เลิฟซี บทที่ 9 เธอไม่มีสิทธิเลือก!
“นางฟ้า” ผมเรียกเธอเบาๆ
มือคู่นั้นปล่อยออกจากใบหน้าของผม แล้วร่างของเธอก็เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า.. ขวางเอาไว้ไม่ให้เห็นแคทกับกิ๊ฟท์
“เรียกฉันว่า ฟ้าก็พอ”
“ฟ้า” ผมเรียกตามที่เธอบอก
“ดี...ตอนนี้ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?”
นางฟ้าไม่ตอบคำถามผม... แต่ถามผมกลับ
“เธอคงไม่คิดจะแอบดูพวกเค้าไปทั้งคืนหรอกนะ”
“ไม่หรอก” ผมตอบหน้าแดง
“ถ้างั้นเราก็ไปกันได้แล้ว”
นางฟ้าพาผมเดินไปตามข้างถนนอีกครั้ง ตอนนี้มันดึกมาก เกือบจะตีสองแล้ว บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงสายลมที่พัดเรือนผมของเธอปลิวไสว แม้รอบข้างจะเงียบเหงา แต่ผมรู้สึกอุ่นใจที่ได้เดินเคียงข้างนางฟ้าอีกครั้ง เธอเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่พูดคุยกับผมได้
“จะพาผมไปหาร่างใหม่หรือ”
“ใช่”
“ผู้หญิงรวย สวย เก่งที่ฟ้าบอกใช่มั้ย”
“ไม่ใช่! บุ้งพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตนานเกินไป บรรดาญาติรู้กันหมดว่าเธอตาย ถ้าบุ้งไปเข้าร่างของเธอ พวกนั้นจะต้องสงสัย”
“ถ้างั้นมีคนอื่นเสียชีวิตอีกหรือ?”
“ถูกต้อง!จะมีคนเสียชีวิตตอนสิบโมงสี่สิบแปดนาที เธอจะต้องไปรอเข้าร่างของเค้าก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเค้าเสียชีวิต เพื่อไม่ให้มีคนสงสัย”
“สิบโมงสี่สิบแปด! ตอนนี้ยังไม่ตีสองเลย แล้วเราจะไปไหนกัน”
“ตามมาเถอะ”
นางฟ้าพาผมมาที่สวนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผมนั่งบนม้านั่ง ส่วนเธอยืนอยู่ริมแม่น้ำ กรุงเทพไม่เคยหลับใหลจริงๆ ผมเห็นแสงไฟหลากสีส่องสว่างอยู่ในฝั่งตรงข้ามราวกับสีลูกกวาด และผืนน้ำก็สะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ ผมมองด้านหลังของนางฟ้า ชุดของเธอบางเบาจนมองทะลุผ่านไปเห็นเส้นเว้าเส้นโค้งที่งดงามได้สัดส่วนอยู่ รำไร ลมพัดชุดบางๆของเธอปลิวสะบัดดูงดงามเกินกว่าที่จะหาคำบรรยายใดๆได้ ผมเหม่อมองดูเธออย่างเพลิดเพลิน แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมจะต้องทำเพื่อให้พ้นสภาพเลิฟซีหัวใจของผมก็หนักอึ้ง
“ฟ้า.. ฟ้าเชื่อจริง หรือว่าผมจะทำให้แคทจูบผมด้วยความรักที่แท้จริงได้ บอกตามตรงว่าผมยังไม่มั่นใจตัวเองเลย”
เธอหันกลับมาจ้องผม ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับเหมือนกับแสงกระพริบของดวงดาว
“เชื่อสิ ทำไมฉันจะไม่เชื่อ ถ้าฉันไม่เชื่อในตัวเธอ ฉันจะอาสาลงมาเป็นพี่เลี้ยงเธอทำไม”
“ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงมั่นใจฉันขนาดนั้น”
นางฟ้าเดินมานั่งข้างๆผม
“ทำไมน่ะหรือ?”
นางฟ้าทวนคำถามของผมเบาๆ เธอมองหน้าผมด้วยแววตาที่ประหลาด และผมต้องหลบตาเธออย่างลืมตัว
“ถ้ามีใครสักคนยอมเสียสละกระทั่งเสียชีวิตเพื่อฉัน แล้วทำไมฉันจะไม่รักเค้าล่ะ คิดดูว่าในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ยอมตายเพื่อคนอื่นได้ จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่จะมีคนรักที่เสียสละปานนั้น”
คำพูดของเธอทำให้หัวใจของผมพองโต ผมหันไปจ้องหน้าเธอ
“ถ้างั้นฟ้าก็ยอมรับล่ะซิ ว่าผมทำถูกต้อง ฟ้ายอมรับว่าความรักของผมเป็นรักที่แท้จริง ไม่ใช่รักโง่ๆ ไม่ใช่รักขั้นต่ำสุดแบบที่ฟ้าว่าผมตอนแรก”
คราวนี้เป็นเธอที่หลบตาผม
“อย่าเข้าใจผิด ฉันยอมรับว่าความรักของเธอยิ่งใหญ่ แต่ไม่เกี่ยวกับการกระทำ เพราะยังไงฉันก็มองว่าสิ่งที่เธอทำมันเป็นการทำแบบโง่ๆอยู่ดี”
“เธอกำลังพูดขัดกันเองนะฟ้า”
“เราอย่าเถียงกันเรื่องนี้เลย เธอถูกตัดสินแล้วว่าเป็นพวกเลิฟซี นั่นคือความจริง ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม”
เรานิ่งเงียบกันไปชั่วครู่…
แล้วผมก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“คนที่ผมจะไปใช้ร่างเป็นใคร”
“เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตอนนี้ หล่อ รวย มีเสน่ห์ เหมาะกับงานของเรามาก”
“ผู้ชายหรือ” ผมอุทานอย่างตกใจ “ผม...ผม ไปอยู่ในร่างผู้ชายไม่ได้”
“ทำไม?”
“ก็ผมไม่ใช่ผู้ชายจริงๆนี่ ผมจะไปอยู่ในร่างผู้ชายได้ยังไง แล้วผมก็..ผมไม่รู้เกี่ยวกับผู้ชายเลย ผมจะพูดยังไงดี แต่ผมไปอยู่ไม่ได้ ผมต้องโดนจับได้แน่ๆ”
“เธอไม่มีทางเลือกแล้วบุ้ง เธอต้องไปอยู่ร่างเขา เธอทำได้น่า... มันไม่ยากหรอก ฉันจะช่วย”
“ไม่มีคนอื่นเลยหรือ เรารออีกหน่อยดีกว่า”
“ไม่ได้! เราไม่มีเวลาพอ มีผู้หญิงตายหลายคนก็จริง แต่บางคนอยู่ไกลเกินไป บางคนแก่เกินไป บางคนตายโดยที่สภาพศพไม่สมบูรณ์ เราใช้ร่างคนเหล่านี้ไม่ได้ ผู้ชายคนนี้คือคนๆเดียวที่เราจะมีโอกาสทำสำเร็จมากที่สุด”
“แต่...”
“ไม่ต้องพูดแล้วบุ้ง เธอเคยมีโอกาสที่จะเลือกแต่เธอทำลายโอกาสนั้นเอง ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิเลือก และเธอก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
ผมไม่กล้าเถียงกับเธอ เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้อง ผมทำลายโอกาสเลือกของผมเอง
นางฟ้ากุมมือของผมไว้ พูดเสียงนุ่มนวล
“อย่ากลัวเลยบุ้ง เธอมีฉันอยู่เคียงข้างเสมอ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเดือดร้อน จำได้ไม๊ ที่ฉันบอกว่าจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเธอ ฉันสัญญากับเธอแล้วไง”
ผมเกือบจะร้องไห้ออกมา ผมกำลังหมดความมั่นใจ แต่คำพูดของเธอช่วยดึงผมขึ้นมาจากความรู้สึกนั้น ผมเคยไล่เธอ เคยตะคอกเธอ แต่ในยามที่ผมเดือดร้อน เธอกลับยืนเคียงข้างผม ไม่ถือสากับความหยาบคายที่ผมทำกับเธอแม้แต่น้อย ผมตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก และก็ละอายใจเหลือเกิน
“จะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอนอนหนุนตักเธอซักหน่อย ฉันเหนื่อยเหลือเกิน” นางฟ้าพูด
“ได้ซิ” ผมตอบนุ่มนวล
เธอเอนกายหนุนตักของผม กลิ่นของเธอหอมกรุ่นจรุงใจ ผมก้มลงมองเธอ นางฟ้าหลับตาพริ้ม ในตอนนี้เธอเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น… ไม่เหมือนคนที่จะรับผิดชอบอนาคตของผมเลย
“ฟ้า” ผมกระซิบ
“หือ..”
“ถ้าฟ้าเป็นมนุษย์ ฟ้าจะรักผมใช่ไหม”
เธอเงียบไปชั่วครู่ เหมือนกับจะครุ่นคิด แล้วก็ตอบมาเบาๆ
“ใช่”
“แต่ฟ้าไม่ใช่มนุษย์”
“ฉันไม่ใช่” เธอรับคำ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“นางฟ้ามีความรักได้หรือเปล่า?”
“มี... แต่ไม่ใช่ความรักแบบชายหญิง”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ความรักแบบนั้นเกิดขึ้นกับมนุษย์โลกเท่านั้น พวกเราอยู่พ้นจากความรู้สึกแบบนี้”
“อ้อ” ผมรับคำเบาๆ
ผมไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เธอก็เช่นกัน เราอยู่กันอย่างเงียบๆ รอเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น เพื่อที่จะได้เริ่มงานสำคัญที่ผูกพันเราไว้ด้วยกัน...
เลิฟซี บทที่ 10 - นางฟ้า ฉันจะฆ่าเธอ!
10:40 นางฟ้าพาผมมาถึงตึกสูงลิบแห่งหนึ่ง เธอพาผมเดินเข้าไปข้างใน ผมกวาดตามองรอบข้างอย่างตื่นๆ อาคารหลังนี้หรูหราจริงๆ พื้นและผนังเป็นแกรนิตหรูหราสง่างาม การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ ดูแล้วต้องเป็นของมีระดับทั้งสิ้น
“ตึกหลังนี้เป็นของเธอแล้ว”
“ของผม?” ผมพูดอย่างงงๆ
“ใช่เธอเป็นเจ้าของทั้งหมด ขึ้นไปที่ห้องของเธอกันเถอะ”
นางฟ้าพาผมขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นบนสุด พอออกจารลิฟท์ก็เห็นห้องโถงกว้าง
“ชั้นนี้เป็นที่ทำงานของเธอทั้งชั้น”
“โห” ผมอุทาน ใจเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
เธอพาผมเข้าไปในห้อง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนเปิดแฟ้มเอกสารอยู่ที่ตู้ติดกับผนัง ถึงไม่เห็นหน้าเธอแต่ดูจากรูปร่างแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีคนหนึ่ง
“เลขาของเธอ”
นางฟ้าแนะนำ แล้วเดินต่อเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในอีกที ห้องนี้ใหญ่โตกว้างขวางหรูหรามากที่สุด ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกสูงตั้งแต่พื้นไปจรดผนังเห็นวิวของกรุงเทพเต็มที่ ชายคนหนึ่งฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมไม่เห็นหน้าเขา แต่สังเกตเห็นมือของเขาขาวสะอาดนิ้วเรียวงามไม่ผิดกับมือผู้หญิง นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยต้องทำงานหนักมาก่อน
“นี่แหละร่างใหม่ของเธอ เข้าไปสิงเลย”
“ผม... ผมทำไม่ได้หรอกฟ้า” ผมพูดอย่างกลัวๆ “ผมต้องโดนจับได้แน่ๆ”
“ไม่มีเวลาพูดแล้ว เข้าไปสิงเดี๋ยวนี้”
เธอสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดบอกให้รู้ว่าไม่มีการต่อรอง ผมจำใจนั่งลงไปทาบกับร่างเขา แต่มันก็แค่ซ้อนกันเหมือนเดิม...
“ไม่ใช่อย่างนั้น” นางฟ้าพูดขำๆ “ลุกขึ้นมาก่อน”
เธอดึงผมลุกขึ้นมา
“ต้องทำยังไงล่ะ” ผมถาม
“บอกว่า ฉันจะสิงนาย แล้วก็โดดลงใส่ร่างเขาเลย”
“แค่นี้เองหรอ”
“แค่นี้แหละ”
“ฉันจะสิงนาย” ผมตะโกนแล้วโดดผลุงลงไป
ทันใด ผมก็รู้สึกเหมือนร่างหลุดกระจายเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง หน้ามืด หูอื้อ ร้อนวูบวาบ แล้วค่อยๆรู้สึกว่าตัวหนักขึ้น ไม่เบาโหวงเหมือนเมื่อครู่ สติค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้ง
ผมค่อยๆ ยันตัวออกจากโต๊ะ เอนหลังพิงเก้าอี้ที่แสนจะนุ่มสบายตัวนั้น สะบัดหน้าไล่ความมึนงงออกไป
“สำเร็จ” นางฟ้าตะโกน
ผมลูบคลำใบหน้าตัวเอง ลูบคลำหน้าอก แบนเรียบเลย
“ไม่มีแล้ว” ผมอุทาน
มือของผมลูบคลำต่อไป
ถึงตำแหน่งล่าง...ตรงนั้นแหละ!
“มีแล้ว!” ผมตะโกนหน้าร้อนวูบ
นางฟ้าหัวเราะคิก
“เธอทำงานไปนะ ฉันมีธุระ เดี๋ยวค่อยเจอกัน”
“เดี๋ยวซิ” ผมตะโกน
ไม่ทันแล้ว นางฟ้าหายตัวไปตามเคย
“บ้าจัง” ปล่อยผมอยู่คนเดียวได้ยังไง
ไม่ทันที่ผมจะทำอะไร ประตูห้องก็เปิดออก เลขาผมคนนั้นนั่นเอง
โอ้โฮ สวยย ย ย
(พี่สาวค๊าบบบ ผมขอสมัครเป็นแฟน)
อ้า...ผมคิดในใจเฉยๆอ่ะคับ ใครจะกล้าพูดล่ะ
“คุณจักรคะ บีเอาเอกสารมาให้เซ็น”
พี่สาวคนสวยพูด แล้วส่งเอกสารปึกหนึ่งมาให้ ผมรับมา แต่หัวใจแทบกระเด็นออกมาจากอก
“มากขนาดนี้เชียวหรือ”
เธอทำหน้างงๆ
“ก็เท่ากับทุกวันนี่คะ”
“เอ้อ ผมขอตรวจดูก่อนนะ คุณออกไปก่อน”
“เอ๋?”
“ทำไมเหรอ?”
“เอกสารปกตินี่คะ ทุกทีก็เซ็นให้บีเลยไม่ใช่เหรอ?”
“แต่วันนี้ผมอยากดูนี่ เดี๋ยวคุณค่อยมาเอานะ”
“ค่ะ”
เธอรับคำ มองผมอย่างแปลกใจแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมใจเต้นแรง
“ตายห่าแล้วเราจะเซ็นได้ไง หมอนี่เซ็นยังไงก็ไม่รู้ ปลอมลายเซ็นเค้าแล้วเราจะติดคุกหรือเปล่า ไม่น่า... ก็เราอยู่ในร่างเขาแล้วนี่นา ปลอมลายเซ็นตัวเองจะติดคุกได้ไง”
ผมเปิดลิ้นชัก รื้อดูเอกสารเก่าๆ นั่นไงเจอแล้ว จักรยุทธ ชื่อของเขา...ลายเซ็นของเขา
ผมหยิบกระดาษเปล่าออกมา เอาปากกามาหัดเซ็นเลียนแบบลายเซ็นนั้น (ทำไมต้องเซ็นยาวๆแบบนี้ด้วยวะ) ผมบ่นในใจ เหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่ห้องเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นเจี๊ยบ ผมหัดเซ็นไปเรื่อย จนเกือบเต็มหน้า อ้า...ชักจะเข้าเค้า..
ทันใดประตูก็เปิดออก ผมรีบคว่ำกระดาษ พี่สาวคนสวยนั่นเองที่ชะโงกหน้าเข้ามา
“เสร็จหรือยังคะ”
“อีกสิบนาทีคุณค่อยเข้ามาเอานะ”
“ค่ะ”
เธอรับคำแล้วปิดประตูเบาๆ
ผมซ้อมเซ็นอีกสองสามที แล้วหยิบเอกสารปึกนั้นขึ้นมาดู
“โอ้ แม่จ้าว”
ผมเกิดอาการหน้ามืดตาลายขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ภาษาอังกฤษล้วนๆ ทุกแผ่นไม่มีภาษาไทยเจือปน อูยย แล้วภาษาอังกฤษของตูก็โคตรจะอ่อนแอเลย ผมเปิดดู เปิดดูไปทีละแผ่น ไม่มีภาษาไทยเลย อ่านไม่ออกซักประโยค รู้จักบางตัวบ้างหละ แต่เอามาเรียงกันยาวเฟื้อยแบบนี้หมดความสามารถที่จะแปล... ทำไงดีล่ะ
เอาวะ เซ็นก็เซ็น เอาเอกสารอะไรมาให้ตู ตูเซ็นดะ! เชื่อใจพี่สาวคนสวยอยู่แล้ว
ผมเซ็นรวดเดียวเสร็จในพริบตา แล้วก็เอนหลังพิงพนัก มองผลงานชิ้นแรกในร่างใหม่อย่างภูมิใจ
“ไม่ยากนี่หว่า ทำเองก็ทำได้ เก่งจริงๆเรา” ผมชมเชยตัวเอง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วประตูก็เปิดออกอีกครั้ง
“เสร็จหรือยังคะ”
“เสร็จแล้วครับ คุณเข้ามาเอาได้”
เธอเดินมารับเอกสาร
“ขอกาแฟให้ผมซักถ้วยนะ” ผมลองสั่งดู
“ค่ะ คุณจักร” เธอรับคำเสียงหวาน แล้วเดินออกไป
ผมเลื่อนเก้าอี้ออก เอาเท้าขึ้นมาพาดบนโต๊ะ เต๊ะจุ๊ย สบายใจ
แล้วผมก็ลูบคลำใบหน้าตัวเอง เรียบลื่นดี แต่มีร่องรอยหนวดเคราแข็งๆเล็กๆจาการโกนหนวด ไม่เหมือนกับใบหน้าเดิมของผมที่เรียบลื่นไปหมด
ชักอยากรู้แล้วว่าหน้าตาของตัวเองเป็นไง
นางฟ้าบอกว่าเขาหล่อนี่
ผมลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูออกดูใบหน้าตัวเองในกระจก
“โอ้โห วิลลี่”
จริงๆนะ หมอนี่หล่อจริงๆ เหมือนวิลลี่ยังไงยังงั้น โหอย่างนี้สาวๆหลงกันตรึม โอกาสจีบแคทมีสูงเลยหละ ชักจะมั่นใจตัวเองแล้วโว๊ย
ผมออกจาห้องน้ำ เลขาเอากาแฟมาให้พอดี
“กาแฟค่ะ คุณจักร”
ผมรับ แอบแตะมือสวยๆนุ่มๆของพี่สาวด้วย
“โห ไม่ใส่น้ำตาลเลยหรือ”
“อ้าว ทุกที่ก็ไม่ใส่นี่คะ”
“นั่นซินะ” ผมรับคำหน้าเจื่อน ค่อยๆจิบลงไป ขมปี๋ ตามที่คาด
เธอกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้หันมาบอก
“ภรรยาคุณจักรบอกว่าเดี๋ยวตอนเที่ยงจะมารับไปทานข้าวค่ะ”
ผมสำลักกาแฟพรวด
“อะไรนะ ผมมีเมียแล้วเหรอ?”
เลขาทำหน้าแปลกๆ
“คุณจักรล้อเล่นบีเล่นหรือคะ?”
ผมกัดฟันกรอดๆ นางฟ้านะนางฟ้า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คราวนี้ผมต้องเสร็จแน่ๆ
“ใช่ ๆ ผมล้อเล่น คุณบีออกไปทำงานต่อเถอะ” ผมพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พอเธอเดินออกไป ผมก็ลุกขึ้นเดินวนไปวนมาอย่างร้อนใจ
“ตอนเที่ยงเลยเหรอ ใกล้จะถึงแล้วด้วย โดนจับได้แน่ๆเลย โอ๊ย ตายแล้ว”
ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เลย ไม่รู้สักนิด รู้แต่ว่าชื่อจักรยุทธ หล่อขนาดวิลลี่ เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่บริษัทนี้ทำอะไรก็ไม่รู้ ชื่อเมียก็ไม่รู้จัก ไม่รู้อะไรเลย แล้วผมจะเอาตัวรอดได้ยังไง
แถมข้อสำคัญ...
ผมลูบคลำเจ้าสิ่งแปลกปลอมในร่างที่เพิ่มเข้ามา มีเมียก็ต้องใช้เจ้านี่ ใช้ยังไงก็ไม่รู้ คู่มือการใช้ก็ไม่มี ตายแน่ ตายแน่ ไอ้บุ้งตายแน่ นางฟ้า ชั้นจะฆ่าเธอ...
ผมบ่นพึมพำ แล้วก็หน้าร้อนวูบวาบ เมื่อเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อยากรู้จังว่ามันหน้าตาเป็นไงน๊า ไม่เคยเห็นเลย”ผมคิด
“ขอดูหน่อยนะ พี่วิลลี่” ผมหัวเราะคิกภูมิใจในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
ผมเริ่มปลดเข็มขัดตัวเอง...
ปลดตะขอ…
รูดซิบ…
ปล่อยมันลงไป...
นิ้วเกี่ยวไปที่ขอบยางยืด....
...แต่หยุดไว่ก่อน
หยุดไว้ก่อน...
หยุดทำไมเหรอ?
ก็ตั้งสติก่อนอ่ะดิ นี่มันของจริงนะ..
อึ๋ยยย... เสียวโว๊ย!
ผมเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าไว้ แต่กางนิ้วมองลอดช่องลายนิ้วออกมา เออ... อย่างนี้ค่อยยังชั่ว
ผมค่อยๆง้างนิ้วดึงขอบยางยืดออกไป... ช้าๆ
“ว๊ายยยยยย” เสียงอุทานดังลั่น
ไม่ใช่เสียงอุทานของผม! แต่เป็นของพี่สาวคนสวยนั่นเองที่ดันเข้ามาโดยไม่เคาะประตู
ผมรีบดึงกางเกงขึ้น รูดซิบใส่ตะขอ ใส่เข็มขัดอย่างรวดเร็ว หน้าร้อนวูบวาบ
“ทำไมไม่เคาะประตู” ผมดุ อายสุดขีด
เธอหน้าแดงซ่านหลบตาผม ผมเห็นหน้าเธอแล้วบอกไม่ถูกว่าใครจะอายกว่ากัน
“บีเคาะแล้วนะ”
“ผม..ผม...”
“ไม่ต้องอธิบายก็ได้ค่ะ” เธอพูด
“มีธุระอะไรหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูด ปั้นหน้าเคร่งขรึม แต่หน้ายังร้อนวาบ โอ๊ย หน้าผมจะต้องแดงซ่านพอๆกับหน้าเธอแน่ๆ เลย
“บีจะมาเอาถ้วยกาแฟค่ะ”
“เร็วเลย”
เธอหยิบถ้ายกาแฟแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่มองหน้าผมเลย
ขอโทดนะพี่วิลลี่ เราทำนายเสียภาพพจน์ยับเยินแล้ว - -"
เลิฟซี บทที่ 11 – ผมได้พี่สาวสุดสวยอีกคนแล้วคับ
“คุณจักรคะ ภรรยาคุณจักรมาถึงแล้วค่ะ คอยอยู่ที่ล็อบบี้ชั้นกราวด์” พี่เลขาเข้ามาบอกผม
“อ้าว ทำไมไม่ขึ้นมาข้างบนล่ะ”
“ไม่รู้สิคะ คงไม่อยากวนรถขึ้นมามั๊ง เธอให้คุณจักรลงไปค่ะ”
“ตกลง”
ผมรู้ว่าคงหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้ แล้วผมก็คิดว่าถึงผมจะเป็นตัวปลอม แต่ร่างของพี่วิลลี่ เอ้ย..ของจักรยุทธนี่เป็นของจริง ถ้าเมียเขาจับได้ หรือสงสัย ผมก็ยืนกระต่ายขาเดียวไว้ก่อน เธอจะทำอะไรได้ จะเอาไปพิสูจน์ลายมือ หรือตรวจ DNA มันก็คือจักรยุทธอยู่ดี อิ อิ ตูไม่ยอมรับซะอย่าง จะทำอะไรตูได้ หุ หุ ตอนกลางคืนก็ถือโอกาสลวนลามพี่สาวเอากำไรซะเลย คิก คิก ฉลาดจริงๆโว๊ยเรา ทำไมไม่รู้ตัวมาก่อนเลยวะว่าเราฉลาดขนาดนี้ ผมคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ แต่ลึกๆแล้วก็ยังหวาดหวั่นอยู่นิดๆ
ผมหยิบสูทมาสวม เดินไปหน้ากระจก จัดเนคไท ฝึกเก๊กหน้าหล่อเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกจากห้อง
“ถ้ามีธุระด่วนก็โทรหาผมได้เลยนะ น้องบี” ผมถือโอกาสเรียกพี่เลขาว่าน้องด้วย
“ค่ะ คุณจักร”
พี่สาวคนสวยตอบ เธอยังหน้าแดงอยู่เลย คงยังอายอยู่ ส่วนผมหายแดงไปตั้งนานแล้ว
“คุณจักรจะกลับมาประมาณกี่โมงคะ” เธอถาม
“โห ถามเหมือนเมียผมเลย”
พี่สาวหัวเราะคิก เส้นตื้นดีแฮะ
“แหม คุณจักรนี่ตลกจังนะคะ บีถามเผื่อมีใครถามหาจะได้ตอบถูกไงล่ะคะ”
“ตอบแบบนี้ผิดหวังจัง” ผมแกล้งล้อเธอต่อ เธอหลบตาผมเลย ผมจึงเลิกหยอกเธอ ถึงยังไงก็ต้องรักษาภาพพจน์ของพี่วิลลี่ไว้บ้าง
“ผมไปประมาณสองชั่วโมงน่ะ” ผมตอบส่งเดช แล้วจึงเดินมาที่ลิฟท์ ลงไปที่ชั้นล่าง
พอถึงล็อบบี้ ผมก็สำรวจดูเร็วๆ เห็นมีคนอยู่แค่สี่คน คนแรกเป็นผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งอยู่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์กำลังคุย โทรศัพท์กับกิ๊ก ผมรู้ว่าคุยกับกิ๊กเพราะว่าเธอคุยไปหน้าแดงไปหัวเราะคิกคักบางทีก็ตบโต๊ะ กระทืบเท้า บางทีก็กำหมัดชกไปในอากาศด้วย ลักษณะแบบนี้คุยกับกิ๊กสถานเดียวเท่านั้นไม่ใช่แฟนแน่นอน... คนที่สองเป็นยามยืนหลับอยู่ที่ประตูและไม่สมควรที่ใครจะไปรบกวนความสงบสุข ของแก... คนที่สามเป็นฝรั่งมีอายุแล้วกำลังจะเดินออกไป... ส่วนคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่คนเดียวตรงโซฟาที่ล็อบบี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนนี้เป็นเมียผมเอง ผมแอบสำรวจก่อนเลย โห เมียผมนี่โคตรเซ็กส์เลยว่ะ ผิวขาวจั๊ะ แต่งหน้าเข้มจัดเหมือนจะไปถ่ายรูปรับปริญญา เครื่องประดับวูบวาบเต็มตัว กระเป๋าสะพายมันวับวางอยู่ข้างตัว ทั้งหมดแสดงถึงรสนิยมอันหรูเลิศ ข้อสำคัญเสื้อเธอเว้าลึกจนทรวงอกไซส์ตั๊กโผล่มาค่อนเต้า สุดยอดจริงๆ
“ที่รัก คอยนานหรือเปล่าจ๊ะ” ผมทักเสียงหวานจ๋อย
พี่สาวสุดเซ็กส์ลดหนังสือพิมพ์ลง มองหน้าผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด แต่คงจะเป็นเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของผมนั่นแหละที่ทำให้เธอยิ้มให้ แม้จะดูเหมือนเธอยังงงๆอยู่
“จักร ทำอะไรคะ” เสียงหวานใสอีกเสียงดังมาจากข้างหลังผม
เพล๊ง!
เสียงหน้าผมแตกระยับแบบหมอไม่รับเย็บ ผมไม่รอเก็บกวาดเศษหน้าของตัวเองบอกกับพี่สาวสุดเซ็กส์ที่นั่งยิ้มแบบงงๆว่า
“ยินดีที่รู้จักนะคับ”
แล้วผมก็รีบลุกขึ้นหน้าชา ตูปล่อยไก่ไปหมดเล้าเลยว่ะ
เจ้าของเสียงหวานใสที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเมียตัวจริงของจักรยุทธ กำลังขมวดคิ้วเรียวงามจ้องมองผมด้วยความสงสัย คงคิดว่าสามีสุดที่รักไปเจ๊าะแจ๊ะอะไรกับสาวสุดเซ็กส์ต่อหน้าต่อตา
“รู้จักกันหรือคะ” เธอถาม
“นิดหน่อยน่ะ ไปกันเถอะ”
ผมรีบพาเธอเดินออกมา
“ใครคะจักร ทำไมไม่แนะนำให้รุ้งรู้จักบ้าง”
“ไว้คราวหน้าเถอะ ผมหิวแล้ว” ผมพูดหน้ายังร้อนผ่าวไม่หาย “รถจอดอยู่ไหนล่ะ...รุ้ง”
“จอดไว้ด้านข้างค่ะ”
พอเดินออกมาผมจึงเริ่มสังเกตเธอ ผิดคาดแฮะ ผมนึกว่าเมียของจักรยุทธน่าจะเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ แต่งหน้าจัดๆแบบพี่สาวสุดเซ็กส์เมื่อสักครู่ แต่พี่สาวที่กำลังก้าวเท้าฉับๆเดินอยู่ข้างๆผมนั้นตรงข้ามกับที่จินตนาการ ไว้อย่างสิ้นเชิง เธอหน้าหวานมาก ตากลมโตสวยซึ้งแต่งหน้าบางจนเกือบจะเรียกได้ว่าไม่แต่ง สวมตุ้มหูเล็กๆรับกับใบหน้าและดวงตา แต่งตัวสบายด้วยชุดง่ายๆเสื้อสีเขียวแขนกุดมีโบว์เล็กๆประดับ กระโปรงลายดอกไม้ สวมรองเท้าส้นสูง ที่ข้อมือมีกำไลและนาฬิกาเล็กๆ แล้วก็แหวนแต่งงานที่นิ้วนาง เครื่องประดับมีแค่นี้เอง
“ไปไหนมาล่ะ รุ้ง ไหนบอกว่าจะคอยผมตรงล็อบบี้” ผมต่อว่าเธอนิดๆ... ทำให้ผมหน้าแตกนี่นา ความผิดของเธอล้วนๆ
“ไปห้องน้ำมาค่ะ ทำไมเหรอ”
“เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก ผมหิวน่ะ” ผมตอบ
พี่สาวหน้าหวานพาผมไปที่รถบีเอ็มสุดหรู แล้วส่งกุญแจให้
“จักรขับนะ”
ไม่มีปัญหา ผมรับกุญแจ กดรีโมทเปิดประตู พี่สาวเข้ามานั่งข้างๆ กลิ่นน้ำหอมชื่นใจจริงๆ กลิ่นเหมือนอะไรสักอย่างที่น่าหม่ำ
ผมสำรวจแผงหน้าปัท สำรวจตำแหน่งเกียร์ (แล้วก็สำรวจดูขาขาวๆของพี่สาวด้วย) เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีโดยเฉพาะขาของพี่สาว แล้วจึงสตาร์ทรถ พาบีเอ็มคันงามคลานออกจากที่จอดรถช้าๆ
“ไปทานที่ไหนกันดี” ผมถาม
“ที่ประจำของเราละกัน”
โอ้ ขอบคุณมาก แล้วตูจะไปรู้เหรอว่าที่ประจำของพี่สาว กับพี่วิลลี่มันที่ไหน
เอาไงดีวะ
จะหน้าด้านถามก็ไม่ได้..
จอดแม่งเลยดีกว่า…
คิดแล้วผมก็หักรถเข้าข้างทางจอดที่ริมฟุตบาท