close buttonclose buttonclose button
รักร้อนซ่อนแค้นแผนสวาทฟาดเรียบ

รักร้อนซ่อนแค้นแผนสวาทฟาดเรียบ

เรื่องเสียว · 105652

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
บทนำ

ขนิษฐา อาจารย์สาวไฟแรงที่เพิ่งได้เป็นอาจารย์ประจำหลังจากผ่านการฝึกงานมาหมาดๆ ครูสาวหน้าตาน่ารัก สวยแบบสาวหมวยไว้ผมสั้น ด้วยรูปร่างหน้าตาน่าดูประกอบกับวัยทีใกล้เคียงนักเรียนมัธยมปลายที่เธอสอนอยู่ทำให้เป็นขวัญใจของเด็กๆ

ตอนนี้อาจารย์ขนิษฐากำลังตรวจเรียงความที่เธอให้เด็กนักเรียนเขียนในหัวข้อ "ความใฝ่ฝันของข้าพเจ้า" หญิงสาวอมยิ้มขณะอ่านเรียงความของเด็กแต่ละคนซึ่งมีความฝันอันหลายหลาย

"เด็กสมัยนี้จินตนาการเยอะจริงๆ" หญิงสาวคิดขณะให้คะแนนและเขียนคอมเมนท์สั้นๆให้กับเจ้าของเรื่องราวที่เธออ่านล่าสุดว่า "มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ"

เธอวางสมุดเล่มนั้นแล้วหยิบเล่มแล้วเล่มเล่ามาอ่านอย่างเพลิดเพลิน เธอเขียนเมนท์ให้กำลังใจเด็กทุกคนที่เธออ่านแม้ว่าบางคนจะเขียนไม่ค่อยเก่ง แล้วเธอก็หัวเราะงอหายเมื่ออ่านอีกเล่มนึง

"ถึงจะเกินจริงไปมาก แต่ก็มีจินตนาการดีเยี่ยม" เธอเขียนคอมเมนท์ให้กำลังใจบทความที่ทำให้เธอขำกลิ้งนั้น

เธอวางสมุดไว้ในกองที่อ่านแล้ว ก่อนจะหยิบสมุดอีกเล่มในกองที่เหลือมาอ่าน

"ใกล้จะหมดแล้วซินะ" หญิงสาวคิด "กำลังอ่านเพลินๆเลย"

"อ้าว นิด ยังไม่กลับอีกหรือจ๊ะ"

เสียงทักที่ดังเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้ขนิษฐาถึงกับสะดุ้ง

"พี่แคทนั่นเอง มาเงียบๆ หนูสะดุ้งเลยนะนี่" ขนิษฐาเอ่ย เมื่อเห็นผู้มาคือ อาจารย์จุฑารัตน์ อาจารย์หน้าหวานรุ่นพี่ของเธอนั้นเอง

"ขอโทษนะจ๊ะที่ทำให้ตกใจ นี่หกโมงแล้วนะ ยังไม่กลับหรอ" จุฑารัตน์เอ่ย
"หกโมงแล้วหรือ" ขนิษฐาอุทาน ยกนาฬิกามาดู "จริงด้วย เร็วจริงๆ"
"ตรวจการบ้านเด็กอยู่หรอ"
"ค่ะ แล้วพี่แคทล่ะ ทำไมวันนี้อยู่เย็น ยังไม่กลับเหมือนกัน"

จุฑารัตน์ถอนหายใจ ใบหน้าสวยของเธอหมองเศร้าจนขนิษฐาสังเกตได้

"พี่จะกลับแล้วล่ะ มาเก็บของก่อน" จุฑารัตน์ เก็บหนังสือลงลิ้นชักก่อนจะหยิบกระเป๋ามาเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน ใบหน้าของเธอยังแสดงความหมองเศร้าออกมาให้เห็น
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะพี่แคท วันนี้ดูไม่สดชื่นเลย" ขนิษฐาถาม

จุฑารัตน์ฝืนยิ้มให้รุ่นน้องหน้าหมวย

"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ" หญิงสาวพูด "แล้วนิดยังไม่กลับหรือ"

ขนิษฐาเห็นจุฑารัตน์เปลี่ยนเรื่องพูดก็รู้ว่า จุฑารัตน์ไม่ต้องการบอกความในใจให้เธอรู้ หญิงสาวไม่เซ้าซี้อยากรู้เรื่องที่คนอื่นไม่อยากบอก จึงส่งยิ้มให้
"เดี๋ยวกลับค่ะ เหลืออีกสองเล่มก็หมดแล้ว จะตรวจให้เสร็จเลย"

จุฑารัตน์พยักหน้า
"งั้น พี่กลับก่อนนะ" ครูสาวตอบสั้นๆ ผิดจากนิสัยปกติซึ่งเธอจะต้องถามว่าขนิษฐาว่าตรวจอะไรอยู่ถึงเพลิน ขนาดลืมเวลากลับบ้าน
"ค่ะ สวัสดีค่ะ" ขนิษฐายิ้มให้รุ่นพี่

ครูสาวหน้าหมวยสวยราวตุ๊กตามองตามหลังดูรุ่นพี่เดินออกไปจากห้อง คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นครุ่นคิด

"เป็นอะไรของเขานะ กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว น่าจะสดใสร่าเริงไม่น่าดูห่อเหี่ยวหมดอาลับตายอยากแบบนี้" ขนิษฐาพึมพำกับตัวเอง ครูสาวรู้จักคู่หมั้นของจุฑารัตน เขาเป็นชายหนุ่มที่ทั้งหล่อทั้งรวย เพอร์เฟ็คในทุกๆด้าน จุฑารัตน์กำลังจะแต่งงานกับเขาไม่น่ามีอาการแบบนี้ รุ่นพี่เธอจะต้องเจอเรื่องร้ายๆหนักๆแน่ แต่มันเป็นเรื่องอะไรทำให้รุ่นพี่ที่แสนดี มีน้ำใจให้คนรอบข้างทุกๆคนแบบจุฑารัตน์ต้องออกอาการแบบที่เธอไม่เคยเห็น

"ช่างมันเหอะ เค้าไม่บอกจะช่วยอะไรได้"  หญิงสาวยักไหล่แล้วหยิบสมุดเล่มที่เหลือมาอ่านต่อ

“สิโรจน์” ชื่อเจ้าของสมุดเล่มนั้น

"นายต่อ" ขนิษฐายิ้ม "เจ้าตัวแสบผู้ไมเคยทำอะไรให้เราสบายใจ" หญิงสาวพึมพำ "ไหนดูซิ ความใฝ่ฝันของนายคืออะไร"

หญิงสาวเปิดสมุดด้วยหัวใจเต้นระทึก นายนี่ไม่เคยทำอะไรปกติ ความฝันของเขาคงจะเพี้ยนหลุดโลกแน่ แต่จะเพี้ยนแบบฮากลิ้ง หรือกวนโทสะแบบครั้งก่อนๆ มันต้องลองดูกันหน่อย....


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
รักร้อนซ่อนแค้น 1 วิบากกรรมของจุฑารัตน์

จุฑารัตน์เดินออกมาหน้าโรงเรียนก็มีรถเบ็นซ์คันใหญ่มาจอดรอรับอยู่แล้ว

"บอกแล้วไง ว่าวันนี้แคทกลับเองได้" จุฑารัตน์เอ่ยกับธีรศักดิ์แฟนของเธอ
"ผมอยากเจอคุณนี่" ธีรศักดิ์อ้อน
"แต่แคทเกรงใจที่ให้คุณต้องคอย"
"ไม่ได้คอยสักหน่อย ผมมาถึงก็เจอคุณเลย" ธีรศักดิ์เอ่ยขณะขับรถไปตามถนน "หิวรึยัง" ชายหนุ่มหันมาถาม
"มองทางซิคะคุณ หันมาทำไม"

ธีรศักดิ์หัวเราะ

"ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะ ตั้งแต่ขับรถเป็นยังไม่เคยชนกับใคร"
"จะชนก็วันนี้แหละ" จุฑารัตน์บ่น
"ไม่มีทาง" ธีรศักดิ์ยิ้ม "คุณยังไม่ตอบผมเลย หิวรึเปล่า"
"ยังไม่หิวเลยค่ะ"
"อะไรกัน จะทุ่มนึงแล้วนะ"
"ก็ไม่หิวนี่นา"
"อยากกินอะไรล่ะ"
"อะไรก็ได้ค่ะ ที่คุณอยากกิน"

จุฑารัตน์ตอบสายตาเหม่อมองไปตามถนน แม้จะรู้สึกดีขึ้นที่ได้คุยเล่นกับคนรัก แต่ความในใจอันหนักอึ้งยังทำให้เธอเป็นกังวลตลอดเวลา แม้แต่ธีรศักดิ์ก็ยังสังเกตุได้ถึงความผิดปกติของแฟนสาว

"ไม่สบายหรือเปล่าแคท ดูคุณซึมๆนะ"
"ซึมยังไงคะ"
"ไม่รู้ซิ คุณไม่ยิ้มไม่หัวเราะอย่างเคยมั๊ง คุณเครียดอะไรมารึเปล่า"

จุฑารัตน์รู้สึกตัว เธอไม่ควรปล่อยให้เขารู้สึกอย่างนั้น เธอให้เขารู้ปัญหาที่เธอเผชิญอยู่ไม่ได้ ครูสาวฝืนยิ้มให้เขา

"ค่ะ ยอมรับว่าวันนี้แคทยิ้มไม่ค่อยออก.."
"มีเรื่องอะไรหรือแคท"
"ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เครียดเรื่องเด็กนักเรียนเท่านั้น"
"เจอเด็กดื้อ ไม่ได้ดังใจเหรอ"
"ค่ะ ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ"

ธีรศักดิ์หัวเราะ

"โธ่ นึกว่าอะไร แค่เจอเด็กแสบ ไม่เห็นจะต้องเอามากังวล เลิกเรียนแล้วก็จบ จะเอามาคิดให้ปวดหัวทำไม"
"ถูกของคุณ แคทจะไม่คิดถึงมันอีก" จุฑารัตน์รีบปิดเรื่องนี้ไม่ให้เขาสืบสาวถึงปัญหาใหญ่ของเธอ

ธีรศักดิ์ไม่ฉุกคิดว่าแฟนเขากำลังเจอปัญหาใหญ่จริงๆ เขาเอ่ยต่อ

"คุณไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวพอเราแต่งงานกันแล้ว คุณจะไม่ต้องเครียดเรื่องพวกนี้อีกต่อไป"
"ทำไมคะ"
"ก็ผมจะให้คุณออกจากโรงเรียนไง มาเป็นแม่บ้านให้ผมอย่างเดียว ไม่ต้องเครียดกับเด็กพวกนี้อีกแล้ว"
"ได้ไง แคทก็เบื่อตายซิคะ"
"เบื่อที่ไหน สบายซิไม่ว่า คุณอยากเที่ยว อยากช็อปปิ้งก็ทำได้เต็มที่ ผมมีงบให้คุณใช้ไม่อั้น"
"ไม่ใช่ชีวิตที่แคทต้องการหรอกค่ะ"
"ไม่เอาเหรอ"
"ไม่เอา"
"ก็ตามใจคุณ คุณอยากทำอะไรผมตามใจคุณอยู่แล้ว ขอแค่คุณมาเป็นเมียผม ทุกอย่างแล้วแต่คุณเลย ผมสนับสนุนทุกอย่าง"
"จริงนะ"
"แน่นอน ตอนนี้ผมรออย่างเดียวเท่านั้น"
"รออะไรคะ"
"รอคืนที่เราเข้าหอกันน่ะซิ" เขาหันมามองส่วนที่เธอหวงแหน

จุฑารัตน์หน้าแดง

"แคทรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่"
"ผมก็รู้ว่าคุณรู้" เขาจ้อง "ผมอยากเห็น"
"เห็นอะไร"
"ไหนบอกว่าคุณรู้" ธีรศักดิ์พูดยิ้มๆ "อยากรู้ว่าคนที่สวย และเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้แบบจุฑารัตน์จะเป็นยังไง ยามที่เธอต้องอวดสัดส่วนแสนสวยของเธอใหัผู้ชายเห็น"
"คุณจะไม่ได้เห็นหรอก" จุฑารัตน์พูดหน้าแดง
"ทำไม"
"เพราะแคทจะปิดไฟ"
"ตามใจคุณ แต่เพื่อความโรแมนติก ผมจะจุดเทียน"
"มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก" จุฑารัตน์ร้องหน้าแดง
 
 ธีรศักดิ์หัวเราะลั่นรถ
 
 ################

 รักร้อนซ่อนแค้น 2 เรียงความเจ้าปัญหา
 
 ขนิษฐาพลิกหน้าสมุดของสิโรจน์ไปจนถึงหัวข้อที่เธอให้นักเรียนเขียนเป็นการบ้าน
 
 "ความใฝ่ฝันของข้าพเจ้า" หญิงสาวอ่านหัวข้อเบาๆ ก่อนสายตาจะกวาดไปยังใจความด้านล่างด้วยความสนใจ ครูสาวเตรียมใจไว้แล้วว่าเรื่องของเขาคงไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆแน่
 
 "ความใฝ่ฝันของผมหรือ?" หญิงสาวเริ่มอ่านเรียงความของเขาซึ่งเริ่มต้นด้วยคำถาม "จริงๆ แล้ว ผมไม่ต้องการเล่าความฝันของผมให้ใครฟัง ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราน่าจะมีสิทธิเลือกได้ว่าจะบอกหรือไม่บอกความฝันของเราให้ใครรู้ แต่เมื่ออาจารย์ให้เขียน ผมก็จะเขียน เพราะถ้าผมไม่เชียนผมก็คงไม่ได้คะแนน แต่ขอให้รู้ว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้อยากเขียน เมื่อถูกบังคับให้เขียนผมก็จะเขียนตามความจริง เพราะผมเป็นคนซื่อสัตย์"
 
 "เธอไม่เขียนประโยคนี้ยังน่าเชื่อถือกว่า" ขนิษฐาหัวเราะ ก่อนจะอ่านข้อความต่อไป "...เมื่อถูกบังคับให้เขียนผมก็จะเขียนตามความจริง เพราะผมเป็นคนซื่อสัตย์ แต่อ่านแล้วอย่ามาโกรธหรือลงโทษนะ ผมบอกแล้วว่าเขียนตามความเป็นจริง ตามคำสั่งที่ให้เขียน"
 
 "ไม่เหมือนชาวบ้านจริงๆ" ขนิษฐายิ้ม "มีเด็กที่ไหนเขียนเรียงความบอกอย่าให้คนอ่านโกรธ เกิดมาไม่เคยเจอเรียงความแบบนี้ การใช้ภาษาก็ยังไม่ค่อยดี ใช้ถ้อยคำซ้ำซากวนไปวนมา" อาจารย์สาวตำหนิวิธีการเขียนของเขาก่อนจะอ่านต่อไป
 
 "ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็มีความฝันมากมาย ผมอยากจะเลือกมาเขียนสักอัน แต่ผมรู้สึกว่าไม่มีความหมาย ผมฝันอยากเป็นนู่นอยากเป็นนี่ แต่มันอยู่ได้แค่สองสามวันแล้วผมก็ลืมมันไป ไม่มีความฝันไหนที่มันจะยั่งยืนเพราะผมเบื่อมันก่อนที่ผมจะทำไปตามที่ผมฝัน มันช่างไร้สาระ และไร้ความหมายอย่างที่ผมบอก"
 
 "ใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือยอีกแล้ว จะได้เรื่องมั้ยเนี่ย" ขนิษฐาบ่น
 
 "ในเมื่อมันเป็นความฝันที่ไร้ความหมายผมก็จะไม่เขียน และผมคงไม่มีอะไรจะเขียนให้อาจารย์ของผมได้อ่านถ้าไม่บังเอิญที่ผมได้มีความฝันล่าสุด ความฝันที่มีความหมายจริงๆ มันเริ่มต้นและดำรงอยู่ และมันไม่ได้หายไปในสองสามวันเหมือนความฝันครั้งก่อนๆ"
 
 "อ๊ะ ไม่เลว" ครูสาวนึกชมเรียงความของสิโรจน์เป็นครั้งแรก "รู้จักเกริ่นนำให้คนอ่านสนใจอยากรู้"
 
 "ความฝันที่จริงจังของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อ มีผู้หญิงคนนึงก้าวเข้ามาในชีวิตผม เธอน่ารัก เธอสวย เธอหมวย แล้วเธอก็ขาว เธอใส่แว่นโตๆ นั่นยิ่งทำให้เธอดูน่ารักมากขึ้น"
 
 "เอ๊ะ คุ้นๆนะผู้หญิงคนนี้" ขนิษฐาพึมพำ จากที่เคยตำหนิวิธีการเขียนของเขา ตอนนี้ครูสาวเริ่มสนใจข้อความของศิษย์หนุ่มอย่างจริงจัง
 
 "ผมเห็นเธอครั้งแรกผมก็หลงเสน่ห์ของเธอเข้าเต็มแรง จริงผมอยากจะบอกว่ารักเธอ แต่อาจารย์คงไม่เชื่อ เพราะผมเป็นเด็ก ความรักของเด็กมันไม่ใช่รักแท้ อาจารย์คงจะคิดแบบนี้ใช่มั้ย ...ก็เรื่องของอาจารย์ ...แต่อาจารย์รู้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
 
 "ฉันไม่เดาดีกว่า" ขนิษฐาตอบข้อความในเรียงความนั้น
 
 "ผมไม่บอกอาจารย์หรอก" สิโรจน์ตอบคำถามของเขาเอง "เธอเริ่มต้นด้วยการเข้ามาเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแห่งนี้ แม้จะเป็นครูแต่หน้าตาเธอเด็กมาก สวยราวกับตุ๊กตา อายุของเธอน่าจะห่างจากผมไม่มาก สี่ห้าปีได้มั้ย หรือหก..เจ็ด ผมว่าไม่ถึงหรอก โอย หัวใจผมเต้นระทึกยามเขียนถึงเธอ ผมจินตนาการถึงภาพเธอได้อย่างชัดเจน แม้ขณะที่ผมเขียนเรียงความอยู่นี่ เธอสวยเหลือเกิน แล้วเธอก็ขาวมากๆ เนียนมากๆ ทำไมเธอขาวขนาดนี้ เธอมีเชื้อจีนใช่มั้ย

โอ...แค่คิดถึงความสวยเธฮผมก็ใจสั่นแล้วละ"
 
 "อื้อฮือ นี่เราสวยขนาดนี้เชียวหรือนี่" ขนิษฐายิ้มแก้มแดง "เสน่ห์แรงขนาดทำให้เด็กเพ้อเชียวเหรอเนี่ย" แล้วครูสาวก็รู้ตัว "เอ๊ะ แต่เรื่องแบบนี้ มันสมควรเขียนรึเปล่า เอ แต่เขาก็ทำตามที่เราสั่งนี้นะ มิน่าล่ะนายนี่ถึงเขียนออกตัวไว้ก่อนว่าอ่านแล้วห้ามโกรธ เอาละ ฉันจะพยายามไม่ติดอะไรก็แล้วกัน จะว่าไปแล้ว นายนี่น่าจะเขียนเพื่อกวนโทสะเรามากกว่า ดีไม่ดีจะแกล้งเขียนชมให้เราเคลิ้ม ส่วนตัวเองก็หัวเราะชอบใจที่หลอกครูสาวมือใหม่ได้สำเร็จ ต้องใช่แน่ๆ ร้ายนักนะเด็กนี่ ดีว่าเราฉลาดเลยไม่หลงกลง่ายๆ" ขนิษฐาคิดก่อนจะอ่านต่อไป
 
"ตั้งแต่ผมพบเธอผมก็รู้แล้วว่าความใฝ่ฝันของผมคืออะไร ผมเก็บมันไว้ตั้งแต่เจอเธอครั้งแรก และตั้งใจไว้จะไม่บอกความฝันนี้กับใคร แต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องเผยออกมา มันเป็นความใฝ่ฝันอันเดียวของผม ผมจะเขียนอย่างชื่อตรงและไม่โกหก"

"จะอ่านต่อดีมั้ยเนี่ย" ขนิษฐาพึมพำ "คงต้องอ่านต่อนะไม่งั้นจะเม้นให้คะแนนยังไง แต่มันคงแปลกๆน่าดูที่ต้องเม้นท์เรียงความแบบนี้ แต่เราให้เขาเขียนเองนิ อ่านต่อก่อนละกันว่านายนี่จะมาไม้ไหน"

"ผมบอกแล้วว่าผมจะเขียนตามจริง ตามที่ผมคิดและรู้สึกจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าโกรธผมนะ ผมไม่ได้อยากเขียนสักหน่อย ผมเขียนตามที่อาจารย์สั่งนี่นา ก็อย่างที่ผมบอก เธอเป็นผู้หญิง..สวย และผมเป็นผู้ชาย แม้เธอจะเป็นอาจารย์ และผมจะเป็นเด็ก แต่ผมก็รักเธอ ความรักเป็นสิ่งที่เราห้ามได้มั้ย เราห้ามหัวใจตัวเองได้รึเปล่า อาจารย์ห้ามหัวใจตัวเองได้มั้ย ...ผมทำไม่ได้"

"เกือบจะโรแมนติกแล้วล่ะ" ขนิษฐาอดยิ้มไปกับความคิดของเด็กไม่ได้

"ผมรักเธอ รักแน่ๆ รักแท้ด้วย ไม่ใช่ความรักแบบเด็กๆ แต่ผมจะบอกกับเธอได้มั้ย ผมจะจีบเธอได้รึเปล่า อาจจะได้ แต่คงยากที่จะสมหวัง ผมก็คงจะได้แต่ฝัน มันเป็นจริงได้ยากแต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ ผมคิดถึงความสวยของเธอ ความใฝ่ฝันของผมคือผมจะต้องได้เธอมาเป็นคนรัก ผมต้องเป็นเจ้าของเธอให้ได้"

"ฉันไม่กินเด็กหรอก" ขนิษฐาหัวเราะ "แล้วฉันก็ไม่เชื่อด้วยว่านายเขียนเรื่องจริง"

"ผมคิดถึงความสวยของเธอทุกคืน คิดถึงเรือนร่างที่อวบอัด ความขาว และทรวงอกของเธอ โอ้โฮ ถึงเธอจะหน้าเด็ก แต่ทรวงอกของเธออวบอัดเหลือเกิน ความจริงผมไม่ใช่เด็กนะอาจารย์ ผมเป็นวัยรุ่นต่างหาก และวัยรุ่นกับเด็กก็ต่างกันเยอะ เพราะผมเป็นวัยรุ่นผมจึงไม่หยุดคิดอยู่แค่นี้ ผมคิดในสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนคิดกับผู้หญิงสวยๆ และอาจารย์ก็สวยอวบอัด"

"เอ๊ะ ชักจะยังไง" ขนิษฐาหน้าแดงแต่ไม่หยุดอ่าน

"ผมแอบมองทรวงอกอาจารย์ทุกครั้ง แอบมองตามประสาวัยรุ่น ตามความอยากรู้อยากเห็นของเด็กผู้ชาย ไม่ใช่แค่ผมหรอก เด็กคนอื่นก็แอบมองนมอาจารย์เหมือนกัน อาจารย์ก็รู้ใช่มั้ย เด็กผู้ชายก็อยากรู้อยากเห็นทุกคน ไม่ผิดใช่มั้ยครับ"

"ผิดที่เธอเอามาเขียนนี่แหละ" ขนิษฐาพึมพำหน้าร้อนผ่าวแต่อดอ่านต่อด้วยความอยากรู้ไม่ได้ เด็กนักเรียนคิดยังไงกับครูผู้หญิงสวยๆแบบเธอ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาเขียนตรงๆมันก็น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ ถือเป็นการศึกษา เรียงความนี้อาจจะทำให้เธอเข้าใจเด็กผู้ชายวัยรุ่นมากขึ้น

"แต่ผมคงต้องสารภาพว่าผมไม่ได้แค่แอบดูอย่างเดียว แต่ผมไปไกลกว่านั้น ผมจะพยายามเขียนไม่ให้มันน่าเกลียดจนอาจารย์อ่านไม่ได้ อาจารย์อย่าหยุดอ่านนะครับ"

"ฉันกำลังอ่านอยู่" ขนิษฐาพูด

"ผมฝันว่าผมได้เป็นเจ้าของเรือนร่างสวยของเธอ มันเป็นความใฝ่ฝันของผมไง ผมใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของเธอทั้งกายและใจ โอ เธอสวยเหลือเกิน สวยมากๆ ผมกอดเธอไว้ แล้วก็จูบเธอ เธอรับจูบของผมอย่างจริงใจ ลิ้นของเราสัมผัสกัน ช่างหวานฉ่ำนัก ผมสัมผัสทรวงอกที่อวบอิ่มคู่นั้น หน้าเธอแดงซ่านด้วยความอาย แต่เธอก็ไม่ปิดป้อง แถมยังแอ่นอกอวบให้ด้วยความเสน่หา"

"นี่..จะ 18+ แล้วนะนาย" ขนิษฐาร้องหน้าแดง "ฉันไม่ยอมใครง่ายๆแบบนั้นหรอก" อาจารย์สาวพึมพำแต่ไม่หยุดอ่าน

"โอ มันช่างอวบอิ่มและเต็มไม้เต็มมือ ผมสัมผัสมันอย่างนุ่มนวล มันไม่เคยผ่านมือใครแน่ๆ ผมมั่นใจ นมเธอดีดเด้งเต่งสู้มือแบบนี้จะผ่านมือใครได้ไง บริสุทธิ์ชัดๆ ผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อออก ทีละเม็ด..ทีละเม็ด ผมต้องการเห็นของจริง ผมรู้ว่ามันจะต้องขาว ใหญ่ และผมกำลังจะได้เห็นของเธอ เธอยังจับมือผมไว้ไม่ให้ผมถอดมันไปง่ายๆ ผมจึงคลึงเคล้นมันอยู่ข้างนอก นุ่มมือดีเหลือเกิน ทรวงอกเธออุ่นหยุ่นละมุนมือเหลือเกิน ผมลูบคลำทั้งสองเต้าอย่างเพลิดเพลิน"

"โอย...ไม่ไหวแล้ว" ขนิษฐาปิดสมุดหน้าแดงซ่าน อกใจเต้นระทึกไปหมด ตลอดชีิวิตไม่เคยเจอใครเขียนถึงเธอแบบนี้มาก่อนเลย "เจอเรียงความแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ" ขนิษฐาพึมพำ "จะจัดการยังไง ถ้าเป็นครูที่มีประสบการณ์เค้าเจอแบบนี้จะทำยังไง เรียกมาตีหรือ หรือแจ้งฝ่ายปกครองให้จัดการ ไม่ใช่แน่เราต้องจัดการด้วยตัวเอง"

ขนิษฐามองไปยังสมุดบนโต๊ะ ยังเหลืออีกเล่มที่เธอต้องตรวจ แต่เธอคงอ่านต่อไม่ไหวแล้ว แค่เล่มของนายสิโรจน์เธอยังไม่รู้ว่าจะจัดการต่อยังไง

"เอาไปอ่านต่อที่บ้านละกัน ยังไงก็ต้องอ่านให้เสร็จแล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงกับนายตัวแสบคนนี้"

อาจารย์สาวหยิบสมุดของเด็กแสบใส่กระเป๋าแล้วเก็บของกลับบ้าน

 ################


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
รักร้อนซ่อนแค้น 3 ยอมเพื่องาน
 
 บริษัท มาด้า เดลวอล็อปเมนท์ หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านพัฒนาธุรกิจที่ดินอันดับต้นๆของประเทศ
 
 ครองขวัญยืนกระวานกระวาย อยู่หน้าห้องของ "ราตรี" ผู้จัดการฝ่ายบุคคล พี่ชายของเธอกำลังฟังผลการฝึกงานว่าเขาจะผ่านการทดลองงานหรือไม่ ตอนนี้ใครๆก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว มันนานแสนนานในความรู้สึกเธอกว่าที่พี่ชายเธอจะเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าไม่ดีเลย
 
 "เป็นไงคะ พี่ชัย" หญิงสาวเข้าไปถามทันที
 
 สมชัยส่ายหน้า
 
 "พี่ไม่ผ่าน"
 "ไม่ผ่าน" ครองขวัญร้อง "ล้อเล่นรึเปล่า ไม่ผ่านได้ไง"
 "เขาก็อธิบายเหตุผลอะไรยืดยาวนะ แต่พี่หมดกำลังใจที่จะฟัง" สมชัยพูดแบบหมดอาลัยตายอยาก "แล้วนี่จะทำยังไง เงินเดือนขวัญคนเดียวคงไม่พอแน่ๆ แค่จะกินจะใช้ก็หมดแล้ว จะเหลือส่งไปให้พ่อแม่ได้ไง เขาต้องใช้เงินเยอะด้วยไม่งั้นนาคงโดนยึด"
 "เหตุผลที่ไม่ผ่านคืออะไร" ครองขวัญถามย้ำ
 "พี่บอกแล้วว่าไม่ได้ฟังเหตุผล แต่เท่าที่จับใจความได้ก็คงเป็นพี่ไม่เหมาะกับงานนี้ จะถามไปทำไมมากมาย"
 
 ครองขวัญเม้มปากแน่นขณะมองหน้าพี่ชาย เขาหันไปมองทางอื่นเพราะไม่กล้าสู้สายตาที่คาดคั้นของน้อง
 
 "เข้าไปกับขวัญ" ครองขวัญจับมือพี่ชายลากกลับเข้าไปในห้องของผู้จัดการฝ่ายบุคคลอีกครั้ง
 
 "มีอะไรอีกรึ" ราตรีเงยหน้าขึ้นถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสมชัยเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
 
 ครองขวัญพาพี่ชายเดินไปอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของราตรี
 
 "ขอโทษที่มารบกวนอีกครั้งนะคะพี่ปู" ครองขวัญพูดอย่างสุภาพ
 "มีอะไรหรือขวัญ"
 "หนูอยากทราบเหตุผลที่พี่ชายหนูไม่ผ่านโปรน่ะค่ะ"
 "ฉันบอกเขาไปหมดแล้วนี่ ไปถามกันเองไม่ดีกว่ารึ"
 "พี่ชายหนูเสียใจที่ไม่ผ่านโปรเลยฟังเหตุผลไม่หมด หนูขอรบกวนพี่ปูพูดอีกทีได้มั้ยคะ สรุปสั้นๆก็ได้ค่ะ เผื่อมีข้อผิดพลาดอะไรจะได้ให้พี่ชายไปปรับปรุง"
 
 ราตรีขมวดคิ้ว ใบหน้าที่ตกแต่งไว้สวยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย วันนี้เธออารมณ์ไม่ดีเพราะโดนผู้ใหญ่ของบริษัทตำหนิมา แล้วยังหัวเสียกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีด้วย เธอเครียดแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ครองขวัญเป็นลูกน้องในแผนกเธอ ราตรีจึงพยายามระงับอารมณ์ไว้ หากมีปัญหาจะทำงานกันไม่สบายใจ ราตรีอดทนอธิบายเหตุผลให้ครองขวัญฟังอีกครั้ง
 
 "ฝ่ายการตลาดแจ้งมาว่า พี่ชายเธอไม่เหมาะสมกับงานการตลาด"
 "แต่พี่ชายหนูจบมาทางด้านนี้นะคะ จะไม่เหมาะกับงานได้ไง" หญิงสาวโพล่งถามไป แต่เมื่อเห็นราตรีจ้องหน้าเธอ เธอจึงรีบพูด "ขอโทษนะคะ พี่ปู แต่หนูตั้งใจจะบอกว่าพี่ชายหนูเรียนมาทางนี้ไม่น่าจะมีปัญหากับงานใช่มั้ยคะ"
 "คนที่เรียนมาทางด้านนี้ก็มีเยอะแยะ แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำงานได้เหมือนกัน ดีเท่ากัน" ราตรีย้ำ "ฝ่ายการตลาดเค้าไม่โอเคกับการทดลองงาน เธอเข้าใจมั้ย"
 "ขอรายละเอียดอีกนิดได้มั้ยคะ"
 "เธออยากฟังเหุผลที่เค้าบอกฉันตรงๆใช่มั้ย"
 "ค่ะ หนูอยากรู้เหตุผลจริงๆ"
 
 ราตรีหันไปมองหน้าสมชัย ชายหนุ่มก้มหน้าไม่สบสายตาเธอ
 
 "ก็ได้ เธออยากรู้ก็ได้ เค้าบอกว่าพี่ชายของเธอขาดความคิดสร้างสรรค์ ขาดวิสัยทัศน์ในการทำงาน คิดกลยุทธิ์ทางการตลาดเพื่อจะแข่งขันกับคนอื่นๆไม่เป็น พวกนี้จำเป็นสำหรับคนที่จะทำงานทางด้านการตลาด อย่าลืมว่าเราเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เราต้องการคนที่ดีที่สุดเสมอ ฝ่ายการตลาดเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะส่งงานอะไรให้พี่ชายของเธอทำ เพราะเขาไม่ไว้ใจ ยิ่งถ้างานที่ต้องมีกำหนดเวลาแน่นอน ถ้าเขาทำไม่ได้ก็จะเสียงาน เพราะคนอื่นคงมาแก้ให้ไม่ทัน เขารียนมาในสิ่งที่เขาไม่ใช่ คราวนี้เธอเข้าใจรึยัง"
 
ครองขวัญพูดไม่ออก เธอหันไปมองพี่ชาย เขายังก้มหน้านิ่ง เด็กสาวรู้ว่าพี่ชายของเธอเสียใจมากมายเพียงใดที่ได้ยินคำพูดตรงจากผู้จัดการแผนกของเธอ

"มันไม่น่าจะเลวร้ายถึงขนาดนั้นเลยนะคะพี่ปู" ครองขวัญพูดเบาๆ “พี่ชัยอาจจะแค่ไม่มีประสบการณ์เท่านั้น ทำๆไปอาจจะเก่งก็ได้ ถึงกับบอกว่าเขาเรียนมาในสิ่งที่ไม่ใช่ มันตัดสินกันเกินไปรึเปล่า”
"ไม่รู้ซิ ฉันบอกอะไรไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายการตลาดนี่นา แล้วเราก็ว่าเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องประเมินผล ฉันไม่อยากบอกเธอตรงๆแบบนี้หรอก แต่เมื่อเธออยากรู้เหตุผลจริงๆ ฉันก็พูดตามที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเขาบอกมากับฉัน ซึ่งมันอาจจะแรงกว่าที่เขียนในจดหมาย ก็เธออยากรู้ความจริงเองใช่มั้ย"

ครองขวัญหน้าสลด

"แต่ตอนนี้เรากำลังเดือดร้อนค่ะพี่ปู งานนี้สำคัญสำหรับพี่ชัยมาก พี่ชัยตกงานไม่ได้ พี่ปูช่วยพูดกับฝ่ายการตลาดได้มั้ยคะ"
"ฉันสั่งฝ่ายการตลาดไม่ได้ ให้ไปขอร้องเขาก็ไม่ฟังฉันหรอก อีกอย่างเธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ผ่านก็คิอไม่ผ่าน ส่วนเรื่องที่เธอเดือดร้อนอะไรนั้น ฉันเห็นใจ แต่มันไม่เกี่ยว" ราตรีเอ่ยเสียงเรียบแม้ในใจจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่จะต้องมาพูดซ้ำๆเรื่องที่น่าหงุดหงิด ทั้งๆที่เธอก็ปวดหัวมาตลอดวันแล้ว
 
 ครองขวัญแทบหมดกำลังใจ แต่ความจำเป็นทำให้เธอต้องขอร้องผู้จัดการของเธอต่อ
 
 "พี่ปูก็ลองช่วยพูดสักครั้งสิคะ พี่ปูยังไม่ได้ลองเลย เขาอาจจะเห็นใจก็ได้ ช่วยพวกหนูสักครั้งนะคะพี่ปู" ครองขวัญอ้อนวอน

ราตรีแทบจะหมดความอดทนกับลูกน้องที่พูดไม่รู้เรื่อง “ฉันมีงานต้องทำนะโว๊ย จะมาเซ้าซี้อะไรมากมายวะ” หญิงสาวคิดขณะมองหน้าครองขวัญ  "เอาละ ถ้าเธออยากได้งานจริงฉันจะช่วย ไหนมาลองดูซิว่าพวกเธออยากได้งานแค่ไหน" ราตรีคิดในใจ พลางเอ่ย

"ให้ฉันไปขอฝ่ายการตลาดคงไม่ได้นะ แต่ถ้าเธออยากให้ฉันช่วยจริงๆ ฉันก็พอจะช่วยได้ แต่ต้องส่งเขาไปทำแผนกอื่นนะ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับที่เขาเรียนมา ถ้าเขาไม่เลือกงานก็คงจะทำได้"
"ผมไม่เลือกงานครับ" สมชัยเอ่ยปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้อง
"จะให้พี่ชัยไปทำแผนกไหนคะ" ครองขวัญเอ่ยถาม
"แผนก รปภ ไง เงินเดือนอาจจะน้อย แต่ที่นั่นไม่เข้มงวดคุณสมบัตินัก พี่ชายเธอหุ่นกำยำล่ำสันคงทำงานนั้นได้"
"ได้ไงคะ พี่หนูจบปอตรี ฝ่ายการตลาด จะให้ไปเป็น รปภ. มัน..."
"ผมทำได้" สมชัยพูดแทรกมา "ผมขอสมัครตำแหน่งนี้ครับ คุณราตรี"
"พี่ชัย" ครองขวัญหันมาร้อง
"ดีกว่าตกงานนะขวัญ" สมชัยพูดกับน้องสาว

ราตรีหันมามองหน้าสมชัย ก่อนจะยิ้มสวย

"ฉันจะช่วยให้เธอได้งานนี้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเธออยากทำจริงๆหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าฉันไปขอร้องเขา พอเธอไปทำสองสามวันแล้วออกไปเฉยๆ ฉันก็จะโดนเขาต่อว่าฟรีๆ"
"ผมเต็มใจจะทำงานนี้จริงๆครับ ผมรับรองว่าผมจะไม่ทำให้คุณราตรีต้องเสื่อมเสียด้วยการลาออกกลางคันแน่"
"เธออยากได้งานนี้แน่นะ"
"ผมอยากได้จริงๆครับ คุณราตรี"
"งั้นพิสูจน์ก่อนว่า เธออยากได้ ถ้าเธออยากได้จริง ฉันถึงจะฝากให้"
"พิสูจน์ยังไงครับ"
"กราบฉันได้มั้ย ฉันอุตส่าห์จะบากหน้าไปขอร้องเขาให้เธอ เธอจะกราบขอบคุณฉันได้มั้ย"

"เกินไปรึเปล่าคะพี่ปู" ครองขวัญร้อง
"เธออยากได้งานจริงหรือเปล่า" ราตรีมองหน้าสมชัย

"ผมอยากได้จริงๆครับ คุณราตรียอมช่วยยามผมเดือดร้อน เท่ากับมีพระคุณกับผม ทำไมผมจะกราบคุณราตรีไม่ได้"
"พี่ชัย" ครองขวัญร้อง

สมชัยไม่สนใจน้องสาว เขาเดินไปด้านข้างโต๊ะของราตรี ผู้จัดการสาวหันเก้าอี้มาทางเขา สมชัยมองขาเพรียวสวยที่อยู่นอกกระโปรงของเธอ เท้าที่ขาวสะอาดของซ่อนตัวอยู่ในรองเท้าส้นสูงสีดำที่ดูเรียบร้อยทว่าหรูหรามีราคา เขามองเหนือขึ้นไปนี่เป็นปลีน่องที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต และเขาคงรู้สึกชื่นชมมากกว่านี้ ถ้าไม่ต้องก้มลงไปกราบที่ปลายเท้าของเธอ

ครองขวัญมองพี่ชายของเธอกราบผู้จัดการแผนกเงียบๆ เธอไม่เข้าใจทำไมแค่งาน รปภ กระจอกๆ พี่ชายต้องทำถึงขนาดนั้น

"ดี เป็นอันว่าเธอได้งานนี้" ราตรีเอ่ย หลังจากสมชัยลุกขึ้นมา
"ขอบคุณครับ คุณราตรี"

ราตรียิ้มน้อยๆ
"เธอคงจะขมขื่นใจไม่น้อยเลยนะที่ต้องทำแบบนี้แค่จะได้งานทำ"
"ไม่เลยครับ ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมเดือดร้อนมาก และคุณราตรีช่วยให้ผมมีงานทำ บุญคุณนี้ผมไม่มีวันลืมเลย"
"เธอเป็นคนคิดบวก" ราตรียิ้มสดใส ความเครียดที่เจอมาทั้งวันแทบจะหมดไปกับเหตุการณ์ที่น่าสนุกสนานครั้งนี้ อยู่ๆก็มีผู้ชายอกสามศอกมากราบเท้าเธอ ราตรีไม่เครียดแล้วตอนนี้ เธอจะกลับบ้านไปอย่างมีความสุข ราตรีมองหน้าชายหนุ่มอย่างพอใจ "ถ้าเธอคิดอย่างนี้จริง ฉันมั่นใจว่าเธอจะประสบความสำเร็จแน่ ไม่ว่าเธอจะทำงานอะไร"
"ขอบคุณครับ คุณราตรี คุณทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น"
"ไปได้แล้ว พรุ่งนี้มาหาฉันตอนสิบโมงเช้า ฉันจะพาเธอไปหาฝ่าย รปภ"
"ขอบคุณมากครับ"

"ทำไมพี่ชัยต้องทำขนาดนี้ด้วย" ครองขวัญเอ่ยกับพี่ชายทันทีที่ออกมาจากห้อง
"เราต้องใช้เงินนะขวัญ พี่ให้น้องทำงานหาเงินคนเดียวไม่ได้หรอก"
"แต่แบบนี้พี่ไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีไปหน่อยเหรอ แค่งาน รปภ ถึงกับต้องยอมกราบกรานคนอื่นน่ะ ขนาดขวัญเองยังรับไม่ได้"
"พี่ไม่มีศักดิ์ศรีอะไรหรอก ตอนทำงานก็เคยถูกด่าเสียๆหายๆมาเยอะแล้ว ปลงแล้วละ อีกอย่าง พี่เคยติดคุกมานะน้อง ใครจะรับพี่ทำงาน"
"พูดเหมือนกับว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยที่ต้องไปกราบกรานเขาอย่างนั้น"
"เขาไม่ได้บังคับพี่นี่"
"ไม่ได้บังคับหรอ"
"เขาให้พี่เลือก พี่จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ พี่เลือกที่จะทำเอง พี่เลือกที่จะกราบเขาเอง พี่ทำตามเงื่อนไขเขา แล้วเขาก็หางานให้พี่ ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่รึ"
"ไม่เชื่อหรอกว่าพี่คิดแบบนั้น"

ครองขวัญพูดแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก สมชัยก็ไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน แต่ภาพรองเท้าส้นสูงที่จ่ออยู่ตรงหน้าเขายังตรึงอยู่ในสมอง

...ใครว่าเขาไม่ขมขื่นที่ต้องทำอย่างนั้น....

################
รักร้อนซ่อนแค้น 4 หนูยังโสด
 
 ขนิษฐากลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ "ชานน" กับ "มยุรี" พ่อกับแม่ของเธอยังรอกินข้าวพร้อมเธออยู่ ขนิษฐายังมีน้องชายรูปหล่ออีกคนชื่อ "ก้อง" แต่เขาติดเล่นฟุตบอล ปกติก้องก็กลับมาทันกินพร้อมกับครอบครัวบ้างไม่พร้อมบ้าง ไม่เหมือนพี่สาวที่จะกินข้าวกับพ่อแม่เกือบทุกวัน
 
 "ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะลูก" มยุรีเอ่ยถามลูกสาว
 "พอดีหนูติดตรวจงานเด็กน่ะค่ะ"
 "งั้นเหรอ...กลับดึกก็ไม่เป็นไร แต่น่าจะโทรมาบอกแม่บ้างนะ นี่แม่โทรไปก็ไม่รับ"
 "หนูทำงานเพลินค่ะไม่ทันดูนาฬิกา แล้วที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะแบตหมดพอดีด้วย" ขนิษฐาตอบ "แล้วนี่นายก้องยังไม่กลับมาอีกรึ"
 "ก็ติดซ้อมบอลนั่นแหละ เห็นบอกอาทิตย์หน้าก็จะมีแข่งอะไรอีกแล้ว"
 
 "ผมกลับมาแล้วครับ ทุกๆท่าน" เสียงร้องดังมาแต่ไกล ก่อนที่เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งจะเดินเข้ามา "แหม่ มาทันได้ยินคุณพี่สาวบ่นว่าคิดถึงพอดีเลย"
 "ฉันไม่ได้คิดถึงนายสักหน่อย" ขนิษฐาพูดขณะตักข้าวใส่ปาก
 "งั้นเหรอ แต่ผมได้ยินนะ" ก้องวางกระเป๋า แล้วตรงเข้ามากอดหอมแก้มพี่สาวดังฟอด
 "ตาบ้า" พี่สาวร้อง "ดูซิ เหงื่อออกเต็มเลยมาหอมแก้มชั้น เหม็นด้วยเปื้อนด้วย" ครูสาวเอามือป้ายแก้มไปมา
 
 ก้องหัวเราะชอบใจ แม้แต่ชานนกับมยุรีก็อดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้ ทั้งคู่รู้สึกเอ็นดูเมื่อเห็นลูกชายแหย่พี่สาวเหมือนเด็กๆ
 
 "แหม่ ได้หนุ่มหล่อสุดฮอทของโรงเรียนหอมแก้มมันบุญแค่ไหนแล้ว พี่รู้มั้ย สาวๆแฟนคลับผมอยากจะให้หอม ผมยังไม่หอมง่ายๆเลยนะจะบอกให้" ก้องพูด
 "แหวะ แฟนคลับ! ฮอทตายละนาย ตัวก็ดำ คิ้วก็หนา หล่อตรงไหนเนี่ย"
 "หล่อทุกตรงเลยล่ะ ผมนี่ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของโรงเรียนนะครับ ผมไม่ฮอทแล้วใครที่ไหนจะฮอท"
"เป็นศูนย์หน้านี่ยิงประตูได้บ้างรึเปล่า"
"ถ้ายิงไม่ได้จะได้เป็นตัวจริงเหรอครับ ว่างๆพี่ไปเชียร์ผมบ้างนะ จะได้รู้ว่าผมฮอทแค่ไหน เปิดหูเปิดตาเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง" กัองคุยโว "ขอบคุณครับป้า" เด็กหนุ่มเอ่ยขอบคุณป้านวล แม่บ้านที่ยกจานข้าวมาให้เขา ก่อนจะคุยกับทุกๆคนต่อ "ทำไมวันนี้กินข้าวกันดึกจังล่ะครับ ผมนึกว่าจะต้องกินคนเดียวซะแล้ว"
"พอดีพี่สาวเธอติดตรวจการบ้านเด็กน่ะ" มยุรีพูด
"เขากินกันจะอิ่มแล้วย่ะ" ขนิษฐาพูด
"ติดตรวจการบ้านเด็ก หรือติดไปเที่ยวกับแฟน" ก้องพูดขณะตักข้าวใส่ปาก
"เด็กบ้า ฉันมีแฟนที่ไหน" ขนิษฐาพูด แต่มยุรีหูผึ่งรีบถามแทรกกับลูกชาย
"นี่พี่สาวเธอมีแฟนแล้วหรือนี่"
"มีซิครับ ผมเห็นกับตา คนตัวสูงๆ ตาตี่ๆน่ะ เห็นบ่อยจะตาย"
"อย่าไปฟังตานี่นะแม่ เมคเรื่องเห็นๆ" ขนิษฐาพูดหน้าแดง
"นี่ถ้ามีแฟนแล้วพามาให้แม่รู้จักบ้างซิ แม่ไม่ว่าหรอก อายุเราน่ะมีแฟนได้แล้วนะ"
"โธ่ ขุ่นแม่" ขนิษฐาร้อง "หนูมีที่ไหนเล่า ตานี่แกล้งยั่วโทสะหนู"
"ผมไม่ได้โกหกนะ นี่ไม่แน่ว่าอาจท้องไปแล้วก็ได้"  เด็กหนุ่มพูดแล้วเอามือมาคลำท้องพี่สาว "ดูซิ ท้องป่องนิดๆแล้ว ต้องท้องแน่ๆเลย น่าจะสัก 2-3 เดือน"

ขนิษฐาหน้าแดง

"เอ๊ะ..ตานี่ ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่มๆ ท้องก็ต้องป่องมาบ้างซิ ไม่งั้นข้าวมันจะไปอยู่ไหน"
"แต่มันผิดปกตินี่นา โอ๊ยยยย" ก้องร้องเสียงดังเพราะถูกพี่สาวหยิกเนื้อเอาเต็มๆ

ชานนกับมยุรีหัวเราะกันคิก แต่ขนิษฐายังหน้าแดงไม่รู้ว่าโกรธหรืออายที่ถูกล้อว่าท้องป่อง

"กินข้าวกันได้แล้วล่ะทั้งสองคน นี่พวกเธอนี่โตกันแล้วนะ เล่นกันเป็นเด็กๆ"
"หนูเล่นที่ไหนล่ะ นายนี่แหย่หนูตลอด" ขนิษฐาหน้างอ
"แหม ก็แหย่แล้วพี่ออกอาการนี่นา มันน่าแหย่มั้ยละ"

"เอาละ พอๆ ตาก้องรีบกินข้าวให้เสร็จเหอะ เออ แต่พูดก็พูดนะ" มยุรีหันมาหาขนิษฐา "แม่อยากให้หนูมีแฟนจริงๆน๊า แม่ก็อยากอุ้มหลานแล้วล่ะ"
"คุณแม่คะ หนูเพิ่งเริ่มทำงานปีแรกเอง จะรีบมีไปทำไมคะ ยังสาวยังแส้ ใช้ชีวิตยังไม่เต็มที่เลย จะให้มีแฟนแล้ว ไม่ไหวหรอกค่ะขอสนุกอีกสักสิบปีก่อนค่ะ มีลูกกวนตัวมีผัวกวนใจ"
"ตายแล้ว ยายนิด เป็นครูแท้ๆพูดได้ไง มีลูกกวนตัวมีผัวกวนใจ" มยุรีโวย ส่วนก้องหัวเราะลั่นจนข้าวแทบกระเด็นออกจากปาก เขาพูดไปหัวเราะไป
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ สวยๆแบบนี้ หนุ่มๆตามจีบเพียบ มันต้องเสร็จใครเข้าสักคน ไม่นานหรอก"
"ดูถูก" ขนิษฐาพูด
"คอยดูก็แล้วกัน" ก้องหัวเราะ

"แม่ไม่ต้องห่วงจริงๆ" ชานนพูดบ้าง "นายก้องพูดถูกลูกสาวเราสวยน่ารักขนาดนี้ พ่อว่าต้องมีผู้ชายรุมจีบเยอะ ดูแล้วไม่น่ารอด"
"ขุ่นพ่อ!" ขนิษฐาหน้าแดง

ชานนหัวเราะ

"พ่อพูดจริงนะ แล้วพ่อก็ภูมิใจในความน่ารักของลูกด้วย แม่ดูดีๆซิลูกสาวเราสวยบาดใจมั้ย"

ขนิษฐาหน้าแดงด้วยความเขินเมื่อถูกท่านพ่อชมกันตรงๆ มยุรียิ้ม

"สวยซิ แต่แม่ก็สงสัยอยู่อย่างนะ พ่อกับแม่ก็ไม่มีเชื้อจีน ทำไมลูกสาวเราหน้าหมวยขนาดนี้"

ขนิษฐายิ้ม พูดกับแม่เบาๆ

"โธ่ เรื่องนี้คุณพ่อยังไม่บอกให้คุณแม่ทราบอีกหรือคะ"
"บอกเรื่องอะไร" มยุรีงง
"จริงๆแล้วหนูไม่ใช่ลูกคุณแม่หรอกค่ะ คุณพ่อเค้าแอบไปมีกิ๊กเป็นอาหมวย แล้วหนูเป็นลูกกิ๊ก หนูถึงหน้าเป็นอาหมวยไง" ขนิษฐากระซิบ ชานนสำลักน้ำพรวด ก้องหัวเราะก๊าก ส่วนมยุรีตะโกน
"ยัยนิด"
"หนูอิ่มแล้วค่า" ขนิษฐารีบวิ่งขึ้นไปข้างบน

"ดูซิพ่อ" มยุรีหน้าแดงคุยกัยชานน "แก่นแก้วแบบนี้ เป็นครูได้ไง เด็กมันจะเคารพนับถือเหรอ"
"เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ สวยน่ารักแบบนี้ เด็กทุกคนพร้อมจะเชื่อฟังทุกคำสั่งอยู่แล้ว ผมรับประกันได้เลย" ก้องพูดยิ้มๆ ก่อนจะตักข้าวใส่ปาก
"แล้วที่ลูกบอกว่าพี่เค้ามีแฟนแล้วนี่ ลูกพูดเล่นหรือพูดจริง"
"ผมพูดเล่นครับ แต่มันก็เป็นไปได้ พี่เค้าสวยน่ารักขนาดนี้จะเหลือเหรอ ที่ไม่บอกนี่คงอายไม่ยอมให้เรารู้"
"ลูกช่วยดูๆไว้หน่อยนะ แม่อยากรู้ ถ้าเจอก็รีบมาบอกแม่เลยนะ"
"รับรองครับแม่ ถ้าผมเจอผมจะถ่ายรูปมาให้แม่ดูทันที"
"ดีมากลูก"

"ดึกแล้วขึ้นห้องกันดีกว่าแม่" ชานนพูดแล้วลุกขึ้นยืน
"ดีเหมือนกัน แม่อยากจะคิดบัญชีพ่อเรื่องแอบไปมีกิ๊กเป็นอาหมวยด้วย"
ชานนหัวเราะ
"เอาเลย พ่อจะยอมให้แม่คิดบัญชีสักดอกสองดอก"
"อะไรของคุณดอกสองดอก" มยุรีถาม
"ขึ้นไปเดี๋ยวก็รู้"
ชานนหัวเราะก๊าก แม้แต่ก้องก็หัวเราะด้วยความขบขัน

################
รักร้อนซ่อนแค้น 5 เรื่องที่บอกใครไม่ได้
 
 จุฑารัตน์นอนแช่อยู่ในอ่างน้ำ มองร่างเปลือยที่ได้สัดส่วนของตัวเอง ทรวงอกอวบอิ่มคู่งามลอยปริ่มน้ำอยู่ครึ่งเต้า มันขาวผ่องนวลเนียนและสะท้อนแสงไฟเป็นมันวาวด้วยฟองสบู่ ทั้งสวยทั้งเย้ายวนและน่าหลงใหล และอาจทำให้ผู้ชายที่ได้เห็นต้องขาดใจตายได้ด้วยความรัญจวนใจ
 
 "อยากรู้ว่าคนที่สวย และเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้แบบจุฑารัตน์จะเป็นยังไง ยามที่เธอต้องอวดสัดส่วนแสนสวยของเธอใหัผู้ชายเห็น" ...คำพูดของธีรศักดิ์ยังดังก้องอยู่ในหัว
 
 จุฑารัตน์น้ำตาไหลพรากเมื่อคิดถึงคำพูดเขา และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเธอ

.. ธีรศักดิ์จะไม่มีวันได้เป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เห็นร่างเปลือยของเธอ เพราะเคยมีคนเห็นร่างเปลือยของเธอไปแล้ว และมันไม่ได้โรแมนติกแบบที่ธีรศักดิ์หวังจะมอบให้แม้แต่น้อย!
 
 จุฑารัตน์ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนวางยาและข่มขืน!

 ...เขาถ่ายวีดีโอเอาไว้ด้วย!
 
 จุฑารัตน์สะอื้นร่ำไห้ เคราะห์กรรมของเธอไม่ได้หยุดลงแค่นี้ ผู้อำนายการไม่ได้มีคลิปวีดีโอคนเดียว

 ...มีคนส่งบัตรสนเท่ห์มาให้เธอ เขาก็มีคลิปวีดีโอขณะที่เธอมีเซ็กส์กับผู้อำนวยการเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าคนส่งบัตรสนเท่ห์เป็นใคร ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร บัตรสนเท่ห์เพียงบอกมาแค่นั้น มันทำให้เธอเป็นทุกข์ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น
 
 เจ้าของบัตรสนเท่ห์ต้องการอะไรจากเธอ?
 
 ...จุฑารัตน์ไม่รู้ แต่เธอทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย เธอได้แต่วิตกกังวลเหมือนคนเป็นโรคประสาท
 
 ผู้อำนวยการไม่ได้มายุ่งอะไรกับเธออีก เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การได้อึ๊บเธอแบบที่เธอรู้ตัวแต่ไม่มีทางขัดขืนมันสร้างความอิ่มเอมใจให้เขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรในร่างเธอที่เป็นความลับและน่าค้นหาสำหรับเขาอีกต่อไป เขาเห็นและได้หมดทุกซอกหลืบ และคงไม่ต้องการมากอะไรไปกว่านั้น

...แม้จะขมขื่นแต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นเธอก็ยินดีจะให้จบกันแค่นั้น อย่างน้อยก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
 
 แต่เรื่องบัตรสนเท่ห์นั่นหละที่เป็นปัญหาใหญ่ในตอนนี้ เธอจะจัดการยังไง จุฑารัตน์คิดจนหัวระเบิดก็หาทางออกไม่เจอ แต่เธอหยุดคิดไม่ได้ หยุดกังวลไม่ได้ เธอทำใจไม่ได้กับการที่กำลังจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดแต่กลับได้รับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปแทน
 
 ทำไมเราเคราะห์ร้ายอย่างนี้.. จุฑารัตน์คร่ำครวญน้ำตาไหลพรากๆไม่ขาดสาย
 
 จุฑารัตน์หยุดคิดไม่ได้ เธอคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เพื่อหาทางออก หรือไม่ก็ปลอบใจตัวเองว่า มันยังมีหนทางแก้ไข และเธอต้องหามันให้เจอ...
 
 เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ถ้าเธอบอกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กับธีรศักดิ์จะดีไหม เขาเป็นคนฉลาด...ฉลาดมากๆ ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับเขา เขาต้องหาทางออกได้แน่...
 
 ...แต่หลังจากนั้นล่ะเขาจะยอมรับได้มั้ย ...เธอเพิ่งโดนอึ๊บไปแค่ครั้งเดียวเองนะ แล้วเป็นการถูกวางยาด้วย
 
 ...เขาน่าจะเข้าใจเธอ สงสารเธอ และปลอบใจเธอ
 
 ...ใช่มั้ย?
 
 ...เขาบอกว่ารักเธอนี่ รักก็ต้องยอมรับได้ซิ
 
 ...แต่ใครรับประกันได้ล่ะว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
 
 ต่อให้เขายอมรับได้ ครอบครัวเขาก็คงไม่ยอมรับอยู่ดี ใครจะไปอยากมีสะใภ้ที่มีเรื่องอื้อฉาวแบบนี้  ธีรศักดิ์ เป็นทายาทของตระกูล "จินตราศักดิ์" ซึ่งตระกูลนี้ร่ำรวยมหาศาลจากการทำธุรกิจพัฒนาที่ดินในเครือมาด้า ตระกูลนี้ เป็นเจ้าของ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า บ้านจัดสรร และธุรกิจต่อเนื่องอีกมากมาย ทุกจังหวัดต้องมีทรัพย์สินของตระกูลนี้อยู่ ธีรศักดิ์เป็นทายาทของตระกูลเขาจึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงทุกฐานันดรศักดิ์  และไม่มีผู้หญิงคนไหนจะด้อยกว่าเธอเลย จุฑารัตน์เสียอีกที่ต่ำต้อยที่สุดในตัวเลือกเหล่านั้น
 
 ด้วยรูปร่างหน้าตา ฐานะ ธีรศักดิ์ คู่ควรกับผู้หญิงทุกคน และหากเขาอยากได้ใครมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสมหวัง โชคดีเท่าไรแล้วที่เขาเลือกเธอ ครูธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีชาติตระกูล หรือทรัพย์สินมากมายอะไร โชคดีไปกว่านั้นที่ทุกคนในครอบครัวของเขาก็ยอมรับคนที่มีฐานะแบบเธอ แต่ถ้าพวกเขารู้ความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอก็ลืมไปได้เลยว่าพ่อแม่เขาจะยอมรับเธออีก
 
 ใครจะอยากให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องมามัวหมองกับสะใภ้ที่ถูกข่มขืนมาซึ่งอาจจะมีคลิปเผยแพร่ออกไปเมื่อไรก็ได้ ในเมื่อมีตัวเลือกที่ดีกว่าเธอมากมายพร้อมที่จะเสียบแทนเธออยู่แล้ว
 
 "แล้วฉันจะทำยังไง? ธีคะ แคทควรจะทำยังไง? แคทควรจะบอกกับคุณมั้ย? แคททำอะไรไม่ถูกแล้ว"
 
คงจะดีกว่านี้ ถ้าเธอแค่รักธีรศักดิ์ที่ทรัพย์สิน เพราะมันง่ายกว่าที่จะทำใจได้ถ้าต้องสูญเสียเขาไป

แต่เพราะเธอรักเขาด้วยหัวใจ เธอจึงทำใจไม่ได้ถ้าต้องสูญเสียเขา

เธอเสียเขาไปไม่ได้!

 จุฑารัตน์ปล่อยตัวลงไปในน้ำช้าๆจนกระทั้งศีรษะจมไปอยู่ในน้ำ
 
 ...หรือเธอจะให้มันจบไปแบบนี้ดี จบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับการคิดวนเวียนไปกับเรื่องนี้อีก...
 
 "ไม่" จุฑารัตน์ผุดลุกขึ้นมาอีกครั้งจนเห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่า ทรวงอกอวบอิ่มสะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจของเธอที่จมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ปลายยอดสีชมพูยังดูบริสุทธิ์เหมือนกับไม่เคยถูกใครแตะต้องมาก่อน
 
 ฉันจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ธีรศักดิ์ เธอเจ็บปวดกับเรื่องนี้ก็เกินพอแล้ว จะให้เขามาเจ็บปวดไปกับเธอทำไม!
 
 ก่อนอื่นจะต้องหาเจ้าของบัตรสนเท่ห์ให้เจอก่อน!
 
 หลังจากนั้นก็ไม่ยากแล้วละ...

ใช่มั้ย?

 ################


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
 รักร้อนซ่อนแค้น 6 เด็กผู้ชายเหมือนกันหมด?
 
  ขนิษฐานอนแช่อยู่ในอ่างน้ำด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากจุฑารัตน์อย่างสิ้นเชิง เธอร่าเริงสดใสและกำลังมีอารมณ์ดีแบบสุดๆ น้ำที่ลอยฟ่องไปด้วยฟองสบู่ปกคลุมจนเห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยขาวสะอ้านรำไร ขนิษฐาหยิบสมุดเรียงความของนายสิโรจน์มาอ่านในห้องน้ำนี้ด้วย เธอจะอ่านมันให้เสร็จตอนกำลังอาบน้ำนี่แหละ จากนั้นก็จะไปดูทีวีให้เพลินจนกระทั่งหลับไป แล้วตอนเช้าเธอก็จะตื่นมาด้วยสมองที่แล่นฉิวและรู้ว่าจะจัดการยังไงกับเด็กแสบนายนี้
 
  "ถึงไหนแล้วนะ" หญิงสาวพึมพำ ขณะพลิกกระดาษและระวังไม่ให้มันเปียกน้ำ ซึ่งไม่ยากเย็นอะไร เพราะเธอชอบเอาหนังสือมาอ่านขณะนอนแช่อยู่ในอ่างแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
  "เจอแล้ว" หญิงสาวพูดกับตัวเอง "ถึงตรงที่เขากำลังพูดถึงหน้าอกเรา..." หญิงสาวเริ่มอ่านทวน
 
  "โอ มันช่างอวบอิ่มและเต็มไม้เต็มมือ ผมสัมผัสมันอย่างนุ่มนวล มันไม่เคยผ่านมือใครแน่ๆ ผมมั่นใจ นมเธอดีดเด้งเต่งสู้มือแบบนี้จะผ่านมือใครได้ไง บริสุทธิ์ชัดๆ ผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อออก ทีละเม็ด..ทีละเม็ด ผมต้องการเห็นของจริง ผมรู้ว่ามันจะต้องขาว ใหญ่ และผมกำลังจะได้เห็นของเธอ"

ขนิษฐากลืนน้ำลาย อดมองทรวงอกของตัวเองไม่ได้ เด็กนี่พูดถูกเลยล่ะ ปทุมถันทั้งสองเต้าของเธอ...มันขาวใหญ่และสวยจนเธอภูมิใจ หญิงสาวลูบคลำทรวงอกที่เปียกน้ำสบู่ของตัวเอง ก้อนเนื้อนั้นเต่งตึงและผิวก็นุ่มเนียนราวกับแพรไหม

...เด็กน้อยบรรยายทรวงอกของเธอถูกต้องแต่ไม่มีวันที่เขาจะได้เห็นของจริง!

ขนิษฐายิ้มขณะอ่านต่อ
 
  "...อาจารย์ยังจับมือผมไว้ไม่ให้ผมถอดมันไปง่ายๆ ผมจึงคลึงเคล้นมันอยู่ข้างนอก นุ่มมือดีเหลือเกิน ทรวงอกอุ่นหยุ่นละมุนมือเหลือเกิน ผมลูบคลำทั้งสองเต้าอย่างเพลิดเพลิน" ขนิษฐาอ่านไปพร้อมกับลูบไล้ปทุมถันคู่ใหญ่ของตัวเอง มันช่างตื่นเต้นเร้าอารมณ์เหลือเกินที่ได้อ่านเรียงความชื่นชมเรือนร่างเธอ ไม่เคยมีใครเขียนถึงเธอแบบนี้เลย ตอนนี้เธออยู่ในที่ส่วนตัว เธอจึงอ่านได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวใครจะรู้  ไม่มีใครเห็นว่าทำอะไร  ....โอ..ตื่นเต้นชะมัดเลย ...ขนาดเราไม่เคยแต่งตัวโป๊หรือเซ็กซี่เลยนะเนี่ยยังจินตนาการกันถึงขนาดนี้เลยหรือ นี่ถ้าเห็นของเราจริงๆ จะขนาดไหนกันน๊าาาา... ขนิษฐาหน้าแดงซ่านเลือดสูบฉีดพล่านไปหมดทั้งตัว
 
  "อาจารย์ยังอ่านอยู่ใช่มั้ย ผมรู้อาจารย์ยังอ่านอยู่ อาจารย์อาจจะนึกว่าผมเป็นเด็กหื่น และผมก็ลามกกว่าเพื่อนๆ แต่ความจริงไม่ใช่! ผมรับรองได้ว่าเด็กผู้ชายเป็นแบบผมทุกคน ...รู้สึกแบบผมทุกคน อยากเห็นร่างเปลือยของผู้หญิงสวยๆ มันทำให้พวกเรามีอารมณ์ มันทำให้พวกเรา”แข็ง” แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอาจารย์ของพวกเราเองก็เถอะ มันเป็นธรรมชาติของเรา ผมต่างจากเด็กคนอื่นตรงที่ผมกล้ากว่าพวกนั้น ผมกล้าเขียนให้อาจารย์อ่าน...ถ้าอาจารย์ไม่เชื่อผมจะสมมุติเหตุการณ์ให้...
 
  สมมุติว่าอาจารย์พาพวกเราไปเที่ยวในที่ไหนสักที่ ซึ่งมีเฉพาะพวกราที่เป็นผู้ชาย มีอาจารย์เป็นผู้หญิงคนเดียว และที่พักของเราก็ห่างไกลจากที่อื่นมาก ไม่มีใครมายุ่งกับคณะพวกเรา และอาจารย์จะต้องอาบน้ำ โชคร้ายที่ ห้องน้ำนั้นโดนเจาะรูไว้เต็มไปหมด แต่บังเอิญอาจารย์ไม่รู้

อาจารย์คิดว่าเด็กผู้ชายทุกคนจะไปแอบดูอยู่ที่รูพวกนั้นมั้ย?
มีโอกาสดูร่างเปลือยของอาจารย์โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะโดนอาจารย์จับได้ ...แล้วพวกนั้นจะแอบดูมั้ย?
 
  ผมรับประกันได้ว่าแอบดูทุกคน!
 
  ผมบอกแล้วไงว่าพวกเราทุกคนเหมือนกันต่างกันที่ผมกล้าเขียนให้อาจารย์อ่าน ความใฝ่ฝันของผมเป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่นทุกคน ดังนั้นอาจารย์ควรจะอ่านต่อ และไม่ควรโกรธผม เพราะผมเขียนอย่างจริงใจ ตามคำสั่งของอาจารย์เอง"
 
  "จริงหรือ" ขนิษฐาอดคิดตามเหตุการณ์สมมุติของสิโรจน์ไม่ได้ "ถ้ามีโอกาสเห็นเรือนร่างของเราโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางจะโดนจับได้ เด็กผู้ชายจะทำอย่างนั้นทุกคนหรือ" ขนิษฐาครุ่นคิด "ฉันไม่เชื่อหรอก ต่อให้ทุกคนอยากดูร่างเปลือยของฉันจริงๆ ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำอย่างที่คิด มันจะต้องมีบางคนที่สำนึกได้ถึงความถูกต้อง จะต้องมีบางคนที่ห้ามใจตัวเองได้ว่าจะไม่ทำอย่างนั้น หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจจะมีคนมาบอกฉันก็ได้ว่าห้องน้ำนั้นมีรู เธอเอาตัวเองไปวัดคนอื่นไม่ได้หรอกนายต่อ ข้อสมมุติของเธอยังไงก็เป็นแค่ข้อสมมุติ มันเป็นความคิดของเธอเองเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเพราะมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์" ขนิษฐาอดยิ้มไม่ได้ "ไม่แน่ว่าสักวันฉันจะลองพิสูจน์ข้อสมมุตินี้ของเธอ" ขนิษฐาหน้าแดง "ถ้าฉันใจถึงพอ"
 
  อาจารย์สาวอ่านต่อ เธอคิดว่าเรียงความของเด็กนี่ก็ใช่ว่าจะไร้สาระไปเสียทีเดียว บางช่วงทำให้เธออดคิดตามไปด้วยไม่ได้
 
  "ถึงตรงนี้อาจารย์อาจจะนึกแย้งว่าเป็นไปไม่ได้หรอก จะต้องมีบางคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง และอดใจได้ที่จะไม่ทำอย่างนั้น"
  "แน่ะ รู้อีก" อาจารย์สาวหัวเราะ เด็กนี่ฉลาดเหมือนกัน ทายใจเธอได้ถูกต้อง ขนิษฐารู้สึกว่าเขามีลูกเล่นแพรวพราวในการเขียน ทำให้เธอต้องอ่านข้อความของเขาต่อไป ทั้งๆที่บทความเของเขาออกแนวเอ็กซ์มากๆ "ยังไงฉันก็ต้องอ่านให้จบอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องมายั่วฉันหรอก" ขนิษฐาพึมพำแล้วอ่านต่อ
 
   "ถึงตรงนี้อาจารย์อาจจะนึกแย้งว่าเป็นไปไม่ได้หรอก จะต้องมีบางคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง และอดใจได้ที่จะไม่ทำอย่างนั้น ผมจะบอกให้ว่า ไม่มีหรอกไอ้เด็กที่โง่บัดซบแบบนั้น ทันทีที่อาจารย์ถือขันเดินไปที่ห้องน้ำ พวกเด็กนักเรียนทุกคนก็แข็งเป็นกระบอง"
   
   ขนิษฐาหน้าแดง แม้สิโรจน์จะไม่เขียนตรงๆว่าอะไรที่แข็งเป็นกระบอง แต่เธออ่านแค่นี้เธอก็แทบจะเห็นภาพแล้ว หญิงสาวขยับขาเสียดสีไปมาสองสามครั้ง นึกภาพตัวเองนุ่งกระโจมอกไปอาบน้ำ โดยมีเด็กผู้ชายแอบมองมาทางเธอ เธอไม่ต้องมองก็รู้ว่าพวกนั้น กำลังดูเธอเดินอยู่ และตรงส่วนนั้นกำลังแข็งเป็นกระบอง พวกนั้นมองสะโพกมองก้นที่บิดไหวไปมายามที่เธอเดิน และเมื่อเธอเข้าห้องน้ำ รูทุกรูในนั้นก็มีสายตาของเด็กอยู่เต็ม แม้ในเรียงความของสิโรจน์จะบอกว่าเธอไม่รู้ว่าเด็กๆแอบดูเธออยู่ แต่ในจินตนาการของเธอแล้วเธอรู้ รู้ว่าเด็กพวกนั้นกำลังแอบดูอยู่ ขนิษฐาผสมผสานจินตนาการของตัวเองไปกับบทความของสิโรจน์โดยไม่ตั้งใจ มันทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งขึ้น อาจารย์สาวรู้สึกถึงหัวนมของเธอได้แข็งตัวชูชันขึ้นมาในทันใด มือที่ลูบคลึงฐานเต้าของตัวเองก็เปลี่ยนมาใช้นิ้วเขี่ยบี้ที่หัวนมสีชมพูอันงดงามเปล่งปลั่งนั้น
   
   "อาจารย์ขนิษฐา ไปอาบน้ำแล้วโว๊ย"
   "ไปแอบดูอาจารย์ขนิษฐาอาบน้ำกันเถอะ"
   "อยากรู้จังว่าหน้าสวยๆแบบนี้ พอแก้ผ้าทั้งตัวจะสวยขนาดไหน"
   "นมใหญ่แน่นอนอยู่แล้วล่ะ แค่เห็นข้างนอกยังอวบอูมดันผ้าแทบระเบิด"
   "อูยยย ดูซิวะ ผิวขาวชิบหาย สะโพกก็ใหญ่ชะมัด"
   "ก้นก็งอนชิบ โอย เดินสายตูดแบบนี้ อยากจะจับบีบคลึงเคล้นหนักๆจริงๆ"
    “โอย ไม่ไหวแล้วอาจารย์ ขอจับนมสักทีสองทีได้มั้ยครับ”
“ขอผมจับด้วยครับอาจารย์ จับเบาๆไม่ให้อาจารย์เจ็บหรอก”

   
   ขนิษฐาหายใจแรง ถ้อยคำของเขาเริ่มบรรยายหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ แต่มันเร้าอารมณ์เธอให้พลุ่งพล่านจนหยุดอ่านไม่ได้ และทุกคำบรรยายมันผสานเข้ามาในจินตนาการราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริง...
   
   "พวกเด็กๆจะพูดถึงอาจารย์แบบนั้น แต่อาจารย์ไม่ได้ยิน อาจารย์จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ" ขนิษฐาอ่านเรียงความ 18+ ของสิโรจน์ต่อไป มือก็คลึงเคล้าไปที่ปทุมถันคู่ใหญ่ของตัวเองทั้งสองเต้า ..สลับกันไปมา เต้าซ้าย...เต้าขวา

...อูยยยย....นี่หรือที่เด็กๆต้องการเห็น...นมขาวๆของฉัน..อยากเห็นกันหรือ..... จินตนาการของขนิษฐาพลุ่งพล่านขณะอ่านมันไปเรื่อยๆ

   "...อาจารย์ไม่ได้ยิน อาจารย์จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ พอประตูปิด พวกวัยรุ่นก็กรูกันไปที่ผนัง มันมีรูอยู่ที่ผนังทุกด้าน รูมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ทุกรูมีคนจับจองเต็มไปหมด ทุกคนอยากดูอาจารย์แก้ผ้า..."
     
    ################
  รักร้อนซ่อนแค้น 7 รู้จักฉันน้อยไปแล้วล่ะ
   
   "...อาจารย์ไม่ได้ยิน อาจารย์จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ พอประตูปิด พวกวัยรุ่นก็กรูกันไปที่ผนัง มันมีรูอยู่ที่ผนังทุกด้าน รูมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ทุกรูมีคนจับจองเต็มไปหมด ทุกคนอยากดูอาจารย์แก้ผ้า..."
   
   "ถอดเลยครับอาจารย์ ถอดเลย" พวกเด็กนักเรียนตะโกนเชียร์ในใจแต่ไม่มีใครส่งเสียง
   
   แม้จะมีคนแอบดูกันเต็มไปหมด แต่บรรยากาศตรงนั้นเงียบกริบ ขืนให้อาจารย์ได้ยินก็อดดูน่ะซิ!
   
   อาจารย์ขนิษฐาไม่รู้ตัว เธอนึกว่าเด็กนอนพักกันอยู่บนเรือน เพราะมันเป็นเวลาดึกสงัด โธ่..ผมละสุดจะสงสาร อาจารย์คนสวยของผมไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังเป็นเหยื่อทางสายตาของเด็กๆ ทุกตารางนิ้วในเรือนร่างของอาจารย์จะไม่เป็นความลับสำหรับพวกเราอีกต่อไปแล้ว...
   
   ...โดยเฉพาะตรงหีของอาจารย์ อา...ผมคิดว่าพงขนตรงนี้ของอาจารย์จะต้องดกดำ นุ่มสลวยแล้วโคกสวาทของอาจารย์จะต้องอวบอูมเป็นหลังเต่าอย่างแสนสวย ผมคิดถูกหรือไม่กำลังจะรู้กันแล้ว เพราะอาจารย์กำลังจะอวดให้พวกเราได้เห็นโดยไม่รู้ตัว...
   
   ขนิษฐาหน้าแดงซ่าน เธอเป็นสาวเต็มตัวก็ต้องมีอารมณ์ตามธรรมชาติ ซึ่งถ้ามีอารมณ์เธอก็ต้องช่วยตัวเอง จะไปให้ใครช่วยได้ยังไง เธอเป็นสาวโสดนี่นา ...เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทั้งหญิงและชายซึ่งเธอไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อมาเจอเด็กแสบบรรยายเหตุการณ์อย่างสุดเสียว ก็ไม่แปลกใจที่ขนิษฐาจะถือโอกาสเอามาสร้างบรรยากาศในการพาตัวเองขึ้นสวรรค์เสียเลย ขนิษฐาคิดว่าถึงเธอจะทำหรือไม่ทำให้ตัวเองไอ้เด็กแสบนั้นก็ไม่รู้อยู่แล้ว จะต้องไปกลัวอะไร... ยิ่งอ่านยิ่งเสียวซ่าน เธอรู้สึกซอกหลืบส่วนนั้นของตัวเองเริ่มมีน้ำเหนียวๆซึมมาบ้างแล้ว มือที่ลูบไล้เต้าอวบใหญ่เลื่อนต่ำ ผ่านหน้าท้องอันแบนราบ.....  สายตาก็กวาดอ่าน ข้อความต่อไป...

แม้จะถูกกระตุ้นจนเสียว แต่ข้อความหลายประโยคก็ทำให้อาจารย์สาวรู้สึกขัดเคืองในอารมณ์
   
   "พวกเด็กๆแอบดูฉันอาบน้ำ บ้าจริงๆ คนเยอะแยะขนาดนั้น ฉันไม่รู้ตัวได้ไง" ขนิษฐาบ่นขณะอ่านต่อ
   
   "อื้อฮือ... นมใหญ่จริงๆคนสวย ทำไมนมอาจารย์ใหญ่ขนาดนี้" เด็กบางคนคิด แม้ว่าอาจารย์จะยังไม่ได้ถอดผ้าถุงออก แต่ทรวงอกที่อวบอิ่มที่อยู่ใต้ผ้านั้นมันฟ้องถึงขนาดอันโอฬารอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเนินอกที่ขาวเนียนนั้นทำเอาพวกเราตาโตเป็นไข่อ่าน
   
   แล้วอาจารย์ขนิษฐาก็ไม่ทำให้พวกเราต้องผิดหวัง เพราะหลังจากอาจารย์ส่องกระจกชื่นชมความงามของตัวเอง อาจารย์ก็ปลดผ้าถุง ...แล้วถอดมันออกไปทางปลายเท้า
   
   "อูยยยยย" พวกเด็กนักเรียนร้องอุทานกันระงม ควยทุกคนแข็งโด่กันขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

 "อาจารย์ช่างสวยเหลือเกิน สวยราวกับนางฟ้า ทรวงอกของอาจารย์อวบใหญ่และหัวนมก็เป็นสีชมพูจริงๆด้วย หมอยอาจารย์ก็ดกดำ แล้วโคกหีก็อวบอูมเป็นหลังเต่าอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด"
   
   "ตอนนี้เด็กนักเรียนบางคนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว บางคนเริ่มสาวไอ้จ้อนของตัวเอง ส่วนอาจารย์ขนิษฐาของผมก็ยังไม่รู้ตัว เธอเดินนมกระเพื่อมไปที่ฝักบัว แล้วน้ออาบอย่างสดชื่น แถมอาจารย์ยังร้องเพลงเสียงหวานโดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาหื่นๆทุกคู่ต่างมองทุกซอกทุกมุมของอาจารย์อย่างหื่นกระหาย"
   
   ขนิษฐาหอบหายใจแรง มือที่จับสมุดเริ่มมีอาการสั่น ในขณะที่นิ้วเริ่มสาวในร่องสวาทของตัวเอง
   
   เธออ่านเรียงความสุดสยิวของสิโรจน์แล้วจินตนาการตามอย่างวาบหวาม และเมื่ออ่านจบมันก็ส่งเธอขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆกับ น้ำแตกกระจายไปตามการชักนิ้วที่เร็วราวกับลูกสูบของรถเฟอรารี่ อาจารย์สาวหอบหายใจแรงแหงนคอเริ่ด ตาหลับพริ้มขณะที่หน้าท้องยุบๆพองๆ วาบๆ เพราะแรงกระสัน
   
   "ร้ายกาจจริงๆ เรียงความของเด็กคนนี้" ขนิษฐาพึมพำ
   
   อาจารย์สาวนอนแช่น้ำอยู่ชั่วครู่ ก็เริ่มชำระล้างตัวโดยเฉพาะตรงร่องสวาทนั้นถูกเธอทาถูชำระล้างจนใหม่เอี่ยมอ่อง สะอาดจนคุณดมความสะอาดได้ จากนั้นก็ออกมานอนดูทีวี
   
   แต่ขนิษฐาไม่ได้ใส่ใจกับรายการในทีวีเลย เธอครุ่นคิดแต่ว่าเธอจะจัดการกับเด็กแสบนั้นยังไง
   
   ถึงเรียงความของเขาจะสร้างความเสียวจนพาเธอขึ้นสวรรค์ แต่การเขียนเรียงความแบบนี้มาให้เธอซึ่งเป็นอาจารย์ของเขานั้นมันไม่ถูกต้อง
   
   "ฉันเป็นอาจารย์นายนะโว๊ย" ขนิษฐาบ่น “ไม่ใช่เพื่อนเล่นสักหน่อย”

ขนิษฐาประเมินจากนิสัยของสิโรจน์แล้วคิดว่า  เขาต้องการยั่วโทสะเธอ สิโรจน์จะต้องคิดว่าถ้าเธอเห็นเด็กเขียนข้อความลามกมาให้เธออ่านแล้วเธอจะต้องโมโหจนตัวสั่น และถ้าเธอโมโหจริงก็จะเข้าทางเขา ถ้าเธอเรียกเขามาแล้วเขาเห็นเธอโมโหเขาก็จะแอบหัวเราะชอบใจแม้ว่าอาจจะไม่แสดงออก
   
   หุหุหุ หารู้ไม่ว่าฉันเหนือชั้นกว่าที่นายคิด ฉันอ่านจนจบเลยล่ะ และนายจะต้องโดนฉันสั่งสอน ขนิษฐาคิด
   
   ...แต่จะสั่งสอนยังไง
   
   เจ้าเด็กนี่มันไม่เหมือนเด็กธรรมดา เราจะลงโทษแบบธรรมดาไม่ได้ เขาเขียนมาแบบนี้จะต้องประเมินไว้แล้วว่ามีโอกาสจะโดนลงโทษแบบไหนบ้าง ถึงจะตีให้ตูดลายมันก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร เขายอมรับการลงโทษทางปกติได้ทุกวิธี
   
   ....ดังนั้นถ้าเราลงโทษโดยวิธีปกติก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเด็กคนนี้ได้
   
   เจอเด็กพิสดารก็ต้องใช้วิธีพิสดาร!
   
   งานนี้นายเจอของจริงแน่นายต่อ!
   
   รู้จักฉันน้อยไปแล้วล่ะ!
   
   "หุๆๆๆๆ เหอๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" ขนิษฐาอ้าปากหัวเราะเสียงดังลั่นบ้านด้วยความภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง
   
       ################
     
      ...โปรดติดตามตอนต่อไป
   
   "เสียงอะไรอ่ะ แม่" ชานนสะดุ้งขณะกำลังนอนอ่านหนังสือเพลินๆอยู่บนเตียงจนต้องถามมยุรีภรรยาของเขา
   "เสียงยัยนิดหัวเราะน่ะ คงดูละครตลกจนกลั้นไม่อยู่ ลูกคนนี้เส้นตื้น" มยุรีซึ่งนั่งตะไบเล็บอยู่พูดตอบโดยไม่หันมามอง....


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
รักร้อนซ่อนแค้น 8 ลูกสองยังสวยไม่สร่าง
   
   ….เจอเด็กพิสดารก็ต้องใช้วิธีพิสดาร!
   
   งานนี้นายเจอของจริงแน่นายต่อ!
   
   รู้จักฉันน้อยไปแล้วล่ะ!
   
   "หุๆๆๆๆ เหอๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" ขนิษฐาอ้าปากหัวเราะเสียงดังลั่นบ้านด้วยความภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง
   
   ################
   
   "เสียงอะไรอ่ะ แม่" ชานนสะดุ้งขณะกำลังนอนอ่านหนังสือเพลินๆอยู่บนเตียงจนต้องถามมยุรีภรรยาของเขา
   "เสียงยัยนิดหัวเราะน่ะ คงดูละครตลกจนกลั้นไม่อยู่ ลูกคนนี้เส้นตื้น" มยุรีซึ่งนั่งตะไบเล็บอยู่พูดตอบโดยไม่หันมามอง....
   "ดึกแล้วนะแม่ พ่อว่าเรานอนกันได้แล้วมั๊ง"
   "พ่อก็นอนไปก่อนซิ แม่ยังทำเล็บไม่เสร็จเลย"
   "พ่อนอนคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องมีแม่มานอนด้วย" ชานนอ้อน
   "เอ๊ะ เกี่ยวกันเหรอ"
   "เกี่ยวมากเลยสำหรับตอนนี้" ชานนมองมยุรีที่สวมชุดนอนบางเบา แสงไฟทำให้เขามองทะลุผ้าไปเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของภรรยารำไร ซึ่งแม้มยุรีจะไม่ใช่สาวๆแล้ว แต่เธอดูแลร่างกายดี สัดส่วนในร่างยังสวยเซ็กซี่ แม้เธอจะนั่งหันหลังให้แต่ท่อนเอ็นของเขาก็ลุกปึ๋งปั๋งเมื่อได้เห็นร่องก้นผ่านชุดนอนบางเบานั้นรำไร  ชานนแทบจะอดใจไม่ไหว จะปล้ำเมียรักเสียให้ได้ แต่กลัวภรรยาดุจึงต้องใจเย็นค่อยๆออดอ้อนไปตามประสาสามีที่ดี

"นอนเถอะนะ ที่รัก" ชานนอ้อนเสียงหวาน "มยุรีคนสวยจ๋า ชานนอยากกอดรีน๊าาา"
   
   มยุรีไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของสามี เธอนั่งทำเล็บต่อไปอย่างเพลิดเพลิน
   
   "นี่ พ่อว่ายัยนิดจะแอบไปมีแฟนโดยเราไม่รู้มั้ย"
   "พ่อว่าไม่มีหรอก" ชานนตอบอย่างมั่นใจ
   "ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น"
   "ถ้ามี ยัยนิดก็ต้องมีพฤติกรรมผิดปกติน่ะซิ"
   "อย่างเช่น..."
   "อย่างเช่น ต้องใช้โทรศัพท์บ่อยขึ้น กลับบ้านไม่ตรงเวลาเป็นประจำ พ่อว่าถ้านิดมีแฟนจริงๆ แม่น่ะแหละจะสังเกตุเห็นก่อนคนอื่นด้วยซ้ำไป คนอย่างยัยนิดเก็บความลับไม่อยู่หรอก" ชานนพูด
   "งั้นหรือ เสียดายจัง"
   "เสียดายทำไม เดี๋ยวก็มีเอง แม่ก็ใจร้อนไปได้"
   "พ่อก็รู้ว่า แม่รักเด็ก แม่อยากมีเด็กเล็กๆในบ้าน ให้กอดได้ อุ้มได้" มยุรีพูด
   "โถ เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นยาก" ชานนยิ้ม
   
    มยุรีหันขวับ "คุณมีวิธีทำให้ยัยนิดมีแฟนแล้วหรือ"
    "เปล่า แม่ก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบฝืนใจลูก"
    "แล้วทำไมบอกไม่เห็นยาก ยัยนิดไม่มีแฟนแล้วจะมีเด็กได้ยังไง"
    "ยัยนิดไม่มี แม่ก็มีเองซิ"
    "ว๊ายยยย" มยุรีร้องอุทานเพราะ ชานนโผเข้ามาดึงร่างอวบอัดของเธอลงไปกอดฟัดบนเตียง "ปล่อยก่อนนะ อะไรของพ่อเนี่ย" มยุรีร้อง
    "ปล่อย พ่อก็เป็นกระบือแล้วล่ะ" ชานนกอดแล้วหอมแก้มมยุรีอย่างเมามันส์ "สวยอวบอัดขนาดนี้ ใครจะปล่อย อื้อฮือ แก้มฮ๊อมหอม"
    "พ่อนี่ไปตายอดตายอยากจากไหนเนี่ย"
    "ไม่ได้ตายอดตายอยาก แต่เห็นชุดนอนแม่แล้วทนไม่ไหว ทำไมมันเซ็กซี่ได้ใจขนาดนี้"
    "เซ็กซี่ตรงไหน"
    "ก็มันบ๊างบาง เห็นหมดเลย นมก็ใหญ่ สะโพกก็บึ้บบั้บ ดูซิดำๆตรงนี้ยังเห็นเลย โอ้โฮใหญ่มากๆ นี่มันใหญ่กว่าเดิมอีกนะเนี่ย แม่ไปศัลยกรรมมาเหรอ ซี๊ดสสสสส นี่แม่จะยั่วพ่อใช่มั๊ยล่ะ"
    มยุรีหน้าแดง
    "ใครจะไปยั่วก็ใส่แบบนี้ทุกวัน นี่ ปล่อยนะ โอเคๆ ยอมแล้วละ พ่อจ๋าาาา ปล่อยก่อนนะ แม่หายใจไม่ออก"
    "มีอารมณ์แล้วใช่มั๊ย" ชานนกระซิบเสียงกระหยิ่มยิ้มย่อง มือเริ่มไต่ไปมาบนปทุมถันอวบใหญ่ของมยุรี "อยากเหมือนกันล่ะซิ ยอมรับมาเหอะ"
    มยุรีหัวเราะคิก
    "ตัวเองอยาก แต่มาว่าเค้าอยาก"
    "ถ้าตัวเองไม่อยาก ทำไมยอมให้เค้าบีบนมไม่หยุดแบบนี้ล่ะ"
    มยุรีหน้าร้อนผ่าว
    "ก็ถ้าเค้าบอกให้ปล่อย ตัวเองจะปล่อยมั๊ยล่ะ"
    "บอกแล้วว่าปล่อยก็เป็นกระบือ ตัวเองว่าเค้าหน้าเหมือนกระบือมั๊ยล่ะ"
    มยุรียิ้ม
    "ดูๆไปก็คล้าย"
   "น่าสงสารมยุรีคนสวย อยู่ดีๆก็ไปคว้ากระบือมาเป็นผัว"
   "คนบ้าอะไร  ยอมรับว่าตัวเองเป็นกระบือ อูยยยยย"
   "มีเมียสวยขนาดนี้ เป็นกระบือก็ไม่เห็นเป็นไร"
   "อูยยย เบาๆก่อนนะนน รีบอกแล้วไงว่ายอมแล้ว"
   "เบาแล้วมันจะไปสนุกอะไรล่ะ โอววว ยิ่งบีบยิ่งมันส์ ซี๊ดสสสสสส  อื้อฮือ นมรีนี่สุดยอดเลย ยังเต่งตึงสู้มือนนอยู่เลยนะเนี่ย รู้มั้ย"
   "ไม่ต้องมายอกันหรอก แก่แล้วจะเต่งตึงได้ไง อูยยยยย"
   "คนแก่ที่ไหนจะมีนมสวยแบบนี้ อูยยย ซี๊ดดดดด มันส์มือดีจัง รีจ๋า ถอดชุดนอนออกนะ"
   "ไม่เห็นต้องถอดเลย ชุดนอนบางๆแค่นี้ทำไม่ได้เหรอ ไหนคุยว่าเก่ง"
   "ก็ทำได้ แต่นนอยากสัมผัสเนื้อล้วนนี่นา แบบนี้มันเกะกะ ถอดเถอะนะ รีจ๋าาาาา เค้าไหว้ตัวเองก็ได้"
“ไม่ถอด”
“ไม่ถอด เค้าฉีกนะ”
   "ก็ได้ ถอดก็ถอด นี่ถ้าไม่ใช่นน รีไม่ยอมหรอกนะ"
   "อ๋อ ลองให้คนอื่นมาถอดซิ นนฆ่าตายแน่ ของๆใครของใครก็หวง" ชานนทำเป็นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มยุรีหัวเราะคิก
   "ทำไมนนโหดอย่างนี้ ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอ"
   "หมายถึงฆ่าตัวตายน่ะ นนทนไม่ได้หรอกถ้ารีจะต้องไปเป็นของคนอื่น นนตายเสียดีกว่า อื้อฮือ ชื่นใจเหลือเกิน ยอดรัก ผิวคุณเนียนนุ๊มนุ่ม หอมหวานที่สุด รีจ๋า... รีนี่สวยไม่สร่างจริงๆ ยิ่งอายุมากยิ่งสวย"
   
   มยุรีหน้าแดง ชานนถอดชุดนอนเธอออกไปจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อน ร่างอวบอัดขาวโพลนสวยละลานตาอยู่ในแสงไฟ ชานนจ้องไปทั่วทั้งเรือนร่างของเธอทั้งๆที่เห็นมาจนนับครั้งไม่ถ้วน มยุรีถ้งจะมีอายุแล้ว แต่เรือนร่างของเธอยังสวยมาก ผิวขาวนวลเนียน ทรวงอกที่อวบใหญ่เพียงคล้อยมาเล็กน้อยเท่านั้น มยุรีแม้จะมีอายุแล้ว แต่เธอมีใบหน้าสวยหมดจด สง่างามสมวัย สวยแบบที่เรียกว่ากระดังงารนไฟ สวยสง่าแบบนี้มานอนแก้ผ้าให้เห็นมันทำให้ผู้ชายมีอารมณ์ยิ่งกว่าเห็นสาวๆด้วยซ้ำไป ไม่ต้องแปลกใจที่ชานนจะทนไม่ไหว ต้องซุกหน้าคลุกเคล้าไปกับสองเต้าอวบใหญ่นั้นอย่างเมามันส์ จากเต้าซ้ายย้ายไปขวา จากขวาย้ายมาซ้าย มือก็บีบคลำคลึงเคล้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เล่นเอามยุรีกึงกับหงายหน้าหลับตาพริ้ม ตัวสั่นสะท้านด้วยความเสียวแผ่ซ่านไปทั้งทั้งร่าง
   
“อูยย นนขาาาาา เบาๆหน่อยค่ะ ซี๊ดสสสส”   
"อือๆๆ ซี๊ดสสส รีจ๋า...นมรีอวบใหญ่เต็มไม้เต็มมือจริงๆที่รัก นุ่มมือมากๆ"
   "อูยยย ซี๊ดสสสส นนขาาาา รีเสียวเหลือเกิน อูยยยยย อย่าดูดหัวนมแรง รีเสียววววววว ซี๊ดสสส ซี๊ดสสสสส" มยุรีบอกอย่าๆแต่มือเธอกดหัวของชานนขณะที่เขาอ้าปากขบเม้มดูดหัวนมดังซ๊วบๆๆ สาวสวยบิดกายไหวด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามกระตุกวาบๆ สูดปากครางเสียงสะท้าน "ซี๊ดสสสสส นนขา เบาๆ รีเสียวเหลือเกิน ซี๊ดสสสสสสส"
   
    ชานนถอนปากออกจากหัวนมที่แข็งเป็นไตด้วยความเสียวซ่านของมยุรี เขามองหน้าสุดสวยของภรรยาพลางถาม
    "ตกลง ยอมนนแล้วใช่มั้ย"
    มยุรีหน้าแดงซ่านด้วยความรัญจวนใจ เธอค้อนเขาอย่างน่ารัก
“ไม่ยอมจะมานอนแก้ผ้าให้นนบีบขยำไปทั้งตัวแบบนี้หรือ” มยุรีแกล้งดุ
ชานนหัวเราะ
มยุรีค้อนเขาอย่างสุดงามอีกครั้ง เลือดที่สูบฉีดไปตามพวงแก้มจนแดงระเรื่อทำให้มยุรีสวยเย้ายวนกระตุ้นให้ชานนมีอารมณ์มากขึ้น
    "รีนี่สวยชะมัดเลย นี่อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย นนเบลอไปหมดแล้ว”
“ปากหวานอีกแล้ว”
“ไม่ใช่ปากหวานแต่พูดจากหัวใจเลยล่ะ รีจ๋า รีสวยจริงๆ รู้มั้ย นนรักรีที่สุด รักรีคนเดียว ในชีวตของนนไม่ขอมีผู้หญิงอื่นอีกตลอดชีวิต"
    มยุรีมองดวงตาของชานนอย่างหวานซึ้ง ....เธอรักผู้ชายคนนี้หมดหัวใจเช่นกัน
    "รีรู้ค่ะ รีก็รักนน รักนนที่สุด"
    "งั้นนนเอาใส่แล้วนะ"
   มยุรีหน้าแดงซ่าน
   "บอกว่ายอมไปตั้งนานแล้วไง อูยยยย"
   มยุรีร้องครางทันทีที่ชานนเอาท่อนเอ็นสอดใส่เข้ามาในร่างเธอ สาวสวยแทบขาดใจขณะที่ชานนเริ่มสาวท่อนเนื้อใส่เธอ เขาทำอย่างชำนาญและมีชั้นเชิง จากเช้าๆ แล้วค่อยๆแรงขึ้นๆ แรงขึ้น ปากก็พร่ำพรรณนาถึงความสวยและความรักที่เขามีต่อเธอ มยุรียอมรับการกระแทกกระทั้นของเขาอย่างเต็มใจ แถมยังเด้งสะโพกขึ้นอย่างรู้งาน มันเป็นความหฤหรรษ์เหมือนกับทุกๆครั้งที่ทั้งคู่มีอะไรกัน นับตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งนี้ ความสุขยังเต็มเปี่ยม และไม่เคยลดน้อยลง ...เธอรักเขาและเขาก็รักเธอ ชานนรู้วิธีกระตุ้นอารมณ์ภรรยารัก และเขาพาเธอไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในที่สุด...
   
   ################
   รักร้อนซ่อนแค้น 9 สวยใครสวยมัน
   
   ลานจอดรถชั้น 13 อาคารมาด้า เดเวอล็อปเมนท์

รปภ ร่างอ้วนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืนทักทาย เมื่อเห็น รปภ ตัวดำเดินตรงเข้ามา
   
   "ลุงทิม ไหนบอกจะไปซื้อของนิดเดียว ทำไมไปนานจัง" อ้วน รปภ ประจำลานจอดรถชั้น 13 เอ่ยปากถาม
   "เจอเพื่อนเก่าว่ะ แวะกินเหล้ากันนิดหน่อย" ทิมตอบ

ลุงทิมเป็นยามตัวดำฟันหลอ แม้วัยจะเลยห้าสิบไปแล้ว แต่แกชอบเล่นกล้ามเป็นประจำ ทำให้ร่างกายกำยำแข็งแรง

   "กินเหล้า" อ้วนอุทาน "นี่มันเวลางานนะลุง นี่ถ้าผู้ใหญ่รู้ว่าลุงกินเหล้าเวลางานลุงโดนเล่นแน่"
   "ไอ้ห่า มึงไม่บอกแล้วใครจะรู้วะว่ากูไปกินเหล้า ดึกอย่างนี้ไม่มีใครมาตรวจหรอก ป่านนี้พวกผู้บริหารนอนกกเมียอยู่ที่บ้านกันหมดแล้ว"
   "หัวหน้าเราไงจะมาตรวจ" อ้วนพูด
   "พี่สิงห์กับกูซี๊กันโว๊ย" ลุงทิมคุยโว
   "งั้นลองให้ผมบอกพี่สิงห์มั้ยล่ะ"
   "ส้นตีนดิ ถึงซี๊กัน แต่ไม่ให้แกรู้ดีกว่า ไม่อยากโดนด่า"
   อ้วนหัวเราะ
   "โธ่ นึกว่าแน่ อื้อฮือ ท่าจะกินมาหนักเหมือนกันนะ กลิ่นหึ่งเลย"
   "หน่อยเดียวเอง กินแค่ครึ้มๆ อ้าว แล้วนี่ยังไม่ปิดประตู ยังมีคนอยู่ในตึกอีกหรือวะ"
   "เหลือคุณปูอีกคนครับ รถยังจอดอยู่ตรงโน้นเลย เมื่อกี๊ผมเดินลงไปก็เห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่"
   "ทำอะไรจนดึกขนาดนี้วะ"
   "สงสัย ผู้บริหารคงสั่งให้ทำงานให้เสร็จคืนนี้ เห็นว่าโดนดุมาตั้งแต่เช้า"
   "สวยขนาดนั้นยังมีคนดุลงอีกเหรอ ใจร้ายจริงๆ ผู้บริหารคนไหนวะ"
   อ้วนยิ้ม
   "ผมไม่รู้ขนาดนั้นหรอก นี่ลุงคงชอบคุณปูล่ะซิ"
   "เลิฟเลยหล่ะ คนอะไรสวยบาดตาบาดใจ อกเอวสะโพกสวยยวนใจไปหมด รู้มั้ยว่าแค่คิดถึงหุ่นอวบๆของคุณปูกูก็ใจสั่นไปหมด น่าเสียดาย เขามันคนละระดับเรา วาสนาทิมคงได้แค่ฝัน"
   "ใครว่า ลุงยังมีโอกาสจะมีความสุขกับเค้าน๊า"
   "ยังไงวะ"
   "จำหน้าเขาไว้แล้วเก็บไปชักว่าวที่บ้าน"
   "เดี๋ยวกูเตะ แม่ง ลามปามนะมึง มาหลอกให้กูดีใจ" ทิมพูดแล้วก็หัวเราะ
   อ้วนก็หัวเราะชอบใจ
   "เอ๊า ผมพูดเรื่องจริงนี่ลุง"
   "เออ กูก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แค่คิดให้เคลิ้มๆ ใครใช้ให้เราความรู้ต่ำ เป็นยามกระจอกๆแบบนี้ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเข้าไปจีบ"
   "ถึงความรู้เยอะ ก็หมดสิทธิอยู่ดี อายุตั้งเท่าไรแล้วล่ะลุง"
   "อายุไม่เกี่ยวโว๊ย"
   "แล้วเมียลุงล่ะ"
   "เมียก็ไม่เกี่ยว"
   "อ้าว"
   "ไม่ต้องอ้าว ผู้ชายมีเมียหลายคนมันเรื่องธรรมดา ขนาดขุนแผนยังมีหลายคนเลย"
   อ้วนหัวเราะ
   "ปลงเหอะลุง อย่าว่าแต่ลุงเลย ขนาดพี่สิงห์แกเพียรจีบเช้าจีบเย็น ไม่เห็นเค้าจะสนใจ" อ้วนพูด
   "แหงละ ตัวอย่างกับยักษ์ หน้าตาก็สุดโหด แบบนั้นพวกสาวออฟฟิชเค้าไม่สนหรอก มันต้องหล่อแบบเนี๊ยบๆ ระดับผู้บริหารหรืออาเสี่ย อย่างคุณธีรศักดิ์ หรือ คุณธีรยุทธนั่น ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะไม่ต้องจีบเยอะ เค้าก็โอเค"
   "คุณธีรศักดิ์คงยาก แฟนสวยอย่างกับนางฟ้า คุณปูสวยก็จริงแต่ทาบไม่ติด"
“เวอร์แล้วมึง”
“ของจริงเลยล่ะลุง”
   "ทำอย่างกะเคยเห็น" ทิมพูด ท่าทางไม่พอใจที่ยามรุ่นน้องมาว่ามีคนสวยกว่านางในดวงใจ
   "เคยเห็นซิ ไอ้เต่าชั้น 8 เคยเอารูปให้ดู สวยบาดใจจริงๆ เห็นว่าเป็นครูที่ไหนสักที่ อ้อ จำชื่อได้แล้ว ชื่อจุฑารัตน์ คนนี้สวยจริงๆ ไม่ใช่ผมเวอร์นะ ผมรับประกันได้เลยว่า ถ้าเล่นหนังต้องเป็นนางเอก  ถ้าประกวดนางสาวไทยต้องได้ที่ 1 สวยจนผมฟิน" อ้วนทำตาเคลิ้ม
   "หุหุหุ พูดซะคุณปูกูหมองไปเลย" ลุงทิมหัวเราะกร่อยๆ รู้สึกเคืองอ้วนอยู่ไม่น้อย
   "สวยกว่าก็สวยกว่า ผมนี่ให้คะแนนยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่มีลำเอียง" อ้วนยืนยันหนักแน่น
   "กูไม่เชื่อหรอกว่าครูนั่นจะสวยกว่าคุณปูของกู"
   "โธ่ คุณปูของลุงน่ะ อย่าว่าเอาไปเทียบกับแฟนคุณธีรศักดิ์เลย ขนาดในตึกเราก็มีคนสวยกว่าหลายคน"
   "ตัวอย่างเช่น" ลุงทิมชักเคืองหนักขึ้น
   "คิดแบบเร็วๆ ก็เช่นคุณอรไง"
   "อรไหนวะ"
   "คุณอรรุจิ น้องสาวคุณธีรศักดิ์ไง สวยกว่าแน่ๆ แล้วยังมีอีกเช่น คุณนุช คุณเกรซ คุณเก๋ คุณหนิง นี่ยังไม่นับสาวๆในฝ่ายขาย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เช่นคุณเอ๋ คุณกิ่ง คุณ..."
   "พอๆๆๆ ทำไมมันยอะจังวะ"
   "อ้าว ก็ที่สวยกว่าคุณปูมันเยอะจริงๆนี่"
   "พูดตามตรงที่มึงบอกมายางชื่อกูยังไม่รู้จักเลย แล้วที่กูเห็นๆนี่ก็ไม่มีใครสวยกว่าคุณปูสักคน"
   "ผมว่าลุงเคยเห็นล่ะ แต่ลุงไม่ใส่ใจเพราะมัวแต่หลงเสน่ห์คุณปู ส่วนคุณอรรุจินี่ยังไงลุงต้องจำได้แน่ๆ ลุงว่า สวยกว่าคุณปูของลุงมั้ยล่ะ"
   "คุณอรรุจิก็สวย แต่กูว่ายังไงคุณปูก็สวยกว่าว่ะ คุณอรผอมไปหน่อย ไม่อวบอัดนมเป็นนมตูดเป็นตูดแบบคุณปู"
   "ลุงนี่ตาถั่วแล้ว ลองไปถามใครก็ได้ว่าคุณอรกับคุณปูใครสวยกว่ากัน"
   "คนอื่นว่ายังไงมันก็เรื่องของเขา เขาเห็นคุณอรสวย แต่กูว่าคุณปูสวยกว่านี่หว่า ของแบบนี้มันนานาจิตตังโว๊ย" ลุงทิมพูด
   "ผมว่าลุงหลงคุณปูจนหน้ามืดตามัว เลยลำเอียงไปโดยไม่รู้ตัว"
   "อ้าว บอกแล้วไงว่ามันนานานจิตตัง มันมีมาตรวัดรึไงความสวยเนี่ย มันก็สวยใครสวยมันโว๊ย อย่างเมียกูนี่ กูอาจจะมองว่าสวยกว่านางสาวไทยก็ได้"
   "โห ถ้าลุงพูดถึงขนาดนี้ ผมคงไม่มีเหตุผลจะไปเถียงแล้วล่ะ" อ้วนพูดแล้วก็หัวเราะ
   "ว่าแต่แฟนคุณธีรศักดิ์นี่สวยจัดเลยเหรอวะ" ลุงทิมยังข้องใจ “หรือมึงแกล้งพูดยั่วโมโหกู
   "สวยจัดเลยล่ะ ขนาดคุณอรที่ผมเชียร์ว่าสวยที่สุดแล้ว ยังสวยสู้แฟนคุณธีรศักดิ์ไม่ได้จริงๆ"   อ้วนพูดอย่างจริงจัง "คุณอรเนี่ยเธอสวยเพราะแต่งหน้าจัด ถ้าล้างเครื่องสำอางหมดไม่รู้จะยังสวยแบบนี้ไหม แต่ครูจุฑารัตน์แฟนคุณธีรศักดิ์นี่สวยธรรมชาติเลย ที่ผมเห็นในรูปเธอไม่ได้แต่งหน้าอะไรเลย เรียกว่าหน้าสดๆ สวยหวานหยด นี่ถ้าแต่งหน้าจัดๆแบบคุณอรนะ ผมว่าคุณอรก็ทาบไม่ติดเหมือนกัน" อ้วยยืนยัน
   "พูดอย่างนี้ชักอยากเห็นเหมือนกัน" ลุงทิมพูด
   "ทีหลังจะเอารูปมาให้ดู"
   "เออ อยากดูซิว่าจะสวยสักแค่ไหน แต่บอกไว้ก่อนถึงจะสวยยังไงก็อย่างมาสีลุงทิมเสียให้ยาก เพราะหัวใจลุงทิมมีแต่คุณปูคนเดียวเท่านั้น"
   "แล้วเมียลุงล่ะ"
   "อย่าพูดให้เสียบรรยากาศ" ทิมดุ "เอ ทำไมวันนี้คุณปูทำงานดึกจังวะ ไม่ออกมาเสียที ยังไม่เสร็จอีกหรือนี่ ฝ่ายบุคคลไม่เคยอยู่ดึกขนาดนี้เลยนี่หว่า"
   "สงสัยทำงานที่เป็นความลับด้วยนะ" อ้วนพูด
   "รู้ได้ไง"  ทิมถาม
   "พราะเธออยู่คนเดียวในห้อง" อ้วนตอบ "ไม่ให้ลูกน้องอยู่ช่วยแสดงว่าไม่อยากให้ลูกน้องรู้ว่าทำอะไร เพราะฉะนั้น ต้องเป็นงานลับแน่ๆ" อ้วนวิเคราะห์
   "งานอะไรหว่า โดนผู้บริหารด่า แล้วยังต้องอยู่ทำจนดึกอีก ฝ่ายบุคคลมีงานอะไรต้องทำขนาดนั้น ฝ่ายบัญชีก็ไปอย่าง"
   "แหม ลุงพูดเหมือนกับมีความรู้เนาะ"
   "เอ๊า กูอยู่มานานนี่หว่า รู้ว่าฝ่ายไหนอยู่ดึกเป็นประจำ ฝ่ายไหนไม่เคยอยู่" ลุงทิมอธิบายแล้วถอนหายใจ "เฮ้อ น่าสงสาร คุณปู ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต"
   "พูดตามตรง ผมไม่ค่อยสงสารเท่าไหร่หรอก ผมว่าคุณปูแกหยิ่งไปหน่อย ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ไม่เคยยิ้มให้ผมเลย ผมส่งยิ้มก็ไม่เคยยิ้มตอบ จริงๆนะลุง ตั้งแต่มาอยู่นี่หล่อนยังไม่เคยยิ้มให้ผมสักครั้งเลย"
   "เออ อย่าว่าแต่มึงเลย กูอยู่มาก่อนมึง ยังไม่เคยยิ้มให้กูเหมือนกัน เห็นยิ้มให้แต่พี่สิงห์"
   "ผมถึงว่าเธอหยิ่งไง"
   "ไม่ถึงกับหยิ่งหรอก แค่ถือตัวหน่อยๆเท่านั้น"
   "แต่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลควรมีมนุษย์สัมพันธ์ดีกับลูกน้องหรือเปล่าล่ะ เอ แต่ยิ้มให้พิ่สิงห์คนเดียว หรือว่าจริงๆ แล้วคุณปูก็มีใจให้พี่สิงห์เหมือนกัน ไม่ยิ้มให้ยามคนอื่น แต่ยิ้มให้พี่สิงห์ มันก็มีเค้าเหมือนกันน๊า"
   "ไม่มีใจหรอก เธอมีเรื่องขอให้พี่สิงห์ช่วยบ่อยๆ ก็เลยยิ้มผูกมิตรไว้" ทิมพูด "เอาไว้ใช้งานไง"
   "น่าสงสารพี่สิงห์ รักเขาข้างเดียว"
   "พี่สิงห์เค้าไม่คิดอย่างนั้นหรอกโว๊ย เขาคิดว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน"
   "แล้วลุงว่าหินอย่างคุณปูจะกร่อนมั้ย"
   "ชาติหน้าตอนบ่ายๆเลย บอกแล้วว่าพี่สิงห์มันไม่ใช่สเปคของสาวออฟฟิช ระหว่างพี่สิงห์กับกูหล่อนเลือกกูไม่ดีกว่าเหรอ กูหน้าตาดีกว่าเยอะ" ทิมพูดอย่างมีอารมณ์ขัน
   "ฟันหลอ ตัวดำอย่างลุงนี่นะ"
   "เออ" ลุงทิมตอบแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมๆกัน
   
   กริ๊ง เสียงกระดิ่งที่ลิฟท์ดังขึ้น
   
   "เงียบก่อนลุง คุณปูมาแล้ว" อ้วนพูด แล้วชวนลุงทิมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพากันเดินไปที่ประตู เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกึกๆใกล้เขามา ทั้งอ้วนกับลุงทิมรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลแน่ๆ เพราะตอนนี้ในตึกเหลือเธออยู่คนเดียวเท่านั้น...
   
   ################


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
รักร้อนซ่อนแค้น 10 บทเรียนราคาแพง
   
   ราตรี เดินออกมาจากลิฟท์ หญิงสาวอยู่ในชุดสูทผู้หญิงเข้ารูปสีดำตัดกับเสื้อในสีขาวสะอาด กระโปรงยาวคลุมเข่าเรียบร้อย สวยเนี๊ยบตามประสาผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานแม้กระทั่งการแต่งตัว ถึงผู้จัดการคนสวยจะอยู่ในชุดสูทเรียบร้อย แต่ทรวดทรงองค์เอวที่อร้าอร่าม ทั้งหน้าอกที่อวบใหญ่จนแทบจะล้นทะลักออกมานอกชุด รวมกับสะโพกที่ผายอวบอัด ทำให้ลุงทิมกับอ้วนถึงกับมองตาเป็นมัน
   
   "สวัสดีครับคุณปู" อ้วนยิ้มทักทายอย่างนอบน้อม เมื่อสาวสวยเดินออกจากประตู
   "ทำไมวันนี้กลับดึกจังครับ" ลุงทิมเอ่ยปากถามด้วยความนอบน้อมยิ่งกว่าอ้วน
   
    ราตรีไม่ตอบคำทักทาย แต่ออกคำสั่งแทน
   
   "ปิดล็อคประตูให้เรียบร้อย"
   "ครับผม"
   
   อ้วนกับทิมยกมือวันทยาหัตถ์อย่างแข็งขัน ทิมเหม่อมองผู้จัดการในดวงใจเดินจากไปอย่างเหม่อลอย
   
   "อ้วน มึงดูซิวะ คุณปูสวยยิ่งกว่านางฟ้า สวยขนาดนี้แล้วมึงยังจะบอกอีกมั้ยว่ามีคนสวยกว่าคุณปู ดูเอว สะโพกสิ มึง โอย เร้าใจสุดๆ ก้นก็อวบอิ่มน่ารักเหลือเกิน คุณปูจ๋า คุณปูของทิม ทำไมสวยอย่างนี้"
   
   อ้วนหัวเราะ
   "พอเหอะลุง อย่าเพ้อมาก แล้วเช็ดน้ำลายบ้าง จะหกเรี่ยราดแล้ว"
   "ไอ้บ้า กูกำลังฟิน ไม่ถึงกับน้ำลายหกสักหน่อย"
   
   อ้วนเดินไปล็อคประตู ลุงทิมก็เดินตามไปช่วยคล้องโซ่
   
   "มึงเห็นมั้ยไอ้อ้วน คุณปูสวยยิ่งกว่านางฟ้าแบบนี้ มึงยังจะว่ามีคนสวยกว่าอีกรึเปล่า" ลุงทิมถามซ้ำซาก
   "ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพูดยังไงลุงก็ไม่เชื่อผม แล้วจะถามทำไมอีก เดี๋ยวผมเอารูปครูจุฑารัตน์มาให้ลุงดูเอง"
   "กูไม่อยากดูรูปครูจุอะไรของมึงแล้ว ยิ่งเห็นคุณปูจะๆแบบนี้ยิ่งชัดว่าคุณปูสวยที่สุดในโลก" ลุงทิมเอ่ย
   "หลงจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วลุงน่ะ เป็นเอามาก" อ้วนหัวเราะ "แล้วที่แน่ๆน่ะ เธอหยิ่ง ดูซิ เราสองคนพูดทักทาย คุณปูเธอตอบสักคำมั้ย"
   "เธอทำงานมาเหนื่อยๆ คงไม่อยากคุยอะไรแล้ว เค้าจะรีบกลับบ้าน" ลุงทิมแก้ตัวให้
   "เธอไม่อยากคุยกับเรามากกว่า ถ้าจะคุยกับเราก็แค่จะสั่งงานเท่านั้น ไม่คุยอย่างอื่น อย่างตะกี๊ไงที่สั่งให้เราล็อคประตู โธ่ ถึงไม่สั่งเราก็ต้องล็อคอยู่แล้ว จะสั่งเพื่อ?"
   "มึงนี่บ่นเป็นคนแก่ เขาเป็นคนรอบคอบเขาก็ต้องสั่งไว้ก่อน" ลุงทิมพูด "นี่อย่าว่าแต่สั่งให้ล็อคประตูเลย จะสั่งอะไรลุงทิมก็ยินดีทำหมด"
   "ถ้าสั่งให้ไปฆ่าคนล่ะ" อ้วมถาม
   "ไอ้คนนั้นตายแน่นอน"
   "ถ้าสั่งให้ฆ่าตัวตายล่ะ"
   "ลุงทิมคนนี้ยินดีจะตายเพื่อคุณปูได้อยู่แล้ว" ลุงทิมยืดอกตอบอย่างชายชาติทหาร
   "เจริญ" อ้วนประชดแล้วก็หัวเราะ
   "กูพูดจริงนะโว๊ย ไม่ใช่พูดส่งเดช เฮ้อ คืนนี้จะนอนหลับมั๊ยเนี่ยกู เจอหน้าคนสวยแบบนี้"
   "ลุงจะหลับได้ไง ลุงต้องอยู่ยามกับผม" อ้วนพูด
   
   ลุงทิมไม่สนใจ
   
   "อ้วนเอ๊ย" ลุงทิมพูด "มึงลองจับหน้าอกกูดูซิ ใจกูยังเต้นตุ้บๆอยู่เลย เห็นคุณปูทีไรใจสั่นไปหมด"
   
   อ้วนล็อคประตูคล้องโซ่เสร็จก็พอดีได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงดัง
   
   "เสียงคุณปูนี่"
   
   อ้วนพูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นลุงทิมวิ่งไปทางที่จอดรถของราตรีแล้ว ชายร่างอ้วนรีบวิ่งตามไปทันที
   
   "เกิดอะไรขึ้นครับคุณปู" ลุงทิมถามอย่างเป็นห่วง แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่นางในดวงใจของเขายืนอยู่อย่างเป็นปกติด้านข้างรถยนต์ของเธอ แต่ใบหน้าสวยของหญิงสาวแดงก่ำ
   "มีอะไรครับคุณปู" อ้วนถามทันทีที่วิ่งตามาถึง
   "มีคนกรีดรถฉัน ทางด้านนี้ มาดูซิ" ราตรีชี้ไปที่ด้านข้างรถตรงที่เธอยืนอยู่
   
   ลุงทิมกับอ้วนเดินไปด้านข้างผู้จัดการสาว ก็เห็นรอยขูดที่ด้านข้างรถเป็นทางยาวตั้งแต่ประตูหน้าไปจนถึงประตูหลัง รอยกรีดนั้นลึกจนเห็นเนื้อเหล็ก ลุงทิมกับอ้วนหน้าซีดพร้อมกันโดยมิต้องนัดหมาย รถผู้บริหารถูกขูดระหว่างที่ทั้งสองเข้าเวรมันคือความหายนะของตัวเองชัดๆ ลุงทิมหันไปหาผู้จัดการสาว ก็เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ลุงทิมยิ่งหน้าซีดเข้าไปใหญ่
   
   "ใครขูดรถฉัน" ราตรีถามเสียงกร้าว
   "ผม...ผม...ผมไม่...เห็นครับ" ลุงทิมตอบเหมือนคนติดอ่าง "ต..แต่..เดี๋ยว..ดูกล้อง.วงจรปิดก็รู้ครับ"
   "กล้องตัวนี้มันเสียครับลุง" อ้วนพูดกับลุงทิม
   
   ลุงทิมอยากจะกระทืบยามรุ่นหลานเสียตรงนี้ แล้วอย่างที่ลุงคิด คำพูดของอ้วนทำให้ราตรียิ่งโมโหมากขึ้น
   
   "ตรงนี้เป็นที่จอดรถผู้บริหาร ปกติต้องมีคนเฝ้าอยู่ที่นี่คนนึงไม่ใช่หรือ"
   "ค..ครับ" ลุงทิมตอบ
   "แล้วทำไมฉันไม่เห็น" ราตรีพูดเอาเรื่อง "ใครเป็นคนเฝ้าตรงนี้"
   
   ลุงทิมกับอ้วนหันไปมองหน้ากัน
   
   "ใครเข้าเวรเฝ้าตรงนี้" ราตรีถามย้ำเสียงดังขึ้น
   "ผมเองครับ" ลุงทิมกัดฟันตอบ
   "แล้วทำไมไม่เห็นคนขูดรถฉัน" ราตรีถาม
   "มันคงจะแอบมาขูดตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำ" ลุงทิมตอบ
   "แต่ตามกฏ ถ้ามีคนจะไปเข้าห้องน้ำ จะต้องมีอีกคนมาอยู่ตรงนี้แทนเพื่อกันไม่ให้คนอื่นมาจอดตรงที่จอดรถของบริหาร" ราตรีท่องกฏให้ทั้งคู่ฟัง
   "ครับ ผมทราบครับ แต่พอดีตอนนั้นผมก็ปวดท้องเหมือนกัน เลยไม่มีคนอยู่เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย" อ้วนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ "คุณปูไปมีเรื่องกับใครรึเปล่าครับ" อ้วนถามเสียงอ่อยๆ แต่ราตรีได้ฟังยิ่งโกรธมากขึ้น
   "แกไม่ต้องมาถามว่าฉันมีเรื่องอะไรกับใคร มันไม่เกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะถ้าพวกแกไม่ทิ้งหน้าที่ก็ไม่มีใครมาขูดรถฉันตรงนี้ได้"
   "แต่ผมบอกแล้วว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เราปวดท้องจนทนไม่ไหวจริงๆครับ มันปวดพร้อมกัน  ทนไม่ไหวจริงๆครับ" อ้วนยังแถไปหน้าด้านๆ ส่วนลุงทิมหน้าซีดพูดอะไรไม่ออก ด้วยสมองแทบจะหยุดทำงานไปกะทันหัน
   "ฉันไม่เชื่อที่พวกแกบอก ยิ่งตานี่กลิ่นเหล้าหึ่ง แสดงว่าแอบกินเหล้าในเวลางานกันใช่มั้ย"
   
   ลุงทิมหน้าซีดแล้วซีดอีก ส่วนอ้วนพูดอะไรไม่ออก เพราะหลักฐานจากปากลุงมันส่งกลิ่นชัดเจนเกินกว่าจะแก้ตัวอะไรได้ ถ้าอ้วนจะบอกว่าลุงกินคนเดียว ราตรีก็คงไม่เชื่อ แล้วอ้วนก็จะไม่เอาตัวรอดคนเดียวด้วย
   
   "ใช่มั้ย พวกแกแอบกินเหล้าในเวลางานกันใช่มั้ย" ราตรีคาดคั้น
   "ผม ผมขอโทษครับคุณปู ผมรับปากว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก" อ้วนพูด
   "อ้อ แต่รถฉันมันโดนขูดไปแล้วนะ"
   "ผมกับไอ้อ้วนจะชดใช้ให้ครับ คุณปูซ่อมเท่าไหร่เอาบิลมาเก็บจากพวกผมได้เลยครับ" ลุงทิมรีบตอบ
   "ให้ฉันเอาบิลมาเบิกกับพวกแก?"
   "ครับ"
   "ไม่ต้องหรอก" ราตรีพูด "แต่ฉันจะแจ้งไปที่หัวหน้าพวกแก ให้รู้ว่าลูกน้องเค้ากินเหล้าระหว่างทำงานและทำให้รถฉันโดนขูด"
   "อย่านะครับคุณปู ผมขอร้อง ผมจะจ่ายให้ทั้งหมด แล้วจะชดเชยค่าทำขวัญให้ คุณปูจะเอาเท่าไหร่ผมจะจ่ายให้หมดเลย" ลุงทิมวิงวอนเสียงสั่น
   "อย่าแจ้งหัวหน้านะครับคุณปู" อ้วนวิงวอนบ้าง "ลุงทิมเคยถูกภาคฑันฑ์ไว้แล้ว ถ้าโดนแจ้งซ้ำ ลุงทิมต้องโดนไล่ออกแน่"
   "อ้อ เคยโดนแล้วไม่หลาบจำ ยังสมควรได้รับโอกาสอีกมั้ย ไม่มีทาง ฉันจะรายงานเรื่องนี้"
   
   ลุงทิมเข่าทรุด ลงไปกองกับพื้น ชายเฒ่าเอ่ยปากวิงวอนอย่างน่าสงสาร
   
   "ผมกราบล่ะครับคุณปู อย่ารายงานหัวหน้าเลย ผมตกงานไม่ได้ ผมต้องเลี้ยงดูลูกเมีย"
   "กฏต้องเป็นกฏ ฉันช่วยอะไรไม่ได้" ราตรีเสียงแข็ง วันนี้เธอเครียดมาตั้งแต่เช้าทั้งโดนผู้บริหารดุ เรื่องของนายสมชัย แล้วยังต้องทำงานดึกดื่น ออกมาก็โดนขูดรถ ยามไม่อยู่ไปกินเหล้า กล้องวงจรปิดก็เสีย นี่มันเกินจุดที่เธอจะทนได้ไปนานแล้วจึงไม่ต้องแปลกใจที่เธอจะเอาความซวยทั้งหมดที่เธอได้รับมาทั้งวันไปลงที่ยามทั้งสองคน
   
   "ผมกราบล่ะครับคุณปู ผมกราบแล้ว อย่ารายงานเลยครับ" ลุงทิมก้มกราบลงไปที่เท้าของราตรีจริงๆ
   "กฏต้องเป็นกฏ" ราตรีกล่าวย้ำ แล้วจบการสนทนาด้วยการเดินไปเปิดประตูรถ
   
   ลุงทิมไม่ยอม แกวิ่งไปจับประตูไว้ไม่ให้ปิด
   
   "อย่านะครับคุณปู อย่ารายงาน สงสารผมเถอะผมตกงานไม่ได้จริงๆ" ลุงทิมพูด
   "อย่ารายงานครับคุณปู สงสารลุงทิมเถอะครับ" อ้วนช่วยวิงวอนบ้าง
   "แกไปวิงวอนหัวหน้าแกดีกว่า มาวิงวอนฉันไม่มีประโยชน์ ปล่อย" ราตรีพูดเสียงเด็ดขาด
   
   ลุงทิมเม้มปากแน่น แต่ก็ยอมปล่อยมือจากประตูรถ
   
   "ตกงานก็ดี" ราตรีหันมาพูด

ลุงทิมยืนนิ่ง ใบหน้าดำคล้ำไร้อารมณ์ความรู้สึกเพราะรู้ว่าถึงจะวิงวอนไปก็คงไม่ทำให้ราตรีใจอ่อนอะไรได้อีกแล้ว

ราตรียิ้มแล้วเอ่ยย้ำ "ตกงานแบบนี้ จะได้จำไว้เป็นบทเรียนว่าอย่ากินเหล้าเวลางานอีก” ราตรีพูด “แก่แล้วนะแกเนี่ย จะตกงานได้อีกกี่ครั้ง"
   
################
 รักร้อนซ่อนแค้น 11 อย่าได้หวั่น มันแค่ยาม
   
   ราตรีปิดประตูรถพร้อมกับรอยยิ้มที่เฉิดฉันท์ รอยยิ้มที่ลุงทิมอยากได้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอ และลุงทิมไม่เคยได้รับ ทว่ายามนี้รอยยิ้มที่ลุงรอคอยมันไม่ได้สร้างความสุขสมหวังให้กับลุงแม้แต่น้อย
   
   ...มันเป็นรอยยิ้มที่เยาะเย้ย เหยียดหยัน หรืออาจจะสะใจที่ลุงทิมต้องถูกไล่ออกเพราะปล่อยให้รถของเธอถูกขูด

   "แก่แล้วนะแกเนี่ย จะตกงานได้อีกกี่ครั้ง" ถ้อยคำสุดท้ายที่ลุงทิมได้รับจากนางฟ้าในดวงใจ ...นี่คือรางวัลตอบแทนความจงรักภักดีที่เขามีต่อเธอใช่มั้ย?

ลุงทิมรับไม่ได้! ลุงทิมไม่กลัวตกงาน แต่ลุงไม่อยากจากเธอไปแบบนี้
   
   ราตรีก้มหน้าก้มตาไขกุญแจสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มบ่งบอกถึงคุณภาพของรถราคาแพงสมเป็นรถประจำตำแหน่งผู้จัดการ แต่เมื่อเธอเงยหน้ามาก็เห็นลุงทิมยืนขวางอยู่ด้านหน้ารถ

   "หลีกไป ฉันจะออกแล้ว" ราตรีเปิดกระจกรถตะโกน
   
   ลุงทิมยืนยิ่ง
   
   "หลีกไป ฉันจะออกแล้ว" ราตรีตะโกนย้ำ
   
   ลุงทิมยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน
   
   "บ้าหรือเปล่าตาแก่เนี่ย หรือว่าช็อคจนเสียสติไปแล้ว แค่ตกงานนี่นะ ไม่ใช่โลกแตกสักหน่อย" ราตรีพึมพำกับตัวเอง "ขับชนซะเลยดีมั้ย" ราตรีบ่นไม่หยุด
   
   เมื่อลุงทิมไม่ยอมขยับ ผู้จัดการสาวจำใจต้องเปิดประตูรถเดินกลับไปหาลุงทิม
   
   "หลีกไปฉันจะกลับแล้ว แกจะมาดันทุรังยืนขวางหรือวิงวอนอะไรก็เสียแรงเปล่าๆ ไปเตรียมหาเหตุผลมาอธิบายกับหัวหน้าแกเถอะ ถ้าแกแต่งเรื่องดีๆ เขาอาจจะให้โอกาสแกอีกครั้งก็ได้" ราตรีเอ่ยเสียงเรียบ หญิงสาวพยายามระงับอารมณ์โกรธไม่ให้วีนออกไป
   
   "ขอโอกาสผมเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ยครับ คุณปู" ลุงทิมเอ่ยพร้อมกับเผลอเอื้อมมือไปกุมมือของราตรีเพื่อวิงวอน แต่นั่นยิ่งสร้างความโกรธให้ราตรีมากขึ้นเพราะคิดว่าตายามแก่นี่จะลวนลามเธอ
   "เอ๊ะ นี่แกจะแต๊ะอั๋งฉันหรือ ตาแก่ตัณหากลับ" ราตรีชักมือกลับแล้วฟาดบนแก้มลุงทิมดังเพี๊ยะ
   
   ลุงทิมร้องเสียงดัง  ฝ่ามือของราตรีไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวด แต่มันไปกระตุ้นให้ชายวัยห้าสิบกลางๆโมโหสุดขีด ความรักความแค้นที่ถูกกักเก็บไว้ถึงจุดระเบิด!
   
   "กูทนไม่ไหวแล้วนะโว๊ย จะให้กูอ้อนวอนไปถึงไหน  มานี่" ลุงทิมกระชากแขนราตรีเต็มแรง
   "แกจะทำอะไร ไอ้บ้า ปล่อยฉัน" ราตรีตะโกน
   
   หญิงสาวพยายามดิ้นสะบัดให้หลุด แต่อุ้งมือของชายที่เล่นกล้ามมาตลอดชีวิตนั้นแข็งแกร่งแน่นหนาราวปลอกเหล็ก ราตรีไม่มีโอกาสจะดิ้นหลุดเลยแม้แต่น้อย ร่างอวบอัดถูกลากไปที่หน้ารถ ยามเฒ่าจับเธอคว่ำหน้าลงกับกระโปรงรถที่สั่นสะเทือนจากแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ที่เธอสตาร์ทค้างไว้ มันยังอุ่นๆเพราะเพิ่งถูกสตาร์ทขึ้นมา ....แต่มันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
   
   "ปล่อย...ปล่อยฉัน...แกจะทำอะไร ปล่อยฉันนะไอ้บ้า แกบ้าไปแล้วหรือ"
   
   ราตรีดิ้นไปตะโกนไป แต่ลุงทิมกดเธอไว้แน่น หญิงสาวแทบจะขยับอะไรไม่ได้เลย ถึงตอนนี้หญิงสาวเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว มันคงบ้าไปแล้ว ไอ้ยามนี่ต้องสติแตกไปแล้วแน่ๆ เธอหันไปหายามตัวอ้วนๆอีกคน เห็นมันยืนดูอยู่ห่างๆ ยืนซื่อบื้อเหมือนไม่เห็นว่าตาลุงนี่ทำอะไรกับเธอ
   
   "ดูเฉยอยู่ทำไม ไอ้อ้วน มาเอาตาแก่นี่ออกไป มันสติแตกไปแล้ว" เธอร้องสั่งยามอ้วนเสียงสั่น
   "เปล่าประโยชน์ ลุงทิมแข็งแรงมาก แกเล่นกล้ามทุกวัน ผมสู้แรงลุงไม่ได้" อ้วนพูด   
   
   ราตรีเม้มปากแน่น ไอ้อ้วนมันมองเธอถูกยามบ้ากดลงกับกระโปรงรถด้วยดวงตาเฉยเมย ไม่มีทีท่าจะขยับเคลื่อนไหวทำอะไรทั้งนั้น แล้วมันก็คงไม่ทำถ้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไร
   
   "เอามันออกไปจากฉัน แล้วฉันจะตอบแทนแก ให้แกได้เลื่อนตำแหน่ง" ราตรีพูด
   "ขอโทษครับคุณปู ผมบอกแล้วว่าผมสู้แรงลุงไม่ได้ คุณปูต้องวิงวอนลุงทิมเอง ถ้าคุณปูวิงวอนแกอาจจะยอมใจอ่อน" อ้วนพูด
   
   ไอ้บ้า..แม่งบ้ากันทั้งสองคน หญิงสาวคิดในใจ เธอทั้งโกรธทั้งกลัว ตัวสั่นสะท้านไปหมด แต่หญิงสาวเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลรู้จักธรรมชาติของมนุษย์ รู้วิธีจะจัดการกับคนทุกรูปแบบ เธอเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์รวมทั้งยามทั้งสองอย่างรวดเร็ว
   
   ท่าทีของไอ้ยามอ้วนมันอยู่ฝ่ายเดียวกับตาลุงบ้า ไม่มีทางที่มันจะช่วยเธอ
   
   ส่วนตาลุงนี่สติแตกไปแล้ว ขืนเธอยังทำอาละวาดใส่มัน มันต้องเล่นงานเธออ่วมแน่ ความจริงแล้วมันไม่ได้อยากจะทำร้ายเธอเลย ตอนแรกมันยังพูดกับเธอนอบน้อม ที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันถูกเธอกดดันจนโมโหคุมสติตัวเองไม่ได้ เธอต้องหาทางทำให้สติมันกลับคืนมา ถ้ามันได้สติรู้จักใช้เหตุผล มันจะรู้ว่าไม่ควรทำอะไรโง่ๆแบบนี้ แล้วเธอก็จะเอาตัวรอดไปได้แบบไม่ยาก
   
   ....อย่าไปหวั่นมันก็แค่ยามโง่ๆที่สติแตกเท่านั้น....เราเอาอยู่น่า
   
   ...หญิงสาวตั้งสติคิดหาทางอออกอย่างรวดเร็วในสถานการณ์คับขัน ปากก็เอ่ยกับยามแก่ที่กดเธออยู่
   
   "ใจเย็นๆ ยาม ใจเย็นๆ" หญิงสาวพูดเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด "มีอะไรค่อยๆคุยกันได้นะ"

   ลุงทิมหัวเราะ บดร่างแข็งแกร่งของตัวเองทาบทับไปบนแผ่นหลังของเธอ แนบหน้าไปที่ข้างหู กลิ่นหอมของหญิงสาวรวยรินเข้ามาในจมูก หลังของเธอก็นุ่ม ก้นของเธอก็นุ่ม นอนทับร่างของเธอแบบนี้ทำให้ท่อนเอ็นของเขาบดเบียดอยู่ตรงก้นของเธอพอดี และมันก็กำลังแข็งตัวขึ้นมาด้วย และราตรีก็รู้สึกได้ถึงดุ้นแข็งๆทีทาบทับอยู่ตรงร่องก้นเธอ แม้จะมีกระโปรงกั้น แต่ความแข็งเป็นลำของมันก็ทำให้เธอรู้สึกได้ หญิงสาวรู้สึกขยะแขยงแต่ไม่กล้าให้มันรู้ว่าเธอรู้สึก เธอได้แต่นอนคว่ำนิ่งๆอยู่บนกระโปรงรถ เลิกที่จะดิ้นขัดขืนพร้อมกับพยายามคุมสติไว้
   
   ลุงทิมรู้สึกพอใจที่หญิงสาวไม่ได้ดิ้นรนอีก การได้นอนทันร่างอวบอิ่มนุ่มนิ่มของผู้จัดการสาว ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอย่างไม่เคยเป็น
   
   "ใจเย็นๆยาม ใจเย็นๆ" หญิงสาวพูดซ้ำ "ฉันเลิกดิ้นแล้วเห็นมั้ย เราคุยกันได้แล้วใช่มั้ย"
   "จะคุยอะไรกันได้อีก" ลุงทิมพูด
   "ปล่อยฉันก่อนซิ ตรงฝากระโปรงนี่มันร้อน ฉันทนไม่ไหว"
   "ทนไม่ไหวก็ต้องทน เพราะผมจะไม่ปล่อยคุณ มีอะไรก็พูดมาตรงนี้ ผมกำลังฟัง"
   "ปล่อยฉันเถอะ บอกแล้วไงว่าฝากระโปรงมันร้อน ยืนคุยกันดีๆดีกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องรถถูกขูดแล้ว ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่"
   "ยังไง"
   "ฉันจะไม่รายงานเรื่องรถฉันถูกขูด"
   "ผมไม่เชื่อ เมื่อกี๊คุณยังขู่ฟ่อๆ อยู่ๆก็กลายมาเป็นคนใจดีซะงั้น เฮอะๆๆๆ"
   "เมื่อกี๊ฉันโมโหเลยพูดไปโดยไม่คิด ตอนนี้ฉันหายโมโหแล้ว ฉันจะไม่รายงานเรื่องนี้ ฉันสงสารแก"
   "สงสารมากเลยใช่มั้ย"
   "ใช่ ความจริงแล้วฉันไม่ใช่คนใจร้าย ฉันแค่โมโหไปชั่ววูบ"
   "แล้วที่ตบผมเมื่อครู่นี่ก็อารมณ์ชั่ววูบใช่มั้ย"
   "ฉันขอโทษ ฉันนึกว่าแกจะลวนลามฉัน"
   "แล้วตอนนี้ไม่คิดว่าผมลวนลามแล้วหรือ"
   "ไม่หรอก ตอนนั้นแกก็โกรธเหมือนกัน แกจับมือฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ"
   "แล้วตอนนี้ล่ะ ผมกำลังทับร่างคุณอยู่ คิดว่าผมกำลังลวนลามคุณอยู่มั้ย" ลุงทิมกระซิบถึงข้างหูเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวนั้นทำให้เธอขนลุก
   
   ################


Offline kk2fly

  • Super Master Hero
  • **********
    • Posts: 216
    • เสียว: 0
    • View Profile
เก่งจริงๆ ฮ่ะ
ขอบคุณครับ



Offline thep59

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 1217
    • เสียว: 11
    • View Profile
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ