เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงผ่านการเรียนระดับมหาวิทยาลัยมาแล้วโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยปิด สมัยก่อนพวกวิทยาลัยเอกชนยังไม่ต้องสอบจากส่วนกลางเหมือนสมัยนี้ รุ่นผมนี่วิทยาลัยกรุงเทพ, วิทยาลัยรังสิต หรือหอการค้ายังเรียกวิทยาลัยอยู่เลย ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย ตอนที่ผมสอบเข้าได้ก็ตื่นเต้นเหมือนๆ คนอื่น เพราะจะได้เรียนในคณะและสาขาที่ตัวเองอยากเรียน สาขาของผมมีนักศึกษาใหม่ 40 คน เป็นผู้ชาย 15 คนและผู้หญิง 25 คน บอกตรงๆ ว่าผู้หญิงในสาขาผมโดยเฉลี่ยแล้วไม่ค่อยสวยหรอก แต่ส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนดีๆ ในกรุงเทพทั้งนั้น พวกตระกูลคอนแวนต์กับตระกูลสาธิตนั่นแหล่ะ เด็กต่างจังหวัดไม่ค่อยมี เพราะสาขาผมต้องสอบวิชาเฉพาะด้วย ซึ่งเด็กต่างจังหวัดจะค่อนข้างเสียเปรียบ ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยได้เรียนหรอก เพราะต้องซ้อมเชียร์กันทั้งวัน แล้วต้องมีการแบ่งพี่รหัสน้องรหัส และยังจัดบัดดี้ด้วย ซึ่งบัดดี้ของผมเป็นผู้หญิงมาจากคอนแวนต์ชื่อน้ำ ส่วนผมมาจากโรงเรียนชายล้วน และไอ้การที่เป็นบัดดี้กันนี่มันก็ทำให้เราสนิทกันเร็วมาก เพราะต้องช่วยเหลือกันตลอด ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องกิจกรรม และแทบจะต้องรู้เรื่องของอีกฝ่ายนึงเกือบทุกเรื่อง ผมก็เล่าเรื่องของผมให้น้ำฟัง น้ำก็เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟัง
น้ำไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยอะไรนัก สูงแค่ 150 กว่าๆ ผมยาว ค่อนข้างจะอวบ ใส่แว่น เธอมีดีที่เรียนเก่ง ซึ่งไอ้สิ่งนี้แหล่ะเป็นอะไรที่ผมต้องพึ่งเธอมาโดยตลอด หน้าที่หลักของเธอคือโทรมาตามผมให้ไปเรียนให้ทันในแต่ละวัน และบ่อยครั้งมากที่เธอต้องชวนเพื่อนคนอื่นนั่งแท็กซี่มาตามผมถึงบ้านเพื่อให้ไปเรียน อีกอย่างนึง เธอค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะเธอเรียนเก่งเป็นที่หนึ่งมาตลอด มีอะไรอย่างนึงที่อยากบอกเพื่อนๆ โดยเฉพาะรุ่นน้องๆ ก็คือ ผู้หญิงที่จบจากโรงเรียนหญิงล้วนโดยเฉพาะตระกูลโรงเรียนฝรั่ง ที่พ่อแม่ไปรับไปส่งที่โรงเรียน แล้วยังเป็นเด็กเรียนอีก มักจะมีปัญหาอย่างนึงคือ โลกของเธอจะค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้ชาย มันไม่เหมือนพวกที่จบจากโรงเรียนที่มีผู้ชายผู้หญิงเรียนรวมกัน ผมได้ความรู้นี้จากน้ำ เธอแทบไม่มีเพื่อนผู้ชายเลย ที่แย่มากๆ ก็คือพี่น้องอีกสองคนของเธอก็เป็นผู้หญิงหมดเลย ในโลกของเธอ ผู้ชายมีแค่พ่อกับครูแค่นั้นเอง
ความที่น้ำมีเพื่อนผู้ชายน้อยทำให้เธอไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นมากนัก พอถูกจัดให้เป็นบัดดี้กับผม ก็กลายเป็นว่ามีอะไรเธอก็เรียกแต่ผม ซึ่งเป็นงานค่อนข้างหนักมาก เพราะการที่ต้องอยู่กับผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรในชีวิต ได้แต่นั่งกินนอนกิน มีหน้าที่เรียนอย่างเดียวมาตลอดเนี่ย ทำให้งานกิจกรรมทุกอย่างต้องมาลงที่ผมเกือบทั้งหมด ที่จริงผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่หรอก เพราะจริงๆ แล้วผมแอบชอบเพื่อนต่างสาขาแต่ในคณะเดียวกันอีกคนนึงต่างหาก แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าไปคุยด้วยเลย เพราะน้ำจะอยู่ข้างๆ ตลอด ผมค่อนข้างอึดอัด เพราะกลัวว่าเพื่อนที่ผมชอบจะเข้าใจผิด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง และดูเหมือนน้ำก็ยังไม่ยอมรับรู้ว่าผมอึดอัด ช่วงหลังๆ ยิ่งไปกันใหญ่ กินข้าวเที่ยงเธอก็จะมานั่งกินด้วย ซึ่งตามปกติผมจะนั่งกินข้าวกับเพื่อนผู้ชายอีกสองสามคนที่ค่อนข้างจะสนิทกัน ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลยเพราะโรงอาหารเป็นโรงอาหารรวมของคณะ ผมไม่อยากให้ใครเห็นเลยว่าน้ำกับผมสนิทกัน เคยลองเอ่ยปากให้ไปนั่งโต๊ะอื่นดูก็แล้ว แอบย้ายโต๊ะไปนั่งกินที่อื่นก็แล้ว เธอก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินตามมานั่งกินข้าวด้วย ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะผมไม่ชอบหักคอใคร
ผมมารู้สึกว่าที่จริงแล้วน้ำนิสัยดีก็ตอนที่ไปงานรับน้องของสาขา ซึ่งผมซวยมากๆ เพราะพอไปถึงปรากฏว่าผมเป็นไข้ ไม่สบาย ต้องนอนซมอยู่ในห้องพัก ในขณะที่คนอื่นเค้าไปเข้าร่วมงานรับน้องกันหมด ผมมารู้จากเพื่อนทีหลังว่าน้ำเข้ามาดูแลผมตลอดเวลาที่ผมเป็นไข้ จัดอาหารมาให้ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าผากเพราะผมตัวร้อนมาก เธอขอรุ่นพี่ตรงๆ ว่าเธอไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องเพื่อจะอยู่ดูแลผม เธอจะนั่งเก้าอี้ข้างเตียงผมเกือบตลอดเวลา จนได้เวลานอนเธอถึงแยกกลับไปนอนในห้องพักของผู้หญิง เช้าวันรุ่งขึ้นผมรู้สึกดีขึ้น เพื่อนผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ผมพูดไม่ออก พอเธอเข้ามานั่ง ผมก็ถามเธอว่าทำไมไม่ไปร่วมงาน เธอบอกว่าเธออยากอยู่เป็นเพื่อนผมมากกว่า น้ำลองเอามือมาอังหน้าผากผมแล้วบอกว่าไข้หายแล้ว ผมคิดอะไรไม่รู้ ดึงมือเธอมาจูบเบาๆ ที่หลังมือแล้วเอามือเธอมากอดไว้ที่อก น้ำนั่งม้วนไปม้วนมา ผมขอบคุณเธอที่อยู่เป็นเพื่อน ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ว่าอะไรน้ำแล้ว เวลาที่เธอเดินไปไหนมาไหนกับผม เรายิ่งสนิทกันมากขึ้นทุกวัน การจับมือถือแขนกลายเป็นเรื่องปกติของเรา อย่างนึงที่ผมอยากพูดกับเพื่อนๆ ก็คือการคบผู้หญิงคนนึง มันมีสเตปของมันอยู่ ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าผู้ชายคนนึงเดินไปชนไหล่ผู้หญิงซักคน แล้วจะจูงมือเธอพาเข้าโรงแรมไปเอาได้เลย หรือแม้กระทั่งการบอกว่าคบกันได้วันสองวันแล้วก็ได้เอา มันไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลนะ นี่หมายถึงผู้หญิงดีๆ นะครับ ไม่ใช่พวกที่จับได้ตามผับ อย่างนั้นผมไม่นับ ผมหมายถึงผู้หญิงที่ทำงานดี นิสัยดี พฤติกรรมดีและมารยาทดี ถ้าใครสามารถพาผู้หญิงแบบนี้เข้าโรงแรมได้ภายในการเจอกันแค่ครั้งแรก ผมขอคารวะจรดพื้นเลยครับ
ผมกับน้ำสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีเราอยู่คณะกันจนดึกเพราะต้องทำรายงาน เธอก็จะบอกที่บ้านว่าไม่ต้องมารับ เดี๋ยวเธอจะกลับเอง เรานั่งทำรายงานในห้องเรียน(ห้องเรียนที่สาขาเป็นห้องเล็กๆ ส่วนห้องเรียนรวมซึ่งเป็นห้องใหญ่ เอาไว้สำหรับเรียนรวมทั้งคณะ) มีอยู่ครั้งนึง น้ำนั่งทำรายงานอยู่ ส่วนผมก็นั่งรอเพราะเป็นรายงานภาษาอังกฤษ ไม่มีปัญญาช่วยเธอทำหรอก ผมนึกบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็เดินไปยืนข้างๆ เธอ น้ำเงยหน้าขึ้นมามอง ผมก้มลงไปจูบแก้มเธอเบาๆ แล้วรีบยืนตรง ลุ้นว่าเธอจะด่าหรือเปล่า น้ำนั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่คิดว่าผมจะกล้าทำบ้าๆ ในคณะ ผมยืนรอเสียงด่าแต่ไม่มี เหลือบมองดูก็เห็นเธอนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่มีเสียงด่าแฮะ ผมรอจนยืนยันว่าไม่โดนด่าแน่ๆ คราวนี้ก็ค่อยๆ ก้มลงไปจูบเธอช้าๆ อีกครั้ง น้ำเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอยังใช้แป้งเด็กอยู่เลย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจูบเด็กๆ อยู่ ผมจูบเธอจนทั่วใบหน้าแล้วลองจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากเธอ น้ำผงะหน้าหนี ผมว่าจะเลิกแล้วแต่ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ก็เลยใช้มือซ้ายประคองศีรษะเธอ แล้วประกบริมฝีปากเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้น้ำนั่งนิ่งไม่หนีอีก ผมแซะปลายลิ้นที่ริมฝีปากเธอเบาๆ เพื่อให้เธอเปิดปาก ต้องใช้เวลาซักพักกว่าเธอจะยอมเปิดปากให้ แต่พอลิ้นผมเข้าไปในปากเธอ ผมแทบหัวเราะก๊ากเพราะในปากเธอยังมีหมากฝรั่งอยู่ กลิ่นหมากฝรั่งหอมฟุ้งเลย ผมล้วงปลายลิ้นเข้าไปจนทั่ว น้ำนั่งนิ่งแต่มือที่จับปากกาเกร็งแน่นจนผมกลัวว่าปากกาจะหัก
วูบนึงของความคิด ผมอยากจะใช้มือลูบไล้ให้ทั่วตัวเธอ สารภาพว่าตอนนั้นผมแข็งไปหมดทั้งตัวเลย แต่คิดไปคิดมาแค่นี้พอก่อนดีกว่า อีกอย่างนึงนี่มันในคณะ คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกจากเธอ น้ำนั่งเงยหน้าหลับตานิ่ง ซักพักเธอลืมตาขึ้นมา พอเห็นผมยังยืนมองดูอยู่ก็หน้าแดง ก้มหน้าลงกับโต๊ะเขียนโน่นเขียนนี่วุ่นวายไปหมด ผมกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม น้ำไม่พูดอะไรซักคำเลย ผมว่าเธอคงตกใจกับเรื่องเมื่อกี้นี้ เพราะไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอะไรบ้าๆ กับเธอ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งรอจนกว่าเธอจะทำรายงานเสร็จ แต่ดูเหมือนวันนั้นเธอจะทำรายงานได้ช้ามากกว่าจะเสร็จ ผมเลยต้องไปส่งเธอที่หน้าบ้าน ตลอดทางกลับบ้าน น้ำไม่พูดอะไรซักคำเลย แต่ผมเชื่อว่าเธอคงไม่โกรธ เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ถ้าเธอโกรธเธอจะแสดงออกมาทันที ไม่เคยเก็บอารมณ์เลย
วันเวลาผ่านไป ตั้งแต่ที่ผมแอบขโมยจูบเธอวันนั้น รู้สึกเหมือนว่าเธอจะแสดงความเป็นเจ้าของมากขึ้น อย่าว่าแต่คนที่ผมแอบชอบเลย แม้แต่เพื่อนในสาขาด้วยกัน ถ้าน้ำเห็นว่าผมนั่งคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนไหนแค่สองต่อสอง เธอจะทำไม่รู้ไม่ชี้เดินมานั่งคุยด้วยทันที จนเพื่อนๆ หลายคนเริ่มรู้แกว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนหลังๆ มานี่ เวลาทำรายงานด้วยกัน ผมจะแอบหอมแก้ม แอบขโมยจูบเธอจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว จนเย็นวันนึง เราก็นั่งทำรายงานกันเหมือนเดิม ผมก็นั่งข้างๆ ดูเธอทำรายงาน เวลาเด็กเรียนตั้งใจทำงานเนี่ยมันดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึงนะ ผมอดใจไม่ได้ก็เลยเลื่อนเก้าอี้ไปจนติดเธอแล้วจูบเบาๆ ที่แก้ม น้ำหน้าแดง หันมายิ้มให้ ไม่ว่าอะไร เพราะผมหอมแก้มเธอจนชินแล้ว คราวนี้ผมบ้ากว่าเดิม เลื่อนโต๊ะทำงานที่เธอกำลังเขียนรายงานออก แล้วขยับเก้าอี้ผมมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ น้ำทำหน้างง ถามว่าผมจะทำอะไร ผมไม่ตอบ ขยับตัวจนชิดร่างของเธอ เอื้อมมือไปถอดแว่นของเธอวางบนโต๊ะแล้วประกบปากกับเธอ ตอนนี้เธอจูบเป็นแล้ว ไม่ต้องรอให้ผมใช้ปลายลิ้นแซะเข้าไป เธอเผยอริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมก่อนเสียอีก
เราแลกลิ้นกันอยู่นาน ผมค่อยๆ โอบกอดเธอทั้งๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ น้ำขืนนิดนึงแต่ก็โอนอ่อนตาม เป็นครั้งแรกที่ผมกอดเธอแบบเต็มแขนอย่างนี้ ผมลูบไล้หลังเธอเบาๆ จนทั่ว น้ำจับแขนของผมไว้ ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะนี่มันในห้องเรียน ถ้าเพื่อนหรืออาจารย์หรือนักการมาเห็น ผมกับน้ำซวยแน่ๆ แต่ความอยากมันมากกว่าความกลัว ผมลูบไล้หลังเธอจนทั่ว แล้วก็ค่อยๆ เลื่อนมือขวามาด้านหน้า แต่พออุ้งมือผมมาแตะที่ราวนม น้ำรีบตะครุบและพยายามดึงมือผมออก แต่บอกแล้วว่าขนาดเรื่องใหญ่ๆ ผมยังไม่กลัว แล้วแค่นี้จะไปกังวลอะไร ผมใช้มือซ้ายดึงตัวเธอเข้ามา ทำให้ทรวงอกค่อนข้างใหญ่ของเธอถูกดึงเข้ามาสัมผัสกับมือขวาของผมจนสนิท ผมได้ยินเสียงน้ำกระซิบเบาๆ ว่าอย่า แต่ห้ามไม่ทันแล้ว มือผมบีบเคล้นเต้าข้างซ้ายของเธอทันที น้ำสะดุ้งทั้งตัว พยายามจะเขยิบตัวออก แต่มือซ้ายผมรัดเธอไว้แน่นจนกลัวว่าเธอจะหายใจไม่ออกเหมือนกัน ปากผมยังประกบติดกับริมฝีปากของเธอแน่น เราดิ้นขลุกขลักๆ อย่างนั้นซักพัก น้ำก็ค่อยๆ สงบลง ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เธอมีใจให้กับผมด้วย ผมลองใช้ฝ่ามือเคล้นเต้าของเธอเบาๆ มันแน่นเต็มฝ่ามือ น้ำแอ่นตัวนิดนึง
ตอนนี้ผมไม่ต้องดึงตัวเธอเข้ามาอีกแล้ว ก็เลยดันตัวเธอติดพนักเก้าอี้ แล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างมาคลึงสองเต้านอกเสื้อเบาๆ ผมถอนริมฝีปากจากริมฝีปากของเธอแล้วจูบจนทั่วใบหน้า ก่อนจะมาไซ้บริเวณลำคอ น้ำหลับตานิ่ง มือของเธอตอนนี้มาโอบอยู่หลังผม กลิ่นแป้งเด็กบริเวณลำคอของเธอทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่รู้สิ ผมแพ้กลิ่นแป้งเด็กหรือไม่ก็กลิ่นเด็กอย่างแรงเลย มือที่เคล้นเบาๆ ตรงหน้าอกเลื่อนไปที่สาบเสื้อ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก แต่จะบอกว่ามันปลดออกยากมากเพราะมันเป็นกระดุมเงินเม็ดใหญ่ ในขณะที่รังดุมมันเล็กนิดเดียว ในหูผมได้ยินเสียงน้ำบอกแต่ว่าพอแล้ว พอแล้ว แต่ผมไม่สนใจฟังหรอก ทีแรกตั้งใจจะโชว์ฝีมือใช้มือเดียวปลดออก แต่ก็ต้องยอมแพ้ ขนาดใช้สองมือช่วยยังใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปลดกระดุมสองเม็ดบนออกได้ ใจอยากจะซุกหน้าลงไปบนสองเต้าให้หายอยาก แต่จะบ้าตายเพราะเธอใส่เสื้อทับด้วย เบื่อจริงๆ ใส่แค่ยกทรงอย่างเดียวไม่ได้หรือยังไงก็ไม่รู้ ไอ้จะถอดกระดุมออกทุกเม็ดแล้วถอดเสื้อทับเธอออก มันดูจะเป็นเรื่องใหญ่เกินไปหน่อย เพราะเดี๋ยวถ้าเกิดปุ๊บปั๊บมีใครทะเร่อทะร่าเข้ามา มันจะเก็บไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจซุกหน้าลงไปกับหน้าอกเธอทั้งๆ ที่ยังมีเสื้อทับอย่างนั้นแหล่ะ
แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอสะท้านได้เหมือนกัน ใบหน้าผมแนบสนิทกับเนินหน้าอกขาวผ่องที่อยู่เหนือเสื้อทับ สองมือล้วงเข้าไปเคล้นสองเต้านอกเสื้อทับหนักหน่วงขึ้น น้ำหายใจแรง นั่งนิ่งเงียบ ผมเอื้อมมือลงไปด้านล่างดึงชายเสื้อเธอออกจากกระโปรง พยายามล้วงมือลอดชายเสื้อเธอขึ้นไป เพราะอยากจะสอดมือเข้าไปภายในเสื้อทับเพื่อเข้าไปจับสองเต้าเนื้อๆ แต่มันทำได้ยากเพราะเสื้อเธอเป็นแบบพอดีตัว ไม่เหลือที่ให้มือผมล้วงเข้าไปได้ เลยเปลี่ยนมาลูบไล้ต้นขาเธอ รู้สึกได้เลยว่าเธอขนลุกไปหมดทั้งตัว ต้นขาของเธอขาวผ่องตัดกับกระโปรงสีดำ ผมอยากจะล้วงมือเข้าไปในกระโปรง แต่ก็ทำไม่ได้อีก เพราะเธอนุ่งกระโปรงสั้นก็จริงแต่เป็นกระโปรงทรงเอ เพื่อนๆ คงรู้จัก และคงรู้ว่ามันไม่มีโอกาสล้วงมือเข้าไปได้เลย เพราะมันพอดีช่วงขา ผมว่าจะรั้งกระโปรงขึ้นไป เธอก็นั่งทับอยู่ ก็เลยได้แต่ลูบไล้ไปมาอยู่นอกกระโปรงอย่างนั้น แต่สัมผัสภายนอกก็เพียงพอที่จะรู้ว่าเนินเนื้อตรงนั้นของเธอเป็นโหนกนูนขึ้นมาจนรู้สึกได้ ผมวนเวียนซุกไซ้อยู่บริเวณเนินหน้าอกเธอ จนรู้สึกว่าคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว ก็เลยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น น้ำนอนหลับตานิ่ง หน้าแดงกล่ำ บอกตรงๆ ว่าไอ้ตรงนั้นของผมมันแข็งไปหมดแล้ว แต่คิดว่าคงทำอะไรไม่ได้อีก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน เพราะถ้าครั้งนี้เธอไม่ได้ต่อว่าอะไรผม ก็แสดงว่าผมยังมีโอกาสทำอย่างนี้อีกแน่ๆ
น้ำนั่งหลับตาซักพักก็ลืมตาขึ้นมา รีบติดกระดุมและใส่เสื้อไว้ในกระโปรงเหมือนเดิม เธอต่อว่าผมเบาๆ ว่าผมรังแกเธอ ผมบอกว่าไม่ได้รังแก คนเป็นแฟนกันเค้าก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น น้ำนั่งม้วนอยู่ที่เก้าอี้ เพราะไม่คิดว่าผมจะบอกว่าเธอเป็นแฟนผม ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นแฟนผมหรอก แต่ไม่รู้จะให้เหตุผลอะไรที่ดีกว่านั้น เชื่อมั๊ยครับ หลังจากนั้นอีกไม่ถึง 5 นาที นักการของคณะก็เดินตรวจสถานที่แล้วมาห้องที่ผมกับน้ำนั่งทำงานอยู่ เขาเข้ามาทักตามปกติแล้วฝากให้ช่วยปิดไฟให้ด้วย ผมเสียววาบเลย ถ้าเมื่อกี้ผมตัดสินใจปลดกระดุมแล้วถอดเสื้อทับเธอออก เหตุการณ์มันคงเลยเถิดไปมากกว่านั้น แล้วถ้านักการเข้ามาเห็น โทษหนักถึงไล่ออกเลยล่ะ เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมต้องระวังมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือน้ำแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมอย่างออกหน้าออกตา แต่ผมไม่ว่าอะไรแล้ว และชักอยากจะให้เธออยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน ยังรู้สึกเหมือนว่าสองเต้าของเธอยังอยู่ในมือผมอยู่เลย ไหนยังจะกลิ่นหอมจากตัวของเธออีก ผมเคยถามเธอตรงๆ เหมือนกันว่าเธอไม่โกรธในสิ่งที่ผมทำเหรอ เธอตอบง่ายๆ ว่าเธอก็อยากรู้มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้วว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเธอเคยแต่ได้ยินได้ฟังอย่างเดียว ผมยังคิดในใจเลยว่าถ้ากูมีลูก กูไม่ส่งไปเรียนโรงเรียนอย่างนี้หรอก เพราะเดี๋ยวมันคิดแบบน้ำแล้วจะยุ่ง
แต่ตั้งแต่วันนั้นมา เวลาเราอยู่กันเองสองคนไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ผมจะถือโอกาสกอดเธอจากด้านหลัง จูบไซ้หลังหูและลำคอ มือที่กอดอยู่ข้างหน้าจะลูบไล้เค้นคลึงสองเต้าภายนอกเสื้ออย่างมีความสุข แรกๆ น้ำก็ปัดป้อง แต่พอบ่อยๆ เข้าเธอก็ปล่อยให้ผมทำอย่างที่อยากทำ กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ผมอยากอยู่กับน้ำแค่สองต่อสองซะแล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ว่าพอได้ขั้นนึง มันก็จะทำให้ก้าวไปหาอีกขั้นนึงตามธรรมชาติ จากความสัมพันธ์ในระดับที่ว่าการกอดจูบเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้ผมเริ่มคิดไปไกลกว่าความสัมพันธ์ระดับนี้ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทั้งกอดทั้งฟัดอย่างนั้น มันยิ่งทำให้ไอ้ข้างล่างมันอึดอัดเพราะไม่ได้ออกโรงซะที ไหนยังจะเรื่องที่ผมไม่เคยได้เห็นรูปร่างภายในของเธอเลย ได้แต่กอดรัดเค้นคลึงเธอแต่ภายนอก แต่ผมไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะพ่อเธอมารับมาส่งตลอด แล้วในคณะก็อย่าหวังเลยว่าจะทำอะไรได้ แต่โชคมักจะเข้าข้างคนที่มีความมุ่งมั่นเสมอ มีอยู่วันหนึ่ง ตอนเช้าผมโทรมาคณะเพื่อขอลาป่วย ที่คณะถ้าลาป่วยต้องโทรมาบอกนะ โดยเฉพาะถ้ามีเรียนวิชาที่เราลงทะเบียนเรียนคนเดียว เพราะต้องแจ้งอาจารย์พิเศษด้วย เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเก้อ
พอวางหูได้ซักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามา ปรากฏว่าน้ำโทรมา เสียงเธอเป็นห่วงจริงๆ ผมก็บอกว่าผมไม่เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวเลยไม่อยากไปเรียน น้ำบอกว่าจะมาเยี่ยมผมที่บ้าน ตอนแรกนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไร ไม่อยากให้เธอมาเพราะบ้านผมมีอยู่หลายครอบครัวในรั้วเดียวกัน ไม่อยากให้บ้านอื่นเอาไปนินทาว่ามีผู้หญิงเดินเข้าเดินออกในบ้าน เดี๋ยวถึงหูพ่อผมจะถูกด่าเปล่าๆ แต่เธอยืนยันว่าเธอจะรีบนั่งแท็กซี่มา ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยตามใจเธอ สมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ผมกะเวลาแล้วออกมารอรับน้ำหน้าบ้าน ซักพักเธอก็ลงจากแท็กซี่เดินมาหาผม พอเห็นน้ำเดินเข้ามา ผมกลืนน้ำลายเลย เพราะดูดีๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกว่าเธอดูดีจังเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์อย่างอื่นมันพาไปหรือเปล่า ก็พาน้ำเดินเข้าบ้านของผมซึ่งอยู่หลังในของรั้ว เข้าบ้านมาก็รินน้ำให้เธอดื่ม น้ำบอกว่าจริงๆ แล้ววันนี้เธอมีเรียน แต่เธอเป็นห่วงผมมากกว่าก็เลยขออาจารย์กลับก่อน นี่ที่บ้านเธอไม่รู้นะว่าน้ำออกมาข้างนอกไม่ได้อยู่ในคณะ ขืนรู้เธอก็แย่เหมือนกัน น้ำถามว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า ตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาผมก็หายไข้แล้วล่ะ ในหัวมีแต่ความคิดแย่ๆ เต็มไปหมด แต่ก็บอกเธอว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตั้งใจว่าตอนบ่ายจะกลับไปเรียน แต่ถ้าน้ำมาอย่างนี้ผมไม่กลับไปเรียนดีกว่า น้ำก็งงว่าเพราะอะไร ผมบอกว่านั่งคุยอย่างนี้ดีกว่า อยู่ที่คณะไม่ค่อยได้คุยกันเองเลย
ผมว่าน้ำคงจะรู้แกวว่าผมคิดอะไรอยู่ เธอนั่งหน้าแดง ค้อน ไม่พูดอะไรอีก ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร นั่งเงียบกันซักพักผมก็ตัดสินใจย้ายมานั่งโซฟาตัวเดียวกับเธอ น้ำนั่งเงียบ ผมลังเลนิดนึงก่อนจะจับตัวเธอหันหน้ามา แล้วจูบเธอเบาๆ ที่หน้าผาก เลื่อนวนเวียนทั่วใบหน้าก่อนจะประกบปากกับเธอ น้ำสะดุ้งนิดนึง พอปลายลิ้นของเราแตะถูกกัน ผมเสียววาบไปทั้งตัว ฉกปลายลิ้นเข้าไปในปากควานหาความหอมหวานจนทั่ว น้ำกอดผมแน่น มือผมลูบไล้หลังเธอเบาๆ จนทั่ว แล้วค่อยๆ ขยับมือมาทางด้านหน้าจนสัมผัสทรวงอกแน่นกระชับทั้งสองข้าง ผมลูบไล้สองเต้าภายนอกเสื้อและบีบเคล้นแต่เพียงแผ่วเบา ถอนริมฝีปากออกจากปากของเธอแล้วเลื่อนลงมาซุกไซ้ปลายคาง ก่อนจะลงมาวนเวียนบริเวณลำคอ เสียงน้ำถอนหายใจเบาๆ กลิ่นแป้งที่ผมชอบเตะจมูก ผมอยากจะบ้าตาย มือที่เค้นคลึงอยู่บนทรวงอกค่อยๆ เริ่มความหนักหน่วงขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ดึงชายเสื้อเธอออกจากกระโปรง และปลดกระดุมเสื้อเธอออกทีละเม็ด ซึ่งมันก็ยังยากเย็นเหมือนเดิม แต่ผมไม่รีบร้อนอะไร มีเวลาเหลือเฟือ จนกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม ผมค่อยๆ คลี่เสื้อของเธอออกก็ต้องถอนหายใจบ้าง เพราะยังเหลือเสื้อทับสีครีมอยู่อีกชั้น
ผมก้มลงไปบนเนินหน้าอกขาวผ่อง ใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสไปทั่ว น้ำโอบศีรษะผม เงยหน้าหลับตาพริ้ม ผมซุกไซ้เนินหน้าอกจนพอใจแล้วจึงค่อยๆ ดึงเสื้อทับของเธอออกจากศีรษะ เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถอดเสื้อทับเธอออกแล้ว จึงเหลือเพียงชั้นในสีครีมอยู่เพียงชิ้นเดียว ถึงตอนนี้ผมต้องตัดสินใจแล้วว่าจะถอดเสื้อผ้าเธอให้หมดที่โซฟา หรือพาเธอไปที่ห้องนอนดี เพราะเชื่อว่าถ้าถอดเสื้อผ้าออกจนหมดคงได้เอาแน่ๆ เสี่ยงเกินไปที่จะเอาที่โซฟา เพราะในรั้วก็ยังมีคนอื่นอยู่อีก เดี๋ยวมีใครพรวดพราดเข้ามาก็ซวยเท่านั้น คิดแล้วก็เลยกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูน้ำว่าไปที่ห้องผมนะ กลัวเหมือนกันว่าเธอจะปฏิเสธ แต่เห็นเธอหน้าแดง ไม่พูดอะไร ผมถือว่าเธอตกลง ตอนแรกตั้งใจจะอุ้มเข้าไป แต่คำนวณดูแล้วคงจะไม่ไหว จึงเปลี่ยนเป็นดึงมือเธอเข้าไปในห้อง พอปิดประตูห้อง ผมเปิดแอร์ก่อนจะหันมากอดเธอไว้แน่น เธอซบหน้าอยู่ที่อกผม อยากจะกอดเธอไว้อย่างนี้นานๆ แต่ไอ้นั่นของผมมันบอกว่าต่อได้แล้ว ผมค่อยๆ จูบไซ้เธออีกครั้งจนทั่ว เอื้อมมือไปปลดตะขอกระโปรงและรูดลงไปกองที่พื้น ทั้งร่างของเธอมีเพียงซับในสีครีมปกปิดข้างบนและข้างล่าง น้ำยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก คงไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ผมค่อยๆ ดึงตัวเธอลงไปนอนบนที่นอน และตามเข้าไปใช้ปากและมือเฟ้นความหอมหวานทั่วร่างของเธอ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปปลดซับในทั้งสองชิ้นออก ร่างที่เปลือยต่อหน้าผมงามกว่าที่คิดจริงๆ
ที่ผ่านมาสมัยเรียนมัธยม ถ้าไม่นับเรื่องการไปเที่ยวซ่องนะ ผมเคยผ่านแต่เด็กพาณิชย์ที่เพื่อนผมแนะนำให้ ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยชอบหรอก เพราะพวกนั้นมันดูมืออาชีพเกินไป และก็ผ่านมาหลายมือแล้วด้วยกว่าจะมาถึงผม ต่างจากร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้ สองเต้าที่อยากเห็นมานานชูชันอยู่ต่อหน้า หัวนมเธอค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดเต้า แต่มันแข็งขึ้นมาจนเห็นเป็นเม็ดอย่างงดงาม ส่วนข้างล่างของเธอเป็นอย่างที่นึกไว้ เนินเนื้อด้านล่างมีขนสีดำละเอียดปกคลุมบางๆ เห็นสีผิวขาวผ่องอยู่รำไร น้ำหลับตา นอนหน้าแดง เอามือมาบังสองเต้าและเนินเนื้อข้างล่าง สองขาหนีบไว้จนแน่น ผมรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกและลงไปนอนข้างๆ เธอ ค่อยๆ ดึงมือเธอออกจากร่าง ร่างของเธอนุ่มนิ่มไปหมดตามประสาคนกินดีอยู่ดี แต่สองเต้าที่ผมซบหน้าลงไปหากลับแน่นตึงเหมือนติดสปริง ผมเม้มปากกับเม็ดปลายยอดเต้าสลับไปมา น้ำได้แต่ครางในลำคอ นอนบิดไปบิดมา มือของผมที่เค้นคลึงสองเต้าค่อยๆ ลูบไล้ลงไปด้านล่าง ร่างของน้ำเกร็งเป็นระยะๆ จนเมื่อมือผมสัมผัสเส้นไหมนุ่มมือ น้ำแอ่นก้นกระตุกรับมือผมที่คลึงไปมาอยู่บนเนินเนื้อนั้น ผมค่อยๆ ไล้ริมฝีปากลงไปช้าๆ จนถึงเนินเนื้อที่มีไหมดำคลุมอยู่ แล้วก็แทบคลั่ง เพราะน้ำดันใช้แป้งอย่างที่เธอทาตัว มาทาบริเวณเนินเนื้อนั้น ก็บอกแล้วว่าผมแพ้กลิ่นแป้งเด็ก คราวนี้เลยไม่ต้องไปไหน
ใบหน้าผมซบวนเวียนอยู่แถวๆ เนินเนื้อจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปอีกจนถึงรอยแยกกลางลำตัว น้ำเด้งเอวขึ้นมาทั้งตัว เมื่อผมใช้ปลายลิ้นตวัดเขี่ยขึ้นลงตามรอยแยกนั้น ผมนึกว่าเธอจะห้าม แต่กลายเป็นว่าเธอกดศีรษะผมลงไปกลางรอยแยกจนผมแทบหายใจไม่ออก ปลายลิ้นผมแทรกเข้าไปในรอยแยก เธอยิ่งดิ้นแรงขึ้นไปอีก หยาดน้ำภายในของเธอเอ่อซึมออกมา ผมแตะปลายลิ้นเข้ากับติ่งเนื้อด้านบนของร่อง คราวนี้เธอดิ้นพล่าน ผมบรรจงสะบัดปลายลิ้นเข้าที่เดิมอย่างรวดเร็ว น้ำร้องครวญคราง แต่ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ก้มหน้าก้มตาใช้ปลายลิ้นเลียในร่องจนเมื่อยลิ้นไปหมด หยาดน้ำของเธอเอ่อล้นออกมาจนแฉะ ซักพักร่างของเธอแอ่นเกร็งขึ้นมา ก่อนจะทิ้งตัวกลับลงไปนอนตามเดิม เธอคงถึงจุดสุดยอดไปแล้ว ผมเห็นว่าน่าจะถึงเวลาได้แล้ว ก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่กลางหว่างขาของเธอ น้ำยังคงหอบหายใจ สะอื้นกับรสสัมผัสที่ปลายลิ้นผมมอบให้ ผมค่อยๆ จับต้นขาของเธอแยกออกจากกัน ถึงตอนนี้น้ำลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร พูดเบาๆ เพียงแค่ว่าอย่าให้เธอเจ็บนะ ผมเชื่อแล้วว่าเธอคงได้ยินได้ฟังมามาก แต่ไม่เคยได้สัมผัสของจริงมาก่อน
พอเห็นว่าจัดที่ทางเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยๆ จับท่อนเนื้อจ่อร่องรักของเธอและดันเบาๆ น้ำสะดุ้ง ผมพูดเบาๆ ว่าอย่าเกร็ง ก่อนจะค่อยๆ ดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องช้าๆ นึกว่าเธอจะแหกปากร้อง แต่เธอกลับหลับตา เม้มปากแน่น ผมยังคงดันท่อนเนื้อเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ขนาดร่างของเธอหลั่งหยาดน้ำออกมาขนาดนั้นมันยังทั้งแน่นทั้งฝืด ผมดันเข้าไปได้ประมาณครึ่งนึงน้ำคงทนไม่ได้ ร้องบอกให้ผมหยุดก่อน ผมเงยหน้ามอง เห็นน้ำตาเธอไหลพราก แต่เธอไม่ร้องให้ได้ยินซักแอะเลย ผมเลยหยุดนิ่งไว้และก้มลงไปใช้ริมฝีปากเม้มหัวนม ปลายลิ้นเกลี่ยเบาๆ เพื่อให้เธอเปลี่ยนอารมณ์ ซักพักเธอแอ่นอกให้ผมดูดดื่ม ครางในลำคอเบาๆ คงคลายจากอาการเจ็บแล้ว ผมจึงค่อยๆ ดันท่อนเนื้อต่อ เธอเกร็งท่อนล่างเป็นระยะๆ ผมกัดฟันดันท่อนเนื้อเข้าไปจนสุด ท้องน้อยของผมกับของเธอแนบสนิทกัน น้ำยังคงนอนน้ำตาท่วมอยู่อย่างนั้น ผมให้เธอพักอยู่ในท่านั้นซักพัก ก่อนจะเริ่มซอยท่อนเนื้อเข้าออกในร่องรักของเธอช้าๆ สังเกตดูสีหน้าเธอยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ คงยังเจ็บอยู่ แต่ผมไม่ไหวแล้ว มันอัดอั้นมาตั้งแต่ครั้งที่ได้จูบเธอครั้งแรก
พอรู้สึกว่าท่อนเนื้อของผมขยับตัวในร่องของเธอได้คล่องขึ้น ผมก็จัดแจงเร่งความเร็วทันที ร่องรักของน้ำตึงกระชับ ผมเสียวไปหมดทั้งตัว ตั้งใจจะยืดเวลาให้นานๆ แต่ท่อนเนื้อมันไม่ยอมเชื่อ กลับเร่งกระแทกเข้าใส่ร่างเธอถี่ยิบ สุดจะกลั้น ผมอัดร่างเข้ากับร่างของเธออีกครั้งก่อนจะประกบร่างติดแน่นกับตัวเธอ ฉีดน้ำรักเข้าใส่ร่องรักเธอ ทั้งเธอและผมกระตุกตามจังหวะที่น้ำรักฉีดเข้าไป น้ำกอดผมแน่น จนเมื่อรู้สึกว่าปลดปล่อยออกไปหมดแล้ว ผมค้างอยู่ในท่านั้นซักพัก ก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออกจากร่างของเธอ และพลิกตัวล้มลงนอนข้างๆ น้ำ เมื่อทุกอย่างเสร็จลงเรียบร้อย น้ำนอนอยู่บนเตียงโดยที่ผมนอนกอดเธออยู่ ที่นอนตรงแถวๆ ก้นของเราเปียกแฉะไปหมด แต่เราก็นอนทับมันทั้งอย่างนั้น ผมคิดว่าเธอคงจะตีโพยตีพาย แต่เธอกลับนอนนิ่ง ผมค่อนข้างหงุดหงิดตัวเอง เพราะเชื่อว่าน้ำคงไม่ถึงจุดสุดยอดแน่ๆ ต่างคนต่างนิ่ง ซักพักน้ำหันมาถามผมว่านี่คือที่เรียกว่ามีอะไรกันใช่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่าใช่ ผมถามเธอว่าน้ำเคยมีอะไรกับใครหรือเปล่า เธอบอกว่าแค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย เพราะที่บ้านเธอไม่เคยปล่อยให้เธอออกไปไหนมาไหนคนเดียว ผมถามว่าทำไมถึงยอมมีอะไรกับผม เธอตอบง่ายๆ ว่าเธออยากตามใจผม เพราะรู้ว่าผมคงอยากได้อย่างนี้
ผมพูดอะไรไม่ออก เพื่อนๆ เคยเป็นอย่างผมหรือเปล่า ว่าความรู้สึกผิดมักจะมาช้ากว่าเหตุการณ์เสมอ ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ พอมีอะไรกับเธอแล้ว ผมก็รู้สึกผิด แล้วยิ่งรู้สึกแย่กว่านั้นอีกเพราะลืมใส่ถุงยาง และสมัยนั้นผมก็ยังไม่รู้จักโพสตินอร์ จะไปรู้จักได้ยังไงเพราะที่ผ่านมาผมใช้ถุงยางมาตลอด ชิบหายแล้ว จะท้องหรือเปล่าวะ ตั้งใจว่าจะถามเธอเหมือนกันว่าเมนส์มาช่วงไหน แต่ไม่กล้าถาม เพราะถ้ามันอยู่ในช่วงไข่สุก คราวนี้แทนที่ผมจะทุกข์คนเดียว กลายเป็นว่าเธอต้องร่วมทุกข์กับผมด้วย ผมนอนนิ่งคิดเรื่องพวกนี้ น้ำไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ คงคิดว่าผมกังวลเรื่องที่มีอะไรกับเธอ เธอหันมาบอกว่าอะไรๆ ก็ทำไปแล้ว ขอเพียงแค่อย่าทิ้งเธอก็แล้วกัน เธอไม่มีใครผมก็รู้ ผมนอนอึ้งกับคำพูดของเธอ เพราะสารภาพว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้รักเธอ เพียงแค่รู้สึกดีกับเธอเท่านั้น เรื่องจะให้เป็นแฟนกับเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวเนี่ย มันยังไม่ได้อยู่ในความคิดผม แต่ตอนนี้เรื่องที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องเป็นแฟนหรือไม่เป็นแฟน แต่เป็นเรื่องท้องหรือไม่ท้องต่างหาก ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอ ได้แต่หันไปยิ้มให้และให้เธอนอนซบอยู่บนอกผม หมดอารมณ์จะเบิ้ลแล้วเพราะมีเรื่องกังวลอยู่ในใจอย่างนี้ ผมไม่มีอารมณ์หรอก ผมให้น้ำนอนอยู่อย่างนั้นเพราะคิดว่าเธอคงจะยังเจ็บอยู่ ยังไม่อยากให้เธอกลับคณะในสภาพนั้น
จนบ่ายโมง เธอตื่นนอนขึ้นมา เรายังนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง เพียงแต่ผมเอาผ้าห่มมาห่มร่างของเราเพราะแอร์ในห้องค่อนข้างเย็น เธอหน้าตาดีขึ้น ตาหายบวมจากการร้องไห้ไปบ้างแล้ว ผมบอกเธอว่าไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วล่ะ อยู่บ้านผมนี่แหล่ะ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ ค่อยกลับคณะ เธอพยักหน้ารับ เพราะพ่อเธอจะมารับที่คณะตอนเย็น วันนั้นเราไม่ได้มีอะไรกันอีกเพราะผมไม่มีอารมณ์จริงๆ ก็นั่งคุยนั่งเล่นอยู่ในบ้าน น้ำก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานั่งคุยอยู่ในบ้านจนเย็นจึงกลับคณะ โดยผมแต่งตัวและกลับคณะกับเธอด้วย ที่จริงเหตุการณ์ต่อเนื่องยังมีอีกเยอะมากๆ สรุปว่าเธอไม่ท้องเพราะสามสี่วันผมก็คอยถามเธอว่าเมนส์มาหรือยัง จนเธอบอกว่ามาแล้ว ผมถึงโล่งใจ ในระหว่างนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยเพราะต้องลุ้นว่าท้องหรือไม่ท้อง น้ำกลับมาคณะก็ไม่ได้แสดงอาการว่ามีอะไรกับผมแล้ว เพียงแต่แสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าเดิม หลังจากที่มั่นใจว่าเธอไม่ท้องแน่ๆ แล้ว จากนั้นไม่กี่วันผมก็มีอะไรกับเธออีก โดยชวนเธอกลับมาบ้านผม ไม่กล้าเข้าโรงแรมหรอกนะครับ เพราะเป็นชุดนักศึกษา แล้วผมก็ไม่มีรถด้วย มันเสี่ยง