได้ภายในการเจอกันแค่ครั้งแรก ผมขอคารวะจรดพื้นเลยครับ
           ผมกับน้ำสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีเราอยู่คณะกันจนดึกเพราะต้องทำรายงาน เธอก็จะบอกที่บ้านว่าไม่ต้องมารับ เดี๋ยวเธอจะกลับเอง เรานั่งทำรายงานในห้องเรียน(ห้องเรียนที่สาขาเป็นห้องเล็กๆ ส่วนห้องเรียนรวมซึ่งเป็นห้องใหญ่ เอาไว้สำหรับเรียนรวมทั้งคณะ) มีอยู่ครั้งนึง น้ำนั่งทำรายงานอยู่ ส่วนผมก็นั่งรอเพราะเป็นรายงานภาษาอังกฤษ ไม่มีปัญญาช่วยเธอทำหรอก ผมนึกบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็เดินไปยืนข้างๆ เธอ น้ำเงยหน้าขึ้นมามอง ผมก้มลงไปจูบแก้มเธอเบาๆ แล้วรีบยืนตรง ลุ้นว่าเธอจะด่าหรือเปล่า น้ำนั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่คิดว่าผมจะกล้าทำบ้าๆ ในคณะ ผมยืนรอเสียงด่าแต่ไม่มี เหลือบมองดูก็เห็นเธอนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่มีเสียงด่าแฮะ ผมรอจนยืนยันว่าไม่โดนด่าแน่ๆ คราวนี้ก็ค่อยๆ ก้มลงไปจูบเธอช้าๆ อีกครั้ง น้ำเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอยังใช้แป้งเด็กอยู่เลย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจูบเด็กๆ อยู่ ผมจูบเธอจนทั่วใบหน้าแล้วลองจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากเธอ น้ำผงะหน้าหนี ผมว่าจะเลิกแล้วแต่ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ก็เลยใช้มือซ้ายประคองศีรษะเธอ แล้วประกบริมฝีปากเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้น้ำนั่งนิ่งไม่หนีอีก ผมแซะปลายลิ้นที่ริมฝีปากเธอเบาๆ เพื่อให้เธอเปิดปาก ต้องใช้เวลาซักพักกว่าเธอจะยอมเปิดปากให้ แต่พอลิ้นผมเข้าไปในปากเธอ ผมแทบหัวเราะก๊ากเพราะในปากเธอยังมีหมากฝรั่งอยู่ กลิ่นหมากฝรั่งหอมฟุ้งเลย ผมล้วงปลายลิ้นเข้าไปจนทั่ว น้ำนั่งนิ่งแต่มือที่จับปากกาเกร็งแน่นจนผมกลัวว่าปากกาจะหัก
           วูบนึงของความคิด ผมอยากจะใช้มือลูบไล้ให้ทั่วตัวเธอ สารภาพว่าตอนนั้นผมแข็งไปหมดทั้งตัวเลย แต่คิดไปคิดมาแค่นี้พอก่อนดีกว่า อีกอย่างนึงนี่มันในคณะ คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกจากเธอ น้ำนั่งเงยหน้าหลับตานิ่ง ซักพักเธอลืมตาขึ้นมา พอเห็นผมยังยืนมองดูอยู่ก็หน้าแดง ก้มหน้าลงกับโต๊ะเขียนโน่นเขียนนี่วุ่นวายไปหมด ผมกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม น้ำไม่พูดอะไรซักคำเลย ผมว่าเธอคงตกใจกับเรื่องเมื่อกี้นี้ เพราะไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอะไรบ้าๆ กับเธอ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งรอจนกว่าเธอจะทำรายงานเสร็จ แต่ดูเหมือนวันนั้นเธอจะทำรายงานได้ช้ามากกว่าจะเสร็จ ผมเลยต้องไปส่งเธอที่หน้าบ้าน ตลอดทางกลับบ้าน น้ำไม่พูดอะไรซักคำเลย แต่ผมเชื่อว่าเธอคงไม่โกรธ เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ถ้าเธอโกรธเธอจะแสดงออกมาทันที ไม่เคยเก็บอารมณ์เลย
           วันเวลาผ่านไป ตั้งแต่ที่ผมแอบขโมยจูบเธอวันนั้น รู้สึกเหมือนว่าเธอจะแสดงความเป็นเจ้าของมากขึ้น อย่าว่าแต่คนที่ผมแอบชอบเลย แม้แต่เพื่อนในสาขาด้วยกัน ถ้าน้ำเห็นว่าผมนั่งคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนไหนแค่สองต่อสอง เธอจะทำไม่รู้ไม่ชี้เดินมานั่งคุยด้วยทันที จนเพื่อนๆ หลายคนเริ่มรู้แกว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนหลังๆ มานี่ เวลาทำรายงานด้วยกัน ผมจะแอบหอมแก้ม แอบขโมยจูบเธอจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว จนเย็นวันนึง เราก็นั่งทำรายงานกันเหมือนเดิม ผมก็นั่งข้างๆ ดูเธอทำรายงาน เวลาเด็กเรียนตั้งใจทำงานเนี่ยมันดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึงนะ ผมอดใจไม่ได้ก็เลยเลื่อนเก้าอี้ไปจนติดเธอแล้วจูบเบาๆ ที่แก้ม น้ำหน้าแดง หันมายิ้มให้ ไม่ว่าอะไร เพราะผมหอมแก้มเธอจนชินแล้ว คราวนี้ผมบ้ากว่าเดิม เลื่อนโต๊ะทำงานที่เธอกำลังเขียนรายงานออก แล้วขยับเก้าอี้ผมมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ น้ำทำหน้างง ถามว่าผมจะทำอะไร ผมไม่ตอบ ขยับตัวจนชิดร่างของเธอ เอื้อมมือไปถอดแว่นของเธอวางบนโต๊ะแล้วประกบปากกับเธอ ตอนนี้เธอจูบเป็นแล้ว ไม่ต้องรอให้ผมใช้ปลายลิ้นแซะเข้าไป เธอเผยอริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมก่อนเสียอีก
           เราแลกลิ้นกันอยู่นาน ผมค่อยๆ โอบกอดเธอทั้งๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ น้ำขืนนิดนึงแต่ก็โอนอ่อนตาม เป็นครั้งแรกที่ผมกอดเธอแบบเต็มแขนอย่างนี้ ผมลูบไล้หลังเธอเบาๆ จนทั่ว น้ำจับแขนของผมไว้ ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะนี่มันในห้องเรียน ถ้าเพื่อนหรืออาจารย์หรือนักการมาเห็น ผมกับน้ำซวยแน่ๆ แต่ความอยากมันมากกว่าความกลัว ผมลูบไล้หลังเธอจนทั่ว แล้วก็ค่อยๆ เลื่อนมือขวามาด้านหน้า แต่พออุ้งมือผมมาแตะที่ราวนม น้ำรีบตะครุบและพยายามดึงมือผมออก แต่บอกแล้วว่าขนาดเรื่องใหญ่ๆ ผมยังไม่กลัว แล้วแค่นี้จะไปกังวลอะไร ผมใช้มือซ้ายดึงตัวเธอเข้ามา ทำให้ทรวงอกค่อนข้างใหญ่ของเธอถูกดึงเข้ามาสัมผัสกับมือขวาของผมจนสนิท ผมได้ยินเสียงน้ำกระซิบเบาๆ ว่าอย่า แต่ห้ามไม่ทันแล้ว มือผมบีบเคล้นเต้าข้างซ้ายของเธอทันที น้ำสะดุ้งทั้งตัว พยายามจะเขยิบตัวออก แต่มือซ้ายผมรัดเธอไว้แน่นจนกลัวว่าเธอจะหายใจไม่ออกเหมือนกัน ปากผมยังประกบติดกับริมฝีปากของเธอแน่น เราดิ้นขลุกขลักๆ อย่างนั้นซักพัก น้ำก็ค่อยๆ สงบลง ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เธอมีใจให้กับผมด้วย ผมลองใช้ฝ่ามือเคล้นเต้าของเธอเบาๆ มันแน่นเต็มฝ่ามือ น้ำแอ่นตัวนิดนึง
           ตอนนี้ผมไม่ต้องดึงตัวเธอเข้ามาอีกแล้ว ก็เลยดันตัวเธอติดพนักเก้าอี้ แล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างมาคลึงสองเต้านอกเสื้อเบาๆ ผมถอนริมฝีปากจากริมฝีปากของเธอแล้วจูบจนทั่วใบหน้า ก่อนจะมาไซ้บริเวณลำคอ น้ำหลับตานิ่ง มือของเธอตอนนี้มาโอบอยู่หลังผม กลิ่นแป้งเด็กบริเวณลำคอของเธอทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่รู้สิ ผมแพ้กลิ่นแป้งเด็กหรือไม่ก็กลิ่นเด็กอย่างแรงเลย มือที่เคล้นเบาๆ ตรงหน้าอกเลื่อนไปที่สาบเสื้อ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก แต่จะบอกว่ามันปลดออกยากมากเพราะมันเป็นกระดุมเงินเม็ดใหญ่ ในขณะที่รังดุมมันเล็กนิดเดียว ในหูผมได้ยินเสียงน้ำบอกแต่ว่าพอแล้ว พอแล้ว แต่ผมไม่สนใจฟังหรอก ทีแรกตั้งใจจะโชว์ฝีมือใช้มือเดียวปลดออก แต่ก็ต้องยอมแพ้ ขนาดใช้สองมือช่วยยังใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปลดกระดุมสองเม็ดบนออกได้ ใจอยากจะซุกหน้าลงไปบนสองเต้าให้หายอยาก แต่จะบ้าตายเพราะเธอใส่เสื้อทับด้วย เบื่อจริงๆ ใส่แค่ยกทรงอย่างเดียวไม่ได้หรือยังไงก็ไม่รู้ ไอ้จะถอดกระดุมออกทุกเม็ดแล้วถอดเสื้อทับเธอออก มันดูจะเป็นเรื่องใหญ่เกินไปหน่อย เพราะเดี๋ยวถ้าเกิดปุ๊บปั๊บมีใครทะเร่อทะร่าเข้ามา มันจะเก็บไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจซุกหน้าลงไปกับหน้าอกเธอทั้งๆ ที่ยังมีเสื้อทับอย่างนั้นแหล่ะ
           แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอสะท้านได้เหมือนกัน ใบหน้าผมแนบสนิทกับเนินหน้าอกขาวผ่องที่อยู่เหนือเสื้อทับ สองมือล้วงเข้าไปเคล้นสองเต้านอกเสื้อทับหนักหน่วงขึ้น น้ำหายใจแรง นั่งนิ่งเงียบ ผมเอื้อมมือลงไปด้านล่างดึงชายเสื้อเธอออกจากกระโปรง พยายามล้วงมือลอดชายเสื้อเธอขึ้นไป เพราะอยากจะสอดมือเข้าไปภายในเสื้อทับเพื่อเข้าไปจับสองเต้าเนื้อๆ แต่มันทำได้ยากเพราะเสื้อเธอเป็นแบบพอดีตัว ไม่เหลือที่ให้มือผมล้วงเข้าไปได้ เลยเปลี่ยนมาลูบไล้ต้นขาเธอ รู้สึกได้เลยว่าเธอขนลุกไปหมดทั้งตัว ต้นขาของเธอขาวผ่องตัดกับกระโปรงสีดำ ผมอยากจะล้วงมือเข้าไปในกระโปรง แต่ก็ทำไม่ได้อีก เพราะเธอนุ่งกระโปรงสั้นก็จริงแต่เป็นกระโปรงทรงเอ เพื่อนๆ คงรู้จัก และคงรู้ว่ามันไม่มีโอกาสล้วงมือเข้าไปได้เลย เพราะมันพอดีช่วงขา ผมว่าจะรั้งกระโปรงขึ้นไป เธอก็นั่งทับอยู่ ก็เลยได้แต่ลูบไล้ไปมาอยู่นอกกระโปรงอย่างนั้น แต่สัมผัสภายนอกก็เพียงพอที่จะรู้ว่าเนินเนื้อตรงนั้นของเธอเป็นโหนกนูนขึ้นมาจนรู้สึกได้ ผมวนเวียนซุกไซ้อยู่บริเวณเนินหน้าอกเธอ จนรู้สึกว่าคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว ก็เลยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น น้ำนอนหลับตานิ่ง หน้าแดงกล่ำ บอกตรงๆ ว่าไอ้ตรงนั้นของผมมันแข็งไปหมดแล้ว แต่คิดว่าคงทำอะไรไม่ได้อีก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน เพราะถ้าครั้งนี้เธอไม่ได้ต่อว่าอะไรผม ก็แสดงว่าผมยังมีโอกาสทำอย่างนี้อีกแน่ๆ
           น้ำนั่งหลับตาซักพักก็ลืมตาขึ้นมา รีบติดกระดุมและใส่เสื้อไว้ในกระโปรงเหมือนเดิม เธอต่อว่าผมเบาๆ ว่าผมรังแกเธอ ผมบอกว่าไม่ได้รังแก คนเป็นแฟนกันเค้าก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น น้ำนั่งม้วนอยู่ที่เก้าอี้ เพราะไม่คิดว่าผมจะบอกว่าเธอเป็นแฟนผม ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นแฟนผมหรอก แต่ไม่รู้จะให้เหตุผลอะไรที่ดีกว่านั้น เชื่อมั๊ยครับ หลังจากนั้นอีกไม่ถึง 5 นาที นักการของคณะก็เดินตรวจสถานที่แล้วมาห้องที่ผมกับน้ำนั่งทำงานอยู่ เขาเข้ามาทักตามปกติแล้วฝากให้ช่วยปิดไฟให้ด้วย ผมเสียววาบเลย ถ้าเมื่อกี้ผมตัดสินใจปลดกระดุมแล้วถอดเสื้อทับเธอออก เหตุการณ์มันคงเลยเถิดไปมากกว่านั้น แล้วถ้านักการเข้ามาเห็น โทษหนักถึงไล่ออกเลยล่ะ เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมต้องระวังมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือน้ำแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมอย่างออกหน้าออกตา แต่ผมไม่ว่าอะไรแล้ว และชักอยากจะให้เธออยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน ยังรู้สึกเหมือนว่าสองเต้าของเธอยังอยู่ในมือผมอยู่เลย ไหนยังจะกลิ่นหอมจากตัวของเธออีก ผมเคยถามเธอตรงๆ เหมือนกันว่าเธอไม่โกรธในสิ่งที่ผมทำเหรอ เธอตอบง่ายๆ ว่าเธอก็อยากรู้มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้วว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเธอเคยแต่ได้ยินได้ฟังอย่างเดียว ผมยังคิดในใจเลยว่าถ้ากูมีลูก กูไม่ส่งไปเรียนโรงเรียนอย่างนี้หรอก เพราะเดี๋ยวมันคิดแบบน้ำแล้วจะยุ่ง
           แต่ตั้งแต่วันนั้นมา เวลาเราอยู่กันเองสองคนไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ผมจะถือโอกาสกอดเธอจากด้านหลัง จูบไซ้หลังหูและลำคอ มือที่กอดอยู่ข้างหน้าจะลูบไล้เค้นคลึงสองเต้าภายนอกเสื้ออย่างมีความสุข แรกๆ น้ำก็ปัดป้อง แต่พอบ่อยๆ เข้าเธอก็ปล่อยให้ผมทำอย่างที่อยากทำ กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ผมอยากอยู่กับน้ำแค่สองต่อสองซะแล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ว่าพอได้ขั้นนึง มันก็จะทำให้ก้าวไปหาอีกขั้นนึงตามธรรมชาติ จากความสัมพันธ์ในระดับที่ว่าการกอดจูบเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้ผมเริ่มคิดไปไกลกว่าความสัมพันธ์ระดับนี้ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทั้งกอดทั้งฟัดอย่างนั้น มันยิ่งทำให้ไอ้ข้างล่างมันอึดอัดเพราะไม่ได้ออกโรงซะที ไหนยังจะเรื่องที่ผมไม่เคยได้เห็นรูปร่างภายในของเธอเลย ได้แต่กอดรัดเค้นคลึงเธอแต่ภายนอก แต่ผมไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะพ่อเธอมารับมาส่งตลอด แล้วในคณะก็อย่าหวังเลยว่าจะทำอะไรได้ แต่โชคมักจะเข้าข้างคนที่มีความมุ่งมั่นเสมอ มีอยู่วันหนึ่ง ตอนเช้าผมโทรมาคณะเพื่อขอลาป่วย ที่คณะถ้าลาป่วยต้องโทรมาบอกนะ โดยเฉพาะถ้ามีเรียนวิชาที่เราลงทะเบียนเรียนคนเดียว เพราะต้องแจ้งอาจารย์พิเศษด้วย เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเก้อ
           พอวางหูได้ซักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามา ปรากฏว่าน้ำโทรมา เสียงเธอเป็นห่วงจริงๆ ผมก็บอกว่าผมไม่เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวเลยไม่อยากไปเรียน น้ำบอกว่าจะมาเยี่ยมผมที่บ้าน ตอนแรกนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไร ไม่อยากให้เธอมาเพราะบ้านผมมีอยู่หลายครอบครัวในรั้วเดียวกัน ไม่อยากให้บ้านอื่นเอาไปนินทาว่ามีผู้หญิงเดินเข้าเดินออกในบ้าน เดี๋ยวถึงหูพ่อผมจะถูกด่าเปล่าๆ แต่เธอยืนยันว่าเธอจะรีบนั่งแท็กซี่มา ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยตามใจเธอ สมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ผมกะเวลาแล้วออกมารอรับน้ำหน้าบ้าน ซักพักเธอก็ลงจากแท็กซี่เดินมาหาผม พอเห็นน้ำเดินเข้ามา ผมกลืนน้ำลายเลย เพราะดูดีๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกว่าเธอดูดีจังเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์อย่างอื่นมันพาไปหรือเปล่า ก็พาน้ำเดินเข้าบ้านของผมซึ่งอยู่หลังในของรั้ว เข้าบ้านมาก็รินน้ำให้เธอดื่ม น้ำบอกว่าจริงๆ แล้ววันนี้เธอมีเรียน แต่เธอเป็นห่วงผมมากกว่าก็เลยขออาจารย์กลับก่อน นี่ที่บ้านเธอไม่รู้นะว่าน้ำออกมาข้างนอกไม่ได้อยู่ในคณะ ขืนรู้เธอก็แย่เหมือนกัน น้ำถามว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า ตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาผมก็หายไข้แล้วล่ะ ในหัวมีแต่ความคิดแย่ๆ เต็มไปหมด แต่ก็บอกเธอว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตั้งใจว่าตอนบ่ายจะกลับไปเรียน แต่ถ้าน้ำมาอย่างนี้ผมไม่กลับไปเรียนดีกว่า น้ำก็งงว่าเพราะอะไร ผมบอกว่านั่งคุยอย่างนี้ดีกว่า อยู่ที่คณะไม่ค่อยได้คุยกันเองเลย
           ผมว่าน้ำคงจะรู้แกวว่าผมคิดอะไรอยู่ เธอนั่งหน้าแดง ค้อน ไม่พูดอะไรอีก ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร นั่งเงียบกันซักพักผมก็ตัดสินใจย้ายมานั่งโซฟาตัวเดียวกับเธอ น้ำนั่งเงียบ ผมลังเลนิดนึงก่อนจะจับตัวเธอหันหน้ามา แล้วจูบเธอเบาๆ ที่หน้าผาก เลื่อนวนเวียนทั่วใบหน้าก่อนจะประกบปากกับเธอ น้ำสะดุ้งนิดนึง พอปลายลิ้นของเราแตะถูกกัน ผมเสียววาบไปทั้งตัว ฉกปลายลิ้นเข้าไปในปากควานหาความหอมหวานจนทั่ว น้ำกอดผมแน่น มือผมลูบไล้หลังเธอเบาๆ จนทั่ว แล้วค่อยๆ ขยับมือมาทางด้านหน้าจนสัมผัสทรวงอกแน่นกระชับทั้งสองข้าง ผมลูบไล้สองเต้าภายนอกเสื้อและบีบเคล้นแต่เพียงแผ่วเบา ถอนริมฝีปากออกจากปากของเธอแล้วเลื่อนลงมาซุกไซ้ปลายคาง ก่อนจะลงมาวนเวียนบริเวณลำคอ เสียงน้ำถอนหายใจเบาๆ กลิ่นแป้งที่ผมชอบเตะจมูก ผมอยากจะบ้าตาย มือที่เค้นคลึงอยู่บนทรวงอกค่อยๆ เริ่มความหนักหน่วงขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ดึงชายเสื้อเธอออกจากกระโปรง และปลดกระดุมเสื้อเธอออกทีละเม็ด ซึ่งมันก็ยังยากเย็นเหมือนเดิม แต่ผมไม่รีบร้อนอะไร มีเวลาเหลือเฟือ จนกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม ผมค่อยๆ คลี่เสื้อของเธอออกก็ต้องถอนหายใจบ้าง เพราะยังเหลือเสื้อทับสีครีมอยู่อีกชั้น
           ผมก้มลงไปบนเนินหน้าอกขาวผ่อง ใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสไปทั่ว น้ำโอบศีรษะผม เงยหน้าหลับตาพริ้ม ผมซุกไซ้เนินหน้าอกจนพอใจแล้วจึงค่อยๆ ดึงเสื้อทับของเธอออกจากศีรษะ เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถอดเสื้อทับเธอออกแล้ว จึงเหลือเพียงชั้นในสีครีมอยู่เพียงชิ้นเดียว ถึงตอนนี้ผมต้องตัดสินใจแล้วว่าจะถอดเสื้อผ้าเธอให้หมดที่โซฟา หรือพาเธอไปที่ห้องนอนดี เพราะเชื่อว่าถ้าถอดเสื้อผ้าออกจนหมดคงได้เอาแน่ๆ เสี่ยงเกินไปที่จะเอาที่โซฟา เพราะในรั้วก็ยังมีคนอื่นอยู่อีก เดี๋ยวมีใครพรวดพราดเข้ามาก็ซวยเท่านั้น คิดแล้วก็เลยกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูน้ำว่าไปที่ห้องผมนะ กลัวเหมือนกันว่าเธอจะปฏิเสธ แต่เห็นเธอหน้าแดง ไม่พูดอะไร ผมถือว่าเธอตกลง ตอนแรกตั้งใจจะอุ้มเข้าไป แต่คำนวณดูแล้วคงจะไม่ไหว จึงเปลี่ยนเป็นดึงมือเธอเข้าไปในห้อง พอปิดประตูห้อง ผมเปิดแอร์ก่อนจะหันมากอดเธอไว้แน่น เธอซบหน้าอยู่ที่อกผม อยากจะกอดเธอไว้อย่างนี้นานๆ แต่ไอ้นั่นของผมมันบอกว่าต่อได้แล้ว ผมค่อยๆ จูบไซ้เธออีกครั้งจนทั่ว เอื้อมมือไปปลดตะขอกระโปรงและรูดลงไปกองที่พื้น ทั้งร่างของเธอมีเพียงซับในสีครีมปกปิดข้างบนและข้างล่าง น้ำยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก คงไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ผมค่อยๆ ดึงตัวเธอลงไปนอนบนที่นอน และตามเข้าไปใช้ปากและมือเฟ้นความหอมหวานทั่วร่างของเธอ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปปลดซับในทั้งสองชิ้นออก ร่างที่เปลือยต่อหน้าผมงามกว่าที่คิดจริงๆ
           ที่ผ่านมาสมัยเรียนมัธยม ถ้าไม่นับเรื่องการไปเที่ยวซ่องนะ ผมเคยผ่านแต่เด็กพาณิชย์ที่เพื่อนผมแนะนำให้ ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยชอบหรอก เพราะพวกนั้นมันดูมืออาชีพเกินไป และก็ผ่านมาหลายมือแล้วด้วยกว่าจะมาถึงผม ต่างจากร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้ สองเต้าที่อยากเห็นมานานชูชันอยู่ต่อหน้า หัวนมเธอค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดเต้า แต่มันแข็งขึ้นมาจนเห็นเป็นเม็ดอย่างงดงาม ส่วนข้างล่างของเธอเป็นอย่างที่นึกไว้ เนินเนื้อด้านล่างมีขนสีดำละเอียดปกคลุมบางๆ เห็นสีผิวขาวผ่องอยู่รำไร น้ำหลับตา นอนหน้าแดง เอามือมาบังสองเต้าและเนินเนื้อข้างล่าง สองขาหนีบไว้จนแน่น ผมรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกและลงไปนอนข้างๆ เธอ ค่อยๆ ดึงมือเธอออกจากร่าง ร่างของเธอนุ่มนิ่มไปหมดตามประสาคนกินดีอยู่ดี แต่สองเต้าที่ผมซบหน้าลงไปหากลับแน่นตึงเหมือนติดสปริง ผมเม้มปากกับเม็ดปลายยอดเต้าสลับไปมา น้ำได้แต่ครางในลำคอ นอนบิดไปบิดมา มือของผมที่เค้นคลึงสองเต้าค่อยๆ ลูบไล้ลงไปด้านล่าง ร่างของน้ำเกร็งเป็นระยะๆ จนเมื่อมือผมสัมผัสเส้นไหมนุ่มมือ น้ำแอ่นก้นกระตุกรับมือผมที่คลึงไปมาอยู่บนเนินเนื้อนั้น ผมค่อยๆ ไล้ริมฝีปากลงไปช้าๆ จนถึงเนินเนื้อที่มีไหมดำคลุมอยู่ แล้วก็แทบคลั่ง เพราะน้ำดันใช้แป้งอย่างที่เธอทาตัว มาทาบริเวณเนินเนื้อนั้น ก็บอกแล้วว่าผมแพ้กลิ่นแป้งเด็ก คราวนี้เลยไม่ต้องไปไหน
           ใบหน้าผมซบวนเวียนอยู่แถวๆ เนินเนื้อจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปอีกจนถึงรอยแยกกลางลำตัว น้ำเด้งเอวขึ้นมาทั้งตัว เมื่อผมใช้ปลายลิ้นตวัดเขี่ยขึ้นลงตามรอยแยกนั้น ผมนึกว่าเธอจะห้าม แต่กลายเป็นว่าเธอกดศีรษะผมลงไปกลางรอยแยกจนผมแทบหายใจไม่ออก ปลายลิ้นผมแทรกเข้าไปในรอยแยก เธอยิ่งดิ้นแรงขึ้นไปอีก หยาดน้ำภายในของเธอเอ่อซึมออกมา ผมแตะปลายลิ้นเข้ากับติ่งเนื้อด้านบนของร่อง คราวนี้เธอดิ้นพล่าน ผมบรรจงสะบัดปลายลิ้นเข้าที่เดิมอย่างรวดเร็ว น้ำร้องครวญคราง แต่ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ก้มหน้าก้มตาใช้ปลายลิ้นเลียในร่องจนเมื่อยลิ้นไปหมด หยาดน้ำของเธอเอ่อล้นออกมาจนแฉะ ซักพักร่างของเธอแอ่นเกร็งขึ้นมา ก่อนจะทิ้งตัวกลับลงไปนอนตามเดิม เธอคงถึงจุดสุดยอดไปแล้ว ผมเห็นว่าน่าจะถึงเวลาได้แล้ว ก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่กลางหว่างขาของเธอ น้ำยังคงหอบหายใจ สะอื้นกับรสสัมผัสที่ปลายลิ้นผมมอบให้ ผมค่อยๆ จับต้นขาของเธอแยกออกจากกัน ถึงตอนนี้น้ำลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร พูดเบาๆ เพียงแค่ว่าอย่าให้เธอเจ็บนะ ผมเชื่อแล้วว่าเธอคงได้ยินได้ฟังมามาก แต่ไม่เคยได้สัมผัสของจริงมาก่อน
           พอเห็นว่าจัดที่ทางเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยๆ จับท่อนเนื้อจ่อร่องรักของเธอและดันเบาๆ น้ำสะดุ้ง ผมพูดเบาๆ ว่าอย่าเกร็ง ก่อนจะค่อยๆ ดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องช้าๆ นึกว่าเธอจะแหกปากร้อง แต่เธอกลับหลับตา เม้มปากแน่น ผมยังคงดันท่อนเนื้อเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ขนาดร่างของเธอหลั่งหยาดน้ำออกมาขนาดนั้นมันยังทั้งแน่นทั้งฝืด ผมดันเข้าไปได้ประมาณครึ่งนึงน้ำคงทนไม่ได้ ร้องบอกให้ผมหยุดก่อน ผมเงยหน้ามอง เห็นน้ำตาเธอไหลพราก แต่เธอไม่ร้องให้ได้ยินซักแอะเลย ผมเลยหยุดนิ่งไว้และก้มลงไปใช้ริมฝีปากเม้มหัวนม ปลายลิ้นเกลี่ยเบาๆ เพื่อให้เธอเปลี่ยนอารมณ์ ซักพักเธอแอ่นอกให้ผมดูดดื่ม ครางในลำคอเบาๆ คงคลายจากอาการเจ็บแล้ว ผมจึงค่อยๆ ดันท่อนเนื้อต่อ เธอเกร็งท่อนล่างเป็นระยะๆ ผมกัดฟันดันท่อนเนื้อเข้าไปจนสุด ท้องน้อยของผมกับของเธอแนบสนิทกัน น้ำยังคงนอนน้ำตาท่วมอยู่อย่างนั้น ผมให้เธอพักอยู่ในท่านั้นซักพัก ก่อนจะเริ่มซอยท่อนเนื้อเข้าออกในร่องรักของเธอช้าๆ สังเกตดูสีหน้าเธอยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ คงยังเจ็บอยู่ แต่ผมไม่ไหวแล้ว มันอัดอั้นมาตั้งแต่ครั้งที่ได้จูบเธอครั้งแรก
           พอรู้สึกว่าท่อนเนื้อของผมขยับตัวในร่องของเธอได้คล่องขึ้น ผมก็จัดแจงเร่งความเร็วทันที ร่องรักของน้ำตึงกระชับ ผมเสียวไปหมดทั้งตัว ตั้งใจจะยืดเวลาให้นานๆ แต่ท่อนเนื้อมันไม่ยอมเชื่อ กลับเร่งกระแทกเข้าใส่ร่างเธอถี่ยิบ สุดจะกลั้น ผมอัดร่างเข้ากับร่างของเธออีกครั้งก่อนจะประกบร่างติดแน่นกับตัวเธอ ฉีดน้ำรักเข้าใส่ร่องรักเธอ ทั้งเธอและผมกระตุกตามจังหวะที่น้ำรักฉีดเข้าไป น้ำกอดผมแน่น จนเมื่อรู้สึกว่าปลดปล่อยออกไปหมดแล้ว ผมค้างอยู่ในท่านั้นซักพัก ก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออกจากร่างของเธอ และพลิกตัวล้มลงนอนข้างๆ น้ำ เมื่อทุกอย่างเสร็จลงเรียบร้อย น้ำนอนอยู่บนเตียงโดยที่ผมนอนกอดเธออยู่ ที่นอนตรงแถวๆ ก้นของเราเปียกแฉะไปหมด แต่เราก็นอนทับมันทั้งอย่างนั้น ผมคิดว่าเธอคงจะตีโพยตีพาย แต่เธอกลับนอนนิ่ง ผมค่อนข้างหงุดหงิดตัวเอง เพราะเชื่อว่าน้ำคงไม่ถึงจุดสุดยอดแน่ๆ ต่างคนต่างนิ่ง ซักพักน้ำหันมาถามผมว่านี่คือที่เรียกว่ามีอะไรกันใช่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่าใช่ ผมถามเธอว่าน้ำเคยมีอะไรกับใครหรือเปล่า เธอบอกว่าแค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย เพราะที่บ้านเธอไม่เคยปล่อยให้เธอออกไปไหนมาไหนคนเดียว ผมถามว่าทำไมถึงยอมมีอะไรกับผม เธอตอบง่ายๆ ว่าเธออยากตามใจผม เพราะรู้ว่าผมคงอยากได้อย่างนี้
           ผมพูดอะไรไม่ออก เพื่อนๆ เคยเป็นอย่างผมหรือเปล่า ว่าความรู้สึกผิดมักจะมาช้ากว่าเหตุการณ์เสมอ ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ พอมีอะไรกับเธอแล้ว ผมก็รู้สึกผิด แล้วยิ่งรู้สึกแย่กว่านั้นอีกเพราะลืมใส่ถุงยาง และสมัยนั้นผมก็ยังไม่รู้จักโพสตินอร์ จะไปรู้จักได้ยังไงเพราะที่ผ่านมาผมใช้ถุงยางมาตลอด ชิบหายแล้ว จะท้องหรือเปล่าวะ ตั้งใจว่าจะถามเธอเหมือนกันว่าเมนส์มาช่วงไหน แต่ไม่กล้าถาม เพราะถ้ามันอยู่ในช่วงไข่สุก คราวนี้แทนที่ผมจะทุกข์คนเดียว กลายเป็นว่าเธอต้องร่วมทุกข์กับผมด้วย ผมนอนนิ่งคิดเรื่องพวกนี้ น้ำไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ คงคิดว่าผมกังวลเรื่องที่มีอะไรกับเธอ เธอหันมาบอกว่าอะไรๆ ก็ทำไปแล้ว ขอเพียงแค่อย่าทิ้งเธอก็แล้วกัน เธอไม่มีใครผมก็รู้ ผมนอนอึ้งกับคำพูดของเธอ เพราะสารภาพว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้รักเธอ เพียงแค่รู้สึกดีกับเธอเท่านั้น เรื่องจะให้เป็นแฟนกับเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวเนี่ย มันยังไม่ได้อยู่ในความคิดผม แต่ตอนนี้เรื่องที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องเป็นแฟนหรือไม่เป็นแฟน แต่เป็นเรื่องท้องหรือไม่ท้องต่างหาก ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอ ได้แต่หันไปยิ้มให้และให้เธอนอนซบอยู่บนอกผม หมดอารมณ์จะเบิ้ลแล้วเพราะมีเรื่องกังวลอยู่ในใจอย่างนี้ ผมไม่มีอารมณ์หรอก ผมให้น้ำนอนอยู่อย่างนั้นเพราะคิดว่าเธอคงจะยังเจ็บอยู่ ยังไม่อยากให้เธอกลับคณะในสภาพนั้น
           จนบ่ายโมง เธอตื่นนอนขึ้นมา เรายังนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง เพียงแต่ผมเอาผ้าห่มมาห่มร่างของเราเพราะแอร์ในห้องค่อนข้างเย็น เธอหน้าตาดีขึ้น ตาหายบวมจากการร้องไห้ไปบ้างแล้ว ผมบอกเธอว่าไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วล่ะ อยู่บ้านผมนี่แหล่ะ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ ค่อยกลับคณะ เธอพยักหน้ารับ เพราะพ่อเธอจะมารับที่คณะตอนเย็น วันนั้นเราไม่ได้มีอะไรกันอีกเพราะผมไม่มีอารมณ์จริงๆ ก็นั่งคุยนั่งเล่นอยู่ในบ้าน น้ำก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานั่งคุยอยู่ในบ้านจนเย็นจึงกลับคณะ โดยผมแต่งตัวและกลับคณะกับเธอด้วย ที่จริงเหตุการณ์ต่อเนื่องยังมีอีกเยอะมากๆ สรุปว่าเธอไม่ท้องเพราะสามสี่วันผมก็คอยถามเธอว่าเมนส์มาหรือยัง จนเธอบอกว่ามาแล้ว ผมถึงโล่งใจ ในระหว่างนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยเพราะต้องลุ้นว่าท้องหรือไม่ท้อง น้ำกลับมาคณะก็ไม่ได้แสดงอาการว่ามีอะไรกับผมแล้ว เพียงแต่แสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าเดิม หลังจากที่มั่นใจว่าเธอไม่ท้องแน่ๆ แล้ว จากนั้นไม่กี่วันผมก็มีอะไรกับเธออีก โดยชวนเธอกลับมาบ้านผม ไม่กล้าเข้าโรงแรมหรอกนะครับ เพราะเป็นชุดนักศึกษา แล้วผมก็ไม่มีรถด้วย มันเสี่ยง


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
บอกก่อนนะว่าถ้าใครอยากอ่านเรื่องตื่นเต้น ประเภทเอากันทั้งเรื่อง ฟาดกันน้ำกระจายล่ะก้อ เปิดไปอ่านเรื่องอื่นเถอะ เพราะชีวิตจริงมันไม่ได้อยู่บนเตียงอย่างเดียวที่ไหน กว่าจะได้จับมือ กว่าจะได้จูบ กว่าจะได้กอด กว่าจะได้ถอดเสื้อผ้าและกว่าจะได้เอา มันไม่ง่ายเหมือนในนิยาย ถ้าอยากอ่านเรื่องอย่างนั้น ผมเล่าเรื่องตอนไปเที่ยวซ่องให้ฟังดีกว่าเพราะไม่ต้องพูดอะไรมาก จ่ายเงินแล้วก็เอาเลย นั่นแหล่ะถึงจะเรียกว่าเจอกันครั้งแรกก็ฟาดกันน้ำกระจาย หรือให้มันยากกว่านั้นนิดนึงก็เวลาไปเที่ยวผับแล้วมีสาวๆ มาแจมที่โต๊ะด้วย อย่างงั้นก็ได้เอาเหมือนกัน แต่เรื่องอย่างงั้นจะเอามาเล่าทำไม เพื่อนๆ ที่เป็นผู้ชายก็คงได้เอาแบบนั้นมาเหมือนผมแล้ว ผมเลือกที่จะเล่าเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเพราะเชื่อว่าบางคนก็เคยมีประสบการณ์เหมือนๆ กัน แต่บางคนก็ก้มหน้าก้มตาเรียนเพื่อลุ้นเกียรตินิยม นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ เพราะเวลาไปสมัครงาน บริษัทเค้าบวกค่าเกียรตินิยมให้คุณแค่อีกประมาณ 1000 บาท แต่คุณต้องก้มหน้าก้มตาเรียน เสียโอกาสงามๆ ในชีวิตที่พอทำงานแล้ว มันจะไม่มีอย่างนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิจกรรม เรื่องความสนุกสนาน และแน่นอน เรื่องสาวๆ แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าไม่ยอมเรียนเลยนะ นั่นมันก็เกินไป กว่าจะสอบเข้าได้เลือดตาแทบกระเด็น โดนรีไทร์เสียฟอร์มตายเลย ผมน่ะคันปากยิบๆ อยากจะบอกว่าเรียนที่ไหน แต่อย่าเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องแต่ง เพราะฉะนั้น บุคคลในเรื่องมันก็มีตัวตนจริงๆ ขืนบอกสถาบันก็รู้สิว่าผมหมายถึงใคร แล้วบุคคลที่ผมเล่าถึง ไม่ว่าที่เล่าไปแล้วหรือกำลังจะเล่าในโอกาสต่อๆ ไป ปัจจุบันก็ทำงานทำการไปหมดแล้ว ทั้งราชการและเอกชน บางคนก็อยู่วงการบันเทิง ซึ่งยัยคนที่ไปอยู่วงการบันเทิงน่ะสุดยอดมากๆ เรียนสาขาเดียวกันกับผม ตอนอยู่ปี 3 ผมเคยเดินจูงมือเธอเข้าม่านรูดตอนตีสอง เกือบๆ แปดโมงเช้าก็จูงมือเธอเดินออกมาเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ไว้จะเล่าให้ฟัง
           คราวที่แล้วถึงไหนนะ ผมเล่าเรื่องน้ำให้ฟังแล้ว เรามีอะไรกันต่อจากนั้นอีกหลายครั้ง แต่ต้องแอบกลับไปมีอะไรกันที่บ้านผมนะ เพราะไม่มีสถานที่รองรับ ผมสอนเธอหลายท่าหลายวิธี แม้แต่การใช้ปาก ตอนแรกนึกว่าเธอจะไม่ยอม แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก้มหน้าลงไปอมของผมเฉยเลย แต่ไม่เคยออกในปากเธอหรอกเพราะกลัวเธอรับไม่ได้ ผมขอให้เธอกินยาคุม ตอนแรกเธอไม่ยอมเพราะแม่ของเธอชอบเข้ามาในห้องนอน กลัวว่าจะเจอ แต่ผมขอร้องและบอกว่าให้เอาไปซ่อนตรงไหนก็ได้ กล่อมนานมากกว่าเธอจะยอม เพื่อนๆ เคยไปซื้อยาคุมหรือเปล่า ผมต้องเป็นคนซื้อเพราะน้ำไม่ยอมเข้าไปในร้านขายยา ครั้งแรกในชีวิตที่เข้าไปซื้อ ตอนที่บอกเจ้าของร้านว่าเอายาคุมแผงนึง มันถามว่าเอาแบบไหน ใครจะไปรู้วะว่ามันมีแบบไหนบ้าง มันก็อธิบายว่ามีแบบ 21 เม็ดและแบบ 28 เม็ด แล้วมันต่างกันยังไงวะ มันบอกว่าแบบ 21 เม็ด พอเมนส์มาก็ไม่ต้องกิน พอเมนส์หมดก็เริ่มแผงใหม่เลย ส่วนแบบ 28 เม็ด เวลาเมนส์มาก็กินไปเรื่อยๆ เพราะเม็ดหลังๆ มันเป็นน้ำตาล พอครบ 28 เม็ดเมนส์ก็หมดพอดี แล้วเริ่มแผงใหม่เลย
           ผมเอาแบบปลอดภัยเพราะกลัวว่าน้ำจะลืมกินเลยเอาแบบ 28 เม็ด ให้กินทุกวันไปเลยดีกว่า มันก็ถามอีกว่าเอายี่ห้อไหน โห แม่ง กูจะรู้หรือเปล่าวะเนี่ย เจ้าของร้านมันคงเห็นผมเริ่มรำคาญ ก็เลยหยิบยี่ห้อ preme มาให้ ซึ่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้ผมก็มักจะใช้ยี่ห้อนี้เสมอ เพราะมี side effect น้อยมาก (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ) ผมจ่ายเงินแล้วเดินออกมาหาน้ำที่รออยู่ข้างนอก แล้วเริ่มให้เธอกิน แต่ก็น่ารำคาญเหมือนกันนะ เพราะคู่มือมันบอกว่าเดือนแรกของการกินยา ให้ใช้วิธีอื่นช่วยคุมด้วย นั่นก็หมายความว่ายาแผงแรกเนี่ย เวลาผมจะเอากับเธอต้องใช้ถุงยาง จนกว่าจะเริ่มแผงที่สอง ยุ่งยากชิบหาย แต่ตอนที่น้ำเริ่มกินยาแผงแรก ทั้งผมและน้ำก็อึดอัดเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่ารูปร่างเธอเปลี่ยนไป ถ้าใครสังเกตก็จะเห็นว่านมเธอใหญ่ขึ้น จนเสื้อเธอที่พอดีตัวมันกลายเป็นค่อนข้างคับไปเลย ผมก็อยู่อย่างนั้นกับน้ำ จนตอนหลังๆ ผมเริ่มกล้ามากขึ้น เวลาทำรายงานกันในห้องเรียนตอนเย็นๆ ผมทั้งล้วงทั้งควักจนเราแทบไม่ได้ทำรายงานเลย
           มีอยู่วันนึง ระหว่างที่ผมนั่งจูบไซ้เธออยู่ในห้อง น้ำก็นั่งนิ่งให้ผมไซ้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ก็ตามเคยล่ะ ผมดึงชายเสื้อน้ำออกจากกระโปรง และปลดไอ้กระดุมใหญ่ๆ ออกเพื่อจะได้สอดมือเข้าไปหาสองเต้าที่คุ้นมือ น้ำไม่ได้ใส่เสื้อทับแล้ว เพราะผมขอตรงๆ ไม่ให้เธอใส่อีก พอปลดกระดุมออกผมก็เอื้อมมือไปปลดตะขอชั้นใน จนมันคลายการรัดตัว ผมลูบไล้ร่างนั้นจนทั่วก่อนจะวกมือกลับมาด้านหน้า ลอดเข้าไปในชั้นในจนพบสองเต้าเต็มมือ ผมไม่ได้ถอดเสื้อชั้นนอกกับชั้นในเธอออก เพราะป้องกันเหตุสุดวิสัย อาศัยแค่ล้วงมือลอดเข้าไปในชั้นในเธอก็พอ เดี๋ยวนี้น้ำไม่ได้นั่งนิ่งเหมือนสมัยก่อน เธอเรียนรู้เร็วมากสมกับเป็นเด็กเรียนจริงๆ พอมือผมสัมผัสถูกนมเธอ มือเธอก็วางลงบนต้นขาผม และลูบไปมาอยู่บนเป้ากางเกง ไอ้นั่นผมตอบรับสัมผัสของเธอทันที น้ำใช้มือบีบขยำท่อนเนื้อจากนอกกางเกงผมเบาๆ แค่นั้นก็เสียวจะแย่แล้ว ผมรีบดึงชั้นในเธอขึ้นไปอยู่บนเนินอก และลงไปซบกับสองเต้าของเธอทันที ปลายลิ้นพุ่งเข้าหายอดเม็ดทับทิมขนาดน่ารักและตวัดลิ้นเข้าใส่ น้ำสะดุ้งแอ่นอกให้ ผมทั้งดูดทั้งเลียจนมันแข็งชันขึ้นมา เสียงน้ำครางเบาๆ ทั้งมือเธอและมือผมทำงานหนักมาก เพราะต่างคนต่างลูบไล้อีกฝ่ายนึงตลอด
           พอนึกย้อนกลับไปวันนั้นแล้วหวาดเสียวจริงๆ ผมไม่รู้ว่ากินดีหมี หัวใจเสืออะไรมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าโทษของเรื่องชู้สาวในมหาวิทยาลัยมีโทษถึงไล่ออก แต่ตอนนั้นมันไม่กลัวแล้ว ผมจับเธอยืนและดันเธอไปติดข้างฝา น้ำเดินถอยหลังไปติดข้างฝาผนังตามแรงดันของผม เธอยังงงๆ อยู่ว่าผมจะทำอะไร ผมทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าหน้าเธอ แล้วเลิกกระโปรงเธอขึ้นไปไว้ที่เอว ได้ยินเสียงเธอร้องห้ามเหมือนกันแหล่ะแต่ไม่อยากฟัง ผมซบหน้าลงกับกางเกงในของเธอ และใช้ปลายลิ้นตวัดขึ้นลงตรงรอยผ่านอกกางเกงใน น้ำสะดุ้งเฮือก ทำท่าเหมือนจะดันศีรษะผมออก แต่กลายเป็นดึงศีรษะผมเข้าไปแนบกับกางเกงในของเธอ ผมเขี่ยปลายลิ้นไปมาอยู่ตรงนั้น จนรู้สึกว่าภายใต้กางเกงในสีครีมนั้นมันเริ่มเปียกชื้น ลืมบอกไป น้ำมีชุดชั้นในอยู่แค่สองสีคือสีขาวกับสีครีม นี่เธอบอกผมนะ ผมแอบเงยหน้าขึ้นไป เห็นน้ำยืนหลับตานิ่ง สุดแสนจะทนจริงๆ ผมจับขอบกางเกงในเธอแล้วรูดลงมา รวดเดียวมากองอยู่ที่ข้อเท้า น้ำสะดุ้งตกใจ เพราะไม่คิดว่าผมจะกล้าทำขนาดนั้น เสียงเธอร้องห้ามยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ผมฉกปลายลิ้นเข้าใส่ร่องรักที่มีขนปกคลุมบางๆ อีกครั้ง คราวนี้น้ำยืนแอ่นให้ผมทั้งดูดทั้งเลีย เสียงครางเบาๆ นี่มันเร้าอารมณ์จริงๆ
           ผมดูดเลียจนเห็นว่าร่องรักของเธอหลั่งน้ำออกมาพอสมควรแล้วก็ลุกขึ้นยืน จับร่างเธอพลิกหันหน้าเข้าข้างฝา คราวนี้น้ำตกใจจริงๆ เพราะรู้แล้วว่าผมจะทำอะไร เธอพยายามขืนตัวไว้ แต่ผมสุดทนแล้ว บรรยากาศมันน่าเอาจริงๆ ยิ่งมีความรู้สึกว่ามันเสี่ยงยิ่งตื่นเต้น พอจับร่างเธอยืนหันหน้าเข้าข้างฝาแล้ว ไม่ต้องปลดเข็มขัดหรือถอดกางเกงให้เสียเวลาหรอก ผมรูดซิปแล้วล้วงท่อนเนื้อออกมาจากกางเกง ดึงตัวเธอให้อยู่ในท่าโก้งโค้ง ใช้หัวเข่าแยกต้นขาเธอออกแล้วประกบติดหลังเธอ จับท่อนเนื้อจะดันเข้าไปในร่องรัก น้ำส่ายสะโพกไปมาทำท่าจะไม่ยอม ผมต้องไปกระซิบข้างหูเธอว่าอย่ามัวเสียเวลาเลย รีบๆ ทำให้เสร็จเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวใครมาเห็นจะเดือดร้อน ร่างของน้ำที่บิดหนีไปมาจึงยอมอยู่นิ่ง ผมก็ไม่ยอมเสียเวลาจริงๆ พอท่อนเนื้อจ่อตรงร่องรักของเธอก็ดันเข้าไปทันที น้ำกระตุกนิดนึง เพราะถึงแม้เราจะเอากันบ่อย แต่มันก็ไม่บ่อยมากจนถึงกับทำให้ร่องรักของเธอเสียรูป พอดันเข้าไปจนมิดแล้วผมก็เร่งเครื่องกระแทกท่อนเนื้อเข้าใส่ร่องรักเธอทันที ไม่ต้องค่อยๆ ทำเพื่อสร้างอารมณ์แล้วเพราะเวลามีน้อย ผู้หญิงอวบก็ดีอย่างนึง เพราะเนื้อตรงแก้มก้นเธอมันค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเวลากระแทกเอวเข้าใส่ร่างเธอ มันจะหยุ่นๆ ตรงหน้าท้องเหมือนกระแทกตัวเข้าใส่เตียงสปริงยังไงอย่างงั้น
           ผมกระแทกร่างเข้าใส่ร่างของน้ำที่ยืนพิงผนังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว บรรยากาศตอนนั้นและความรู้สึกว่ามันต้องหลบๆ ซ่อนๆ ทำให้อารมณ์ผมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ใจอยากจะรอให้เสร็จพร้อมๆ กับน้ำ แต่ทนไม่ไหว ผมกระแทกเอวเข้าใส่ร่องรักของน้ำอีกสองสามครั้ง แล้วประกบร่างเข้าติดหลังเธอแน่น น้ำรักฉีดเข้าใส่ร่างเธอพรวดๆ น้ำสะดุ้งเฮือก ผมยืนนิ่งปล่อยให้น้ำรักในตัวฉีดเข้าใส่ร่องรักเธอจนหมด แล้วจึงค่อยๆ ถอนท่อนเนื้อออกจากร่องรักของเธอ คราวนี้มีปัญหาอีก บรรดาน้ำอะไรต่อมิอะไรมันไหลออกมาจากร่องรักลงมาตามต้นขาเธอ ผมตัดใจยอมสละผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบทั้งหมดออก แม้กระทั่งตรงบริเวณร่องรักของเธอจนสะอาด พอเรียบร้อยแล้วก็รูดซิปเก็บและรีบช่วยเธอแต่งตัว เราไม่รอให้นักการมาเยี่ยม พอน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็ออกจากห้องเรียนแล้วกลับบ้านทันที
           ผมอยู่กับน้ำในฐานะบัดดี้ ช่วยกันเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมในคณะ และเรื่องบนเตียง ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปหนึ่งปีแล้ว จนกระทั่งปิดเทอม แต่ช่วงปิดเทอมผมไม่ได้เจอเธอเลย เพราะที่บ้านเธอไปอังกฤษทั้งบ้าน ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอกันอีก ช่วงปิดเทอมผมก็เฮฮากับเพื่อนๆ ตามปกติ ก็ต้องฉลองกันหน่อย เพราะในเทอมสองผมสามารถแก้เกรดจนพ้นวิกฤติมาได้ แต่ก็น้อยใจเหมือนกันนะว่าเป็นบัดดี้ภาษาอะไรวะ เทอมแรกเธอได้ 3.2 ผมได้ 1.8 เทอมสองดีขึ้นมาหน่อย เธอได้ 3.3 ผมได้ 2.4 เฉลี่ยแล้วก็พ้นโปรอย่างหวุดหวิด น้ำกลับมาก่อนลงทะเบียนประมาณสองอาทิตย์ เรานัดเจอกัน เธอบอกที่บ้านว่าขอไปคุยกับเพื่อนเรื่องเรียน แล้วก็มาอยู่ที่บ้านผม ผมเข้าใจแล้วว่าเวลาที่เขาบอกว่าขลุกกันอยู่แต่บนเตียงหมายถึงอะไร ตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงเกือบๆ สี่โมงเย็น พอเราถอดเสื้อผ้าแล้วเราก็แทบไม่ได้ลุกออกมาจากเตียงเลย เอาเสร็จก็นอน นอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาเอาต่อ วนเวียนอยู่อย่างนี้ เรียกว่ากินนอนบนเตียงเลยล่ะ เราเล่นแม้กระทั่งเป่ายิงฉุบหรือเอาไพ่มาจับใหญ่(เพื่อนๆรู้จักหรือเปล่า)ว่าใครแพ้ต้องเป็นคนอยู่ข้างบน เพราะบ่อยๆ เข้าผมก็เกี่ยงเหมือนกันนะเพราะมันเมื่อย เราลุกขึ้นมาก็แค่เข้าห้องน้ำและตอนกินข้าวเท่านั้น
           ตลอดทั้งอาทิตย์ น้ำมาอยู่ที่บ้านผมทุกวัน ผมไม่เบื่อที่จะเอาเธอเลย ยิ่งเอา เธอยิ่งเก่ง แล้วตอนเธอกลับบ้าน ผมต้องรีบเอาผ้าปูที่นอนลงเครื่องซักผ้าแล้วปูผืนใหม่ เพราะผืนเก่ามันเปียกโชกไปหมด ถ้าแม่เห็นต้องรู้แน่ๆ เลย และตอนนั้นผมไม่สนใจแล้วว่าคนในรั้วจะคิดยังไง ช่างหัวมัน มึงอยากฟ้องพ่อกูก็เรื่องของมึง จนกระทั่งประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย รุ่นเราตื่นเต้นมากเพราะปีนี้เราจะมีน้องใหม่แล้ว รู้สึกว่าเราไม่ใช่เด็กใหม่อีกแล้ว ทุกคนใจจดจ่อว่าเด็กปีหนึ่งจะเป็นยังไงบ้าง จนวันแรกของการพบกัน ก็เห็นเด็กๆ ยืนกันในคณะหน้าสลอนไปหมด ตอนนั้นทุกคนยังไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา ผมมองแวบแรกแล้วอิจฉาเด็กรุ่นนี้มาก เพราะน้องๆ ผู้หญิงรุ่นนี้สวยกว่ารุ่นของผมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย หลายๆ คนในนั้นน่ารักมาก จนผมต้องสวดภาวนาในใจขอให้ได้น้องรหัสน่ารักๆ กับเค้าซักคน เพื่อนๆ ผมเป็นหนักกว่าอีก เห็นมันยืนเถียงกันว่าคนนี้กูจองแล้ว มึงไปดูคนอื่นสิ เสียงพวกมันเถียงกันดังไปหมด วันนั้นก็ไม่มีอะไรมากแค่ทักทายปกติ เพราะการเลือกพี่รหัสจะเลือกหลังจากลงทะเบียนเรียนแล้ว
           จนเมื่อทุกคนลงทะเบียนเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงวันตื่นเต้นอีกครั้ง เราลุ้นกันว่าจะได้เป็นพี่รหัสใคร จนมาถึงคิวผม พอเลือกน้องรหัส(ไม่บอกวิธีนะครับเพราะแต่ละสถาบันไม่เหมือนกัน ขืนบอกก็รู้สิว่าที่ไหน) และเห็นหน้า ผมถอนหายใจเพราะไม่ตรงกับคนที่ผมเลือกไว้ในใจ น้องรหัสผมชื่อจุ๋ม มาจากตระกูลสาธิตเหมือนกัน ไม่ได้ขี้เหร่นะ อย่างที่เคยบอกไง ว่าเด็กตระกูลฝรั่งกับตระกูลสาธิตหาคนขี้เหร่ยาก เหมือนกับว่าเวลาเลือกนักเรียน โรงเรียนเค้าเลือกหน้าตาด้วยอย่างงั้นแหล่ะ แต่ที่เสียดายเพราะจุ๋มดูกระโดกกระเดกคล้ายผู้ชาย ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยชอบ แต่ก็ช่างมัน คิดซะว่าทำบุญมาแค่นี้ก็ได้แค่นี้ แต่ดูๆ แล้วน้ำจะค่อนข้างพอใจนะที่ผมได้จุ๋มเป็นน้องรหัส เพราะเธอรู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงสไตล์นี้ ส่วนเธอได้น้องรหัสชื่อแจ และเป็นน้องจากโรงเรียนเก่าของเธอด้วย ซึ่งน้ำก็ดีอกดีใจใหญ่ ในขณะที่ผมโคตรเซ็งเลย น้ำยังมีหน้ามากระซิบสมน้ำหน้าผมอีก ผมได้แต่คิดในใจว่ามาสมน้ำหน้าอย่างนี้ เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะเอาคืน แต่บอกก่อนนะว่าที่หวังเรื่องน้องรหัสอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่ใช่หวังเรื่องทุเรศๆ นะ เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกเท่านั้นเองว่าถ้าน้องรหัสน่ารัก เวลาเอาไปอวดใครก็พูดได้เต็มปากแค่นั้น
           แต่อย่างที่บอกไงว่าโชคมักจะเข้าข้างคนดีเสมอ น้องน่ารักคนที่ผมแอบมองเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับจุ๋ม พึ่งรู้ว่าเธอชื่อริน รินไม่ใช่คนสวยนะแต่เป็นคนน่ารัก ตัวเล็กๆ ซอยผมสั้น ท่าทางยังเด็กอยู่เลย แล้วยังกินข้าวกับน้องรหัสผมซะด้วย ผมเลยรู้สึกว่าควรจะเป็นพี่รหัสที่ดีซะหน่อยโดยการพาน้องรหัสไปเลี้ยง ก็เลยชวนจุ๋มไปกินข้าว เพราะรู้อยู่แล้วว่าจุ๋มต้องชวนรินไปด้วยแน่ๆ ผมเลือกวันที่ดีที่สุดในการพาน้องรหัสไปเลี้ยง นั่นคือวันที่น้ำต้องเข้าเล็คเชอร์เต็มวัน ซึ่งเป็นวิชาที่เธอโดดไม่ได้ น้ำหน้าหงิกมาก แต่ผมบอกว่าน้องเค้าเลือกวันกันเอง ผมไม่เกี่ยว แหะ แหะ เอ๊ะ! ยืดเยื้อเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ก็อย่างที่บอกนะว่าถ้าอยากอ่านเรื่องเอากันมันๆ ก็ดูเรื่องอื่นไปก่อน ผมไม่อยากข้ามขั้นตอน เพราะเวลานึกถึงช่วงนั้นแล้วมีความสุขจังเลย ก็มานั่งกินข้าวกันที่ร้านนอกมหาวิทยาลัย กินไปคุยไป ผมอยากคุยกับริน แต่จุ๋มเหมือนเป็นเด็กเก็บกด พอมีโอกาสพูด เธอพูดไม่หยุดเลย ผมอยากบอกว่ารำคาญชิบหาย แต่ก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็อือออไปกับน้องรหัสตัวเอง สรุปว่าวันนั้นไม่ค่อยได้ประโยชน์หรอก แต่ก็พอจะรู้ว่ารินเป็นลูกสาวคนเดียว ยังไม่มีแฟนอีกต่างหาก
           เรากินกันเสร็จก็กลับคณะ คนหน้าคุ้นๆ นั่งรออยู่ หน้าหงิกสุดชีวิต ผมก็ได้แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้เข้าไปชวนคุย แล้วแอบกระซิบบอกว่าวันนี้อยู่ทำรายงานด้วยกันนะ ตอนแรกน้ำจะไม่ยอมเพราะงอนมาก แต่ผมตื๊อซักพักน้ำก็หายงอน แล้วเย็นนั้นผมก็ทำรายงานกับน้ำไปทีนึงจนเธออารมณ์ดีเหมือนเดิม แต่จะบอกว่าช่วงหลังๆ ผมไม่ค่อยชอบทำอะไรในสาขาแล้ว เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงอย่างนั้นอีก อยากทำอะไรก็หาโอกาสกลับไปทำที่บ้านดีกว่า ไม่ต้องรีบร้อนด้วย แต่จะบอกว่าตั้งแต่วันนั้นมา ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะเขวยังไงชอบกล กิจกรรมนอกหลักสูตรที่ผมเรียนกับน้ำแค่สองคนเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าช่วงหลังๆ น้ำเป็นคนสะกิดเพื่อชวนผมไปออกกำลังกายเอง อาจเป็นเพราะโดยพื้นฐานแล้วผมไม่ได้รักน้ำ เหมือนกับเราเป็นแฟนเฉพาะกิจกันมากกว่า ที่จริงน้ำก็ดีนะ แต่ข้อเสียบางอย่างของน้ำที่ผมไม่ค่อยชอบคือเธอค่อนข้างดูถูกคน ซึ่งเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างเกลียดนิสัยอย่างนี้ และอีกอย่างนึงคือเธอชอบแสดงอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว โดยเฉพาะเวลาที่ผมนั่งคุยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ แต่จะทำยังไงเพราะสาขามันก็ไม่ได้ใหญ่ ขยับตัวทำอะไรนิดเดียวก็รู้กันหมดแล้ว ก็ได้แต่อยู่ไปวันๆ อย่างงั้น
           คนมีโชค ทำยังไงมันก็มีโชค มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมได้มีโอกาสอยู่ใกล้ริน เนื่องจากมีรุ่นพี่ปี 3 คนนึงเขามาทำหมาหยอกไก่กับริน ทำนองว่าอยากจะขอเป็นแฟน แต่ดูเหมือนรินจะไม่เล่นด้วย วิธีแก้ปัญหาของรินก็คือมาใช้เวลาอยู่กับจุ๋มมากขึ้น ไอ้น้องรหัสคนนี้ขอให้มันเจริญๆ เถอะ จุ๋มคงรู้ว่าผมคงจะชอบๆ ริน ประกอบกับน้องรหัสผมไม่ค่อยชอบหน้าน้ำด้วย เพราะน้ำชอบแสดงอาการหงุดหงิดใส่ เวลาถ้าจุ๋มนั่งคุยกับผมนานๆ จุ๋มเคยถามผมตรงๆว่าน้ำเป็นแฟนผมเหรอ ผมก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะถ้าตอบว่าไม่ใช่ เดี๋ยวถ้าถึงหูน้ำผมซวย แต่ถ้าตอบว่าใช่ เดี๋ยวถึงหูรินผมอด ก็เลยตอบแบบคลุมเครือไป คราวนี้พอรินมานั่งคุยด้วย จุ๋มก็จะขยิบตาเรียกให้ผมไปนั่งด้วยทันที แม่พระในร่างน้องรหัสแท้ๆ จากการที่คุยกันสามคนจนเริ่มสนิทกันมากขึ้น ไม่นานผมก็เริ่มที่จะได้คุยกับรินสองคนบ้าง แม่พระจุ๋มจะอ้างว่าติดเรียนบ้าง ติดทำบอร์ดบ้าง อย่างนี้เป็นประจำ จนตอนหลังน้องรหัสผู้ประเสริฐก็ไม่ต้องมาอีก ปล่อยให้ผมคุยกับรินกันเอง แต่ต้องทำเป็นเดินไปคุยนอกสาขา ทำนองว่าผมมีธุระนอกสาขาพอดี พอกลับเข้าสาขา น้ำถามละเอียดยิบเลยว่าหายไปไหนมา ผมก็บอกว่าผมไปหาเพื่อนคณะอื่น คุยเสร็จก็พึ่งกลับมานี่แหล่ะ ดูคล้ายๆ กับน้ำไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ของอย่างงี้ ไม่มีหลักฐาน กล่าวหาไม่ได้นะ
           ผมได้ความรู้จากน้ำข้อนึงว่า เวลาผู้หญิงมีอารมณ์แล้วไม่ได้เอาก็หงุดหงิดเป็นเหมือนกัน ผมนึกว่าจะเป็นเฉพาะผู้ชายเสียอีก น้ำตัดพ้อกับผมว่าช่วงหลังๆ มานี่ ผมไม่ค่อยพาเธอไปเที่ยวบ้านเลย ก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะผมมัวแต่ไปนึกถึงเพื่อนน้องรหัสซะจนไม่ค่อยได้นึกถึงน้ำ ตอนเย็นผมก็เริ่มไม่ค่อยจะได้ทำรายงาน ทั้งรายงานจริงและรายงานส่วนตัว น้ำเคยแม้กระทั่งเดินมาโต๊ะที่ผมนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ ผู้ชาย กระแทกกระเป๋าถือของเธอกับโต๊ะ แล้วบอกว่าตอนเย็นให้อยู่ช่วยเธอทำรายงานด้วย หน้าตาเธอหงุดหงิดมาก เพื่อนๆ ผมที่นั่งกินข้าวอยู่งงทั้งโต๊ะเลย ว่าแค่ทำรายงานทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย ก็ถ้าเธอหงุดหงิดขนาดนี้ ขืนผมยังอ้อยสร้อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กลัวว่าน้ำจะทำหรือแสดงอะไรบ้าๆ ออกมาที่ผมไม่อยากเห็น ก็อยู่ช่วยเธอทำรายงานจนอารมณ์ดีนั่นแหล่ะ แต่ผมรู้ตัวเองว่ามันไม่ได้เกิดจากความต้องการจริงๆ ของผม ผมคุยกับรินบ่อยมากขึ้น จนวันนึงที่สาขาต้องทำบอร์ดของสาขา ทุกคนต้องอยู่ช่วยกัน
           โชคหล่นใส่กบาลผมอีกครั้งจนเจ็บไปหมด พ่อของน้ำมานั่งรอรับลูกสาวกลับบ้านตอนเย็น น้ำหน้าหงิกไม่พูดไม่จา เพราะไม่คิดว่าพ่อจะรอรับ เธอกะว่าจะอยู่กับผมจนเลิกแล้วค่อยให้ผมไปส่งที่หน้าบ้าน ผมก็ได้แต่ปลอบว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็เจอกัน อย่าหงุดหงิดมากนักเดี๋ยวพ่อจะสงสัย เธอจึงยอมสงบ แต่ผมเนื้อเต้นเลยล่ะ รีบไปประกบแม่พระจุ๋มทันที กระซิบกับน้องรหัสผู้น่ารักว่าให้ช่วยบอกรินหน่อย ว่าเดี๋ยวทำบอร์ดเสร็จผมจะไปส่งที่บ้านนะ ผู้มีพระคุณของผมรับคำทันที และไปกระซิบบอกรินตามที่ผมขอ ผมเห็นรินหันมามองซักพักแล้วพยักหน้า ถ้าตอนนั้นน้องจุ๋มคนดีขออะไรผมให้หมดเลยนะ ยังคิดอยู่เลยว่าตอนเลือกน้องรหัส ผมมองข้ามคนดีอย่างนี้ไปได้ยังไงวะ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาบ้านของริน แต่ไกลชิบหาย บ้านผมอยู่ฝั่งธน แต่เธออยู่ศรีนครินทร์ บ้านเงียบมากๆ ซักพักแม่เธอเดินมาเปิดประตูให้ ผมเลยถือโอกาสเข้าบ้านไปกับเธอด้วย ก็เลยรู้ว่าพ่อเธอไม่อยู่ เพราะทำงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แม่รินขอบคุณผมที่มาส่ง
           อยากจะบอกแม่เธอว่า โธ่ คิดหาวิธีมาตั้งนาน ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย แต่นี่ผมแค่คิดนะ ไม่ได้พูดออกมาหรอก ก็เลยเอ่ยปากกับแม่เธอว่าไม่เป็นไร แล้วต่อไปถ้าต้องกลับดึกอย่างนี้ ผมจะมาส่งให้เอง แม่เธอยิ้มใหญ่เลย แต่รินยิ้มแปลกๆ ชอบกลว่ะ หรือผมอ่านรอยยิ้มเธอผิดไปก็ไม่รู้ ก็เข้าไปนั่งในบ้านเธอซักพัก เป็นบ้านจัดสรรทั่วๆ ไป ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ห้องกินข้าว มีบันไดขึ้นชั้นสองแต่ผมไม่ได้ขึ้นไปหรอกนะ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศของบ้านนี้ดูแปลกๆ ผมว่าบ้านผมเงียบแล้วนะ แต่นี่มันยังไงก็ไม่รู้ แม่เธอนั่งคุยด้วยซักพักก็ขอตัวขึ้นนอน ให้ผมนั่งคุยกับรินอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่าง ซึ่งผมงงมากๆ ว่าแม่เธอให้ผมอยู่กับรินสองคนได้ยังไง อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้ผมกลับบ้านได้แล้ว หรืออยู่เป็นเพื่อนคุยกันสามคน ก็ดูเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า จู่ๆ รินก็ถามผมว่าพี่ชอบรินจริงๆ หรือเปล่า เห็นจุ๋มบอกว่าพี่ชอบริน อ้าว ชิบหายแล้ว ผู้มีพระคุณของผมไม่เตี๊ยมกับผมก่อน เจอยิงลูกโทษด้วยคำถามนี้ มันนึกคำตอบไม่ทันจริงๆ นะ ผมบอกว่าผมรู้สึกดีกับเธอ แล้วเธอเป็นเพื่อนกับจุ๋มซึ่งเป็นน้องรหัสผม เธอก็เป็นเหมือนน้องผมด้วยเหมือนกัน รินบอกว่าได้ยินมาว่าผมเป็นแฟนกับน้ำ เรื่องจริงหรือเปล่า
           ตอนนั้นผมทำพลาดมากๆ ดันไปบอกเธอว่าไม่ได้เป็น น้ำเป็นแค่บัดดี้ของผมเท่านั้น จะบอกเพื่อนๆ ว่าวินาทีนั้น ผมไม่ชอบแววตาที่เธอมองผมเลย มันยังไงก็ไม่รู้ รินยิ้มๆ กับคำตอบผม แล้วก็ไม่ถามเรื่องอะไรอีก ผมอึดอัดกับบรรยากาศในบ้านนั้นก็เลยขอตัวกลับบ้าน รินมาส่งหน้าบ้านแล้วยังถามอีกว่า ต่อไปผมจะมาส่งเธออีกหรือเปล่า ความรู้สึกผมตอนนั้นรู้สึกว่ารินดูแปลกๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมตอบว่าถ้าเธอให้ส่ง ผมก็จะมาส่ง เธอยิ้มเฉยๆ แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ ผมกลับบ้านดีกว่า ผมแอบไปส่งรินอยู่ประมาณอาทิตย์กว่า โดยบอกน้ำว่าผมต้องไปหาเพื่อนต่างคณะ ให้เธอกลับกับพ่อ น้ำไม่ค่อยเห็นด้วย แต่คงไม่รู้จะเถียงยังไง เวลากลับผมต้องให้รินไปรอที่ป้ายรถเมล์ แล้วพอจังหวะดีผมก็รีบเดินออกไป
           แล้วฟ้าก็ผ่าที่คณะ วันโลกาวินาศของผม ตอนสายๆ วันนึง น้ำเดินน้ำตาท่วมมาหาผมที่โต๊ะใต้ต้นไม้ที่ผมนั่งอยู่ มาถึงก็กระแทกกระเป๋าจนผมสะดุ้ง ไม่พูดพล่ามทำเพลง ยืนถามผมทั้งๆ ที่มีคนอื่นนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ตั้งหลายคน เธอถามว่าผมไปบอกคนอื่นเหรอว่าเธอไม่ได้เป็นแฟนกับผม ผมนั่งใบ้แดก ก็พึ่งพลั้งปากพูดกับรินแค่คนเดียว น้ำพูดไปร้องไห้ไป บอกว่ารินมาบอกคนที่คณะว่าผมไปส่งเธอที่บ้าน นั่งคุยกันจนดึก แล้วก็บอกว่าชอบเธอด้วย และผมยังสารภาพกับเธอว่าผมไม่ได้เป็นแฟนกับน้ำ น้ำถามว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น วินาทีนั้นผมอายโต๊ะข้างๆ มาก บอกน้ำให้ค่อยๆ นั่งคุยแต่น้ำไม่ยอมฟัง ก็บอกแล้วไงว่าเวลาน้ำดื้อนี่แย่ที่สุดเลย เธอเล่นยืนถามตรงนั้นเลยว่าตกลงว่าผมเป็นแฟนกับเธอหรือเปล่า ผมบอกแล้วว่าผมไม่ค่อยชอบคนก้าวร้าว ก็เลยบอกเธอว่าถ้าเธอทำอย่างนี้ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีแฟนอย่างนี้เหมือนกัน น้ำยืนนิ่งเพราะไม่คิดว่าผมจะตอบอย่างนั้น เธอมองหน้าผมซักพักก็หยิบกระเป๋าเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีกซักคำ ผมอยากตามไปขอโทษเธอ แต่ตอนนั้นศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ คนอื่นๆ นั่งกันอยู่เต็ม ผมไม่กล้าทำอย่างที่คิด ก็คิดแค่ว่าเดี๋ยวตอนเย็นผมค่อยไปขอโทษเธอก็แล้วกัน
           แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะเดี๋ยวเดียวจุ๋มเดินคู่กับรินมานั่งที่โต๊ะ ตอนนั้นผมไม่ค่อยพอใจรินเหมือนกันที่พูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไง แต่รินดูมีสีหน้าระรื่นดีจริงๆ ก็นั่งคุยกันอยู่อย่างนั้นจนโต๊ะข้างๆ เค้าทยอยไปที่อื่น ผมจึงถามรินว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น ดูจุ๋มสีหน้าไม่ค่อยดีแต่รินยังคงยิ้มแฉ่งอยู่อย่างนั้น รินบอกว่าอย่างนี้ก็ดีแล้ว เพราะเธอจะได้มั่นใจได้ว่าผมไม่ใช่แฟนน้ำจริงๆ เธอบอกว่าที่ผ่านมาเธอก็ไม่ค่อยพอใจเหมือนกัน ที่เวลาคุยกันต้องออกไปคุยกันนอกคณะ เวลากลับบ้านก็ต้องให้เธอออกไปรอข้างนอกก่อน แต่ว่าจากนี้ไปคงนั่งคุยกันหรือกลับบ้านพร้อมกันได้ตลอดแล้ว เพราะใครๆ ก็รู้แล้วว่าผมชอบเธอ ผมหันไปมองหน้าน้องรหัสแต่เธอไม่ยอมสบตาด้วย รินบอกว่าวันนี้ช่วยไปส่งเธอหน่อยได้หรือเปล่า เธอจะโทรบอกแม่ว่าผมจะไปกินข้าวเย็นด้วย ผมอยากปฏิเสธ แต่เห็นหน้าเธอแล้วใจอ่อนยังไงก็ไม่รู้ ตั้งใจว่าจะอยู่ขอโทษน้ำตอนเย็นแต่ปากเสือกบอกเธอว่าตกลง เธอก็ยิ้มแฉ่งตามเคย
           ตอนเย็น ผมนั่งรถเมล์ปรับอากาศกับริน ตอนนั้นใจคอไม่ดีหรอกเพราะนึกถึงน้ำ รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายจังเลย แล้วตั้งแต่ที่ทะเลาะกัน ผมไม่เจอเธออีกเลยจนกระทั่งกลับบ้าน รินนั่งขวามือ ผมให้เธอนั่งติดกระจก พอสนิทกันแล้วเนี่ย รินก็พูดมากเหมือนกันนะ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมอยู่กับผู้หญิง แล้วผู้หญิงเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกก่อน ผมนั่งอยู่ดีๆ รินเอื้อมมือซ้ายมากุมหลังมือผม ผมเหลียวหน้าเลิ่กลั่กเพราะนี่มันบนรถปอ. เรานั่งเบาะคู่เกือบๆหลังสุด รินปิดผ้าม่านกระจก ผมชักอึดอัดเพราะไม่รู้เธอจะมาไม้ไหน รินหันมามองหน้า ผมก็มองตอบ แล้วรู้สึกว่าเธอน่ารักจังเลย ผมมองซ้ายมองขวาแล้วจูบเธอเบาๆ ที่หน้าผาก รินหลับตาพริ้ม จากหน้าผากก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาจนประกบกับริมฝีปากเล็กๆ ของเธอ ให้ตายห่าเถอะ เธอสอดลิ้นเข้ามาในปากผม ก่อนผมจะทำอะไรเสียอีก ปลายลิ้นของรินเข้ามาคว้านอยู่ในโพรงปากของผมจนผมเสียวไปหมดทั้งตัว แล้วจู่ๆ มือเธอที่กุมหลังมือผมอยู่ ดึงมือผมไปทาบบนหน้าอกของเธอ ผมใจหายวาบ บ้าอะไรวะ หน้าอกของเธอค่อนข้างเล็ก แต่คงสมตัวเพราะเธอตัวนิดเดียว รินจับมือผมคลึงเบาๆ บนหน้าอกเธอ ซักพักเธอปล่อยมือผมออก แต่ผมก็ยังคงบีบเคล้นสองเต้าของเธออยู่อย่างนั้น แต่ไม่กล้าขยำแรงเพราะกลัวเสื้อยับ
           กำลังเพลินๆ มืออยู่ก็ต้องตกใจเพราะรินเอื้อมมือขวามาวางบนเป้ากางเกงที่ท่อนเนื้อผมกำลังแข็งอยู่ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร รินกระซิบข้างหูผมเบาหวิวว่าให้เธอช่วยเอามั๊ย ผมนั่งใบ้แดกเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอของจริง รินไม่รอคำตอบ เธอบรรจงปลดเข็มขัด แกะตะขอกางเกงและค่อยๆ รูดซิปผมลงไปจนสุด ผมอ้าปากค้าง เธอยิ้มนิดๆ เงยหน้ามองผม แล้วผมก็ต้องเสียววาบอีกครั้ง เมื่อเธอล้วงมือเข้าไปในกางเกงในและบีบนวดท่อนเนื้อผมเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงมันออกมาจากกางเกงใน เสียวก็เสียวนะ แต่มันตื่นเต้นมากๆ เพราะคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่ในรถ โชคดีก็คือข้างหลังและเบาะข้างไม่มีคนนั่ง รินค่อยๆ รูดท่อนเนื้อของผมขึ้นลงช้าๆ ผมต้องถอนหายใจตามจังหวะมือของเธอ ผมเค้นคลึงสองเต้าของเธอ ซักพักก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนเธอออก โคตรเกลียดชุดนักศึกษาเลย แม่งถอดยากถอดเย็นจริงๆ พอกระดุมเธอหลุด ผมก็ล้วงมือซ้ายเข้าไปในเสื้อเธอทันที มือผมล้วงเข้าไปเจอชั้นใน แต่คงลงลึกไม่ได้มากกว่านี้แล้ว แต่แค่นั้นก็เรียกความเสียวได้พอแล้ว ผมทั้งบีบทั้งเคล้นสองเต้าของเธอสลับไปมา รินยังคงรูดท่อนเนื้อของผม แต่เธอเร่งความเร็วขึ้นจนเธอตัวสั่นไปทั้งตัว ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ หันไปมองหน้าเธอ



Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
  รินคงรู้ว่าผมจะถึงแล้ว เธอใช้มือซ้ายหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา แล้วประคองรออยู่ตรงส่วนหัว รินไม่ได้รูดนานเลย ความตื่นเต้นบวกกับความแปลกใหม่ทำให้สุดแสนจะทน ผมถอนหายใจเฮือก ท่อนเนื้อฉีดน้ำรักพุ่งใส่ผ้าเช็ดหน้าที่เธอเตรียมเอาไว้อย่างทะลักทลาย รินยังคงรูดท่อนเนื้อจนผมต้องจับมือเธอไว้เป็นทำนองว่าหมดแล้ว เธอจึงค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำบนท่อนเนื้อผมจนเกลี้ยง แล้วยัดผ้าเช็ดหน้านั้นลงกระเป๋าถือของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ เก็บท่อนเนื้อของผมลงไปในกางเกงใน และจัดแจงรูดซิป ติดตะขอและใส่เข็มขัดให้ผมเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมแทบจะบ้าตาย เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น พอผมเอื้อมมือเข้าหาหน้าอกเธอ เธอกลับปัดมือผมออกและติดกระดุมเสื้อตามเดิม ผมทำใจกล้าถามข้างๆ หูเธอว่าให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร บอกอีกครั้งว่าผมใบ้แดกกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก
           ไปถึงบ้านเธอ แม่เธอมาเปิดประตูให้ตามเคย วันนี้เธอชวนผมกินข้าวที่บ้านเป็นครั้งแรก ก็นั่งกินกันอยู่สามคน ดูแม่เธอดีอกดีใจที่มีเพื่อนลูกมานั่งกินข้าวด้วย ผมก็นั่งกินข้าวแต่ใจไปนึกถึงเรื่องบนรถเมล์ อย่างนึงที่ผมมั่นใจได้คือรินไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องบนเตียงแน่ๆ สังเกตจากการรูดท่อนเนื้อให้ผม มันเป็นจังหวะจะโคนที่สามารถเรียกความเสียวจนผมแทบขาดใจได้ ถ้าเธอไม่เคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาคงทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่ที่ผมงงก็คือเวลาอยู่ในบ้าน รินดูเด็กมากๆ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อตอนเย็นเธอทำอะไรมา นั่งกินข้าวจนเสร็จก็ย้ายมานั่งที่ห้องรับแขก แม่เธอไปชงกาแฟมาให้ผม แล้วก็ถามผมเกี่ยวกับเรื่องในคณะ ผมก็เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ส่วนแม่เธอก็เล่าเรื่องของรินให้ผมฟัง ก็รู้ว่าเธอเป็นลูกคนเดียว แม่เป็นแม่บ้าน พ่อทำงานบริษัทต่างประเทศ ต้องเดินทางไปโน่นมานี่บ่อย ผมถามว่าแล้วอยู่กันอย่างนี้ไม่เหงาเหรอ แม่รินก็บอกว่าชินแล้ว อยู่กันสองคนแม่ลูก นั่งคุยกันได้ซักพักก็เหมือนเดิม แม่เธอขอตัวขึ้นไปนอนข้างบน ทิ้งให้ผมอยู่กับรินที่ห้องรับแขกสองคน
           ผมนั่งนิ่ง กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี เฮ้อ พูดแล้วเหมือนโกหก รินไม่รู้ไม่ชี้ ย้ายตัวเองมานั่งบนตักผมแล้วดูโทรทัศน์หน้าตาเฉย แต่คราวนี้ผมไม่ตกใจแล้วเพราะตกใจไปหมดแล้วตอนอยู่บนปอ. ก็กอดเอวเธอไว้ เพียงแต่สำนึกดีบอกว่าแม่เธอไว้ใจผม และนี่มันบ้านเธอ ไม่ใช่บ้านผม แม่เธอจะลงมาข้างล่างเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สำนึกชั่วมันบอกว่าผู้หญิงให้ท่าขนาดนี้ ถ้าไม่เอาก็ไปจองโบสถ์สำหรับบวชนาคได้เลย และเธอก็จะดูถูกไปตลอดแน่ๆ ลังเลไปลังเลมา สำนึกชั่วก็ชนะ มือขวาที่โอบเอวเธออยู่ ค่อยๆ ล้วงลอดชายเสื้อเธอขึ้นไปจนสัมผัสสองเต้าที่ห่อหุ้มด้วยชั้นใน ผมเคล้นเต้าสลับไปมา ในขณะที่มือซ้ายล้วงผ่านด้านหลังไปปลดตะขอชั้นในออก เมื่อตะขอชั้นในหลุด ทั้งมือซ้ายมือขวาก็โอบขึ้นไปและมุดลอดเสื้อชั้นในเข้าไปหาเนื้อแท้ภายใน นมเธอนุ่มมือไปหมด เสียงรินถอนหายใจเบาๆ แต่มันสั่นอารมณ์ผมอย่างแรง ผมบีบเคล้นสองเต้าเธอหนักมือขึ้น และใช้ปลายนิ้วเขี่ยวนไปมาบนยอดเต้าที่แข็งตัวขึ้นมารออยู่ แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกว่าเธอเจตนาคลึงบั้นท้ายบนเป้ากางเกงที่พองตัวอยู่ในขณะนี้ รินโยกตัวอยู่บนเป้ากางเกงผมอย่างนุ่มนวลเป็นจังหวะ
           ผมจะบ้าตาย ไม่สนใจแล้วว่าแม่เธอจะลงมาหรือเปล่า เลื่อนมือออกจากภายในร่างและขยับไปปลดกระดุมเสื้อเธออย่างรวดเร็ว จนกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม ผมคลี่เสื้อเธอให้สยายออกและยกชั้นในเธอให้พ้นจากหน้าอก ก่อนจะตะปบมือเข้าใส่สองเต้าขนาดกะทัดรัดทันที อุปทานหรือเปล่าไม่ทราบ แต่รู้สึกว่ามันไม่เต่งตึงกระชับมือ ซึ่งถ้าเทียบกับน้ำแล้ว สองเต้าของน้ำยังแข็งเป็นก้อนเนื้อแน่นกระชับมือ ขนาดทุกวันนี้ยังชูชัน แน่นเป็นรูปเป็นร่างอยู่เลย แต่ของรินมันเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยผ่านมาสมัยเรียนมัธยม ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ว่าใช้งานจนไม่รู้ว่าโอเว่อร์ฮอลล์แล้วจะกลับมาเป็นสภาพเดิมได้หรือเปล่า วิธีเดียวที่จะรู้ว่าเธอเป็นยังไง ผมจับเธอมานั่งบนต้นขาซ้ายเพื่อให้ร่างของเธอเบี่ยงมาให้ผมซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังได้เห็น ผมถอนหายใจ บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างผิดหวัง นมของเธอคล้อยลงมานิดหน่อย อาศัยว่ามีขนาดเล็กเลยดูไม่ค่อยออก หัวนมสีน้ำตาลแต่ไม่ถึงกับดำ มันออกเกือบๆ น้ำตาลเข้ม บ่งบอกถึงสภาพการใช้งานได้เป็นอย่างดี รินหันหน้ามายิ้มให้ ผมเลยตัดใจว่ามาถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องเอา ก็เลยโอบศีรษะเธอให้ก้มลงมาจูบกับผม
           รินสนองตอบเป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นของเธอมีคุณภาพมาก เวลาเธอตวัดลิ้นพันปลายลิ้นกับผม มันเสียวแปล๊บไปหมดทั้งตัว มือซ้ายประคองตัวเธอ มือขวาเอื้อมไปบีบเคล้นสองเต้าอย่างหนักหน่วง สภาพอย่างนี้ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะเจ็บแล้ว รินแอ่นหน้าอกให้ผมบีบเคล้นอย่างมันมือ ผมเลื่อนมือลงไปปลดเข็มขัดเธอออก ไอ้เข็มขัดนักศึกษาผู้หญิงเนี่ย ใครเป็นคนคิดวะ แม่งใช้มือเดียวแกะไม่ได้เพราะมือนึงต้องง้างตัวล็อค อีกมือนึงต้องดึงสายเข็มขัดออก แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะรินช่วยดึงสายเข็มขัดออกในขณะที่ผมง้างตัวล็อค เมื่อเข็มขัดหลุด ผมก็ปลดตะขอกระโปรงและรูดซิปลงทันที ถึงตรงนี้ ไม่เอาไม่ได้แล้ว ผมจับเธอยืนถอดเสื้อนักศึกษาและชั้นใน อุ้มเธอไปวางนอนบนโซฟา เธอไม่ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว ผมค่อยๆ ดึงกระโปรงเธอออกจากปลายขา ถึงแม้จะมีอคติกับสภาพสองเต้าที่เห็น แต่พอเห็นช่วงขาของเธอแล้วก็ต้องกลืนน้ำลาย เพราะผิวเธอขาวไปหมดทั้งตัว กางเกงในตัวน้อยสีขาวที่ห่อหุ้มเนินเนื้อกลางลำตัวเห็นเส้นไหมดำได้รางๆ ผมค่อยๆ ขึ้นไปใช้ปลายลิ้นและเล็มอยู่บนปลายยอดถันทั้งสองข้างสลับไปมา รินนอนบิดตัวไปมา ร้องครางเบาๆ มือขวาที่ลูบอยู่บนร่างของเธอเลื่อนลงไปจนสัมผัสเนินเนื้อใต้ซับในชิ้นล่าง รินสะดุ้งนิดนึง ผมบีบนวดเนินเนื้อนั้น ซักพักก็ค่อยๆ ดึงซับในชิ้นนั้นออกจากปลายเท้าของเธอ
           พอเห็นแล้วก็ยิ้มเพราะเธอตัวเล็ก นมเล็ก เนินเนื้อข้างล่างก็มีขนาดเล็กๆ อีกต่างหาก ยิ่งพอเส้นไหมของเธอมันดกดำเต็มหน้าขา จึงแทบมองไม่เห็นเนินเนื้อสารพัดประโยชน์นั้นเลย แต่ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ผมวางฝ่ามือลงบนเนินเนื้อนั้น รินแอ่นขึ้นรับ ที่จริงใจผมอยากจะลงไปซบอยู่บนเนินเนื้อด้านล่างนั้น แต่อย่างที่บอกไงว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่คิด ผมจึงแค่ใช้ปลายนิ้วตวัดเขี่ยไปมาอยู่ในร่องรักของเธอ รินบิดต้นขาไปมา และร้องครวญครางจนผมต้องรีบเงยหน้าจากสองเต้าของเธอ เพราะเสียงร้องของเธอดังมาก จนกลัวว่าแม่ของเธอจะได้ยิน รินไม่ร้องเปล่า ร่องรักของเธอเริ่มหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจนชุ่มเส้นไหมไปหมด ผมคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเอาแล้ว จึงค่อยๆ ใช้มือซ้ายถอดเข็มขัดออก ไม่กล้าถอดเสื้อเพราะกลัวเรื่องไม่คาดฝัน รินคงรู้สึกว่าผมขยับตัว เธอลืมตาขึ้นมาเห็นผมกำลังถอดกางเกงอยู่ เธอเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อผมออกจนหมด ในขณะที่ผมถอดกางเกงขายาวและกางเกงในออกจากปลายขาเรียบร้อย ทั้งร่างผมที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างโซฟาเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับร่างที่กำลังนอนอยู่บนโซฟา กำลังจะปีนขึ้นไปคร่อมร่างเธอก็ต้องชะงัก เพราะเธอลุกขึ้นนั่ง
           รินดึงมือผมขึ้นไปนั่งบนโซฟา และผลักผมให้ลงไปนอนแทนเธอ โดยเธอลงไปนั่งคุกเข่าข้างโซฟาแทน ไม่เคยเจอผู้หญิงเป็นฝ่ายเปิดเกมก่อนเลย รินก้มลงมาจูบปากกับผมอีกครั้ง ปลายลิ้นเธอยังมีพลังเหมือนเดิม ความเสียวจากปลายลิ้นส่งไปถึงท่อนเนื้อของผมที่แข็งตัวเป็นอิสระอยู่ จนรู้สึกว่ามันกระตุกไปมา แล้วก็ต้องแอ่นตัวขึ้นรับเมื่อรู้สึกว่ามีมือเล็กๆมาลูบไล้ทั่วท่อนเนื้อ เธอเลื่อนใบหน้าลงมาแถวๆ ซอกคอ ผมเสียวปลาบ แอ่นไปทั้งตัว เมื่อเธอก้มลงบนหน้าอกแล้วใช้ริมฝีปากแตะบนหัวนม ปลายลิ้นที่ตวัดเขี่ยไปมาอยู่บริเวณนั้นทำให้ผมทรมานอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าท่อนเนื้อมันแข็งเกร็งขึ้นมาอีกจนกลัวว่าจะเกมโอเว่อร์เร็วกว่าที่คิด แต่ซักพักก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เมื่อเธอเลื่อนริมฝีปากออกจากแถวนั้น แต่ก็ต้องเกร็งร่างขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากเล็กๆ ที่ร้อนผ่าวนั้นค่อยๆ ไล้ลงไปด้านล่าง ไม่เคยเจอสภาพนี้มาก่อนเลย ผมสะดุ้งทั้งตัวเมื่อเธอซบหน้าลงไปบนท้องน้อย ที่ปกคลุมด้วยเส้นขนดำสนิทเต็มพื้นที่ของผม รินใช้ปลายลิ้นไล้เลียพื้นที่นั้นไปทั่ว ก่อนจะใช้ริมฝีปากดึงเม้มเส้นขนบริเวณท้องน้อยเบาๆ ผมจะขาดใจตาย
           เธอเล่นอยู่บริเวณนั้นชั่วขณะ ก่อนจะไล้ริมฝีปากลงล่าง ผมกลั้นหายใจ เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากร้อนผ่าวของเธอค่อยๆ อ้าและก้มศีรษะลงมาจนท่อนเนื้อของผมค่อยๆ จมหายเข้าไปในปากของเธอ ผมถอนหายใจด้วยความเครียด แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าเธอค่อยๆ ยกศีรษะขึ้น จนท่อนเนื้อของผมโผล่พ้นออกมาจากปากของเธอ ทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น ที่สร้างความเสียวให้ผมอย่างที่สุดยังคงเป็นปลายลิ้นของเธอที่ตวัดไปมากับท่อนเนื้อ ทั้งๆที่ยังรูดเข้าออกในปากของเธอ ลูกเล่นแบบนี้ผมยังไม่เคยเจอมาก่อน ขืนปล่อยให้เธอทำอย่างนี้ อีกไม่กี่วินาทีมีหวังแตกแน่ๆ ผมจับศีรษะเธอไว้แน่น รินเงยหน้ามองยิ้มๆ ผมว่าเธอคงรู้แน่ๆ เลยว่าผมเป็นยังไง รินเลื่อนริมฝีปากกลับขึ้นมาเล่นหัวนมผมอีกครั้ง ทำไมมันเสียวอย่างนี้ก็ไม่รู้ เธอปีนขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวผม คราวนี้ผมใจเต้นตึกตักเพราะร่องรักของเธอมันป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ท่อนเนื้อผม จะเจตนาหรือเปล่าไม่ทราบ แต่บางครั้งเนินเนื้อของเธอมันถูไถอยู่บนท่อนเนื้อ สร้างความทรมานต่อผมอย่างที่สุด รินเงยหน้าจากการไล้เลียบนร่างผม ใบหน้าเด็กๆ ของเธอยิ้มอีกครั้ง รู้สึกว่าเธอเอื้อมมือมาจับท่อนเนื้อของผมรูดขึ้นลงสองสามที แล้วผมก็เสียวไปหมดทั้งร่าง เมื่อเธอค่อยๆ หย่อนร่องรักลงมาบนท่อนเนื้อผม รินหลับตาพริ้มขณะที่กดตัวลงมาช้าๆ ผมนอนนิ่ง ลุ้นให้มันเข้าไปให้หมด และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อรินบดรอยแยกกลางลำตัวลงมาจนสุด
           เราถอนหายใจเบาๆ พร้อมๆ กัน รินโยกบดเอวบนร่างผมช้าๆ วนเวียนไปมา โหนกเนื้อของเราแนบสนิท ผมรู้สึกถึงอาการตอดรัดในร่องรักของเธอเบาๆ แค่นั้นก็ทำให้ผมเสียวจะแย่อยู่แล้ว รินบดเอวบนร่างผมได้ซักพักก็เริ่มโยกเอวขึ้นลง ร่องรักของเธอไม่ได้แน่นกระชับเหมือนของน้ำ แต่ที่ทำให้ผมเสียวแทบบ้าคือลีลาการโยกของเธอ บางครั้งก็กระแทกร่องรักเข้าใส่ท่อนเนื้อผมถี่ยิบ บางครั้งก็บดรูดเข้าออกเนิบๆ เหมือนเธอจะรู้จังหวะว่าช่วงไหนผมรู้สึกสบาย ช่วงไหนผมรู้สึกเสียว ผมนอนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ใต้ร่างของเธอ โดยปล่อยให้เธอเป็นคนควบ ผมตั้งใจจะยืดเกมให้นานๆ แต่ดูเหมือนรินจะไม่เล่นด้วย เธอนอนทับลงมา ใช้ข้อศอกรองรับน้ำหนัก มือทั้งสองข้างจับไหล่ผมไว้ แล้วเริ่มขย่มเอวเข้าใส่ท่อนเนื้อของผมเร็วขึ้น เธอทั้งกระแทก ทั้งบดเนินเนื้อลงมาอย่างหนักหน่วง ผมไม่ไหวแล้วล่ะ รู้สึกว่าท่อนเนื้อมันเกร็งไปหมดทั้งดุ้น แล้วรินขย่มเอวถี่ยิบ ร้องครวญครางลั่นห้องรับแขก ผมแอ่นก้นขึ้นรับการบดกระแทกของเธอก่อนจะเกร็งไปทั้งร่าง รินบดร่องรักอีกครั้งก่อนจะร้องเบาๆ น้ำรักของผมฉีดเข้าใส่ร่องรักของเธออย่างกลั้นไม่อยู่ เธอสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง ร่างเล็กๆ ยังคงขยับตัวขึ้นลงบนร่างของผม เหมือนจะช่วยรีดน้ำรักออกจากท่อนเนื้อของผม จนกว่าจะหมดหยดสุดท้าย ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้าท้อง เพราะน้ำของเธอที่หลั่งออกมาจนเปียกทั่วท้องน้อยผม
           เสียงสะอื้นฮักๆ เบาๆ ของเธอทำให้ผมแทบคลั่ง ลีลาที่เธอบรรเลงบนตัวผมมันชดเชยความผิดหวังในเรือนร่างของเธอเกินกว่าที่ผมจะคาดหวังไว้เสียอีก รินนอนนิ่งอยู่บนร่างผม ซักพักก็ค่อยๆ ลงมานั่งข้างๆ ผมขยับตัวลุกขึ้นแต่งตัว เพราะนี่ไม่ใช่บ้านของผม พลางบอกให้เธอแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย ดูเธอไม่ค่อยเคอะเขินอะไรเท่าไหร่นัก ลุกขึ้นแต่งตัวง่ายๆ หน้าตาเฉย ผมเสียอีกจะลุกขึ้นมาแต่งตัว ก็ค่อยๆ นั่งแต่งตัว เธอมองดูผมยิ้มๆ แวบหนึ่ง ผมสงสัยว่าเธอเป็นโรคจิตอะไรซักอย่างหรือเปล่า เพราะบนรถเมล์ ผมจะทำให้เธอก็บอกไม่ต้อง มาเมื่อกี้นี้ผมจะขึ้นไปอยู่บนตัวเธอ เธอก็เป็นฝ่ายปีนขึ้นมาบนตัวผมเอง แต่ที่แน่ๆ ผมว่าเธอมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงอย่างโชกโชนเลยล่ะ ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำแล้ว น้ำเป็นแค่ระดับเด็กอนุบาลแค่นั้นเอง ส่วนเธอ ถ้ายังไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย ก็อยู่ระดับม.ปลายรอเอ็นท์แล้ว ผมเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดไอ้ตรงนั้นบ้าง เพราะออกมาสองครั้งแล้วยังไม่ได้ล้างเลย เสร็จแล้วเราก็มานั่งคุยกันต่อ รินเอาผ้าเช็ดพื้นมาเช็ดคราบน้ำบนโซฟาจนสะอาด ที่จริงผมมีคำถามอยากถามเธอเป็นล้านๆ ข้อ แต่พอคิดๆ ดูแล้วมีแต่คำถามโง่ๆ ทั้งนั้นเลย อย่างเช่น รินเคยมีอะไรกับใครหรือเปล่า รินเคยพาใครมาบ้านหรือเปล่า ฯลฯ ผมคิดว่าวิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือไม่ต้องมีคำถามอะไรเลย ถ้าเธออยากพูดหรืออยากเล่า เธอจะบอกผมเอง แต่ที่แน่ๆ คือร่างที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ผมนี่ ทำให้ผมชักจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีก เมื่อนึกถึงลีลาของเธอเมื่อกี้นี้
           วินาทีนี้ผมไม่ได้นึกถึงน้ำเลย กำลังคิดว่าจะชวนเธอคุยเรื่องอะไร รินกลับเป็นคนถามผมก่อนว่าผมมีอะไรกับน้ำแล้วใช่หรือเปล่า ผมนิ่ง ไม่อยากพูดอะไร ให้เธอเดาของเธอไปเอง เธอบอกเธอเชื่อว่าผมคงมีอะไรกับน้ำแล้ว เพราะการแสดงออกของน้ำมันเกินกว่าจะเป็นแค่แฟน ผมไม่ตอบ แต่ถามย้อนกลับว่าทำไมเธอถึงยอมมีอะไรกับผม รินยิ้มๆ ตอบว่าถ้าเราคบกันไปเรื่อยๆ วันนึงก็ต้องมีอะไรกัน ก็ถ้าต้องรอให้ถึงวันนั้น ก็มีซะวันนี้เลยดีกว่า ผมอึ้งกับคำตอบง่ายๆ ของเธอ ไม่เคยรู้เลยว่าจะมีผู้หญิงคิดอย่างนี้ด้วย รินถามว่าหลังจากนี้ไปผมจะทำยังไงต่อ ผมอึ้ง ตอบไม่ถูกหรอก เธอถามต่อว่าผมจะยังคบกับเธอหรือเปล่า แต่ถ้าให้เธอเลือกได้ เธออยากให้ผมอยู่กับเธออย่างนี้ ก็คือช่วยมาส่งเธอที่บ้าน นั่งกินข้าว นั่งคุยกัน แล้วผมค่อยกลับบ้าน ผมทำได้หรือเปล่า หรือว่าผมจะกลับไปเป็นแฟนกับน้ำเหมือนเดิม ผมนั่งนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบเธอว่าอะไร แต่ความรู้สึกของผม พฤติกรรมของรินมันดูแปลกๆ อะไรต่อมิอะไรมันดูง่ายไปซะหมด รินนั่งจ้องหน้าผมยิ้มๆ อีกแล้ว ผมจ้องหน้าเธอ แต่หางตามันเสือกรอดเข้าไปในกระโปรงที่เธอใส่ลวกๆ เพียงแค่คิดถึงช่วงเวลาเมื่อกี้ผมก็ชักหิวอีกแล้ว ความที่อยากจะเอาเธออีกรอบผมก็ตอบง่ายๆ เหมือนกันว่า ผมเลือกที่จะอยู่กับเธอ รินยิ้มจนตาหยีเลย ผมว่าเธอรู้ว่าผมคิดอะไรแน่ๆ เพราะเธอขยับตัวซะจนแทบจะเห็นข้างในหมดทั้งตัว
           ก็เดาไม่ผิดหรอกเพราะอีกแป๊บเดียวเราก็ต้องถอดเสื้อผ้าเอากันอีกรอบ ที่โซฟานั่นแหล่ะ สรุปว่าผมไปส่งรินกลับบ้านหกโมงเย็น แต่กว่าผมจะได้ออกจากบ้านของรินตั้งเกือบเที่ยงคืน แล้วแถวบ้านเธอแม่งก็หาแท็กซี่โคตรยากเลยด้วย ที่จริงผมอยากเฉลยเสียทีว่า จริงๆ แล้วรินเป็นคนยังไง แต่เล่าไปเรื่อยๆ ดีกว่า เพราะผมก็รู้ทีหลังเหมือนกัน เรื่องอะไรจะให้เพื่อนๆ รู้ก่อน ผมอยากจะรวบรัดเหตุการณ์ให้สั้นในช่วงนี้ สรุปว่าตั้งแต่นั้นมาผมก็ไปส่งรินที่บ้านเกือบทุกวัน โดยเพิ่มวันเสาร์ด้วย เพราะแม่ของเธอจะไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ พูดง่ายๆ ก็เล่นไพ่นั่นแหล่ะ สารภาพกับเพื่อนๆ ว่าผมติดใจลีลาของเธออย่างขาดไม่ได้เลย รินทำได้ทุกอย่าง และเล่นกับผมได้ทุกท่า ทุกโอกาส เราสลับไปมาระหว่างโซฟากับเตียงนอนบนชั้นสองของบ้านเธอ แม้กระทั่งนั่งเอากันที่โต๊ะกินข้าวก่อนมื้อเที่ยง บางทีเราโดดเรียนออกมาเดินเล่นและดูหนังด้วยกัน ผมต้องเรียกแท็กซี่มาให้ไกลจากมหาวิทยาลัยหน่อย เพราะเดี๋ยวมีคนเห็น และแน่นอนว่าเราเป็นตัวแสดงในโรงหนังด้วย เพียงแต่ว่าดูกันเองสองคนเท่านั้น เราทั้งล้วงทั้งควักกันในโรงหนัง รินจะช่วยผมรีดน้ำออกจนเสร็จทุกครั้ง
           ช่วงนั้นผมไม่สนใจน้ำเลย เธอจะร้องไห้ อาละวาดยังไงผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ และผมงดเรื่องบนเตียงกับน้ำอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ได้มีอะไรกับริน ถึงแม้รินจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมเหมือนน้ำ แต่อย่างที่บอกว่าลีลาที่เธอทำ มันทำให้ผมรู้สึกว่าการนอนกับน้ำเป็นเรื่องจืดชืดมากๆ ผมไม่สนใจเพราะเชื่อว่าเดี๋ยวถ้าน้ำทนไม่ได้ก็คงเลิกกับผมไปเอง โดยที่ผมไม่ต้องบอกเลิกกับเธอ ผมอยู่กับรินเงียบๆ อย่างนี้มาอีกหลายเดือน ที่ว่าเงียบๆ เพราะไม่อยากชนกับน้ำ หรือชนกับรุ่นพี่ที่เค้าแอบชอบรินตรงๆ ช่วงนี้น้ำไปกินข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆ จะประชดหรือโกรธผมจริงๆ ก็ไม่รู้ ผมกับรินไม่เคยนั่งกินข้าวเที่ยงที่คณะด้วยกัน เราไม่เคยเรียนห้องเดียวกัน อ้อ!อันนี้ไม่ต้องบอกเพราะมันคนละชั้นปีอยู่แล้ว เราไม่เคยนั่งคุยกันสองต่อสองในคณะ แต่ผมเข้าใจผิด มีคนที่รู้เรื่องทุกอย่างระหว่างผมกับริน เพื่อนๆ ทายไม่ยากหรอก แม่พระจุ๋มยังไงล่ะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารินเล่าทุกอย่างให้จุ๋มฟัง แม้กระทั่งเรื่องที่เรามีอะไรกัน ไม่น่าล่ะ ช่วงหลังๆ ผมรู้สึกว่าจุ๋มมองผมแปลกๆ
           แล้ววันนึงเรื่องทุกเรื่องก็เฉลย มีอยู่วันนึงจุ๋มเดินมาหาผม แล้วบอกว่าขอคุยอะไรด้วยหน่อย แค่สองคนพอ ผมพยักหน้า เราหลบไปนั่งอีกปีกนึงของคณะ พอนั่งปุ๊บ จุ๋มยิงตรงใส่ผมทันที เธอถามว่าผมรู้จักรินแค่ไหน ผมก็บอกว่ารู้จักเท่าที่เห็นนั่นแหล่ะ จุ๋มถามว่าแล้วเคยรู้เรื่องส่วนตัว เรื่องเก่าๆ ของรินบ้างหรือเปล่า ผมบอกว่าผมไม่เคยถาม เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว และผมก็ไม่ชอบไปวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นด้วย จุ๋มนั่งเงียบไปซักพักแล้วยิงลูกโทษ เธอถามว่าผมมีอะไรกับรินแล้วใช่หรือเปล่า ผมชะงัก เพราะไม่รู้ว่าจุ๋มถามอย่างนี้ได้ยังไง เธออาจจะลักไก่ก็ได้ แต่พอผมกำลังจะปฏิเสธ จุ๋มพูดต่อเลยว่ารินเล่าให้ฟังหมดแล้ว เล่าทุกเรื่องด้วย ตั้งแต่ที่ผมไปส่งเธอที่บ้านครั้งแรก จนถึงทุกวันนี้ ผมสะอึกเพราะไม่คิดว่ารินจะเล่าเรื่องอย่างนี้ให้คนอื่นฟัง ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะให้คนรู้เยอะๆ จุ๋มคงรู้ว่าผมรู้สึกยังไง เธอบอกว่าเธอรู้เรื่องทุกอย่างของริน ไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างรินกับผมหรอก ที่เธอมานั่งคุยกับผมวันนี้เพราะไม่คิดว่าผมจะมีอะไรกับริน ทั้งๆ ที่ยังรู้จักเพื่อนเธอแค่ไม่นานนัก ผมอยากจะบอกเธอว่ารู้จักกันวันเดียวก็เอาได้วะถ้ามันจะเอา แต่ไม่กล้าพูดเพราะจุ๋มหน้าตาจริงจังมาก ก็ได้แต่นั่งฟัง จุ๋มบอกว่ารินเป็นเด็กมีปัญหา ปัญหาของรินคือพ่อเธอมีเมียน้อยแล้วไม่เคยสนใจแม่เธอเลย นานๆ ถึงจะมาบ้านซักครั้ง
           ผมฟังตอนนี้แล้วก็นึกภาพออก เพราะไปบ้านรินมาตั้งหลายเดือน ไม่เคยเจอพ่อเธอซักครั้งเดียว จุ๋มเล่าต่อว่าเธอรู้เรื่องของรินมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนเก่าด้วยกัน รินทำตัวมีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ อย่างนึงที่เห็นได้ชัดคือถ้าเธอชอบใครซักคน เธอจะไม่สนใจเลยว่าเค้ามีแฟนแล้วหรือยัง เรียกว่าใครดีใครได้ แล้วที่จุ๋มหนักใจมากก็คือรินมีอะไรกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันตั้งแต่สมัยม.ต้น แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ใจของเธอ ซึ่งเรื่องนี้แม่เธอก็รับรู้ด้วย แต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมนึกภาพตามที่จุ๋มเล่าแล้วเข้าใจทันที ว่าทำไมแม่เธอถึงดีใจที่ผมไปส่งลูกสาวเธอที่บ้าน คงเพราะอย่างน้อยคนที่มาส่งก็เรียนระดับมหาวิทยาลัย อีกไม่กี่ปีก็เรียนจบมีงานมีการทำเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่คนหลักลอยอะไรที่ไหน จุ๋มเล่าต่อว่าภาพของรินสมัยเรียนโรงเรียนเก่านั้นไม่ค่อยดี แต่ด้วยบุคลิกที่เป็นเด็กน่ารัก ดูเงียบๆ ทำให้มีคนมาสนใจอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเข้ามาเรียนที่นี่ พอเธอรู้สึกว่าผมค่อนข้างจะชอบริน เธอจึงเต็มใจที่จะแนะนำให้รู้จัก เพราะต้องการให้เพื่อนเธอมีเพื่อนที่ไม่ใช่คนเกเร อย่างน้อยก็เป็นคนในคณะเดียวกัน และอีกอย่างนึงเธอไม่ค่อยชอบน้ำเป็นทุนอยู่แล้ว การที่ให้ผมสนิทกับรินก็เท่ากับเป็นการแก้แค้นน้ำไปในตัว แต่ที่เธอนึกไม่ถึงคือกลายเป็นว่าผมกลับไปมีอะไรกับรินซะเอง
           จะบอกว่าพอฟังน้องรหัสเล่าเรื่องรินให้ฟัง ที่จริงแล้วมันมีรายละเอียดมากกว่านี้เยอะ จุ๋มเล่าเป็นชั่วโมงเลย แต่ถ้าเอามาเล่าที่นี่จะยืดยาวเกินไป พอฟังจบผมรู้สึกอายจุ๋มมาก ทำหน้าไม่ถูกจริงๆ เพราะเรื่องอย่างนี้มันไม่น่าจะมีคนอื่นรู้ ยิ่งเป็นน้องรหัสของตัวเองด้วย อย่างที่บอกไงว่าสมัยก่อนเรื่องอย่างว่าถือเป็นเรื่องต้องห้ามประเภทนึงนะ ผมค่อยๆ ถามจุ๋มว่ามีใครรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ที่จริงน้องรหัสเป็นกึ่งๆ ทอมก็ดีอย่างนึงนะ เพราะพูดอะไรได้ตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรมากนัก จุ๋มบอกว่าไม่มีใครรู้หรอก เรื่องอย่างนี้ใครเค้าจะพูดกัน พูดแล้วรินเสียหาย ผมถอนหายใจโล่งอก ถามจุ๋มตรงๆ ว่าแล้วจะให้ผมทำยังไง จุ๋มจ้องหน้าผมตั้งนาน ถามว่าผมกล้าออกหน้าเป็นแฟนกับรินหรือเปล่าล่ะ บอกตรงๆ ว่าผมคิดหนัก ไม่ได้คิดถึงเบื้องหลังอะไรของรินนะ แต่ผมรู้สึกว่ายังไงซะ ผมก็คงอยู่กับรินไม่ยืด เพราะดูคล้ายๆ กับรินเป็นโรคจิตอย่างที่ผมเคยคิดไว้จริงๆ วันนี้เป็นแฟนผม ซักวันนึงพอเธอคิดจะเปลี่ยนใจ เธอก็คงเปลี่ยนไปมีแฟนใหม่ง่ายๆ ถึงตอนนั้นผมจะทำใจได้หรือเปล่า จุ๋มบอกว่าเธอไม่ได้กดดันให้ผมต้องรับผิดชอบอะไรในตัวรินหรอกนะ ถ้าผมไม่ได้คิดจะเป็นแฟนกับรินก็ให้บอกไปตรงๆ ไม่ต้องกลัวว่ารินจะโกรธ ผมนั่งนิ่งคิดอยู่ซักพักก็ส่ายหน้า บอกให้รู้ว่าผมไม่อยากเป็นแฟนกับริน จุ๋มจ้องหน้าผมอีกนานแล้วก็ยิ้มนิดๆ บอกว่าคิดไว้แล้วว่าผมต้องตอบอย่างนี้ ผมก็บอกถึงเหตุผลที่ผมคิด เธอนิ่งฟังแล้วก็พยักหน้ารับรู้ ผมว่าจุ๋มคงรู้อะไรมากกว่าที่เธอบอกผม เพียงแต่เธอบอกมาไม่หมดเท่านั้นเอง เรานั่งคุยกันอยู่ซักพักก็กลับเข้าสาขา
           จุ๋มพูดถูกจริงๆ ผมบอกรินที่บ้านเธอ รินรับฟังง่ายๆ วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมไปบ้านริน และเป็นครั้งแรกที่ผมไปบ้านรินแล้วเราไม่มีอะไรกัน จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เคยเจอหน้าพ่อเธอเลย อยากบอกเพื่อนๆ ว่าผมเดินออกจากบ้านรินแล้วสบายใจยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่เหมาะกับเธอหรอก และอีกอย่าง เราอยู่ด้วยกันโดยมีเรื่องบนเตียงเป็นตัวผูกความสัมพันธ์ ซึ่งมันเป็นตัวเชื่อมที่บอบบางที่สุด เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่หมดเรื่องนั้น ก็ไม่มีความสัมพันธ์อย่างอื่นกันอีก มาคณะวันรุ่งขึ้น เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินก็ยังเป็นรินเหมือนเดิม น่ารักยังไงก็ยังน่ารักอย่างนั้นอยู่ จุ๋มก็ยังพูดมากเหมือนเดิม ผมไม่ได้กลับไปหาน้ำอีกเพราะรู้สึกอายตัวเอง และดูคล้ายกับว่ามีหนุ่มต่างสาขามาเยี่ยมเยียนน้ำบ่อยๆ ลึกๆ แล้วน้ำคงอยากให้ผมไปนั่งคุยกับเธอเหมือนเดิม ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะกลับไปคุยกับเธอ แต่คิดไปคิดมา เลิกกันแล้วก็เลิกกันไปเลยดีกว่าเพราะอย่างที่บอกไงว่าจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รักเธอเท่าไหร่นักหรอก
           จบเรื่องตอนปีสองแล้ว มันดูเหลือเชื่อนะ ก็แล้วแต่ว่าเพื่อนๆ จะเชื่อหรือเปล่า แต่บอกตรงๆ ruenglau.net  ว่าพอคิดถึงตอนนี้แล้วไม่ได้หัวเราะเลย ไม่อยากจำด้วย เพราะเป็นช่วงที่ผมคว้างที่สุด เลิกเรียนตอนเย็นก็นัดเพื่อนๆ ไปนั่งกินเหล้าที่ร้านข้างๆ มหาวิทยาลัย หงษ์กลม โซดากับน้ำแข็งมาเรื่อยๆ กับแกล้มก็แค่ส้มตำ น้ำตก แล้วก็ถั่วทอด เมาได้ที่ก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน เป็นอย่างนี้อีกนานเลย บางตอนเล่าเยิ่นเย้อเพราะพอนึกถึงแล้วก็มีความสุข บางตอนตัดแค่สั้นๆ เพราะไม่อยากนึกถึงมัน เรื่องของรินเหมือนนิยาย เพียงแต่บังเอิญว่าผมจับพลัดจับพลูเข้าไปร่วมแสดงด้วย ทุกวันนี้ผมยังไม่ลืมเธอเลย เป็นผู้หญิงที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ ทั้งก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้นมา
           ถ้ามีโอกาสจะเล่าเรื่องตอนอยู่ปีสาม เพียงแต่ถ้าถามผม ผมว่าช่วงปีหนึ่งกับปีสองเป็นช่วงที่ผมสนุกที่สุดเลย ยกเว้นช่วงปลายๆ ปีสองเท่านั้นที่ไม่ค่อยสนุก อ้อ!ลืมบอกไป ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่ได้ยุ่งกับน้ำอีกเลย เพราะไม่อยากกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เธออยู่กับเพื่อนของเธอ ผมก็อยู่กับเพื่อนของผม เวลาเจอกันก็แค่มองหน้ากันเงียบๆ แค่นั้น และผมสรุปเรื่องนี้นิดนึงคือ รินเรียนจบ อีกไม่กี่ปีต่อมาก็แต่งงานกับรุ่นพี่ที่ผมบอก ไม่รู้ว่าไปเจอกันตอนไหน ผมยังไปงานหมั้นของเธอเลย แต่ไม่ได้ไปงานแต่ง ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เจอกันในงานเธอก็ทักทายผมปกติ ส่วนน้ำ เอ๊ะ!ผมบอกหรือยังว่าทุกวันนี้เธอยังเป็นโสดอยู่เลย และคนสุดท้าย น้องรหัสผู้น่ารัก จุ๋มทำงานกับพ่อที่บริษัท แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก ไม่ใช่คนในคณะ ลูกสองคนแล้ว ยังสงสัยอยู่เลยว่ามันเป็นทอมเนี่ยนะ ทุกวันนี้ผมก็ยังคุยยังติดต่อกับจุ๋มอยู่ เพราะเธอจะคอยบอกข่าวคราวเกี่ยวกับคณะ เพราะถ้ามีงาน ผมจะได้กลับไปเข้าร่วมงานด้วย


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
ผมถูกคอมเม้นท์มาว่าน่าจะมีบทพูดด้วย ต้องขอโทษจริงๆ เพราะเรื่องเล่ามันจะมีเนื้อหามากกว่าเรื่องที่มีบทพูด เพราะเรื่องที่มีบทพูดมักจะเป็นเรื่องสั้นๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในวันเดียว อะไรทำนองเนี้ย ขืนผมใส่บทพูดเข้าไปด้วย มีหวังสามก๊กเรียกพี่แน่ๆ และก็เหมือนเดิมนะ ถ้าอยากอ่านเรื่องเอากันมันๆ ก็อ่านเรื่องอื่นเถอะ เรื่องนี้มีบทเอากันไม่มากนักหรอก กลัวว่าเพื่อนๆ ที่คาดหวังว่าจะฟาดกันจนคอมฯแฮงค์จะไม่คุ้มที่ต้องเสียเวลาอ่าน นี่เตือนแล้วนะ อ่านจบอย่าด่ากันล่ะ ผมเล่าเรื่องสมัยเรียนปีหนึ่งและปีสองให้เพื่อนๆ ฟังแล้ว จะบอกว่าที่จริงแล้วสมัยนั้นมันมีกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องทำมากกว่าเรื่องบนเตียงที่ผมเล่าให้ฟังอีกตั้งเยอะ ไหนจะเรื่องเรียน แป๊บๆ ติดโปรอีกแล้ว ต้องมานั่งแก้กันทั้งปีทั้งชาติ เรื่องกิจกรรมทั้งในคณะและนอกคณะ แล้วยังต้องแบ่งเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อนอีก เพียงแต่บอร์ดนี้เน้นหนักเรื่องกิจกรรมบนเตียงมากกว่า ก็เลยเอามาเฉพาะเรื่อง แต่ต้องบอกก่อนนะว่าที่เล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ฟังเนี่ย ไม่ได้หมายความว่าการเรียนการสอนระดับมหาวิทยาลัยมันมั่วเละเทะไปทั้งหมดนะ คนดีก็มี มีเยอะด้วย แต่ที่ผมอยากจะบอกก็คือไอ้พวกที่มีอะไรกันสมัยเรียน มันไม่ใช่คนไม่ดีนะ ทุกคนคาดหวังที่จะได้อยู่ด้วยกันจนเรียนจบ ทำงานทำการแล้วแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวทั้งนั้น
           แต่ไอ้ของอย่างนี้มันไม่ใช่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง มันไม่มีสูตรตายตัว เรานึกว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เวลารักกันอะไรๆ มันก็ดูดี ยิ่งเวลาเอากันเรียบร้อยแล้ว ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ แต่พอผ่านไปซักระยะนึง นิสัยจริงๆ มันออกมา รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ต้องบอกเลิกกัน และเรื่องอย่างนี้ไม่มีคนนอกรู้หรอก เขาทำกันเงียบๆ อยู่กันเงียบๆ ไม่ประเจิดประเจ้อ ไม่มีใครกระโตกกระตาก หลายๆ คู่พอเรียนจบก็แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่คิด แต่บางคู่ก็ต้องเลิกกันเพราะเข้ากันไม่ได้(หมายถึงนิสัยเข้ากันไม่ได้นะ ส่วนไอ้นั่นมันเข้ากันได้ตั้งนานแล้ว) ไม่มีโฉ่งฉ่าง แล้วจะรู้กันเฉพาะเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ เท่านั้น อย่างผมกับน้ำ พอเราเลิกกันแล้วก็ไม่เอะอะโวยวายอะไร เพียงแต่ไม่คุยกันเท่านั้น ยกเว้นแต่ต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ผมจะเป็นคนหลบหน้าน้ำ มากกว่าที่น้ำจะหลบหน้าผมเสียอีก แต่อย่างรินนี่ง่ายกว่าเยอะ บอกเลิกกันแล้วก็ยังนั่งคุย หัวเราะเฮฮาเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่น้องรหัสผู้น่ารักของผมได้เปลี่ยนจากแม่พระมาเป็นนางมาร เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เห็นว่าผมทำท่าจะกลับไปสนิทสนมกับรินจนดูว่าจะล้ำเส้น เธอจะรีบทำตัวขวางทันที นางมารจุ๋มขู่ผมว่าถ้ามีปัญหาอีก เธอจะเอาเรื่องผมมาแฉในคณะให้รู้กันทั้งหมดเลย ผมไม่กล้าเสี่ยง เพราะยัยคนใจร้ายเนี่ยแสดงให้เห็นมาหลายครั้งแล้วว่าเป็นคนพูดจริงทำจริง
           แต่มันก็มีบ้างล่ะนะ เวลานั่งคุยกันอยู่ดีๆ แล้วในหัวมันเสือกมีแต่ภาพตอนที่ผมเรียนกิจกรรมเข้าจังหวะบนโซฟาบ้าง ในห้องนอนบ้างกับริน ทำให้มีอารมณ์ขึ้นมาเฉยเลย ร่ำๆ จะบอกจุ๋มตั้งหลายครั้งแล้วว่าผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอเป็นแฟนกับรินต่อดีกว่า นั่งคุยกันผมแอบมองหน้ารินหลายครั้ง เธอก็ยังมองหางตายิ้มๆ เหมือนเดิม เพื่อนๆ ลองมานั่งอย่างผมดูสิ แล้วจะรู้ว่าแม่งโคตรทรมานเลย ผมลุ้นแทบตายเผื่อรินจะแอบมากระซิบชวนผมไปกินข้าวที่บ้านอีกซักครั้ง แต่ก็ไม่มี เธอก็คงถูกนางมารจุ๋มเคี่ยวมาเหมือนกัน แล้วตั้งแต่ที่เลิกกับทั้งน้ำและริน ผมถูกตัดขาดจากกิจกรรมบนเตียงอย่างสิ้นเชิง บางทีเวลามีอารมณ์มากๆ เห็นน้ำนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว อยากจะวิ่งเข้าไปคุกเข่าบอกเธอว่าเรากลับมาดีกัน แล้วไปหาที่ทำรายงานด้วยกันเหมือนเดิมเถอะ แต่ก็ต้องตัดใจ ผมไม่อยากผูกปัญหาขึ้นมาอีก แล้วถ้าจะให้กลับไปหาน้ำ ผมกลับไปหารินดีกว่าเพราะโดยรวมๆ แล้ว ข้อผูกมัดระหว่างผมกับรินมีน้อยกว่าของน้ำตั้งเยอะ แต่ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ เพราะนางมารจุ๋มปิดช่องซะแล้ว ช่วงเวลานั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าผมมีผู้หญิงดีๆ อยู่ข้างตัวตั้งสองคน แต่เวลามีอารมณ์ขึ้นมา ผมต้องเข้าห้องน้ำไปช่วยตัวเอง คิดแล้วรู้สึกทุเรศตัวเองจริงๆ แต่ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่ไปนั่งผับกับเพื่อนๆ แถวๆ อนุสาวรีย์ชัย แล้วก็ได้ผู้หญิงในนั้นไปเอาแก้ขัดเป็นครั้งๆ ไป ก็ยังดีกว่าช่วยตัวเองล่ะวะ แต่ผมไม่เที่ยวซ่องนะ เพราะไม่ชอบบรรยากาศทึมๆ อับๆ ในห้องเลย
           นอกจากหลายๆ คนที่ผมพูดถึง ยังมีเพื่อนคนอื่นๆ ที่ว่าตามจริงแล้วก็มีบทบาทพอสมควร เพียงแต่ผมไม่ได้นำมาเอ่ยถึงเท่านั้น ครั้งนี้ผมคงต้องพูดถึงเพื่อนอีกหลายๆ คน ที่เป็นตัวแปรให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ที่จริงมันก็ยุ่งๆ มาตั้งแต่สมัยปีหนึ่งแล้วล่ะ เพียงแต่มันไม่เกี่ยวกับผม เรื่องของใครของมัน ผมเป็นแค่คนฟังเท่านั้น เอาอย่างนี้ ผมจะเล่าเรื่องเพื่อนๆ สมัยเรียนให้ฟัง แล้วเรื่องของผมจะอยู่ตอนท้ายๆ เพราะไอ้เรื่องอย่างว่าของผมสมัยปีสามมันเกิดปลายปี เกือบๆ จะสอบกลางภาคของเทอมสองอยู่แล้ว ขอย้อนกลับไปสมัยปีหนึ่งก่อนละกัน ที่คณะ เพื่อนคนนึงชื่อหนุ่ม หนุ่มเป็นลูกครึ่งมาเลย์ พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นมาเลย์ หน้าตาจึงออกไปทางแขกนิดๆ ถ้าพูดถึงหนุ่มทุกคนจะร้องอ๋อ เพราะมันหน้าหม้อมากๆ จีบสาวดะไปหมดไม่เลือกหน้า ทั้งๆ ที่มันก็มีแฟนอยู่แล้ว แฟนมันชื่อแต เรียนอยู่โรงเรียนแถวๆ ปิ่นเกล้า ตอนเข้ามาเรียนใหม่ๆ มันพาแฟนมาเที่ยวที่สาขาด้วย แฟนมันน่ารักดีนะ ค่อนข้างผอม หุ่นดี ผมยาว แต่พอไอ้หนุ่มปรับตัวเข้ากับสถานที่ได้ แม่งไม่เคยพาแฟนมาที่นี่อีกเลย คงกลัวสาวๆ ที่คณะจะเห็นว่ามันมีแฟนแล้วแหงๆ ผมเคยถามมันตรงๆ ว่าทำไมต้องดิ้นรนหาแฟนอีก ทั้งๆ ที่แฟนมันก็น่ารักอยู่แล้ว มันบอกว่าแตน่ะของตาย แต่ที่มันจะหาแฟนในนี้ให้ได้ เพราะเวลากลับไปโรงเรียนมันจะได้เอาไปอวดเพื่อนๆ ว่ามันอยู่ที่นี่ แล้วก็มีแฟนที่นี่ด้วย ไม่ใช่ว่ายังมีแฟนเป็นนักเรียนอยู่เลย
           อ้อ! ต้องบอกก่อนว่า ช่วงเวลาที่ผมเล่าเรื่องหนุ่มให้ฟังเนี่ย ผมยังไม่มีอะไรกับน้ำนะ ยังเป็นโสด เดินเพ่นพ่านทั่วคณะได้สบาย เพียงแต่รู้สึกว่าน้ำจับตามองอยู่ห่างๆ เท่านั้น ผมไม่ได้ชื่นชมคำตอบของหนุ่มเท่าไหร่นักหรอก แต่ถือว่าไม่ใช่เรื่องของผม มึงจะมีแฟนกี่คนก็เรื่องของมึง เพียงแต่รู้สึกสงสารแตเหมือนกัน เพราะไอ้หนุ่มมีแนวโน้มจะชิ่งสูงมาก มันหาแฟนเป็นตัวเป็นตนในคณะได้เมื่อไหร่ รับรองว่าแตหลุดออกจากวงโคจรของมันแน่ๆ สมัยนั้น สถานที่กินเหล้าของพวกเรา นอกจากร้านที่อยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัยแล้ว ก็เป็นตามบ้านของพวกเรา หมุนเวียนกันไปตามแต่ใครจะสะดวก แต่บ้านผมมากินเหล้าไม่ได้เพราะพ่อไม่ยอม คิดดูสิ ผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เวลาสูบบุหรี่ ยังต้องแอบไปสูบนอกบ้านอยู่เลย สูบเสร็จก็ต้องอมฮอลล์ก่อนเดินเข้ามาในบ้าน เพราะฉะนั้นเรื่องกินเหล้ามันก็เป็นไปไม่ได้แน่ๆ อยู่แล้ว พื้นที่กินเหล้าของพวกเราก็ต้องเป็นบ้านที่พ่อแม่อนุญาต ซึ่งบ้านที่เราไปกันเป็นประจำมีสองแห่ง คือบ้านของไอ้บิ๊กกับของไอ้หนุ่ม ไว้จะเล่าเรื่องไอ้บิ๊กให้ฟังทีหลัง ที่เราได้ไปกินเหล้าบ้านหนุ่มบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน บ้านหนุ่มอยู่แถวๆ พรานนก เข้าซอยไปลึกเหมือนกัน แล้วบ้านจัดสรรในนั้นก็โคตรเปลี่ยวเลย ถ้าใครชอบข่มขืน ผมแนะนำให้ไปดักรอเหยื่อในนั้น รับรองว่าได้ข่มขืนแน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้คงเจริญแล้วมั๊ง ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้ไปอีกเลย เข้าเรื่องดีกว่า
           เย็นวันหนึ่ง ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความเบื่อ บิ๊กกับวีซึ่งเป็นเพื่อนอีกคนนึงนั่งเซ็งเพราะไม่มีเรียนแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากรีบกลับบ้าน หนุ่มเดินเข้ามาที่โต๊ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะ มันเอ่ยปากชวนผมกับอีกสองตัวให้ไปกินเหล้าที่บ้านมัน เพราะไม่มีคนอยู่บ้าน ไอ้บิ๊กกับไอ้วีกระดิกหางรับทันที เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่ากินเหล้าบ้านไอ้หนุ่ม มักจะเป็นเหล้าดีๆ ของพ่อมัน ไม่ใช่น้องหงส์หรือน้องแสงอย่างที่กินอยู่ประจำ ส่วนผมก็ปิดหนังสือเลย เพราะเบื่อจะแย่อยู่แล้ว กำลังยิ้มแย้มกันอยู่น้ำเดินมาจากไหนไม่ทราบ ก้าวฉับๆ มายืนที่โต๊ะ เธอถามเรียบๆ ว่าจะไปไหน ผมหันไปมองเพื่อนๆ สามคน เห็นพวกมันเงยหน้ามองน้ำ คงงงว่าเกี่ยวอะไรด้วยวะ ผมบอกเธอตรงๆ ว่ากำลังจะไปกินเหล้าที่บ้านหนุ่ม น้ำทวงเรื่องการอ่านหนังสือ และไหนยังจะงานที่ต้องส่งวันรุ่งขึ้น ผมอึกอักๆ พึ่งนึกได้ว่างานยังไม่เสร็จ และนี่เป็นอีกอย่างนึงที่ผมไม่ค่อยชอบน้ำ ก็คือเธอชอบฉีกหน้าผมตรงๆ อย่างนี้เสมอ ถ้าเธอกระซิบบอกผมสองต่อสอง ผมก็จะบอกไอ้สามตัวนั่นว่าผมไม่ไป แต่นี่เธอเล่นถามต่อหน้า ขืนไม่ไปมีหวังผมถูกพวกมันเหยียดหยามไปตลอดชีวิตแน่ๆ ก็เลยบอกเธอว่าไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาทำ แต่วันนี้ผมจะไปกับพวกมันแล้ว น้ำพยายามพูดขอร้อง แต่ของอย่างนี้ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่ และไอ้สามตัวนั่นก็นั่งจ้องดูว่าผมจะเอายังไง ผมปฏิเสธเธอห้วนๆ และก็ชวนพวกมันเดินออกมาจากโต๊ะทันที
           แต่ที่จริงก็ใจคอไม่ดีหรอก เพราะรู้ว่าน้ำหวังดีจริงๆ แต่วิธีการของเธอมันใช้ไม่ได้เลย ผมตัดใจไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้วไปขึ้นแท็กซี่กับพวกมัน ไปบ้านไอ้หนุ่มทันที รถมาจอดหน้าบ้านไอ้หนุ่ม ผมมองอย่างแปลกใจ เพราะเห็นว่าบ้านมันเปิดไฟชั้นบนอยู่ หนุ่มหันมาบอกเพื่อนๆ ว่าแตมาบ้านเมื่อตอนบ่าย เพราะวันนี้เรียนภาคเช้า ตอนนี้คงนอนเล่นอยู่ชั้นบน พวกเราหันไปมองหน้าหนุ่มยิ้มๆ แม่ง ไม่เลวเว้ย มีสาวๆ มานอนเล่นถึงในบ้าน ตอนนั้นผมไม่สงสัยแล้วนะว่าแตมีอะไรกับหนุ่มแล้วหรือยัง ลองมานอนเล่นที่บ้านอย่างนี้แล้วจะเหลือเหรอ สงสัยแต่ว่าแตเข้าบ้านมันได้ยังไง หนุ่มบอกว่ามันปั๊มลูกกุญแจบ้านให้แตไว้ชุดนึง แต่ถ้าจะมาต้องโทรเช็คกันก่อนว่าพ่อกับแม่อยู่บ้านหรือเปล่า ผมก็ถามมันตรงๆ ว่าวันนี้แฟนมันมาบ้าน แล้วเสือกชวนพวกผมมากินเหล้าทำไม มันก็หัวเราะ บอกว่าไม่เกี่ยวกันนี่หว่า กินเหล้าก็ส่วนกินเหล้า แฟนก็ส่วนแฟน เรากินเหล้ากันชั้นล่าง ส่วนแตนอนเล่นอยู่ชั้นบน ไม่รบกวนกันอยู่แล้ว อือ เหตุผลมันแปลกๆ ว่ะ ก็จริงอย่างที่หนุ่มว่า เราเข้าบ้านปูเสื่อเตรียมนั่ง สมัยนั้นโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ ตอนเป็นวัยรุ่นเพื่อนๆ เป็นอย่างผมหรือเปล่า มีโต๊ะกินข้าวดีๆ ไม่ชอบ เสือกอยากนั่งกินกับพื้น ไม่รู้ว่ามันอร่อยกว่าตรงไหน เตรียมของเสร็จก็ตั้งวงกันเลย หนุ่มไปเปิดวิทยุฟังเพลง แต่ตั้งแต่เข้ามาแตไม่ได้ลงมาข้างล่างเลย
           ผมว่าเธอคงรู้ว่าหนุ่มกลับมาแล้ว เพราะวิทยุแม่งดังลั่นไปทั้งบ้าน และคงรู้แล้วมั๊งว่าเพื่อนๆ แฟนเธอมานั่งกินเหล้ากัน พวกผมไม่สนใจ เพราะเราไม่มีนโยบายที่จะไปวุ่นวายกับแฟนเพื่อนอยู่แล้ว มีหน้าที่กินเหล้าก็กินไป ในวงเหล้าก็ไม่มีอะไรมาก นั่งบ่นเรื่องเรียน บางวิชาใครแม่งสรรหาเอามายัดลงในหลักสูตรก็ไม่รู้ โคตรยากเลย มึงอยากเรียนทำไมมึงไม่เรียนเองวะ ทำให้รุ่นหลังๆ ต้องลำบากถ่างตาเรียนกว่าจะผ่าน นั่งนินทาอาจารย์ซึ่งมีทั้งแง่ดีและก็แง่ไม่ดี แต่หนักไปทางแง่ไม่ดีซะมากกว่า แล้วเรื่องที่ขาดไม่ได้ในวงเหล้าก็คือเรื่องผู้หญิง เรานั่งคุยกันถึงผู้หญิงคนโน้นคนนี้ในคณะอย่างสนุกสนาน จนมีอยู่เรื่องนึงที่ไอ้บิ๊กเล่า ผมฟังแล้วก็หูผึ่งเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนคนนึงชื่อแตงโม มันพูดทำนองว่าแตงโมค่อนข้างจะใจบุญ บริจาคร่างกายเป็นสาธารณประโยชน์ให้ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เสมอๆ ผมหัวเราะแล้วก็ด่ามัน เพราะคิดว่ามันพูดเล่น จริงๆ นะ ก่อนที่ผมจะมีอะไรกับน้ำ ผมไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่าเรียนที่เดียวกันจะมีอะไรๆ กันได้ เพราะคนอื่นต้องรู้แน่ๆ เลย ตอนนั้นผมได้จับมือ หอมแก้มน้ำ แค่นั้นผมก็ถือว่าเจ๋งสุดๆ แล้ว แล้วผมเรียนโรงเรียนผู้ชายล้วนมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งนึกภาพไม่ออกเข้าไปอีก แต่ไอ้บิ๊กทำหน้าจริงจังมาก บอกว่าใครๆ เค้าก็รู้ ผมมัวแต่ไปงมอยู่ที่ไหน ถ้าไม่อยากรู้ก็ตามใจ คราวนี้ทุกคนก็เห็นความสำคัญของไอ้บิ๊กทันที ผมลงทุนไหว้ขอโทษมัน บอกว่าสำนึกผิดไปแล้ว ให้มันช่วยเล่าให้ฟังหน่อย คนอื่นๆ รีบขยับบีบวงให้เล็กลงทันที
           ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าสมัยเรียนปีหนึ่งปีสอง ผมไม่ได้สนิทสนมอะไรกับแตงโมเลย หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือไม่ได้พูดอะไรกันเลยเพราะวิชาเอกคนละวิชา จัดกลุ่มก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ลงทะเบียนเรียนก็แทบจะไม่ตรงกันเลย เพราะฉะนั้นวันๆ นึงผมจะไม่ค่อยได้เจอหน้าแตงโมเท่าไหร่นัก เจอกันก็แค่เวลาประชุมรวมเท่านั้น แล้วผมก็ไม่สนใจเธอหรอก เพราะนี่ไม่ใช่สเปคผม แตงโมค่อนข้างตัวสูงใหญ่ น่าจะสูงประมาณ 170 กว่าๆ ผมว่าตอนเธอคลอด แม่เธอคงกลัวว่าเธอจะมีปมด้อย เลยให้ทั้งนม ทั้งสะโพกมาอย่างเหลือเฟือ อวบไปทั้งตัว ผมยาว ดัดผมเป็นคลื่น ใส่กระโปรงดำ ยาวเกือบถึงตาตุ่ม ท่าทางการวางตัวเป็นผู้ใหญ่มากๆ ชอบยิ้มมุมปากซึ่งผมไม่ค่อยชอบ นี่ก็มาจากตระกูลสาธิตเหมือนกัน แต่คนละที่กับจุ๋มและรินนะ ผมกับหนุ่มและไอ้วีหันมามองหน้ากัน เพราะเราสามคนไม่ได้เรียนวิชาเอกเหมือนแตงโม ไอ้บิ๊กยิ้มแย้มชอบใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงๆ ซะพวกผมก็ต้องง้อให้มันเล่า เพราะมีมันคนเดียวที่เรียนเอกเดียวกับเธอ ผมอยากถีบมันมากๆ แต่ถ้ามันไม่เล่าก็คงไม่มีใครเล่าให้ฟังอีกแล้ว เลยต้องอดใจรอฟังมัน บริการชงเหล้าให้มันด้วย บิ๊กบอกว่ามันเรียนวิชาเดียวกันกับแตงโมเป็นส่วนใหญ่ วิชาเอกที่มันเรียนมีอยู่ 10 คน เป็นผู้ชาย 2 ผู้หญิง 8 แต่ผู้หญิง 8 คน แบ่งออกเป็นเกือบ 20 กลุ่ม สลับไปสลับมาอยู่แค่นั้น แล้วแต่ว่าวันนั้นคุยกันเรื่องอะไร จะได้จัดกลุ่มถูก เพราะฉะนั้น ในแต่ละวันมันจะได้ยินสาวๆ แบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ นั่งคุยกันเอง ซึ่งก็มีทั้งชื่นชมและนินทาเพื่อนคนอื่นๆ แต่รู้สึกว่าชื่นชมจะไม่ค่อยมีหรอก
           หัวข้อนึงที่มันได้ยินได้ฟังเกือบทุกวันและเกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่แตงโมไม่ได้นั่งอยู่ด้วยก็คือเรื่องของแตงโม มันพึ่งรู้ว่าแตงโมเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เธอร้องเพลงอยู่ในโรงแรมแถวสุรวงศ์และผับแถวๆ อโศก ต้องวิ่งรอกสองสามที่ต่อคืน ไอ้บิ๊กบอกว่ามันก็เคยสงสัยเหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็นแตงโมอยู่เรียนหรือช่วยงานในคณะตอนเย็นเลย ที่แท้เธอต้องรีบไปทำงาน จับใจความจากกลุ่มเพื่อนๆ ได้ว่า แตงโมเอาชุดมาเปลี่ยนที่คณะ แล้วนั่งแท็กซี่ไปเตรียมร้องเพลงที่สุรวงศ์ ซึ่งมันก็อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยเอาเรื่องเหมือนกัน เรื่องที่แต่ละกลุ่มนินทาแตงโมมากที่สุดก็คือเรื่องชุดนักศึกษา อีพวกนี้ก็ช่างสังเกตซะจริงๆ บอกว่าบางวันแตงโมมาเรียนเนี่ย รู้เลยว่าไม่ได้กลับบ้าน เพราะใส่เสื้อตัวเดิม โดยสังเกตจากรอยเปื้อนบนเสื้อ ผมฟังตอนนี้แล้วก็จดจำไว้เลย ว่าในคณะมีแผนกตรวจสอบอยู่ด้วย ถ้าทำอะไรจะได้ระวังให้มากๆ เข้าไว้ กลุ่มรักเพื่อนยังเล่นทายกันเลยว่า วันนี้แตงโมใส่เสื้อตัวเดิมหรือเสื้อตัวใหม่ เป็นที่สนุกสนานปากมากๆ ที่จริงถ้าเรื่องแค่นี้มันไม่ชัดหรอกว่าแตงโมเป็นคนใจบุญ เรื่องของเรื่องคือแผนกตรวจสอบของวิชาเอก ไอ้บิ๊ก ใช้หูตาที่คมเหมือนเหยี่ยว ไปเห็นว่ามีชายหนุ่มขับรถมารับแตงโมที่คณะ แล้ววันรุ่งขึ้นชายหนุ่มคนเดิมก็มาส่งเธอเข้าคณะ ปัญหามันมีอยู่ว่า ชายหนุ่มที่ว่าเนี่ย มันหมุนเวียนไปเรื่อยๆ แทบไม่ซ้ำหน้าเลย (หนึ่งในนั้นก็คือรุ่นพี่ในคณะ แต่คนละสาขากับพวกเรา แต่เรื่องของรุ่นพี่คนนี้ไม่ได้รู้จากไอ้บิ๊กนะ ผมมารู้ตอนอยู่ปีสาม พี่เขาเป็นคนเล่าให้ฟังเอง แล้วไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง)
           อีเจ้าหน้าที่แผนกนี้เช็คแล้วก็สรุปได้ว่าแตงโมไปค้างกับชายหนุ่มเหล่านี้ เพราะทุกครั้งที่มีชายหนุ่มมารับ วันรุ่งขึ้นแตงโมมักจะใส่เสื้อตัวเดิมมาเรียนเสมอ และสุดยอดของการตรวจสอบก็คือ หนึ่งในกลุ่มรักเพื่อนเห็นแตงโมนั่งอยู่ในรถกับใครก็ไม่รู้ที่ลานจอดรถ อ้อ!ลานจอดรถของคณะผมอยู่ติดกับสวนเล็กๆ ด้านหลังคณะ ไม่รู้ว่าอีนี่ตอแหลหรือเปล่า แต่บอกว่าผู้ชายทั้งล้วงทั้งควักแตงโมอยู่ในรถตั้งนาน ไม่รู้มันไปเห็นได้ยังไง ซักพักก็ออกรถไป ผมไม่รู้ว่าอีพวกนี้มันจงเกลียดจงชังอะไรแตงโมนัก แต่ฟังแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน ผมอยากบอกเพื่อนๆ ว่าผมบรรยายรายละเอียดได้ไม่เท่าไอ้บิ๊ก มันพูดและใส่ความเห็นของมันเข้ามาด้วย จนพวกผมจินตนาการภาพตาม ยิ่งตอนที่ไอ้บิ๊กบอกว่าเวลาเรียน มันนั่งข้างหลัง เห็นแตงโมนั่งอยู่หน้ามัน รูปร่างอวบ หุ่นดี ถ้าได้เอานะ จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ พวกผมสามคนนั่งมองหน้ากัน ทำตาปริบๆ ภาพของแตงโมโผล่ขึ้นมาในหัวผมทันที แต่ที่แย่ก็คือเสือกเป็นภาพที่เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าซักชิ้น ไอ้นั่นผมแข็งขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้ โคตรทุเรศเลย ผมว่าอีกสองตัวมันก็คงเป็นเหมือนผม เพราะแต่ละคนนั่งขยับตัวไปมาบนเสื่อ เพื่อนๆ ผู้ชายลองดูสิ นั่งบนเสื่อแล้วให้ไอ้นั่นมันแข็งขึ้นมามันนั่งยากนะ ยิ่งเป็นกางเกงยีนส์ด้วย ดูสิ ตั้งใจจะเล่าเรื่องไอ้หนุ่ม แต่ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็นเรื่องแตงโมไปก็ไม่รู้ เรื่องแตงโมน่ะมีแน่ แต่ไว้ท้ายๆ ตอนนี้เอาเรื่องไอ้หนุ่มก่อนก็แล้วกัน เราคุยกันจนดึก ชักจะเมาแล้ว ผมต้องนอนบ้านหนุ่ม เพราะสภาพอย่างนี้ผมเข้าบ้านไม่ได้ แต่ถ้าจะให้นอนบ้านมันคนเดียวก็ไม่เอา เลยหักคอให้ไอ้บิ๊กกับไอ้วีอยู่เป็นเพื่อนด้วย
           หนุ่มจัดแจงที่นอนให้เพื่อนๆ นอนหน้าโทรทัศน์ ผมก็มองมันหางตา วัดใจว่ามันจะนอนกับเพื่อนหรือขึ้นไปนอนข้างบน หนุ่มจัดที่นอนให้เพื่อนเสร็จก็ไม่รู้ไม่ชี้ เดินขึ้นไปข้างบน แม่งทิ้งเพื่อนนอนข้างล่างเฉยเลย ผมฟังเรื่องที่บิ๊กเล่าให้ฟัง บอกตรงๆ ว่ามีอารมณ์มากๆ แล้วผมก็ว่าไอ้หนุ่มก็คงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นักหรอก แต่แม่งขี้โกง ผมนอนคนเดียว แต่มันขึ้นไปหาแฟน อย่างนี้เอาเปรียบนี่หว่า เพื่อนๆ เชื่อมั๊ย จู่ๆ ผม ไอ้บิ๊ก ไอ้วี ลุกขึ้นมานั่งพร้อมๆ กันโดยไม่ได้นัดกันก่อน เรานั่งมองหน้ากันซักพัก แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองห้องของไอ้หนุ่ม แทบไม่ต้องพูดกันเลย เราค่อยๆ ย่องขึ้นไปที่ห้องมัน ผมเชื่อว่าไอ้หนุ่มขึ้นมาเอาแฟนมันแน่ๆ ไม่ได้อยากดูมันหรอกนะ แต่อยากดูแฟนมันมากกว่า ไหนๆ มันก็คงเลิกกับแฟนมันอยู่แล้ว ขอเห็นแตชัดๆ ซักครั้งนึงเถอะ ผมภาวนาสุดชีวิต ขออย่าให้มันล็อคห้องเลย แล้วก็ต้องยิ้ม ไอ้หนุ่มแม่งเลวจริงๆ จะนอนยังไม่ยอมล็อคห้องอีก เข้าทางพวกผมสิ ไอ้วีบิดลูกบิดประตูเบาหวิว แล้วเราก็ค่อยๆ โผล่หัวเข้าไปในห้องของหนุ่มตามลำดับความสูง ไอ้บ้านี่ไม่ยอมเสียเวลาจริงๆ ด้วย แค่ไม่กี่นาทีที่มันเดินขึ้นมา พอพวกผมตามมาดู มันถอดเสื้อผ้ามันเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งอยู่บนเตียง แต่ผมจะไปดูมันให้เสียสายตาทำไม เป้าหมายหลักของผมคือแตต่างหาก แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ แตนอนบนเตียงไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างเลย
           เพื่อนๆ นึกภาพออกมั๊ย ว่าเวลาแอบดูเนี่ยมันเห็นไม่ค่อยชัดหรอก เพราะไอ้หนุ่มมันนั่งหันหลังให้ประตู ร่างของมันจึงบังแตอยู่ จะเห็นแตก็ต่อเมื่อหนุ่มมันขยับตัวเท่านั้น มันไม่พูดพล่ามทำเพลง พอจัดที่จัดทางเรียบร้อยก็ก้มลงไปดูดสองเต้าของแตทันที นมเธอไม่ใหญ่นะ แต่ก็ไม่ถึงกับเล็ก ถ้าเทียบแล้วก็อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำกับริน ไอ้หนุ่มไซ้อยู่บนเต้าของแฟนมันอย่างนั้น โดยไม่เห็นมันทำอย่างอื่นให้เธอเลย ซักพักเสียงแฟนมันครางเบาๆ เธอคงจะเริ่มมีอารมณ์ แต่พอไอ้หนุ่มเงยหน้าขึ้นมาได้ก็ปีนขึ้นไปคร่อมร่องของแตทันที จับขาของเธอถ่างออก แล้วกดเอวของมันเข้าใส่ร่างของแตพรวดเดียวจบ จากนั้นมันก็เริ่มโยกเอวเข้าใส่ร่างของเธอถี่ยิบ แตโยกไปมาตามแรงขย่มของมัน แต่ดูเธอเนือยๆ ยังไงชอบกล ไอ้หนุ่มไม่สนใจ ยังคงกระแทกเข้าใส่ตัวเธออย่างนั้น ซักพักก็ได้ยินเสียงมันร้องแล้วล้มลงไปนอนทับอยู่บนร่างของเธอ ผมหันมามองหน้าเพื่อนอีกสองคนแล้วส่ายหัว พึ่งรู้นะว่ากระบวนการเอาของไอ้หนุ่มมันเป็นอย่างนี้ มันจะดิ้นรนมีแฟนหลายๆ คนไปทำไมวะ ในเมื่อแค่คนเดียวมันยังทำให้เค้ารู้สึกดีไม่ได้เลย ผมว่าแตยังไม่ทันสร้างอารมณ์เลยด้วยซ้ำ ดูเธอทำหน้าเซ็งๆ คงเป็นอย่างนี้มาตลอด คือพอหนุ่มมันมีอารมณ์ มันก็กระโดดขึ้นควบเลย พอเธอเริ่มจะมีอารมณ์บ้าง ไอ้หนุ่มก็เสร็จแล้ว ดูรูปร่างของแตแล้วต้องบอกว่าเสียของชิบหาย
           แต่พวกผมก็ต้องรีบแนบสายตาเข้ากับขอบประตูอีกครั้ง เพราะแตขยับตัวลุกขึ้น คงจะไปเข้าห้องน้ำ อือ พอยืนตรงแล้ว หุ่นเธอสวยจังเลย ค่อนข้างจะผอมบาง สองเต้าคล้อยลงเล็กน้อย หัวนมออกสีน้ำตาล โหนกเนื้อข้างล่างค่อนข้างอูม มีเส้นไหมปิดทึบไปหมด ไอ้หนุ่มคงจะใช้ซะคุ้มแล้ว พวกผมหันมามองหน้ากัน กลืนน้ำลาย เธอเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนพวกผมก็ค่อยๆ ปิดประตูแล้วลงมาอยู่ข้างล่าง พอลงมาผมก็ยิ้มแหยๆ กับพวกมัน แล้วขอตัวเข้าห้องน้ำ คงรู้นะว่าเข้าไปทำไม พอเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งนินทาไอ้หนุ่มอีกนานเลย หลังจากอีกไม่กี่เดือนก็เป็นอย่างที่คิด หนุ่มเลิกกับแต แต่ผมว่าดีแล้วล่ะ แตอยู่ก็ทรมานเปล่าๆ มีมันเป็นแฟนสู้ซื้อของเทียมซักอันยังจะมีประโยชน์กว่า จินตนาการได้ไม่อั้นด้วย และตอนนั้นผมก็มีอะไรๆ กับน้ำเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ช่วงนั้นผมจะไม่มีเวลาว่างให้เพื่อนเลย ต้องอยู่ทำรายงานส่วนตัวตอนเย็นกับน้ำในห้องเรียน บางทีเลิกเรียนตอนเที่ยงผมกลับบ้านเฉยเลย แล้วถ้ามีใครสังเกตก็จะเห็นว่าน้ำก็ไม่อยู่ในคณะเหมือนกัน เราไปเล่นไพ่ เล่นจับใหญ่ที่บ้านผม จนประมาณเกือบๆ สี่โมงเย็นค่อยกลับมาคณะอีกครั้ง ไม่ค่อยสนุกหรอกนะเพราะฉากโป๊มันมีน้อย ผมไม่ได้เล่นเองก็ไม่รู้จะบรรยายยังไง ไอ้หนุ่มก็แสดงได้ห่วยมาก จนผมอายที่จะบรรยาย ก็ขอโทษเพื่อนๆ ด้วยก็แล้วกัน เลื่อนเข็มนาฬิกามาอยู่ที่ปีสามเหมือนเดิม
           ช่วงปิดเทอมปีสองผมเหงามากจริงๆ สมัยอยู่ปีหนึ่งผมตั้งหน้าตั้งตารอว่าน้ำจะกลับจากอังกฤษเมื่อไหร่ เราจะได้เจอกัน แต่ของปีสองนี่ผมไม่มีอะไรต้องหวังเลย บางทีนั่งอยู่บ้านคนเดียว มือมันสั่นไปหมด อยากหยิบโทรศัพท์โทรไปหาน้ำหรือริน ไม่ต้องนอนด้วยกันก็ได้ เพียงแต่ผมอยากมีเพื่อนคุยด้วย แต่ก็กลัวว่าคุยด้วยกันได้สองสามคำก็ต้องนอนด้วยกันอยู่ดี ของอย่างนี้มันอยู่ใกล้กันได้ที่ไหน เรื่องตลกก็คือ ตอนนั้นผมรู้สึกโกรธ แต่คนที่ผมโกรธดันเป็นน้องรหัสตัวเอง ผมพาลมากเลย ถ้าไม่ใช่เพราะจุ๋มส่งเสริมเรื่องริน ผมก็ไม่ต้องเลิกกับน้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะจุ๋มมาบอกเรื่องริน ผมก็ไม่ต้องเลิกกับริน นังเด็กเวรจริงๆ เพื่อนๆ คงอยากถามว่าแล้วทำไมไม่กลับไปขอโทษน้ำหรือขอคืนดีกลับริน ก็บอกแล้วว่าผมไม่ชอบนิสัยของน้ำ ไม่รู้สิ น้ำคงคิดว่าผมเป็นลูกเธอมั๊ง ต้องอยู่ในกรอบสารพัดอย่าง แม่ผมยังใจดีกว่าเธออีก ถ้าต้องให้กลับไปเพื่อนอนกับเธอ แล้วต้องแลกกับการทนนิสัยเธอไปเรื่อยๆ ผมคงทนไม่ได้ และมันไม่คุ้มด้วย ส่วนริน ที่จริงแล้วผมจะโทรไปหารินก็ได้ แต่อีกไม่นานน้องรหัสผมก็ต้องรู้ แล้วนังจุ๋มนี่สงสัยบ้านจะอยู่แถวๆ ตลาด เวลาด่านี่ด่าได้อย่างลื่นไหลมาก ทอมอะไรวะ ปากจัดชิบหาย ไอ้จะคาดคั้นรินว่าอย่าบอกจุ๋มนะว่าผมมาหา ผมก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อเธอได้แค่ไหน ขนาดนอนด้วยกันวันไหน ที่ไหน เธอยังเล่าจนหมด แล้วถ้าผมกลับไปหาเธออีก เธอก็คงเล่าให้น้องรหัสผมฟัง แล้วนังเด็กเวรก็คงเอาผมไปแฉแน่ๆ เลย ว่าจะเขียนต่อ แต่ดูๆ ไปมันไม่ค่อยตรงคอนเซ็ปต์เท่าไหร่นะ เพราะฉากโป๊มันไม่ค่อยมีเลย เดี๋ยวเพื่อนๆ ที่อ่านจะเสียอารมณ์เปล่าๆ บอกตรงๆ ว่าผมเกรงใจคนที่ต้องเสียเวลาอ่าน ผมว่าจบเรื่องง่ายๆ แค่นี้เลยดีกว่านะ


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
กลับมาตามสัญญานะ ที่จริงแล้วตอนแรกว่าจะเลิกเขียน ก็อย่างที่บอกเหตุผลไปแล้วว่ามันนึกฉากโป๊ไม่ค่อยออก ผมว่าคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่ไม่ใช่นักแสดง เวลาเอากับผู้หญิงเนี่ย มันไม่โลดโผนเอาเป็นเอาตายหรอก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงดีๆ เนี่ย โอกาสที่เพื่อนๆ จะเอ่ยปากเวลากำลังขย่มอยู่บนตัวเธอว่า นี่เธอ เรามาเปลี่ยนท่ากันเถอะ เธอหันหน้าไปทางโน้นสิ เธอหันหัวมาทางนี้สิ มันยากนะ ไม่เชื่อลองถามเพื่อนๆ ที่เป็นผู้หญิงดูสิ พอไอ้ดุ้นนั้นมันเข้าไปในตัวผู้หญิงแล้ว โอกาสที่มันจะออกมาหายใจอีกครั้งนึงเนี่ย ส่วนใหญ่ก็ตอนที่น้ำออกแล้วล่ะ แต่ละครั้งที่ผมเอากับผู้หญิง ถ้ากำลังโยกอยู่แล้วทำท่าว่าจะดึงไอ้นั่นออก ไอ้คนที่นอนอยู่ข้างล่างจะร้องว่าเอาออกทำไม พอผมบอกว่าจะเปลี่ยนท่า เธอจะบอกทันทีเลยว่าไม่ต้อง อย่างนี้ดีอยู่แล้ว เป็นเพื่อนๆ พวกคุณจะดึงออกให้โง่เหรอในเมื่อผู้หญิงเค้าโอเคกับท่าเดิมอยู่แล้ว บางคนเอาขาหนีบเอวผมไว้เลยด้วยซ้ำ กันผมดึงออกโดยไม่บอกล่วงหน้า แต่ผมไม่ค่อยชอบให้ผู้หญิงหนีบขาที่เอวหรอกนะ เพราะเวลาเธอหนีบขา ก็ต้องยกก้นขึ้นมา แล้วเธอมักจะทิ้งน้ำหนักลงมาที่ก้นซึ่งมันทำให้ขาเธอหนักมาก และผมต้องเสียพลังงานในการยกเอวมากเกินไป เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่แล้ว เวลาผมเอากับผู้หญิง ก็มักจะเลือกท่ากันตั้งแต่แรกเลย เข้าข้างหน้าก็ข้างหน้าอย่างเดียว อาจมีเปลี่ยนบ้างก็แค่พลิกตัวผู้หญิง ว่าจะให้เธอแยกขาออกหรือหุบขาเข้า หรือดันเข่าเธอขึ้นไปติดหน้าอกเท่านั้น
           ถ้าจะเข้าข้างหลัง ก็จับเธอนอนคว่ำ เอาข้อศอกยันตัวหรือจะเหยียดแขนยันพื้นไว้ก็ได้ ยกเข่าชันขึ้นมา แยกขาเธอออก จากนั้นก็ดันไอ้นั่นเข้าไป มันก็แค่นั้นจริงๆ ไม่โลดโผนไปกว่านั้นหรอก จะมีออพชั่นให้เลือกก็แค่ว่าจะเปลี่ยนท่าของเธอบ้าง เช่น นอนให้ใบหน้ากับหน้าอกแนบกับที่นอนไปเลย หรือเอาหมอนรองไอ้เนินตรงนั้นของเธอไว้ ไม่ต้องคุกเข่าอีก เพราะเพื่อนๆ คงนึกภาพออกนะ ว่าเวลานั่งเอานานๆ นี่มันก็เมื่อยเหมือนกัน ในชีวิตผม สารภาพว่าผู้หญิงที่เอามันที่สุด ตั้งแต่วันที่ผมรู้ว่าไอ้จู๋ไม่ได้มีไว้ฉี่อย่างเดียวก็คือริน รินสอนประสบการณ์บนเตียงให้ผมอย่างที่ผมไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน ตัวเธอเล็กนิดเดียว แต่ฝีมือระดับชั้นครูเลยล่ะ แล้วเป็นคนที่สรรหาเรื่องแปลก เรื่องตื่นเต้นมาเล่นกับผมอยู่เรื่อยๆ ผมเล่าให้ฟังแล้วนี่ เรื่องที่เธอบรรเลงให้ผมบนปอ. จนผ้าเช็ดหน้าเธอเลอะเทอะไปหมด หรือก้มลงไปหาน้ำกินตรงเป้ากางเกงผมในโรงหนังจนเจมส์บอนด์อายไปเลย ก็ไม่ใช่เจมส์บอนด์คนเดียวนะ เธอชวนผมไปเล่นปั่นไอติมกินในโรงหนังไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง อีกอย่างนึงที่จะเล่าคือ เวลาเรานอนกันอยู่บนเตียง ถ้าจู่ๆ รินมากระซิบที่หูผมว่าพี่อยู่เฉยๆ นะ เพื่อนๆ เชื่อมั๊ย ผมโคตรลุ้นเลย เพราะเวลารินบอกผมว่าให้อยู่เฉยๆ เนี่ย ซักพักมันจะตามมาด้วยลีลาสุดยอดที่ผมต้องยอมหลั่งน้ำให้เธอทุกครั้ง แล้วถ้าเธอลงมือเมื่อไหร่ ยากมากที่ผมจะทำเป็นกลั้นไม่ยอมให้ออก เพราะเธอรู้จังหวะว่าตอนไหนควรจะช้า ตอนไหนควรจะเร็ว และตอนไหนควรจะเร่ง
           และจะบอกว่ารินเป็นข้อยกเว้นของผมคนเดียวที่ได้เปลี่ยนท่าสลับไปสลับมา หน้าบ้าง หลังบ้าง เพราะดูเธอไม่ได้รีบร้อนที่จะต้องไปถึงจุดสุดยอด แต่สุดยอดที่ผมชอบที่สุดก็คือเวลาที่เธอนั่งอยู่บนตัวผม ผมอยากแนะนำเพื่อนๆ จังเลย ว่าลองให้ผู้หญิงอยู่ข้างบนดูสิ ก่อนอื่นจัดท่าเธอให้ดีก่อน ให้เธอกดตัวให้ดุ้นของคุณเข้าไปในร่องของเธอจนหมดแล้วนั่งทับไว้เลย โย้ตัวมาข้างหน้านิดนึง เอามือวางบนหน้าอกคุณ จะทิ้งน้ำหนักมาที่แขนก็ได้นะถ้าคุณไม่หนัก แต่ถ้าหนักก็ให้เธอจับต้นขาของตัวเองไว้ก็ได้ จากนั้นอย่าพึ่งให้เธอรีบขย่มนะ ให้เธอนั่งทับจนก้นแนบกับท้องน้อยคุณ แล้วค่อยๆ บดเนินของเธอกับดุ้นของคุณช้าๆ ไปเรื่อยๆ ก่อน หมุนไปทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง สลับไปสลับมานุ่มๆ ช้าๆ อย่าให้เธอยกก้นขึ้นนะ ซักพักก็ให้เธอเปลี่ยนเป็นรูดขึ้นลงช้าๆ แล้วเปลี่ยนกลับมาบดเนินซ้ำอีกครั้ง วนเวียนสลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน จากนั้นคุณก็บอกให้เธอค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้น ตามแต่ที่คุณอยากได้ ที่ผมเน้นก็คืออย่าเร่งนะ ให้ไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่านรกมีจริง เพราะแม่งโคตรทรมานเลย แต่ที่อยากจะบอกก็คือ หาผู้หญิงที่จะให้ความร่วมมือเล่นอย่างนี้ด้วยค่อนข้างยาก จริงๆ นะ เพราะผมลองเอาไปใช้กับผู้หญิงคนอื่นดู ปรากฏว่าพอเธอบดเอวบนตัวผมได้แป๊บเดียว ก็เปลี่ยนมาเป็นขย่มสุดชีวิตเลย
           พอเสร็จกันแล้วลองถามดู เธอบอกว่าไม่ไหว เพราะมันเสียวมาก สรุปก็คือผมได้เล่นอย่างนี้กับรินแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเพื่อนๆ เจอผู้หญิงที่ทำได้อย่างที่ผมบอกก็ลองดูสิ กลัวแต่ว่าคุณจะทนไม่ไหวเองต่างหาก ที่ย้อนเล่าเรื่องรินให้ฟังเพราะอยากให้รู้เหตุผลว่า ทำไมผมถึงยังยิกๆ อยากกลับไปหาเธออีก ช่วงที่ผมอยู่กับริน สารภาพว่าผมหลงเธอมากๆ ไม่ได้นึกถึงน้ำแม้แต่นิดเดียวเลย น้ำเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เรายังอยู่ด้วยกัน เวลาน้ำไปบ้านผม พอเราสองคนถอดเสื้อผ้าเสร็จ ผมโดดขึ้นไปบนเตียง แทนที่เธอจะขึ้นเตียงเลย เปล่านะ เธอกลับไปหยิบไม้แขวนเสื้อมาบรรจงแขวนเสื้อ วางกระโปรงพาดกับราว พับยกทรง พับกางเกงใน พับถุงน่อง นานมากๆ จนบางทีผมอยากจะบอกเธอด้วยซ้ำ ว่าน่าจะสวดมนต์ก่อน แล้วเวลาขึ้นเตียงกัน อืม จะพูดยังไงดีล่ะ น้ำเป็นคนสุภาพ เวลาเอากันก็ยังเรียบร้อยเลย เธอไม่ค่อยยอมเปลี่ยนท่าเท่าไหร่นัก จะจับเธอเอาข้างหลังนี่แทบจะต้องกราบเลยนะ เธอบอกว่าท่ามันน่าเกลียด ผมอยากจะถามเธอว่ามันน่าเกลียดตรงไหนวะ เค้าเอาท่านี้กันทั้งโลก แต่ก็ไม่อยากขัดใจเธอ ก็เลยกลายเป็นว่า ส่วนใหญ่แล้วเราจะนอนเอากันท่าธรรมดา บางครั้งผมก็ขอให้เธออยู่ข้างบนนะ แต่เธออิดออดนานมาก บอกว่าทำไม่เป็นบ้างล่ะ ไม่กล้าทำบ้างล่ะ กลัวผมรู้สึกไม่ดีบ้างล่ะ บางทีผมต้องแกล้งทำเป็นโมโห ว่าแค่นี้ก็ไม่ยอมทำ เธอถึงได้ยอม แต่เวลาน้ำอยู่ข้างบน ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนหินทับตัวอยู่ เพราะเธอไม่ค่อยยอมขยับตัวเลย ต้องให้ผมเป็นคนเด้งเอวขึ้นใส่เธอเอง แม่งโคตรเมื่อยเลย
           เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพอผมได้เอากับรินแล้ว ผมจึงไม่ได้นึกถึงน้ำแม้แต่นิดเดียว น้ำมีดีกว่ารินแค่ว่าสองเต้าเธอยังแน่นเต็มไม้เต็มมือ และร่องของเธอแน่นกระชับเนื่องจากความใหม่เท่านั้น ที่เหลือเธอแพ้รุ่นน้องหลุดลุ่ยขาดกระจุยเลย ตายล่ะ ตั้งใจจะเล่าเรื่องสมัยเรียน กลายเป็นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แค่อยากจะบอกว่าผมบรรยายแบบหนังโป๊ไม่เป็น เพราะหนังโป๊มักจะบรรยายแบบค่อนข้างดุเดือด เล่นกันน้ำกระจายทั้งห้อง ผมไม่เคยเอาผู้หญิงแบบดุเดือด แล้วก็ไม่เคยเอาจนน้ำกระจายทั้งห้อง เพราะฉะนั้น ถ้าเขียนโดยไม่เคยทำ แล้วมันจะเอาข้อมูลจากที่ไหนมาเขียน เช่น ไม่เคยเอาทางก้นแล้วให้ผมเขียน ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเอาทางนี้แล้วมันดีตรงไหน อ้อ! ออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยเอาผู้หญิงทางก้นนะ เพราะผมว่าสำหรับผมแล้ว แค่ปากกับร่องข้างล่างก็เหลือเฟือแล้ว ไม่อยากดิ้นรน และกลัวว่าผู้หญิงจะเจ็บด้วย เอาไว้ให้คนที่เค้ามีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังเองดีกว่า เข้าเรื่องก็แล้วกัน เปิดเทอมปีสาม ผมมีเรื่องต้องทำเยอะแยะ ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องวุ่นวายนัดเพื่อนกินเหล้า เพราะช่วงปิดเทอมไม่ได้เจอเพื่อนเลย ช่วงแรกๆ นี่ไม่มีเรื่องบนเตียงเลยนะ น้ำก็ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้คนเดียวอย่างนั้น ไม่มีแฟนใหม่ซักที สารภาพกับเพื่อนๆ ว่า บางครั้งผมก็สงสารเธอที่สุดเลย เพราะรู้ว่าเธอไม่มีใคร แต่พอคิดๆ แล้วผมสงสารตัวเองมากกว่า ถ้าจะต้องไปเป็นลูกเธอ
           ส่วนรินก็ยังผูกติดกับนังจุ๋มเหมือนเดิม เมื่อไหร่มันจะทะเลาะกันซะทีวะ ผมจะได้แทรกเข้าไปอยู่ตรงกลาง แล้วเล่นแมงมุมกับรินต่อ เพื่อนคนอื่นๆ ก็ยังเหมือนเดิม อ้อ! ลืมบอกไป ไอ้หนุ่มมีแฟนแล้ว มันมีตั้งแต่ตอนปีสองแล้วล่ะ แต่ตอนที่พวกผมเห็นแฟนมันแล้วก็ต้องส่ายหน้า นี่สวยที่สุดเท่าที่มันหาได้แล้วหรือวะเนี่ย สูงๆ ผอมๆ ไม่ได้ครึ่งของแตเลย เป็นผม ผมไม่พากลับไปโรงเรียนเก่าแน่ๆ อายเพื่อนตายเลย พวกเราได้แต่อวยพรให้แฟนมันว่าขอให้ถึงจุดสุดยอดเวลาไอ้หนุ่มเอา ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง ส่วนผม ผมยุ่งเรื่องเรียนจริงๆ รายงานแม่งเป็นตั้งเลย เอ๊ะ! ผมบอกไปหรือยังว่าผมก็ยังต้องนั่งทำรายงานกับน้ำอยู่นะ เราอาจจะเลิกเป็นแฟนกันแล้ว แต่ตามหน้าที่และความรับผิดชอบ เรายังเป็นบัดดี้กันอยู่ ก็เหมือนกับเวลาทำกิจกรรม ซึ่งน้ำก็ยังเป็นน้ำ ทำอะไรไม่เป็นเหมือนเดิม ยังไงๆ ผมก็ต้องช่วยเธอ นั่นคือหน้าที่ เราไม่ได้บอกใครนี่หว่าว่าเราเอากันแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้บอกใครเหมือนกันว่าเราเลิกเอากันแล้ว ตอนแรกที่เลิกกันใหม่ๆ ผมนึกว่าน้ำจะขอเปลี่ยนบัดดี้ แต่เธอก็ไม่ได้ทำอย่างที่ผมคิด เราเปลี่ยนที่ทำรายงานจากในห้องเรียนมานั่งทำใต้ต้นไม้ ตลอดเวลาที่นั่งด้วยกัน น้ำไม่พูดเรื่องอื่นเลย ก้มหน้าก้มตาทำงาน จะคุยกับผมก็เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น
           เพื่อนๆ ลองดูสิ เลิกกับผู้หญิงซักคนแล้วต้องมานั่งอยู่ด้วยกัน มันไม่รู้จะวางตัวยังไงจริงๆ อีกอย่างนึง เวลาน้ำก้มหน้าเขียนหนังสือ บางทีมันมองลอดอกเสื้อเธอเข้าไปได้ ไม่ได้ตั้งใจมองนะ แต่เห็นแวบๆ ว่าเธอกลับมาใส่เสื้อทับเหมือนเดิมแล้ว เฮ้อ! ใครจะไปมีสมาธิทำงานวะ แค่เห็นเนินอกมันก็นึกภาพได้ทั้งตัว จำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ก็ผมเห็นมาหมดแล้วนี่ ถึงน้ำจะมีลีลาห่วยกว่าริน แต่อะไรต่อมิอะไรของเธอก็ยังแน่นกระชับ ชวนให้คิดถึงอยู่เหมือนกัน บางทีเธอเงยหน้ามอง ผมก็รีบหันควับไปมองโต๊ะอื่นทันที ไม่อยากให้เธอจับได้หรอกว่าผมแอบมองหน้าอกเธออยู่ เสียฟอร์มตายเลย เรามานั่งทำงานอย่างนี้อาทิตย์ละสองวัน แล้วทุกครั้งผมก็อาศัยร่องอกของน้ำเป็นที่พักสายตาเสมอๆ เวลานั่งเขียนรายงานจนเบื่อ บ่อยครั้งที่มองข้ามโต๊ะไป แล้วเห็นพวกไอ้บิ๊ก ไอ้หนุ่ม ไอ้วี และเพื่อนคนอื่นๆ นั่งคุยกันอยู่อีกโต๊ะนึง อยากเข้าไปคุยกับพวกมัน แต่งานยังไม่เสร็จ ขืนไป เดี๋ยวน้ำไม่ช่วยทำ ผมก็ตายห่าเท่านั้น และบางครั้งจุ๋มกับรินมานั่งคุยกันอยู่โต๊ะข้างๆ ผมมองตามตาละห้อยเลยล่ะ เพราะเวลานั่งคุยกับริน มันเป็นอะไรที่ทำให้ผมมีพลังขึ้นมาอย่างประหลาด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพลังตรงแถวๆ เป้ากางเกงนะ บางครั้งเธอนั่งหันข้างให้ ผมแอบมองตรงต้นขาของเธอ แล้วได้แต่ถอนหายใจ ภาพของพื้นที่เหนือต้นขาเธอแจ่มชัดอยู่ในหัวผม แต่บ่นอะไรให้เพื่อนๆ ฟังหน่อยสิ เด็กอะไรวะ ตัวนิดเดียว แต่ขนข้างล่างรกทึบดำสนิทเลย ถ้าอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ ผมคงไล่ให้เธอไปเล็มออกบ้างเพราะมันบังทางเข้าหมดเลย
           เวลารินนั่งคุยแล้วหันมาเห็นว่าผมกำลังมองอยู่ เธอยิ้มให้ ผมจะขาดใจตาย ไอ้ที่ผมเคยเล่าให้เพื่อนๆ ฟังทั้งหลายแหล่มันวิ่งพล่านอยู่ในหัว จนไม่มีกะใจจะทำงานเลย น้ำไม่สนใจใคร เวลาเธอทำงานเธอมีความตั้งใจสูงมาก อย่างมากก็แค่ใช้หางตามองโต๊ะอื่นๆ เท่านั้น โดยเฉพาะโต๊ะของจุ๋ม ผมว่าเธอคงไม่ชอบสองคนนั้นมากๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะนังจุ๋ม ซึ่งถือได้ว่าเรามีศัตรูคนเดียวกัน แต่อย่างที่บอก เราไม่พูดกันเรื่องนี้ อ้อ! ต้องบอกให้เข้าใจอย่างนึงก่อนว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน ไม่มีคนอื่นรับรู้เรื่องลึกๆ ด้วยเลย อาจจะมีบ้างที่เห็นว่าผมอยู่กับน้ำด้วยกันบ่อยๆ แต่เขาก็คิดว่าอยู่ในระดับเป็นแฟนกัน คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องอยากอยู่ด้วยกันแค่สองคน อะไรทำนองเนี้ย เรื่องที่น้ำมีอะไรกับผมในห้องเรียน ไม่มีคนรู้เรื่อง เพราะทุกครั้งเราจะรอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนั้นอีกแล้ว ก็มีแค่นักการอยู่ในคณะ แต่เรารู้เวลาว่าเขาจะเดินมาตรวจห้องในสาขาเราตอนกี่โมง พอรู้อย่างนั้นแล้ว ครั้งหลังๆ ก็เลยมีเวลาเหลือเฟือ ส่วนเรื่องที่น้ำไปบ้านผมไม่มีคนรู้เลย เพราะน้ำจะหายไปดื้อๆ แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะบางครั้งเวลาว่าง เธอก็ไปนั่งที่หอสมุด เป็นเรื่องปกติของเด็กเรียนอยู่แล้ว ส่วนผมเนี่ยประกาศได้เต็มตัวเลยว่ากูกลับบ้านนอน ก็อย่างที่บอกว่าเราเข้ามาเอากันในบ้าน จนเกือบๆ สี่โมงก็กลับคณะ จนกระทั่งคนอื่นๆ คิดว่าเราเลิกเป็นแฟนกันแล้ว
           ส่วนรินนี่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากนังจุ๋ม เพราะใครๆ ก็คิดว่าผมมีแฟนใหม่คือริน รินนี่ผมไม่เคยมีอะไรด้วยในคณะนะ เพราะมันไม่มีเหตุผลว่าเธออยู่เย็นกับผมทำไม เรากลับไปนอนกันที่บ้านของเธอเกือบทุกครั้ง ถึงจะไกล แต่สำหรับผมแล้วโคตรคุ้มเลย วันเวลาผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย เรื่องอย่างว่าของผมหมดไปกับสาวๆ ที่เจอในผับซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่ว่า อืม เพื่อนๆ เคยเอาสาวๆ ในผับหรือเปล่า แบบที่ว่าคุยกันที่โต๊ะอยู่ดีๆ แล้วมาจบในโรงแรมน่ะ พวกนี้ผมต้องใส่ถุงยางทุกครั้ง สมัยนั้นเอดส์ยังไม่มีก็จริง แต่โรคอย่างอื่นก็น่ากลัวไม่แพ้กันหรอก เพื่อนที่ไปกับผมบ่อยที่สุดคือไอ้บิ๊ก เรามักจะเปิดโรงแรมนอนเพราะไม่ค่อยชอบเข้าม่านรูด โรงแรมที่ผมใช้ประจำสมัยนั้นคือริเวอร์ไซด์พลาซ่า ตรงสะพานกรุงธน เพื่อนๆ รู้จักหรือเปล่า เรามักจะเช็คอินกันตอนเที่ยงคืน แล้วเช็คเอาท์ตีห้า เพราะต้องไปส่งสาวๆ แล้วรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดมาเรียน ผมกับไอ้บิ๊กออกค่าโรงแรมห้องใครห้องมัน ช่วงนั้นไปบ่อยจนพนักงานตรงเคาน์เตอร์เช็คอินจำเราสองคนได้ อีนังพวกนั้นก็โคตรสาระแนเลย ผมยืนเช็คอิน มันลงทะเบียนให้แต่เสือกชะโงกหน้ามาดูสาวๆ ที่ผมพาไปฟัน
           โรงแรมนี้ใช้ได้เลยนะ เห็นวิวแม่น้ำด้วย ยิ่งถ้าพาสาวๆ ออกมายืนเอาตรงระเบียงนะ แม่งสุดยอดจริงๆ เพราะจะเห็นวิวสะพานกรุงธนสวยงามมาก อ้าว อย่าคิดว่าทำไม่ได้นะ ระเบียงโรงแรมมันเป็นซี่ลูกกรงเหล็กสูงประมาณเอว เวลาพาออกมาเอาก็ให้ผู้หญิงใส่เสื้อ ส่วนข้างล่างให้พันผ้าขนหนูไว้ มองไกลๆไม่รู้หรอกว่าผ้าขนหนูหรือกระโปรง ไม่ต้องใส่กางเกงในนะ พอออกมายืนริมระเบียง ก็ให้ผู้หญิงยืนเอาศอกท้าวระเบียงแล้วโก้งโค้งนิดนึง พอเพื่อนๆ จะเอาก็ยกผ้าขนหนูด้านหลังขึ้นไปไว้ตรงเอว แล้วใส่เข้าไปได้เลย แล้วก็ยืนกอดเธอไว้จากด้านหลัง มองไกลๆ ก็เหมือนคนยืนกอดกันอยู่ แค่นี้ก็เอาได้แล้ว แต่อย่ากระแทกเร็วหรือหนักไปล่ะ คนที่อยู่ตึกอื่นเค้าจะรู้หมด เอาแบบเนิบๆ ดีกว่า โรแมนติคดีออก แต่ส่วนใหญ่แล้ว การพาออกมาเอาที่ริมระเบียงมักจะเป็นทีที่สองแล้ว เพราะทีแรกมันไม่อยากได้อะไรที่มันโรแมนติคหรอก ขอเอาน้ำออกก่อน เรื่องโรแมนติคไว้ทีหลัง อ้าว ไปถึงริเวอร์ไซด์ได้ยังไงเนี่ย กลับมาที่คณะเหมือนเดิมดีกว่า โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ ลืมบอกไปอีกเรื่องนึง ไหนๆ ก็พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวริเวอร์ไซด์แล้ว เอ๊ะ มันพูดที่นี่ได้หรือเปล่าวะ เพื่อนๆ ทั้งหลายเอ๋ย ว่างๆ ให้ไปนั่งกินข้าวที่ริเวอร์ไซด์นะ ที่ร้านตรงระเบียงน้ำ พนักงานเสริฟที่นั่นส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษามาทำพาร์ทไทม์ ที่สำคัญพวกเธอค่อนข้างใจบุญนะ ลองไปคุยดู เธอขอค่าเสียเวลาเป็นเพื่อนคุยประมาณ 1000-1500 บาท แล้วแต่ตกลงกัน แต่อย่าทะลึ่งเปิดโรงแรมที่นั่นล่ะ เดี๋ยวเด็กเค้าจะเดือดร้อน ไปหาที่อื่น บอกแค่นี้แหล่ะ
           กลับมาที่คณะจริงๆ ล่ะ แหะ แหะ ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่เด็กเที่ยวนะ เพียงแต่ตอนนั้นมันไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ เอ้า กลับมาคณะได้แล้ว อย่างที่บอกว่าชีวิตช่วงนั้นมันน่าเบื่อจริงๆ ผมเริ่มเดินออกมาสังสรรค์กับเพื่อนสาขาอื่นๆ ก็ได้รู้จักกับคนมากขึ้น อย่างน้อยก็เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ เพราะเวลาอยู่ใกล้น้ำกับรินมันเป็นอารมณ์เดิมๆ ก็คืออารมณ์อยากเอา แต่มันเอาไม่ได้ ก็เลยลองออกไปหาเพื่อนใหม่ๆ ดูบ้าง จะได้ไม่เบื่อ และผมก็ได้นั่งคุยกับรุ่นพี่คนนึง เพื่อนๆ จำได้หรือเปล่าที่ผมเคยเล่าว่าพี่เค้าเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกคนรับแตงโม ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกนะว่าพี่เค้าเป็นสมาชิกอยู่ ไม่เห็นไอ้บิ๊กมันเล่าให้ฟังเลย ก็นั่งคุยกับพี่เค้า แม่งเรียนห่วยกว่าผมอีก ที่จริงแกต้องจบไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่รู้รักคณะอะไรนักหนา ปีนี้ก็เลยยังอยู่เรียนปีห้าต่อ พี่เอกแอบเอาเหล้าใต้โต๊ะมาเติมในแก้วโค้กให้ผม ผมเหลียวหน้าเหลียวหลังเลิ่กลั่ก เพราะกินเหล้าในคณะโทษหนักพอๆ กับแอบเอากันในคณะเลยล่ะ แต่พี่เอกดูจะไม่สนใจ ผมก็เลยต้องเลยตามเลย กินก็กินวะ พี่เอกเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเยอะแยะไปหมด เพราะแกเข้าคณะก่อนผมตั้งสองปี แล้วไอ้สองปีมหาวิทยาลัยเนี่ยมันเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ตั้งเยอะ อย่างเช่นตัวผมเองเป็นแฟนกับน้ำปีหนึ่ง พอปีสองเลิก เป็นแฟนกับรินปีสอง พอปีสองกว่าๆ ก็เลิก พอขึ้นปีสาม แม่งไม่เหลืออะไรเลย
           หรือบางคนเข้ามาปีหนึ่ง แม่คงจะกลัวว่าลูกสาวจะมีแฟน เลยทำหน้าตาลูกสาวให้มันน่าเกลียดเข้าไว้ ให้ลูกสาวเอานมเอาก้นเก็บไว้ที่บ้าน ไม่ต้องเอามาเรียนด้วย แต่พอปีสามเธอเดินผ่านหน้าไป พวกเราต้องกลืนน้ำลายเลย ว่าไอ้ที่ว่าหน้ามือเป็นหลังตีนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เพราะคุณลูกสาวคงรู้แล้วว่า วิธีทำให้หน้าตาเป็นผู้เป็นคนเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เค้าทำกันยังไง และก็คงแอบเอานมเอาก้นที่เก็บไว้ที่บ้านมาใส่เหมือนเดิม อย่างนี้เป็นต้น แล้วเรื่องที่ผู้ชายคุยกันได้ถูกคอที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องผู้หญิง พี่เอกเล่าเรื่องสาวๆ ในสาขาแกให้ฟัง รวมทั้งสาวๆ คณะอื่นที่แกได้ไปเยี่ยมเยียนมา ที่จริงมีเรื่องราวเยอะมาก สนุกๆ ทั้งนั้นเลย แต่ผมขี้เกียจลากเรื่องพวกนั้นเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เดี๋ยวเขียนไม่จบซะที แต่มีเรื่องนึงที่ผมฟังแล้วโคตรอิจฉาเลย ยังจำได้ถึงทุกวันนี้เลยล่ะ พี่เอกเล่าว่า แหม ที่จริงถ้าจะให้ถูกแล้ว เพื่อนๆ ต้องรู้จักสภาพมหาวิทยาลัยผมซะก่อน ถึงจะบรรยายให้เพื่อนๆ เห็นภาพได้ แต่ขืนบอกก็รู้สิว่าอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าผมเล่าคร่าวๆ ก็แล้วกันนะ พี่เอกเล่าว่าแกเคยไปเยี่ยมเพื่อนที่คณะที่อยู่ห่างไปสองช่วงถนนมหาวิทยาลัย คณะนั้นลูกผู้ดีทั้งนั้นเลย ไอ้คณะเราเนี่ยมันชนชั้นกลาง สาวๆ คณะนั้นไม่สนใจคนของเราหรอก คราวนี้พี่แกก็ทะลึ่งไปปิ๊งสาวคนนึง ก็เลยให้เพื่อนช่วยพยายามแนะนำให้หน่อย เพื่อนก็ดีเหลือเกิน ไปเช็คแล้วเช็คอีกจนรู้กิจวัตรประจำวันของเธอ
           พอพี่เอกรู้ก็ขับรถไปเยี่ยมทันที อ้อ! ลืมบอกไป พี่เอกขับรถมาเรียนด้วย สมัยก่อนใครขับรถมาเรียนนี่ถือว่าไม่ธรรมดานะ พอไปถึงก็อาศัยเพื่อนแกเป็นคนกลางเข้าไปนั่งคุยด้วย เธอชื่อนก นกดูสุภาพ เรียบร้อย พูดจาดี พี่เอกชวนคุย เธอก็ไม่ได้หักหน้าแก ก็นั่งคุยด้วยอย่างดี พี่เอกบอกว่าตอนนั้นแกมีความหวังมากๆ เพราะถ้าได้นกเป็นแฟนและพามาที่คณะ มีหวังแกเดินเบ่งเสื้อขาดแน่ๆ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า ผู้หญิงคณะนั้นแม่งโคตรหยิ่งเลย ตั้งแต่วันนั้นมา แกขับรถไปคณะนั้นเกือบทุกวันเพื่อไปหานก จนเริ่มสนิทกันมากขึ้น พี่เอกเล่าถึงตอนนี้แล้วก็หยุดไปตั้งนาน ผมนึกว่าแกไม่อยากเล่าแล้ว แต่ซักพักแกก็ส่ายหน้าแล้วเล่าต่อ แกบอกว่าตอนนั้นแกหายใจเป็นนกเลยล่ะ เลิกเรียนปุ๊บต้องรีบไปคณะนั้นทันที แบบว่าไม่เห็นหัวสาวๆ ในคณะตัวเองเลย จนต่อมาก็เริ่มออกไปเที่ยวห้างด้วยกัน แกก็ซื้อของโน่นของนี่ให้นกเพราะอยากให้เธอดีใจ หรือบางทีนกอยากได้อะไรแกก็จะซื้อให้ ทีนี้พอไปเรื่อยๆ นกชักจะขอมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกๆ แกก็สู้นะ อยากได้อะไรก็ให้ แต่นานๆ ไปชักรู้สึกแปลกๆ เพราะนกดูจะขอมากเกินความจำเป็นไปหน่อย จนท้ายๆ แกเริ่มไม่ไหว พี่เอกเล่าว่า แกไปคุยกับเพื่อนคนเดิมว่าทำไมค่าใช้จ่ายมันสูงนักวะ เพื่อนแกหายไปสองสามวันแล้วเดินหน้าเหี่ยวกลับมาบอกแกว่า ที่คณะนั้นเค้าพูดถึงแกกันทั่วเลย ว่าไอ้หนุ่มคณะนี้มันหน้าโง่ คงคิดว่านกจะชอบพี่เอกจริงๆ เดี๋ยวหมดตัวแล้วก็คงหายหัวไปเอง
           พี่เอกเล่าถึงตรงนี้แล้วแกก็ยิ้ม ผมมองงงๆ เพราะที่จริงแล้วแกต้องทำหน้าโกรธมากกว่า แกบอกว่าตอนนั้นแกโกรธมากจริงๆ แหล่ะ หมดเงินไปเกือบห้าหมื่นบาท สมัยนั้นเงินห้าหมื่นไม่น้อยนะ ถ้าจำไม่ผิด น้ำมันลิตรละหกบาทเอง ทองบาทละสองพันนิดๆ แกบอกว่าไม่ได้เสียดายเงินหรอก แต่เสียฟอร์มมากกว่า พอตั้งหลักได้แกก็บอกเพื่อนว่า แกจะเข้าไปพานกไปเที่ยวห้างเหมือนเดิม เพื่อนแกก็งงว่ายังไม่เข็ดอีกเหรอวะ เพื่อนๆ รู้จักคลอโรฟอร์มหรือเปล่า มันเป็นสารเคมีในห้องทดลองชนิดหนึ่ง เอาไว้ใช้สำหรับดองศพ แต่คุณสมบัติของมันอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเอาไปผสมกับสารอีกตัวนึง มันใช้ทำยาสลบฉุกเฉิน อย่างเช่นถ้าใครซักคนอาละวาดมากๆ เอาไม่อยู่ ก็จะใช้ไอ้ตัวนี้เพื่อน็อค ของเล่นอย่างนี้พวกผมรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่จำเป็นต้องใช้บริการมัน แล้วคนที่ผสมเก่งๆ นะ เค้าสามารถกำหนดได้เลยว่าจะให้น็อคได้นานแค่ไหน แต่เพื่อนๆ อย่าไปลองล่ะ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวแทนที่ผู้หญิงจะน็อค เสือกจะกลายเป็นไปดองเธอทั้งเป็น ซวยตายห่าเลย ผมเกริ่นแค่นี้เพื่อนๆ คงพอจะนึกออกแล้วใช่หรือเปล่า ว่าพี่เอกจะเล่นห่าๆ อะไร แกเล่าว่า พอแกทำไม่รู้ไม่ชี้ไปรับนกเหมือนเดิม นกก็ไปด้วยนะ แกก็ขับรถไปห้าง เรื่องของเรื่องคือนกไม่ได้เข้าไปในห้างหรอก เพราะพี่เอกแกจัดการนกที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างนั่นแหล่ะ
           ตอนแรกผมฟังก็นึกว่าแกโม้ เพราะมันทำได้ยาก เท่าที่ผมรู้จัก ไอ้ยาตัวนี้มันแรงมาก ถ้าแกนั่งอยู่ในรถกับนก นกน็อคแกก็ต้องน็อคด้วย เพราะมันเป็นพื้นที่อับ พี่เอกหัวเราะใหญ่เลย แกบอกว่าแกทำเป็นไอ เอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกตัวเอง แล้วก็เอาอีกผืนที่ผสมยาแล้วไปใกล้ๆ จมูกเธอ ไอ้ยาตัวนี้มันไม่เหมือนในหนังนะ ที่ผู้ร้ายต้องอุดจมูกนางเอกซะจนผมกลัวว่านางเอกจะขาดใจตายซะก่อนกว่าจะน็อค อย่างที่ผมบอกไงว่าถ้าผสมให้ดี แค่จ่อตรงจมูกก็ไปแล้ว เพราะมันจะไปเบรกการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ไม่อธิบายล่ะเพราะมันยาว ผมไม่ได้เขียนวิชาวิทยาศาสตร์ให้เพื่อนๆ อ่านนะ พี่เอกถามผมว่าอยากฟังแบบลงลึกหรือเปล่า ผมอยากจะบอกแกว่าโคตรอยากฟังเลย แต่เดี๋ยวเสียฟอร์ม ก็เลยบอกว่าแล้วแต่แก แกเล่าแค่ไหนผมก็ฟังแค่นั้น แกก็เล่าต่อว่า พอนกไปซะแล้วแกก็ขับรถออกจากห้างไปเรื่อยๆ สบายๆ เพราะมีเวลาเหลือเฟือ ไม่ต้องรีบร้อนอะไร แกขับรถไปม่านรูดแถวๆ ปากเกร็ดแล้วก็เลี้ยวเข้าไป พอเด็กปิดม่านก็พยุงนกเข้าไปในห้องแล้วเอาไปวางบนเตียง ผมนึกแล้วโคตรขำเลย พี่เอกบอกว่าตอนนั้นแกแค้นมากจริงๆ แกหมดเงินไปห้าหมื่นกว่าบาท เพราะฉะนั้น ระหว่างขับรถ แกตีราคาทุกอย่างในตัวของนกเป็นเงินหมดเลย จูบปากกี่บาท จับนมกี่บาท ไซ้ทั้งตัวกี่บาท และเอากี่บาท แกบอกว่าคำนวณดูแล้ว แกต้องเอาอย่างน้อยสองทีถึงจะไม่ขาดทุน
           พี่เอกบอกว่า พอแกถอดเสื้อผ้าของนกออกจนหมด แกรู้สึกว่าได้เอาแค่ทีเดียวก็ไม่ขาดทุนแล้วเพราะนกขาวไปหมดทั้งตัวเลย อ้อ! ไม่หมดหรอก ไอ้ข้างล่างมันมีสีดำอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นแกคงไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องพวกนี้หรอก รีบถอนทุนดีกว่า พี่เอกไม่ได้เล่าว่ากระบวนการถอนทุนของแกทำยังไง แต่แกสรุปว่า จะว่าคุ้มก็คุ้ม จะว่าไม่คุ้มก็ไม่คุ้ม ที่ว่าคุ้มเพราะไอ้ข้างล่างของนกเอามันมากและนมก็ใหญ่เต็มไม้เต็มมือดี ผมอยากจะถามแกเหมือนกันว่าที่ว่าเอามัน มันเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้ถาม ส่วนที่ว่าไม่คุ้มเพราะอีนี่มันไม่ซิง แกใส่ดุ้นของแกเข้าไปก็รู้แล้ว และพอเห็นว่าเป็นของมือสอง แกก็ต้องเบิ้ลเพื่อไม่ให้ขาดทุน ผมว่าถ้าสมัยนั้นมีกล้องวีดีโอหรือโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปได้เหมือนสมัยนี้ แกคงถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแน่ๆ เอาเสร็จแกก็นั่งรอนะ จนนกหายน็อคฟื้นขึ้นมา แต่ยังแฮงค์อยู่ แกก็นั่งสูบบุหรี่รออย่างใจเย็น พอนกหายจากอาการแฮงค์แล้วเห็นสภาพของเธอ เท่านั้นแหล่ะ เธอโวยวายใหญ่เลย บอกว่าจะแจ้งตำรวจ พี่เอกบอกว่าแกนั่งสูบบุหรี่ยิ้มๆ บอกนกว่าทำขนาดนี้ แกไม่กลัวตำรวจหรอก อย่างมากก็ถูกจับ แต่แกจะแฉนิสัยของเธอให้รู้หมดทั้งมหาวิทยาลัยเลยว่าเป็นพวกหลอกแดก แล้วจะเปิดโปงว่าเธอน่ะไม่ซิงมาตั้งนานแล้ว แล้วมาดูกันว่านกจะยังอยู่ในไอ้คณะผู้ดีนั้นได้หรือเปล่า ที่แกบอกอย่างนี้เพราะรู้ว่าอีเด็กคณะนี้น่ะรักหน้าจะตาย แต่ถ้าเลิกรากันแค่นี้ ก็จบแค่นี้ ต่อไปแกก็จะไม่มายุ่งกับเธออีก และเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากไปกว่าที่เป็นอยู่อยู่แล้ว แกไม่เอาคนอื่นก็เอา คิดซะว่าได้ห้าหมื่นบาทแล้วเสียแค่นี้ ไม่ขาดทุนหรอก เออแฮะ นกเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วจริงๆ
           พี่เอกบอกว่าเธอนั่งคิดอยู่ซักพักแล้วก็คาดคั้นแกว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครจริงๆ แกบอกว่าสัญญาก็คือสัญญา เลิกแล้วต่อกัน แกก็ไม่ได้อยากยุ่งกับพวกหลอกแดกเท่าไหร่นักหรอก ที่ทำนี่ก็เพราะไม่อยากให้ตัวเองขาดทุนมากเกินไปนัก นกนั่งซักพักก็ตกลงกันตามนี้ แกก็พานกกลับมาส่งคณะเวรนั่นเหมือนเดิม แต่พี่เอกก็ไม่ได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับหรอกนะ แกกลับมาเล่าให้เพื่อนสนิทแกฟัง ไม่ใช่ว่าอยากอวดหรืออะไรหรอก แต่เป็นการป้องกันว่าถ้านกหักหลังไปแจ้งความ แกจะให้เพื่อนๆ แกไปช่วยกันกระจายเรื่องนี้ให้ทั่ว บอกวัน เวลา เบอร์ห้องที่โรงแรมเบ็ดเสร็จ แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีข่าวตื่นเต้นอะไรสำหรับแก แล้วแกก็ไม่เคยกลับไปเหยียบคณะนั้นอีกเลย ผมต้องขอโทษเพื่อนๆ จริงๆ ที่มันไม่ค่อยสนุก เพราะผมไม่ได้ทำเอง มันบรรยายยาก ถ้าเขียนไปก็เหมือนกับผมยกเมฆ รู้เห็นยังไงก็เล่าให้เพื่อนๆ ฟังอย่างนั้นแหล่ะ แต่ที่จริงถ้าเพื่อนๆ ได้มานั่งฟังพี่เอกเล่าอย่างผม ก็จะบอกว่ามันสนุกจริงๆ อ้อ กระซิบนิดนึงสิ นกที่พี่เอกพูดถึงเนี่ย เคยออกเทปด้วยนะ ผมก็ยังเคยซื้อเทปเธอเลย เวลาดูหน้าปกแล้วนึกถึงที่พี่เอกเล่า แม่งโคตรขำเลย เรื่องที่พี่เอกกลัวขาดทุน พี่เอกเล่าให้ผมฟังอีกหลายเรื่อง ตอนนี้ผมหยิบเหล้าที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะมารินใส่แก้วตัวเองแล้ว เพราะบางเรื่องฟังแล้วตื่นเต้น แต่บางเรื่องฟังแล้วก็หัวเราะไม่ออก
           จู่ๆ พี่เอกก็ถามผมว่ามีแฟนแล้วหรือยัง ผมก็ตอบว่ายังไม่มี ไม่ได้โกหกนี่เพราะเลิกไปหมดแล้ว พี่เอกยิ้มๆ แล้วเปรยว่าน่าจะมีแฟนนะ เพราะน้องในสาขาผมหลายๆ คนก็น่ารัก ผมมองหน้าแกแล้วถามว่าแกคิดว่าคนไหนน่ารักบ้าง แกย้อนถามผมว่าสนิทกับแตงโมหรือเปล่า ผมส่ายหน้าบอกแกว่าไม่สนิท เพราะเรียนคนละวิชาเอกกัน แกยิ้มๆ บอกว่านั่นแหล่ะ ไปสนิทสนมให้มากๆ เข้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะเสียดาย คือผู้ชายเนี่ย บางครั้งไม่ต้องพูดหรอกนะ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ผมเชื่อว่าแกเปิดเรื่องอย่างนี้มา ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ก็นั่งรอฟังแกด้วยความหวัง แกก็เล่นตัวอยู่นั่นแหล่ะไม่ยอมพูดซักที ผมเลยต้องถามแกว่าทำไมต้องเป็นแตงโม สาวๆ คนอื่นมีตั้งเยอะ แกบอกว่าไม่อยากพูดเพราะแตงโมเรียนสาขาเดียวกันกับผม เดี๋ยวจะหาว่าแกเอาสาขาผมมาว่า ผมรีบบอกเลยว่าไม่เป็นไร คิดซะว่าผมไม่ได้อยู่สาขานั้นก็ได้ แกนิ่งไปซักพักแล้วก็บอกว่า ตอนแกอยู่ปีสาม แกเคยไปเที่ยวผับตรงอโศกแล้วคุ้นๆ หน้าว่านักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่เป็นรุ่นน้องที่คณะ แต่การแต่งตัวบนเวทีมันล่อแหลมสุดๆ หรือพูดให้ตรงก็คือมันน่าเอานั่นแหล่ะ พอวันรุ่งขึ้นเข้าคณะมา แกก็มาทำเป็นเดินป้วนเปี้ยนหานักร้องคนนั้น แล้วก็รู้ว่าเป็นน้องในสาขาที่ผมเรียนอยู่ สืบดูก็รู้ว่าชื่อแตงโม คราวนี้แกก็ไปผับที่นั่นบ่อยมาก สิ่งที่แกรู้มันตรงกับที่อีพวกแผนกตรวจสอบมันบอกก็คือ มีหนุ่มๆ มารับมาส่งแตงโมเกือบทุกคืน แกบอกว่าคิดๆ ดูแล้ว ถ้าน้องเป็นคนดี แกก็ไม่อยากยุ่งด้วย แต่ภาพที่เห็น ถ้าเพิ่มแกเข้าไปอีกซักคนก็คงไม่ทำให้น้องเค้าสึกหรอไปมากกว่านี้อีก
           พอความคิดอันประเสริฐแวบเข้ามา วันต่อมาแกก็ทำมาเป็นเดินที่สาขาผม แล้วรอจนเห็นแตงโมเดินอยู่ แกรีบเข้าไปประกบแล้วบอกว่าแกไปเที่ยวผับที่แตงโมร้องเพลงบ่อยๆ ถ้าไม่ว่าอะไร แกจะไปส่งแตงโมที่ผับนั้นเองได้หรือเปล่า แกบอกว่าลุ้นเหมือนกัน เพราะถ้าแตงโมส่ายหน้าแกจะเสียหน้ามาก เพราะเป็นรุ่นพี่ด้วย แต่พี่เอกก็ไม่เสียหน้าเพราะแตงโมตอบตกลง คราวนี้ก็เข้าทางแกสิ ตกเย็นแกเอารถมาแอบไว้ด้านหลังแล้วรอแตงโม ซักพักเธอก็เดินมาขึ้นรถ แกก็พาไปส่ง แต่ยังไม่ได้ไปผับนั้นนะ เพรา


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
เพราะแตงโมต้องไปร้องเพลงที่สุรวงศ์ก่อน แกก็อุตส่าห์ไปรอแล้วก็ไปส่งที่ผับ แกก็ไปนั่งฟังเพลงรอจนเลิก ก็พาแตงโมกลับไปส่งบ้าน ผมมองหน้าพี่เอกตาค้าง เรื่องแค่นี้เอามาเล่าให้ผมฟังทำไมวะ แต่ดูเหมือนแกจะรู้ แกยิ้มๆ แล้วเล่าต่อ พี่เอกบอกว่าแกตั้งใจจะรับส่งแตงโมทุกวัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเธอมักจะบอกว่าเดี๋ยวเพื่อนมารับ พอแอบดูก็เห็นมีหนุ่มๆ มารับแทบไม่ซ้ำหน้าเลย คิวของแกมีน้อยมาก แต่แกก็อดทนรอ จนวันของแกมาถึงจนได้ วันนั้นคิวแกเป็นคนมารับแตงโม ก็เหมือนเดิม จนเลิกจากผับเกือบๆ เที่ยงคืน แต่คราวนี้แกไม่รอแล้ว เสียเวลามาพอแล้ว พอออกจากผับแกก็พาแตงโมไปหาข้าวกิน ก็นั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กัน ออกจากร้านข้าวแกบอกว่าแกตัดสินใจวัดใจแตงโมว่าจะคิดยังไง
           พอขับรถผ่านม่านรูดตรงกล้วยน้ำไท แกเลี้ยวขวับเข้าไปทันที แล้วนั่งกลั้นหายใจว่าแตงโมจะด่าเมื่อไหร่ แต่แกก็ต้องหันมามองหน้าแตงโมด้วยความแปลกใจเพราะเธอไม่ได้ตีโพยตีพายอะไรเลย แกเห็นอย่างนั้นก็เลยตามเลย พาเธอเลี้ยวรถเข้าจอด จ่ายเงินให้เด็กส่องไฟแล้วพาเธอเข้าไปข้างใน พี่เอกเล่าถึงตอนนี้แล้วก็เลิก ผมจ้องหน้าแกตาค้างอีกครั้ง แม่งทำไมไม่เล่าต่อวะ พี่เอกก็ยังนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ผมทนไม่ได้จริงๆ ไอ้เล่าค้างๆ ไว้อย่างนี้มันอึดอัดนะ ผมก็ถามแกเบาๆ ว่าแล้วยังไงต่อ พี่เอกหัวเราะแล้วย้อนผมว่า ถ้าอยากรู้ก็ลองเองดูสิ แกไม่เล่าเรื่องนี้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต่อต้องทำเอง เพียงแต่แกรับรองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แกจะมาหลอกผมให้ผมไปขายหน้าทำไม ตอนนั้นผมฟุ้งซ่านมากเลยนะ เรื่องที่พี่เอกเล่ามันชวนให้จินตนาการต่อจริงๆ ไม่รู้ว่าแกตอแหลหรือเปล่า อะไรมันจะง่ายดายขนาดนั้นวะ แต่พอผมนึกถึงริน ตอนนั้นผมหาวิธีจะตายว่าทำยังไงจะเข้าถึงตัวรินได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ รินกลับเปิดเกมกับผมก่อนด้วยซ้ำ ความคิดเข้าข้างตัวเองเริ่มเกิดในใจ เอ หรือว่ากูจะลองอย่างที่พี่เอกบอกดีวะ แต่มันไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่าผมไม่ได้สนิทกับแตงโม ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเดินไปทำความสนิทสนมด้วยมันจะผิดสังเกต โดยเฉพาะวิชาเอกของแตงโมมีอีนังแผนกตรวจสอบจอมสาระแนอยู่ด้วย คนเรามันจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ยังไงๆ มันก็ต้องได้ใกล้ชิดกัน ที่มหาวิทยาลัยมีงานวิชาการ เพื่อนๆ ที่เคยผ่านมาแล้วคงนึกภาพออกว่ามันวุ่นไปหมด คณะใครคณะมันแบ่งงานกันทำ ใครทำบอร์ด ใครเตรียมการแสดง ใครเตรียมเอกสารเผยแพร่ เสียงตะโกน เสียงด่ากันดังลั่นไปหมด ไอ้คนที่เกิดมาไม่เคยแตะงานเลยก็ถูกบังคับให้ต้องแตะ
           บรรดาลูกท่านหลานเธอถูกดัดนิสัยกันถ้วนหน้าในครั้งนี้แหล่ะ แผนกเสบียงวิ่งกันวุ่น คณบดีอนุมัติให้ใช้งบของคณะได้ไม่อั้น แล้วใครที่ไม่เคยนอนคณะ ก็ต้องหัดนอน เพราะเวลามันกระชั้นเข้ามาแต่งานยังไม่เสร็จเลย แล้วไม่มีที่นอนหรอกนะ เสื่อผืนหมอนใบนอนกันอยู่ในห้องประชุมรวม ยังดีที่คณะยอมให้เปิดแอร์นอน ไม่อย่างนั้นยุงกัดตายเลย ผมได้ยินมาว่าน้ำไปออดอ้อนพ่อบ้าง จะขอนอนที่คณะเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่มีทางหรอก ไข่ในหินขนาดนั้น ถ้าเธอมานอนพ่อเธอก็ต้องเตรียมมุ้งเตรียมที่นอนมานอนเฝ้าลูกแน่ๆ ยังงงอยู่เลยว่าผมมีอะไรกับเธอได้ยังไงวะเนี่ย สาขาของผมไม่ได้แบ่งงานออกเป็นวิชาเอก แต่รวมคนทั้งหมดแล้วแบ่งงานกันทำ ผมอยู่แผนกเตรียมเอกสารเผยแพร่ของสาขา พอดูรายชื่อทีมแล้วก็ใจเต้นเลยล่ะ เพราะหนึ่งในทีมของผมซึ่งมีอยู่ 10 คนก็คือแตงโม และอีกคนที่ไม่ได้นึกไว้ก็คือริน น้ำอยู่ทีมทำบอร์ด ส่วนนังจุ๋มไปอยู่ด้านการแสดง ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะนังจุ๋ม มันอยู่ลิบๆ แต่ยังคอยหันมามองพวกผมอยู่เรื่อยๆ จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนวะ แต่น้องรหัสผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมไม่ได้หวังจะอยู่ใกล้ๆ รินอีกแล้ว เพราะเป้าหมายที่ผมคิดไว้คือแตงโมต่างหาก ใครที่คิดว่าการทำเอกสารเผยแพร่เป็นเรื่องง่าย ขอบอกว่าคิดผิดมากๆ นอกจากจะต้องเก็บเล็กผสมน้อยเกี่ยวกับสาขาแล้ว เรายังต้องช่วยกันเขียนบทความเกี่ยวกับสาขาด้วย แล้วไอ้การเขียนบทความเนี่ย มันไม่ใช่กดปุ่มปุ๊บแล้วจะโผล่เข้ามาในหัวเลยซะเมื่อไหร่ ต้องค่อยๆ นึกค่อยๆ คิด นั่งปรึกษากันว่าจะเอาเรื่องอะไรดี จะเขียนแนวไหนดี ซึ่งไอ้ช่วงเวลานี้แหล่ะที่เราต้องรวมหัวกันคิด
           ส่วนผมนอกจากจะคิดเรื่องงานแล้ว ยังคิดเรื่องชั่วๆ อีกด้วย ก็เลยยิ่งยากกว่าคนอื่นเข้าไปอีก ทีมของเราทำงานได้ค่อนข้างดี สมาชิกให้ความร่วมมือกันดีมาก และการที่ทำงานร่วมกัน ทำให้ผมได้คุยกับแตงโมมากขึ้น ที่จริงเธอเป็นคนน่ารักนะ ไม่ได้หยิ่งอย่างที่ผมคิดไว้ แตงโมคงจะบอกทางโรงแรมกับที่ผับว่าเธอต้องทำงานที่คณะ เพราะช่วงที่อยู่ด้วยกัน ไม่เห็นเธอไปไหนเลย อยู่จนดึกเหมือนคนอื่นๆ เกือบทุกวัน และบางวันก็นอนค้างที่คณะด้วย รินก็นอนคณะด้วยนะ แต่นังจุ๋มมาจากไหนไม่รู้ โผล่เข้ามานอนอยู่ข้างๆ ด้วยเฉยเลย นางมารจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องสร้างภาพต่อหน้าแตงโมนะ ผมตั้งใจจะเล่นมือผีกับรินเหมือนกันแหล่ะ งานวิชาการผ่านไปได้ด้วยดี สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือผมสนิทกับแตงโมมากขึ้น เรานั่งกินข้าวในโรงอาหารด้วยกันบ้างเป็นบางครั้ง แล้วก็มีวันที่ผมไปนั่งฟังเธอร้องเพลงที่ผับจนได้ แตงโมแต่งตัวโป๊อย่างที่พี่เอกบอกจริงๆด้วย ชุดนักศึกษาว่าเธอนมใหญ่แล้วนะ พอมาเห็นชุดนักร้องของเธอ ผมว่าคงต้องใช้สองคนช่วยแหล่ะถึงจะเอาอยู่ เธอไม่เห็นผมหรอกนะเพราะผมนั่งโต๊ะด้านหลัง แล้วในผับมันค่อนข้างมืด ผมอยู่ดูจนเธอเลิกร้องเพลง เธอกลับผมก็กลับ แต่ต่างคนต่างกลับนะ ก็ได้เห็นอย่างที่พี่เอกกับไอ้บิ๊กบอกจริงๆ แหล่ะ ว่าเธอขึ้นรถของใครก็ไม่รู้ออกไป
           ตอนนั้นเรื่องเล่าของพี่เอกวิ่งไปมาอยู่ในหัว ทำยังไงดีวะ ผมไม่มีโอกาสแหงเลยเพราะผมไม่มีรถ แต่ฟ้ากำหนดมาแล้วว่าผมจะได้เอาแตงโม เราได้คุยกันเรื่อยๆ จนถึงวันสิ้นปี ผมจำได้ว่าวันที่ 28 ธันวานะ เพราะที่สาขามีเลี้ยงปีใหม่กันในวันนั้น ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แล้ววันนั้นเป็นวันพิเศษ สาขาอนุญาตให้มีเหล้าในงานได้ คราวนี้ทุกคนก็เต็มที่ ผมก็เต็มที่เหมือนกัน ตอนนั้นยังไม่ได้นึกถึงแตงโมนะ เพราะมัวแต่เสียเวลาเดินไปกินเหล้าโต๊ะโน้นโต๊ะนี้กับเพื่อนๆ จนเวลาผ่านไปหลายๆ คนเริ่มทยอยกลับ น้ำนี่กลับคนแรกเลยเพราะพ่อมารอ เธอหน้าหงิกมากๆ คงยังไม่อยากกลับ จนผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว เหลือคนอยู่ประมาณ 30 กว่าคน คราวนี้ก็เริ่มมารวมกลุ่มนั่งด้วยกัน ผมต้องลดปริมาณการกินลงไปบ้างเพราะชักจะเริ่มเมา ไอ้คนเมาเนี่ยหน้ามันจะหนาขึ้นนะ ที่คิดไว้ในใจเล่นๆ เสือกแสดงออกมาจริงๆ ผมมานั่งข้างๆ แตงโม แล้วก็ชวนเธอคุยโน่นคุยนี่ ซึ่งถ้าไม่กินเหล้ารับรองได้ว่าไม่มีการคุยอย่างนี้เด็ดขาด คุยไปคุยมาเกือบตีสอง ตอนนี้เหลือคนกันแค่สิบกว่าคน ผมนั่งคิดถึงภาพของแตงโมที่เห็นในผับ ในขณะที่เจ้าตัวจริงๆ นั่งอยู่ข้างๆ แล้วในหัวเสือกเห็นภาพของผู้หญิงคนโน้นคนนี้ที่ผมผ่านมาโดยเฉพาะริน ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ปากมันเสือกพูดออกมาเอง ผมเอ่ยปากชวนเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก แตงโมทำตาโตเลยเพราะไม่คิดว่าผมจะชวนบ้าๆ อย่างนั้น นี่มันตีสองแล้ว
           แต่บอกแล้วไงว่าคนเมาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมบอกว่าไปเหอะ ข้างนอกเค้ายังไม่นอนกันหรอก อ้อ! ลืมบอกไป สมัยนั้นช่วงปีใหม่นี่ เค้าอยู่เที่ยวกันทั้งคืนนะ โรงหนังเปิดฉายทั้งคืนจนถึงรอบตีห้าเลย ร้านเหล้าทุกร้านเปิดกันโต้รุ่งทั้งนั้น แตงโมถามว่าจะไปไหน ผมบอกว่าไปเรื่อยๆ แหล่ะ อยากไปไหนก็ไป เธอจ้องหน้าผมตั้งนานจนผมคิดว่าเธอคงจะปฏิเสธ แต่เธอกลับพยักหน้า ผมใจสั่นเลยล่ะ อุตส่าห์คิดวิธี คิดเหตุผลไว้ตั้งเยอะถ้าเธอปฏิเสธ แต่พอชวนจริงๆ เธอกลับตกลง เราขยับตัวเดินออกจากวง จริงๆ แล้วถ้าผมไม่เมาผมไม่กล้าเดินออกมาอย่างนั้นหรอกนะ เพราะเพื่อนๆ มันมองตามว่าสองคนนี้จะไปไหน ผมบอกทุกคนว่าแตงโมจะกลับบ้าน และผมรับปากเธอไว้ว่าจะไปส่ง ไม่รู้ว่ามีใครสงสัยอะไรหรือเปล่า แต่เราเดินออกมากันแล้ว ผมพาเธอขึ้นแท็กซี่นั่งเข้ามาในเมือง สมัยนั้นสวนลุมมีงานปีใหม่ทั้งคืน ตั้งใจว่าจะพาเธอมาเที่ยวที่นี่ ก็พาเธอมาอย่างที่คิดไว้ แต่พอเห็นคนยั้วเยี้ยก็หมดศรัทธา เพราะขี้เกียจเดินฝ่าคนขนาดนั้น เราเดินเล่นมาตามถนนวิทยุเรื่อยๆ จนถึงแยกซอยร่วมฤดี พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายหน้าปากซอย ผมนึกยังไงก็ไม่รู้จูงมือเธอเดินเข้าไปในซอย แตงโมทำหน้างงๆ แต่ก็เดินตามผมเข้าไป เพื่อนๆ ทายถูกใช่หรือเปล่าว่าป้ายหน้าปากซอยมันเป็นป้ายอะไร เฉลยเลย ป้ายเขียนว่าโรงแรมร่วมฤดี ชั่วคราว ค้างคืน ห้องพักพร้อมวีดีโอ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่านี้มันโรงแรมม่านรูด สารภาพกับเพื่อนๆ ว่าถึงแม้ผมจะเข้าม่านรูด แต่ยังไม่เคยเดินเข้ามาก่อนเลย
           ตอนนั้นผมไม่สนใจหรอกว่าแตงโมคิดยังไง ถ้าเธอยอมออกมาเที่ยวตอนตีสองกับผม เธอน่าจะรู้แล้วว่าตอนจบจะเป็นยังไง เรายังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย แตงโมคงจะรู้แล้วว่าผมจะพาเธอไปที่ไหน ต้องบอกว่าเธอละเอียดถี่ถ้วนกว่าผมซะอีก เพราะพอเดินมาถึงหน้าโรงแรม แตงโมปลดเข็มออกจากอกเสื้อ และปลดเข็มขัดเก็บใส่กระเป๋า เราไม่ได้พูดหรือปรึกษากันเลยนะว่าเข้าหรือไม่เข้าดี ผมพาเธอเดินดุ่ยๆ เข้าไป เด็กส่องไฟมันมองงงๆ แต่มันมืออาชีพจริงๆ รีบไปเปิดห้องรอไว้เลย พอผมพาเธอเดินผ่านม่านพลาสติกแล้วก็ให้เธอเข้าไปข้างใน ส่วนผมรีบจ่ายเงินให้ไอ้เด็กนั่นแล้วบอกว่าชั่วคราว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะสามร้อยบาทนะ พอเด็กนั่นเดินไปผมก็รีบเข้าไปในห้อง แตงโมนั่งอยู่บนเตียง เธอใช้หางตามองผมแล้วบอกว่าคิดแล้วว่าผมต้องคิดกับเธอแบบนี้ ผมไปนั่งข้างๆ เธอแล้วบอกว่าคิดมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ไม่มีโอกาสซักที ผมเชื่อว่าถ้าแตงโมมืออาชีพจริง เราก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมากนักหรอก แล้วก็จริงๆ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก พอนั่งจนใกล้กันขนาดนั้น แตงโมมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเธอเรียกอารมณ์อย่างว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยล่ะ พอขยับจะเข้าหา เธอบอกว่าถอดเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวจะยับ ผมรีบปลดกระดุมเสื้อเธอออกทันที ปลดง่ายแล้วล่ะเพราะผมฝึกมาตั้งหลายปีแล้ว ถอดเสื้อเธอไปวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเอื้อมมือไปปลดตะขอกระโปรงของเธอด้านหลัง แตงโมขยับเอวให้ผมดึงกระโปรงออกจากปลายขา ทั้งร่างเธอเหลือแค่ซับในชั้นบนกับชั้นล่าง คงไม่ต้องเสียเวลารออะไรอีกแล้วมั๊ง
           สารภาพกับเพื่อนๆ อีกเรื่องนึงว่าผมไม่ค่อยอยากจะบรรยายฉากนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันก็ซ้ำๆ กับที่ผมเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งที่มีอะไรกับรินหรือน้ำไปแล้ว อย่างที่บอกไง ว่าเวลาเอากับผู้หญิงเนี่ยมันมีไม่กี่ท่าหรอก สรุปให้ฟังคร่าวๆ เลยดีกว่าว่านมของแตงโมใหญ่ดีจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แน่นอะไรมากนัก หัวนมออกจะเป็นสีน้ำตาลแล้วด้วย ไม่รู้กี่มือมาแล้ว แตงโมเป็นคนผิวออกขาวเหลือง ไม่ได้ขาวทั้งตัวเหมือนรินหรือน้ำ เนินเนื้อข้างล่างมีไหมสีดำคลุมอยู่บางๆ ส่วนคุณภาพของร่องเธอ ผมให้B- นะ เพราะมันค่อนข้างหลวม เรียกว่าดันรวดเดียวก็เข้าไปได้มิดดุ้นเลยล่ะ ที่จริงต้องได้C- แต่โหนกเนื้อตรงนั้นของเธอมันมีเนื้อเยอะมาก เวลาโยกตัวเข้าหาเธอเนี่ยมันนุ่มนวลดีจัง ก็เลยได้คะแนนข้อนี้มาชดเชย ผมเอากับเธอจนเสร็จแล้วเราก็นอนกันทั้งอย่างนั้น ตอนเกือบๆ ตีห้าโอเปอเรเตอร์โทรมา ผมกำลังง่วงก็เลยบอกต่อไปอีกสามชั่วโมง เด็กส่องไฟมาเก็บเงิน ผมเอาเงินไปให้ที่ประตูแล้วก็กลับมานอนต่อ แตงโมนอนหลับสนิทเลย พอดูดีๆ แล้วเธอก็น่าเอาดีเหมือนกันนะ ผมกลับมานอนลูบๆ คลำๆ เธอ ซักพักไอ้นั่นเสือกแข็งขึ้นมาอีก ก็เลยเอาเธอต่ออีกครั้งนึงโดยที่เธอก็ยังหลับๆ ตื่นๆ อย่างนั้นแหล่ะ คราวนี้พอเสร็จแล้วผมก็หลับจริงๆ เพราะทั้งเมา ทั้งง่วง ทั้งเพลีย เกือบๆ แปดโมงเช้าผมตื่นขึ้นมา พอดูนาฬิกาก็กระโดดขึ้นทั้งตัวเลยเพราะมันสายมากแล้ว
           วันนี้ไม่มีเรียนหรอก แต่นี่มันม่านรูด แล้วผมจะออกไปได้ยังไง ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าโรงแรมมีบริการเรียกแท็กซี่ให้ ชิบหายแล้ว รีบปลุกแตงโม เธองัวเงียตื่นขึ้นมา ผมไม่สนใจแล้ว เร่งให้เธอรีบแต่งตัว แตงโมเดินไปเข้าห้องน้ำ ซักพักก็แต่งตัวออกมา ทำยังไงดีวะ ผมยืนคิดซักพักแล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ พาเธอเดินออกมาจากโรงแรม ตั้งใจจะออกมาเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม โห รถในซอยแม่งติดเป็นทางเลย ทุกคันที่เห็นผมกับแตงโมเดินออกมาต่างหันมามองจนเหลียวหลัง เพราะเรายังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย ระยะทางแค่ห้าสิบเมตรจากโรงแรมถึงปากซอย แต่ผมรู้สึกว่ามันไกลเหมือนอยู่คนละโลก เดินผ่านรถคันไหนแม่งก็มอง ไม่รู้ทำยังไงก็ก้มหน้าก้มตาเดิน แตงโมเป็นยิ่งกว่าผมเสียอีก เธอเดินจ้ำแทบจะวิ่ง พอออกมาหน้าปากซอยได้ เราเรียกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาแล้วขึ้นไปนั่ง ไม่กล้าหันหลังกลับไปดูอีก แต่ก็แปลก ผมนึกว่าแตงโมจะโกรธ แต่เธอกลับกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง ผมเสียอีกที่อาย แตงโมบอกว่าไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย เรานั่งแท็กซี่มาส่งเธอที่บ้าน ส่วนผมก็กลับบ้านนอน
           หลายๆ คนอาจตั้งคำถามว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอเกี่ยวกับเรื่องแตงโม ผมจำได้ว่าเคยบอกเพื่อนๆ ไปครั้งนึง จำไม่ได้ว่าตอนไหน ที่ว่าผมไม่เชื่อว่าจะเอาผู้หญิงดีๆ ได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นน้ำ กว่าผมจะได้นอนกับเธอก็ใช้เวลาหลายเดือนมาก กับรินผมใช้เวลาหลายอาทิตย์ ส่วนกับแตงโม จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่ายนะ เวลาพามาเอานี่ไม่ยากหรอก เรื่องของเรื่องคือต้องทำให้พวกเธอไว้ใจ ซึ่งเรื่องยากก็คือทำยังไงเธอถึงจะไว้ใจต่างหาก ถ้าเธอไว้ใจแล้ว เรื่องอย่างอื่นมันจะตามมาเองนั่นแหล่ะ ผมมีอะไรกับแตงโมครั้งเดียวก็เลิก ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่หรอก ไม่สมราคาคุยของพี่เอกเลย เธอมีดีแค่ปริมาณเท่านั้น ปล่อยให้เธอไปอยู่กับไอ้พวกหนุ่มๆ ที่มารับมาส่งเธออย่างนั้นน่ะดีแล้ว ส่วนผมก็กลับมาเฮฮากับเพื่อนๆ เหมือนเดิม ตั้งใจว่าจะจบเรื่องของผมแค่นี้แหล่ะ เพราะปีสี่มันไม่ค่อยมีอะไรจะเขียนแล้ว ถ้าเขียนก็จะเป็นเรื่องของคนอื่นซะมากกว่า เพราะช่วงปีสี่ผมมีภาระเรื่องเรียนหนักมาก กิจกรรมบนเตียงมีแทบนับครั้งได้เลย แล้วสุดท้าย ก็เหมือนเคย จะบอกว่าถ้าไม่สนุกก็ขอโทษด้วย เพราะเรื่องเล่ามันบรรยายอะไรได้ไม่มากนัก ผมเกรงใจมาก ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบก็ขอโทษด้วยนะ เอาไว้อ่านเรื่องสนุกๆ ของคนอื่นกันดีกว่า


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
ผมพึ่งกลับมาจากสัมมนา อยากคุยอะไรเกี่ยวกับจังหวัดที่ไปสัมมนามาหน่อยสิ แต่ต้องกราบขอประทานโทษเพื่อนๆด้วยนะ ไม่กล้าพูดถึงชื่อจังหวัดหรอกเพราะกลัวถูกด่า จะบอกว่านี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผม ไม่ใช่ว่าจะต้องถูกต้องเสมอไป รู้เห็นอะไรก็เอามาเล่าสู่กันฟัง ใครที่มีคำแนะนำเพิ่มเติมอะไรก็บอกกันมาได้นะ แต่ถ้าไม่ชอบอ่าน ก็ปิดซะตอนนี้แล้วไปเปิดเรื่องอื่นอ่านแทน เพราะผมไม่อยากถูกด่า ว่าเอาเรื่องจังหวัดโน้นจังหวัดนี้มาพูดถึง เอาตามนี้ก็แล้วกัน เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยไปเที่ยวที่นั่นมาแล้ว ผมเคยต้องขึ้นไปประจำอยู่สาขาที่นั่นประมาณสองปีกว่าๆ ตอนไปเที่ยวกับไปทำงานนี่มันคนละเรื่องเลย ไปเที่ยวสนุกดีเพราะไปแต่ย่านท่องเที่ยว แต่พอไปทำงานแล้วมันน่าเบื่อมาก เพราะชีวิตที่นั่นมันซ้ำๆ ที่เที่ยวก็ซ้ำๆ แต่ที่เที่ยวบางที่ไปซ้ำๆ ก็ไม่เบื่อ สมัยนั้นผมมักจะไปเที่ยวอยู่แค่สองที่คือย่านถนนซุปเปอร์กับแถวๆ ห้างใหญ่ ว่ากันว่าเค้าพยายามจะทำที่นั่นให้เป็น RCA เหมือนกรุงเทพ แต่มันไม่เหมือนว่ะ ที่ไม่เหมือนก็คือบรรยากาศ อย่างย่านซุปเปอร์เนี่ยสถานที่มันสงบไปหน่อย เดินกลางคืนกลัวผีหลอก ส่วนแถวห้างใหญ่ดีขึ้นมานิดนึง แต่ที่เหมือนก็คือสาวๆ ที่ไปที่นั่น แหะ แหะ ต้องบอกว่าสาวๆ ที่นั่นใจกล้ากว่าสาวกรุงเทพเยอะมากๆ เพราะเวลาเธอใส่สายเดี่ยว มันหมายถึงสายเดี่ยวจริงๆ นะ ข้างในไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าถามผมแล้ว ผมชอบเวลาสาวๆ ใส่เสื้อยืดธรรมดาตัวเล็กๆ มากกว่า
           เพื่อนๆ เคยเห็นใช่หรือเปล่า เสื้อยืดตัวเล็กๆ ธรรมดาแต่โนบรานี่มันเห็นข้างในชัดเจนกว่าสายเดี่ยวอีกนะ เพราะเสื้อมันรัดจนเป็นรูปเลยว่าข้างในเป็นยังไง เวลาเดินผ่านเนี่ยไม่ต้องเดาเลยว่าไซส์อะไร แล้วไอ้จุดที่ลิ้นของผู้ชายชอบลงไปแลนดิ้งก็ดันเสื้อออกมาซะจนเห็นเป็นเม็ดเลย ผมนั่งกินเบียร์อยู่ ต้องใช้เวลานานมากกว่าเบียร์จะลงคอ เพราะต้องเงยหน้ามองเต้าเดินได้พวกนั้น เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะประมาณ 32-34B ก็ขนาดปานกลาง ที่พูดนี่ไม่ได้ว่านะ แต่จะชมต่างหาก เพราะแสดงว่าคนที่นั่นมีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่าคนกรุงเทพเสียอีก ก็เค้ามีดีจะอวดนี่ เคยรู้จักคนนึงเป็นคนอำเภอด้านนอก เพราะเราต้องติดต่องานกัน นั่นสิ XL ของจริง แต่ขอโทษเถอะมีแต่ปริมาณ เวลาเคล้นนมเธอให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเอามือขยำแป้งเต้าหู้อยู่ เพราะมันนิ่มจนแทบจะเละไปหมดแล้ว ตอนที่ถอดยกทรงออก พอเห็นแล้วก็ต้องส่ายหน้าเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เอาวะ ก็ได้อาศัยเธอช่วยเหลือเป็นบางครั้งตอนประจำอยู่ที่นั่น ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องสถานที่ เพราะที่นั่นมีม่านรูดเกือบทุกถนนเลย แต่ถ้าไม่ชอบม่านรูดก็เข้าโรงแรมธรรมดาก็ได้ ค่าห้องไม่แพงหรอก แต่เอามานอนบนคอนโดที่ผมอยู่ไม่ได้นะ เพราะแฟนผมชอบสร้างความประหลาดใจให้ผมโดยการขึ้นไปเยี่ยมโดยไม่บอกให้ผมรู้ตัวล่วงหน้าบ่อยๆ ผมไม่อยากให้เธอประหลาดใจบ้างน่ะ
           บ่นอะไรอีกซักนิดนึงเถอะ ที่นั่นค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่ขอโทษนะ เงินเดือนของคนที่นั่นโดยเฉลี่ยแล้วต่ำติดดินเลย ปริญญาตรีที่นั่นเริ่มต้นเงินเดือนที่ห้าพันกว่าบาท ผมแปลกใจมากว่าเค้าอยู่กันได้ยังไง สมัยผมไปอยู่ที่นั่น ผมใช้ฐานเงินเดือนที่นี่ไปอยู่ที่นั่นประมาณสี่หมื่นกว่าบาท แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บเท่าไหร่หรอก ที่ไม่ค่อยเหลือเก็บเพราะบางทีก็สงสารน้องๆ เค้า เด็กบางคนพ่อแม่ไม่ค่อยมีเงินหรอก แต่อยากให้ลูกสาวเรียนโรงเรียนดีๆ ไม่อยากเอ่ยชื่อโรงเรียน ผมรู้จักเด็กคนนึง ไปเจอกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ โรงเรียน ได้เงินไปโรงเรียนวันละสามสิบบาท มันจะไปพอกินอะไร แล้วเด็กกำลังโตก็อยากได้ของใช้เหมือนๆ เพื่อนที่โรงเรียน ไหนจะลิปสติกเอย แป้งเอย ไหนจะเสื้อผ้า ไหนจะกระเป๋า ไหนจะมือถือ พอซื้อมือถือให้แล้วก็ไม่มีเงินซื้อบัตรเติมเงินอีก ต้องคอยเติมเงินให้อยู่เรื่อย อีกอย่างแกก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว เคยไปบ้านแก บ้านแกเป็นบ้านชั้นเดียว หลังเล็กนิดเดียว จะให้อุดอู้อยู่ในบ้านอย่างเดียวได้ยังไง เสาร์อาทิตย์แกก็อยากออกมาเที่ยวข้างนอกบ้าง แต่ถ้าออกมาเองก็ไม่มีตังค์ น่าสงสารเชียว
           ระดับมหาวิทยาลัยก็มีนะ ที่นั่นค่าเทอมแพงมาก ก็ได้รู้จักน้องคนนึงลำบากมาก กลางวันเรียน ตอนกลางคืนต้องทำพาร์ทไทม์เป็นเด็กเชียร์เบียร์อยู่ในร้านแถวๆ คลองชลประทาน ที่บ้านทำสวนลำไยเล็กๆ มันก็ไม่พอค่าเทอมหรอก แกพยายามรวบรวมเงินเพื่อเอาไว้เรียนหนังสือ ผมน่ะสนับสนุนคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงอย่างนี้อยู่แล้ว ก็เลยไปอุดหนุนเบียร์ที่แกเชียร์อยู่บ่อยๆ แล้วบางทีน้องคนเนี่ยเค้าเหนื่อยเรื่องเรียน เรื่องงาน มากๆ เข้าก็อยากไปพักผ่อนแต่ไม่มีรถ ไอ้เราก็พอจะมีรถเล็กๆ เอาขึ้นไปใช้ที่โน่นด้วย ก็รับภาระพาแกไปเที่ยว ตามใจแกทุกอย่าง เคยพาแกไปเที่ยวบ้านโบราณที่เชียงแสน แต่ค่อนข้างแพงเหมือนกัน คืนนึงเกือบสี่พันบาท ก็ให้แกนอนพักผ่อนอยู่ที่นั่นสองวันจนหายเหนื่อยแล้วก็พาแกมาส่ง ส่วนผมก็กลับคอนโดนอนเป็นตาย เพราะแกถ่ายเทความเหนื่อยมาไว้ที่ผมจนหมดเลย ตอนนั้นผมเห็นว่าตัวเองพอมีเงินนิดๆ หน่อยๆ ก็เลยช่วยค่าขนมน้องเค้า ซื้อของให้บ้าง ไม่อยากให้พวกแกลำบาก แบ่งๆ กันไป พวกแกก็ตอบแทนบุญคุณมา ก็ไม่ถือว่าเป็นหนี้เป็นสินอะไรกัน
           น้องคนเล็กนี่ยังเด็ก อุปกรณ์ในการตอบแทนบุญคุณของแกยังไม่ค่อยสมบูรณ์นัก อย่างอุปกรณ์ชิ้นบนนี่มันเพิ่งจะตูมขึ้นมาเอง ส่วนอุปกรณ์ชิ้นล่างก็ยังสะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไรมารกรุงรังเลย วิธีการตอบแทนบุญคุณของแกยังไม่ค่อยคล่องมากนัก ผมต้องคอยสอนแกว่าวิธีการตอบแทนบุญคุณที่ถูกต้องต้องทำยังไง แต่ตอนตอบแทนครั้งแรกเนี่ย แกแหกปากลั่นห้องเลย ต้องผ่านไปหลายๆ ครั้งนั่นแหล่ะถึงจะดีขึ้น แต่น้องคนโตนี่มีอุปกรณ์ในการตอบแทนบุญคุณสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ชอบก็คืออุปกรณ์ข้างบนของแกมันใหญ่เกินตัวจริงๆ แล้วตอนที่กำลังตอบแทนบุญคุณกันอยู่นะ ไอ้ข้างล่างของแกนี่รู้สึกว่าจะพยายามขอบคุณผมอยู่ตลอดเวลาเลย และผมรู้สึกว่าแกจะสำนึกบุญคุณผมมาก มีลีลาการตอบแทนบุญคุณจนผมต้องออกค่าเทอมให้แกเลย แต่ออกให้บ่อยไม่ได้นะ เพราะแฟนคอยเช็คเงินในบัญชีอยู่เรื่อย แต่ไม่เล่ารายละเอียดล่ะ เพราะตั้งใจว่าจะให้ตอนนี้เป็นตอนจบ เดี๋ยวจะยืดเยื้อ จนผมกลับมาประจำกรุงเทพเหมือนเดิม ก็ยังมีกลับไปที่นั่นบ้างเป็นบางครั้ง เพราะบางทีก็ต้องขึ้นไปประชุม หรือไม่ก็สัมมนา ซึ่งก็มีทั้งประชุมบริษัทจริงๆ และอ้างที่บ้านว่ามีประชุม ทุกครั้งก็จะแวะไปเยี่ยมน้องๆ ใครขาดเหลืออะไรผมก็ช่วย น้องเค้าก็ตอบแทนบุญคุณกลับทุกครั้ง แล้วพอไปเรื่อยๆ น้องคนเล็กก็รู้จักปรับปรุงลีลาการตอบแทนบุญคุณจนสูสีกับน้องคนโตแล้ว
           แต่ช่วงหลังๆ ผมไม่ค่อยได้ขึ้นไปแล้วล่ะ เพราะข่าวเรื่องเอดส์ของที่นั่นดังมาก จนผมไม่กล้าให้พวกแกตอบแทนบุญคุณอีกแล้ว กลัวว่าแกจะจ่ายดอกเบี้ยมาให้ด้วย พึ่งเลิกขึ้นไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพื่อนๆ ที่กำลังอ่านอยู่แล้วเป็นคนที่นั่นคงรู้ว่าผมหมายถึงโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอะไรแน่ๆ เลย ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องต่างจังหวัดแล้ว อยากจะเล่าเรื่องบางเรื่องให้เพื่อนๆ ฟังหน่อย ตอนก่อนที่จะไปประจำอยู่ที่นั่น ผมก็ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพกับที่นั่นบ่อยๆ มีครั้งนึง ไปทำงานแล้วถือโอกาสไปเที่ยวที่สุดขอบประเทศ ก็ได้รู้จักสาวพม่าคนนึงชื่อนัชชิกา แต่เธอชอบให้ผมเรียกว่าเคเคมากกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไร เคเคเป็นคนเชียงตุง ข้ามจากท่าขี้เหล็กมาค้าขายอยู่ที่แม่สาย เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยย่างกุ้งนะ แต่ทำไมถึงมาขายของก็ไม่รู้ ผมขึ้นไปพักอยู่ที่โรงแรมวังทอง เราไปรู้จักกันที่นั่นเพราะผมเดินเที่ยวในตลาด แล้วไปเลือกซื้อของที่ร้านของเธอ ผมไปร้านเธอสองสามครั้งก็ได้คุยกันหลายเรื่อง เราคุยกันภาษาไทยนะ แต่สำเนียงเวลาเธอพูดภาษาไทยมันโคตรห้วนเลย ผมพยายามฝึกพูดภาษาพม่า แต่ก็ได้แค่คำเดียวว่าเมงกลาบา แปลว่าสวัสดี แค่นั้น พอเคเครู้ว่าผมมาจากกรุงเทพ เธอบอกผมว่าเธออยู่ในพม่าลำบากมาก เงินเดือนที่นั่นนิดเดียวเอง เธอจบปริญญาตรี ถ้ารับราชการก็ได้เงินเดือนหกร้อยบาท มันจะไปพอกินอะไร เข้ามาค้าขายในไทย ด่านเปิดหกโมงเช้า พอหกโมงเย็นก็ต้องกลับแล้ว เธออยากมาอยู่ในไทย แต่ไม่รู้จะทำยังไง เข้ามาได้ลึกที่สุดแค่ด่านแม่จันเอง เธอบอกว่าเธอมีเงินเก็บนะ ถ้าใครช่วยได้ เธอก็ยินดีจ่ายไม่อั้น
           ผมสารภาพกับเพื่อนๆ ว่าผมช่วยเธอไม่ได้หรอก ใครจะไปช่วยได้วะ ไม่ได้ทำงานตม.นี่หว่า แต่ความคิดชั่วๆ มันวูบขึ้นมา ไม่ได้อยากได้เงินเธอหรอกนะ แต่รูปร่างของเธอเท่าที่เห็นคร่าวๆ มันน่าเอาจริงๆ แล้วผมก็อยากลองสาวๆ ชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยดูบ้าง ว่ามันจะแตกต่างกันหรือเปล่า ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้กฎหมายไทยหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะรู้ ก็เลยบอกเธอว่ามีวิธีนึงที่น่าจะทำให้เธอเข้ามาอยู่หรือมาเป็นคนไทยได้ ก็คือแต่งงานหรืออยู่กินกับคนไทย สารภาพว่าไม่รู้หรอกนะว่าเรามีกฎหมายข้อนี้หรือเปล่า แต่ผมเอามาจากกฎหมายอเมริกา เคเคสนใจมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ผมก็สวมรอยว่าเอาอย่างนี้ ผมช่วยก็แล้วกัน ผมจดทะเบียนสมรสกับเธอก็ได้นะ แล้วเข้ามากรุงเทพด้วยกันในฐานะเมียผม แล้วพอมาถึงกรุงเทพเราค่อยหย่ากันก็ได้ ถึงตอนนั้นเธอก็เป็นคนไทยแล้ว จะทำยังไงต่อไปก็เป็นเรื่องของเธอ ที่พูดนั่นพูดเล่นๆ นะ ไม่คิดว่าเธอจะสนใจ แต่เธอกลับทำท่ากระตือรือร้นมาก บอกว่าเธอสนใจจริงๆ ถ้าไม่รบกวนผมจนเกินไป เธอก็ขอความช่วยเหลือด้วย อ้าว เข้าทางเลยสิ ผมก็บอกว่าถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวตอนบ่ายไปคุยรายละเอียดและวิธีการในโรงแรมที่ ผมพักอยู่ดีกว่า เพราะไม่อยากคุยอะไรกันที่นี่ และผมจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพให้ฟัง เคเคเข้ามาคุยกับผมในห้อง คงตื่นเต้นเพราะเห็นช่องทางที่จะเข้ามาอยู่ในไทยอย่างถูกกฎหมาย แต่ตอนนั้นผมหัวหมุนไปหมดเลยเพราะไม่รู้กฎหมายซักอย่าง แล้วก็พูดออกไปแล้วด้วย บอกตรงๆ ว่าที่พูดออกไปเพราะอยากเอาเธอเท่านั้น
           เคเคเป็นสาวผิวขาวเหลืองซึ่งผมไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก ใบหน้าเรียวได้รูป ผมยาว รูปร่างผอม แต่ดูแข็งแรง อาจเป็นเพราะพม่าไม่มีรถใช้ก็ได้ ต้องเดินเป็นส่วนใหญ่ทำให้ดูแข็งแรง ซึ่งในชีวิตผม ส่วนใหญ่จะเจอแต่พวกคุณหนู นั่งกินนอนกิน ตัวนุ่มนิ่มไปหมด ก็เลยอยากลองอะไรที่มันแปลกออกไปบ้าง แต่จะพูดยังไงกับเธอดีล่ะ เธอถึงจะยอมให้เอา เพราะผมไม่ชอบบังคับใคร เธอถามผมว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ผมบอกว่าไม่มี เพราะผมไม่ได้คิดจะหากำไรจากการช่วยเหลือกันอย่างนี้ แต่ผมขอเธอตรงๆ ว่าวันนี้ไม่ต้องกลับท่าขี้เหล็กนะ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็ลงไปเปิดร้านตอนเช้าได้เลย เคเคมองหน้าผมนานมาก จนผมกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ ตอนนั้นผมอยากจะเดาว่าเธอกำลังคำนวณผลได้ผลเสียอยู่ เพราะผมชวนเธออย่างนี้ เธอคงรู้แล้วว่าผมหมายถึงอะไร ยิ่งผมบอกว่าผมไม่อยากได้เงินจากเธอด้วย ผมนั่งรอเธอตัดสินใจไม่ได้ไปเร่งอะไร ซักพักเธอก็พยักหน้า ผมก็ยิ้มสิ เคเคถามผมตรงๆ ว่านั่งคุยกันอย่างเดียว ไม่ต้องมีอะไรกันได้มั๊ย ผมก็ตอบเธอตรงๆ เหมือนกันว่าผมอยากมี แต่ผมไม่บังคับเธอ ถ้าเธอคิดว่ามันไม่คุ้มที่เธอจะต้องแลก ก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่แล้ว เคเคนั่งนิ่ง ผมก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร ชวนเธอนั่งคุยอยู่ในห้องเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ลองเสี่ยงเดินไปนั่งข้างๆ เธอ กลัวเหมือนกันแหล่ะว่าเธอจะว่า แต่เคเคก็นั่งนิ่งอย่างนั้น ผมลองกอดเธอ เคเคทำท่าขืนนิดนึงแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ผมยิ้มแฉ่งเลยล่ะ ไม่ต้องรออะไรแล้ว ประคองเธอไปนอนบนเตียงแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อกับกางเกงเธอออก
           เคเคนอนหลับตานิ่ง ผมไม่ยอมเสียเวลานะ ทั้งร่างเธอเหลืออยู่แค่ยกทรงกับกางเกงในเท่านั้น พอก้มลงไปจูบใบหน้าเธอก็ได้กลิ่นหอมของแป้งพม่า มันหอมจริงๆ นะ ผมเลื่อนมาประกบปากเธอ เคเคนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผมแซะปลายลิ้นเข้าไปในปากเธอ เธอจึงยอมเปิดปากให้ ดูท่าทางเธอไม่ค่อยเป็นงานเท่าไหร่นัก ผมจูบปากเธอชั่วครู่จึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้าลงมาจนถึงซอกคอ สองมือไขว้ไปอยู่ด้านหลังและปลดตะขอยกทรงเธอออก เคเคขืนนิดนึงแต่ผมไม่สนใจ ปลดยกทรงออกจากแขนเธอดึงออก นมของเธอสวยจริงๆ แน่นกระชับ ปลายติ่งยังออกสีชมพูจางๆ อยู่ จากที่เห็นเชื่อว่าเธอยังไม่เคยผ่านอะไรมามากนัก ผมเคล้นคลึงทั้งมือและลิ้นเข้าใส่สองเต้าของเธออย่างตื่นเต้น ไม่เคยเอาคนชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยนี่หว่า ไม่รู้ว่าจะแปลกจากคนไทยแค่ไหน พอซุกไซ้ใบหน้าบนเต้าพอใจแล้ว ผมก็ค่อยๆ ดึงกางเกงในเธอรูดออกจากปลายเท้า เคเคนอนหนีบขาแน่น ผมเหลือบลงไปมองแล้วก็ต้องแอบยิ้ม เพราะเธอไม่มีขนอะไรมาปิดบังเนินเนื้อแม้แต่เส้นเดียว ซึ่งผมไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก เนินเนื้อของเธอขาวสะอาดแต่จะหอมหรือเปล่าไม่รู้ เพราะผมไม่กล้าเลื่อนใบหน้าลงไปข้างล่าง ก็คนมันแปลกหน้าขนาดนั้น ใครจะไปกล้า จัดการเสื้อผ้าเธอจนหมดแล้ว ผมก็หันมาจัดการกับตัวเองบ้าง จนเปลือยหมดทั้งร่างเหมือนเธอ สาวพม่านี่ผิวละเอียดดีจัง เวลาถูตัวกับร่างของเธอ มันลื่นเนียนไปหมด ท่อนเนื้อผมพร้อมแล้ว รอเพียงแค่เธอพร้อมเท่านั้น ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยบนร่องของเธอเบาๆ จากบนลงล่างสลับไปมา เคเคนอนบิดอยู่บนเตียง ครางเบาๆ ซักพักก็รู้สึกว่าร่องของเธอหลั่งน้ำเอ่อซึมออกมา คงใช้ได้แล้วมั๊ง
           ผมค่อยๆ สอดตัวเข้าไปอยู่กลางหว่างขาเธอ เคเคหรี่ตาขึ้นมามองหน้าผม ผมจับต้นขาเธอแยกออกจากกันร่องเนื้อกลางลำตัวเผยอออกจากกัน ผมพยายามจับท่อนเนื้อเขี่ยไปมาบนติ่งเนื้อของเธอ แต่มันมีขนาดเล็กมากจนมองแทบไม่เห็น เคเคร้องครางในลำคอ บิดเอวไปมา ผมทนไม่ไหวแล้วก็เลยค่อยๆ ดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องของเธอ พอส่วนหัวมุดเข้าไป เคเครีบผลักอกผมไว้ บอกว่ามันเจ็บมาก แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจแล้ว ค้างนิ่งในท่านั้นซักพักจนรู้สึกว่าต้นขาเธอคลายอาการเกร็ง เธอเอามือออกจากอกผม ผมก็ตัดสินใจดันท่อนเนื้อเข้าใส่ร่างเธอต่อ แต่คราวนี้ไม่ขยักไว้อีกแล้ว เธอนอนดิ้นพล่าน เพราะผมกดร่างเข้าไปในตัวเธอจนหมดดุ้น พอสุดแล้วก็ประกบร่างนอนกอดเธอไว้ จะบอกเพื่อนๆ ว่าเคเคยังซิงอยู่เลย เพราะช่วงสุดท้ายที่ดันท่อนเนื้อ ผมต้องแหกด่านเข้าไปนะ มันผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านสุดท้าย ซึ่งน่าจะเป็นด่านที่ทำให้เธอดิ้นขนาดนั้น เคเคนอนน้ำตาไหลจากหางตา แต่ผมรู้สึกเสียวไปหมดทั้งท่อน ร่องของคนพม่านี่มันแน่นกระชับดีจริงๆ ผมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นรอให้เธอหายเจ็บ จนรู้สึกว่าภายในร่องของเธอคลายจากอาการเกร็งแล้ว ก็เริ่มทำสงครามระหว่างไทยกับพม่าทันที ร่องเนื้อของเธอร้อนผ่าว แน่นกระชับจนผมแทบเข้าตีเธอไม่ได้ เธอเป็นฝ่ายรับการรุกของผมอย่างเดียว ดูก็รู้ว่าเธอยังไม่เคยผ่านการทำสงครามมาก่อน แต่ไม่เป็นไร ผมตีฝ่ายเดียวก่อนก็ได้ เคเคนอนนิ่งให้ผมอาศัยสองเต้าของเธอเป็นที่ยึดตัวไว้
           ขณะที่กระแทกเอวเข้าใส่ร่างเธอจากช้าๆ จนค่อยๆ เร่งเร็วขึ้น ว่าจะยั้งๆ รอเธอให้ไปพร้อมๆ กัน แต่ทั้งเต้าและทั้งร่องของเธอมันทำให้ผมไม่สามารถอดทนรอเธอได้ ผมกระแทกอยู่บนร่างเธอซักพักก็ต้องกลั้นใจ กดร่างบดทับกับร่างของเธอ เคเคสะดุ้งเฮือกเมื่อผมฉีดน้ำเข้าใส่ร่องของเธอเป็นจังหวะ ผมรอจนหลั่งน้ำเข้าใส่ร่างเธอหมดแล้วจึงค่อยๆ ถอนตัวลงมานอนข้างๆ เธอ อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าผมแก้แค้นแทนสงครามตอนที่พม่ายกมาตีกรุงศรีเรียบร้อยแล้วล่ะ ถล่มค่ายพม่าซะเละเทะเลย ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผมอยู่ที่นั่น เราเอากันทุกวัน เธอขายของที่ร้านได้ซักพักก็จะปิดร้านแล้วขึ้นมาหาผมที่ห้องเพื่อมานอนกับผม แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะทวงสัญญาเรื่องพาเธอมากรุงเทพด้วย ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง แต่ตอนนั้นมันมีหน้าที่เอาก็ต้องเอาอย่างเดียว อย่างอื่นไว้คิดทีหลัง ผมก้มหน้าก้มตาฉีดน้ำใส่ร่างของเธอทั้งปากบนปากล่าง เคเคคล่องขึ้น เป็นงานขึ้น ที่ชอบมากก็คือเห็นรูปร่างผอมๆ อย่างนั้นแต่เนื้อเธอแน่นไปหมดทั้งตัวเลย ที่จริงถ้าเธอเป็นคนไทย ผมก็อยากจะชวนเธอลงมาเที่ยวกรุงเทพด้วยเหมือนกัน เพราะยิ่งเอายิ่งสนุก แต่เธอเป็นพม่า แค่ด่านแม่สายเธอก็ผ่านมาไม่ได้แล้ว ผมปีนขึ้นปีนลงอยู่บนร่างของเธอจนหมดเวลา ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพแล้ว คืนสุดท้ายที่อยู่ที่นั่น เคเคไม่ยอมกลับท่าขี้เหล็ก เอ๊ะ! ผมบอกไปแล้วนี่ว่าคนพม่าที่ข้ามฝั่งมา ต้องกลับเข้าด่านก่อนหกโมงเย็น แต่คืนนั้นเธอแอบนอนอยู่กับผมในห้อง ผมรู้นี่ว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะอยู่แม่สายแล้ว
           คืนนั้นผมก็เลยใช้พลังงานเฮือกสุดท้ายเอาเธอเกือบทั้งคืน เพราะรู้ว่าคงจะไม่ได้เจอเธออีก ตอนเช้าเธอไปเปิดร้าน ผมนอนอยู่ในห้อง บนเตียงมีแต่คราบน้ำของทั้งเธอและผมเลอะเทอะไปหมด ผมรู้สึกผิดเหมือนกันแต่ไม่รู้จะทำยังไง นอนตัดใจซักพักก็เก็บของแล้วลงมาเช็คเอาท์ ขับรถกลับกรุงเทพโดยไม่ได้บอกลาเธอ ก็จะไปลาได้ที่ไหนกัน เธอรอให้ผมพากลับกรุงเทพด้วย ขืนไปลาก็ไม่ได้กลับสิ แล้วตั้งแต่นั้นผมก็ไม่เคยกลับไปนอนที่วังทองอีกเลย ตายแล้ว ตั้งใจจะเล่าเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ดันออกไปเรื่องไหนก็ไม่รู้ ก็อย่าถือสากันนะ เพราะผมก็เล่าไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหล่ะ และก็ถือว่าเป็นตอนสุดท้ายแล้วด้วย อยากพูดอะไรก็พูดออกไปเรื่อยเปื่อย คราวที่แล้วถึงไหนนะ อ้อ ถึงตอนที่ผมชวนแตงโมเดินเข้าม่านรูดแล้วก็ส่งเธอกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยมีอะไรกันอีกเลย ถึงแม้เธอจะหุ่นดี แต่ข้างในของเธอมันแทบจะหมดสภาพแล้ว ให้ไอ้พวกหนุ่มๆ ที่มารับเธอเก็บไว้ใช้ดีกว่า นี่ก็เป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ ว่าอย่าคาดหวังอะไรในสิ่งที่เรายังไม่เห็น บางทีเห็นสาวๆ น่ารัก หุ่นดี แต่พอเปิดข้างในออกมา ก็รู้สึกว่าถ้าต้องเสียเวลาเอาคุณเธอพวกนี้ เอาเวลาไปนั่งกินเหล้าดีกว่า พูดแล้วยังเคืองพี่เอกไม่หายเลย หลอกให้ผมเสียเวลาประกบอยู่ตั้งนาน หลังจากนั้นพอผมเจอหน้าแตงโม เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่รำคาญไอ้บิ๊ก เพราะมันคอยแต่จะถามผมอยู่นั่นแหล่ะว่าคืนที่เลี้ยงปีใหม่ ผมไปไหนกับแตงโม ใครจะอยากเล่าให้มันฟังวะ
           ปีสี่เป็นปีที่ผมมีกิจกรรมทางเพศน้อยมากเพราะต้องเรียนหนัก ทำเป็นเล่นไป เกรดผมสูงกว่าเกณฑ์ที่จะอนุมัติจบแค่นิดเดียวเอง พลาดพลั้งไปต้องมาเรียนอีกปีเพื่อแก้เกรด เสียเวลาตายห่าเลย และจะบอกเพื่อนๆ ว่าไอ้หนุ่มเลิกกับแฟนแล้ว ผมว่าแฟนมันคงทนอยู่กับนกกระจอกอย่างมันไม่ได้แน่ๆ เลย ถ้าจะให้เล่าเรื่องกิจกรรมบนเตียงสมัยปีสี่ อืม มันไม่มีอะไรในคณะจะเล่าให้ฟังอีกแล้ว เพราะน้ำก็แตะไม่ได้ รินก็แตะไม่ได้ ส่วนแตงโมนี่ผมไม่อยากแตะเอง ผมไปมีอะไรข้างนอกทิ้งทวนการเรียนกับน้องจากมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้าน น้องฝ้ายอยู่ปีสองของมหาวิทยาลัยนั้น ผมได้รู้จักกับเธอผ่านทางเพื่อนที่อยู่ชมรมเชียร์ซึ่งทั้งสองมหาวิทยาลัย มักจะนัดคุยกันเกี่ยวกับงานเชียร์เสมอๆ ผมก็ไปกับเพื่อนด้วย ไม่ได้มีอะไรหรอก ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศแค่นั้น เจอหน้าเธอครั้งแรก บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้มีความสนใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอโคตรของโคตรเด็กเรียนเลย เด็กอะไรวะ เรียนปีสองแล้วยังผูกผมเปียอยู่เลย ผมเจอเธอครั้งแรกเนี่ยเธอกำลังนั่งซ่อมเพลทอยู่ เพื่อนๆ ที่เคยแปรอักษรคงรู้จักนะ ผมมักจะพูดเสมอๆ ว่าคนมันจะได้เอา ยังไงๆ มันก็ได้เอา เหมือนฟ้ากำหนดมาไว้แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ว่าจะได้เอาเมื่อไหร่แค่นั้นเอง อานิสงค์ที่ผมไปนั่งๆ นอนๆ บางทีก็แอบเอารายงานไปนั่งทำด้วยที่มหาวิทยาลัยนั้นกับเพื่อน ทำให้ผมกับฝ้ายได้คุยกันมากขึ้น ฝ้ายเป็นเด็กขี้อายมากๆ ล้ออะไรนิดนึงก็นั่งหน้าแดง ม้วนไปม้วนมา ตอนนั้นผมมองเธอแบบเอ็นดูจริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อนๆ ลองมองเด็กซักคนนึงสิ แล้วตัดความรู้สึกว่าน่าเอาออกไปซะ ที่เหลือนั่นแหล่ะคือความรู้สึกของผม
           ผมนั่งคุยกับฝ้ายไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ชักสนิทแฮะ ตอนหลังๆ กลายเป็นว่าผมเป็นคนเร่งเพื่อนเองว่าเมื่อไหร่จะไปที่นั่นซักที คุยไปคุยมาฝ้ายชวนให้ผมช่วยซ่อมเพลทกับเธอ ที่จริงผมเกลียดงานอย่างนี้มากๆ เพราะมันน่าเบื่อ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ อีกอย่างนึงก็เห็นว่าตัวเองว่างๆ ช่วยก็ได้วะ แต่พอผมช่วยเธอทำเพลทแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมาผมก็ช่วยเธอมาตลอด ที่จริงก็ไม่ใช่เป็นคนดีอะไรหรอกนะ แต่เพราะเวลานั่งทำเพลท เรานั่งทำกับพื้น ฝ้ายก้มหน้าก้มตาทำ ไอ้ผมนั่งอยู่ตรงข้ามก็เลยเผลอมองเข้าไปในเสื้อเธอ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ มันเห็นเองนี่หว่า ถ้าเธอไม่อยากให้ผมเห็น ก็ต้องปิดกระดุมมาถึงคอสิ แต่นี่เล่นใส่ตามปกติมันก็ต้องเห็นอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เห็นเธอใส่ยกทรงสีชมพูอ่อน ผมเสียสมาธิการซ่อมเพลทเลย ใส่โค๊ดผิดๆ ถูกๆ คราวนี้รู้สึกว่าฝ้ายไม่ใช่เด็กอย่างที่คิดแล้ว ไอ้ความรู้สึกเอ็นดูมันก็ชักจะเปลี่ยนไปยังไงๆ ชอบกล แล้วอย่างที่เคยบอกเพื่อนๆ ไง ว่าช่วงหลังๆ นี่ ผมแทบไม่มีกิจกรรมบนเตียงเลย พอมีหนังตัวอย่างมาให้ดูอย่างนี้ ก็เลยชักจะนั่งทำงานไม่ได้แล้ว แล้วความรู้สึกโลภก็บังเกิดขึ้น เห็นแค่ยกทรงอย่างเดียวก็ชักอยากเห็นอย่างอื่นบ้าง แต่ทำยังไงจะได้เห็นล่ะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่คณะของผมนี่ จะได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องสถานที่ ช่วงนั้นเลยกลายเป็นว่าผมไม่ค่อยได้อยู่ในคณะเท่าไหร่ พอว่างก็รีบล็อกคอเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัยของน้องฝ้าย เพื่อช่วยเธอทำเพลททันที เราสนิทกันมากขึ้น ฝ้ายม้วนไปม้วนมาน้อยลง
           เพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยนั้นมองหน้าผมแปลกๆ คล้ายกับว่ามาจีบน้องชมรมเขาหรือเปล่าวะ ผมอยากจะบอกพวกมันว่ากูไม่ได้มาจีบ กูมาหาทางดูไอ้ที่อยู่ข้างในของน้องชมรมมึงต่างหาก แต่พูดไม่ได้นะ ผมไม่อยากถูกกระทืบออกมาจากที่นั่น ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งช่วยฝ้ายทำโน่นทำนี่ จนเพื่อนชวนกลับคณะผมก็ไม่กลับ อยู่ช่วยเธอจนเย็น จากการที่อยู่จนเย็นบ่อยๆ เข้า ผมก็ได้มีโอกาสส่งเธอกลับบ้าน แต่ไม่ได้เข้าบ้านเธอหรอกนะ เพราะคนในบ้านมีเยอะมาก ผมขี้เกียจทัก ก็ส่งเธอแค่หน้าบ้าน บ่อยๆ เข้าก็กล้าที่จะชวนเธอกินข้าวข้างนอกก่อนเข้าบ้านเธอ แรกๆ เธอก็ปฏิเสธ แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็ชวนเธอเรื่อยๆ จนเธอยอมกินข้าวกับผม ผมได้จับมือเธอแล้วนะตอนข้ามถนน เธอม้วนอยู่กลางถนนจนผมกลัวว่าเราจะตายซะก่อน แล้วอย่างที่บอกไงว่าถ้าเริ่มจับมือ อย่างอื่นมันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แล้วก็จริงๆ ด้วย วันเวลาผ่านไป ผมไปตามสเตปจนแอบหอมแก้ม หรือไม่ก็กอดไหล่เธอเวลาไปเที่ยวด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ วันหนึ่งเป็นวันอาทิตย์ ฝ้ายชวนผมมาที่ชมรมเชียร์ของเธอ เรานั่งกันสองคนอยู่ในห้องชมรม ฝ้ายก็นั่งทำโน่นทำนี่ของเธอ ผมมองตามแล้วมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ผมว่ารินเด็กแล้วนะ แต่ฝ้ายนี่เด็กกว่าเยอะเลย นึกยังไงก็ไม่รู้ ผมกระโดดไปนั่งข้างๆ เธอ แล้วถามว่าเดี๋ยวจะมีใครมาหรือเปล่า เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้นัดใครไว้ เธอตั้งใจจะมาทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเท่านั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลามามากพอแล้วกับการเทียวไปเทียวมาที่นี่และอีกอย่าง ผมต้องเริ่มเน้นเรื่องเรียนแล้ว เลยตัดสินใจหอมแก้มเธอทีนึง ฝ้ายทำตาโตหันมามองหน้า คงไม่นึกว่าผมจะกล้าหอมแก้มเธอในชมรม ผมนึกว่าเธอจะด่า แต่กลายเป็นว่าเธอนั่งหน้าแดง ก้มหน้าไม่พูดอะไร
           ผมได้ทีก็เลยวิ่งไปล็อคประตูและกลับมานั่งข้างๆ พลางเอียงหน้าไปหอมแก้มเธออีกครั้ง เธอหันมาจะพูด ผมยื่นหน้าเอาริมฝีปากไปแตะกับริมฝีปากเธอ สงสัยว่าเธอจะเป็นโรคความดัน เพราะบนหน้าเธอมีแต่สีแดง หาพื้นที่สีขาวแทบไม่เจอเลย ฝ้ายกระซิบถามเบาๆ ว่าพี่ทำอะไร ผมไม่ค่อยชอบอธิบายเป็นภาษาพูด ก็เลยประกบปากกับเธออีกครั้ง ฝ้ายจะผงะหน้าออก แต่ผมรีบประคองศีรษะเธอไว้ แล้วแนบริมฝีปากกับเธอไว้จนแน่น เธอทำเสียงอึกอักซักพักปิดปากแน่น ผมใช้ปลายลิ้นเกลี่ยอยู่บนริมฝีปากเธอ ลิปมันที่เธอใช้มันหอมชื่นใจจริงๆ ผมค่อยๆ แซะปลายลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ผ่านไปชั่วครู่ ฝ้ายจึงยอมเปิดปากของเธอออก ผมรออยู่แล้ว ปลายลิ้นฉกเข้าไปในปาก ควานหาปลายลิ้นของเธอจนสัมผัสกัน ฝ้ายนั่งตัวเกร็งปล่อยให้ผมบรรเลงเพลงลิ้นเข้าใส่เธอ ลมหายใจเธอหอมสดชื่น ยิ่งสร้างความอึดอัดให้ผมมากขึ้นไปอีก ไอ้ข้างล่างของผมไม่ต้องพูดถึง มันตื่นขึ้นมาตั้งแต่หอมแก้มเธอครั้งแรกแล้ว ยิ่งพอได้สัมผัสปลายลิ้นนุ่มของเธอ ยิ่งตื่นมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้ห้ามอะไรอีกแล้ว หลับตาพริ้ม เปิดปากรับปลายลิ้นของผมนิ่ง ผมจูบไปก็คิดคำนวณเวลาไปด้วย ถ้าผมเอา ถึงแม้จะรีบๆ ก็เถอะ ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที แล้วไอ้ภายในยี่สิบนาทีนี่จะมีใครมาเคาะประตูหรือเปล่าวะ ไม่น่าจะมีนะ ส่วนที่นอนนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะในห้องจะมีกำมะหยี่ซึ่งเขาไว้ใช้ตัดทำเพลทวางอยู่บนพื้น ตัดปัญหาเรื่องเจ็บหลังไปได้เลย พอคิดคำนวณทุกเรื่องแบบเข้าข้างตัวเองนิดๆ เสร็จแล้วก็ไม่ต้องรออะไรอีก
           ผมลูบไล้ร่างของเธอภายนอกเสื้อผ้าอย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายใส่เสื้อยืด กางเกงผ้า จนมือผมเลื่อนกลับมาอยู่บริเวณหน้าอกเธอ ฝ้ายเริ่มขยับจะปัดมือผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอม มาถึงตรงนี้แล้ว ผมลูบไล้ด้านหน้าและใช้อุ้งมือคลึงสองเต้าของเธอเบาๆ ฝ้ายสะดุ้งจะร้อง แต่ผมยังประกบปิดปากเธออยู่ จากอุ้งมือที่คลึงอยู่ ผมเปลี่ยนมาใช้ทั้งฝ่ามือบีบเคล้นสองเต้าของเธอแผ่วเบา สองเต้าของเธอมีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่มันสร้างความตื่นเต้นให้ผมได้มากเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมข้ามถิ่นมาทำอย่างนี้นอกคณะหรือสถานที่ประจำ ถ้าเจ้าถิ่นรู้มีหวังผมตายห่าแน่ๆ ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อด้านหลังจนพบตะขอยกทรง เหมือนฝ้ายจะรู้ เธอพยายามดิ้นหลบ แต่มือผมสัมผัสกับตะขอจนได้ ขยับปลายนิ้วนิดเดียว ตะขอยกทรงของเธอก็หลุดออกจากกัน ฝ้ายพยายามขยับตัวหนี แต่ผมเลื่อนมือซ้ายโอบร่างของเธอไว้ ส่วนมือขวาขยับย้ายมาด้านหน้า ขยับมืออีกนิดเดียวฝ่ามือของผมก็เข้าไปสัมผัสกับเต้าเนื้อแท้ๆ ภายในยกทรงที่ถูกดันขึ้นไปด้านบน ฝ้ายสะดุ้งเฮือกไปทั้งตัว จะดันมือผมออก แต่ตอนนั้นผมโอนสัญชาติเป็นตุ๊กแกเรียบร้อยแล้ว พอมือเกาะบนเต้าของเธอก็กดแนบแน่นอยู่ตรงนั้น พลางบีบเคล้นเบาๆ เธอแอ่นตัวตามแรงเคล้นคลึงของผมอย่างเป็นจังหวะ ผมคลึงอยู่อย่างนั้นและรู้สึกว่าแรงต่อต้านค่อยๆ ลดลง อยากจะเล่นอย่างนี้ไปนานๆ แต่ไอ้ที่อยู่ข้างล่างมันคอยกระตุกเตือนอยู่ว่าทนไม่ไหวแล้ว และเวลาก็มีไม่มากด้วย ผมค่อยๆ ช้อนร่างเธอขึ้นมาแล้วไปวางบนกำมะหยี่ ทั้งที่ปากยังประกบอยู่เช่นนั้น พอวางลงฝ้ายรีบบอกว่าอย่าทำเธอเลย ผมโกหกเธออย่างแรงที่สุด กับรินหรือน้ำหรือใครๆ ที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกสาวๆ พวกนั้นเลยว่าผมรักพวกเธอ แต่ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ
           จะบอกเพื่อนๆ ว่าผมไม่ได้รักเธอหรอกนะ แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันพาไป ถ้าไม่พูดอย่างนั้น มันก็ต้องอธิบายเยอะว่าผมทำอย่างนั้นทำไม และเธอก็ต้องไม่ยอมแน่ๆ เลย ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ ทำทุกอย่างก็เพราะรัก แต่ถ้าฝ้ายไม่รักผมก็ไม่ต้องยอมก็ได้นะ ผมไม่บังคับใครอยู่แล้ว เธอนิ่งไป ส่วนผมโคตรลุ้นเลยเพราะวางรุกฆาตไปอย่างนี้ ถ้าเธอล้มกระดาน ผมต้องกลับคณะมือเปล่าแน่ๆ แต่รออยู่ก็ไม่เห็นเธอตอบอะไร ผมก็ลองก้มลงไปจูบปากเธอเบาๆ คราวนี้เธอเปิดริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมเอง ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องรอคำตอบแล้ว ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ ริมฝีปากยังประกบกันอยู่ มือขวาลูบไล้ร่างของเธออย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายหลับตานอนนิ่ง ผมค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในเสื้อเธอและกุมเต้าที่แน่นกระชับเป็นก้อน พลางเคล้นมือเบาๆ เธอบิดตัวไปมา ซักพักเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวถอดเสื้อยืดของเธอออกจากศีรษะ และปลดตะขอกางเกงรูดซิป ก่อนจะดึงกางเกงผ้าออกจากปลายขาของเธอ ฝ้ายรีบเอาแขนบังส่วนบนและส่วนล่างจากสายตาของผม ผมอยากจะใช้เวลาชมความงามของเธอให้มากเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะอ้อยอิ่ง เมื่อเปลื้องชุดของเธอจนเหลือแต่ยกทรงที่ค้างครึ่งๆ กลางๆ กับซับในช


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *****
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
กลางๆ กับซับในชั้นล่างตัวจิ๋วแล้ว ผมก็รีบขยับตัวถอดชุดของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว จนไม่เหลืออะไรแม้แต่กางเกงใน เมื่อพร้อมแล้วก็หันกลับไปให้ความสนใจกับร่างที่นอนอยู่ข้างๆ ฝ้ายนอนหลับตาหน้าแดงกล่ำ ผิวของฝ้ายขาวละเอียด มีไรขนบางๆ ขึ้นตามแขน อยากจะใช้เวลากับเรือนร่างเธอให้นานๆ แต่เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆ ถอดยกทรงที่ยังค้างอยู่บนเนินอกออกจากปลายแขน
           คนกินดีอยู่ดีนี่มันได้เปรียบจริงๆ เพราะผิวเนื้อภายในมันสะอาดสะอ้านไม่มีรอยอะไรมาทำให้สะดุดตาแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะสองเต้าของเธอที่ชูชันขึ้นมา ผมมองแล้วก็ยิ้มเพราะปลายยอดของมันแข็งชันขึ้นมาเป็นเม็ด บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของเป็นอย่างดี ผมค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นแตะกับปลายยอดเบาๆ แต่ฝ้ายเด้งตัวขึ้นมารับอย่างแรง ปลายลิ้นสัมผัสยอดเต้าชั่วขณะ ริมฝีปากก็ตามลงไปประกบปลายยอดนั้นไว้และเม้มดูดเบาๆ เสียงครางของฝ้ายยิ่งทำให้ผมอึดอัดมากยิ่งขึ้น มือป่ายลงไปด้านล่างจนสัมผัสโหนกเนื้อใต้ซับใน ฝ้ายตะครุบหลังมือผมไว้แน่น แต่พอทำอย่างนั้น ปลายนิ้วก็ขยับลงไปด้านล่างและเกลี่ยขึ้นลงตามรอยแยกกลางลำตัว ฝ้ายเอียงตัวหลบไปมา ระล่ำระลักถามว่าผมทำอะไร ผมเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงว่าไม่ต้องถาม มือขวายังคงขยับปลายนิ้วไปมาอยู่ตามรอยแยกนั้น ซักพักก็รู้สึกว่าปลายนิ้วเริ่มมีอาการเปียกชื้นจากบริเวณที่เขี่ยไปมาอยู่ ได้ยินเสียงฝ้ายร้องเบาๆ ว่าพอแล้ว พอแล้ว แต่ใครจะไปยอมหยุดวะ ผมค่อยๆ ดึงซับในตัวสุดท้ายออกจนหลุดจากปลายเท้าของเธอ ผมว่าเธออาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรินก็ได้ เพราะเนินเนื้อของเธอที่เห็น มันดำสนิทแทบจะมองหาพื้นที่ที่เป็นเนื้อไม่เจอเลย ฝ้ายจะเอียงตัวหนี แต่ผมรีบยึดร่างเธอนอนหงายไว้ และก้มลงไปแนบใบหน้ากับเส้นไหมดำของเธอ คราวนี้ฝ้ายสะดุ้งเฮือกทั้งตัว พยายามจะดึงศีรษะผมออก แต่บอกแล้วไงว่าผมแปลงร่างเป็นตุ๊กแกแล้ว แกะไม่ออกหรอก แนบใบหน้ากับเนินเนื้อแล้วใช้ริมฝีปากเม้มดึงเส้นไหมแผ่วเบา ฝ้ายร้องครางเหมือนจะตายตอนนั้น
           ผมเล่นอยู่บนเนินซักพักก็ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าลงไปด้านล่าง รู้สึกว่าขาของเธอจะสั่นไปหมด จนใบหน้าแนบกับรอยแยกกลางลำตัว และฉกปลายลิ้นเข้าไปในร่อง ฝ้ายเด้งเอวขึ้นรับ ได้ยินเธอครางสะอื้นเบาๆ ผมก้มหน้าก้มตาตวัดปลายลิ้นเข้าใส่ร่องของเธอจากช้าจนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเธอคงพร้อมทุกอย่างแล้ว เพราะหยาดน้ำในร่องของเธอมันเอ่อซึมออกมาจนเปียกโชกไปทั่วทั้งร่อง ผมค่อยๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมาตามร่างของเธอ และมาหยุดอยู่บนสองเต้านั้นอีกครั้ง เพื่อให้เธออยู่ในสภาพพร้อมที่สุด จากนั้นจึงค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปอยู่ในหว่างขาของเธอ ใช้หัวเข่าแยกต้นขาเธอออกจนกว้าง โดยที่ยังนอนทับอยู่บนร่างเธออย่างนั้น เอื้อมมือไปจับท่อนเนื้อมาจ่ออยู่หน้าร่องรอยแยกแล้วขยับเขี่ยขึ้นลงตามรอยแยก ฝ้ายหลับตาร้องครางเบาๆ ริมฝีปากผมยังประกบแนบแน่นกับสองเต้าสลับไปมา จนเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงค่อยๆ จับท่อนเนื้อดันเข้าไปในร่างเธอช้าๆ ฝ้ายสะดุ้งทั้งตัว พยายามผลักร่างผมออก แต่ผมนอนคร่อมร่างเธออยู่ ใครจะไปยอมเลิก จนรู้สึกว่าส่วนหัวมันเข้าไปในร่องแล้ว ตอนนี้ฝ้ายนอนหลับตานิ่ง เกร็งไปทั้งตัว ผมก็ไม่ว่าอะไร เกร็งได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องผ่อน แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ซักพักก็รู้สึกว่าร่างเธอคลายจากอาการเกร็ง คงเป็นเพราะผมยังละเลงปลายลิ้นอยู่บนเต้าของเธอมั๊ง
           พอรู้สึกว่าเธอคลายจากอาการเกร็งแล้ว ผมก็ค่อยๆ ดันเข้าไปในร่างเธอต่อทีละนิด รู้สึกว่ามันเข้าไปได้ยากเหลือเกิน จนกระทั่งเฮือกสุดท้าย ผมตัดใจกดร่างลงบนตัวเธอ ดันท่อนเนื้อที่เหลือเข้าไปจนสุด ฝ้ายร้องโอ้ย บีบแขนผมแน่นจนเจ็บ ผมปล่อยให้เธออยู่ในสภาพอย่างนั้นซักพัก ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้หน้าแดงแล้ว แต่หน้าซีดจนขาวไปหมด ผมก็สงสารนะ แต่ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ทำให้มันเสร็จๆ ไปก็แล้วกัน คิดอย่างนั้นแล้วก็เริ่มขยับตัวบนร่างของเธอทันที เธอขยับตัวตามแรงโยกของผม คงเพราะยังแน่นอยู่ ซักพักก็รู้สึกว่าร่องของเธอเริ่มคล่องขึ้น ผมเริ่มขยับตัวได้เร็วขึ้น ฝ้ายนอนอยู่ข้างล่างจับแขนผมไว้แน่น กำลังโยกตัวอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเธอเกร็งตัววูบขึ้นมา ร่องข้างล่างบีบรัดท่อนเนื้อผมจนแน่น ซักพักก็กระตุกไปทั้งร่าง ผมอมยิ้มในใจเพราะรู้ว่าเธอถึงจุดสุดยอดไปแล้ว ไม่อยากเสียเวลาแล้วล่ะ ผมเร่งจังหวะโยกทันที แต่ขยับไม่ได้มากนักหรอกเพราะรอยแยกนั้นมันแน่นจนขยับตัวไม่ได้มากนัก โยกได้อีกไม่กี่ทีผมก็ไม่ไหวแล้ว กัดฟันโยกอีกครั้งก่อนจะกดร่างบนตัวของเธอ และฉีดน้ำเข้าไปในรอยแยกกลางลำตัวเธอเป็นจังหวะ ฝ้ายกระตุกร่างรับ กอดร่างผมไว้แน่น ผมก็กอดเธอไว้จนแน่น จนหยาดน้ำในร่างปลดปล่อยเข้าไปในตัวเธอจนหมด แล้วจึงแยกตัวมานอนข้างๆ เธอ อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าเรื่องของฝ้าย ที่จริงมันใช้เวลาแค่ประมาณสิบห้านาทีเอง แต่ผมรู้สึกว่าผมบรรยายจนมันเกินเวลาไปกว่านั้น เพราะเวลาทำจริงๆ มันรวบรัดกว่าการบรรยายเป็นตัวหนังสือเยอะเลย ก็ทนๆ อ่านหน่อยก็แล้วกันนะ
           วันนั้นเรามีอะไรกันสองครั้ง ครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังจากที่ผมต้องนั่งคุยนั่งปลอบเธอตั้งนาน ฝ้ายร้องไห้ไม่หยุดเลย พูดแต่ว่าได้เธอแล้วอย่าทิ้งเธอไปไหน ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ก็เออออตามเธอไปจนเธอเริ่มมีอาการดีขึ้น ซักพักนึงเราก็ต่อครั้งที่สองกัน พอเสร็จแล้วตอนจะกลับบ้านผมต้องเอากำมะหยี่ผืนนั้นไปทิ้ง เพราะมันเลอะคราบน้ำทั้งของเธอและของผมจนเสียหมดเลย ตั้งแต่วันนั้นมาผมไม่ค่อยได้ไปที่นั่นอีก ถ้าไปแล้วต้องเจอฝ้าย ผมจะเลือกเวลาที่มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรมากนัก เพราะบอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากฟัง เรื่องของผมในคณะก็เยอะพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องเรียนอีกล่ะ จนหลังๆ ผมก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย ก็มีบ้างที่เพื่อนผมมาบอกว่าฝ้ายฝากถามมาว่าเมื่อไหร่จะไปที่นั่นอีก ผมก็ไม่เคยฝากคำตอบไปกับเพื่อนเลย เรื่องของฝ้ายค่อนข้างรวบรัด เพราะเขียนไปเขียนมามันหลายหน้าแล้ว ก็จะบอกแค่ว่าช่วงปีสี่ผมต้องเรียนหนักมากๆ ต้องทำรายงานเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมไว้ใช้ต่อรองกับอาจารย์ในการขอเกรด คนอื่นๆ ที่อยู่ท้ายๆ ก็เป็นเหมือนผมทั้งนั้น พอใกล้สอบก็ต้องอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตายเลย เพราะทุกคะแนนในการสอบมีค่าสำหรับผมทั้งนั้น ยิ่งสองเดือนสุดท้ายนี่ผมงดกิจกรรมทุกชนิด รวมทั้งกิจกรรมบนเตียงด้วย ส่วนน้ำก็ยังเป็นน้ำ ขนาดไม่พูดกัน เธอก็ยังมาคอยดูว่าผมทำงานเสร็จแล้วหรือยัง ผมยังนึกถึงทุกวันนี้เลยว่าทำไมตอนนั้นผมไม่บอกรักเธอวะ เพราะว่าจนวันสุดท้ายของการสอบ เธอก็ยังดีเสมอต้นเสมอปลายอยู่เลย พอออกจากห้องสอบผมก็ไม่สนใจแล้วล่ะ ตกหรือผ่านก็ช่างหัวมัน หมดหน้าที่ผมแล้ว
           จบปีสี่แล้ว หมดเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแล้ว ผมก็เรียนจบตามปกติ เพียงแต่หืดขึ้นคอนิดหน่อยเท่านั้น พอคิดย้อนกลับไปแล้วก็อยากกลับไปเรียนใหม่เหมือนกันนะ เพราะชีวิตช่วงนั้นสนุกที่สุดเลย แต่วันที่รู้สึกแย่ที่สุดคือวันที่คณะจัดบายศรีซีเนียร์ สาขาของเราจัดแยกต่างหาก ใครที่เคยผ่านมาแล้วคงพอจะจำภาพได้ วันนั้นไม่ได้หัวเราะเลยนะ เพราะเรารู้ว่าไม่มีวันรุ่งขึ้นสำหรับเราในคณะอีกแล้ว จำได้ว่านังจุ๋มมาทำตาแดงๆ บอกว่าผมอย่าหายหัวไปเลยนะ ว่างๆ ให้กลับมาสาขาบ้าง ส่วนน้ำนี่ร้องไห้ทั้งวันจนตาบวมเลย ทำไมผมจะไม่รู้ว่าน้ำร้องไห้เพราะอะไร ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่คุยกัน แต่เราก็ยังได้เห็นหน้า ได้ทำงานร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร ฟ้าไม่ได้กำหนดให้เรามาคู่กันแค่นั้นเอง ตอนกลางคืน น้องๆ เค้าจุดเทียนในห้องประชุมแล้วร้องเพลงของสาขา จะบอกเพื่อนๆ ว่านึกถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ก็ยังได้ยินเพลงของสาขาแว่วอยู่เลย จบแล้วครับ

The End


Offline thep59

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 1217
    • เสียว: 11
    • View Profile
ขอบคุณครับ



Offline st735

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 3479
    • เสียว: 10
    • View Profile
    • Email
Reply #9 on: September 03, 2011, 12:18:28 am
(19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19; (19;



Offline jajabinz

  • Master Hero
  • *
    • Posts: 16
    • เสียว: 0
    • View Profile
Reply #10 on: September 04, 2011, 09:21:52 pm
ยาวมากครับ XD
ขอบคุณครับ



Offline bigkito

  • Super Master Hero
  • **********
    • Posts: 777
    • เสียว: 1
    • View Profile
Reply #11 on: September 26, 2011, 11:02:08 am
 (010; (007; (007; (007; (007;



Offline ppp4

  • Hero Member
  • *****
    • Posts: 86
    • เสียว: 1
    • View Profile
Reply #12 on: October 02, 2011, 10:29:36 pm
 (39; (39;ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ (39; (39;



Offline SuperChai

  • Master Hero
  • *
    • Posts: 18
    • เสียว: 0
    • View Profile
    • Email
Reply #13 on: October 15, 2011, 07:34:45 am
หน้าจะมีตอนะ



Offline ninja9_99

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 795
    • เสียว: 2
    • View Profile
Reply #14 on: December 22, 2011, 09:19:39 pm
 (24; Thank u