เรื่องนี้เกิดที่หมู่บ้านนางรอง เมื่อ 19 ปีที่แล้ว....
สมัยผู้ใหญ่ยังเป็นวัยรุ่น....
ชาวนาแห่งหมู่บ้านนางรองกำลังช่วยกันถอนต้นกล้าในนากล้ากัน พวกเขาเดินเรียงหน้ากระดานในแปลงต้นกล้า ต่างรวบต้นข้าวถอนขึ้นมาทั้งกำ แล้วนำไปวางบนแผ่นไม้ที่เตรียมมา จากนั้นก็ผูกต้นกล้าเข้าด้วยกัน ต้นกล้าพวกนี้ จะถูกนำไปตัดใบออกเหลือแต่ต้น เพื่อนำไปดำในนาที่ไถคราดรอไว้เรียบร้อยแล้ว
....เมื่อได้เวลาพักเที่ยง เหล่าชาวนาก็ส่งเสียงบอกกัน และพากันเตรียมตัวเพื่อกินข้าวมื้อเที่ยง ในยามที่ตะวันตกหัวพอดี แต่ทุกสายตาก็พากันมองไปที่คันนาริบๆ มีสาวน้อยวัยไม่เกิน 18 ปี เดินหิ้วปิ่นโตมา เด็กสาวที่รูปร่างหน้าตาสวยงามและผิวพรรณขาวนวลเป็นใยจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นหญิงที่เกิดในหมู่บ้านนี้ น่าจะไปเกิดในเมืองมากกว่า
“เฮ้ย? น้องสร้อยมาแล้วว่ะ?”
เสียงชายคนหนึ่งบอกทุกคน
“มันเอาข้าวมาให้แฟนของมันน่ะสิ...”ป้าสายหยุดหนึ่งในคนดำกล้าบอก
“แหม...นี่ขนาดพ่อมันทั้งห้ามทั้งหวงมันยังแอบมาหากันเลย”
“ก็มันชอบมันรักกันจริงนี่ จะไปห้ามมันได้อย่างไง?”
“ใช่เหมือนที่เขาว่า ความรักเหมือนโคถึก ยิ่งขังก็ยิ่งเตลิด”
“อย่างว่า..พ่อของนังสร้อยมันก็มีฐานะ แต่ไอ้นั่นมันจนจังเลย ใครเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่อยากได้มันเป็นเขย”
“ใช่นอกจากจนแล้วมันยังเกเร เอาทุกอย่างเรื่องเลวๆ ไม่รู้สร้อยไปชอบมันได้อย่างไง?”
“มันต้องมีดีบ้างแหละน่า สร้อยเขาอาจจะเห็นส่วนดีของมันก็ได้”
“ส่วนดีที่เลวๆนะสิไม่ว่า เฮ้อ..น่าเสียดาย สวยเสียเปล่า มารักมาชอบไอ้คนอย่างนี้ได้”
“แต่จะว่าไป เขาว่ามันกำลังกลับตัวนะ เห็นไหมล่ะ? พ่อมันป่วยมันก็มาดำกล้ากับเราด้วย หลังๆนี่ เขาว่ามันขยันมากเลย...”
“มันคงจะเริ่มสำนึกแล้วม้าง...”
“นั่นสิ...ไม่สำนึกมันคงไม่มาทำงานหรอก ทุกทีป่านนี้มันชวนชาวบ้านไปนั่งเขย่า ไฮโลแล้ว....”
“ดูสิ?เจอกันแล้วนังสร้อยยิ้มหน้าบานเลย วาสนาของมันจริงๆที่ได้แฟนอย่างนี้...”
ชายหนุ่มละมือจากการดำกล้าเมื่อสาวคนรักเรียกเสียงหวาน เขาถอดหมวกงอบและดึงผ้าขาวม้าพันหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่พอดูได้แม้นจะดำคล้ำไปหน่อย ร่างกายของเขาบึกบึ้น แววตาซื่อๆ และกำลังอยู่ในช่วงของวัยหนุ่มแรกรุ่น
“พี่มาพักกินข้าวเที่ยงก่อน แม่ของพี่วานสร้อยให้เอามาให้”
ชายหนุ่มเดินไปล้างมือและยิ้มหวานให้คนรัก
“ขอบใจจ๊ะสร้อย ลำบากเอาข้าวมาให้พี่ทุกวันเลย”
“ไม่ลำบากหรอก ถึงจะลำบาก สร้อยก็เต็มใจ”
“แหม?...หวานจัง? แล้วมาฝากเจ้าคมด้วยรึเปล่า?”เสียงเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาร่วมดำกล้าร้องถามมา
“ก็มาฝากทั้งสองคนแหละ แต่ของพี่เขา สร้อยมาฝากพิเศษเลย”
“อย่ามัวพูดไปกินกันเหอะ ไอ้คม เสร็จแล้วจะได้รีบมาดำกล้าต่อ”ชายหนุ่มเร่งเด็กหนุ่มนามเจ้าคม
ทั้งสามเดินไปหาร่มไม้ที่ริมคันนาและนั่งล้อมวงกินข้าวกัน
“สร้อยไม่กินด้วยรึ?”ชายหนุ่มถาม
“พี่กินเหอะ กินเยอะๆจะได้มีแรงทำงาน ทำงานเยอะๆแล้วจะได้มีเงินมาขอสร้อยเสียที”
“แหม...อยากได้พี่เขาไปเป็นผัวใจจะขาดเลยรึไง เร่งเร้าให้พี่เขาไปขอเสียจริง...”เจ้าคมเอ่ยแซว
“ปากหมา เดี๋ยวโดนถีบหรอก”สาวคนสวยยกเท้าทำท่าจะถีบ
“อย่าสร้อย? เสียภาพนางเอกหมด เจ้าคมมันแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ปีนี้ข้าวกล้าดี น้ำทำนาก็ดี พี่มีเงินไปขอสร้อยแน่”
แล้วสองหนุ่มสาวก็นั่งเคียงมองดูผืนนากว้างด้วยดวงตาวาดหวังถึงอนาคตอันสวยหรู
“ไปไหนไอ้คม?”ชายหนุ่มถามเจ้าหนุ่มรุ่นน้อง
“ต้องหลบก่อน เดี๋ยวถูกนางเอกถีบ...”
...ที่ท้ายหมู่บ้านนางรอง มีเรือนไม้เสากลมมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกอยู่หลังหนึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นของตัวเอง แต่มันเป็นเนินใช้เพาะปลูกอะไรไม่ได้ เนินนี่กินเนื้อที่เกือบๆ 10 ไร่ ในเรือนหลังนั้นมี พ่อ แม่และลูกชายวัยประมาณ 19 ปีอาศัยรวมกันอยู่ ลูกชายคนนี้หน้าตา อื่มม....เอาเป็นว่า หน้าตาดีพอใช้ได้ก็แล้วกัน รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ท่าทางคล่องแคล่ว พูดจาเอะอะเสียงดัง และค่อนข้างก้าวร้าว ด้านการเรียนการศึกษาก็ระดับม.3 ผลการเรียน ดีบ้างไม่ดีบ้างตามอารมณ์ และตอนนี้ก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ครอบครัวนี้มีฐานะค่อนข้างจะยากจน แม้นผู้เป็นพ่อและแม่จะขยันทำงาน แต่ก็หาได้มาไม่พอค่าใช้จ่าย ฝ่ายลูกชายก็ไม่เอาอ่าวหวังจะพึ่งพาอะไรก็ไม่ได้เลย ตั้งแต่เลิกเรียนหนังสือมาก็เอาแต่เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆสุมหัวชวนกันล่นการพนันและมีเรื่องมีราว ตีหัวหมาด่าโคตรเจ๊กตามประสาวัยรุ่นเกเรทั่วไปเป็นวันๆ สร้างความผิดหวังให้สองผัวเมียยิ่งนักที่มีลูกไม่ได้ดั่งช่างน่าสงสารผัว เมียคู่นี้..... ครับ....เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือ...เอ่อ...ผมเองนี่แหละ...
…ผมเป็นวัยรุ่นในยุค 2530 ของไทยหรือยุค “80ต่อ”90 ของฝรั่งนั่นแหละครับ เป็นวัยรุ่นบ้านนอกในยุคที่ยังไม่รู้จักมือถือหรือBB ไม่รู้จักคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน๊ต เป็นยุคคาบต่อระหว่างโลกเก่าและโลกแห่งเทคโนโลยี่ที่กำลังจะเจริญเข้ามาคลอบคลุมและคลอบงำ วัยรุ่นยุคนี้เป็นรุ่นบุกเบิกที่จะประสานสิ่งเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน และเป็นวัยรุ่นยุคที่ไม่ต้องการเหตุผลนอกจากความสนุก สะใจ กับ ความเท่ส์แบบดิบๆเถื่อนๆอีกด้วย
หลังจากเสร็จจากงานดำกล้าแล้ว เวลายังมีเหลือเฝือก่อนค่ำ แน่นอนไม่มีอะไรดีไปกว่าการชักชวนนักเสี่ยงโชคทั้งหลายมาเขย่าลูกเต่ากัน ในหมู่บ้านนี้ ทุกคนรู้ดีว่าเรื่องการพนันนั้นไม่มีใครครบเครื่องเท่าผม วันนี้ก็เช่นกันที่เจ้าคมและผมชักชวนเหล่าหมูเนื้อล้วนๆมาเชือด
...ที่ชายทุ่งท้ายๆไร่ของเรือนหญ้าแฝกผมอันเป็นที่ลับหูลับตา มันได้ถูกตั้งเป็นบ่อนลับของผมมาช้านาน และเป็นที่รู้กันว่า ถ้าอยากเล่นอะไรเชิญรวมกลุ่มติดต่อมา ผมพร้อมจะจัดไว้รอให้มาท้าวัดดวงได้เสมอ และเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆเรื่องชั่วๆของผมเท่านั้น และมีเจ้าคมเป็นผู้ช่วยที่แสนดีอยู่เคียงข้างเสมอ
“เอาล่ะ...พี่เขาเขย่าเสร็จแล้วแทงๆๆๆแทงเลย แทงเสร็จเอามืออกด้วย”
เจ้าคมบอกชาวบ้านเมื่อชาวบ้านวางเงินเสร็จ เจ้าคมก็ค่อยๆเปิดฝาถ้วยครอบ
”เจ้ามือกินอีกแล้ว...ขอบคุณครับ”
เสียงชาวบ้านร้องฮู้....บ่นกันเซ็งๆ
”แม่ง...เจ้ามือ แดกอย่างเดียว หมดตูดแล้วโว้ย....กลับๆๆๆๆ”
พวกชาวบ้านที่มาร่วมวง ลุกขึ้นพากันกลับไปอย่างผิดหวัง เจ้าคมเก็บเงินเดิมพันมานับหัวเราะอย่างมีความสุข
”แหมได้เยอะเลยพี่วันนี้...เฮงๆๆๆๆ เฮงจริงๆ”
เจ้าคมหัวเราะร่วน ส่วนผมก็ตาลอยวาดหวัง
”คืนนี้ที่งานวัด กูจะเอาเงินนี่พา สร้อย ไปเที่ยวให้ชุ่มเลย...”
เจ้าคมนับเงินแล้วแบ่งให้ผม
”เอาพี่ส่วนของพี่ ขอให้เที่ยวให้สนุกน่ะ แหม...หมูจริงๆ มีหมูมาอย่างนี้ทุกวันก็ดีน่ะสิ”
วันนี้นับว่าเราโชคดีที่มีหมูมาให้เชือดเยอะแยะเลยมีเงินแบ่งกันมากกว่าทุกครั้ง
“เอาล่ะเดี๋ยวเราแยกย้ายกันกลับแล้วคืนนี้ไปเจอกันที่งานวัดนะ”
แล้วผมเอาเงินส่วนแบ่งที่ได้มากโขเดินกลับบ้าน วาดฝันจะพาสร้อยเดินเที่ยวในงานและชื้อเสื้อผ้าสวยๆตลอดจนของที่เธออยากได้ให้ด้วยความสุขใจ...
....ผมเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆตามทาง ที่ของพ่อกับแม่ของผมนี่ก็กว้างน่าดู เสียอย่างเดียวที่ตรงนี้มันเป็นดินเหนียวปนทรายเพาะปลูกทำอะไรก็ไม่ได้
”ว่าไงล่ะพี่...ชวนพวกชาวบ้านมาเล่นการพนันอีกแล้ว เมื่อไหร่พี่จะทำงานทำการเป็นเรื่องเป็นราวเสียที”
เสียงของสร้อย สาวงามของหมู่บ้านนั่นเอง และเธอก็เป็นแฟนของผมด้วย
”อ้าว...สร้อยมาได้อย่างไง พี่กำลังคิดถึงอยู่เลย”
ผมไม่พูดเปล่ารวบตัวสาวคนรักมากอดมาหอมพัลวัลอย่างหื่นกระหาย
”ปล่อยๆๆๆบ้าเรอะ ตายอดตายอยากมาจากไหน กลางวันแสกๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาน่ะ”
สร้อยก็ห้ามไปอย่างงั้นเอง เพราะเธอก็ไม่ได้ดิ้นรนสะบับขัดขืนอะไรจริงจัง
”แหม..ใครจะผ่านมาเห็นเล่า กลางดงกลางป่าอย่างงี้ มามะ..มาให้พี่ชื่นใจหน่อย…พี่คิดถึงจังเลย”
ผมกอดหอมสร้อยจนร่างของเราเสียหลักล้มลงไปที่พุ่มไม้ข้างทาง ร่างของผมนอนทับร่างของเธอ ผมซุกไซร้ กอด จูบ บีบคลึงจนสร้อยหายใจหอบๆ
”พอ...พอ...พอก่อนพี่...เดี๋ยวสร้อยมีอารมณ์..”
ผมไม่สนใจ ยังคงซุกไซร้ไม่หยุด
”มีก็มีไปสิ...มีกับพี่ไม่เป็นไร อย่าไปมีกับคนอื่นล่ะกัน..”
ตอนนี้ในสมองของผมมันคิดแต่จะผสมพันธ์กับสร้อยอย่างเดียวแล้ว
....สร้อยซึ่งไม่คิดจะดิ้นอยู่แล้ว นอนนิ่งๆให้ผมกอดจูบตามใจ จนผมแปลกใจล่ะจากร่างแน่นเนื้อของคนสวยประจำหมู่บ้าน พลางถามด้วยความสงสัย
”ทำไมไม่ดิ้นเลยเล่า คราวนี้งอนอะไรอีก...”
สร้อยยังนอนเฉยมองผมด้วยสีหน้าปรกติ
”ดิ้นก็โดนไม่ดิ้นก็โดน จะขัดขืนทำไม ทำต่อสิ”
ผมผละจากร่างงามมานั่งข้างๆอย่างหมดอารมณ์ สร้อยยังนอนหงายอยู่ มองผมยิ้มๆ นี่คือไม้ตายของสร้อยหากไม่อยากให้ผมร่วมรักกับเธอ เธอจะนอนเฉยๆ และใช้ได้ผลกับผมมาตลอด แต่ไปทำกับคนอื่นรับรองไม่รอด
”แล้วมาหาพี่ทำไม ถ้ามาแล้วไม่ให้ทำอะไรอย่างนี้น่ะ”
สร้อยลุกขึ้นนั่งเอามือสางและเสยผมให้เข้าที่
“พี่นี่...คิดกับสร้อยเป็นเรื่องเดียวรึไงเนี่ย...วันนี้ สร้อยจะมาบอกพี่ว่า ครูสมบูรณ์นะ เขามาทาบทามสร้อยแล้วน่ะ จะขออะไรก็รีบขออย่ามัวรออย่ามัวช้าน่ะ ดูท่าพ่อกับแม่เขาจะยกสร้อยให้ครูคนนี้แน่”
ผมใจหายวาบ ไอ้ครูหนุ่มนั่นนะรึ ผมเห็นมันทำท่าชอบพอสร้อยมานานแล้ว แต่สร้อยไม่เล่นด้วยและไม่สนใจมันแต่มันก็ตามตื้อมาตลอด และเมื่อมันเข้าทางสร้อยไม่ได้ มันก็มาเข้าทางพ่อ แม่ของ สร้อย และด้วยรูปร่างและฐานะ พ่อและแม่ที่ดีเขาก็อยากให้ลูกสาวได้กับคนดี คนที่มีอนาคต
“แล้วสร้อยจะให้พี่ทำอย่างไง ให้พี่ไปขอสร้อยตัดหน้ามันก่อนไหม...”
ผมทำหน้าทะเล้นเหมือนไม่รู้สึกอะไร สร้อยมองผมแล้วสีหน้างามๆดูเป็นทุกข์ไปถนัด
“พี่...อย่าทำเป็นพูดเล่นสิ สร้อยจริงจังน่ะเรื่องนี้...”
ผมมองหน้าแฟนสาวแล้วรู้สึกว่าวันนี้เธอดูเศร้าๆเกินปรกติอย่างไงชอบกล...
....”น่า...ใจเย็นๆสร้อย ถ้าเธอไม่ยอมใครจะบังคับเธอได้ แล้วพี่จะรีบหาเงินไปสู่ขอเธอ”
ผมให้สัญญากับแฟนสาว และมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
”พี่...พี่เจาะไข่สร้อยมาตั้งแต่อายุ16แล้วนะ พี่พูดอย่างนี้มาตลอด นี่ถ้าไม่แอบกินยาคุมล่ะก้อ สาม-สี่ท้องแล้ว ไม่รู้ล่ะ...ถ้าสิ้นเดือนนี้พี่ไปขอสร้อยไม่ได้ล่ะก้อ สร้อยได้เปลี่ยนผัวใหม่แน่”
ผมรีบกอดร่างของสาวคนรัก พลางปลอบให้สัญญา
”แหมพูดอะไรอย่างนั้นเล่าสร้อย ฟังดูไม่ดีเลย น่า...เชื่อพี่เหอะ ไงๆๆพี่ก้อไม่ปล่อยให้สร้อยไปเป็นของคนอื่นได้หรอก ปีนี้น่ะ พี่จะหาเงินไปขอสร้อยให้ได้ ตอนนี้พี่กำลังเก็บอยู่”
สร้อยสะบับตัวออกจากอ้อมกอดของผม
”เก็บอยู่...เก็บมากี่ปีแล้ว เอาแต่หลอกฟันสร้อยไปวันๆ พ่อกับแม่ของสร้อยเขาเกลียดพี่จะตาย เพราะพี่ไม่ทำงานนี่แหละ ถ้าพี่ขยันล่ะก้อ ป่านนี้เขายกให้ฟรีๆแล้ว...”
ผมพยายามคลานตามไปกอดร่างอวบของสร้อย ซุกหัวไปที่เต้านมคู่งาม
”เอาน่า...พี่สัญญา พี่จะทำงานจริงๆแล้วคราวนี้ แล้วทุกคนในหมู่บ้านนางรองจะได้รู้ว่า พี่เปลี๋ยนไป๋...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”
ผมลุกขึ้นยืนกางแขน มองไปที่หมู่บ้าน
“แล้วพี่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ๆตรงนี้ให้สร้อยมาอยู่ สร้างศาลามีโต๊ะไว้กินกาแฟตรงนี้ แล้วตรงโน้นน่ะ.จะมีไอ้นั่น..ตรงนี้จะเป็นไอ้นี่....”
ผมจินตนาการบอกสาวคนรักถึงความฝันและวาดวิมานกลางอากาศให้เธอฟัง สร้อยส่ายหัวมองผมอย่างปลงๆ
”อย่าเพ้อเลยพี่ เอาแค่ค่าสินสอดของสร้อยตอนนี้หาให้ได้สักก่อนเถอะ”
สร้อยเอ่ยเบรกผมให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
”งั้นขอพี่ก็แรงใจหน่อยดิ...พี่จะได้มีพลังไปหาเงินมาขอเธอได้..”
สร้อยถอนหายใจ”อีกแล้ว...สร้อยขาดทุนตลอด..”
ผมเดินเข้ากอดร่างของสาวคนรัก กดร่างนั้นลงพื้น
”สร้อย จำไว้สร้อยเป็นผู้หญิงที่พี่รักมากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก้อจะรักสร้อยตลอดไป และ พี่จะไม่มีวันหยุดรักสร้อยอย่างเด็ดขาด...คอยดู”
สร้อยเอื้อมสองมือมากอดคอของผมพลางส่งเสียงเกือบจะเป็นกระซิบ
”สร้อยเองก็เหมือนกัน... “
... ผมจูบเบาๆไปที่ใบหูของสร้อย ส่วนมือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อจากชายเสื้อด้านลางของสร้อยของ เธอไม่ขยับ ทำให้ผมย่ามใจ ปลดตะขอบราตัวน้อยของเธอ ผมค่อยๆดึงเสื้อเธอขึ้นไปจนถึงรักแร้ซึ่งสร้อยก็ยกแขนขึ้นยอมให้ผมถอดออกอย่างง่ายดาย เรือนร่างท่อนบนขาวนวลของสร้อยเปลือยเปล่าต่อหน้าของผม เธอยกสองมือปิดที่นมคูงามของเธอและเอียงกายหลบสายตาหื่นกระหายของผม แต่ผมก็ดึงร่างเธอเข้ามาแล้วบรรจงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง มือล้วงลอดมือที่ปกปิดของเธอไปสัมผัสกับเต้านมขนาดกระทัดรัด ของสาวคนรักวัยแรกรุ่น
...ผมจับร่างของเธอนอนลงและปลดตะขอกางเกงขาสั้นสามส่วนออก แล้วรูดลงไป สร้อยขยับช่วยยกสะโพกขึ้น จนกางเกงหลุดออกไปพร้อมกางเกงในตัวน้อยเผยให้เห็นแก้มก้นขาวนวลมีขนอ่อนสะท้อนแสงแดดเป็นสีเงิน จนผมอดไม่ได้ที่จะแนบหน้าลงไปสัมผัส สร้อยหนีบขาจนชิดนอนหลับตาพริ้มหน้าแดงซ่าน รอสัมผัสในสิ่งที่ผมจะทำให้เธอด้วยใจระทึก
....ผมลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วถ่างขาของสร้อยออกเล็กน้อย กลิ่นสาวแรกรุ่นคลุกลุ่นน่าดมดอมยิ่งนัก ผมก้มลงโลมลิ้นไปที่ร่องรูของสร้อยที่ฉ่ำน้ำสาวรินไหลออกมาอย่างมากมาย ผมล้วงนิ้วไปตามร่องก้นจนถึงร่องเสียวของสร้อย ซึ่งมีน้ำชุ้มชื้นไปหมด และได้สัมผัสเส้นไหมเส้นเล็กตรง ที่เรียงตัวไปตามร่องน้ำฉ่ำ ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่อาจหยุดยั้งอะไรได้อีกแล้ว ผมก้มลงบรรจงลากลิ้นไปตามร่องน้ำนั้น กลิ่นกายอันหอมระรื่นของสาวคนรักของผมสร้างความรู้สึกหื่นกระหายให้กับผมเพิ่มเป็นทวีคูณ
…สร้อยบิดกายสะท้านร้องครางเมื่อเจอลิ้นของผมจู่โจมไปในจุดเสียว ร่างสาวบิดไปมาร้องไม่เป็นภาษา
“อะ...อะ....อะ.....อูย....พี่....สะ....สร้อย....โอ้ย....ทำไม....อูย.....”
...ผมยังก้มหน้าใช้ลิ้นต่อไป สร้อยทั้งร้องทั้งบิดกายเสียวซ่านร้องครางเสียงลั่นทุ่ง แต่ต่อให้ร้องดังอย่างไงก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะเนินที่ผมอยู่มันไกลผู้ไกลคน...
…”อูยยยยยย......พะ.....พะ.....พะ.....พี่.....พอแล้ว.....สร้อยใจจะขาดแล้ว......”
...ผมเงยหน้าที่เปรอะน้ำรักของสร้อย แล้วเลื่อนกายขึ้นทาบทับร่างนวลงาม ผมจับขาของเธอกางออก และแทรกตัวเข้าไป พยายามเอาท่อนเอ็นของผมไปจ่อตรงร่องนั้น ผมค่อยๆดันมันเข้าไป ทั้งที่มีน้ำรักอยู่เต็มไปหมด แต่มันกลับเข้าไปได้นิดเดียว ผมพยายามดันมันอีกครั้ง สร้อยสะดุ้งลืมตาขึ้นและพยายามดันหัวไหล่ผมออก
"พี่.....สร้อยเจ็บ..... พี่.....จริงๆ... พี่......สร้อยเจ็บเจ็บ" เสียงสร้อยร้องบอกอาการกับผม
..... ผมไม่พูด แต่ก้มหน้าลงประกบจูบปากของสร้อยแทน เพื่อให้เธอผ่อนคลายอีกครั้ง สร้อยถอนหายใจเคริ้มไปกับรสจูบของผม ผมถือโอกาสนี้ดันเข้าท่อนเอ็นสุดแรงจนมันผลุบหายไปทั้งดุ้นในร่องสาว สร้อยผวาอ้าปากร้องอ้ากกกก...แล้วดันไหล่ผมออกอย่างแรง แต่ไม่ลืมตา ส่วนผมหอบหายใจน้อยๆ
.... ผมเริ่มขยับซ้ายขวาอย่างแผ่วเบา จนสร้อยเริ่มผ่อนคลายไม่เกร็งแล้ว จึงเริ่มขยับเข้าออกเบาๆ แล้วค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ....สร้อยเริ่มร้องครวญครางจิกเล็บลงบนต้นแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
... ผมบรรจงกระเด้าซอยใส่ร่างสาวคนรัก เสียงร้องด้วยความเสียวซ่านของสร้อยดังระงมแข่งกับเสียงเนื้อกระแทกเนื้อ ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อยร้า แต่ยังตั้งหน้าตั้งตาอัดท่อนเอ็นใส่อย่างไม่หยุดยั้ง จนกระสร้อยเริ่มหายใจหนักๆสลับกับหายใจสั้นๆ
...สักพักสร้อยก็ผวากอดเอวของผมแน่น เสียงหายใจเหมือนจะขาดใจ.
.”..อูยยยยยย....ไม่ไหว....แล้ว....สร้อย...ออกแล้ว....ออกมาแล้ว.....”
ภายในของสร้อยบีบรัดปลายท่อนเอ็นของผมเป็นจังหวะถี่ๆ จนผมเสียวมากเกินจะทนไหวได้แล้ว
"สร้อย...พี่ก้อ...ไม่...โอ้ยยยยยย....."
ผมปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างใส่ไปในร่องรูอย่างพรั่งพรู แล้วผมก็ฟุบลงบนอกอวบของสร้อย เรานอนหายใจแข่งกันอยู่พักใหญ่ สร้อยลืมตาปรือมองผม ผมเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอบ่งบอกถึงอารมณ์ที่สุขสมและหลงใหลผม ก่อนที่เธอจะกอดร่างของผมแน่นแนบไปกับร่างของเธออีกครั้ง
....สร้อยยังคงนอนหนุนแขนของผมซุกหน้ามาที่หน้าอกที่มีแต่มัดกล้าม ความสุขที่เพิ่งผ่านพ้นไปยังซาบซ่านติดตรึงใจ ผมเอามือลูบไล้ไปบนเส้นผมยาวนุ่มของสร้อย เธอซุกตัวแน่นเข้ามาอีก
”พี่...สร้อยไม่อยากอยู่ในสภาพนี้อีกแล้วน่ะ สร้อยเบื่อต้องมาลักกินขโมยกินกันอย่างนี้...”
ผมยังคงนอนนิ่งใช้ความคิดอย่างหนัก ผมปล่อยเวลาล่วงผ่านมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว ผมควรจะสร้างอนาคตของตัวเองสักที แต่จะเริ่มตรงไหนนี่สิที่คิดไม่ออก
”อดทนหน่อยสร้อย พี่เองก็ไม่อยากหลบๆซ่อนๆอย่างนี้เหมือนกัน แต่พี่ยังไม่พร้อมนะสิ”
ผมพยายามที่จะปลอบใจแฟนสาว
”ยังไม่พร้อม แล้วเมื่อไหร่พี่จะพร้อมสักที ปีหน้าสร้อยจะ 18เต็ม แล้วน่ะ เพื่อนๆมันมีผัวเป็นตัวเป็นตนกันไปหมดแล้ว สร้อยยังลับๆล่อๆ มาโดนพี่ล่ออยู่แต่ที่ลับๆ สร้อยเบื่อสภาพนี้และเบื่อจะรอแล้วน่ะเนี๋ย...”
สร้อยผุดลุกนั่งหยิบเสื้อผ้ามาใส่
”ไม่รู้ล่ะ...ถ้าไม่รีบจัดการไปสู่ขอสร้อยให้เป็นเรื่องเป็นราว สร้อยจะหาผัวใหม่แล้ว เสียตัวแค่นี้สร้อยไม่ตายหรอก นึกว่าให้หมามันกิน...”
สร้อยแต่งตัวเสร็จทำท่าจะเดินหนีไป ผมลุกมาฉุดมือรั้งสาวคนรักไว้
”โอ้ยยยย....พูดอย่างงี้ได้ไงเนี๋ย ไม่นึกถึงที่เคยรักเคยลำบากกันมาเลยหรือไง จะทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เรอะ สร้อยใจร้ายยยย...”
สร้อยสะบับเบาๆทำนองงอนแต่พองาม
”ก็เพราะสร้อยคิดนะสิ ถึงยอมให้ถึงขนาดนี้ ไม่งั้นไม่ได้แอ้มสร้อยหรอก...”
ผมรั้งร่างสาวเข้ามากอด หอมซ้าย-ขวา
”พูดเก่งนักต้องเจออีกดอก....”
....เกือบบ่ายๆกว่าผมพาสร้อยเดินลัดเลาะมาถึงบ้าน หน้าบ้านมีรถกะบะโตโยต้ารุ่นไฮลักซ์-ฮีโร่ ที่ใช้ดาราพระเอกชื่อดังโฆษณาคันใหม่เอี่ยมจอดอยู่ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน แป๊ะฮง เศรษฐีเงินกู้ประจำหมู่บ้านกำลังคุยกับพ่อและแม่ผมอย่างเคร่งเครียด ท่าจะมาทวงหนี้อีกแล้ว ผมเดินไปถึงใกล้ก็ได้ยินเสียงทวงเงินอย่างเกรี้ยวกราดจาก แป๊ะฮง
”อารายว่ะ ม่ายมีๆ ลื้อบอกมาหลายครั้งแล้ว อั๊วะก็ผัดผ่อนให้มาตลอด จนตอนนี้มันเกินกำหนดมา 5 เดือนเลี้ยว”
เสียงพ่อพยายามขอผ่อนผันแต่แป๊ะฮงก็ไม่ยอมและยื่นคำขาด
”หากวันนี้ ถ้าลื้อไม่มีจ่ายอั๊วะ พวกลื้อก็ต้องยกที่ตรงนี้ให้อั๊วะ แล้วพวกลื้อก็ต้องย้ายออกไป ถ้าไม่ย้ายก็ต้องเช่าอั๊วะอยู่”
ผมฟังแล้วให้ขัดใจ เดินเข้าไปใกล้วงสนทนา แป๊ะฮงมองมาที่ผมแต่ไม่สนใจว่าไงลื้อสองคนจะว่าไง?”
”มันยังคงเคี่ยวเข็ญคาดคั่นคำตอบ ที่ตรงนี้ตกทอดมาตั้งแต่ปู่ย่าเป็นที่พักอาศัยอยู่กันมาหลายรุ่น แต่เพราะพ่อต้องหาเงินไปเช่าที่ทำนาจึงเอาที่ไปจำนองไว้กับแป๊ะฮง อย่างว่าฝนแรงติดๆกัน 2 ปีพ่อเลยไม่มีเงินใช้หนี้
”ขอผัดผ่อนไปอีกหน่อยไม่ได้หรือ ที่ตรงนี้ข้าต้องรักษาไว้ เงินแค่ 30000เองน่ะ ที่ตั้ง 10 ไร่ ข้าปล่อยหลุดไม่ได้หรอก”
แป๊ะฮงหัวเราะจนฟันทองสะท้อนแสงแดดวาบวับ
”ลื้อพูดมาได้ เงินแค่ 30000 เอง แล้วลื้อมีปัญญาใช้หนี้อั๊วะไหม มีไหม ตอนนี้อย่าว่าแต่ 30000 เลย ค่าดอก 3000ลื้อยังไม่มีจ่ายเลย”
ผมกัดฟันกรอดที่แป๊ะฮงมันดูถูก แต่ก็ได้แต่ทนฟัง
”เอาล่ะ...อั๊วะไม่รออะไรแล้ว อาเม้ง ลื้อเอาสัญญามาให้อีเซ็นยกที่ให้อั๊วะเร็ว...”
สิ้นคำ อาตี๋หน้าตากวนๆนามไอ้เม้งก็เดินเอาสัญญามาวางบนแคร่ข้างหน้าพ่อ
”เอ้า...รีบๆเซ็นซ่ะ....”
แป๊ะฮงย้ำกับพ่อ แต่พ่อยังคงเงียบเฉย