close buttonclose buttonclose button
อุบัติเหตุจริง ๆ นะ 1-3

อุบัติเหตุจริง ๆ นะ 1-3

เรื่องเสียว · 160314

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว


“พงษ์ เฮ้ย ไอ้พงษ์”
พีรพงษ์สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานเรียก เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตระเตรียมงานนำเสนอของบริษัทอยู่ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้เผลอหวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ นั้นอีกจนได้
“ตื่นแล้วเหรอวะ โน่นโว้ย ผู้จัดการกำลังเดินมาหามึงแน่ะ” ประสงค์บุ้ยปากบอกเพื่อน
พีรพงษ์หันไปมองก็เห็นวิลาสินีก้าวฉับ ๆ มาหาเขา เธอเดินด้วยความรีบร้อนแต่มั่นคงทั้งที่สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดและต้องเบียด แทรกไปตามช่องว่างอันน้อยนิดระหว่างโต๊ะทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้
“ว่าไงจ๊ะพงษ์ งานนำเสนอบ่ายนี้พร้อมแล้วหรือยัง” วิลาสินีเอ่ยถาม
“ครับคุณวิ ผมกำลังตรวจสอบเป็นครั้งที่สามเพื่อความมั่นใจครับ แต่เพื่อกันพลาด ผมจะเอาโน้ตบุ้คสำรองกับโปรเจ็คเตอร์ไปอีกตัวหนึ่งด้วยเผื่อทางลูกค้าไม่ พร้อม” พีรพงษ์เงยหน้าตอบ
วิลาสินียิ้มออกมาด้วยความพอใจ พีรพงษ์อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นริมฝีปากอิ่มแดงสดเผยอออกและซี่ฟันที่ ขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบนั้น เวลาเธอยิ้มนี่ดูเด็กจริง ๆ พีรพงษ์คิดในใจ
“ดีมาก งานนี้เป็นงานสำคัญมากสำหรับบริษัทเราเลยนะ ถ้าได้งานนี้ บริษัทเราจะมีเงินทุนมากพอที่จะขยายกิจการได้ และจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ของเราด้วย พวกเธอก็จะได้โบนัสมากโขเชียวล่ะ” วิลาสินีพูด “บ่ายโมงเราเริ่มออกเดินทาง เธอเอาข้าวของไปเก็บไว้ในรถก่อนนะ”
พูดจบ วิลาสินีก็หันตัวเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เหลือเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ ตรงที่ที่หล่อนยืนอยู่ ทั้งประสงค์และพีรพงษ์มองตามหลังวิลาสินีที่เดินจากไป
“กูมองกี่ทีก็ไม่เบื่อว่ะ ก้นผู้จัดการนี่ กลมกลึงผายงอนน่าขยำขยี้ฉิบหาย หน้าตาก็ดี ทำไมยังหาแฟนไม่ได้ก็ไม่รู้ ” ประสงค์พึมพำออกมา แต่สายตายังจับจ้องก้นวิลาสินีที่ยักย้ายซ้ายขวาขณะแทรกตัวผ่านช่องระหว่าง โต๊ะทำงาน
“มึงนี่พูดอะไรหัดระวังซะมั่ง นั่นเจ้านายนะโว้ย” แต่ในใจลึก ๆ พีรพงษ์ก็อดเห็นด้วยกับเพื่อนไม่ได้ “ไม่คุยแล้วโว้ย กูยังต้องเช็คโปรแกรมสำหรับเดโมอีก บ่ายนี้ถ้าผิดพลาดล่ะก็ คอกูขาดกระเด็นแน่ ๆ”
พูดจบพีรพงษ์ก็เบือนสายตากลับมาที่จอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ แต่ในใจยังมีภาพส่วนเว้าส่วนโค้งด้านหลังของวิลาสินีติดตาตรึงใจอยู่

ก๊อก ก๊อก
เวลาบ่ายโมงตรง เสียงเคาะประตูดังขึ้น วิลาสินีเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นพีรพงษ์ในชุดเสื้อแขนยาวสีฟ้า ผูกเน็คไทสีพื้นเข้ากันกับกางเกงสีดำยืนรออยู่แล้ว เธอมองไปด้านหลังพีรพงษ์ซึ่งเป็นออฟฟิซเล็ก ๆ ของบริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้นมาจากหยาดเหงื่อแรงกายเพียงคนเดียวหลังจากใช้ เวลาร่วมสิบปีในการรวบรวมเงินทุน โต๊ะทำงานเก่า ๆ สิบกว่าโต๊ะตั้งอยู่ชิดกันจนแทบไม่มีทางเดิน กลิ่นอับ ๆ ของเอกสารปนกับกลิ่นโอโซนที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็น เครื่องมือชิ้นสำคัญของบริษัทล่องลอยอยู่ทั่ว ภายในออฟฟิซ อากาศค่อนข้างอับเพราะตัวอาคารเป็นอาคารเก่าสร้างเมื่อสี่สิบปีก่อนตั้งแต่ สมัยสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงใหม่ ๆ หน้าต่างจึงมีขนาดเล็กและมีเพียงสองบานเท่านั้น วิลาสินีคิดในใจว่า ถ้าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทครั้งนี้เป็นไปได้ดี เธอคงจะมีเงินพอที่จะเช่าออฟฟิซใหม่ใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมและสะดวกกว่า นี้ไม่ต้องมาทนอยู่กับอาคารเก่า ๆ ราคาถูก ๆ ที่ทรุดโทรมแบบนี้
“….คุณวิครับ” เสียงพีรพงษ์แว่วมากระทบหู วิลาสินีสะดุ้งแล้วเบือนสายตากลับมามองพีรพงษ์ ใบหน้าเธอแดงซ่านด้วยความอายที่เผลอให้ลูกน้องเห็นเธอตอนเหม่อลอย
“เมื่อกี๊ว่าไงเหรอจ๊ะพงษ์” วิลาสินีถามแก้เก้อ
“ผมถามว่าจะไปกันรึยังครับ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เดี๋ยวลูกค้ารอ” พีรพงษ์ตอบด้วยสีหน้าปกติ เขาต้องการให้วิลาสินีมีสมาธิจดจ่อกับการเสนอผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะมาถึงให้ มากที่สุดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“จ้ะ ไปกันเถอะ” วิลาสินีตอบแล้วหันกลับไปคว้ากระเป๋าถือและกระเป๋าเอกสารนำเสนอที่วางอยู่บน โต๊ะเล็ก ๆ ของเธอ พีรพงษ์ช่วยถือเอกสารนำเสนอให้เธอแล้วเดินตามเธอออกจากออฟฟิซไปยังที่จอดรถ ที่อยู่ด้านหน้า
ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงาน พวกพนักงานของบริษัทต่างก็หันมามองทั้งคู่แล้วส่งเสียงให้กำลังใจอวยพรให้ ประสบความสำเร็จเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าความอยู่รอดของบริษัทขึ้นอยู่กับ การนำเสนอในครั้งนี้ ถ้าผลิตภัณฑ์นี้ขายไม่ได้ บริษัทคงไม่มีเงินทุนที่จะดำเนินการต่อและพวกเขาก็ต้องตกงาน
วิลาสินีหันไปยิ้มขอบคุณให้กับกำลังใจของทุก ๆ คน จนเธอเผลอสะดุดห่วงเหล็กที่อยู่บนพื้นใกล้ประตูออฟฟิซจนเกือบล้มคะมำ ดีว่าพีรพงษ์มือไวช่วยประคองเธอไว้ได้ ด้วยอารามรีบร้อน เขาจึงทิ้งเอกสารนำเสนอในมือแล้วยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบตัววิลาสินีที่ กำลังล้มไปข้างหน้า มือข้างซ้ายของเขาโอบรัดเอวเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างเกาะกุมเต้าข้างขวาเธอไว้เต็มอุ้งมือ และในท่าที่วิลาสินีล้มคะมำไปข้างหน้าและพีรพงษ์ถลาเข้าไปประคองเธอ ทำให้ก้นงอน ๆ ของเธออัดเข้ากับควยเขาที่อยู่ในกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พีรพงษ์ก็รู้สึกอุ่นวาบที่หน้าขาเมื่อก้นนิ่ม ๆ เต็มอิ่มแนบเข้ากับตัวเขา จมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอ ทำให้ควยเขาพองตัวขึ้นมาในทันที
เมื่อวิลาสินีหายตกใจ เธอก็กลับต้องเขินอายอีกครั้งเมื่อรู้ว่าขณะนี้เธออยู่ในสภาพใด คนอื่น ๆ ในบริษัทต่างตกใจไปตาม ๆ กัน พากันวิ่งกรูตรงมาหาทั้งคู่ พีรพงษ์รีบคลายวงแขนออกแล้วขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ วิลาสินีสูดหายใจลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพงษ์ ถ้าเธอไม่คว้าฉันไว้ ป่านนี้ฉันคงหัวแตกไปแล้ว ฉันลืมไปทุกทีว่าตรงนี้มีประตูห้องใต้ดินอยู่”
คนอื่น ๆ พากันถามวิลาสินีว่าเป็นอะไรมากไหม เธอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร จากนั้นก็ขอบอกขอบใจทุกคนที่เป็นห่วงแล้วเดินออกไปที่รถ ส่วนพีรพงษ์ก็รีบก้มลงเก็บเอกสารบนพื้นแล้วตามเธอออกไปติด ๆ

“...จะเห็นได้ว่า โปรแกรมของบริษัทเราสามารถตอบสนองต่อความต้องการของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการบริการ บริหารและวิชาการ...”
เสียงหวาน ๆ ของวิลาสินีแว่วมาเข้าหูของพีรพงษ์ที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ของ คอมพิวเตอร์นำเสนอโปรแกรมระบบโรงพยาบาลของบริษัท ภายในห้องนำเสนอปิดไฟมืด มีเพียงแสงของโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายไปบนแผ่นสกรีนที่ผนังห้องเท่านั้น วิลาสินียืนอยู่ข้าง ๆ สกรีนกำลังอธิบายถึงความสามารถของโปรแกรมของบริษัทและพยายามโน้มน้าวใจให้ ผู้บริหารรพ.แห่งนี้เห็นประโยชน์ของการนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ในโรงพยาบาล
สายตาพีรพงษ์จับจ้องมองวิลาสินีที่กำลังใช้ทักษะของนักขายอย่างเต็มที่ เธออยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแขนยาวคอปก และกระโปรงรัดรูปสีดำผ่าข้างยาวลงมาเลยเข่าเล็กน้อย ชุดที่เธอสวมดูเป็นทางการและปิดบังทรวดทรงจริง ๆ ไปจนแทบไม่เห็น ยิ่งเธอเกล้าผมเป็นมวยด้านหลังและสวมแว่นตาด้วยแล้ว ยิ่งเน้นให้บุคลิกเธอเป็นผู้บริหารสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้นไป อีก
แล้วความคิดพีรพงษ์ก็แว่บกลับไปถึงวินาทีที่เขาประคองวิลาสินีก่อนที่จะมานำ เสนอ เขายังจำได้ถึงรสสัมผัสอันอ่อนนุ่มแต่เต่งตึงของปทุมถันของเธอได้ดี ความหนึบแน่นของลอนสะโพกที่เบียดบดกับหน้าขาของเขามันช่างเร้าอารมณ์หนุ่ม เหลือเกิน พีรพงษ์สะบัดศีรษะเหมือนพยายามจะไล่ความคิดลามกออกไปจากหัว และพยายามเตือนตัวเองว่า วิลาสินีเป็นใครและอายุต่างกันแค่ไหน
แต่เมื่อสายตาเขาหันไปมองใบหน้ารูปไข่ที่สะท้อนแสงจากโปรเจ็คเตอร์เบื้อง หน้า เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอช่างดูอ่อนกว่าวัยเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผิวหน้าที่ขาวเนียนนุ่มออกสีชมพูหน่อย ๆ กับจมูกเล็ก ๆ ที่ปลายเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย บวกกับดวงตากลมโตที่แม้ว่าจะอยู่หลังแว่นสายตาก็ยังดำขลับเป็นประกาย ยิ่งตอนที่เธอกำลังนำเสนอ เป็นช่วงที่เธอรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด ยิ่งดูอายุน้อยกว่าความเป็นจริงเป็นสิบปี
พีรพงษ์ทอดถอนใจยาว พักหลังมานี่เขาถอนหายใจบ่อยจนแทบติดเป็นนิสัย และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาอดหวนคิดถึงแฟนสาวของเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างในเมื่อเขาต้องพรากจากเธอมาไกลขนาดนี้
ความคิดของพีรพงษ์ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนตอนที่เขายังเรียนมัธยมปีที่ 5 เขาได้พบกับวิภาดาซึ่งเป็นรุ่นพี่เขาถึงสามปีโดยวิภาดาเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มาสอนพิเศษให้ที่โรงเรียน พีรพงษ์กับวิภาดาสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเพราะนิสัยคล้ายกันและชอบในสิ่ง เดียวกันคือคอมพิวเตอร์ จนในที่สุดความใกล้ชิดก็กลายเป็นความรักข้ามรุ่น ทั้งวิภาดาและพีรพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงค้านรอบข้างว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสม กันเพราะอายุต่างกันมากและวิภาดายังแก่กว่าด้วย ทั้งสองคนเชื่อว่าความรักระหว่างพวกเขาจะข้ามพ้นอุปสรรคทุกอย่างได้ จนวันหนึ่งเขาและเธอได้เป็นของกันและกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งคู่ พีรพงษ์ยังจำวันนั้นได้ไม่ลืมเลือน มันเป็นวันเสาร์ เขากับวิภาดาอยู่ในห้องนอนของเขาที่ชั้นสองเล่นเกมในคอมพิวเตอร์จนเมื่อย แล้วก็พากันไปนอนพักบนเตียงเขา วิภาดากับเขาเคยถึงขั้นจับมือถือแขนและกอดจูบกันมาแล้วจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไรที่ทั้งคู่จะนอนกอดก่ายกันบนเตียง แต่ครั้งนี้ดูอารมณ์ของทั้งคู่จะเลยเถิดกว่าทุกครั้ง พีรพงษ์จูบวิภาดาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง มือไม้เขาก็เหมือนหนวดปลาหมึกยุ่มย่ามไปทั่วเรือนร่างเต็มสาวของวิภาดา พีรพงษ์ถอนจูบแล้วจ้องมองสบตาวิภาดา
“ดาครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมขอเป็นเจ้าของดาในวันนี้ ผมรักดาเกินห้ามใจจริง ๆ” พีรพงษ์พูด
วิภาดาหน้าแดงก่ำและหอบหายใจน้อย ๆ หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ที่อยู่ภายใน เธอเองก็รักเขาเช่นกันและทั้งคู่ก็เคยตกลงใจแล้วว่าจะแต่งงานกันเมื่อเขา เรียนจบ เธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าเขาและเธอจะขอมีความสุขด้วยกันก่อนถึงวันนั้น อีกอย่างเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันที่ว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์มันเป็น อย่างไร
“แน้ มาขอกันดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอจ๊ะพงษ์ ดาอายนะ” เธอค้อนเขาแล้วตอบแบบไว้เชิง
“งั้นแสดงว่าดาไม่ปฏิเสธสินะครับ” พีรพงษ์สรุปเอาดื้อ ๆ วิภาดาหลบตาด้วยความเอียงอาย ยิ่งทำให้พีรพงษ์มั่นใจในคำตอบมากยิ่งขึ้น เขาประกบปากจูบเธออย่างดื่มด่ำและส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานในปากเธอ วิภาดายังเงอะ ๆ เงิ่น ๆ อยู่เพราะจูบที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นแค่เอาริมฝีปากประกบกันเท่านั้น ไม่เคยเกินเลยขนาดส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำอธิปไตยกันขนาดนี้ แต่สัญชาติญาณสั่งให้เธอส่งลิ้นไปรัดพันกับลิ้นเขาจนน้ำลายทั้งคู่ปนกันใน ปากเธอ ความรู้สึกที่ลิ้นอ่อน ๆ สัมผัสเสียดสีกันนั้นส่งกระแสความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายของวิภาดา
พอพีรพงษ์ถอนปากออก วิภาดาก็นอนตัวอ่อนระทวยอยู่บนเตียงและไม่ได้ขัดขืนเมื่อพีรพงษ์ค่อย ๆ รูดเสื้อยืดเธอออกไปจนเห็นบราเซียร์สีขาวห่อหุ้มเต้านมอวบอัดไว้ เนินอกเธอขาวผ่อง กลิ่นกายสาวบริสุทธิ์โชยขึ้นมากระทบจมูกของพีรพงษ์ทำให้เขายิ่งตื่นเต้นมาก ขึ้น วิภาดาเองก็เช่นกัน เธอไม่เคยยอมให้ใครเปลื้องเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน หัวใจเธอเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ พีรพงษ์เองก็เพิ่งเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยได้แต่ศึกษาจากวีดีโอโป๊เท่านั้น แต่เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนสอน พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปดูดหัวนมเธอทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในบรา มือข้างซ้ายก็เกาะกุมบีบเคล้นเต้าอวบข้างซ้ายไปด้วย
“อู๊ย ซี๊ด พงษ์จ๋า มันเสียวจังเลย อูย อย่าดูดแรงสิจ๊ะ” วิภาดาถึงกับส่งเสียงร้องครางออกมา
พีรพงษ์ไม่ตอบเพราะปากไม่ว่าง กลิ่นสาปสาวช่างหอมหวนยั่วใจชายยิ่งนัก ยิ่งได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวจากปากของคู่รัก ก็ยิ่งเพิ่มความกระสันต์ทะยานอยากในใจให้ลุกฮือยิ่งขึ้น เขาละปากจากหัวนมเธอแล้วจูบเรื่อยลงมาตามหน้าท้องเนียนเรียบจนถึงขอบกางเก งวอร์ม วิภาดาขนลุกซู่ด้วยความสยิว พีรพงษ์ยื่นมือไปจับขอบกางเกงแล้วรูดมันลงมา วิภาดาช่วยกระดกก้นขึ้นให้เขารูดกางเกงลงไปได้สะดวก พีรพงษ์โยนกางเกงวอร์มลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจใยดี แล้วหันไปชื่นชมเรือนร่างของวิภาดาที่อยู่บนเตียงวิภาดายกแขนข้างซ้ายขึ้นพาดปิดหน้าอก ส่วนมือขวายื่นลงไปปิดเนื้อเนินตรงหว่างขา ในตอนนี้เธอเหลือแต่เพียงบราเซียร์และกางเกงในสีขาวปิดบังเรือนร่างอยู่เท่า นั้น สายตาพีรพงษ์กวาดลงมาตั้งแต่ใบหน้าสวยหวานที่แดงซ่านด้วยความเขินอายลงมาตาม ลำคอที่ขาวผ่อง เนินอกที่อวบอิ่มมองเห็นรอยแยกของเต้าขาวแนบชิดสนิทกัน ต่ำลงมาที่หน้าท้องแบบราบคอดกิ่วแล้วผายกว้างออกที่ส่วนสะโพกเป็นรูปโค้งที่ เหมาะเจาะ จากนั้นก็ลงมาตามเรียวขาที่บิดไขว้กันอยู่ ควยพีรพงษ์ที่อยู่ในกางเกงขาสั้นแข็งจนปวดไปหมด


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
Reply #1 on: January 07, 2010, 03:46:43 pm
“จ้องอะไรเค้าแบบนั้นจ๊ะ ดาอายจังเลย” วิภาดากระซิบแล้วหลบตาเขา
“ดาสวยที่สุดเลยรู้มั้ย” พีรพงษ์พูดเหมือนละเมอ เขาไม่เคยเห็นของจริงจะจะแบบนี้มาก่อน ยิ่งเป็นของคนที่เขารักด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขากระสันต์ทะยานอยากมากยิ่งขึ้น เขารีบถอดเสื้อยืดและรูดกางเกงขาสั้นพร้อมกางเกงในออกไป ปล่อยให้ท่อนควยเขาเป็นอิสระ พอหลุดจากสิ่งกีดขวาง มันก็ชูตัวผงกหัวงึก ๆ อยากที่จะมุดเข้าร่องรูของวิภาดาเต็มที่
วิภาดาแอบมองตอนพีรพงษ์ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ในใจเธอทั้งอายทั้งตื่นเต้นที่ได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างดีอย่างพีรพงษ์เปลื้อง ผ้าอยู่เบื้องหน้า พีรพงษ์นั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนแต่เขาก็ออกกำลังกาย ด้วยการวิ่งอยู่สม่ำเสมอ ร่างกายเขาจึงเติบโตเต็มวัย ล่ำสันเกินกว่าเด็กมัธยมรุ่นเดียวกัน เธอมองต่ำลงไปจากหน้าอกที่บึกบึนจนถึงเจ้าน้องชายของเขาที่ผงกหัวทักทายเธอ เธอจ้องมันเขม็งแบบลืมอาย เธอเคยเห็นแต่ของเด็ก ๆ พอมาเจอเอาของจริงตรงหน้าเธอก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจมองมันด้วยความสนใจ ส่วนหัวมันสีแดงคล้ำ มีน้ำใส ๆ เอ่อตรงรูที่ส่วนปลาย ท่อนลำของพีรพงษ์ยาวราวห้าหกนิ้วเห็นจะได้ วิภาดารู้สึกร้อนวูบในช่องท้องเมื่อมองดูมัน น้ำเสียวก็ถูกขับออกมาจากร่องรูของเธอจนรู้สึกเปียกแฉะไปหมด
พอไร้สิ่งกีดขวาง พีรพงษ์ก็ถลาขึ้นเตียง เขาขึ้นคร่อมตัววิภาดาแล้วยกมือเธอที่ปิดหน้าอกออก จากนั้นก็สอดมือเข้าไปข้างหลังเธอเพื่อหาตะขอบรา วิภาดาช่วยแอ่นตัวขึ้นให้มือเขาเลื่อนเข้าไปใต้ตัวเธอได้สะดวก พีรพงษ์ปลดตะขอแล้วรูดบราออกจากตัววิภาดา กลิ่นกายสาวยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกเมื่อเต้าอวบของเธอเป็นอิสระ มันมีขนาดกำลังพอเหมาะ หัวนมสีชมพูระเรื่อ สั่นระริกตามการหายใจของเจ้าของ พีรพงษ์ฟุบหน้าลงไปฟอนเฟ้นเต้าทั้งสองข้างสลับกันไปพร้อมดูดเลียหัวนมไปด้วย จนมันชูชันขึ้นมา ควยเขาทิ่ม ๆ ตำ ๆ อยู่แถวหน้าขาวิภาดาช่วยเพิ่มความเสียวซ่านให้ทั้งเขาและเธอเป็นทวีคูณ
“อูยย์ เสียวจ้ะ พงษ์ ดาเสียวมากเลย โอยยย” วิภาดาสูดปากคราง พร้อมยกแขนขึ้นโอบหัวพีรพงษ์อย่างลืมตัว ขาเธอยันถีบพื้นเตียงจนผ้าปูที่นอนยับย่น พอดูดกินความหอมหวานจากยอดปทุมจนพอใจแล้ว พีรพงษ์ก็หันความสนใจมาที่ส่วนล่างของเธอ เขาเลื่อนตัวลงต่ำจนใบหน้าอยู่เหนือเนินสวาทซึ่งบัดนี้มีเพียงเนื้อผ้า กางเกงในสีขาวปิดบังอยู่เท่านั้น กลิ่นน้ำหอมปนกับกลิ่นอับน้อย ๆ โชยมาเข้าจมูกเขา พีรพงษ์ฟุบหน้าลงไปแล้วใช้ลิ้นเลียไปจนทั่วเนินอย่างไม่รังเกียจ โดยเฉพาะตรงบริเวณที่เนื้อผ้ามีรอยชื้น
“ว้าย พงษ์ไปทำอะไรตรงนั้น อูยย ดาเสียวไปหมดแล้ว ฉี่จะแตกแล้ว” วิภาดาร้องครางลั่นห้อง เธอบิดตัวไปมาด้วยความเสียว มือเลื่อนลงไปกดหัวพีรพงษ์อย่างลืมตัว ความรู้สึกเธอล่องลอยไปไกล ความเสียวจากการเล้าโลมก่อนหน้านี้เมื่อมารวมกับการกระตุ้นเม็ดแตดด้วยลิ้น อุ่น ๆ ทำให้อารมณ์เธอกระเจิดกระเจิงจนควบคุมไม่ได้ เธอกำลังจะถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรกด้วยน้ำมือของชายคนที่เธอรัก
“โอ๊ยยย ฉี่แตกแล้ว พงษ์ พงษ์ขา” วิภาดากรีดร้องออกมาเมื่อความเสียวพุ่งขึ้นถึงจุดวิกฤติ วินาทีนั้นน้ำเสียวก็ไหลรินออกมาจนเปียกกางเกงใน โพรงหีเธอบีบตอดเป็นระยะ ๆ ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างจนตัวสั่นกระตุก เธอกดหัวพีรพงษ์แนบกับเนินหีเธอไว้แน่นจนเขาแทบหายใจไม่ออก
พีรพงษ์ผงกหัวขึ้นจากเนินสวาทเธอเมื่ออาการเกร็งของวิภาดาสงบลง เขารู้ว่าเธอได้ถึงจุดสุดยอดไปแล้ว และในตอนนี้เธอพร้อมแล้วสำหรับการสอดใส่ เขายื่นมือจับขอบกางเกงในตัวจิ๋วแล้วลากมันลงไปตามเรียวขาจนหลุดออกไปจาก ปลายเท้า พีรพงษ์จ้องมองโคกหีของคนรักอย่างหลงใหล มันนูนเด่นพองาม มีขนขึ้นปกคลุมเต็มแคม น้ำเสียวที่ไหลทะลักออกมาเปียกขนหมอยจนลู่แนบติดกับเนื้อเนิน เขาเลื่อนตัวขึ้นไปทาบทับวิภาดา วิภาดาแยกขาออกโดยอัตโนมัติให้พีรพงษ์แทรกตัวเข้ามาแล้วจับลำควยจ่อเข้ากับ เนินหีเธอ พอควยเขาแตะแคมหี ทั้งสองคนก็สูดปากครางด้วยความเสียว พีรพงษ์ทนต่อไปไม่ไหวเลยกดสะโพกลงไปแต่เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเขาและไม่ รู้ว่าโพรงหีอยู่ตรงไหน ปลายควยจึงไถลขึ้นไปชนเม็ดแตดจนวิภาดาตัวสั่นครางระงมอีกครั้ง เธอเอื้อมมือลงไปกำลำควยเขาแล้วจ่อส่วนหัวเข้ากับปากช่องโพรงของตัวเอง พีรพงษ์ห่มตูดกดควยลงไปโดยไม่รอช้า ส่วนหัวบานใหญ่ผลุบหายเข้าไปในรูหีที่ฉ่ำแฉะทันที ทั้งคู่ซี๊ดปากด้วยความเสียวอีกครั้ง พีรพงษ์ค่อย ๆ กดควยลงไปช้า ๆ ด้วยเกรงว่าวิภาดาจะเจ็บ โพรงหีของวิภาดาแม้ว่าจะใหม่เอี่ยมถอดด้ามแต่ด้วยความเสียวก่อนหน้านี้และ น้ำรักที่หล่อลื่นเป็นอย่างดีทำให้เธอพร้อมรับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ความเจ็บปวดจึงไม่มากนัก
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับทั้งสองหนุ่มสาวเหมือนได้ไปท่องโลกอื่น พีรพงษ์รู้สึกถึงความคับแน่นและร้อนชื้นโอบกระชับรอบลำควยเขาในขณะที่เขา โหย่งตูดกดควยลงไป รสสัมผัสช่างเลอเลิศหาที่เปรียบมิได้ ดีกว่าสาวควยตัวเองเป็นไหน ๆ ส่วนวิภาดาก็รู้สึกตึงแน่นที่ส่วนล่างของร่างกาย แต่ความรู้สึกนี้ก็มีความเสียวซ่านปะปนอยู่ไม่น้อย ยิ่งตอนที่ลำควยพีรพงษ์เคลื่อนเข้ามา มันเสียดสีกับเม็ดแตดเธอและครูดกับผนังโพรงหลืบจนเธออดไม่ได้ต้องสูดปาก ครางออกมา
พีรพงษ์ขย่มสะโพกลงไปเป็นครั้งสุดท้ายจนมิดลำควย ขนหมอยของคู่รักวัยรุ่นได้มาสัมผัสกันเป็นครั้งแรก วิภาดาและพีรพงษ์จ้องมองตากันแน่วนิ่งด้วยความรักระคนกับแรงตัณหา
“ผมรักดาที่สุดเลยครับ” พีรพงษ์บอกความรู้สึกภายในของตัวเอง
“ดาก็รักพงษ์ค่ะ ตอนนี้เราเป็นของกันและกันแล้วใช่มั้ยคะ พงษ์ต้องรักและถนอมดาตลอดไปนะคะ” วิภาดาตอบอย่างเอียงอาย
“ผมให้สัญญาครับ” พีรพงษ์ตอบ เขายกสะโพกสาวควยขึ้นจากรูหีวิภาดาแล้วก็กดพรืดลงไปจนมิดอีกครั้ง วิภาดาสูดปากครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้ความอายฝ่ายตรงข้ามได้เลือนหายไปหมดแล้วเพราะในขณะนี้ทั้งคู่เปรียบ เสมือนบุคคลเดียวกันไปเรียบร้อย วิภาดายกหัวขึ้นมองลงไปด้านล่าง ภาพที่เธอเห็นคือลำควยอวบอ้วนเป็นมันปลาบด้วยน้ำเงี่ยนของเธอเองขยับเข้าออก หีเธออย่างเป็นจังหวะจะโคน
“อูยย ดาเห็นด้วย เห็นควยพงษ์เข้าหีดา ซี๊ด” วิภาดาสูดปาก
“เสียวมั้ยจ๊ะที่รัก พงษ์เองก็เสียวเหลือเกิน หีดาดูดควยพงษ์ดีเหลือเกิน” พีรพงษ์ชมคนรัก เมื่อเห็นว่าวิภาดากำลังเงี่ยนได้ที่จนไม่รู้สึกเจ็บแล้ว เขาก็เร่งจังหวะกระเด้าขึ้นจนเต้านมวิภาดาสั่นกระเพื่อมตามแรงหนุ่ม กระเด้าแต่ละครั้งเรื่องไม่มิดลำเป็นไม่มี เสียงควยพุ่งเข้าออกรูหีที่เปียกแฉะดังเจ๊าะแจ๊ะ ๆ เพิ่มความกำหนัดแก่พีรพงษ์ที่เพิ่งรู้จักการเย็ดเป็นกำลัง ส่วนวิภาดาเองก็เสียวไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ที่ถึงสวรรค์ด้วยลิ้นของพีรพงษ์เธอก็ว่าสุขล้ำแล้ว แต่การที่ถูกเย็ดด้วยลำควยของจริงมันดียิ่งกว่าจนเทียบกันไม่ได้ ความตึงแน่นในโพรงหีกับความรู้สึกที่มีลำควยร้อนผ่าววิ่งเข้าออกตัวเธอทำให้ เธอเสียวอร่อยจนอยากกรีดร้องออกมา
พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปบดปากแลกจูบกับคนรัก วิภาดาในตอนนี้ก็เสียวจนลืมอาย ส่งลิ้นนุ่ม ๆ ออกมาตวัดรัดพันกับลิ้นของพีรพงษ์จนน้ำลายปนเปกันไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ในระหว่างนั้นสะโพกของทั้งสองก็ขยับเข้าหากันเร็วขึ้นเรื่อย ๆ วิภาดาเรียนรู้โดยธรรมชาติว่าถ้าเธอแอ่นสะโพกขึ้นไปหาเขาในจังหวะที่เขากด ควยลงมา มันจะทำให้ควยเข้าไปในหีเธอได้ลึกขึ้นและเพิ่มความเสียวขึ้นอีกเป็นทวีคูณ วิภาดาโอบแขนรัดลำตัวพีรพงษ์ไว้แน่น ตาเธอหลับพริ้มดื่มด่ำกับความสุขเสียวที่คนรักรุ่นน้องมอบให้ สองหนุ่มสาวเหงื่อชุ่มตัวหายใจหอบกระเส่าจากการกระเด้าเย็ดอย่างไม่ลืมหูลืม ตา
“อูยย์ ผมจะถึงแล้วนะดา ผมแตกในตัวดาได้มั้ย อาวว์” พีรพงษ์ใกล้ถึงจุดจบ ต้องรีบถอนปากแล้วขอความเห็นจากวิภาดา
“ดา...ดาก็จะเสร็จเหมือนกันค่ะ ได้สิคะพงษ์ ประจำเดือนดาเพิ่งหมดไปอาทิตย์ที่แล้วเอง ซี๊ด โอยย์” วิภาดาส่งเสียงตอบกระท่อนกระแท่น
“ถึง...ถึงแล้ววววว” พีรพงษ์โหย่งตูดกดควยลงไปสุดแรงเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อถึงจุดสุดยอด น้ำควยอุ่น ๆ ฉีดพุ่งเข้าโพรงหีสาวคนรักชุดแล้วชุดเล่าจนวิภาดารู้สึกร้อนวูบไปทั่วท้อง น้อยและเธอเองก็เสร็จเหมือนกัน
“โอ๊ยยย เสร็จแล้ว…” วิภาดากรีดร้องออกมาโดยไม่อายพร้อมกับยกขาเรียวงามขึ้นรัดรอบก้นพีรพงษ์ช่วย กดให้ควยเขาจมลึกเข้าไปในหีเธอยิ่งขึ้น โพรงหีเธอบีบรัดลำควยเขาเป็นจังหวะเหมือนจะรีดน้ำรักเขาให้หมดตัว
พีรพงษ์ฟุบตัวลงไปกับเนื้อตัวนุ่ม ๆ ของวิภาดา ทั้งคู่หอบหายใจเหนื่อยราวกับวิ่งทางไกล แต่บนใบหน้าทั้งสองกลับประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้มอบสิ่งที่หวงแหน ให้กันและกัน พีรพงษ์ยกตัวขึ้นแล้วประทับจูบวิภาดาอย่างดูดดื่ม แล้วบอกเธอว่า “ผมรักดาที่สุด ผมจะไม่มีวันทิ้งดา”
“ดาก็เช่นกันค่ะ” วิภาดายิ้มให้เขาแล้วโอบแขนกอดพีรพงษ์แน่น
ทั้งคู่นอนกอดกันต่ออีกราวสิบนาทีก่อนจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดตัวในห้องน้ำ วิภาดาต้องรีบกลับบ้านก่อนที่พ่อแม่ของพีรพงษ์จะกลับมา พีรพงษ์จึงออกมาส่งเธอที่หน้าบ้าน
หลังจากวันนั้น ทั้งคู่ก็นัดพบกันและหาความสุขด้วยกันอีกหลายต่อหลายครั้งจนทั้งพีรพงษ์และ วิภาดาต่างก็ชำนาญในชั้นเชิงกามมากขึ้น มีการเปลี่ยนท่าทางร่วมรักอย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งเบ่งบานสดใส จนถึงวันที่พีรพงษ์เรียนจบม.6 เขาบอกพ่อแม่ว่าเขาจะไม่เรียนต่อ แต่จะออกมาหางานทำและแต่งงานกับวิภาดา ทั้งพ่อและแม่เขาคัดค้านหัวชนฝาแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาและวิภาดาได้เสียกัน แล้ว พ่อแม่เขาติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่ของวิภาดาอย่างเคร่งเครียดแล้วทั้งสองฝ่ายก็ เห็นพ้องต้องกันว่าสองหนุ่มสาวนี้ไม่เหมาะสมกัน ทางฝ่ายพ่อแม่ของวิภาดาส่งตัววิภาดาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในทันทีโดยทั้ง สองหนุ่มสาวไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย
ตั้งแต่วิภาดาจากไป พีรพงษ์ก็เอาแต่นั่งซึมกระทือ ไม่เป็นอันกินอันนอน ใครพูดด้วยก็ไม่พูดด้วยจนพ่อแม่เขาผิดสังเกตุ ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจิตแพทย์ก็แนะนำว่า เป็นอาการของโรคซึมเศร้า ควรเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้อยู่ที่เดิมซึ่งจะทำให้คิดมาก พ่อแม่พีรพงษ์จึงส่งเขาเข้ามาทำงานในกรุงเทพ
“พงษ์...พงษ์...” เสียงเรียกชื่อเขา พร้อมกับมีมือมาเขย่าตัว พีรพงษ์หลุดจากภวังค์แห่งความคิดคำนึงกลับมาสู่ความเป็นจริงในปัจจุบัน วิลาสินีกำลังจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ พร้อมจ้องมองใบหน้าเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ครับคุณวิ มีอะไรเหรอครับ” พีรพงษ์เอ่ยถาม สีหน้าวิลาสินีค่อยคลายความกังวลลง
“ก็เธอเอาแต่เหม่อลอย ฉันบอกให้เธอเริ่มเดโมโปรแกรมให้ลูกค้าดูตั้งหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบ”
“ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว เริ่มกันเลยนะครับทุกท่าน” พีรพงษ์กล่าวขอโทษทุกคนในที่ประชุม แล้วเริ่มนำเสนอโปรแกรมที่ได้เตรียมมา การนำเสนอเป็นไปด้วยความกระชับ เน้นฟีเจอร์หลัก ๆ ที่โรงพยาบาลต้องใช้ น้ำเสียงของพีรพงษ์ก้องกังวาลเต็มไปด้วยความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทตัว เอง หลังการนำเสนอจบลงก็เป็นการสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ซึ่งทั้งวิลาสินีและพีรพงษ์ก็ตอบได้เป็นที่พอใจทุกข้อ
“ขอบคุณครับสำหรับการนำเสนอในครั้งนี้ ผมขออนุญาตประชุมกรรมการบริหารเป็นการส่วนตัวสักครู่นะครับ เชิญคุณวิและเจ้าหน้าที่ออกไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะครับ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกวิลาสินี
ในห้องรับรอง วิลาสินีและพีรพงษ์นั่งติดกันบนโซฟา วิลาสินีหันมามองสำรวจพีรพงษ์อย่างเป็นห่วงพร้อมสอบถามว่าไม่สบายหรือเปล่า ซึ่งพีรพงษ์ก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ เท่านั้นเองแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นกับเจ้าโน้ตบุ้คคู่กาย วิลาสินีถอนหายใจแล้วส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วง
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญวิลาสินีกลับไปที่ห้องประชุม ทิ้งให้พีรพงษ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง สิบห้านาทีต่อมา วิลาสินีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ละก้าวที่เธอเดินเหมือนติดสปริง พีรพงษ์ไม่ต้องรอให้วิลาสินีเอ่ยปากเขาก็รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้ประสบความ สำเร็จ
หลังจากขับรถออกมาจากโรงพยาบาลโดยพีรพงษ์เป็นคนขับและวิลาสินีนั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะนั้นเป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว พีรพงษ์ถามเธอว่าจะกลับไปที่ออฟฟิซรึเปล่า วิลาสินีตอบว่าไม่ต้อง วันนี้ต้องไปฉลองความสำเร็จกันหน่อย แล้วบอกทางให้พีรพงษ์ขับไปตามที่เธอสั่ง
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในย่านพัฒน์พงษ์ พอบริกรมาพาไปนั่งโต๊ะและสั่งอาหารแล้วก็คุยกันเรื่องที่เพิ่งไปเสนอโปรแกรม มา ดูวิลาสินีจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอยิ้มและหัวเราะตลอดเวลา พีรพงษ์ก็เออออไปกับเธอตามมารยาท
เมื่อบริกรเสริฟอาหาร วิลาสินีก็สั่งเบียร์มาหนึ่งขวดและแก้วสองแก้ว ทั้งสองคนรับประทานอาหารแล้วดื่มเบียร์ไปด้วย บรรยากาศในร้านอาหารแห่งนั้นกำลังคึกคัก เสียงเปียโนที่บรรเลงจากฟลอร์ด้านซ้ายเป็นเพลงคลาสสิคของบีโธเฟ่น แสงไฟสีนวลสาดส่องลงมาจากเพดานสะท้อนกับบานกระจกที่ติดอยู่ตามเสาและผนัง ห้องเป็นประกายวับวาว วิลาสินีที่ดื่มเบียร์ไปสองแก้วเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เธอยิ้มและพูดคุยอย่างร่าเริง ส่วนมากแล้วพีรพงษ์จะเป็นฝ่ายฟังเธอพูดเสียมากกว่า เขาจ้องมองวิลาสินีที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะ แสงที่สะท้อนจากกระจกทำให้ใบหน้ารูปไข่ของเธอดูเด่นเป็นพิเศษ ริมฝีปากอิ่มทาลิปมันเป็นสีแดงสดตัดขับผิวหน้าที่ขาวผ่อง ตอนที่เธออารมณ์ดีเช่นนี้ ดูใบหน้าเธออ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก
“คุณวิครับ อย่าดื่มมากไปกว่านี้เลยนะครับ เดี๋ยวจะเมา” พีรพงษ์เตือนเธอด้วยความหวังดี
“แหม มันก็ต้องฉลองกันหน่อยที่งานนี้สำเร็จอย่างงดงาม เธอก็มีส่วนช่วยเยอะนะ โดยเฉพาะการเดโมที่ตรงใจผู้บริหารมากจนเขาตกลงใจซื้อโปรแกรมของบริษัทเรา” วิลาสินีตอบอย่างอารมณ์ดี
พีรพงษ์ไม่พูดอะไรต่อ อาการซึมเศร้าของเขาแม้ว่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ในบางขณะเขาก็ยังอยากอยู่คนเดียวเช่นในขณะนี้ หลังจากที่เขาและวิลาสินีกินข้าวเย็นเสร็จ เขาถึงกับต้องประคองเธอไปขึ้นรถ เพราะวิลาสินีดื่มเบียร์ไปคนเดียวจนเกือบหมดขวด
พอเขาพาเธอไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับแล้ว พีรพงษ์ก็เดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วถอยรถออกจากที่จอดของร้าน ก่อนจะออกสู่ถนนใหญ่ เขานึกขึ้นได้ว่าวิลาสินียังไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยเลย เขาจึงหันไปกะจะบอกเธอ แต่ก็พบว่าเธอเมาจนเกือบหมดสติแล้ว เสื้อสูทของเธอหลุดลุ่ย กระดุมเม็ดบนหลุดออกจนมองเห็นฐานอกอวบอิ่มขาวผ่อง ส่วนกระโปรงผ่าข้างก็ร่นขึ้นมาจนมาถึงกลางท่อนขาอ่อน รอยผ่าที่ยาวอยู่แล้วก็ทำให้เขามองเห็นขึ้นไปถึงโคนขาเธอที่มีขนอ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ พีรพงษ์ต้องสูดลมหายใจลึก ๆ สะกดข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านในใจลง แล้วเอื้อมมือไปเขย่าตัววิลาสินี แต่วิลาสินีได้แต่ส่งเสียงดังอ้อแอ้และไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวเลย
พีรพงษ์มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีคนอยู่แถวนั้น เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วโน้มตัวข้ามวิลาสินีไปหยิบปลาย เข็มขัดด้านซ้ายของเธอ ขณะที่เขาโน้มตัวไปนั้น กลิ่นกายของวิลาสินีที่ปนไปด้วยกลิ่นเหงื่อและเบียร์ก็โชยมากระทบจมูก แผงอกเขาเสียดสีกับหน้าอกหน้าใจที่พุ่งโชนของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจนเขารู้สึก ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเธอ เขารีบดันตัวออกห่างแต่มือซ้ายเจ้ากรรมดันลื่นหลุดจากเบาะทำให้ใบหน้าเขาซุก ลงไปตรงหน้าตักเธอพอดี จมูกเขากดลงไปบนเนินเนื้อของเธอด้วยความบังเอิญ วิลาสินีส่งเสียงครางออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ พีรพงษ์รีบยันตัวขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นวิลาสินียังไม่รู้สึกตัว เขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบดึงสายเข็มขัดอ้อมผ่านตัวเธอมายังปลายอีก ด้านหนึ่ง สายตาเขาอดไม่ได้ที่จะมองต่ำลงไปยังขาอ่อนขาว ๆ ของเธอที่โผล่พ้นชายกระโปรงที่ร่นขึ้นมา มันขาวเนียนและดูเต่งตึงจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของผู้หญิงวัย 39 เกือบสี่สิบแล้ว จากท่อนขาอ่อนที่อวบกำลังเหมาะกับรูปร่างลงไปยังหัวเข่าที่กลมมนและส่วนน่อง ที่เป็นรูปเรียวไม่มีเส้นเลือดขอดเลยแม้แต่เส้นเดียว เป็นช่วงขาที่สาว ๆ หลายคนต้องอิจฉา
พีรพงษ์หักห้ามใจตัวเองเบือนสายตาออกจากเรียวขาขาว ๆ เบื้องหน้า เขารัดเข็มขัดนิรภัยอีกครั้งแล้วขับรถออกจากร้านอาหารแล้วออกสู่ถนนใหญ่กลับ ไปยังบ้านของวิลาสินี
วันนั้นรถติดเป็นพิเศษ กว่าจะถึงบ้านของวิลาสินีก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง ในระหว่างที่รถติดอยู่นั้น วิลาสินีก็ค่อย ๆ สร่างเมา เธอร้องขอน้ำดื่มแล้วเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นก็เอามาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง พีรพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาคงไม่ต้องอุ้มเธอขึ้นบ้าน
พอขับรถเข้าโรงจอดและดับเครื่องแล้ว พีรพงษ์ก็ลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้วิลาสินี
“เชิญครับคุณวิ” พีรพงษ์พูดอย่างสุภาพ
“แหมอะไรกันจ๊ะพงษ์ ลืมไปแล้วเหรอว่าที่บ้านน่ะไม่ต้องเรียกคุณวิหรอก นั่นน่ะใช้เรียกตอนที่เราอยู่ที่ทำงานเท่านั้นจ้ะ” วิลาสินีกระเง้ากระงอดต่อว่าต่อขานหลานชาย
“ขอโทษครับป้าวิ ผมลืมไป” พีรพงษ์ตอบผู้เป็นป้า วิลาสินีเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เขา แม่เขาแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 และคลอดพีรพงษ์ในปีถัดมา ส่วนวิลาสินีเป็นคนเรียนเก่ง สอบชิงทุนไปต่างประเทศได้และเรียนต่อจนได้ปริญญาเอกที่นั่น พอกลับมาที่ประเทศไทย เธอก็ทำงานให้กับบริษัทหลายต่อหลายบริษัทจนเก็บหอมรอมริบได้พอสมควรจึงออกมา เปิดบริษัทซอฟท์แวร์ของตัวเอง แม่ของพีรพงษ์จึงฝากเขาเข้าทำงานในบริษัทของพี่สาวเพราะเห็นว่าพีรพงษ์ชอบ คอมพิวเตอร์เป็นทุนเดิมและวิลาสินีจะได้ช่วยดูแลอาการซึมเศร้าของหลานชายให้ ด้วย พีรพงษ์จึงย้ายมาอยู่บ้านวิลาสินีได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เวลาที่อยู่ที่บริษัท เขาต้องเรียกป้าว่าคุณวิเพื่อไม่ให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าทั้งสองคนเป็นญาติ กันเพราะวิลาสินีเกรงว่าจะเสียการบังคับบัญชา ซึ่งพีรพงษ์เองก็ไม่ได้คิดอะไรมากในส่วนนี้
วิลาสินีก้าวลงจากรถ สายตาของพีรพงษ์ที่ก้มต่ำก็เหลือบเห็นท่อนขาขาว ๆ ตอนที่แยกออกจากกันก่อนที่จะเบือนสายตาหลบ วิลาสินีลุกขึ้นแต่แล้วก็เซจนเกือบล้ม พีรพงษ์ต้องรีบประคองเธอขึ้นไปบนบ้าน หลังจากให้เธอนอนพักอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกจนหายเวียนหัวแล้ว พีรพงษ์ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องตัวเอง ส่วนวิลาสินีก็กลับเข้าห้องตัวเอง อาบน้ำแล้วเข้านอน


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
Reply #2 on: January 07, 2010, 03:47:26 pm
เช้าวันรุ่ง ขึ้นเป็นวันเสาร์ พีรพงษ์ตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เขาก็สวมเสื้อยืดกับกางเกงชกมวยแล้วหิ้วโน้ตบุ้คคู่ใจลงมากางเล่นที่โต๊ะใน ห้องรับแขก โดยหันหน้าเข้าหาทีวีจอใหญ่เพื่อดูข่าวไปด้วย เล่นเน็ทไปด้วย
เขาเสียบแอร์การ์ดเพื่อต่ออินเตอร์เน็ทโดยใช้จีพีอาร์เอสเข้าไปเช็คสภาพการ ทำงานของเซอร์ฟเวอร์ที่ออฟฟิซเช่นที่เคยทำทุกวัน เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นปกติดี เขาก็เข้าไปเช็คเวบบอร์ดต่าง ๆ ที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ หูก็ฟังข่าวในทีวีไปด้วย
ตามปกติ อาหารเช้าของเขากับวิลาสินีจะเป็นแซนด์วิชหรือไม่ก็คอร์นเฟลกที่ใช้เวลา เตรียมไม่มากนักโดยใครพร้อมก็กินก่อนเพราะสภาพการทำงานที่ต้องอาศัยความเร่ง รีบแบบนี้คงไม่มีเวลาพอจะมาทำอาหารเหมือนเมื่อก่อน ไหนจะต้องเก็บกวาดล้างจานอีก ในบ้านนี้มีเพียงวิลาสินีกับเขาอยู่สองคนเท่านั้น ก่อนที่เขาจะมาอยู่ด้วย วิลาสินีเคยจ้างคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละสองครั้ง แต่พอพีรพงษ์ย้ายเข้ามา เขาก็อาสาจะทำหน้าที่ดูแลบ้านให้เพื่อตอบแทนที่ได้พักอยู่ด้วย ตอนแรกวิลาสินีไม่ยอม โดยบอกว่าเขาเป็นหลาน ไม่ใช่คนใช้ แต่พีรพงษ์ยังยืนยันความคิดของเขา บอกว่าถ้าอยู่บ้านเฉย ๆ เขาคงไม่สบายใจ ไม่งั้นเขาจะขอออกไปเช่าหอพักอยู่เองดีกว่า วิลาสินีเห็นหลานชายยืนกรานหนักแน่นขนาดนั้นก็เลยต้องยอมตามใจ
พีรพงษ์เล่นอินเตอร์เน็ทอยู่พักใหญ่แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปดูในห้องครัวว่ามี อะไรเหลือบ้าง เขาเปิดตู้เย็นก็เห็นว่ายังมีแซนด์วิชทูน่าเหลืออยู่สองชิ้น เขาจึงหยิบออกมาชิ้นหนึ่งแล้วเดินไปด้วยกินไปด้วยกลับมาที่โน้ตบุ้ค
เขาเหลียวไปมองนาฬิกาที่อยู่ข้างฝาก็เห็นว่าตอนนี้เก้าโมงเช้าแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกดีหรือเปล่า ก็พอดีวิลาสินีเดินลงมาจากชั้นสอง เธอเดินลงมาในชุดนอน ยกมือปิดปากหาวมาด้วย ท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนและยังมึน ๆ จากการดื่มเบียร์เมื่อวานอยู่ พีรพงษ์หันไปมองเธอแล้วลมหายใจแทบหยุดชะงัก เพราะเนื้อผ้าบาง ๆ ของชุดนอนมันแนบเนื้อขณะเธอขยับเคลื่อนไหวจนมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันตระ การตาได้ไม่ยากโดยเฉพาะส่วนสะโพกที่ผายกว้างออกจนเตะตาเป็นพิเศษ และเต้านมอวบสล้างที่ไม่มีบราเซียร์ห่อหุ้มอยู่ภายใน หัวนมทั้งสองข้างมองเห็นได้ลับล่อรำไร นี่เป็นครั้งแรกที่พีรพงษ์ได้เห็นวิลาสินีในชุดนอนแบบนี้ ตามปกติป้าของเขาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวตามประเพณี ชุดที่สวมใส่ก็จะปกปิดเรือนร่างอย่างมิดชิด แม้แต่ในวันหยุดอยู่กับบ้าน เธอก็จะสวมเสื้อกับกางเกงขายาว แต่วันนี้ดูแปลกกว่าทุกวัน หรือเป็นเพราะเธอยังเมาค้างอยู่หว่า พีรพงษ์คิดในใจขณะที่ยังจับจ้องมองส่วนสัดของสาวใหญ่เบื้องหน้าอย่างไม่วาง ตา ควยเขาเริ่มเต้นกระดุ๊กกระดิ๊กในกางเกงชกมวย จนพีรพงษ์ต้องยกหมอนขึ้นมาปิดไว้
วิลาสินีเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วทักทายพีรพงษ์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ครัวแล้วเปิดตู้เย็นสำรวจอาหารเช้า พีรพงษ์ทักตอบแล้วมองตามวิลาสินีเข้าไปในห้องครัว วิลาสินีก้มตัวลงมองดูข้าวของในตู้เย็นทำให้พีรพงษ์ได้เห็นบั้นท้ายอันกลม กลึงของเธอได้อย่างแจ่มชัด เพราะตอนที่เธอโก้งโค้ง เนื้อผ้ายิ่งถูกรั้งให้แนบกับลอนสะโพกมากขึ้นจนเขาเห็นความกลมกลึงของแก้ม ก้นทั้งสองข้างได้ชัดเจนว่าสัณฐานของมันกว้างใหญ่เพียงใด มันเบียดชิดกันจนเห็นร่องก้นเป็นเส้นและต่ำลงไปถึงโนมเนื้ออวบพูที่ซ่อนตัว อยู่ใต้กางเกงใน พีรพงษ์ถอนหายใจที่กลั้นไว้เฮือกใหญ่ หัวใจเขาเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ควยเขาแข็งจนปวดหนึบ เขานึกในใจว่าทำไมเขาไม่เคยมองป้าของเขาในมุมมองแบบนี้มาก่อนเลยนะ อาจเป็นเพราะตามปกติเธอวางตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งการพูดการจาและการแต่งตัวทำให้ เขากล้าคิดกับเธอในแบบหญิงสาวคนหนึ่งมาก่อน
วิลาสินีเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับแซนด์วิชในมือ เธอเดินมาทรุดนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ พีรพงษ์แล้วกินแซนด์วิชพร้อมกับดูทีวีไปด้วย กลิ่นกายสาวใหญ่โชยมากระทบนาสิก ยิ่งทำให้พีรพงษ์ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากขึ้นไปอีก พอหันไปมองข้าง ๆ ก็เห็นเต้านมอวบใหญ่ที่ดันชุดนอนออกมา คะเนด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่า 36 นิ้ว พีรพงษ์รีบเบือนสายตากลับมาที่โน้ตบุ้คเบื้องหน้า แต่มือไม้เขาสั่นเทาไปหมดจนกดแป้นคีย์บอร์ดไม่ได้ แถมยังหายใจหอบแรงจนวิลาสินีสังเกตได้ เธอหันมามองเขา แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “อ้าว พงษ์ เป็นอะไรรึเปล่านี่ หน้าเราแดงเชียว ตัวร้อนรึเปล่า”
พูดจบเธอก็ยื่นมือมาอังหน้าผากหลานชาย พีรพงษ์พยายามจะเบือนหน้าหลบแต่ก็ไม่ทัน มือนุ่ม ๆ ของป้ายังสาวแตะสัมผัสกับผิวหน้าที่ร้อนผ่าวของหลานชาย พีรพงษ์หันไปจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร แต่สายตาดันกลับไปจ๊ะเอ๋กับอกเสื้อที่ห้อยลงมาจนเห็นฐานเต้าอวบขาวโดยไม่ได้ ตั้งใจ คำพูดที่จะเปล่งออกมาเลยติดตันอยู่ที่ลำคอ ลมหายใจเขาจากที่หอบกระเส่าก็กลับหยุดชะงักลง
วิลาสินีพอมองเห็นว่าสายตาของหลานชายมองไปที่ไหน ก็สะดุ้งรู้ตัวขึ้นมา รีบชักมือออกจากหน้าผากเขาแล้วเอามือไปกุมอกเสื้อโดยสัญชาติญาณ ใบหน้าเธอแดงเข้มด้วยความเขินอาย แล้วรีบลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง
พีรพงษ์มองตามหลังวิลาสินีที่จ้ำอ้าวกลับไปที่ห้อง ทั้ง ๆ ที่ใจยังกลัวว่าป้าจะโกรธที่เขาจ้วงจาบเธอด้วยสายตาเมื่อกี๊ แต่สายตาเขายังจับจ้องมองบั้นท้ายทลายโลกที่ส่ายไหวไปมาขณะเจ้าของเดินกลับ ขึ้นห้องนอนโดยไม่ลดละ พอเรือนร่างวิลาสินีลับสายตาไป เขาก็หันกลับมามองโน้ตบุ้คแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาล่ะสิกู สันดานดิบผู้ชายดันมาแสดงออกกับป้าแท้ ๆ ได้ยังไงวะ สงสัยเที่ยวนี้จะโดนเฉดหัวออกจากบ้านแหง ๆ เขาคิดในใจแล้วพยายามสงบสติอารมณ์แล้วดุเจ้าน้องชายที่ยังแข็งขันอยู่ใน กางเกงให้รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียบ้าง

วิลาสินีจ้ำอ้าวขึ้นบันไดแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนตัวเอง หน้าเธอยังแดงเข้ม หัวใจยังเต้นถี่เร็วด้วยความอาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นผู้ชายแสดงความสนใจในเรือนร่างของเธออย่างเปิด เผย แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นหลานชายแท้ ๆ ของเธอด้วย โดยปกติแล้ว ผู้ชายทุกคนที่เธอรู้จักจะไม่กล้าทำกับเธอเช่นนี้เพราะเธอมีดีกรีเป็นถึง ด็อกเตอร์และเป็นถึงผู้จัดการบริษัท แค่จะหาคนมาจีบยังไม่มีเพราะผู้ชายมักไม่ชอบผู้หญิงที่เหนือกว่าตัวเองโดย เฉพาะผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดและมีความทะเยอทะยานสูงอย่างเธอ ส่วนเธอเองก็เอาแต่มุ่งมั่นกับการเรียนและการทำงานเสียจนไม่มีเวลาสนใจกับ เรื่องระหว่างหนุ่มสาว จนบัดนี้เวลาล่วงเลยมาจนเธอจะอายุ 40 แล้ว เธอก็เริ่มทำใจได้ว่าเธอคงต้องย้ายเข้าไปอยู่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์เป็นที่ แน่นอนก็เลยยิ่งมุ่งมั่นกับการทำงาน การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เป็นในลักษณะอนุรักษ์นิยมเพื่อให้ลูกน้องยำเกรง แต่ในใจลึก ๆ ของเธอยังคงโหยหาความอบอุ่นที่เธอไม่เคยได้รับอยู่ตลอดเวลา
วิลาสินีก้าวไปยืนตรงหน้ากระจกบานใหญ่ชนิดเต็มตัว เธอมองดูภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้วหมุนตัวไปทางซ้ายทีขวาที จากนั้นเธอก็ปลดมวยผมที่เกล้าอยู่ออก ปล่อยให้ผมสยายลงมา เธอโพสท่าให้เหมือนพวกนางแบบที่เดินแฟชั่นทำกันแล้วก็อดหน้าแดงกับภาพที่ เห็นในกระจกไม่ได้ รูปร่างของเธอยังเช้งกระเด๊ะอยู่ เผลอ ๆ จะดีเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอแรกสาวเสียอีกเพราะในขณะนี้ส่วนสัดทั่วทั้งร่าง ได้เติบโตเต็มศักยภาพของมันแล้ว เธอนึกสนุกถอดชุดนอนออกจนเหลือเพียงกางเกงในสีขาวเรียบ ๆ ตัวเดียว แล้วสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง พอเธอปล่อยผม ถอดแว่นออก (ซึ่งจริง ๆ แล้วสายตาเธอไม่ได้สั้นหรอก แต่ใส่ไว้ให้ดูเคร่งขรึมเท่านั้นเองเพราะธรรมดาเธอจะดูเด็กมาก) หน้าตาเธอก็ดูอ่อนวัยลงไปเป็นสิบปี ต่ำจากคอที่งามระหงลงมาถึงหน้าอกหน้าใจที่อวบอัด แล้วคอดลงมาที่เอว จากนั้นก็ผายออกที่สะโพก สุดท้ายก็เรียวเล็กลงไปที่เท้า ผิวกายเธอขาวผุดผ่องเป็นยองใย ส่วนเว้าส่วนโค้งดูงามตาเป็นที่สุด ไม่มีส่วนใดที่หย่อนยานไปตามวัยเลย
วิลาสินีนึกถึงสายตาของพีรพงษ์ที่จ้องมองหน้าอกเธอขณะที่เธอยื่นมือไปอัง หน้าผากเขาแล้วก็รู้สึกร้อนวูบไปทั่วตัว นี่พ่อหลานชายตัวดีหัดแอบมองป้าคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฮึ เธอคิดในใจ แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้ว่าเรือนกายเธอมีพลังดึงดูดใจชายได้ถึง ขนาดนี้ แต่ เอ ที่เราเห็นแค่แว่บเดียวนั่นมันใช่จริง ๆ รึเปล่านะ เดี๋ยวลองพิสูจน์ดูอีกทีดีกว่า เธอคิด
พอตกลงใจได้แล้ว วิลาสินีก็เดินไปรื้อค้นในตู้เสื้อผ้าคว้าเอาชุดเต้นแอโรบิคออกมา ชุดนี้เป็นชุดแนบเนื้อเว้าสูงสุด ๆ ชนิดที่ว่ามองเห็นไปถึงแก้มก้นเลย เธอถอดกางเกงในออกแล้วสวมกางเกงขายาวผ้ายืดแล้วสวมชุดแอโรบิคทับเข้าไปอีกที พอหมุนตัวมองในกระจกจนเห็นว่าใช้ได้แล้ว เธอก็ผลักประตูเดินลงไปชั้นล่างด้วยหัวใจที่เต้นรัว

ที่ชั้นล่าง พีรพงษ์สงบจิตสงบใจที่หวั่นไหวลงไปได้แล้ว เขากำลังง่วนอยู่กับการเขียนโปรแกรมโดยไม่ได้สนใจทีวีจอใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า เขาได้ยินเสียงวิลาสินีเดินลงบันไดมา จึงหันไปแล้วเตรียมลุกขึ้นขอโทษที่เมื้อกี้เขาบังอาจล่วงเกินญาติผู้ใหญ่ แต่แล้วเขาก็ต้องรีบนั่งลงอีกครั้งเพราะภาพที่เห็นคือ วิลาสินีในชุดแอโรบิคแนบเนื้อสีแดงสลับดำกำลังก้าวลงมาตามขั้นบันได จากมุมที่อยู่ต่ำกว่า ทำให้พีรพงษ์มองเห็นความตะหง่านง้ำของสองเต้าอวบนั้นได้เต็มตา มันพุ่งผงาดออกมาจนเขาหวาดเสียวว่าเนื้อผ้ายืดของชุดแอโรบิคจะเอาไว้ไม่อยู่ ต่ำลงมาเป็นหน้าท้องที่แบนราบอย่างเหลือเชื่อ แสดงว่าวิลาสินีรักษารูปร่างของตัวเองและระวังเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี และที่ทำให้เขาถึงกับตาลุกโพลงก็คือเนินโหนกที่อยู่ตรงหน้าขาเธอ มันโอ่โถงและนูนขึ้นมาเป็นรูปโค้งราวกับเอากะลามาครอบไว้ตรงนั้น ยิ่งตอนที่เธอก้าวขาลงบันไดมาด้วยแล้ว มันยิ่งนูนขึ้นมาจนเห็นรอยแยกของเนินเนื้อได้รำไร ควยที่เขาใช้เวลากำราบจนอ่อนกำลังลงแล้วกลับอหังการ์ชูคอขึ้นเรียกร้องหา อิสรภาพอีกครั้ง พีรพงษ์ต้องรีบควานหาหมอนมาปิดหน้าตักแล้วใช้ข้อศอกกดเอาไว้ เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าป้าเขาจะเป็นคนซ่อนรูปขนาดนี้
เมื่อวิลาสินีลงมาถึงชั้นล่าง พีรพงษ์ก็เอ่ยปากเตรียมจะขอโทษเรื่องเมื่อครู่ แต่ก็ถูกวิลาสินีชิงพูดก่อน
“พงษ์จ๊ะ เธอคงไม่ได้ดูทีวีแล้วใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวป้าขอใช้เปิดวีซีดีเต้นแอโรบิคหน่อยนะ พักนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย เนื้อตัวมันเมื่อยขบไปหมด”
พีรพงษ์ที่อ้าปากค้างก็รีบหุบปากลงแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ได้ใช้ทีวี แล้ว วิลาสินียิ้มอย่างพอใจแล้วเดินไปตรงทีวี หยิบวีซีดีขึ้นมาโหลดใส่เครื่องเล่น พอเสียงเพลงดังขึ้น เธอก็ออกท่าเต้นที่หน้าทีวีนั้นเลย
ในห้องรับแขกขณะนี้ พีรพงษ์นั่งอยู่บนโซฟามีหมอนวางอยู่บนตัก สายตากำลังจ้องมองไปข้างหน้า เปล่า ไม่ใช่มองที่หน้าจอของโน้ตบุ้คหรอก แต่มองไปที่เรือนกายอวบอัดเต็มสาวของป้าแท้ ๆ ที่กำลังเต้นยักย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรีที่ดังมาจากทีวีจอใหญ่ ในแง่มุมนี้ เขามองเห็นด้านหลังของวิลาสินีเต็ม ๆ บั้นท้ายที่ทำให้พนักงานในบริษัทต่างต้องมองตามน้ำลายไหลยืดด้วยความอยาก นั้น บัดนี้ได้มาเต้นระริกอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว มีแต่เพียงเนื้อผ้ายืดของชุดแอโรบิคขวางกั้นเนื้อแท้ ๆ เท่านั้น ซึ่งเนื้อผ้านั้นก็แทบไม่ได้ปกปิดอะไรได้เพราะมันบางและแนบเนื้อจนเหมือน เห็นวิลาสินีแก้ผ้าเต้นระบำอยู่เบื้องหน้า เขาไม่นึกเลยว่าป้าวิผู้เคร่งขรึมคงแก่เรียนคนนั้นจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ มันยิ่งทำให้อารมณ์เขาแตกเพริดยิ่งขึ้น
วิลาสินีเองนั้นก็ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าพีรพงษ์ หัวใจเธอเต้นถี่เร็ว หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายปนอยากรู้ เธอแอบหันไปมองดูพีรพงษ์ที่นั่งอยู่ด้านหลังเธอบนโซฟา เห็นเขาจ้องมองส่วนสัดต่าง ๆ ในร่างเธออย่างสนใจ สายตาเขาโลมเลียไปทั่วตัวเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนบั้นท้ายที่ผายกว้างเต่งตึง เมื่อเห็นเขาสนใจถึงขนาดนั้น เธอก็ยิ่งออกท่าออกทางเต้นในท่าที่ยั่วยวนกวนราคะยิ่งขึ้นไปอีก บางครั้งก็แยกขากว้างออกบางครั้งก็เด้งสะโพกไปมา จนโนมเนื้อเต้าอวบสล้างเต้นดึ๋งดั๋งราวกับมีชีวิต ส่วนก้นเธอนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นส่วนที่ต้องขยับมากเป็นพิเศษ มันสั่นพลิ้วจนตาพีรพงษ์แทบตามไม่ทัน
พีรพงษ์จ้องมองวิลาสินีเต้นยั่วอารมณ์กันถึงขนาดนั้นก็แทบหมดความยับยั้ง ชั่งใจ สติสัมปชัญญะที่ยังเหลืออยู่คอยเตือนว่านั่นป้าแท้ ๆ นะ อย่าคิดอัปรีย์ไป แต่ความคิดใฝ่ต่ำก็แย้งว่า ป้าก็ป้าวะ ผู้หญิงสวย ๆ มาเต้นจ้ำบ๊ะยั่วอารมณ์แบบนี้ปล่อยไปก็เสียเชิงชายหมด ความคิดเขาวนไปเวียนมา แต่ตานั้นจ้องแน่วนิ่วไปที่ภาพอันบาดอารมณ์เบื้องหน้าอยู่ตลอด และแล้วการตัดสินใจก็ลงตัว วิลาสินีกำลังหันหลังเต้น เธอคงไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ด้านหลัง ยิ่งมีหมอนมาปิดหน้าตักอยู่ด้วยแล้ว คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มือเขาจึงเลื่อนต่ำลงไปและสอดผ่านขอบยางยืดของกางเกงชกมวยลงไปลูบคลำลำควย ที่แข็งปานจะระเบิด เขาเริ่มขยับมือกระทอกท่อนเอ็นตามแรงตัณหา ส่วนตาก็โลมเลียส่วนสัดอันตระการตาของวิลาสินีที่เต้นอย่างสุดฝีมือไปด้วย ยิ่งเธอออกท่าออกทางจนเต้ากระเพื่อมก้นเด้งดึ๋งดั๋ง เขาก็ยิ่งเร่งจังหวะการสาวควยมากขึ้นจนหมอนที่ปิดอยู่ที่หน้าตักกระเพื่อม ตามจังหวะการกระทอก ลมหายใจเขาหอบถี่เหมือนกำลังเหนื่อยจากการออกวิ่ง
วิลาสินีนั้นแม้ว่าจะหันหลังเต้น แต่ก็มีบางท่าที่มีการบิดตัวไปด้านข้าง ซึ่งเธอก็ใช้จังหวะนั้นในการเหลือบมองการกระทำของหลานชายที่ดูเธออยู่ข้าง หลัง เธอเห็นเขาจ้องมองเธอด้วยประกายตาลุกวาวเหมือนเสือจะขย้ำเหยื่อ มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ เธอเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่า แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นพวกชอบโชว์ที่มีความสุขจากการที่ได้เปิดเผยส่วนสัดใน เรือนกายให้เพศตรงข้ามได้ชื่นชม ยิ่งฝ่ายตรงข้ามแสดงความสนใจส่วนสัดของเธอมากขึ้นเท่าไหร่ เธอยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น การที่เธอพยายามแต่งตัวให้มิดชิดตลอดมานั้น มันเป็นกระบวนการป้องกันตัวเองจากจิตใต้สำนึกของเธอนั่นเอง
วิลาสินีเต้นด้วยท่าที่ยั่วยวนที่สุดเท่าที่เธอจะนึกได้ บางท่านั้นไม่ผิดกับท่าของพวกเต้นโชว์ในบาร์เปลือยเลยทีเดียว เธอพยายามเน้นส่วนสัดเด่น ๆ ในตัวเธอออกมาด้วยท่าเต้น มีการแยกขากว้างออกแล้วก้มตัวไปข้างหน้าจนเหมือนท่าโก้งโค้ง เนินหีเธอที่อัดแน่นอยู่ใต้เนื้อผ้ายืดถูกดันไปข้างหลังจนพีรพงษ์สามารถมอง เห็นรอยแยกของแคมหีได้เต็มสองตา วิลาสินีเองก็กำลังเงี่ยนได้ที่ รูหีเธอขมิบน้ำเสียวออกมาเป็นระยะ ๆ จนเปียกออกมาถึงเนื้อผ้าที่ปิดเนินโคกไว้ ดีว่าชุดแอโรบิคก็ชุ่มไปด้วยเหงื่ออยู่ก่อนแล้วจึงทำให้รอยชื้นบริเวณพูหี ไม่เด่นสะดุดตาเกินไปนัก และในท่าโก้งโค้งนี่เองที่วิลาสินีเห็นอะไรที่แปลกไป พีรพงษ์ทำท่าตัวเกร็งและหอบหายใจแรง มือเขาหายไปใต้หมอนที่วางอยู่บนตัก ส่วนหมอนใบนั้นก็เต้นกระเพื่อมเป็นจังหวะ
วิลาสินีใจเต้นไม่เป็นส่ำ หน้าแดงก่ำ เธอรู้ได้ทันทีว่าพีรพงษ์กำลังกระทอกควยอยู่ใต้หมอนใบนั้น การที่เขากล้าทำเช่นนั้นทั้ง ๆ ที่เธอก็อยู่ด้วยโดยไม่กลัวว่าจะถูกจับได้ แสดงว่าเขาเงี่ยนกับการได้เห็นส่วนสัดอันเต่งตึงอวบอั๋นของเธอจนห้ามใจไม่ อยู่ ต้องสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองตรงโซฟาทั้งที่รู้ว่าอาจถูกจับได้ ยิ่งได้รู้เช่นนั้น ความกระสันต์อยากในตัวเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอเต้นยักย้ายส่ายสะโพกจนแก้มก้นสั่นกระเพื่อมเหมือนมีชีวิต เต้าเต่งทั้งสองสะบัดส่ายไปมาไม่หยุดยั้ง มือเธอก็แอบเลื่อนลงไปถูไถอยู่เหนือบริเวณโคกหีที่นูนโหนกเพื่อเพิ่มดีกรี ความเสียวให้กับตัวเองไปด้วย
ในห้องรับแขกขณะนี้ บรรยากาศอัดแน่นไปด้วยแรงตัณหาราคะ ทั้งป้าทั้งหลานต่างกำลังมีความสุขกับการได้สาวว่าวเล่นหีไปพร้อม ๆ กัน พีรพงษ์สาวลำควยปานจักรผันเมื่อความรู้สึกพุ่งขึ้นเกือบถึงจุดระเบิด ตาเขาถลึงจ้องไปที่ก้นอันผายกว้างกลมกลึงของป้าแท้ ๆ ที่ยักย้ายบิดไปบิดมาให้เขาดูปานจะกลืนกินลงไป และแล้วความอดทนก็ถึงจุดสิ้นสุด ควยเขากระตุกอย่างรุนแรงแล้วน้ำควยข้นขาวก็ฉีดพุ่งทะลักทะลายออกมาเนืองนอง พีรพงษ์กัดกรามตัวเกร็งด้วยความสุขเสียวที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ประสบมา มันเป็นอะไรที่สุดยอดยิ่งไปกว่าตอนที่เขาได้ร่วมรักกับวิภาดาแฟนสาวเสียอีก เพราะครั้งนี้เสียวก็เสียวกลัวก็กลัวว่าป้าจะจับได้ มันเหมือนลักกินขโมยกิน มันตื่นเต้นกว่าปกติเป็นไหน ๆ พอน้ำควยหยุดไหลริน เขาก็เอนตัวไปพิงพนักโซฟาแล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
Reply #3 on: January 07, 2010, 03:48:13 pm
วิลาสินีเอง ก็กำลังใกล้ถึงสวรรค์เข้าไปทุกขณะ นิ้วของเธอบีบบี้ลูบไล้เม็ดแตดจนมันยืดตัวออกมาสู้นิ้ว บางครั้งนิ้วเธอก็แยงดันเนื้อผ้าเข้าไปในในรูหีที่บัดนี้มีน้ำเมือกขมิบออก มาไม่ขาดระยะ ยิ่งตอนที่เต้นไปด้วยนั้นทำให้นิ้วเธอสั่นตามจังหวะจนเหมือนเป็นไวเบรเตอร์ ขนาดย่อม ๆ กำลังควานรูหีอยู่ ส่งความเสียวแล่นไปทั่วร่างอวบจนเธอต้องกัดริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงครางออกไป เธอแอบมองไปทางพีรพงษ์เป็นระยะ ๆ มือเธอก็ขยับตามจังหวะการกระทอกของเขาไปด้วย จนเมื่อเธอเห็นพีรพงษ์เกร็งไปทั้งตัวแล้วทิ้งตัวไปพิงโซฟา เธอก็รู้ว่าเขาถึงจุดหมายปลายทางแล้วโดยมีเรือนร่างอวบขาวของเธอเป็นเครื่อง สำเร็จความใคร่ เพียงได้คิดเช่นนั้น ความเสียวก็พุ่งขึ้นจนแทบถึงจุด เธอใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บี้เม็ดแตดจนแทบหลุดออกมา นิ้วกลางก็เร่งทิ่มแทงเข้าโพรงหีตัวเองจนในที่สุดสวรรค์ก็ลอยลงมาหา เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เนื้อตัวสั่นระริก นิ้วกลางที่ปักเข้าไปในรูหีก็ดันเข้าไปเสียจนมิดโคนนิ้ว โพรงหีเธอตอดรัดกระชับนิ้วตัวเอง พลันน้ำหีก็ไหลทะลักออกมาราวทำนบทลาย แข้งขาเธออ่อนยวบจนแทบไม่มีแรงยืนต้องทรุดตัวลงนั่งหอบแฮ่ก ๆ กับพื้นห้อง
วิลาสินีนั่งพักจนแข้งขาพอมีเรี่ยวแรงบ้างแล้วจึงลุกขึ้นไปปิดเครื่องเล่นวี ซีดีและทีวี จากนั้นเธอก็เดินกลับขึ้นห้องของตัวเองไปโดยไม่กล้าสบตากับพีรพงษ์ ซึ่งตัวพีรพงษ์เองก็ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะความเลอะเทอะที่อยู่ในกางเกงของเขามันมากมายเสียจนถ้าลุกขึ้นยืนเมื่อ ไหร่มันคงหยดแหมะ ๆ พื้นจนเปียกไปหมด เขารอจนเงาหลังวิลาสินีลับหายไป จึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่บนโต๊ะมาเช็ดทำความสะอาดภายในกางเกง เท่าที่พอทำได้ แล้วลุกขึ้นกลับเข้าห้องของตัวเองไปชะล้างทำความสะอาด
วิลาสินีที่กลับขึ้นห้องไปก็นั่งพักเหนื่อยอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอมองตัวเองในกระจกแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเหมือนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ เมื่อครู่นี้เป็นตัวเธอเองที่เป็นผู้กระทำ มันช่างเป็นสิ่งที่ขัดต่อจารีตประเพณีอันดีงามของสังคมไทยเหลือเกิน ขัดแย้งกับการอบรมสั่งสอนที่เธอได้รับมาตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา แต่อะไรก็ไม่เท่ากับความละอายใจที่ในขณะนั้นตัวเธอเองกลับมีความสุขใจอย่าง ประหลาดที่ได้ยั่วยวนหลานชายตัวเองจนสำเร็จความใคร่ หรือนี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอเองที่ถูกปิดกั้นมานาน วิลาสินีคิดใตร่ตรองเรื่องนี้อยู่นานจนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าต้องอาบน้ำก่อน ที่เหงื่อจะแห้งคาชุดแอโรบิค เธอจึงถอดชุดที่ชุ่มเหงื่อออกจนเหลือเพียงเนื้อตัวเปล่าเปลือยแล้วเดินไป คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
ในห้องน้ำ วิลาสินีเปิดน้ำฝักบัวอุ่น ๆ รดตั้งแต่หัวลงมาจนถึงปลายเท้า ขัดสีฉวีวรรณทุกส่วนในร่างกายเรื่อยลงมาตั้งแต่ลำคอยันปลายเท้า มือเธอถูทำความสะอาดเรือนกายตัวเองด้วยความเคยชินในขณะที่ใจเธอยังคิดถึง เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ในตอนนั้นเธอร่านเหลือเกิน วิลาสินีคิด นี่ถ้าในตอนนั้นพีรพงษ์ลุกขึ้นมาแล้วขอเธอร่วมรักล่ะก็ เธอคงโผเข้าหาเขาโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีแล้ว ควยเขาจะใหญ่ขนาดไหนกันนะ แล้วการถูกควยผู้ชายเย็ดมันจะมีความสุขอร่อยขนาดไหนกัน ในหัวเธอเต็มไปด้วยคำถามเช่นนี้ มันทำให้ความกระสันต์ที่มอดไปแล้วกลับคุกรุ่นขึ้นมาใหม่ มือที่กำลังทำความสะอาดเนื้อตัวอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นตระโบมบีบเคล้นเต้านมตัว เองจนหัวนมชี้ชัน เธอเชิดใบหน้าขึ้นสู้กับสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลตกลงมาเป็นเส้นสาย ปากก็อ้ากว้างแต่ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดรอดออกมา มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงไปยังพงหญ้ากลางตัวแล้วนิ้วกลางก็ทำหน้าที่อีกครั้ง โดยกวาดร่องแคมจากล่างขึ้นมาบนจนเขี่ยถึงปลายแตด เจ้าของนิ้วถึงกับสยิวกายด้วยความเกษมสันต์ในอารมณ์ แล้วค่อย ๆ สอดนิ้วกลางเข้าไปในรูหีที่ตอนนี้ขมิบน้ำเสียวออกมาอีกครั้ง วิลาสินีหลับตาลงแล้วจินตนาการไปว่า นิ้วมือเธอเป็นลำควยของพีรพงษ์ที่กำลังชำแรกเบิกความสาวของเธอ ยิ่งคิดก็ยิ่งเงี่ยน ยิ่งเงี่ยนก็ยิ่งเร่งจังหวะตกเบ็ดจนน้ำหีกระเซ็น มืออีกข้างก็บีบบี้หัวนมตัวเองแบบไม่กลัวของดีตัวเองจะช้ำ จนความรู้สึกในตัวพุ่งทะยานขึ้นจนเกือบระเบิด “อูยย์ อร่อยหีป้าจังเลยจ้ะพงษ์ จ้ะ จ้ะ เย็ดหีป้าให้กระจุยไปเลยนะ ไม่ต้องกลัวป้าเจ็บ โอยย ซี๊ด ทำไมมันอร่อยยังงี้ ” วิลาสินีหลับตาครวญครางออกมาแบบลืมอายแล้ว ความเป็นผู้ดีในตอนนี้ถูกแรงกดดันจากความเงี่ยนอยากทำลายไปจนหมดสิ้น เธอรู้แต่เพียงว่า ในเวลานี้เธอต้องการการระบายออกของอารมณ์ใคร่เป็นที่สุด เธอเร่งมือเร่งนิ้วเมื่ออารมณ์ใกล้ถะถั่ง จนในที่สุด ความเสียวสุดยอดก็มาถึง ตัวเธอเกร็งกระตุกเป็นระยะ ๆ จนต้องทรุดลงไปนั่งพิงผนังห้องอาบน้ำพักเหนื่อยจนพอมีแรงจึงลุกขึ้นอาบน้ำ ต่อ


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
Reply #4 on: January 07, 2010, 03:49:32 pm
นับจาก เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับทั้งวิลาสินีและพีรพงษ์ โดยเฉพาะวิลาสินีที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายใน แนวคิดเรื่องเซ็กส์ของเธอเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเนื่องจากเธอได้ เข้าใจธรรมชาติของตัวเองอย่างถ่องแท้มากขึ้น เธอจึงไม่ปิดกั้นตัวเองในเรื่องนี้อีก ความที่เธอพยายามกดความรู้สึกด้านกามราคะไว้นานหลายสิบปีเมื่อมันถูกปลด ปล่อยออกมามันจึงยากที่จะสะกดควบคุมได้อีก ในสมองของเธอมีแต่ความคิดเรื่องความสุขสุดยอดของการได้ร่วมรักเกือบตลอดเวลา ที่ว่างจากการทำงาน เธอมักจินตนาการว่าพีรพงษ์เป็นคนเย่อเธอทุกครั้งที่เธอช่วยตัวเอง
สำหรับเรื่องการแต่งกายของวิลาสินีก็ผิดแปลกไปมาก จากเดิมที่เคยสวมแต่เสื้อแขนยาวเรียบ ๆ มีสูททับกับกระโปรงยาว ก็เปลี่ยนมาเป็นชุดที่เปิดเผยส่วนสัดมากขึ้น บางวันก็เป็นชุดแซ็กที่รัดตัว บางวันก็เป็นชุดกระโปรงที่สั้นเต่อจนเดินแต่ละก้าวชายกระโปรงพลิ้วขึ้นมาจน เกือบเห็นแก้มก้นจนประสงค์ต้องเอ่ยปากกับพีรพงษ์ว่า “วู้ว พักนี้ผู้จัดการเราเปี๋ยนไปตั้งแต่ได้งานของโรงพยาบาลว่ะ ชะเวิบชะวาบ เห็นนมเห็นตูดยังกับแก้ผ้าให้ดูต่อหน้า สงสัยจะเป็นโบนัสที่สัญญาไว้กับพวกเรามังหว่า กูเห็นแล้วอยากจะฉุดไปเย็ดให้สลบคาโต๊ะทำงานเลย”
แต่ยังไงก็ยังไม่เท่ากับเวลาอยู่บ้าน ชุดที่เธอสวมยิ่งวับ ๆ แวม ๆ มากขึ้น ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะเป็นชุดคลุมผ้าไหมบางเฉียบ แค่แสงไฟส่องก็มองเห็นเข้าไปถึงไหนต่อไหน ถ้าเป็นกลางวันก็จะเป็นเสื้อแขนกุดคอคว้านลึกจนเห็นฐานเต้าได้โดยไม่ต้องใช้ ความพยายาม
พีรพงษ์เองก็เปลี่ยนแปลงไปมิใช่น้อย จากวันนั้นที่เขากระทอกเอ็นจนน้ำเงี่ยนแตกกระจายเพราะมองส่วนสัดอันงามงดของ ป้าแท้ ๆ มันทำให้เขาต้องหันกลับไปมองตัวเองใหม่ว่าแท้ที่จริงแล้ว ที่เขาชอบวิภาดามันเป็นเพราะวิภาดามีอายุมากกว่าเขาเท่านั้นหรือเปล่า ทำไมเขาจึงมีความรู้สึกกับพี่สาวแม่ในแบบนี้ ตอนอยู่ที่บ้าน ก็ได้เห็นวิลาสินีในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยตอกย้ำความรู้สึกอยู่ทุกวัน จนเขาเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองแล้ว แต่ที่แน่ ๆ คือ อาการของโรคซึมเศร้าของเขาดีวันดีคืน เพราะเดี๋ยวนี้เขาเอาแต่รอคอยที่จะได้เห็นว่าป้าวิจะใส่ชุดอะไรไปทำงานและจะ ใส่ชุดอะไรตอนอยู่บ้าน ไม่มีเวลาที่จะไปจมปลักอยู่กับอดีตเหมือนที่ผ่านมา
อย่างเช่นในเช้าวันนี้ที่ออกจากบ้านไปทำงาน พีรพงษ์เป็นคนขับ ส่วนวิลาสินีเป็นคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ในวันนิ้วิลาสินีสวยสดใสกระชากวัยในชุดเสื้อยืดสีดำ มีเสื้อเนื้อบางแขนยาวคลุมทับ ส่วนท่อนล่างสวมกระโปรงสั้นแค่ครึ่งขาอ่อนแถมฟิตเปรียะจนแทบสอดนิ้วเข้าไป ระหว่างเนื้อผ้ากับเนื้อแท้ ๆ ไม่ได้ พีรพงษ์ขับไปก็แอบเหลือบมองขาอ่อนขาว ๆ ของป้าไปตลอดทางพร้อมแอบกลืนน้ำลาย วิลาสินีเห็นหลานชายแอบมองก็ชอบใจ แกล้งขยับตัวไปมาบนที่นั่งจนกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งร่นขึ้นไปอีกจนพอมอง เห็นกางเกงในเซ็กซี่ลายลูกไม้สีดำได้รำไร แขนที่ว่างอยู่ก็ยกขึ้นมากอดอกช่วยช้อนเต้างามสล้างนั้นให้พุ่งตระหง่านง้ำ ยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งมองจากมุมด้านข้างของพีรพงษ์ด้วยแล้วมันยั่วใจชายจนแทบคลั่งอยากจะ เอื้อมมือไปฉีกกระชากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ปกปิดความขาวอวบให้กระจุยคามือ แต่พีรพงษ์ก็ต้องสะกดกลั้นใจไว้เพราะนั่นเป็นป้าแท้ ๆ ของเขา แถมกำลังขับรถอยู่ด้วย แต่ลำควยเขานี่สิไม่เป็นใจเสียเลย มันตุงดันกางเกงขึ้นมาจนปวดหนึบ วิลาสินีแอบมองเป้ากางเกงหลานชายแล้วก็อมยิ้มด้วยความพอใจ การได้ยั่วพีรพงษ์กลายเป็นงานอดิเรกที่เธอโปรดปรานไปเสียแล้ว
วันนั้นกว่าจะไปถึงออฟฟิซก็เกือบเก้าโมงเช้า วิลาสินีกับพีรพงษ์แยกกันเดินเข้าทำงาน ในวันพรุ่งนี้เป็นกำหนดส่งมอบงานของโรงพยาบาล ดังนั้นในวันนี้ทั้งออฟฟิซจึงคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อวิลาสินีเดินเข้ามา ทุกคนก็หันไปมองเรือนร่างเธอราวกับจะเปลื้องเสื้อผ้าเธอให้เปลือยเปล่าด้วย สายตายังไงยังงั้น โดยเฉพาะประสงค์ที่มองเธอตาไม่กระพริบ ปากก็พึมพำว่า “อูย แม่งน่าเย็ดฉิบหาย ถ้าได้สักครั้งกูจะเอาแม่งทั้งหีทั้งตูดให้บานนั่งไม่ลงเป็นอาทิตย์เลย พับผ่าเถอะวะ”
พีรพงษ์ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งจนเวลาผ่านไปราวติดปีกบิน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงแล้ว เขาออกไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์มากินในออฟฟิซพร้อมทำงานต่อไปด้วย เมื่อถึงเวลาเลิกงาน พนักงานคนอื่น ๆ ทะยอยกลับบ้านไปหมดแล้ว คงเหลือเขากับวิลาสินีที่อยู่ในห้องทำงานของเธอเท่านั้น
ราว 6 โมงเย็น พีรพงษ์ก็ไปเคาะประตูห้องวิลาสินีถามเธอว่าจะกลับบ้านหรือยัง วิลาสินีบอกขอเวลาอีกสิบนาที เธอกำลังทำงานค้างอยู่ ครู่ใหญ่ วิลาสินีก็เดินออกมาจากห้องพร้อมหอบหิ้วเอกสารพะรุงพะรัง พีรพงษ์เข้าไปช่วยถือแล้วทั้งคู่ก็เดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน
ระหว่างที่ขับรถยังไม่ถึงบ้าน โทรศัพท์มือถือของวิลาสินีก็ดังขึ้น เธอรับสายแล้วฟังอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเธอซีดเผือด พร้อมร้องอุทานเสียงดังลั่นรถ “หา อะไรนะ ไฟไหม้ออฟฟิซเรา” เธอรีบหันไปบอกให้พีรพงษ์วกรถกลับไปที่ออฟฟิซโดยด่วนที่สุด
พอทั้งคู่ไปถึง ก็พบว่ามีคนมุงกันอยู่เต็ม ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังมาไม่ถึง ไฟลุกไหม้ในอาคารแดงฉาน ความร้อนที่เกิดขึ้นแทบลวกผิวหนังให้สุกขนาดยืนอยู่ห่าง ๆ วิลาสินีพอลงจากรถได้ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปที่ประตูออฟฟิศแล้วกระชากมันเปิดออก โดยไม่สนใจความร้อนจากเปลวไฟ พีรพงษ์รีบวิ่งตามเธอไปติด ๆ พยายามจะคว้าตัวเธอไว้แต่ก็ไม่ทัน เขาจึงวิ่งตามเธอเข้าไปข้างในอาคารด้วย
ภายในอาคาร ไฟเริ่มลุกไหม้ตามตู้เอกสารและโต๊ะที่เป็นไม้บางส่วน วิลาสินีวิ่งตรงไปที่ห้องของเธอซึ่งเป็นที่เก็บเซอร์ฟเวอร์ที่มีข้อมูลสำคัญ รวมทั้งซอร์สโค้ดทั้งหมดของบริษัท โชคยังดีที่ไฟยังไม่ลามถึงตัวเครื่อง เธอรีบถอดเทปแบ็คอัพออกจากตัวเซอร์ฟเวอร์แล้วซุกมันเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ พีรพงษ์ที่ตามหลังมารีบฉุดมือเธอดึงให้วิ่งออกจากอาคาร แต่ปรากฏว่าไฟได้ลุกไหม้ประตูจนไม่สามารถออกไปได้แล้ว
พีรพงษ์มองซ้ายมองขวาหาทางออก แต่เนื่องจากอาคารนี้เป็นอาคารเก่า มีประตูทางออกอยู่แค่บานเดียว ส่วนหน้าต่างก็แคบมากและมีไฟลุกโหมอยู่ โอกาสรอดของเขากับวิลาสินีช่างดูริบหรี่เหลือเกิน ตำรวจดำเพลิงก็ยังมาไม่ถึง คนที่อยู่ข้างนอกคงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยพวกเขา ถึงอยากเข้ามาช่วยแต่ก็ไม่มีอุปกรณ์พอที่จะทำได้
แต่แล้วสายตาของพีรพงษ์ก็เหลือบเห็นห่วงประตูห้องใต้ดินที่อยู่บนพื้นเบื้อง หน้าเขา ด้วยการตัดสินใจอย่างฉับพลัน เขาก้มลงไปจับห่วงนั้นแล้วดึงขึ้นมาสุดแรง ประตูบานนั้นเลื่อนเปิดออกจนเห็นบันไดที่ลาดลงไปสู่ความมืดที่อยู่เบื้อง ล่าง พีรพงษ์รีบดันตัววิลาสินีลงไปแล้วเขาก็รีบเดินตามแล้วดึงประตูให้ปิดลงมา
ในความมืดมิด พีรพงษ์ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบไฟแช็คขึ้นมาแล้วกดเปิดมัน แสงริบหรี่ของไฟแช็คทำให้เขาพอมองเห็นสภาพรอบข้างได้ลาง ๆ เขาและวิลาสินียืนอยู่ที่พื้นห้องใกล้บันได ผนังห้องเป็นคอนกรีตทั้งสี่ด้าน ขนาดความกว้างก็ประมาณห้าคูณสิบเมตร พีรพงษ์เงยหน้าสำรวจเพดานห้องก็เห็นว่าตรงกลางมีโคมไฟอยู่ด้วย ซึ่งหมายความว่าต้องมีสวิทช์ปิดเปิดไฟอยู่ในห้อง เขามองตามสายไฟไปจนเจอสวิทช์ที่อยู่ตรงผนังด้านขวาจึงเดินไปกด
ในห้องใต้ดินนั้นก็สว่างไสวขึ้นมาทันที พีรพงษ์ปิดไฟแช็คในมือแล้วเดินเข้าไปหาวิลาสินีที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม สีหน้าเธอซีดเผือด ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
“ไม่เป็นไรแล้วครับป้า อย่างน้อยในตอนนี้เราก็ยังพอมีโอกาสรอด” เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วโอบแขนรอบไหล่เธอเพื่อปลอบใจ
วิลาสินียิ้มเซียว ๆ แล้วเงยหน้ามองพีรพงษ์ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียงดังโครมกึกก้องไปทั่วห้องจนเธอต้องกรีดร้องด้วยความตกใจพร้อมยกมือ ขึ้นปิดหู ฝุ่นละอองที่เพดานห้องร่วงหล่นลงมากราว พีรพงษ์โอบแขนรัดตัววิลาสินีไว้ในอ้อมกอด พยายามเอาตัวของเขาบังตัวเธอไว้
ครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม พีรพงษ์ค่อย ๆ คลายแขนออก วิลาสินีเงยหน้ามองเขาแล้วพูดว่า “ขอบใจมากจ้ะพงษ์ ป้ากลัวมากจริง ๆ นะ ไม่รู้เมื่อกี้มันเสียงอะไรกัน”
พีรพงษ์กัดริมฝีปากตัวเองแล้วใช้ความคิด เขาเดินขึ้นบันไดไปแล้วพยายามดันประตูให้เปิดออกแต่ก็ไร้ผล จากสัมผัสที่มือบ่งบอกว่าไฟกำลังลุกโหมหนักที่อีกฟากหนึ่งของประตูเพราะมัน ร้อนลวกมือ พีรพงษ์เดินกลับมาลงมาแล้วบอกวิลาสินีด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า
“สงสัยไฟไหม้จนตัวอาคารถล่มลงมาแล้วล่ะครับป้า เดิมทีมันก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอไฟไหม้หนักอย่างนี้อีก....”
วิลาสินีแทบหมดแรงยืน แค่ไฟไหม้บริษัทก็เป็นข่าวร้ายพออยู่แล้ว แต่นี่เธอกับหลานชายต้องมาตายในห้องใต้ดินโดยไม่มีใครรู้แบบนี้หรือนี่ แต่แล้ววิลาสินีก็นึกได้ว่าเธอยังมีโทรศัพท์มือถือติดตัวอยู่นี่นา เธอรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วดูที่จอภาพ กราฟฟิคบนจอภาพบอกว่าที่ห้องใต้ดินนี้อับสัญญาณโดยสิ้นเชิง พอความหวังครั้งสุดท้ายหมดไป วิลาสินีถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งหมดอาลัยตายอยากบนพื้นห้องแล้วร้องไห้กระซิก ๆ พีรพงษ์ย่อตัวลงไปปลอบเธออยู่สองสามคำแล้วเขาก็ลุกเดินสำรวจห้องเพื่อดูว่า จะมีประตูทางออกอีกทางหรือไม่
ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่กี่อย่าง ที่ตรงมุมห้อง พีรพงษ์พบเครื่องปั่นไฟและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ นี่คงเป็นแหล่งจ่ายไฟในห้องยามฉุกเฉินเพราะในขณะที่อาคารข้างบนถล่มลงมา ไฟฟ้าจากภายนอกก็น่าจะถูกตัดขาดไปแล้ว มุมห้องอีกด้านกั้นเป็นส้วมซึมเล็ก ๆ และมีถังใส่น้ำที่มีน้ำเต็มอยู่ด้วย บนผนังมีช่องระบายอากาศที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้อากาศเข้ามาได้แต่น้ำเข้ามา ไม่ได้ อีกฟากหนึ่งมีตู้โชว์ขนาดใหญ่และเตียงพร้อมเครื่องนอนครบครัน ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นตู้เสื้อผ้า ดูจากสภาพแล้วน่าจะมีคนอยู่ ซึ่งพีรพงษ์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงเป็นนายชิดที่เป็นยามเฝ้าอาคารเป็นแน่
พีรพงษ์สำรวจครบทุกด้านแล้วก็เดินกลับมาหาวิลาสินีที่ยังนั่งทอดอาลัย ตายอยากอยู่บนพื้น เขาบอกกับเธอว่าที่ห้องใต้ดินนี้แต่เดิมคงถูกออกแบบมาให้เป็นหลุมหลบภัย ผนังจึงหนามากขนาดกันรังสีได้ซึ่งก็เป็นธรรมดาว่ามันก็จะดูดคลื่นโทรศัพท์ ไว้ได้หมด เมื่อเห็นอาการของวิลาสินียังไม่กระเตื้องขึ้น เขาจึงบอกให้เธอช่วยเขารื้อค้นตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักตู้โชว์เผื่อจะเจออะไร ที่มีประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้บ้าง วิลาสินีจึงกลั้นน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่ตู้โชว์แล้วดึงลิ้นชักออกมา ข้างในลิ้นชักแรกเป็นวีดีโอซีดีหลายแผ่น แต่ละแผ่นล้วนเป็นหนังเกย์ทั้งสิ้น นายแบบในปกก็ล้วนแต่เป็นหนุ่มหล่อล่ำบึ้กกล้ามเป็นมัด ๆ ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย วิลาสินียังอดหน้าแดงไม่ได้ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบา ๆ พีรพงษ์จึงเดินเข้ามาดูแล้วก็หัวเราะบอกเธอว่า เขารู้กันทั้งออฟฟิซว่านายชิดน่ะเป็นเกย์ แล้วเขาก็ช่วยเธอรื้อลิ้นชักที่เหลือ ซึ่งก็พบบะหมี่สำเร็จรูปหลายห่อ พร้อมกับเศษเงิน แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือเขาพบดุ้นควยเทียมพร้อมเจลหล่อลื่นอยู่ในลิ้นชักหนึ่ง เขาหันไปมองดูวิลาสินีที่ตอนนี้ไปรื้อตู้เสื้อผ้า เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้หันมามองทางนี้เขาก็รีบดันลิ้นชักนั้นกลับเข้าไป เหมือนเดิม
วิลาสินีกับพีรพงษ์กลับมาเจอกันใกล้เตียง ทั้งคู่มองตากันแล้วก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เจออะไรที่พอจะช่วยทำให้ สถานการณ์ดีขึ้นได้ วิลาสินีเริ่มร้องไห้อีกครั้งจนพีรพงษ์ต้องโอบกอดปลอบโยนเธอ
“คงไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวตำรวจดับเพลิงก็คงมาถึงแล้วเขาก็จะช่วยพวกเราออกไปจากที่นี่ได้เอง เราก็เพียงแต่พยายามมีชีวิตรอดให้ถึงตอนนั้นก็พอ”
“จริง ๆ นะจ๊ะ” วิลาสินีถามทั้งน้ำตา
“ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นครับ” พีรพงษ์ตอบทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะตัวอาคารถล่มลงมาแบบนี้คงใช้เวลาหลายวันกว่าจะรื้อได้ และต่อให้รื้อซากปรักหักพังได้ทันเวลา ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาและเธอยังคงมีชีวิตอยู่ในห้องใต้ดิน แต่ในตอนนี้เขาได้แต่ปลอบวิลาสินีให้ลดความกลัวลงก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่า กันทีหลัง

เวลาผ่านไปหนึ่งวันก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อาหารแห้งที่เหลืออยู่ก็หมดลงไปแล้ว ความหวังและกำลังใจของทั้งป้าและหลานชายก็หมดลงไปทุกขณะ วิลาสินีนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเก่า ๆ นั้น เธอร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด
“พงษ์ ป้าว่าเราสองคนคงต้องอดตายอยู่ในนี้แน่เลย ป้ากลัว” วิลาสินีพูดเสียงสั่นเครือ
พีรพงษ์ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็เลยยกแขนขึ้นโอบไหล่ป้าแล้วโน้มตัวเธอมาให้ซุกอยู่กับอ้อมอกเขาโดยไม่พูด อะไร วิลาสินีโอนอ่อนผ่อนตามเขา จมูกเธอสูดได้กลิ่นกายชายฉกรรจ์รมเธอจนแทบหายใจไม่ออก สภาพจิตใจของพีรพงษ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าวิลาสินีเท่าใดนัก เขายังหนุ่มยังแน่นยังมีอนาคตอีกไกลที่ฝันไว้ มันจะมาจบลงตรงนี้เองหรือนี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อแท้
ส่วนวิลาสินีนั้นเล่า ในสมองเธอตอนนี้มีความคิดแว่บขึ้นมาว่า ไหน ๆ ก็จะตายแล้ว ก่อนตายขอมีความสุขสักครั้งเถอะ ถึงจะเป็นหลานก็ไม่ต้องสนใจเพราะยังไงก็คงไม่มีคนมาเห็น ความคิดของเธอไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งมีชีวิตทั้งปวงเมื่อถึงคราวมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ธรรมชาติก็จะบงการให้รีบสืบพันธุ์เพื่อดำรงไว้ซึ่งสายพันธุ์ ในอกวิลาสินีตอนนี้มีแต่ความกระสันต์เงี่ยนง่านเพิ่มขึ้นทุกขณะ เธอเงยหน้ามองพีรพงษ์ก็พบว่าเขาเองก็หอบหายใจแรงไม่แพ้เธอเหมือนกัน
สองป้าหลานสบตากันแน่วนิ่งแล้วโดยไม่ต้องมีคำพูดก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร พีรพงษ์โน้มหน้าลงมาประทับจูบที่ริมฝีปากอิ่มแดงที่เผยอรออยู่แล้ว พร้อมสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอันหอมหวนของวิลาสินี วิลาสินีถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นกับจูบแรกในชีวิตสาวใหญ่ แต่ครู่เดียวเธอก็จูบตอบเป็น ทั้งคู่แลกจูบกันอย่างเผ็ดร้อน
วิลาสินีเป็นฝ่ายถอนจูบออก หน้าเธอแดงก่ำด้วยแรงกำหนัดที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน ดวงตาเธอเป็นประกายด้วยความปรารถนา ทั้งเธอและพีรพงษ์ต่างพร้อมใจกันถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า พีรพงษ์ช้อนร่างของป้าขึ้นไปวางบนเตียงแล้วโถมตัวขึ้นไปทาบทับ สองมือเขากำสองเต้าอวบที่ล่อตาล่อใจเขามานานแล้วพร้อมกับกับบีบเคล้นอย่าง มันเขี้ยวจนเนื้อเต้าล้นทะลักออกตามร่องนิ้ว หัวนมสีชมพูลุกชี้ชันตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ วิลาสินีส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียว มือเธอก็เอื้อมลงไปกำลำควยของหลานชายไว้แล้วกระทอกอย่างสนุกมือทำเอาพีรพงษ์ ร้องครางออกมาบ้าง เขาปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเต้าแล้วเลื่อนลงไปกุมเนินหีที่มีหญ้าปกคลุมหนา แน่นแล้วใช้นิ้วกลางแซะเข้าไปกลางร่องรูที่ฉ่ำเยิ้ม ปากเขาก็ประกบแลกน้ำลายกับวิลาสินีอย่างเร่าร้อน การโจมตีถึงสามด้านพร้อมกันสร้างความเสียวให้กับวิลาสินีเป็นที่สุด ร่างเธอบิดไปมาราวงูถูกทุบหัว รูหีขมิบตอดถี่ยิบส่งน้ำเสียวออกมาไม่ขาดสาย
วิลาสินีนึกสนุกขึ้นมาจึงบอกให้พีรพงษ์ลงไปยืนข้างเตียงส่วนตัวเธอลงไปคุก เข่าอยู่หน้าเขาแล้วอมควยเขาเข้าไปทั้งดุ้น แรก ๆ เธอก็อมไม่เป็นจนฟันไปครูดกับหัวบักจนพีรพงษ์ร้องโอ๊ย แต่พักเดียวเธอก็เริ่มคล่องแคล่ว โยกหัวเข้า ๆ ออก ๆ ลำควยนั้นจนน้ำลายเธอชะโลมท่อนลำหลานชายเป็นมันปลาบ พีรพงษ์ใช้มือขยุ้มผมป้าไว้แล้วสูดปากครางกระเส่า เขาก้มลงมองไปข้างล่างแล้วก็ต้องตาลุกวาวเมื่อเห็นภาพเรือนร่างอล่างฉ่างของ วิลาสินีที่นั่งคุกเข่าโม้คให้เขา จากแผ่นหลังที่เนียนขาวลงไปบานผายออกที่บั้นท้ายที่งอนง้ำออกมา มันกลมกลึงได้รูปจนเขาอยากฟัดมันให้หลุดติดมือออกมา
พีรพงษ์ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงกระชากควยออกจากปากวิลาสินีที่ยังสนุกอยู่ แล้วเขาก็จับตัวป้าให้ขึ้นไปคลานสี่ขาอยู่บนเตียง ส่วนตัวเขาเข้าประชิดด้านหลังใช้มือยึดแก้มก้นเธอไว้แน่น แล้วจ่อหัวควยเข้ากับพูหีที่ย้อยมาข้างหลัง พีรพงษ์ค่อย ๆ ดันควยเข้าไปในรูหีที่คับแคบของวิลาสินี แต่มันช่างลำบากเหลือเกินแม้ว่าจะมีน้ำหล่อลื่นออกมามากแล้วก็ตาม
“โอ๊ย เบา ๆ ก่อนพงษ์ ป้ายังไม่เคย ของพงษ์มันใหญ่เหลือเกิน ซี๊ด เสียวก็เสียว เจ็บก็เจ็บ อาวว์” วิลาสินีหันไปบอกหลานชายตัวดี
พีรพงษ์หยุดการเดินเครื่องไว้ก่อนแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปกำเต้า อวบคู่งามแล้วบีบบี้เล่นกับหัวนม ความรู้สึกที่แผงอกของเขาแนบชิดกับผิวเรียบ ๆ นุ่ม ๆ ของแผ่นหลังป้าทำให้เขาเงี่ยนเป็นกำลัง จมูกเขาได้กลิ่นกายสาวปนกลิ่นเหงื่อที่ซอกคอเธอ เพิ่มความอยากให้มากขึ้นไปอีก
“อู๊ยยย อย่าบีบหัวนมแรง มันเสียว อูยยย อะไรกันเนี่ย ฉันเป็นอะไรไป ทำไมตัวร้อนยังงี้” วิลาสินีเพ้อครางกับความเสียวที่หลานชายประเคนให้ เธอกำลังเพลินเลยไม่ทันได้รู้ว่าในระหว่างนั้น พีรพงษ์แอบกระเด้าซอยลำควยสั้น ๆ ตอกลิ่มเข้าไปในโพรงหีเธอทีละน้อย ๆ จนบัดนี้มันเข้าไปได้ครึ่งลำแล้ว ความรู้สึกที่ถูกหีของป้าแท้ ๆ บีบรัดลำควยจนแน่นตึงแบบนี้มันดีเหนือคำบรรยายใด ๆ น้ำเสียวที่เธอขับออกมาก็ช่วยให้การบุกเบิกรูหีเป็นไปด้วยความสะดวกยิ่งขึ้น ภายในโพรงหีเธอมันอุ่นวาบและชุ่มชื้น พีรพงษ์กัดกรามกรอดแล้วเด้งสะโพกไปข้างหน้าเต็มแรง จนหน้าขาเขากระทบกับบั้นท้ายกลมกลึงดังเพียะ ส่วนควยเขาก็เบิกทะลวงเข้าไปจนมิดโคนจนลูกกระโปกเด้งไปตีแคมหี
“โอ๊ย แหกแล้วววว” วิลาสินีร้องลั่นห้อง น้ำตาซึม พีรพงษ์เมื่อพิชิตความสาวของป้าได้สำเร็จแล้วก็พักให้เธอได้คลายความเจ็บลง บ้าง ในระหว่างนั้นเขาก็เพลิดเพลินกับการขยำขยี้เต้าที่เคยเต้นดึ๋ง ๆ ล่อตาล่อใจเขามานานแล้วให้สมอยาก ส่วนมืออีกข้างก็แอบลอดผ่านหน้าท้องเธอไปเขี่ยเม็ดแตดที่โดนลำควยดันขึ้นมา จนชี้ชัน โดนโจมตีจุดสำคัญเข้าไปหลายแห่งพร้อม ๆ กันแบบนี้ วิลาสินีถึงกับลืมความเจ็บไปจนหมด เธอขยับสะโพกไปมาให้ลำควยหลานชายคว้านเนื้ออ่อน ๆ ในโพรงหีจนต้องสูดปากราวกับกินพริกเผ็ด ๆ มา
พีรพงษ์เมื่อเห็นอาการป้าคนสวยเป็นเช่นนั้นก็รู้ได้ว่าบัดนี้ความเจ็บได้หายไปหมดแล้วเหลือแต่ความเสียว
“หายเจ็บแล้วใช่ไหมครับป้า เราจะเริ่มต่อกันดีมั้ยครับ” พีรพงษ์แกล้งถาม
“แหม ก็แล้วแต่เธอสิจ๊ะ ทำไมต้องมาถามป้าด้วย” วิลาสินีปรือตาแล้วตอบแบบอาย ๆ แต่สะโพกเธอบดกับหน้าขาเขาเป็นวง
เมื่อพีรพงษ์ได้ยินแบบนั้นเขาก็ลงมือซอยกระเด้าทันที เขาสาวควยออกมาจนเหลือแต่หัวหยักแล้วอัดกลับเข้าไปจนมิด ทั้งป้าทั้งหลานพากันซู้ดปากครางกระเส่าอย่างพร้อมเพรียง พีรพงษ์เร่งจังหวะกระเด้าจนวิลาสินีหัวสั่นหัวคลอน เต้าคู่งามแกว่งไกวไปมาน่าดูเป็นยิ่งนัก พีรพงษ์อยากเอื้อมมือไปเล่นกับมันแต่ในท่านี้มันไม่ถนัด เขาจึงเอนตัวถอยหลังไปนั่งบนส้นเท้าตัวเองแล้วรั้งเอววิลาสินีให้เธอนั่งตัว ตรงบนหน้าขาเขาโดยที่ลำควยเขายังเสียบคาอยู่ในโพรงหีเธอ แล้วเขาก็เลื่อนมือมาเกาะกุมตรงลอนสะโพกที่หนั่นแน่นแล้วยกตัวเธอขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นตัวอย่างสองสามครั้งวิลาสินีก็เข้าใจ เธอเด้งตัวขึ้นลงบนลำควยหลานชายราวติดสปริงโดยไม่กลัวว่าควยเขาจะหักงอ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องแหงนหน้าสูดปากร้องครางกระเส่า พอเห็นว่าป้าคนสวยของเขาเป็นงานแล้ว พีรพงษ์ก็ยื่นมือไปกำสองเต้าอวบสล้างแล้วบีบบี้เล่นด้วยความสุข
ทุกจังหวะที่วิลาสินีกดเนินหีลงมา พีรพงษ์ก็เด้งควยอัดสวนขึ้นไป เสียงควยกระทบหีดังเจ๊าะแจ๊ะปนกับเสียงหอบหายใจของหนุ่มสาวต่างวัยที่กำลัง เติมความอร่อยให้กับชีวิต
ในท่านี้พีรพงษ์ต้องแบกรับน้ำหนักของวิลาสินีไว้บนหน้าขาทั้งหมดจนขาชาไปหมด เขาจึงยึดสะโพกวิลาสินีไว้แล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อนครับป้า เปลี่ยนท่ากันดีกว่า ผมเมื่อยแล้ว”
วิลาสินีกำลังตาปรือด้วยความเสียว จึงถามหลานชายว่า “แหม กำลังมันส์เลย จะเปลี่ยนเป็นท่าไหนล่ะจ๊ะ”
“เดี๋ยวผมจะนอนหงาย แล้วให้ป้าขึ้นคร่อมควยผมครับ ท่านี้เขาเรียกว่าหนุมานขย่มตอ รับรองว่ามันส์กว่าท่าเมื่อกี้อีกหลายขุมครับ” พีรพงษ์ที่เจนจัดในเชิงกามมากกว่าให้คำแนะนำป้าผู้อ่อนประสบการณ์
“ว้าย ท่าอะไรชื่อน่าเกลียดจังเลย” ปากก็บอกว่าน่าเกลียดแต่ประกายตาที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายมันไม่ได้ บอกอย่างนั้น เธอยกตัวออกจากลำควยหลานชายด้วยความเสียดาย น้ำหีหยดแหมะ ๆ ลงใส่หน้าขาเขา พีรพงษ์รีบเอนตัวลงนอนหงาย วิลาสินีคลานขึ้นคร่อมตามที่เขาบอก เธอจ่อหัวควยให้ตรงที่ตรงทางแล้วกดตัวลงมาพรืดเดียวกลืนควยเขาเข้าไปทั้ง ดุ้นแล้วแหงนหน้าสูดปาก “ซี๊ด ควยเธอใหญ่ครูดหีป้าอร่อยจังเลย” ในตอนนี้ความเป็นกุลสตรีได้หมดไปแล้วจากตัววิลาสินี คำหยาบที่หลุดจากปากเธอกลับยิ่งช่วยเพิ่มดีกรีความเงี่ยนให้มากขึ้นไปอีก
ส่วนพีรพงษ์นั้นไม่ต้องพูดถึง ความอบอุ่นของโพรงหีบวกกับความแน่นกระชับทำให้เขาต้องกัดริมฝีปากตัวเอง เพื่อไม่ให้น้ำแตกก่อนจะได้สนุกเสียวกับป้าคนสวยให้นานกว่านี้ วิลาสินีแอ่นหลังตรงแล้วทิ้งน้ำหนักขย่มตัวลงมาบนลำควยหลานชายจนมิดลำทุก ครั้งจนเต้าสั่นกระเพื่อม เธอยกมือขึ้นบีบเคล้นเต้าตัวเองพร้อมก้มลงยิ้มอย่างสุขสมให้กับหลานชายที่ อยู่ใต้ตัวเธอ การเย็ดกันมันอร่อยปานนี้นี่เอง เธอรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ถ้าเธอรู้ว่ามันมีความสุขขนาดนี้เสียแต่แรก เธอคงจะให้พีรพงษ์เอาเธอไปนานแล้ว


Offline เรื่องเสียว

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • แฟนพันธ์แท้
  • *******
    • Posts: 8553
    • เสียว: 361
  • เรื่องเสียวอัพเดจทุกวัน
    • View Profile
    • เล่าเรื่องเสียว
Reply #5 on: January 07, 2010, 03:50:07 pm
พีรพงษ์นอน หงายรับความเสียวอยู่พักเดียวก็ทนต่อไปไม่ไหว ในสภาพที่ให้วิลาสินีเป็นฝ่ายคุมเกมแบบนี้ น้ำเขามีสิทธิ์แตกได้ง่าย ๆ เขาจึงบอกกับวิลาสินีว่า “ป้าครับ ขอเวลานอกเปลี่ยนท่าอีกทีครับ”
“แหม พงษ์เนี่ย ถึงขั้นนี้แล้วยังเรียกป้าอีกเหรอจ๊ะ ต้องเรียกเมียสิจ๊ะ” วิลาสินีจีบปากจีบคอพูดด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า
“จ้ะ เมียจ๋า ผัวขอเปลี่ยนขึ้นไปเย็ดเมียบ้างนะ” พีรพงษ์พูด
วิลาสินียกตัวขึ้นจากลำควยอย่างไม่ค่อยเต็มใจอีกครั้ง แล้วพลิกตัวลงไปนอนหงายถ่างขาอ้าซ่า พีรพงษ์ผลุดลุกขึ้น พอเห็นเรือนร่างขาวผ่องของวิลาสินีที่นอนแผ่หราก็ถึงกับตาลุกวาว เต้านมอวบขาวมีรอยนิ้วแดงเป็นจ้ำ ๆ หัวนมสีแดงระเรื่อชูชันสั่นไหวตามการหอบหายใจ ช่วงเอวคอดกิ่วหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน แต่ที่น่าดูที่สุดคือเนินหีที่นูนโหนกนั้น บัดนี้แคมหีที่หนานุ่มได้แบะแยกออกจนเห็นปากรูแดงแจ๋มีน้ำเมือกเยิ้มเป็นมัน ได้เห็นภาพเช่นนี้ ควยเขาถึงกับเต้นเร่างึก ๆ พีรพงษ์เข้าประชิด เขายกท่อนขาเรียวงามขึ้นพาดไหล่แล้วโย้ตัวไปข้างหน้าจนสะโพกอวบขาวยกลอยขึ้น จากพื้น เนินหีพลอยลอยเด่นขึ้นมา เขาจ่อหัวควยเข้ากับปากรูที่มีน้ำเยิ้มนั้นแล้วดันพรวดเข้าไปสุดแรง วิลาสินีรู้สึกร้อนวาบทั่วท้องน้อย ในท่านี้ลำควยเขายิ่งเข้าไปได้ลึกกว่าท่าก่อน ๆ เสียอีกจนเข้าไปชนปากมดลูกดังกึก พีรพงษ์ซอยกระเด้าทิ่มแทงรูหีเบื้องหน้าราวกับแค้นกันมานานจนเสียงเจ๊าะแจ๊ะ ดังระงมไปทั่วห้อง อีกเพียงครู่เดียวเขาก็ตัวสั่นกัดกรามแน่นแล้วฉีดน้ำควยออกมาราดรดโพรงหี วิลาสินีจนเอ่อล้นออกมาข้างนอก ส่วนวิลาสินีเองก็รู้สึกร้อนวาบทั่วโพรงหีแล้วน้ำเสียวเธอก็แตกพลั่กออกมาชะ โลมลำควยหลานชายอย่างมากมาย เธอกรีดร้องโหยหวนแล้วบิดลำตัวไปมาจนสองเต้าสะบัดไหวแล้วก็แน่นิ่งไป
สองป้าหลานนอนกอดก่ายหอบหายใจอยู่บนเตียงจนอาการเหนื่อยลดลงแล้วจึงนอนคุยกันต่อโดยวิลาสินีนอนเอาหัวพาดบนหน้าอกหลานชาย
“ป้าเสียวอร่อยที่สุดในชีวิตเลยรู้มั้ย เธอเก่งจริง ๆนะพงษ์” วิลาสินีเริ่มก่อน
“อ้าว ให้เรียกป้าแล้วหรือครับ เมื่อกี้ยังให้เรียกเมียอยู่เลย” พีรพงษ์กระเซ้า
วิลาสินียกมือขึ้นทุบหน้าอกเขา “แหม พงษ์เนี่ยมาล้อป้าได้ไง แล้วแต่เธอสิ จะเรียกเมียหรือเรียกป้าก็ได้ มันก็เหมือน ๆ กันแหละตอนนี้”
“ป้าคงไม่โกรธผมนะที่ผมทำแบบนี้” พีรพงษ์เอ่ย
วิลาสินีส่ายหน้า “ไม่หรอกจ้ะ อันที่จริงป้าเองก็อยากลองของจริงมานานแล้ว เพียงแต่ป้าเจียมตัวที่อายุมากแล้วและยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอด้วยเลยไม่ กล้าแสดงออก”
“ผมเองก็เหมือนกันครับ ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เห็นป้าเต้นแอโรบิค ผมก็ฝันอยากจะเย็ดป้าตลอดเวลา” พีรพงษ์สารภาพ
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ เราสองคนคงไม่ได้รู้ความในใจของกันและกันนะ และคงไม่ได้รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองด้วย” วิลาสินีบอก
“จริงด้วยครับ ผมได้มีความสุขกับป้าแบบนี้ ถึงตายในนี้ผมก็ไม่เสียใจเลย” พีรพงษ์พูด
“ป้าก็เหมือนกันจ้ะ” วิลาสินีตอบ
ทั้งสองป้าหลานสบตากันแล้วยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ ขณะนี้ทั้งคู่ไม่มีความลับอะไรต่อกันอีกแล้ว มันรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
พีรพงษ์ได้พักเหนื่อยและได้กอดร่างอวบอัดนุ่มนิ่มของป้าคนสวยทำให้เขาเริ่ม เงี่ยนขึ้นมาอีก ลำควยเขาเริ่มพองตัวขึ้นมาจนมาตีท่อนขาของวิลาสินี
“อุ๊ย ทำไมมาตีป้า แบบนี้ต้องทำโทษรู้มั้ย” วิลาสินีเหลือบมองลำควยแล้วพูดด้วยใบหน้าแดง ๆ
“ผมตะหากที่ต้องทำโทษป้าที่ทำให้ผมอยู่ในสภาพแบบนี้” พีรพงษ์พูดติดตลก แล้วเขาก็หวนคิดถึงบั้นท้ายอันผายงอนของวิลาสินี ฉับพลันความคิดก็แว่บไปถึงเจลที่เจอในลิ้นชัก เขาดันตัววิลาสินีแล้วเดินลงไปเปิดลิ้นชักหยิบเอาเจลหล่อลื่นมาที่เตียง
“เอ่อ ป้าครับ ผมอยาก...เอ่อ..อยาก...” พีรพงษ์ตะกุกตะกัก
“อยากอะไรก็ว่ามาสิจ๊ะ อ้ำ ๆ อึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ป้าจะไปรู้ได้ยังไง” วิลาสินีพูดครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
“คือ ผมอยากเย็ดตูดป้าน่ะครับ ก้นป้าทั้งงอนทั้งผาย ผมแอบมองมานานแล้ว” พีรพงษ์ตัดใจพูด
วิลาสินีหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากของหลานชาย เธอมองดูลำควยเขาที่พองตัวเต็มที่เต้นระริกอยู่เบื้องหน้า ในใจเธอก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้ลองรสชาติอีกแบบหนึ่ง
“แหม พงษ์เนี่ย แค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลย มาซิจ๊ะ” วิลาสินีผลุดลุกขึ้นไปอยู่ในท่าคลานสี่ขาเหมือนตอนแรกแต่คราวนี้ก้นเธอลอย อยู่ตรงขอบเตียง “เธอคงรู้นะว่าต้องทำยังไงเพราะป้าเองก็ไม่เคยมาก่อน”
พีรพงษ์ยิ้มด้วยความดีใจ “ครับป้า รับรองว่าป้าจะเสียวอร่อยยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก”
วิลาสินีได้ยินคำยืนยันจากปากหลานชายแบบนี้ก็ยิ่งเสียวกระสันต์เงี่ยนง่าน หนักขึ้น รูหีเธอขมิบตอดปล่อยน้ำเสียวออกมาทันที พีรพงษ์บีบเจลออกมาแล้วแยกแก้มก้นวิลาสินีออกจนเห็นรูตูดสีแดงเข้มแล้วทาเจ ลลงไปจนเยิ้ม จากนั้นเขาก็บีบเจลมาทารอบลำควยเขา
“พร้อมแล้วนะครับ” พีรพงษ์เดินเข้าไปประชิดขอบเตียง ใช้มือยกลำควยตัวเองให้ส่วนหัวจ่อตรงกับรูถ่ายของวิลาสินี จากนั้นก็ดันตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วใช้สองมือแยกแก้มก้นผายงอนออก
“อูยยย์ มันตึงไปหมดเลย ค่อย ๆ ก่อนนะพงษ์” วิลาสินีเหลียวหลังมามอง
“ซี๊ด รูตูดป้าแน่นจริง ๆ ครับ บีบรัดควยผมแทบขาดเลย ทนอีกหน่อยครับ เดี๋ยวก็มิดแล้ว” พีรพงษ์กัดกรามกรอดแล้วค่อย ๆ อัดสะโพกเคลื่อนลำควยจมหายเข้าไปในรูตูดของป้าคนสวย วิลาสินีทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวปนความเจ็บ พักเดียวเท่านั้น เธอก็รู้สึกถึงความอุ่นของหน้าขาหลานชายที่มากระทบแก้มก้นเธอและในช่องท้อง เธอก็รู้สึกแน่นไปหมด
“อูยย์ มิดแล้วเมียจ๋า เจ็บมั้ยจ๊ะ ผัวจะขยับแล้วนะ” พีรพงษ์เปลี่ยนโหมดการเรียกหาโดยอัตโนมัติ
“ซี๊ด อูวว์ ไม่เจ็บแล้วจ้ะ เย็ดตูดเมียได้แล้วค่ะ” วิลาสินีสูดปากระบายลมเพื่อลดความแน่นตึง เธอเคลื่อนสะโพกเป็นวงบดกับหน้าขาเขาเป็นเชิงกระตุ้นให้เริ่มเย็ดได้แล้ว
พีรพงษ์กัดกรามดึงลำควยออกมา รูตูดของวิลาสินีช่างดูดกระชับเหลือที่จะกล่าว เขาแทบจะไม่สามารถสาวลำควยออกมาได้ มันตึงแน่นไปหมด พีรพงษ์ต้องค่อย ๆ สาวกระเด้าสั้น ๆ ก่อนแล้วพอชินกับจังหวะแล้วก็ค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหน้าขากระทบก้นดังป้าบ ๆ ลั่นห้องระคนกับเสียงร้องครวญครางของสองป้าหลานที่จูงมือสำรวจความลี้ลับ แห่งดงกามด้วยกัน
ด้วยความแน่นกระชับของรูตูด ทำให้พีรพงษ์สะกดกลั้นไว้ได้อีกไม่นาน เขาก็น้ำแตกเต็มโพรงตูดป้าคนสวย เขาส่งเสียงร้อง อู๊วว อู๊วว ออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้ ส่วนวิลาสินีเองก็ถึงสวรรค์เกือบจะพร้อม ๆ กันเมื่อน้ำควยอุ่นระอุร้อนวาบเข้าไปในช่องท้องของเธอจนทำให้รูหีเธอขมิบตอด ปล่อยน้ำหีทะลักไหลลงมาตามหน้าขา แล้วทั้งป้าหลานก็ฟุบตัวลงกับเตียงหอบหายใจให้หายเหนื่อยด้วยกันอีกครั้ง
ทั้งคู่นอนกอดกันบนเตียงหลังสวมเสื้อผ้า บัดนี้ความกลัวตายได้จางหายไปบ้างแล้ว ทั้งสองคนพูดคุยฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ แบบสะเปะสะปะ พยายามไม่นึกถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พงษ์ เธอได้ยินเสียงอะไรมั้ย” วิลาสินีถามหลานชาย
“เสียงอะไรเหรอครับ ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” พีรพงษ์ตอบพร้อมพยายามเงี่ยหูฟัง
“ป้าว่าเหมือนเสียงเครื่องจักรนะ ดังมาจากทางข้างบน” วิลาสินีพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง
พีรพงษ์กระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปตรงประตู เขาเอาหูแนบกับประตูฟังอยู่สักพัก แล้วก็วิ่งกลับลงมาหาวิลาสินีด้วยความตื่นเต้น “ใช่จริง ๆ ครับป้า เสียงรถเครนแน่ ๆ พวกเขากำลังมาช่วยเราออกไปจากที่นี่”
วิลาสินีถามด้วยความสงสัยว่า “อ้าว แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าเราอยู่ในห้องใต้ดินล่ะ โทรศัพท์มือถือก็ใช่ไม่ได้”
“ผมสันนิษฐานว่าพวกเขาคงค้นหากระดูกเราไม่เจอ นายชิดคงบอกว่ายังมีห้องใต้ดินห้องนี้อยู่ พวกเขาก็เลยเอารถเครนมายกเอาซากตึกข้างบนออกไป น่าจะเป็นแบบที่ผมว่าแน่ๆ เลย” พีรพงษ์พูดด้วยความตื่นเต้น
“งั้นเราสองคนก็รอดตายแล้วสิเนี่ย” วิลาสินีน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ เธอโผเข้าหาพีรพงษ์ที่โอบกอดเธอไว้แนบแน่น พร้อมก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา
“ครับ ผมเชื่อว่าเราคงไม่ตายในห้องใต้ดินแห่งนี้แล้วล่ะครับ แต่ เอ ถ้าเราออกไปจากที่นี่ได้ ผมกับป้าจะยังมีความสุขกันได้อยู่รึเปล่าหนอ” พีรพงษ์แกล้งแหย่
วิลาสินีค้อนเขาอย่างน่ารัก “ป้ากลัวแต่เธอจะเบื่อป้าน่ะสิจ๊ะ”
พีรพงษ์ก้มลงไปประทับจูบเธออย่างดูดดื่ม “ไม่มีวันเสียล่ะครับ ผมรู้ใจตัวเองดี ผมว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้จริง ๆ นะที่ทำให้เราสองคนได้รู้ใจกันขนาดนี้ ผมว่าถึงต้องเสี่ยงตายมันก็คุ้มเกินคุ้ม”
“จ้ะ ป้าก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน” วิลาสินีตอบ สองป้าหลานสบตากันเนิ่นนาน ในดวงตาของทั้งคู่บ่งบอกว่าบัดนี้ทั้งสองคนได้พบแล้วในส่วนที่ขาดหายไปใน ชีวิต และในหนทางเบื้องหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงไร เขาและเธอก็จะร่วมกันฝ่าฟันไปให้ถึงจุดหมายให้ได้

จบบริบูรณ์ แต่งโดย Iczy


Offline Woodyman

  • Master Hero
  • *
    • Posts: 13
    • เสียว: 0
    • View Profile
Reply #6 on: January 11, 2010, 04:26:19 pm
Thanks ja !!! (1; (1; (1;



Offline peakpradoo

  • Full Member
  • ***
    • Posts: 25
    • เสียว: 0
    • View Profile
    • Email
Reply #7 on: February 22, 2010, 04:53:36 pm
ขอบคุณหลายๆ



Offline bigkito

  • Super Master Hero
  • **********
    • Posts: 777
    • เสียว: 1
    • View Profile
Reply #8 on: March 09, 2010, 06:50:50 am
ขอบคุณคับ



Offline phatthakorn

  • Super Master Hero
  • **********
    • Posts: 1284
    • เสียว: 9
    • View Profile
Reply #9 on: March 16, 2010, 10:18:30 pm
 (1; (1; (1;



Offline smx

  • Newbie
  • *
    • Posts: 9
    • เสียว: 0
    • View Profile
Reply #10 on: March 22, 2010, 12:32:09 pm
Thankkkkkkkkkkkk  U



Offline nataz

  • Jr. Member
  • **
    • Posts: 2
    • เสียว: 0
    • View Profile
Reply #11 on: March 23, 2010, 12:48:21 am
Thank you



Offline kaeow

  • Master Hero
  • *
    • Posts: 691
    • เสียว: 0
    • View Profile
    • Email
Reply #12 on: June 19, 2010, 10:56:11 am
ขอบคุณครับ



Offline smochay

  • Newbie
  • *
    • Posts: 4
    • เสียว: 0
    • View Profile
Reply #13 on: June 24, 2010, 04:50:21 pm
ขอบคุณครับ



Offline optic

  • Master Hero
  • *
    • Posts: 22
    • เสียว: 0
    • View Profile
    • Email
Reply #14 on: July 22, 2010, 10:40:50 am
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ