เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมแต่งงานอยู่กินกับภรรยามาเกือบ 15 ปีแล้ว ตอนนี้ก็อายุเกือบ 40 กันทั้งคู่แล้ว ผมทำงานอยู่บริษัทเงินทุนของต่างประเทศ ที่เข้ามาซื้อกิจการของบริษัทไทยซึ่งถูกสั่งปิดไปสมัยยุคฟองสบู่ ส่วนภรรยารับราชการอยู่ฝ่ายติดต่อต่างประเทศ เช้าตื่นมาก็แยกย้ายไปทำงาน ส่วนใหญ่ภรรยาเป็นคนไปส่ง-รับลูกๆ ผมก็ขับรถไปทำงานของผมคนเดียว เราอยู่กันอย่างสุขสบายดี ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดาของชีวิตการแต่งงาน เรื่องเซ็กซ์ไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนเมื่อสมัยแต่งงานกันใหม่ๆ ที่สำคัญรูปร่างทรวดทรงของภรรยาผมก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะหลังจากที่คลอดลูกคนที่สอง เธอค่อนข้างจะกินแบบไม่ระมัดระวังเลย เลยทำให้สร้างอารมณ์กันยากหน่อย ไหนจะงานมาก กลับมาบ้านกว่าจะเอาลูกเข้านอน เราทั้งสองคนก็เหนื่อยแทบลมใส่แล้ว ส่วนผมโดนสั่งให้ไปทำหมันอย่างเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็อยู่กันแบบเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันมากกว่า นานๆจะมีอารมณ์หลับนอนด้วยกันสักที ส่วนใหญ่ต้องการสร้างชีวิตที่ดีให้ลูกๆมากกว่า เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โฟกัสไปอยู่ที่ความเป็นครอบครัวเสียมากกว่า จนกระทั่งน้องภรรยาของผมชื่อหลิน เธอกำลังเรียนปริญญาตรีปลายเทอมสุดท้าย ที่มหาลัยเอกชนชื่อดังแถวกล้วยน้ำไท อายุเพิ่งจะพ้น 21 มาหมาดๆ หลินย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านประมาณสี่เดือนสุดท้ายก่อนที่จะเรียนจบ เพราะเพื่อนที่แบ่งเช่าหอพักใกล้มหาลัยชิงย้ายออกไปก่อนที่เธอจะเรียนจบ บ้านผมเป็นบ้านเดียวที่อยู่ในกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้มหาลัยที่หลินเรียนอยู่ที่สุด ก็เลยต้องรับหลินมาช่วยเหลือโดยปริยาย แรกๆผมก็ไม่อยาก จะคิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเป็นน้องภรรยาซึ่งเห็นกันมาตั้งแต่เธอเป็นเด็กๆ จนกระทั่งโตเป็นสาวเต็มตัว หน้าตาของหลินไม่ถือว่าสวยปิ๊ง แต่ออกจะน่ารักซะมากกว่า สรีระของหลินเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากเด็กผูกคอซองที่เคยเห็น มาใส่ชุดนักศึกษา(แบบรัดรูป) ทำให้ผมคิดมิดีมิร้ายกับเธอในฝันหลายครั้ง แต่ต้องพยายามสะกดใจให้อยู่ เพราะกลัวเสียภาพพจน์ดีๆ ที่มีต่อพ่อตา-แม่ยาย ผมก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน แต่เห็นหลินในชุดนักศึกษาทีไร มันเริ่มจะมีความคิดอุบาทว์ ก็จะไม่ให้คิดได้ไงล่ะครับ เพราะหลินเธอเอวบาง ร่างเล็กกระทัดรัด แต่อวบสุดๆ เอวเป็นเอว อกเป็นยิ่งกว่าอก สะโพกเป็นสะโพก สูงประมาณ 150 ซม. หนักสัก 40 โล(กำลังน่าอุ้มเลยครับ) เอวไม่น่าจะเกิน 23 นิ้ว สะโพกประมาณ 32-33 ได้มั้ง แต่ที่สำคัญหน้าอกครับ ใหญ่เกินตัวจริงๆ ไม่ทราบว่าชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไร หน้าอกจึงได้ใหญ่แบบเกินหน้าเกินตาอย่างนี้ ขนาดพี่สาวหลิน(ภรรยาผมเอง) ยังเปรยให้ฟังอยู่บ่อยๆว่า ไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองกินอะไร ทำไมหน้าอกจึงใหญ่ขนาดนี้ (จริงๆ แล้วเป็นกรรมพันธุ์มากกว่า เพราะตัวภรรยาผมเองก็ใช่ย่อยอยู่เมื่อไร แต่พอตัวใหญ่ หน้าอกใหญ่ มันก็เลยดูสมดุลกัน แต่ประเภทตัวเล็ก นมใหญ่นี่ซิ มันเลยทำให้ดูเกินหน้าเกินตาเข้าไปใหญ่ ทำใจลำบากมากเลยครับ) ยิ่งเวลาหลินใส่เสื้อนักศึกษาที่รัดรูปและบางมาก จนแทบจะเห็นหมดเลย ว่าวันนี้ใส่เสื้อชั้นในสไตล์ไหน สายไขว้ ไร้สาย ลายลูกไม้ ลายเรียบ ส่วนกระโปรงก็เรียกว่าทั้งสั้น ทั้งรัด กระโปรงที่หลินใส่รัดรูปมาก ขนาดผมเห็นว่าวันไหนเธอใส่กางเกงในแบบไหนเลย ก็ขอบกางเกงในมันลอยเด่นขึ้นมาชัดแจ๋วเลยครับ เห็นขนาดรู้ว่าเป็นแบบเต็มตัว บิกินนี่ หรือ ทีแบ๊ค (Thong bikini) วันแรกๆ ที่ผมบังเอิญต้องขับรถไปส่งหลินที่มหาลัย เพราะเป็นทางผ่าน ผมต้องทำใจอย่างมากเลยครับ เพราะเวลาหลินนั่ง กระโปรงของเธอจะร่นขึ้นมาสูงมาก (เพราะมันสั้นมากเป็นทุนอยู่แล้ว) หลินต้องเอาหนังสือมาปิดไว้เป็นประจำ ส่วนเสื้อก็ถ้ามองผ่านร่องกระดุมด้านข้าง ก็จะเห็นเนินเนื้อหน้าอกของหลินอย่างชัดเจนเลยครับ เพราะเสื้อที่ใส่ตัวเล็ก รัดมากตามสมัยนิยม เลยทำให้หน้าอกของหลินมันดันออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครเลย เพราะภาพเหล่านี้ที่ได้เห็นทุกวันที่ต้องไปส่งหลิน ในที่สุดผมก็เลยอาสาหลินไปว่า "ถ้าวันไหนเลิกเรียนตรงกับเวลาที่พี่เลิกงานพอดี พี่จะมารับให้ก็ได้นะ" หลินก็ขอบคุณอย่างเรียบร้อย พร้อมกับบอกว่า "แล้วหลินจะโทรเข้ามือถือไปบอกพี่แซมก่อนเลิกงานก็แล้วกันนะคะ" ส่วนใหญ่ผมกะหลินก็กลับบ้านด้วยกัน ผมก็เลยได้เห็นอะไรดีๆ ของน้องเมียเป็นประจำ ยิ่งอยู่ไปนานวันเข้า ความคิดชั่วร้ายก็เริ่มเกิดขึ้น แต่รอจังหวะเมียเผลออยู่ เพราะไปรับไปส่งกันทุกวันเข้า เริ่มรู้สึกว่าหลินเริ่มจะนั่งโชว์รูปร่างอย่างเปิดเผยกว่าวันแรกๆ เยอะเลย ตัวอย่างเช่น พอขึ้นรถก็จะปลดกระดุมเสื้อก่อนเลย คงเป็นเพราะอากาศร้อน วันแรกๆก็เม็ดที่หนึ่ง วันหลังๆก็ลงมาสองเม็ดเลย ส่วนกระโปรงซึ่งสั้นอยู่แล้ว เวลานั่งบนเบาะรถ มันก็จะร่นขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนอันเรียวงามอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนี้หลินนั่งแบบไม่เอาหนังสือมาปิดแล้ว วันไหนใส่ตัวที่ผ่าข้างหลังลึกๆ แล้วหลินนั่งไขว่ห้างและเอียวตัวพิงประตูด้วย ผมก็เห็นกันเข้าไปเกือบถึงก้นเลย พยายามทำสมาธิขับรถไป หลินก็ขยับขาไปมา เราก็นั่งลุ้นแล้วลุ้นอีก ทั้งขาวทั้งเรียว ใครจะไม่อยากมองล่ะครับ พักหลังๆผมเริ่มจะมองอย่างไม่เกรงใจแล้ว ก็เล่นเปิดให้ดูกันอย่างนี้ ใครจะไปทนไหวล่ะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ หลินเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมแอบใช้สายตาซุกซนกับรูปร่างของเธอ จนบางครั้งเหมือนหลินออกจะชอบยั่วผมอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พี่สาวของเขา(เมียผมเอง)ไม่อยู่บ้าน เธอก็จะใส่กางเกงขาสั้นจู๋รัดรูปเต็มที่ (จนเห็นว่าใส่กางเกงชั้นในแบบไหน) กับเสื้อกล้ามบ้าง สายเดี่ยวบ้าง มานั่งดูทีวีด้วยกัน เวลาหลินจะก้มจะเงยเธอไม่มีการปิดคอเสื้อ หรือว่าจะก้มด้วยการย่อเข่าเลย ถ้าจะก้มเธอก็จะยกก้นลอยโด่งหันมาทางผมเลยครับ ลองนึกภาพดูซิครับ กางเกงขาสั้นจู๋ รัดรูปแบบสุดๆ ยิ่งโก้งโค้งก้มเก็บของแบบเข่าตึง ผ้ายืดก็ยิ่งยืดรัดรูปเข้าไปใหญ่ เห็นหมดเลยครับ แบบทะลุปรุโปร่ง ส่วนใหญ่วันที่อยู่บ้านหลินจะใส่ ที-แบ๊ค(เซ็กซี่ได้อารมณ์มากเลย) แรกๆ ผมก็ต้องหันหน้าหนี เดินเข้าห้องนอนไปบ้าง เพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง แต่ได้เห็นบ่อยๆเข้า เหมือนว่าหลินเต็มใจที่จะให้ดู บางทีผมเลยแกล้งใช้ก้มเก็บโน่นเก็บนี่ (เวลาเมียไม่อยู่) เธอก็จะชอบทำนมหก หรือก้นลอยให้ผมดูเป็นประจำ เหมือนกับว่าเธอเต็มใจที่รู้ว่า พี่เขยกำลังแอบตรวจเช็คสัดส่วนของเธออยู่ ผมก็ได้แต่นั่งชั่งใจ และก็รอโอกาสทองจังหวะเมียเผลอ
ในที่สุดโอกาสทองมาถึง ภรรยาผมได้รับคัดเลือกไปประชุมที่ต่างประเทศเป็นเวลา 10 วัน หลังจากที่หลินมาอยู่กันเราได้ประมาณเดือนครึ่งแล้ว ภรรยาผมเข้าไว้ใจผมมาก เพราะไม่เคยมีประวัติไม่ดีเรื่องอย่างนี้ เธอไปประชุมอย่างไม่ห่วงใยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างผมกะน้องสาวของเธอเลย วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์และเป็นช่วงที่โรงเรียนลูกปิดพอดีพอดี คุณตาคุณยายก็มารับหลานๆ ไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด ช่วงที่แฟนผมไปต่างประเทศ ไม่มีใครคิดสงสัยอะไรผมเลย ผมก็ได้โอกาสถามหลินว่า เสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดกะใครบ้างหรือป่าว หลินบอกว่าต้องเตรียมดูหนังสือสอบก่อนจบ วิชาที่จะสอบก็คือวิชาของคณะบริหารธุรกิจ (บัญชี การตลาด การจัดการ และการเงิน) ซึ่งตรงกันกับที่ผมเรียนจบมาและใช้ทำงานด้วยพอดี ผมเลยได้โอกาสชวนหลินติวสอบเลย เพราะเธอปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว หลินขอบคุณแล้วบอกว่า เย็นนี้เริ่มกันเลย ผมก็ไปรับหลินที่มหาลัย ระหว่างขากลับก็นั่งคุยกันเรื่องชีวิตนักศึกษาสมัยผมกะสมัยหลิน ว่ามันต่างกันเยอะ โดยเฉพาะการแต่งตัว หลินหันมามองผมแล้วถามว่า "สมัยนี้ต่างกะสมัยพี่อย่างไร" ผมบอกไปว่า "สมัยนี้ นักศึกษาหญิงมีความมั่นใจในตัวสูงมาก เพราะสมัยพี่มีแต่เสื้อโคร่งๆ กระโปรงยาวๆ หรือไม่ก็ระดับหัวเข่า ประเภทเหนือหัวเข่าเป็นฟุต ไม่มีใครกล้าใส่กันหรอก พวกนักศึกษาหญิงที่มีหน้าอกใหญ่ๆ ก็จะเดินห่อไหล่ ใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ กลัวผู้ชายแซวเอา เดี๋ยวนี้ใครมีหน้าอกมากก็ยืดอกโชว์ได้เต็มที่เลย แถมเสื้อรัดรูปอีกต่างหาก คิดแล้วอยากเกิดมาเรียนมหาลัยสมัยนี้นะ มีอะไรดีๆ ให้ได้ดูได้ชมเยอะแยะเลย" ผมเห็นหลินหน้าแดงก่ำเลย ไม่รู้ว่าพูดถูกใจเธอหรือเปล่า เพราะหลินเองก็คงรู้ว่าหน้าอกของเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ผมก้อพูดต่อไปอีกว่า "แต่พี่ชอบนะ เพราะแสดงถึงความกล้าแสดงออกที่ผู้หญิงไทย ได้พัฒนาขึ้นมาจากสมัยก่อน" ผมแอบเห็นหลินนั่งอมยิ้มอยู่ ผมเลยถามว่า "หลินยิ้มอะไรเหรอ" เธอถามว่า "แล้วพี่ชอบดูด้วยหรือป่าวล่ะ" ผมบอกว่า "อ้าว เป็นผู้ชายก็ชอบซิ ไม่ได้เป็นเกย์นิ" แล้วเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปถึงเรื่องแฟน หลินบอกว่ามีแต่ก็เลิกไปแล้ว เพราะผู้ชายชอบเอาแต่ได้ นิสัยไม่ดี เอาเปรียบ หลายใจ มือไวใจเร็ว ตอนนี้ก็เลยตั้งใจอยากเรียนให้จบมากกว่า พอกลับถึงบ้าน ผมกะหลินก็กินของว่างแล้วผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วจะเริ่มติวสอบกัน เริ่มต้นด้วยวิชาการตลาดก่อน พอลงมาผมก็นึกว่าหลินจะเปลี่ยนชุดนักศึกษาแล้ว แต่เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย หลินบอกว่าขี้เกียจเปลี่ยน ไม่อยากซักผ้าหลายชุด ก็เริ่มกันเลยดีกว่า หลินก็เลยนั่งกะพื้นและเอาหนังสือวางบนโต๊ ส่วนผมนั่งสูงกว่าอยู่บนโซฟา หลินปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาลงมาถึงเม็ดที่สาม คงนึกภาพออกนะครับ ว่าเสื้อเปิดลงต่ำมากว่าเสื้อชั้นในเสียอีก เวลานั่งกะพื้น กระโปรงก็ร่นสั้นไปจนเกือบจะถึงสะโพกอยู่แล้ว โต๊ะก็เป็นกระจก มองเห็นทะลุหมด ผมเริ่มจะไม่มีสมาธิแล้ว ยิ่งหลินปลดกระดุมเสื้อด้วย ผมก็ไม่มีสมาธิเลย แล้วเราก็เริ่มติวกัน สอนไป ผมก็นั่งเล็งหน้าอกหลินไป วันนี้เธอใส่เสื้อชั้นในผ้ามันแบบไนลอนยืดผสม (Lycra & Spandax) สีชมพูอ่อนเงาๆ ทำไงได้ล่ะครับ ก็หน้าอกหลินทั้งใหญ่ทั้งขาว อีกทั้งเสื้อนักศึกษาสมัยนี้เขาดีไซน์กันแบบรัดรูป จนตะเข็บแทบปริเลย หน้าอกเธอแทบจะทะลักออกมานอกเสื้อนักศึกษาอยู่แล้ว สอนไปได้เกือบชั่วโมง หลินเริ่มสังเกตเห็นว่าสายตาของผม ไม่ได้จ้องที่หนังสือแล้ว แต่กลายเป็นที่หน้าอก และกระโปรงของเธอมากกว่า แต่หลินก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่าหลินก็อยากจะล้อเล่นกับผมอย่างนั้นแหล่ะ เพราะหลินขยับให้กระโปรงร่นขึ้นมาจะเกือบจะถึงเป้ากางเกงในอยู่แล้ว แต่เธอแค่นั่งเหยียดขาแล้วไขว้กันไว้ แค่เพื่อไม่ให้เห็นเป้ากางเกงในของเธอเท่านั้นเอง เธอไม่ได้เอามือดึงกระโปรงลงสักนิดเดียวเลย ผมก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่ตั้งสมาธิที่จะสอนเธอ แต่ใจมันคิดเลยเถิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายมาความแตก เอาตอนที่หลินถามคำถามผม โดยผมกำลังเพลินกับท่านมหกของเธออยู่ ก็เลยจำไม่ได้ว่าเธอถามอะไรแน่ เพราะผมยังอ้าปากค้าง แถมตายังจ้องที่กระโปรงและหน้าอกเธออีกต่างหาก ในที่สุดหลินก็พูดเรียกสติผมด้วยเสียงดุๆ ว่า "32C ค่ะ" ผมได้สติ ทวนคำตอบของหลินว่า "32C อะไรเหรอ" หลินหัวเราะอย่างขบขันแล้วบอกว่า "ก็พี่แซมกำลังมองอะไรอยู่ล่ะค่ะ พี่กำลังจ้องหน้าอกหลินอยู่ไม่ใช่หรือค่ะ" ผมก็เลยหน้าแหกเลย แต่ก็ต้องแก้เขินแบบโง่ๆไปว่า "แล้ว 32C มันเกี่ยวอะไรล่ะ" หลินส่ายหัว แต่ก็ตอบอย่างคุณครูสอนเด็กประถมว่า "32 คือ 32 นิ้วคือความยาวรอบลำตัวใต้หน้าอกของหลิน หลินเป็นคนตัวเล็กค่ะ ความยาวรอบตัวเลยไม่มากเหมือนคนอื่น ส่วน C คือขนาดคัพไซส์ของเต้าค่ะ หรือความใหญ่ของเต้านมไงค่ะ เขามีตั้งแต่ A, B, C ไปเรื่อยๆ สำหรับผู้หญิงไทย คัพ C นี่ถือว่าใหญ่มากแล้วค่ะ อะไรกันพี่หลิว(เมียผม) ไม่เคยบอกพี่เลยเหรอ" ผมพูดไม่ออกเลยครับ ไม่เคยคิดว่าหลินจะกล้าพูดเล่นกะผมอย่างนี้ ได้แต่นั่งหน้าแดงก่ำ หลินบอกต่อไปอีกว่า "หลินเห็นพี่แซมชอบแอบมองหน้าอก ขาอ่อนหลิน ตั้งแต่ตอนไปรับ-ส่งหลินอยู่ทุกวันแล้วล่ะค่ะ พี่แซมชอบหรือป่าวล่ะ หลินชอบให้พี่ดูนะ แต่เกรงใจพี่หลิวเขา" หลินก็เริ่มขยับขาที่เหยียดไขว้กันอยู่ ก็เลยทำให้กระโปรงขยับขึ้นมา จนเห็นเป้ากางเกงในไนล้อนสีชมพูอ่อนแว๊บหนึ่ง (สีเดียวกับเสื้อชั้นในด้วย ไม่ทราบว่าผู้หญิงเขาชอบใส่ เสื้อชั้นใน + กางเกงใน สีเดียวกันหรือป่าว สงสัยหลินคงชอบใส่สีเดียวกัน) หลินขยับตัวขึ้นมานั่งบนโซฟากะผม เธอนั่งลงบนโซฟาข้างๆผม และก้มลงเอาข้อศอกวางลงบนหัวเข่าของเธอ และมองขึ้นมาสบตาผมพร้อมกับห่อไหล่เกือบเหมือนทำท่ากอดอก ซึ่งทำให้ผมได้เห็นความเต่งตึง และอวบอัดของหน้าอกน้องหลินเป็นร่องลึกอย่างชัดเจน หลินกระซิบบอกผมว่า "หลินก็แอบมองพี่แซมมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพี่แซมหนุ่มๆ แต่เกรงใจพี่หลิว หลินอยากลองกะพี่แซมค่ะ เพราะหลินรู้ว่า พี่แซมไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่มีโรค และพี่ก็ทำหมันแล้วด้วย หลินสบายใจกว่าไปลองกะคนอื่น ปลอดภัยดีค่ะ พี่แซมอยากเห็นหลินแบบเต็มๆ ตาไหมคะ" ผมพูดไม่ออกเลย ได้แต่อ้าปากค้าง และพยักหน้าหงึกๆ หลินเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาลงมาจนหมดเม็ดสุดท้าย แต่ยังไม่ยอมถอดเสื้อออก หลินถามผมว่า "หลินขออะไรพี่แซมหน่อยนะคะ" ผมจะไปพูดอะไรออกอีกล่ะครับ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ "คือว่า หลินมีรายงานการเงินเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งวันจันทร์ พี่แซมช่วยเขียนให้หลินนะคะ หลินรู้ว่าพี่แซมทำงานด้านนี้อยู่แล้ว หลินเตรียมงานไม่ทันคะ" ผมได้แต่พยักหน้าแล้วก็พูด เอ่อๆ..แล้วหลินก็ยืนขึ้นดึงกระโปรงนักศึกษาสีดำ ที่ทั้งสั้นและรัดขึ้นมาอยู่บนเอวของเธอ ทำให้ผมได้เห็นกางเกงในตัวจิ๋วผ้าไนลอนผสมอย่างดี สีชมพูอ่อน เนินสวาทของหลินอูมล้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเล็กของเอวหลินกับความผายของสะโพกเธอ ทำให้กระโปรงของหลินติดอยู่ที่เอว ไม่ลงมาเกะกะระหว่างทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แถมได้อารมณ์กว่าถอดกระโปรงออกไปทั้งหมดเสียอีก เพิ่งจะรู้นี่เองว่า ชุดนักศึกษามันช่วยให้มีอารมณ์ตรงนี้นี่เอง แล้วหลินก็นั่งลงคร่อมบนตักผม พร้อมทั้งจับมือทั้งสองของผมแหวกเสื้อนักศึกษาของเธอ ที่ปลดกระดุมออกไว้ก่อนแล้ว หลินเอามือของผมไปพักไว้ที่หน้าอกขนาด 32C ผมเกาะไม่ปล่อยเลยครับ มือสั่น กล้าๆกลัวๆ อยากๆก็อยาก หลินคงเห็นผมเก้ๆ กังๆ เธอกระซิบบอกผมว่า "พี่แซมอย่าคิดมากซิคะ คิดว่าหลินไม่ใช่น้องพี่หลิวสักครู่หนึ่งซิคะ พี่แซมสบายใจได้ค่ะ" ผมตัดใจ คิดว่าผมไม่ใช่พี่เขยของเธอสักชั่วขณะก็แล้วกัน
ผมก็เริ่มบรรเลงน้องหลินอย่างละเอียดอ่อนเลย ผมเริ่มใช้ปลายลิ้นเลียน้องหลินตั้งแต่ซอกคอผ่านตรงร่องหน้าอกของเธอ (เก็บเสื้อชั้นใน และกางเกงชั้นในไว้บนตัวเธอก่อน ยังไม่ถอดออก) แล้วก็จับเธอนอนลงบนโซฟา แล้วก็เลียต่อไปที่หน้าท้อง ร่องสะดือ ผ่านไปถึงปลายเท้า เข้ามาท่อนขาอ่อนด้านใน หลินครางเบาๆ ว่า "พี่แซมขา ดีจังเลยค่ะ" หลินสั่นไปทั้งตัว มือทั้งสองของผมลูบไล้ขาอ่อนด้านนอก ขณะที่ลิ้นกำลังเลียท่อนขาด้านใน ผ่านไปถึงเป้ากางเกงชั้นในผ้าไนล่อนสีชมพูอ่อนของหลิน ผมเอาปลายจมูกแตะผ่านเนินสวาทของเธอ น้ำกระสันของหลินซึมออกมาให้ผมได้กลิ่นความสาวของเธออย่างได้อารมณ์จริงๆ หลินครางเหมือนคนกำลังถูกทรมาน ในที่สุดหลินใช้มือทั้งสองของเธอกำผมบนศรีษะของผม และกดลงหน้าของผมไปบนเนินสวาทของหลิน ผมใช้จมูกไซ้ปุ่มกระสันของเธอ พร้อมกับใช้ลิ้นเลียผ่านกางเกงในไนลอนของเธอ จนเปียกชุ่มไปหมด สุดท้ายหลินทนไม่ไหว ต้องถอดกางเกงในสีชมพูอ่อนตัวจิ๋วของเธอออกเอง ผมใช้ทั้งจมูก นิ้วและลิ้นตวัดเข้าไปในร่องสวาทของเธอ กลิ่นร่องสวาทของหลินทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้น จนต้องถอดเสื้อผ้าของผมออกบ้างเช่นกัน ส่วนหลินเหลือแต่เสื้อชั้นใน และกระโปรงนักศึกษาที่ติดอยู่บนตัว ผมใช้ทั้งจมูก ลิ้น และนิ้ว เพิ่มความกระสันให้หลินอยู่ที่ร่องสวาทของเธอ จนกระทั่งหลินเสร็จไปแล้ว 2 ครั้ง (เธอสารภาพทีหลัง ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่า ผู้หญิงถึงตอนไหน ผมเองยังได้แค่เดาๆ เอาเลย) เธอกอดผมแน่น หลินครางเบาๆว่า "ดีจังเลยค่ะ พี่แซม เสียวที่สุดเลย พี่ทำให้หลินดีจังเลย" ผมลดหน้าของผมลงมาอยู่ตรงหน้าอก 32C ของหลินพอดี มือทั้งสองคงผมยังเคล้นคลึงสองเต้าที่ทั้งกลม และแน่นขนัดไปด้วยความสวยของหน้าอกสาวที่อวบและเต่งตึง กลิ่นหน้าอกของหลินทำให้ผมมีอารมณ์ดีเหลือเกิน ผมแอบขบหัวนมของหลินทั้งสองข้างผ่านเสื้อชั้นในไนล่อนสีชมพูอ่อน หลินเสียวเอามากๆเลย ขนาดหัวนมของเธอดันเน้นเสื้อชั้นในไนลอนออกมาอย่างเห็นได้เด่นชัดเลย ผมอดใจไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปปลดสายเสื้อชั้นในของหลินด้วยมือเดียว เพราะอีกมือกำลังยุ่งอยู่กับอีกเต้าหนึ่ง ผมค่อยๆ ถอดเสื้อชั้นในของหลินออกมาอย่างบรรจง แต่หลินคว้าเสื้อชั้นในของเธอไว้ด้วยท่อนแขนของเธอ ก่อนที่เสื้อชั้นในของเธอจะหลุดออกมาจากเนินอกของเธอ หลินขยับขึ้นมานั่งบนตักผมพร้อมทั้งมองหน้าผม แล้วค่อยๆ ลดท่อนแขนที่บังหน้าอกอันอวบอั๋น เต่งตึงของเธอลง มันช่างท้าทายแรงดึงดูดของโลกเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเธอลุกขึ้นนั่ง ทุกกระเบียดของคัพC ที่น้องหลินอธิบายให้ฟังเมื่อสักครู่ ผมเพิ่งจะเห็นภาพว่ามันหมายความว่าอะไร ผมเห็นกับตาทั้งสองข้างอย่างชัดๆ เลยครับ หน้าอกหลินสวยจริงๆ เพราะทั้งสองเต้าตั้งชูชันออกมา อย่างไม่มีคล้อยเลยสักนิด ถึงแม้ว่ารอบตัวจะเล็กมาก แต่ความใหญ่ของเต้าเกินรอบตัวของหลินไปหลายเท่าเลย ไม่เสียอารมณ์ที่คอยแอบมองมาอยู่ตั้งนานแล้ว หลินประกบท่อนแขนของเธอ ช่วยทำให้คู่ประทุมถันของหลินประกบกัน จนเห็นร่องอกอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รอช้าเอาหน้าเข้าไปซุกอย่างอบอุ่นและเมามัน ผมไม่ได้เห็นหน้าอกคู่ที่เต่งตึงอย่างนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว ผมดูดอย่างไม่มีสติเลย จนหลินต้องร้องปรามผมว่า "พี่แซมขา ใจเย็นๆ ก็ได้คะ หลินยังไม่ได้หนีไปไหนนะคะ" ผมจึงได้สติ ใช้ความละเมียดละไม สร้างอารมณ์ให้หลินขึ้นมาอีกยกหนึ่ง น้ำของหลินชุ่มช่ำจนเปียกต้นขาของผมเลย ในขณะที่เธอยังนั่งอยู่บนตักผม ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกันอุ้มหลินจนตัวเธอลอย ก้นอันอวบอั๋นของหลิน ถูกมือของผมช้อน และบีบอย่างไม่เกรงใจหลินเลย ในที่สุดผมก็ค่อยๆ สอดน้องชายของผมเข้าไปได้ประมาณครึ่งท่อน ในเนินร่องอุ่นๆ ของเธอ หลินครางเบาๆ ว่า "พี่แซมค่อยๆ นะคะ หลินยังไม่เคยมาไกลขนาดนี้เลยนะคะ" ผมตะลึงแทบหูฝาด ไม่นึกว่าเธอจะผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้ จริงหรือไม่จริงผมก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฟังแล้วยิ่งได้อารมณ์มากขึ้นไปอีก แต่ไงๆ ผมก็หยุดไม่อยู่แล้ว ผมทำอย่างนุ่มนวล เราจูบปากกันอย่างดูดดื่ม จนน้ำหล่อลื่นของหลินมีมากขึ้น ผมลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวกลมแบบมีพนักพิงข้างหลัง ท่อนเนื้อของผมยังคาอยู่ในร่องของหลิน เท้าของหลินเหยียบอยู่บนที่พักขาของเก้าอี้ หลินเริ่มโยกตัวขึ้นลงตามความต้องการของเธอ ความแน่นของเธอ ทำให้ผมเกือบระเบิดออกมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอขยับตัวขึ้นลง ด้วยการถีบตัวขึ้นจากเท้าที่วางอยู่บนที่พักขาของเก้าอี้ ความกระชับในร่องสวาทของเธอ เพิ่มความแน่นให้กับท่อนเนื้อของผมอย่างมหาศาล หลินไม่กล้าเคลื่อนไหวมาก คงเป็นเพราะความแน่นมากกว่า ในที่สุดผมต้องบอกหลินให้เปลี่ยนมาเป็นยืนเกาะพนักพิงด้านหลัง แล้วผมก็ค่อยๆใช้ลิ้นและนิ้ว ช่วยเรียกความชุ่มฉ่ำในร่องของเธอ หลินกางขาออกมากว้างมากโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอครางออกมาเบาๆว่า "พี่แซมขา หลินจะทนไม่ไหวอยู่แล้วค่ะ ช่วยหลินหน่อยเถอะคะ" ผมไม่รอช้า สอดน้องชายของผมเข้าไปในร่องของเธอจากด้านหลัง รวดเดียวมิดด้ามเลย หลินร้องออกมาไม่เป็นภาษาคนเลย "โอ้ยยยยยย.. พี่แซมขา หลินแน่นไปหมดแล้วค่ะ แน่นมากเลยค่ะ อู้ยส์..หลินจะไม่ไหวแล้วค่ะ" ผมเองก็เกือบจะแย่อยู่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้หูอื้อไปหมดแล้ว มือทั้งสองเอื้อมไปคว้าคู่ปทุมถันอันเต่งตึงและมโหฬาร บีบเค้นคลึงอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเต้าแล้ว ช่วงล่างก็ซอยถี่ยิบจนหลินยอมจำนน หนีบร่องของเธอ จนในที่สุดเจ้าน้องชายของผมก็ทนกลั้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป น้ำรักของผมฉีดกระฉูดเต็มร่องของน้องหลิน จนไหลเยิ้มเป็นทางตามร่องขาของเธอ ผมจับเธออุ้มขึ้นและหมุนกลับด้านมานั่งบนเก้าอี้ โดยหันหน้าหลินเข้ามาหาผมอย่างระมัดระวัง โดยไม่ให้น้องชายของผมหลุดมาจากร่องสวาทของเธอ ร่องของหลินซึ่งยังตอดตุ๊บๆ อยู่ ความรู้สึกดีๆอย่างนี้ ผมไม่ปล่อยให้หลุดออกมาหรอก ผมปล่อยให้หลินตอดผมจนร่องของเธอคลายตัว หลินกอดผมไว้อย่างแน่น หน้าผมประกบกับหน้าอกอันเนียนและเต่งตึงของเธอ เรานั่งกอดกันอยู่สักครู่หนึ่ง จนร่องของหลินเริ่มคลายตัวแล้ว หลินก็ขอตัวไปอาบน้ำ พร้อมกับหันมายิ้มและเปรยว่า "พี่แซมเก่งจังเลยนะคะ ไม่เสียแรงที่แอบเล็งพี่แซมตั้งแต่หลินเป็นเด็กๆแล้ว อ้อ..พี่แซมอย่าลืมสัญญานะคะ รายงาน Finance ส่งวันจันทร์นะคะ" ผมเองได้แต่นึกว่า 10 วันที่เมียผมไปประชุมต่างประเทศ อะไรจะเกิดขึ้นได้อีกหนอ และแล้วแผนชั่วร้ายก็เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวสมองของผม เอาไว้จะกลับมาเล่าภาคสองนะครับ อย่างนี้คงเรียกว่าบุญหล่นทับได้มั้งครับ