close buttonclose buttonclose button
จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 7

จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 7

หนูอยากลองของ · 35727

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline หนูอยากลองของ

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • Super Master Hero
  • *******
    • Posts: 944
    • เสียว: 70
    • View Profile
แต่เขาไม่ยอมให้ดิฉันหลบเลี่ยง มือข้างหนึ่งของเขาโอบกอดไปที่ด้านหลังของดิฉันเหมือนจะกันไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ในขณะที่ริมฝีปากเขาก็ระดมจูบโลมไล้ไปทั่วใบหน้า สักพัก เขาก็ผลักดิฉันให้นอนหงายลงกับเตียง โดยขาทั้งสองข้างของดิฉันยังห้อยอยู่ที่ขอบเตียง เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น สายตาจ้องอยู่ที่หว่างขา หน้าของดิฉันร้อนวูบขณะที่เขารูดกางเกงในออกไปทางปลายเท้า ดิฉันรีบเอามือปิดเนินนูนไว้ทันที “อายหรือ หนูรุ้ง”เขาถาม ขณะที่พยายามแกะมือของดิฉันออก แต่ดิฉันไม่ยอม วิงวอนขอร้องเขาเสียงสั่น “ลุกขึ้นมาเถอะค่ะท่าน อย่าทำอย่างนี้เลย รุ้งขอร้อง รุ้งอาย” “ขอผมดูนิดเดียว น่า นะ คนสวยของผม” “อย่าเลยค่ะ ได้โปรด... สงสารรุ้งเถอะ รุ้งยอมท่านแล้ว แต่อย่าทำให้รุ้งต้องอับอายมากไปกว่านี้เลย ลุกขึ้นมาเถอะค่ะ” เขายอมลุกขึ้นมาตามที่ดิฉันขอร้องอย่างว่าง่าย ซึ่งก็ทำให้ดิฉันแปลกใจและรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ดิฉันรีบลุกขึ้นนั่งจัดแจงดึงกระโปรงปิดหน้าขาที่เปล่าเปลือยไว้ เขามองการกระทำของดิฉันอย่างขบขัน “เอาละ ผมเห็นใจหนู นี่คงเป็นครั้งแรกซินะที่หนูต้องทำอย่างนี้กับคนแปลกหน้า” ดิฉันพยักหน้า รู้สึกอายไม่กล้าสบตากับเขา “ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจความรู้สึกหนู และจะไม่พยายามทำอะไรที่ให้หนูต้องอับอาย แต่หนูก็ต้องปรนนิบัติผมให้ดีเป็นการแลกเปลี่ยน ตกลงมั๊ย”
ดิฉันพยักหน้า “เอาละ ถ้างั้นช่วยถอดเสื้อผ้าให้ผมหน่อย” ดิฉันยกมือเตรียมจะปลดกระดุมให้เขา แต่เขาร้องห้ามไว้ “อย่าเพิ่ง คุกเข่าลงแล้วถอดรองเท้าให้ผมก่อน” ดิฉันชะงัก “ทำไมล่ะ รังเกียจที่จะทำเหรอ” “ไม่ ..ไม่หรอกค่ะ รุ้งจะทำให้” ดิฉันพยายามกล้ำกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้ แล้วคุกเข่าลงถอดรองเท้าให้เขา แล้ววางมันไว้ที่ข้างเตียง แต่ขณะที่ดิฉันกำลังจะรูดถุงเท้าเขาออก เขาก็พูดขัดขึ้นมาอีก
“อย่าถอดแบบนั้น” “แล้วจะให้รุ้งทำยังไงล่ะคะ” “ใช้ปากซิ ผมอยากให้หนูใช้ปากถอดมันออกมา ผมชอบแบบนั้น” ดิฉันหน้าชาอุทานออกมาอย่างตกใจ “รุ้งทำไม่ได้” ดิฉันร้องไห้ “ทำไมต้องให้รุ้งทำแบบนี้” ดิฉันอุทธรณ์ด้วยเสียงสั่นเครือ แต่คราวนี้เขาเริ่มแสดงอาการหงุดหงิด “อย่างนี้ก็ไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่ได้ คราวนี้ผมไม่ยอมแล้ว ถ้าหนูไม่ทำอย่างที่ผมขอ ผมก็จะกลับไปทำแบบเดิมอย่างที่ผมอยากทำ ว่าไง
จะเอาอย่างนั้นมั๊ย” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจัง ซึ่งทำให้ดิฉันไม่กล้าขัดขืน เขายกเท้าขึ้นมาจนจ่ออยู่ตรงปากของดิฉัน กลิ่นอันรุนแรงของมันลอยเข้าจมูกจนดิฉันรู้สึกคลื่นเหียน “เอาเลย” เขาเร่ง ขณะที่ดิฉันก้มหน้าลงไปขบอยู่ที่ขอบถุงเท้า พยายามจะดึงมันออกให้เร็วที่สุด แต่เขาร้องห้าม “อย่ารีบ ทำ ช้าๆ อย่างนั้น ดีมาก..อิมมม หนูทำได้เยี่ยมเหลือเกิน” ดิฉันเงยหน้ามองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่แววตาของเขากลับแสดงความตื่นเต้นและสะใจ ที่เห็นดิฉันใช้ปากค่อยๆถอดถุงเท้าเค้าออกอย่างช้าๆ ในที่สุดมันก็หลุดออกไปข้างหนึ่ง อย่างไม่รอช้าเขายื่นอีกข้างขึ้นมาจ่อตรงหน้าของดิฉัน และในขณะที่ดิฉันกำลังใช้ปากรูดถุงเท้าข้างที่เหลืออยู่นั้นเอง เขาก็ใช้เท้าเปล่าเปลือยอีกข้างถูไถไปมาที่หน้าอกของดิฉัน ตาของเขาเป็นประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ดิฉันไม่กล้าขัดขืน ปล่อยให้เขาสนุกกับการใช้เท้าคลึงเคล้าไปมาที่หน้าอกของดิฉันจนหนำใจ เขาก็ลุกขึ้นจับดิฉันให้ลุกตามขึ้นมา “ถอดเสื้อผ้าออก แล้วไปนอนบนเตียง” เขาสั่ง พลางปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง เสร็จแล้วก็โถมตัวลงมา ดิฉันรีบดันตัวเขาไว้ “ท่านคะ” ดิฉันร้อง “คราวนี้อะไรอีกล่ะ หนูรุ้งนี่เรื่องมากจริง” “ปิดไฟก่อนได้มั๊ยคะ” “บ้าน่ะซิ” เขาสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย “เงียบได้แล้ว แล้วอย่าพูดอะไรให้เสียอารมณ์อีก” เขาดุ แล้วก้มหน้าลงมาที่ทรวงอก ดิฉันหลับตาพริ้มขณะที่เขาใช้ลิ้นลากไล้วนไปมาที่หัวนมข้างซ้าย มืออีกข้างก็ลูบคลำคลึงเคล้นทรวงอกข้างขวาอย่างนุ่มนวล เขาลากลิ้นตวัดไปมาแล้วก้มลงเม้มงับหัวนมของดิฉันดูดดื่มอย่างกระหาย สลับไปมา จากข้างซ้ายไปข้างขวา มือของเขาที่คลึงเคล้นทรวงอกเริ่มขยำขยี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปากก็ครางพึมพำเสียงกระเส่าตลอดเวลา ในขณะที่ดิฉันเองกลับเงียบกริบ จากนั้นมือของเขาก็เลื่อนลงไปที่ด้านล่าง ลูบไล้ไปมาบนหย่อมไหมที่ปกคลุมอยู่ทิ่เนินนูน นิ้วอันแข็งแรงแหย่เข้าไปในร่างของดิฉัน พร้อมกับเขี่ยไปมาตรงตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึกที่สุด เหมือนพยายามจะปลุกเร้าอารมณ์เต็มที่ เขาขยับนิ้วเขี่ยไปมาช้าๆจากนั้นก็เร่างสปีดขยับถี่แรงขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะ ดิฉันรู้สึกเพลีย หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม หรือไม่อีกทีก็เป็นความรู้สึกละอายใจที่มีต่อตั้ม ทำให้ดิฉันไม่เกิดอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็หยุดการกระทำนั้น ดิฉันปรือตามองขึ้นไป ก็เห็นเขาขยับตัว จ่อท่อนลำของเขาอยู่ที่เนินนูนของดิฉัน เพียงแค่เห็นก็ทำเอาดิฉันใจเต้นโครมคราม เส้นเลือดทอดระเกะระกะอยู่ทั่วลำทำให้มันมีสีม่วงก่ำ อวดตัวอย่างหยิ่งผยอง และชี้ตรงแหนวมาที่ดิฉัน แม้จะยังไม่แข็งขันเต็มที่แต่ก็ดูดุดันน่ากลัว เขายิ้มให้เมื่อเห็นดิฉันลืมตามอง “ผมเอาเข้าแล้วนะ” ดิฉันไม่ตอบแต่หลับตา ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้เรื่องน่าอดสูใจที่เกิดขึ้น ถึงแม้นี่จะเป็นสิ่งที่ดิฉันกระทำเพื่อตั้ม แต่มโนธรรมที่มีอยู่ก็ทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนนอกใจเขาอยู่ดี แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ดิฉันไม่ได้ขัดขืนการกระทำใดๆของเขาเลย เพราะไม่อยู่ในสถานะที่จะทำอย่างนั้นได้ ขนาดของมันดูไปก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าตั้มมากนัก แต่ไม่ทราบเพราะอะไร เพียงแค่ส่วนหัวของมันล่วงล้ำเข้ามาเท่านั้น ช่องทางของดิฉันก็แทบจะปริแตกเสียแล้ว เขาเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นผ่านความฝืดคับเข้ามาอย่างช้าๆ ในที่สุดมันก็สอดแทรกเข้ามาจนหมดลำ ดิฉันแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะการที่ดิฉันไม่ได้เกิดอารมณ์ร่วม มันส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายดิฉันอย่างสาหัส ร่องหลืบของดิฉันแห้งผาก ซึ่งมันทำให้รู้สึกแสบร้อนที่เนื้อนวลเมื่อเขาเริ่มขยับขโยกอย่างช้าๆ ดิฉันดิ้นทุรนทุรายขณะที่มือของดิฉันขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่น พยายามแยกปลายเท้าทั้งสองข้างให้ถ่างออกจากันไปให้มากที่สุด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการทำให้เขาย่ามใจ กระแทกกระทั้นรุนแรงมากขึ้น ดิฉันหัวสั่นหัวคลอน
หน้าตาคงจะบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ ซึ่งทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าดิฉันมีอารมณ์ จึงพูดอย่างร่าเริง “อูยยยย ... เป็นยังไงหนูรุ้ง เสียวมากเลยใช่มั้ย” เปล่าเลย! มันมีแต่ความเจ็บปวดที่ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาทำอยู่สักพักก็ล้มตัวลงนอนหงาย แล้วพลิกดิฉันกลับให้นั่งอยู่บนตัวเขา “ทำให้ผมมั่งสิหนู” เขาสั่งซึ่งดิฉันก็ยอมทำตามโดยไม่ขัดขืน แต่อาจจะเป็นเพราะดิฉันยังรู้สึก เพลียจากการที่เพิ่งต่อสู้กับความโหดร้ายในคุก ทำให้ดิฉันหมดเรี่ยวแรงอย่างรวดเร็ว “ท่านคะ รุ้งเหนื่อย รุ้งทำไม่ไหวแล้วค่ะ” ดิฉันบอกเขาอย่างละอายใจ เขาไม่ว่าอะไร จับดิฉันพลิกกลับลงมา แล้วกระแทกกระทั้นดิฉันอีกครั้ง ปากก็ร้องครวญคราง
“อูยยยย .... เยี่ยม เยี่ยมชะมัด ของหนูรุ้ง นี่ที่สุดแห่งความฟิตเลย” มือของเขาขยำหน้าอกทั้งสองข้างของดิฉันอย่างรุนแรง ราวกับจะขยี้ให้แหลกเละคามือ ดิฉันเจ็บระบมไปหมด ในที่สุดช่วงเวลาแห่งวามทรมานอันแสนยาวนานก็จบสิ้น ดิฉันรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่พุ่งเข้ามาในร่างอย่างรุนแรง มันเจิ่งนองไปทั่วร่องหลืบของดิฉัน และมากมายจนกระทั่งเอ่อล้นลงไปตามลำขาของดิฉัน เขาฟุบลงบนร่างของดิฉันอย่างคนที่หมดสิ้นเรี่ยวแรง.... ...... ท่านวิชัยกลับไปแล้ว แม้จะผ่านเหตุการณ์เดียวกันมา แต่ความรู้สึกของเราทั้งคู่แตกต่างกันลิบลับ เขาจากไปด้วยความรู้สึก ชุ่มชื้น... ฮึกเหิม... และกระปรี้กระเปร่า เยี่ยงแม่ทัพผู้พิชิตศึกจนราบคาบ แต่ความรู้สึกของดิฉันนั้น หมองหม่น... รวดร้าว... อ่อนระโหย... และพ่ายแพ้ … ดิฉันก็เข้าห้องน้ำ โดยใช้เวลานานมากที่สุดในชีวิตในการชำระล้างร่างกาย แต่มันก็เป็นเพียงการล้างสิ่งสกปรกออกทางกายเท่านั้น ความหมองมัวที่เกิดขึ้นในใจนั้นยากจะชำระให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ดิฉันรู้สึกเศร้า เสียใจในตัวเอง และเสียใจแทนตั้ม.. ดิฉันหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายจนแห้ง แล้วจึงพันตัวไว้ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพัศดีนั่งอยู่ที่โซฟา “มานั่งตรงนี้ก่อน” เขาชี้ไปที่เตียง โดยไม่ยอมให้ดิฉันได้เปลี่ยนเสื้อ ดิฉันทำตามที่เขาสั่งอย่างเชื่องเชื่อ “คุณยังทำได้ไม่ดีนัก” เขาตำหนิ แต่ดิฉันก้มหน้านิ่งเงียบ “แต่ผมจะยกโทษให้คุณ เพราะเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกของคุณ คราวต่อไปคุณจะต้องทำให้ดีกว่านี้ คุณจะต้องสนองตอบ ไม่ใช่นอนทื่อเป็นท่อนไม้ ” น้ำตาดิฉันไหลพรากด้วยความเศร้าเสียใจ แต่ไม่ตอบโต้อะไรเขาทั้งสิ้น ดิฉันเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำสงครามอีกครั้ง เพราะไม่ว่ามันจะเริ่มต้นยังไง สุดท้ายมันก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของดิฉันอยู่ดี ความอ่อนแอของดิฉันคงจะทำให้เขาเห็นใจอยู่บ้าง เขาจึงลุกขึ้นยืนเดินมานั่งที่ข้างกายดิฉัน แล้วช่วยเช็ดน้ำตาให้ พลางถอนหายใจกล่าว “อย่าร้องไห้เลยรุ้ง ...ผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว คุณมีเวลาพักสองวัน มีลูกค้าผมอีกคนคอยอยู่ เขาเป็นเพื่อนกับเจ้านายผม เป็นพ่อค้า แต่ผมรู้ว่าคุณคงไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรในตอนนี้ ดังนั้นผมจะไม่พูดอะไรมากอีก นอนซะแล้วผมจะมาคุยกับคุณพรุ่งนี้” เขาลูบคลำผมของดิฉันอย่างปลอบโยนอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกเดินออกไป ........ วันที่สิบ พัศดีเดินเข้ามาที่ห้อง ในขณะที่ดิฉันกำลังหวีผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ดิฉันหันมามองก็เห็นว่ามือเขาถือถุงใบใหญ่เข้ามาด้วย เขาเดินมาที่ข้างกายของดิฉัน ส่งถุงมาให้ ดิฉันรับเอาไว้ขณะที่เขาหยิบหวีออกจากมือ แล้วช่วยหวีผมให้อย่างนุ่มนวล “ลูกค้าคนนี้ต้องการให้คุณใส่ชุดนี้ ผมเห็นแล้ว มันสวยมากทีเดียว เปิดออกดูซิรุ้ง” ดิฉันถอนหายใจ หยิบชุดนั้นออกมาจากถุง มันเป็นชุดสีเงินวาววับที่ถูกพับไว้ เมื่อดิฉันคลี่มันออกมาก็ตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาหันไปหาเขา “ท่านคะ ดิฉันไม่ทำได้ไหม” ดิฉันวิงวอน รู้สึกได้เลยว่าเสียงของตัวเองนั้นสั่นระริก และแหบแห้ง “ทำไมล่ะ” เขาถามอย่างแปลกใจ คิ้วของเขาขมวดเหมือนจะรู้สึกหงุดหงิด ใจดิฉันล่องลอยย้อนหลังไปสองปีก่อนหน้านี้ ... ........ ตอนนั้นดิฉันเพิ่งเข้าวงการไม่นาน มีงานถ่ายแบบลงนิตยสารนิดหน่อย งานส่วนใหญ่ของดิฉันจะเป็นพริตตี้แนะนำสินค้าตามงานต่างๆ วันนั้นดิฉันได้รับการติดต่อจากเสี่ยเฮง ซึ่งเขากำลังทำโปรดัคท์เกี่ยวกับสินค้าไอทีอย่างหนึ่ง งานจะเริ่มเปิดช่วงเย็น แต่ดิฉันไปที่บริษัทของเขาแต่เช้า เพื่อซักซ้อมเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนออกงาน เสี่ยเฮงให้คนเรียกดิฉันเข้าไปพบเพื่อขอคุยรายละเอียด เราอยู่ด้วยกันในห้องเพียงสองคน เขาก็หยิบชุดพริตตี้ออกมาบอกว่าต้องการให้ดิฉันใส่ชุดนี้พรีเซนต์สินค้า
ดิฉันหยิบชุดขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจสุดขีด มันเป็นชุดสีเงินวาววับ ดูล้ำสมัยเข้ากับสินค้าที่ดูไฮเทค แต่มันไม่ใช่ชุดที่เราตกลงกันไว้! ชุดนั้นมันโป๊มากๆ คอเสื้อนั้นยาวปิดจนถึงลำคอก็จริง แต่ตรงช่วงอกนั้นถูกคว้านเป็นช่องใหญ่และลึกมาก ซึ่งถ้าใส่จริงๆแล้วมันจะเผยให้เห็นช่วงร่องอก และบริเวณทรวงอกได้ถึงครึ่งค่อนเต้า ดิฉันคิดว่าถ้าขยับตัวในบางมุมมันอาจมองไปได้ลึกถึงหัวนมเลยด้วยซ้ำ บริเวณช่วงเอวก็คว้านไปด้านหลังและลึกต่ำลงไปจนเกือบเห็นแก้มก้น ส่วนชายกระโปรงก็สั่นเต่อ ดิฉันยังเป็นเด็กอยู่มากในตอนนั้น แล้วอารมณ์ส่วนตัวของดิฉันก็ค่อนข้างรุนแรงอยู่แล้วด้วย ดิฉันโกรธจนตัวสั่นเพราะรู้สึกเหมือนถูกหลอก และถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง เสี่ยเฮงคงจะมองว่าดิฉันเป็นเด็กที่เข้าวงการใหม่ๆ จึงคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมได้อย่างง่ายๆ แต่เขาคิดผิด ดิฉันขว้างชุดใส่หน้าเขา แล้วออกมาทันที โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาทำแทนหรือไม่ ดิฉันมารู้ทีหลังว่านั่นเป็นการสร้างความเสียหายให้เขาอย่างรุนแรง จริงอยู่ว่างานนั้นมีพริตตี้ยู่หลายคน แต่ว่าแต่ละคนนั้นถูกแบ่งให้รับผิดชอบสินค้าแต่ละอย่างที่แตกต่างกันไป ดิฉันซึ่งเป็นเด็กที่สุดในกลุ่มนั้น แต่ได้รับแบ่งงานในส่วนของสินค้าที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ แถมยังเป็นสินค้าที่เป็นไฮไลท์ของงานอีกด้วย ชุดที่พรีเซนท์จึงค่อนข้างหวือหวาและดึงดูดกว่าของพรีเซ็นเตอร์คนอื่น ดิฉันเคยได้เห็นชุดนั้นก่อนแล้วก็จริง แต่เป็นจากรูปสเก็ทในกระดาษ ซึ่งมันผิดจากของจริงที่เห็นอย่างสิ้นเชิง เมื่อดิฉันถอนตัวออกจากงานอย่างกระทันหัน ทำให้เสี่ยเฮงต้องให้พี่พริตตี้อีกคนมาช่วยรับงานส่วนของดิฉันไปทำแทน ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดทำให้เธอไม่มีเวลาเตรียมตัว ทำให้ต้องพรีเซนท์ในลักษณะที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการอ่านโบรชัวร์ให้คนที่มาชมงานฟัง ซึ่งนั่นเป็นการทำให้เสี่ยเฮงเสียหน้าอย่างรุนแรง และเขาอาฆาตดิฉันมาก คอยใส่ร้ายดิฉันกับเพื่อนๆของเขาไม่ให้จ้างดิฉันไปรับงาน เรียกได้ว่ากะจะเอาดิฉันออกจากวงการเลยด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่เพื่อนๆที่เป็นพริตตี้ด้วยกันเห็นใจและคอยช่วยเหลือ แนะนำงานมาให้ตลอดเวลา ชื่อเสียงของดิฉันโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้เขา ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้เลิกตามราวีดิฉัน และดิฉันก็ไม่เคยสนใจที่จะตามข่าวของเขาอีกเลย
........ ดิฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้พัสดีฟัง แต่สีหน้าของเขาเรียบเฉย จนดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไร เมื่อดิฉันเล่าจบ เขาก็เพียงแต่ถอนหายใจ “ผมเข้าใจคุณนะรุ้ง แต่ผมก็อยากจะให้คุณเข้าใจว่า ผมก็มีอำนาจที่จำกัดเหมือนกัน” เขาชะงักเมื่อเห็นดิฉันหน้าสลด แต่ก็พูดต่อ “เจ้านายผมรับปากเสี่ยเฮงว่า เขาจะต้องได้คุณเป็นคนที่สอง แล้วท่านก็สั่งผมมา ผมปฏิเสธท่านไม่ได้ รุ้งต้องเข้าใจผมด้วยนะ” “ทำใจนะรุ้ง”เขาพูดต่อ พยายามจะปลอบโยนดิฉัน “มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น อย่างมากก็คงไม่เกินสองสามชั่วโมง ผมกำชับกับเขาแล้วว่าห้ามมีการทำร้ายร่างกายกัน ไม่ต้องกลัวนะรุ้ง ผมจะเฝ้าดูอยู่ถ้าเขาทำรุนแรงผมจะเข้ามาช่วยทันที” “.ท่านคะ” ดิฉันพยายามจะวิงวอน แต่เขาตัดบท “ไม่ต้องพูดแล้วรุ้ง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น ผมช่วยไม่ได้จริงๆ แต่งตัวซะ อีกไม่นานเขาจะมาแล้ว”



Offline crusaderxx

  • Sr. Member
  • ****
    • Posts: 194
    • เสียว: 1
    • View Profile
 (003;............แหล่มเลย........... (003;



Offline ninja9_99

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 795
    • เสียว: 2
    • View Profile

Offline Taochinun

  • Jr. Member
  • **
    • Posts: 39
    • เสียว: 0
    • View Profile

Offline thep59

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 1217
    • เสียว: 11
    • View Profile
ขอบคุณครับ