"เชิดหน้าขึ้นหน่อยครับ นั่นละดี"
แช๊ะ แช๊ะ
"น้องพิงค์ครับยืนเชิดแอ่นตัวเข้าหาน้องมิ้นอีกหน่อยครับ ดีครับ"
แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ
"ดีครับ ดีมาก น้องมิ้นมองผ่านน้องพิงค์ไปครับ นั่นละครับ น้องพิงค์มองเชิดขึ้นครับ ดีๆๆๆ"
แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ
"โอเคเลยครับ พักก่อนครับ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีถ่ายเซ็ตต่อไปเลยครับ"
ผมปล่อยให้พวกลูกน้องในสตูดิโอจัดการเซ็ตไฟเซ็ตฉากสำหรับถ่ายภาพชุดต่อไป พวกนางแบบก็จะมีพวกเมคอัพ
อาร์ทติสก์มาจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมอยู่แล้ว ส่วนผมก็มานั่งดูภาพที่ถ่ายออกมา อืมมม สวย สวยมากๆ น้องมิ้นนี่
สุดยอดจริง
น้องมิ้นหรือภูมินตรา นางแบบแนวหน้าของยุคนี้ที่สาวๆพากันอิจฉาเธอเพราะเธอทั้งสวยสง่าสมบูรณ์แบบทั้งที่อายุ
เพิ่งจะยี่สิบเท่านั้นเอง เพียงช่วงเวลาปีเศษๆที่กลุ่มของเธอได้แก่ น้องมิ้น น้องพิงค์ และน้องติ๊กเข้าวงการมารุ่นพี่
หลายๆคนตกกระป๋องไปในทันที พวกนางแบบรุ่นพี่ให้สมญาพวกเธอทั้งสามคนว่า "สามสวยประหาร"
วันนี้ผมถ่ายแบบกลุ่มพวกเธอแต่ใช้นางแบบแค่สองคนเท่านั้น ส่วนน้องติ๊กมาเป็นเพื่อนตอนนี้คงตามเพื่อนสาวทั้งสอง
ไปช่วยแต่งตัวแล้วละ เฮ้อ! ใครจะคิดละว่ายัยเด็กกะโปโลเมื่อห้าหกปีที่แล้วจะกลายมาเป็นนางแบบแถวหน้าวันนี้ได้
ผมนั่งดูภาพที่ถ่ายเซ็ตนี้ไปเรื่อยๆเหมือนกับโดนมนต์สะกดจากนางแบบทั้งสองโดยไม่รู้ตัว
"พี่เลิฟๆๆๆ ภาพมิ้นเป็นไงบ้าง"
ผมตกใจเสียงของน้องมิ้นที่รีบวิ่งมาเรียกผมเพื่อดูรูป
"ไงยัยเด็กกะโปโล แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ"
"เมื่อไหร่พี่เลิฟจะเลิกเรียกมิ้นว่าเด็กกะโปโลนะ มิ้นโตเป็นสาวแล้วนะ"
น้องมิ้นทำท่างอนๆใส่ผม อืมมม ดูน่ารักดีเหมือนกัน ดูดีกว่าตอนโพสเป็นนางแบบซะอีก นึกถึงเมื่อห้าหกปีที่แล้วยังดู
ผอมๆขาลีบๆหน้าอกแบนๆใส่เสื้อคอซองวิ่งเล่นบอลกับเด็กผู้ชายอยู่เลย แต่วันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ แถมหน้าอกหน้าใจนี่มัน
ล้ำเกินหน้าจนอยากถามเลยหนักไหม ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่เคยมี ตอนนี้นะน่าจะซัก 37-24-35 น่าจะได้ เห็นแล้วนึกอิจฉา
ไอ้แจ็คดารารุ่นใหญ่ที่กำลังพยายามจีบน้องมิ้นซะจริงเชียว แต่มันต้องจีบติดก่อนนะ ฮ่าๆๆๆ
"นี่ๆๆๆๆ พี่เลิฟ ตกลงรูปมิ้นเป็นไงบ้าง"
"ดูเอาซิ โพสดีซะขนาดนี้งานถึงได้ไวไง"
"แหม ก็ช่างภาพเป็นพี่เลิฟนี่ มิ้นก็ต้องโพสเอาใจช่างภาพหน่อยซิปู่"
"เฮ๊ย เลิกเรียกปู่ซะทีเซ๊ะ พี่เพิ่งสามสิบหกเองนะ"
"นั่นแหละ ปู่แล้วห่างจากมิ้นตั้งสิบหกปี"
"เออๆๆๆ อยากเรียก็เรียกไป แต่อย่าให้คนอื่นได้ยินละเดี๋ยวจะแก่พอดี"
"จ้าาาา "
น้องมิ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูไปก็น่ารักไม่เบา ผมลุกขึ้นให้น้องมิ้นเข้าไปนั่งดูภาพจากแมคบุ๊คของผม น้องมิ้นดูภาพแต่ละภาพ
ยิ้มไม่หุบเลย
"มิ้นๆๆๆๆ รูปเป็นไงบ้าง"
มาอีกสองคนละ น้องพิงค์กับน้องติ๊ก น้องพิงค์กับน้องติ๊กนี่ก็เพิ่งจะยี่สิบเหมือนกับน้องมิ้นนี่ละแต่สาวสาวนี่เรียนคนละ
ที่กันเลย มาเจอกันก็ตอนมาถ่ายแบบครั้งแรกแล้วก็สนิทกันมาจนถึงตอนนี้ ทั้งน้องพิงค์แล้วก็น้องติ๊กนี่ต่างสไตล์กันนิดนึง
น้องพิงค์จะออกแล้วหวานคมส่วนน้องติ๊กนี่จะแนวสวยใส ทำให้งานวันนี้ผมเลยเลือกใช้แบบแค่สองคนเพื่อไม่ให้ธรีมมัน
ดูโดดมากนัก
"เอาๆๆ พอแล้วเด็กๆทั้งหลายไปเตรียมตัวถ่ายเซ็ตต่อไปได้แล้ว"
"โอ๊ยพี่เลิฟเมื่อไหร่จะเลิกเรียกพวกหนูว่าเด็กๆนะ"
เอาแล้วไงน้องติ๊กซัดผมก่อนแล้ว ลืมไปเลยน้องติ๊กไม่ชอบให้เรียกเด็ก ไม่น่าพลาดเลยแฮะ"
"ใช่! พี่เลิฟนี่จริงๆเลย เราโตแล้วนะยังคิดว่าเราเป็นเด็กอยู่ได้"
เอาเข้าไป! น้องพิงค์ก็รวมหัวด้วยอีกคน ผมขี้เกียจจะเถียงด้วยเลยยืนยิ้มเงียบๆ
"ช่ายๆๆๆ นี่นะพิงค์ ติ๊ก มิ้นนะบอกปู่แกไม่รู้กี่ทีแล้วด้วยยังไม่ยอมเลิกเรียกพวกเราว่าเด็กเลย"
"เฮ๊ยยยย! ยัยมิ้น บอกว่าห้ามเรียกชื่อนี้ต่อหน้าคนอื่น"
"คนอื่นที่ไหนปู่ พิงค์กับติ๊กก็เพื่อนของมิ้น ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย"
แล้วสามสาวก็ประสานเสียงหัวเราะคิกคักกันสนุกสนานไป เฮ้อ! ตั้งแต่ผมทำงานด้านนี้มา ตามปกติพวกนางแบบจะค่อนข้าง
เกรงๆผมซะด้วยซ้ำไป มีสามสาวนี่ละที่กล้าต่อร้องต่อเถียงกับผมแล้วก็สนิทกับผมที่สุด
เล่าเรื่องน้องมิ้นเมื่อห้าหกปีก่อนซักนิดนึงเดี๋ยวจะสงสัยกันว่าทำไมผมดูสนิทกันจัง น้องมิ้นนะเมื่อก่อนก็อยู่แถวบ้านผม
แถวๆลาดพร้าวนี่ละ อย่างที่บอกไปเมื่อห้าหกปีที่แล้วดูยังไงก็ไม่มีแววเป็นนางแบบได้เลย เวลาเจอกันผมละชอบแซวให้น้องมิ้น
งอนเล่นเป็นประจำ เพราะเวลาน้องมิ้นงอนแล้วน่ารัก ผมยังถ่ายรูปน้องมิ้นเก็บไว้เลยแต่ยังไม่เคยเอาออกมาให้น้องมิ้นได้ดูเลย
ตอนหลังครอบครัวน้องมิ้นต้องย้ายไปอยู่แถวๆชานเมืองทำให้เราไม่ได้เจอกันอีกเลย จนเมื่อปีก่อนตอนที่โมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง
มาเสนอนางแบบถ่ายงานเสื้อผ้าวัยรุ่น ผมเลือกสามสาวนี่มาโดยที่ไม่ได้ดูชื่อหรือรู้มาก่อนว่าเป็นน้องมิ้นจนมาเจอกันเท่านั้นละ
คุณเธอโดดกอดผมจนผมนี้ตกใจเลยใครจะไปคิดว่ายัยเด็กกะโปโลตอนนั้นจะเป็นสาวสวยหุ่นดีซะจนผมเห้นทีแรกยังตะลึง
และหลังถ่ายแบบชุดนั้นทั้งสามสาวก็เริ่มสนิทกันและก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆแบบฉุดไม่อยู่ แต่เวลาที่พวกเธอรับงานถ่ายแบบน้องมิ้น
จะขอให้ผมเป็นช่างภาพให้พวกเธอเสมอ โดยน้องมิ้นกับเพื่อนจะให้เหตุผลว่าผมถ่ายภาพพวกเธอสวยที่สุด
"พี่เลิฟๆๆๆ พร้อมแล้วครับพี่ มัวเหม่ออะไรอยู่ละพี่ นางแบบพร้อมแล้ว"
"อะ เออ เดี๋ยวไปเดี๋ยวนี้ละ"
ผมกลับไปลงมือถ่ายภาพสองสาวในเซ็ตนี้เป็นเซ็ตสุดท้าย ด้วยความสามารถของในการทำงานของสองสาวทำให้งาน
เสร็จไวกว่าที่คาดไว้มาก คิดดุแล้วกันอายุขนาดนี้ยังมืออาชีพขนาดนี้เลย เจ้าของงานนี้ดีใจมากๆเลยออกปากชมตลอด
"โอเค เสร็จเรียบร้อย วุธดูจัดการเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยพรุ่งนี้มีอีกงานเตรียมพื้นที่ให้เรียบร้อย โด่งดูจัดการแบ็คอัพ
งานเลยแล้วเอาเครื่องมาให้พี่"
ผมสั่งงานลูกน้องในสตูดิโอ ส่วนสามสาวก็เข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ผมยืนสั่งงานอยู่พักใหญ่โด่งก็เอาแม็คบุ๊คของผม
ที่เอาไปแบ็คอัพงานมาคืน พร้อมกับที่สามสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย
"พี่เลิฟ งานเสร็จเร็วแบบนี้พาพวกเราไปเลี้ยงข้าวหน่อยซิ"
น้องมิ้นเข้ามาเกาะแขนอ้อนทันทีเลย ประจำเลยครับงานเสร็จให้ผมพาไปเลี้ยงข้าวนะเป็นเรื่องปกติสำหรับผมแล้วละ
"แล้ววันนี้ไม่มีคิวงานอีกหรือไง"
"ไม่มีนี่คะ เดี๋ยวนะ พี่สวยๆ พี่สวยขา ตกลงวันนี้พวกมิ้นว่างแล้วใช่มั๊ย"
"จ๊ะๆๆๆ ว่างแล้วจ๊ะ"
พี่สวยหรือกระเทยสวยผู้จัดการของสามสาวนี่รีบเปิดสมุดนัดตอบทันที
"ไงค๊ะ ว่างแล้ว ไปเลยมั๊ย"
"โอเค ตกลงๆๆ"
"งั้นพี่สวยขอตัวก่อนนะ ยังไงฝากคุณเลิฟดูแลด้วยนะค๊ะ"
"ครับๆๆๆ ได้ครับ"
พี่สวยของสามสาวไปแล้ว ผมพาสามสาวขึ้นรถมาที่ห้างแถวบางกะปิ แล้วก็พาพวกเธอเข้าไปนั่งกินอาหารญี่ปุ่น พอเข้าไป
พวกคนในร้านมองพวกเธอกันแทบทุกคน ก็แหงละ! ก็ตอนนี้พวกเธอดังออกขนาดนี้ โดยเฉพาะพวกหนุ่มคงอิจฉาผมมั่งละ
ก็เล่นควงทีเดียวสวยทั้งสาวเลยนี่ เรานั่งกินกันไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ผมนั่งมองหน้าน้องมิ้นที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนๆ
ดูเธอมีความสุขจริงๆ บอกตามตรงว่าตั้งแต่เจอกันเมื่อปีก่อนผมเริ่มหลงรักน้องมิ้นเข้าให้ซะแล้ว ไม่ซิ! ต้องบอกว่ามันเริ่ม
ซึมลึกมาตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อนแล้วซิ แต่ตอนนี้นับวันเหมือนมันมีอะไรมาขีดกั้นไว้จนผมไม่กล้าที่จะสนิทกับน้องมิ้นมากนัก
คงเพราะชื่อเสียงของน้องมิ้นที่ดังมากขึ้นทุกวัน แต่กลับกันน้องมิ้นดูเหมือนจะพยายามมาสนิทสนมกับผมมากขึ้นทุกวัน
จนผมลำบากใจมากๆ
ผมนั่งกินไปมองน้องมิ้นและเพื่อนๆไปด้วยความสุข แต่แล้วความสุขก็หายวับไปกับตาเมื่อได้ยินเสียง
"น้องมิ้น!!! ทำไมน้องมิ้นไม่รับโทรศัพท์พี่"
มาแล้ว ไอ้เสียงทำลายความสุขของผม ไอ้แจ็คผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นดาราดังซะเหลือเดินมาถึงก็เสียงดังใส่เลย ไอ้แจ็คนี่เคยเป็น
ดาราวัยรุ่นมาก่อนแต่ด้วยนิสัยเฮงซวยของมันนี่ละครับที่เที่ยวจีบเขาไปทั่ว ฟันเขาดะ ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเที่ยวไป
อาละวาดตามกองถ่ายจนเขาเบื่อมันเลิกจ้างมัน ทุกวันนี้มันหาทางกลับมาดังโดยพยายามจีบน้องมิ้น แต่น้องมิ้นก็พยายามหนีมัน
"มิ้นไม่วาง เห็นมั๊ยกำลังกินข้าวอยู่ เพิ่งทำงานเสร็จ"
น้องมิ้นเสียงดังใส่จนคนทั้งร้านหันมามอง
"ไม่ว่าง!!! แล้วมานั่งกินข้างกับไอ้แก่นี่นะ"
เอาแล้วไง ไอ้นี่ลามปามแล้วมึง ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่น้องพิงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆดึงแขนไว้ แต่น้องมิ้นกลับลุกขึ้นอย่างรวเร็วจนน้องติ๊ก
จับไว้ไม่ทัน
"เผี๊ยะ"
น้องมิ้นลุกขึ้นตบหน้าไอ้แจ็คดังสนั่นร้านเลย ไอ้แจ็คงี้หน้าหันไปเลย
"ไม่มีใครมีสิทธิมาว่าพี่เลิฟของมิ้นนะ พี่แจ็คเป็นใครมีสิทธิ์มาว่าพี่เลิฟของมิ้น ออกไป ออกไปไกลๆ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ไป๊!!!"
เอาแล้วไง มึงหาเรื่องเองนะโว๊ยไอ้แจ็ค มึงไม่รู้ฤทธิ์น้องมิ้นแล้วมึง ลงด้วยว่าน้องมิ้นโกรธขนาดนี้ต่อไปมึงไม่ได้เข้าใกล้แล้วละ
"เออ! มึงจำไว้อีมิ้น เดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน"
ไอ้แจ็คชี้หน้าน้องมิ้นแล้วเดินออกไปจากร้านด้วยความอับอาย เฮ้อ!! ผมละเซ็งจริงๆกับไอ้บ้านี่
"มิ้นขอโทษพี่เลิฟด้วยนะที่เป็นต้นเหตุให้พี่เลิฟถูกลามปาม"
น้องมิ้นนั่งลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษผมใหญ่เลย
"ไม่เป็นไรหรอกน้องมิ้น แค่หมาเห่าตัวนึงเท่านั้นละ กินๆๆๆ เดี๋ยวจะได้กลับบ้าน"
พวกเรานั่งกินข้าวกันเสร็จผมก็ไปส่งสามสาวที่คอนโดที่พวกเธออยู่ด้วยกัน
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมกับน้องมิ้น น้องพิงค์ น้องติ๊ก ก็ยังมีงานที่ต้องเจอกันอยู่เรื่อยๆดูทั้งสาวสาวจะสนิทกับผม
มากขึ้นโดยเฉพาะน้องมิ้นนี่ยิ่งแล้วใหญ่จนผมเองต้องคอยเตือนเพื่อไม่ให้มีภาพที่ไม่ดีออกมา
"ไม่เห็นเป็นไรนี่พี่เลิฟ ก็เราสนิทกันรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว"
"แต่เดี๋ยวพวกนักข่าวมันเที่ยวเอาไปเขียนเสียๆหายจะไม่ดีกับน้องมิ้นนะ"
"ช่างเขาซิ ดีซะอีกจะได้ไม่มีใครมาตามจีบให้รำคาญ หรือมิ้นเป็นแฟนพี่เลิฟจริงๆซะเลยดีมั๊ย"
แล้วพวกเธอก็นั่งหัวเราะคิกคักๆกัน เฮ้อ! อยากบอกน้องมิ้นว่าพี่ก็อยากได้น้องมิ้นมาเป็นแฟนเหมือนกันละแต่ . . .
เช้านี้ผมมีนัดถ่ายแบบกับสามสาว ผมมารออยู่ที่สตูดิโอตั้งแต่เช้าแล้ว พอถึงเวลานัดปรากฏว่าทั้งสามสาวยังไม่มา ผมเอง
ก็แปลกใจเพราะปกติทั้งสามสาวนี่ได้ชื่อว่าตรงต่อเวลามากๆ ก็เลยโทรหาพี่สวย
"หวัดดีครับพี่สวย น้องมิ้น น้องพิงค์ น้องติ๊กละครับ"
"อ้าว! เขาออกจากคอนโดแต่เช้าแล้วนี่ค๊ะ พอดีพี่ไม่ได้ไปด้วยติดต้องไปดูแลน้องใหม่อีกคนนะค่ะ"
พี่สวยตอบผมมายิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนใจยังไงชอบกล
"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมลองโทรหาน้องมิ้นดูครับ ครับๆๆ สวัสดีครับ"
ผมรีบโทรหาน้องมิ้นแต่โทรไม่ติด เลยลองโทรหาน้องพิงค์ กับน้องติ๊กดูก็ติดแต่ไม่มีคนรับสาย ผมชักกังวลและ
ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกก็เลยขับรถไปหาสามสาวที่คอนโด ระหว่างทางผมเห็นรถของสามสาวจอดอยู่ไม่ไกล
จากคอนโดมากนักโดยมีชาวบ้านจับกลุ่มคุยอยู่ใกล้ๆรถของสามสาว ผมเลยรีบกลับรถเข้าไปจอดใกล้ๆกับรถของ
สามสาว
"โทษนะครับเกิดอะไรขึ้นครับ"
ผมรีบลงไปถามจากชาวบ้านที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่
"อ๋อมีพวกผู้ชายสามสี่คนนะคะขับรถมากันสองคันแล้วก็ปาดรถพวกสาวๆแล้วมันก็ลงมาฉุดพวกสาวๆในรถนี่ไป"
"ใช่ๆๆๆ คนนึงนะฉันจำได้ว่าเป็นดารานะ ชื่อ . . . ชื่อ . .. ชื่ออะไรน๊า"
"แจ็ค . ."
"ใช่ๆๆๆๆ แจ็ค ดาราที่ชื่อแจ็คมาด้วย"
ไอ้แจ็ค เป็นไอ้นี้จริงๆด้วยแสดงว่ามันกะฉุดเลยเหรอนี่ ผมสอบถามเส้นทางที่มันขับรถไปกันทำให้พอจะเดาได้ว่ามันน่า
จะไปที่ไหน ผมรีบขับรถออกไปตามเส้นทางที่คาดเดาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโทรบอกพี่สวยให้รีบไปแจ้งความแล้วบอก
พี่สวยว่าที่ๆไอ้แจ็คจะไปได้คงมีที่เดียวคือบ้านของมันแน่ๆ บ้านของไอ้แจ็คอยู่แถวๆบางบัวทองซะด้วยซิ ผมเลยต้องรีบ
ขับรถไปยังจุดหมายทันทีเพราะถ้าผมเดาถูกอย่างน้อยน่าจะไปช่วยสามสาวได้ทัน ผมเหยียบคันเร่งทำเวลาเพียงไม่ถึง
ครึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงแถวบ้านไอ้แจ็คที่บางบัวทองแล้ว
บ้านไอ้แจ็คเป็นบ้านหลังใหญ่พอสมควรเลยละ ผมขับผ่านครั้งแรกเพื่อดูลาดเลาเห็นมีรถจอดอยู่สองคัน ผมเลยวนกลับมา
จอดรถให้ห่างจากบ้านมันไม่มากนักเผื่อฉุกเฉินพาสามสาวออกมาได้จะได้หนีทัน แล้วผมก็ปีนรั้วเข้าไปในบ้านมันพร้อมด้วย
ไม้เบสบอลที่ผมเก็บไว้ในรถเผื่อใช้ยามฉุกเฉิน ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าในบ้านมันมีกี่คนกันแน่แต่ถ้าตามที่ชาวบ้านบอกก็น่าจะซักสี่คน
แล้วนี่สามสาวจะเป็นยังไงกันมั่ง โดยเฉพาะน้องมิ้นของผม เอาว่ะ ต้องหาทางช่วยให้ได้
ผมค่อยๆย่องๆดูรอบๆบ้านมันที่ปิดสนิทก็ยังหาทางเข้าไม่ได้ แล้วผมก็ได้ยินเสียง
"ไม่ ไม่นะ อย่าทำมิ้น ไม่ๆๆๆออกไป๊"
ไอ้แจ็คมันกำลังจะทำอะไรน้องมิ้นผมนะ ช้าไม่ได้แล้ว ผมมองหาของรอบๆตัวก็เห็นกระถางต้นไม้กับก้อนหินรอบบ่อปลาของมัน
ผมคว้าก้อนหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาทุ่มใส่หน้าต่างกระจกบ้านมัน
"เพล๊งงงงงง"
"เฮ๊ย อะไรว๊ะ พวกมึงลงไปดูซิ"
เสียงไอ้แจ็คมันสั่งพวกมัน ผมรีบหาที่หลบทันทีสักครู่หนึ่งก็มีคนเปิดประตูออกมา ผมจำได้ว่าไอ้นี่เป็นพวกดาราตัวประกอบนี่
มันเดินออกมาไม่ได้ใส่เสื้อด้วย มันเดินมาดูหน้าต่างที่ถูกหินทุ่มใส่จนแตกกระจายแล้วก็มองหาคนที่ทำ พอได้จังหวะที่มันหันไป
ทางหน้าบ้านผมก็พุ่งออกไปเอาไม้เบสบอลฟาดตรงท้ายทอยมันอย่างเต็มเหนี่ยว
พลั๊วะ
"โอ๊ยยยยยยย . . . . . "
พลั๊ก
มันล้มลงสลบไปในทันที ผมรีบเข้าไปในบ้านของมันก็เห็นพวกมันอีกสองคนกำลังลงมาผมเลยรีบพุ่งเข้าใส่เอาไม้เบสบอล
ฟาดใส่ไอ้คนแรกจนล้มลงไปส่วนไอ้คนที่สองรีบพุ่งเข้าใส่ผมเลยสวนหมัดเข้าที่หน้ามันจนหงายหลังไป ไอ้คนแรกกำลัง
จะลุกขึ้นมาผมเลยเตะเข้าที่หน้ามันจนมันกลิ้งสลบไป
"พวกกูกำลังจะมีความสุขมึงเข้าเสือกทำไม ตายซะเถอมึง"
ผมหันกลับไปเห็นไอ้คนที่สองเอามีดพกออกมาพุ่งเข้าแทงใส่ ผมรีบหลบทันทีแต่คมมีดก็เฉียดแขนซ้ายไป ผมหมุนตัวหลบคมมีด
ที่มันตวัดเข้าใส่แล้วตวัดเอาไม้เบสบอลฟาดเข้าที่หัวมันจนมันเซไปแล้วก็ฟาเข้าใส่ท้ายทอยมันจนมันสลบไป
ผมรีบขึ้นไปชั้นบนเห็นห้องหนึ่งประตูเปิดอยู่แล้วมีเสียงออกมาจากห้องนั้น
"มึงอย่าดิ้นนักซิอีห่านี่ เดี๋ยวมึงก็ได้มีผัวสี่คนรวดซะหรอก"
"ปล่อยมิ้นนะ ไอ้เหี้ย ปล่อยมิ้น ไม่เอา ไม่ๆๆๆ"
เสียงน้องมิ้นแล้วก็เสียงไอ้แจ็ค ผมรีบไปที่ห้องนั้น พอเข้าไปเห็นไอ้แจ้คที่ตอนนี้เป็นชีเปลือยอยู่กำลังปล้ำน้องมิ้นที่ทั้งตัวเหลือแต่
กางเกงในและเสื้อใน ผมเห็นน้องพิงค์กับน้องติ๊กถูกมัดปิดปากไว้อยู่ข้างๆเตียงกำลังพยายามจะดิ้นให้หลุดจากที่ถูกมัด
"หยุดนะไอ้แจ็ค!!!!"
ผมพุ่งเข้าใส่ไอ้แจ็คที่หันมาตามเสียงที่ผมตะโกนเข้าใส่ ผมเอาไม้เบสบอลฟาดใส่มันด้วยความโกรธอย่างเต็มแรงจนมันหงายท้อง
ตกเตียงไป ผมรีบตามไปกระทืบมันซ้ำอีกสามสี่ทีจนมันสลบไป
"พี่เลิฟ พี่เลิฟมาช่วยมิ้นจริงๆด้วย ฮือๆๆๆๆๆ"
น้องมิ้นโผเข้ากอดหลังผมไว้ร้องให้สะอื้นฮักๆๆๆๆ ผมหันกลับไปโอบกอดน้องมิ้นไว้เพื่อปลอบใจ
"อี้เอิฟ แอ้อั๊ดใอ้เอาอ้วย"
ผมหันกลับไปตามเสียงเห็นสองสาวพยายามดิ้นอยู่ก็เลยรีบเข้าไปแก้มัด ทีนี้ละครับรอบตัวผมมีแต่สามสาวกอดไว้ร้องไห้ไป
ระงมไปหมดจนไม่รู้จะปลอบใครก่อนดี ผมปล่อยให้สามสาวยืนร้องให้กันซะให้พอครู่ใหญ่ๆผมก็ได้ยินเสียงไซเรนของ
รถตำรวจวิ่งมาจอดที่หน้าบ้านไอ้แจ็ค
"เอาละหยุดร้องไห้ก่อนเลยแล้วรีบลงไปก่อนดีกว่า"
ผมหาเสื้อผ้าน้องมิ้นแต่ถูกไอ้แจ็คมันตัดขาดหมดแล้วเลยรื้อตู้เสื้อผ้าไอ้แจ็คหาชุดให้น้องมิ้นใส่ชั่วคราว พอพวกเราลงไป
ตำรวจกับนักข่าวก็กรูกันเข้ามาพอดี
"น้องมิ้นค๊ะเกิดอะไรขึ้นค๊ะ. . . . "
"น้องมิ้นเป็นอะไรหรือเปล่าค๊ะ . . . ."
"เขาทำอะไรน้องมิ้นบ้างค๊ะ . . . ."
". . . . . ."
พวกนักข่าวมะรุมมะตุ้มถ่ายภาพและสัมภาษณ์น้องมิ้นกันใหญ่ผมและน้องพิงค์กับน้องติ๊กก็พยายามกันไว้จนผมทนไม่ไหว
"โว๊ยยยยยยยย!!!!!!! หยุดก่อนได้มั๊ย น้องเขากำลังเสียขวัญอยู่ อยากได้ข่าวนักไปดูข้างบนเลยนั่น"
ผมโวยออกมาเสียงดังมากจนทุกคนหยุดพูด น้องติ๊กกับน้องพิงค์ดูจะตกใจที่เห็นผมโวยเสียงดังขนาดนั้น แต่ผมเห็น
น้องมิ้นแอบยิ้มๆอยู่ ผมรีบพาสามสาวออกมาจากวงของนักข่าว แล้วพวกนักข่าวก็ตามตำรวจขึ้นไปข้างบน
"น้องมิ้นเป็นไรมั่งค๊ะ"
พี่สวยรีบเข้ามารับน้องมิ้นไปจากผม
"ผมเข้ามาช่วยไว้ทันพอดี"
"ขอบคุณคุณเลิฟมากนะค๊ะ เดี๋ยวสวยจะพาน้องๆไปส่งที่คอนโดก่อน. . .อุ๊ย ที่แขนคุณเลิฟเลือดออกนี่"
"อ๋อ คงโดนมีดของเพื่อนมันนะครับ แค่นี้เอง"
พี่สวยพาน้องมิ้น น้องพิงค์ น้องติ๊กขึ้นรถตู้ขับออกไป ส่วนผมก็ขึ้นรถขับกลับออกมาแวะที่คลีนิกให้ทำแผลแล้วก็โทรไปบอก
ที่สตูดิโอให้เลิกกองก่อนเพราะเกิดเรื่อง
เหตุการณ์วันนั้นไอ้แจ็คและพวกถูกจับทั้งหมด นอกจากข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวแล้วตำรวจยังค้นเจอยาเสพติดอีกตะหาก
ส่วนเรื่องข่าวผมให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจท่านหนึ่งช่วยเคลียร์กับสื่อให้ลงแค่ข่าวว่าเป็นางแบบแต่ไม่ให้ลงรูปของน้องมิ้น
น้องพิงค์และน้องติ๊ก หลังจากวันนั้นผมก็หยุดพักอยู่ที่บ้านลาดพร้าวปล่อยให้ลูกน้องจัดการงานแทน ผมหยุดพักมา
สองวันแล้ววันนี้ก็เข้าวันที่สาม เช้านี้รู้สึกเหงาๆยังไงบอกไม่ถูกเวลาไม่ได้เจอน้องมิ้น เฮ้อ!!! นี่ตกลงผมหลงรักเด็กคนนี้
เข้าแล้วซิ ผมลุกขึ้นมากินข้าวและกินยาแก้อักเสบประกอบกับรู้สึกมึนๆเหมือนเป็นหวัดก็เลยกินยาแก้หวัดเข้าไปแล้วก็
นอนหลับไป
ผมมารู้สึกตัวอีกทีรู้สึกมันสยิวๆยังไงชอบกลเหมือนมีใครกำลังลูบไล้ที่หน้าอกผม ผมพยายามลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
กับตัวผม
"น้องมิ้นเหรอ มาเมื่อไหร่นะ"
ผมงัวเงียถามน้องมิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆตัวผมเอามือลูบไล้บนหน้าอกผมอยู่
"มาได้ซักพักแล้วค่ะพี่เลิฟ"
ผมพยายามลุกขึ้นนั่งแต่ยังรู้สึกมึนหัวอยู่ แต่เอ๊ะทำไมเหมือนเนื้อตัวมันโล่งๆผิดปกติเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ผมเอามือ
ขึ้นมาลูบเนื้อตัวผมแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวจนต้องรีบลุกขึ้นนั่ง
"เฮ๊ย!!!! "
"อะไรค่ะพี่เลิฟ"
ผมรีบควานหาผ้าห่มเอามาห่มตัวผมไว้ แล้วเพ่งมองน้องมิ้นอีกที
"เฮ๊ยยยยยยยยยยย!!!!!!!"
"อะไรของพี่เลิฟน่ะ เอาแต่ร้องเฮ๊ยๆๆๆอยู่ได้"
จะไม่ให้ผมตกใจได้ไง ก็น้องมิ้นตอนนี้เปลือยทั้งตัวนั่งอยู่ข้างๆผมนี่นะซิ ผมงงไปหมดแล้ว นี่มันฝันหรืออะไรกัน
"นะ นะ น้อง น้องมิ้น ทำ ทำไม"
"อะไรกันพี่เลิฟสาวๆสวยๆอย่างน้องมิ้นมานั่งเปลือยอยู่ข้างๆนี่มันน่าตกใจมากหรือไง"
"ไม่ ไม่ใช่ แต่มันไม่ดีนะ เกิดใครมาเห็นเข้ามันจะไม่งามนะ"
"ใครจะมาเห็นนอกจากติ๊กกับพิงค์"
"หา!!!! . . . "
"ไม่หาแล้วพี่ สองสาวเขากำลังอาบน้ำอยู่ปล่อยให้มิ้นเล่นพี่ก่อนเลย"
ผมนิ่งอึ้งด้วยความงง แล้วน้องมิ้นก็จู่โจมผมโดยดึงผ้าห่มที่ผมคลุมตัวไว้ออกแล้วมานั่งคล่อมอยู่บนหน้าขาผมโดยหันหน้า
เข้าหาเอาหน้าอกอวบๆมาดันไว้ที่หน้าอกผม
"พี่เลิฟรู้หรือเปล่า มิ้นนะรักพี่เลิฟมานานแล้วนะ ตอนนี่มิ้นถูกจับไปนะมิ้นเชื่อว่าพี่เลิฟต้องมาช่วยมิ้นแน่ๆแล้วก็เป็นอย่างที่
มิ้นคิดไว้จริงๆด้วย"
"แล้วถ้าพี่ไปช่วยไม่ทันละ"
"มิ้นจะกัดลิ้นตัวเองฆ่าตัวตายนะซิ ชีวิตนี้มิ้นต้องเป็นของพี่เลิฟคนเดียวเท่านั้น"
"งั้นมิ้นก็รู้ไว้ด้วยว่าพี่เลิฟเองก็รักมิ้นเหมือนกัน รักมากๆรักมานานแล้ว . . ."
ผมไม่มีโอกาสได้พูดต่อเพราะน้องมิ้นก้มลงมาจูบปากกับผมด้วยความดูดดื่มและร้อนแรง ส่วนเอวก็ร่อนส่ายเอาเนินเนื้อที่หว่างขา
บดกับท่อนเอ็นที่ยังอ่อนตัวอยู่จนมันเริ่มแข็งตัวขึ้นมาแนบกับร่องเสียวบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมหว่างขาที่บดส่ายอยู่
ผมเอาสองมือขึ้นมาวางลงบนหน้าอกอันอวบอิ่มที่งสองแล้ววนมือบดคลึงไปมา
"พี่เลิฟเอาอะไรแข็งๆมาโดนหอยของมิ้นนะ"
"อยากรู้ก็ดูเอาซิ"
น้องมิ้นคล่อยๆคลานถอยลงไปพร้อมกับพรมจูบบนแผงอกไล่ลงไปถึงหน้าท้อง ผมมองตามลงไปเห็นท่อนเอ็นขนาดใหญ่
ของผมถูกรูดผ่านร่องอกอวบขึ้นมาจนมาตั้งโอยู่ตรงหน้าน้องมิ้น แล้วน้องมิ้นก็แลบลิ้นออกมาเลียท่อนเอ็นจากโคนขึ้นไป
ถึงปลายหัวหยักบาน
"ซี๊สสสสสสสส เบาๆหน่อย พี่เสียว"
"อะไรแค่นี้ก็เสียวแล้วเหรออออ"
น้องมิ้นเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ยั่วยวนอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วน้องมิ้นก็ก้มลงแลบลิ้นเลียหัวหยักบานไปรอบๆ
จนผมนั่งเกร็งแอ่นท่อนเอ็นเข้าใส่
"ยัยมิ้น! แอบกินก่อนพวกฉันเหรอ"
ผมสะดุ้งมองไปทางห้องน้ำเห็นน้องติ๊กกับน้องพิงค์ยืนเปลือยเท้าเอวมองมาที่น้องมิ้นอยู่
"ก็พวกเธอมัวอาบน้ำช้านี่ฉันก็ขอกินก่อนละ "
แล้วน้องมิ้นก็ก้มลงมาเลียหัวหยักบานต่อแล้วก็ห่อปากอมมันเข้าไป
"ซู๊ดดดดดดดด เสียวๆๆ น้องมิ้นพี่เลิฟเสียว"
น้องมิ้นเอาลิ้นบดเลียหัวหยักบานที่อยู่ในปากก่อนค่อยๆดูดกลืนเข้าไปแล้วรูดออก น้องมิ้นโยกหัวห่อปากรูดท่อนเอ็น
เข้าออกสลับช้าเร็วจนผมนั่งก้นไม่ติดที่นอนต้องแอ่นท่อนเอ็นเข้าใส่