“พงษ์ เฮ้ย ไอ้พงษ์”
พีรพงษ์สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานเรียก เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตระเตรียมงานนำเสนอของบริษัทอยู่ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้เผลอหวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ นั้นอีกจนได้
“ตื่นแล้วเหรอวะ โน่นโว้ย ผู้จัดการกำลังเดินมาหามึงแน่ะ” ประสงค์บุ้ยปากบอกเพื่อน
พีรพงษ์หันไปมองก็เห็นวิลาสินีก้าวฉับ ๆ มาหาเขา เธอเดินด้วยความรีบร้อนแต่มั่นคงทั้งที่สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดและต้องเบียด แทรกไปตามช่องว่างอันน้อยนิดระหว่างโต๊ะทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้
“ว่าไงจ๊ะพงษ์ งานนำเสนอบ่ายนี้พร้อมแล้วหรือยัง” วิลาสินีเอ่ยถาม
“ครับคุณวิ ผมกำลังตรวจสอบเป็นครั้งที่สามเพื่อความมั่นใจครับ แต่เพื่อกันพลาด ผมจะเอาโน้ตบุ้คสำรองกับโปรเจ็คเตอร์ไปอีกตัวหนึ่งด้วยเผื่อทางลูกค้าไม่ พร้อม” พีรพงษ์เงยหน้าตอบ
วิลาสินียิ้มออกมาด้วยความพอใจ พีรพงษ์อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นริมฝีปากอิ่มแดงสดเผยอออกและซี่ฟันที่ ขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบนั้น เวลาเธอยิ้มนี่ดูเด็กจริง ๆ พีรพงษ์คิดในใจ
“ดีมาก งานนี้เป็นงานสำคัญมากสำหรับบริษัทเราเลยนะ ถ้าได้งานนี้ บริษัทเราจะมีเงินทุนมากพอที่จะขยายกิจการได้ และจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ของเราด้วย พวกเธอก็จะได้โบนัสมากโขเชียวล่ะ” วิลาสินีพูด “บ่ายโมงเราเริ่มออกเดินทาง เธอเอาข้าวของไปเก็บไว้ในรถก่อนนะ”
พูดจบ วิลาสินีก็หันตัวเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เหลือเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ ตรงที่ที่หล่อนยืนอยู่ ทั้งประสงค์และพีรพงษ์มองตามหลังวิลาสินีที่เดินจากไป
“กูมองกี่ทีก็ไม่เบื่อว่ะ ก้นผู้จัดการนี่ กลมกลึงผายงอนน่าขยำขยี้ฉิบหาย หน้าตาก็ดี ทำไมยังหาแฟนไม่ได้ก็ไม่รู้ ” ประสงค์พึมพำออกมา แต่สายตายังจับจ้องก้นวิลาสินีที่ยักย้ายซ้ายขวาขณะแทรกตัวผ่านช่องระหว่าง โต๊ะทำงาน
“มึงนี่พูดอะไรหัดระวังซะมั่ง นั่นเจ้านายนะโว้ย” แต่ในใจลึก ๆ พีรพงษ์ก็อดเห็นด้วยกับเพื่อนไม่ได้ “ไม่คุยแล้วโว้ย กูยังต้องเช็คโปรแกรมสำหรับเดโมอีก บ่ายนี้ถ้าผิดพลาดล่ะก็ คอกูขาดกระเด็นแน่ ๆ”
พูดจบพีรพงษ์ก็เบือนสายตากลับมาที่จอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ แต่ในใจยังมีภาพส่วนเว้าส่วนโค้งด้านหลังของวิลาสินีติดตาตรึงใจอยู่
ก๊อก ก๊อก
เวลาบ่ายโมงตรง เสียงเคาะประตูดังขึ้น วิลาสินีเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นพีรพงษ์ในชุดเสื้อแขนยาวสีฟ้า ผูกเน็คไทสีพื้นเข้ากันกับกางเกงสีดำยืนรออยู่แล้ว เธอมองไปด้านหลังพีรพงษ์ซึ่งเป็นออฟฟิซเล็ก ๆ ของบริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้นมาจากหยาดเหงื่อแรงกายเพียงคนเดียวหลังจากใช้ เวลาร่วมสิบปีในการรวบรวมเงินทุน โต๊ะทำงานเก่า ๆ สิบกว่าโต๊ะตั้งอยู่ชิดกันจนแทบไม่มีทางเดิน กลิ่นอับ ๆ ของเอกสารปนกับกลิ่นโอโซนที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็น เครื่องมือชิ้นสำคัญของบริษัทล่องลอยอยู่ทั่ว ภายในออฟฟิซ อากาศค่อนข้างอับเพราะตัวอาคารเป็นอาคารเก่าสร้างเมื่อสี่สิบปีก่อนตั้งแต่ สมัยสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงใหม่ ๆ หน้าต่างจึงมีขนาดเล็กและมีเพียงสองบานเท่านั้น วิลาสินีคิดในใจว่า ถ้าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทครั้งนี้เป็นไปได้ดี เธอคงจะมีเงินพอที่จะเช่าออฟฟิซใหม่ใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมและสะดวกกว่า นี้ไม่ต้องมาทนอยู่กับอาคารเก่า ๆ ราคาถูก ๆ ที่ทรุดโทรมแบบนี้
“….คุณวิครับ” เสียงพีรพงษ์แว่วมากระทบหู วิลาสินีสะดุ้งแล้วเบือนสายตากลับมามองพีรพงษ์ ใบหน้าเธอแดงซ่านด้วยความอายที่เผลอให้ลูกน้องเห็นเธอตอนเหม่อลอย
“เมื่อกี๊ว่าไงเหรอจ๊ะพงษ์” วิลาสินีถามแก้เก้อ
“ผมถามว่าจะไปกันรึยังครับ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เดี๋ยวลูกค้ารอ” พีรพงษ์ตอบด้วยสีหน้าปกติ เขาต้องการให้วิลาสินีมีสมาธิจดจ่อกับการเสนอผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะมาถึงให้ มากที่สุดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“จ้ะ ไปกันเถอะ” วิลาสินีตอบแล้วหันกลับไปคว้ากระเป๋าถือและกระเป๋าเอกสารนำเสนอที่วางอยู่บน โต๊ะเล็ก ๆ ของเธอ พีรพงษ์ช่วยถือเอกสารนำเสนอให้เธอแล้วเดินตามเธอออกจากออฟฟิซไปยังที่จอดรถ ที่อยู่ด้านหน้า
ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงาน พวกพนักงานของบริษัทต่างก็หันมามองทั้งคู่แล้วส่งเสียงให้กำลังใจอวยพรให้ ประสบความสำเร็จเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าความอยู่รอดของบริษัทขึ้นอยู่กับ การนำเสนอในครั้งนี้ ถ้าผลิตภัณฑ์นี้ขายไม่ได้ บริษัทคงไม่มีเงินทุนที่จะดำเนินการต่อและพวกเขาก็ต้องตกงาน
วิลาสินีหันไปยิ้มขอบคุณให้กับกำลังใจของทุก ๆ คน จนเธอเผลอสะดุดห่วงเหล็กที่อยู่บนพื้นใกล้ประตูออฟฟิซจนเกือบล้มคะมำ ดีว่าพีรพงษ์มือไวช่วยประคองเธอไว้ได้ ด้วยอารามรีบร้อน เขาจึงทิ้งเอกสารนำเสนอในมือแล้วยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบตัววิลาสินีที่ กำลังล้มไปข้างหน้า มือข้างซ้ายของเขาโอบรัดเอวเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างเกาะกุมเต้าข้างขวาเธอไว้เต็มอุ้งมือ และในท่าที่วิลาสินีล้มคะมำไปข้างหน้าและพีรพงษ์ถลาเข้าไปประคองเธอ ทำให้ก้นงอน ๆ ของเธออัดเข้ากับควยเขาที่อยู่ในกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พีรพงษ์ก็รู้สึกอุ่นวาบที่หน้าขาเมื่อก้นนิ่ม ๆ เต็มอิ่มแนบเข้ากับตัวเขา จมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอ ทำให้ควยเขาพองตัวขึ้นมาในทันที
เมื่อวิลาสินีหายตกใจ เธอก็กลับต้องเขินอายอีกครั้งเมื่อรู้ว่าขณะนี้เธออยู่ในสภาพใด คนอื่น ๆ ในบริษัทต่างตกใจไปตาม ๆ กัน พากันวิ่งกรูตรงมาหาทั้งคู่ พีรพงษ์รีบคลายวงแขนออกแล้วขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ วิลาสินีสูดหายใจลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพงษ์ ถ้าเธอไม่คว้าฉันไว้ ป่านนี้ฉันคงหัวแตกไปแล้ว ฉันลืมไปทุกทีว่าตรงนี้มีประตูห้องใต้ดินอยู่”
คนอื่น ๆ พากันถามวิลาสินีว่าเป็นอะไรมากไหม เธอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร จากนั้นก็ขอบอกขอบใจทุกคนที่เป็นห่วงแล้วเดินออกไปที่รถ ส่วนพีรพงษ์ก็รีบก้มลงเก็บเอกสารบนพื้นแล้วตามเธอออกไปติด ๆ
“...จะเห็นได้ว่า โปรแกรมของบริษัทเราสามารถตอบสนองต่อความต้องการของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการบริการ บริหารและวิชาการ...”
เสียงหวาน ๆ ของวิลาสินีแว่วมาเข้าหูของพีรพงษ์ที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ของ คอมพิวเตอร์นำเสนอโปรแกรมระบบโรงพยาบาลของบริษัท ภายในห้องนำเสนอปิดไฟมืด มีเพียงแสงของโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายไปบนแผ่นสกรีนที่ผนังห้องเท่านั้น วิลาสินียืนอยู่ข้าง ๆ สกรีนกำลังอธิบายถึงความสามารถของโปรแกรมของบริษัทและพยายามโน้มน้าวใจให้ ผู้บริหารรพ.แห่งนี้เห็นประโยชน์ของการนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ในโรงพยาบาล
สายตาพีรพงษ์จับจ้องมองวิลาสินีที่กำลังใช้ทักษะของนักขายอย่างเต็มที่ เธออยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแขนยาวคอปก และกระโปรงรัดรูปสีดำผ่าข้างยาวลงมาเลยเข่าเล็กน้อย ชุดที่เธอสวมดูเป็นทางการและปิดบังทรวดทรงจริง ๆ ไปจนแทบไม่เห็น ยิ่งเธอเกล้าผมเป็นมวยด้านหลังและสวมแว่นตาด้วยแล้ว ยิ่งเน้นให้บุคลิกเธอเป็นผู้บริหารสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้นไป อีก
แล้วความคิดพีรพงษ์ก็แว่บกลับไปถึงวินาทีที่เขาประคองวิลาสินีก่อนที่จะมานำ เสนอ เขายังจำได้ถึงรสสัมผัสอันอ่อนนุ่มแต่เต่งตึงของปทุมถันของเธอได้ดี ความหนึบแน่นของลอนสะโพกที่เบียดบดกับหน้าขาของเขามันช่างเร้าอารมณ์หนุ่ม เหลือเกิน พีรพงษ์สะบัดศีรษะเหมือนพยายามจะไล่ความคิดลามกออกไปจากหัว และพยายามเตือนตัวเองว่า วิลาสินีเป็นใครและอายุต่างกันแค่ไหน
แต่เมื่อสายตาเขาหันไปมองใบหน้ารูปไข่ที่สะท้อนแสงจากโปรเจ็คเตอร์เบื้อง หน้า เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอช่างดูอ่อนกว่าวัยเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผิวหน้าที่ขาวเนียนนุ่มออกสีชมพูหน่อย ๆ กับจมูกเล็ก ๆ ที่ปลายเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย บวกกับดวงตากลมโตที่แม้ว่าจะอยู่หลังแว่นสายตาก็ยังดำขลับเป็นประกาย ยิ่งตอนที่เธอกำลังนำเสนอ เป็นช่วงที่เธอรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด ยิ่งดูอายุน้อยกว่าความเป็นจริงเป็นสิบปี
พีรพงษ์ทอดถอนใจยาว พักหลังมานี่เขาถอนหายใจบ่อยจนแทบติดเป็นนิสัย และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาอดหวนคิดถึงแฟนสาวของเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างในเมื่อเขาต้องพรากจากเธอมาไกลขนาดนี้
ความคิดของพีรพงษ์ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนตอนที่เขายังเรียนมัธยมปีที่ 5 เขาได้พบกับวิภาดาซึ่งเป็นรุ่นพี่เขาถึงสามปีโดยวิภาดาเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มาสอนพิเศษให้ที่โรงเรียน พีรพงษ์กับวิภาดาสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเพราะนิสัยคล้ายกันและชอบในสิ่ง เดียวกันคือคอมพิวเตอร์ จนในที่สุดความใกล้ชิดก็กลายเป็นความรักข้ามรุ่น ทั้งวิภาดาและพีรพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงค้านรอบข้างว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสม กันเพราะอายุต่างกันมากและวิภาดายังแก่กว่าด้วย ทั้งสองคนเชื่อว่าความรักระหว่างพวกเขาจะข้ามพ้นอุปสรรคทุกอย่างได้ จนวันหนึ่งเขาและเธอได้เป็นของกันและกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งคู่ พีรพงษ์ยังจำวันนั้นได้ไม่ลืมเลือน มันเป็นวันเสาร์ เขากับวิภาดาอยู่ในห้องนอนของเขาที่ชั้นสองเล่นเกมในคอมพิวเตอร์จนเมื่อย แล้วก็พากันไปนอนพักบนเตียงเขา วิภาดากับเขาเคยถึงขั้นจับมือถือแขนและกอดจูบกันมาแล้วจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไรที่ทั้งคู่จะนอนกอดก่ายกันบนเตียง แต่ครั้งนี้ดูอารมณ์ของทั้งคู่จะเลยเถิดกว่าทุกครั้ง พีรพงษ์จูบวิภาดาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง มือไม้เขาก็เหมือนหนวดปลาหมึกยุ่มย่ามไปทั่วเรือนร่างเต็มสาวของวิภาดา พีรพงษ์ถอนจูบแล้วจ้องมองสบตาวิภาดา
“ดาครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมขอเป็นเจ้าของดาในวันนี้ ผมรักดาเกินห้ามใจจริง ๆ” พีรพงษ์พูด
วิภาดาหน้าแดงก่ำและหอบหายใจน้อย ๆ หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ที่อยู่ภายใน เธอเองก็รักเขาเช่นกันและทั้งคู่ก็เคยตกลงใจแล้วว่าจะแต่งงานกันเมื่อเขา เรียนจบ เธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าเขาและเธอจะขอมีความสุขด้วยกันก่อนถึงวันนั้น อีกอย่างเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันที่ว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์มันเป็น อย่างไร
“แน้ มาขอกันดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอจ๊ะพงษ์ ดาอายนะ” เธอค้อนเขาแล้วตอบแบบไว้เชิง
“งั้นแสดงว่าดาไม่ปฏิเสธสินะครับ” พีรพงษ์สรุปเอาดื้อ ๆ วิภาดาหลบตาด้วยความเอียงอาย ยิ่งทำให้พีรพงษ์มั่นใจในคำตอบมากยิ่งขึ้น เขาประกบปากจูบเธออย่างดื่มด่ำและส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานในปากเธอ วิภาดายังเงอะ ๆ เงิ่น ๆ อยู่เพราะจูบที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นแค่เอาริมฝีปากประกบกันเท่านั้น ไม่เคยเกินเลยขนาดส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำอธิปไตยกันขนาดนี้ แต่สัญชาติญาณสั่งให้เธอส่งลิ้นไปรัดพันกับลิ้นเขาจนน้ำลายทั้งคู่ปนกันใน ปากเธอ ความรู้สึกที่ลิ้นอ่อน ๆ สัมผัสเสียดสีกันนั้นส่งกระแสความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายของวิภาดา
พอพีรพงษ์ถอนปากออก วิภาดาก็นอนตัวอ่อนระทวยอยู่บนเตียงและไม่ได้ขัดขืนเมื่อพีรพงษ์ค่อย ๆ รูดเสื้อยืดเธอออกไปจนเห็นบราเซียร์สีขาวห่อหุ้มเต้านมอวบอัดไว้ เนินอกเธอขาวผ่อง กลิ่นกายสาวบริสุทธิ์โชยขึ้นมากระทบจมูกของพีรพงษ์ทำให้เขายิ่งตื่นเต้นมาก ขึ้น วิภาดาเองก็เช่นกัน เธอไม่เคยยอมให้ใครเปลื้องเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน หัวใจเธอเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ พีรพงษ์เองก็เพิ่งเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยได้แต่ศึกษาจากวีดีโอโป๊เท่านั้น แต่เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนสอน พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปดูดหัวนมเธอทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในบรา มือข้างซ้ายก็เกาะกุมบีบเคล้นเต้าอวบข้างซ้ายไปด้วย
“อู๊ย ซี๊ด พงษ์จ๋า มันเสียวจังเลย อูย อย่าดูดแรงสิจ๊ะ” วิภาดาถึงกับส่งเสียงร้องครางออกมา
พีรพงษ์ไม่ตอบเพราะปากไม่ว่าง กลิ่นสาปสาวช่างหอมหวนยั่วใจชายยิ่งนัก ยิ่งได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวจากปากของคู่รัก ก็ยิ่งเพิ่มความกระสันต์ทะยานอยากในใจให้ลุกฮือยิ่งขึ้น เขาละปากจากหัวนมเธอแล้วจูบเรื่อยลงมาตามหน้าท้องเนียนเรียบจนถึงขอบกางเก งวอร์ม วิภาดาขนลุกซู่ด้วยความสยิว พีรพงษ์ยื่นมือไปจับขอบกางเกงแล้วรูดมันลงมา วิภาดาช่วยกระดกก้นขึ้นให้เขารูดกางเกงลงไปได้สะดวก พีรพงษ์โยนกางเกงวอร์มลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจใยดี แล้วหันไปชื่นชมเรือนร่างของวิภาดาที่อยู่บนเตียงวิภาดายกแขนข้างซ้ายขึ้นพาดปิดหน้าอก ส่วนมือขวายื่นลงไปปิดเนื้อเนินตรงหว่างขา ในตอนนี้เธอเหลือแต่เพียงบราเซียร์และกางเกงในสีขาวปิดบังเรือนร่างอยู่เท่า นั้น สายตาพีรพงษ์กวาดลงมาตั้งแต่ใบหน้าสวยหวานที่แดงซ่านด้วยความเขินอายลงมาตาม ลำคอที่ขาวผ่อง เนินอกที่อวบอิ่มมองเห็นรอยแยกของเต้าขาวแนบชิดสนิทกัน ต่ำลงมาที่หน้าท้องแบบราบคอดกิ่วแล้วผายกว้างออกที่ส่วนสะโพกเป็นรูปโค้งที่ เหมาะเจาะ จากนั้นก็ลงมาตามเรียวขาที่บิดไขว้กันอยู่ ควยพีรพงษ์ที่อยู่ในกางเกงขาสั้นแข็งจนปวดไปหมด