ผมชื่อ วรเชษฐ์ หรือใครๆเรียกว่า เชษ เป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ทำธุรกิจก่อร่างสร้างตัวจากที่ไม่มีอะไรเลย จนเป็นเจ้าของบริษัทที่มีทรัพย์สินนับพันล้านบาท ด้วยวัยที่ยังไม่ถึง 30 ปีและทั้งรวยทั้งหล่อแบบนี้ผมจึงกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมในแวดวงไฮโซ จนได้รู้จักและตกหลุมรักกับดาราระดับนางเอกคนหนึ่ง เธอชื่อว่าแจน เธอเป็นคนสวยหน้ารัก และมีสไตล์ที่เรียบร้อย และแม้ถึงเธอจะไม่ดังเปรี้ยงป้างแบบระดับซุปเปอร์สตาร์ดารานางเอกบางคน แต่เธอก็วางตัวดีและเหมาะแกการเป็นคู่ชีวิต ผมจึงเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ
เราแต่งงานกันท่านกลางความยินดี ของพ้องเพื่อน ทั้งเหล่าดาราและนักธุรกิจ โดยเฉพาะเพื่อนรักของผม ไอ้โอม ที่ทำงานอยู่ในแวดวงวงการบันเทิง และเป็นผู้ชักนำผมให้ได้รู้จักกับแจน ชีวิตหลังแต่งงานของผมนั้นเป็นไปอย่างราบลื่น เรารักและเข้าใจกันดี
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับผม เมื่อวันหนึ่ง โอมชวนผมไปกินเหล้าที่บ้านเพราะเพิ่งซื้อบ้านใหม่เลยชวนผมไปขึ้นบ้านใหม่เปิดประเดิม วันนั้นผมไปคนเดียวเพราะแจนติดถ่ายละคร ก็กินกันกับไอ้โอมจนประมาณตีหนึ่งตีสอง ตอนนั้นแจนก็โทรมาตามให้ผมกลับบ้าน ผมก็เลยต้องบอกลาเพื่อนกลับบ้านตามคำบัญชาเมีย
ขณะขับรถกลับบ้านนั้น เป็นเวลาดึกถนนมันโล่ง ผมเลยวิ่งด้วยความเร็ว เพื่อจะได้กลับถึงบ้านเร็ว แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งตีโค้งออกมาจากทางร่วมมาตัดหน้ารถผม ผมแตะเบรคเพื่อหักหลบ ความจริงมันควรหลบพ้นและไม่อยาก แต่เบรคจู่ๆก็ไม่ทำงาน ทั้งที่รถใหม่เอี่ยมราคาแพง การหักหลบด้วยความเร็วจึงทำให้รถของผมเสียหลักพุ่งขึ้นไปปีนฟุตบาท แล้วเลยไปชนเสาไฟฟ้า ผมรู้สึกถึงแรกกระแทกที่อันเข้ามาเต็ม จากนั้นสติก็คอยๆดับวูบไม่รู้สึกตัวอีกเลย
จากนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนผมมาอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนั้นผมลืมตาไม่ขึ้น แต่ได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนคุยกัน
"เอาหละ มันรู้สึกตัวแล้ว ทุกอย่างดูเป็นปกติดี มันคงไม่เป็นอะไรแล้วหละ ไอ้เจ้านี่โชคดีชะมัด ตอนแรกนึกว่าไม่รอดซะแล้ว"
"นั่นนะสิค่ะคุณหมอ โดนรถเบรคแตกชนโครมเบอร์เร่อ กระเด็นไปนอนแน่นิ่งแบบนั้น เป็นใครก็คงนึกว่ามันตายแน่ๆ แต่มันไม่เป็นอะไรเลยแค่สลบไป 2 วัน ถือว่าโชคดีเอามากๆจริงๆ.... ไงจ๊ะ พ่อรูปหล่อ แก่รอดตายแล้วนะ"
ผมรู้สึกถึงมือผู้หญิงที่มากำขยี้หัวผมเล่น แต่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน หรือพูดถึงผมหรือป่าว เพราะตอนนั้นผมรู้สึกมึนหัวอย่างมาก และก็กระหายน้ำด้วย ผมเลยร้องขอน้ำให้ผมดื่มหน่อย
"หมอเน็ทค่ะ มันเริ่มจะส่งเสียงแล้วค่ะ"
"สงสัยมันจะหิว แต่มันยังคงกินอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ พี่อิ๋วเอานมใส่ขวดให้มันดูดไปก่อนแล้วกัน"
จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีจุกขวดนม ใส่เข้ามาที่ปากผม รสสัมผัสของนมที่มีส่วนผสมของน้ำ ทำให้ผมต้องดูดอย่างต้องการแก้กระหาย แล้วไม่นานผมก็หลับไปอีก
อีกวันต่อมา ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น เพราะเสียงเห่าของสุนัข จำนวนมาก มันฟังดูน่ารำคาญและหนวกหู คิดในใจว่า ใครเอาหมาเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วปล่อยให้มาเห่าเสียงดังอย่างนี้ได้ยังไงว่ะ ผมตะโกนออกไปว่า น่ารำคาญโว้ยย ทำไมไม่มีใครมาจัดการหมาพวกนี้สักที
ผมตะโกนพร้อมลืมตาขึ้นมามองอย่างอารมณ์เสีย แต่แล้วภาพที่ผมเห็นกลับทำผมอึ้งจนพูดไม่ออก เพราะตอนนี้ผมอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกรงสุนัขนับสิบตัว และที่ผมนอนอยู่ก็เป็นเหมือนกรงที่หมา ตอนนั้นผมรีบสำรวจมองมาที่ตัวเอง ก็พบกับความแตกตื่นอย่างน่าตกใจ เพราะร่างกายของผมมันกลายเป็นสุนัขไปแล้ว ผมมีขาหน้าขาหลังและมีหาง
"อะไร นี่มันอะไร มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมกูเป็นอย่างนี้ไปได้"
ผมพูดอย่างตกใจสุดขีด และเสียงที่เปล่งออกมาของผมมันไม่ใช่ภาษามนุษย์ แต่มันเป็นเสียงเห่า และหอนอย่างดูโหยหวน ผมสติแตกจนทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ออกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอนนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูห้องเข้ามา เธอสวมชุดคล้ายนางพยาบาล แล้วมาที่กรงของผม พูดจาอย่างยิ้มแย้มเอ็นดูว่า
"อ่าว ตื่นแล้วเหรอ ดูแข็งแรงดีนี่ ไป.ไปให้หมอตรวจดูอาการกัน"
แล้วเธอก็มาเปิดประตูกรง ทำเสียง จิ๊ๆ เรียกผมออกมา ผมกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าออกจากกรง เพราะยังสติแตกและเรียบเรียงเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย พยาบาลก็ยังปลอบว่า
"ไม่ต้องกลัวหรอกน่า มา..ออกมาเร๊ว"
พยาบาลพูดพร้อมเอื้อมมือเข้ามา จะมาจับตัวผมดึงผมออกจากกรง ผมพลันขู่คำรามใส่ ตามสัญชาติญาณป้องกันตัว
พยาบาลสาวหน้ามุ่ย ที่ผมไม่ยอมทำตามคำสั่งง่ายๆ เลยต้องเปลี่ยนจากวิธีนุ่มนวลมาใช้ไม้แข็ง เลยไปเอาไม้ห่วงที่ใช้จับหมา มาคล้องคอผมดึงออกมาจากกรง ผมพยายามดิ้นแต่ดิ้นไม่หลุด ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดคอจนจะหายใจไม่ออก สุดท้ายต้องยอมให้พยาบาลสาวลากไป ไปเข้าห้องอีกห้องหนึ่ง
"มันดุมากค่ะ หมอเน็ท มันจะกัดฉันด้วย ฉันเลยต้องใช้วิธีนี้"
พยาบาลบอกหมอผู้หญิง ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อผมเห็นเธอต้องมองจนลืมดุ เธอเป็นหมอหมาที่สวยน่ารักมาก แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับมุมมองจากสายตาของผมที่อยู่ในร่างหมาในตอนนี้ผม ที่มองช้อนจากด้านล่างขึ้นไปจนเห็นช่วงขาอ่อนที่ขาวเนียนและกางเกงในภายใต้กระโปรงสั้นของเธอ
หมอที่ชื่อหมอเน็ทคนนั้นพอฟังพยาบาลบอก ก็เอียงคอมองผมอย่างน่ารัก พูดว่า
"เอาเรื่องเหมือนกันนะเราหนะ ดุมากเลยเหรอ อยากกัดหมอมั๊ย ...ไม่เอาน่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า หมออุตสาห์ช่วยเธอเอาไว้นะ"
หมอเน็ทพูดเย้าแหย่ผมอย่างเอ็นดู แล้วเอามือมาล่อหน้าล่อตาผม ดูว่าผมจะมีปฏิกิริยายังไง ผมนิ่งเฉยมองดูเธอ คิดในใจว่าเธอจะเล่นอะไรว่ะ แล้วเธอก็จับหัวผมค่อยลูบๆไปมา แล้วก็เอาอีกมือหนึ่งมาเกาคางให้ ตอนนั้นผมถึงกับเคลิ้มไปเลย
"โอ๋ๆ ไม่ดุนะ ไม่ดุนะ เอ๊าดมกลิ่นหมอไว้จะได้คุ้นเคย"
หมอเน็ทพูดแล้วเอามือมาอั้งที่จมูก กลิ่นตัวและกลิ่นน้ำหอมของเธอเลยเข้าจมูกของผมเต็มๆตอนนั้นผมรู้สึกอายและโมโหเขินนิดหน่อย ที่ถูกเธอเล่นราวกับหมา ผมสะบัดออกแล้วบอกว่า
//เฮ้ย ผมไม่ใช่หมานะ ผมเป็นคน ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น//
แต่เสียงของผมดันออกมาเป็นเสียง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง ผมรู้สึกขัดใจอย่างแรงที่พูดไม่ได้ เลยต้องใช้ขาสะกิดมือหมอเน็ทและพยายามจะบอกด้วยภาษาร่างกาย แต่มันก็จำกัดมาก เพราะร่างกายผมเป็นหมา ผมเลยทำท่าตามที่เข้าใจว่าสื่อสารให้พวกเธอรู้ได้ โดยเอาขาหน้า แตะที่หัวผม แล้วลุกเดินสองขา บอกให้รู้ว่าผมเป็นคน แล้วก็เอาขาหน้าแตะที่หัวผมอีก แล้วส่ายหัวเร็วๆ ก่อนลงไปคลานสี่ขา บอกว่าผมไม่ใช่หมา แต่พวกเธอเหมือนไม่เข้าใจ และมองดูการกระทำของผมอย่างตลกขบขันและฉงน พยาบาลเลยพูดปนหัวเราะออกมาว่า
"สงสัย สมองมันอาจกระทบกระเทือน จนกลายเป็นหมาเพี้ยนไปแล้วค่ะหมอเน็ท"
หมอเน็ทหัวเราะในคำพูดของพยาบาลแต่ไม่เห็นด้วย ส่ายหัวช้าๆพูดว่า
"ไม่หรอกพี่อิ๋ว มันเหมือนพยายามจะบอกอะไร แต่เราไม่เข้าใจเท่านั้นเอง มันเป็นหมาที่ฉลาดและแปลกมากเลย"
พยาบาลที่ชื่ออิ๋วก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็พูดว่า
"แล้วยังงี้หมอเน็ทจะเลี้ยงมันไว้เลยมั๊ยค่ะ ไหนๆมันก็ไม่มีเจ้าของแล้ว"
หมอเน็ทพยักหน้าแทนคำตอบ
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ไหนๆก็ช่วยมันแล้ว ก็เลี้ยงมันไว้เลยละกัน"
//เฮ้ย อะไรว่ะ ก็บอกว่าไม่ใช่หมา ไม่เข้าใจกันเลยหรือไง//
ผมโหวกเหวกโวยวาย แต่กลับกลายเป็นเห่า แต่แล้วก็ต้องสะดุด เมื่อหมอเน็ทสาวสวยยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วยิ้มพูดว่า
"โวยวายอะไรจ๊ะ เห่าใหญ่เชียว ถ้าจะแข็งแรงดีแล้วมั้ง... รู้มั๊ย ว่าเธอเป็นหมาที่โชคดีมาก งั้นฉันตั้งชื่อให้เธอว่า เจ้าลัคกี้ก็แล้วกัน"
แล้วเธอก็ก้มลงเอาจมูกมาชนกับจมูกผม พร้อมกับมือทั้งสองข้างของเธอกำขยี้หูผมเล่นเบาๆ
ผมสตั้นไปชั่วขณะ รู้สึกใจหวิวและเขิน ที่ถูกคุณหมอสาวสวยแนบหน้ามาใกล้ชิดแบบนี้ แล้วปติกิริยาทางเพศมันก็เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
"อุ้ย หมอเน็ท ดูเจ้าลัคกี้สิค่ะ"
พยาบาลอิ๋วทักอย่างตื่นเต้นหน้าแดง เมื่อเห็นอวัยวะเพศของหมาที่มีสีแดงยาวพ้นหนังหุ้มออกมาจนเป็นลำแข็งโด่ หมอเน็ทเอาหน้าออกจากผมมาก้มดู พอเห็นก็หัวเราะ แล้วตีหัวผมเบาๆ พูดเย้าแหย่ว่า
"ทะลึ่งนะเราหนะ"
ผมนี่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไวที่ไหน ได้แต่หมอบหลบเอาเท้าปิดหน้าตัวเอง ทั้งสองสาวยิ่งหัวเราะชอบใจกันใหญ่ เพราะไม่เคยเห็นหมาที่ไหนมีปฏิกิริยาที่รู้เรื่องเหมือนคนแบบนี้มาก่อน แล้วจากนั้นหมอเน็ทก็ตรวจร่างกายผม เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็บอกให้พยาบาลอิ๋วพาผมกลับเข้ากรงแล้วให้อาหาร
ตอนนั้นผมคิดว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะต้องกลับบ้าน แล้วจังหวะที่หมอเน็ทเผลอหันไปคุยกับพยาบาล ผมก็รีบตะกุยตะกายวิ่งออกนอกห้อง แล้วตรงไปด้านหน้าคลินิก ดีที่ผมเป็นสุนัขพันธ์ใหญ่ เลยมีแรงมากพอที่จะผลักประตูกระจกให้เปิดออก แล้ววิ่งหนีรอดออกไปได้ โดยที่หมอและพยาบาลตามออกมาไม่ทัน
ผมวิ่งหนีไปตามฟุตบาทจนถึงถนนใหญ่ เส้นทางแถวนี้ผมคุ้นตาอย่างดี แล้วก็รู้มันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ ถ้าจะไปบ้านผมก็อีกไกลกว่าจะถึง แต่ผมก็วิ่งไปอย่างไม่ย่อท้อ เพราะต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม แล้วผมยังมีตัวตนอยู่ที่บ้านอีกหรือไม่
ผมวิ่งมาตามทางตลอดทั้งวัน จากตอนเช้า ไปถึงตอนค่ำ ข้าวปลาอาหารไม่ได้กินเลย จนในที่สุดก็ถึง แล้วผมก็มายืนหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ที่ปลูกสร้างอย่างกับคฤหาสน์ด้วยงบหลักร้อยล้าน ตอนนั้นผมทั้งตื่นเต้นและทั้งดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้ง แต่ก็ยังหาทางเข้าไปไม่ได้ เพราะบ้านผมมีรั่วสูงล้อมรอบ
ขณะที่ผมไปยืนด่อมๆมองๆแถวรั่ว เพื่อจะหาทางเข้าไปอยู่นั่น ก็ได้ยินเสียงเห่าของเจ้า ปอม หมาพันธ์โกลเด้น ที่ผมเลี้ยงไว้อยู่ มันวิ่งตรงมาหาผม และเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย คล้ายกับมองเห็นผมเป็นศัตรูก็ไม่ปาน
"มึงเห่าอะไรของมึงว่ะ ไอ้ปอม นี่กูเจ้านายมึงนะเว้ย"
ไอ้ปอมกระชาเสียงกรรโชคขู่ใส่ว่า
"มึงพูดอะไรของมึง น้ำหน้าอย่างมึงเหรอจะมาเป็นเจ้านายกู มึงมาจากทางไหน ก็รีบไส้หัวไปทางนั้นเลย นี่ถิ่นกูนะโว้ย"
พูดเสร็จมันก็เยี่ยวใส่ประตูรั่วให้ผมดูต่อหน้าต่อตา เป็นการประกาศอาณาเขตของมัน แล้วจากนั้นมันก็มาเห่าไล่ผมต่อ เป็นครั้งแรกที่ผมได้คุยกับหมารู้เรื่องชนิดต่อปากต่อคำได้ ไม่รู้ว่าจะภูมิใจหรือจะเศร้าใจดี ผมเลยบอกมันไปว่า
"ไอ้ปอม ถ้ามึงยังไม่หยุดเห่า รับรองกูจะไม่มีวันซื้อ มันฝรั่งทอด ฟิงเกอร์ ให้มึงแดกอีกเลย.คอยดู"
ไอ้ปอมชะงักเสียงเห่า มองผมอย่างๆ งง พูดอย่างเอะใจสงสัยว่า
"เดี๋ยวก่อน มึงรู้จักชื่อกูได้ไง แล้วรู้ได้ยังไงว่ากูชอบกินมันฝรั่งทอดฟิงเกอร์"
"กูไม่ใช่รู้แค่นี้ กูยังรู้อีกด้วย เวลาไอ้โอมเพื่อนกูมาเที่ยวที่บ้าน มึงชอบแอบคาบรองเท้ามันเอาไปซ่อนไว้ที่สวนหลังบ้าน"
เรื่องนี้ทำให้ไอ้ปอมถึงกับอึ้ง มองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ พูดว่า
"มึงก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"
"ก็เออสิวะ ก็บอกแล้วว่ากูคือเจ้านายมึง กูคือวรเชษฐ"
ปอมมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ถามอย่างสงสัยว่า
"แล้วทำไม นาย วรเชษฐ ถึงกลายเป็นหมาไปได้"
"เรื่องนี้กูก็ไม่รู้ กูถึงกลับมาหาคำตอบที่บ้านยังไง มึงอย่าถามมากเลยช่วยกูเปิดประตูรั่วก่อน"
"เปิดยังไงเล่า เจ้านาย ประตูนี่แข็งจะตาย ผลักให้ตายก็ไม่ออก มุดลอดก็ไม่ได้"
"มึงก็อย่าโง่สิ มันเป็นประตูรั่วไฟฟ้า มีปุ่มเปิดประตูอยู่ที่เสาข้างๆนั้นหนะ สีเขียวไว้เปิดประตูบานเล็กสีเหลืองเปิดรั่วใหญ่ ให้มึงกดสีเขียว"
"ก็ผมเป็นหมาจะรู้มั๊ยเนี่ย รั่วไฟฟงไฟฟ้าอะไร เฮอ...แล้วใช่อันนี่หรือเปล่าวะ"
ปอมเดินไปบ่นไปที่เสาข้างรั่ว ตะกายกดปุ่มสีเขียวตามที่ผมบอก เสียงปลดล็อกประตูบานเล็กออกดังแกร็ก แล้วประตูก็แง้มออก ผมรีบดันตัวเข้าไป ปอมดีใจที่มันเปิดประตูได้ รีบบอกผมอย่างดีใจว่า
"เจ้านายๆ ผมทำได้แล้ว สุดยอดเลยใช่มั๊ย"
"เออ กูเห็นแล้ว"
ผมตอบอย่างขอไปที ไม่มีเวลาไปภูมิใจกับเรื่องหมาๆของมัน แล้วรีบวิ่งตรงไปยังตัวบ้าน อ้อมไปทางครัวด้านหลังที่มีช่องทางเข้าบ้านของไอ้ปอมอยู่ และไอ้ปอมก็วิ่งตามผมมาด้วย
ตอนนั้นเหมือนไม่มีคนอยู่บ้าน แม้แต่คนเดียว ทั้งที่บ้านหลังนี้ มีคนใช้ที่เป็นแม่บ้านกับคนรับใช้ถึง 5 คน
"ทำไมไม่มีใครอยู่บ้าน เขาไปไหนกันหมดวะไอ้ปอม"
"ไม่รู้"
."ไม่รู้ นี่มึงเฝ้าบ้านยังไง ใครไปไหนมาไหน ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย"
"ก็เวลาเขาไปไหนเคยบอกหมาไหมหละ แต่ถึงให้บอก ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง"
ผมต้องเงิบไปเลยที่โดนหมาย้อน เลยอดไม่ได้ที่ต้องมองค้อนมัน แต่ไอ้ปอมก็พูดต่ออีกว่า
"เจ้านายเองก็เหมือนกัน หายไปตั้ง 3-4 วัน ไม่เห็นบอกใครเลย กลับมาอีกทีกลายเป็นหมาไปแล้ว"
"เออๆ อย่าบ่นย้อนมากนักเลย ขึ้นไปชั้นบนดีกว่า"
ผมเดินขึ้นบันได ไปจนถึงหน้าห้องนอนผม แล้วตะกายใช้ปากงับลูกบิดเพื่อเปิดประตูออก ดีที่มันไม่ได้ล็อก ผมเลยเข้าไปข้างในได้ ภาพในห้องนอนทำให้ผมคิดถึงแจน คิดถึงความเป็นมนุษย์ของผม ผมมองไปรอบๆห้องอยู่นานจนน้ำตาไหล ไม่รู้จะบอกแจนยังไง ถ้าแจนมาเจอผมตอนนี้
ตอนนั้นปอมก็พูดขึ้นมา
"เจ้านาย พวกเจ้านายกลับมาแล้ว"
ตอนนั้นผมถึงได้สติ จึงได้ยินเสียงรถ เลยปีนขอบหน้าต่างดู เห็นรถตู้คันหรูของแจน กำลังแล่นมาจอดที่หน้ารั่ว จากนั้นประตูรั่วก็เปิดออกจากรีโมทของคนขับรถ แล้วรถตู้ก็วิ่งเข้ามาที่ลานเทียบรถหน้าบ้าน
"ไอ้ปอม มึงหลบไปก่อน"
ปอมรีบออกประตูห้องนอนของผมไป ลงไปที่ห้องครัว แล้ววิ่งออกไปทางหมาลอด อ้อมออกไปด้านหน้า ไปต้อนรับบรรดาเจ้านายที่กลับมา ผมอยู่บนห้องนอน ปกติต้องไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่เพราะเป็นหมาประสาทหูไวกว่ามนุษย์ เลยทำให้ได้ยินเสียงคนข้างล่างที่กำลังลงจากรถเข้ามาในตัวบ้านได้ เท่าที่ฟังดูเหมือนกับยกโขยงไปไหนกันมาทั้งบ้านเลย
แล้วผมก็ได้ยินเสียง แม่ศรี หัวหน้าแม่บ้านของผม ร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดอย่างเสียใจว่า
"โธ่ คุณผู้ชายไม่น่าเลย."
เธอพูดแต่นี้ก็ร้องไห้ต่อ น้าพร แม่บ้านคนที่สอง ก็พูดว่า
"พี่ศรี คุณผู้ชายยังไม่ตายนะ พี่ร้องไห้ฟูมฟายพูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นลางหรอก"
เสียงยัยปุ้มคนรับใช้ ก็พูดแย้งน้าพรว่า
"น้าพร แต่ฉันว่าไม่ตายก็เหมือนตายแล้วนะ จนปานนี้ยังไม่ฟื้นเลย หมอเขาบอกว่าเป็นอะไรนะ เจ้าชายนินทราเหรอ นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเลย"
"พวกเอ็งก็พูดกันอยู่ได้ เดี๋ยวคุณแจนได้ยินก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีก ไป..ไป รีบแยกย้ายกันไป ใครมีหน้าทีอะไรก็ไปทำ"
เสียงน้าอาจ แฟนน้าพร ที่เป็นคนขับบอกเตือนเหล่าแม่บ้านให้เงียบๆ และแยกย้ายกันไป แต่ตอนนั้นเหมือนน้าพรยังอยู่กับน้าอาจ พูดถามน้าอาจว่า
"แล้ววันนี้คุณโอม จะนอนค้างทีนี่อีกเหรอ ฉันว่ามันจะดูไม่ดีนะ ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ เพราะคุณผู้ชายก็ไม่อยู่ด้วย"
"โธเอ็งก็..คิดอกุศล คุณโอม เขาเป็นเพื่อนกับคุณผู้ชายและคุณแจนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สนิทกันมากแค่ไหน ใครเขาก็รู้ คุณโอมมาอยู่เป็นเพื่อนช่วยปลอบใจแบบนี้ ก็ดีเสียอีก คุณแจนจะได้ไม่คิดมาก"
จากคำพูดของคนทั้งหมด ทำให้ผมรู้ว่า ตอนนี้ผมนอนเป็นเจ้าชายนิทรารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จากเหตุการณ์รถยนต์เบรคแตกในวันนั้น แต่ทำไมผมมาฟื้นตื่นขึ้นมาในร่างหมา อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจ หรือวิญญาณผมหลุดออกจากร่าง กระเด็นมาสิงเอาร่างหมาเข้าเสียแล้ว ร่างของผมจึงนอนแบบไม่ตื่นอยู่แบบนั้น
ตอนนั้นพลันได้ยินเสียงคนสองคนขึ้นบันใดมาชั้นบน เสียงเดินจังหวะแบบนี้ ผมจำได้ว่าเป็นไอ้โอมกับแจน ผมรู้สึกซึ้งใจไอ้โอมอยู่เหมือนกัน ที่คอยมาปลอบใจแจนในตอนที่เกิดเรื่องแบบนี้ ใจจริงอยากจะเจอทั้งคู่ และบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะบอกยังไง เพราะผมพูดไป ทั้งแจนและโอมก็คงฟังผมไม่รู้เรื่อง เผลอๆจะคิดว่าผมเป็นหมาจรจัดจับผมส่งเทศบาลอีก ตอนนั้นยังคิดหาวิธีบอกไม่ได้เลยหมุดตัวหลบเข้าไปใต้เตียงก่อน
แล้วสักพักห้องก็ถูกเปิดออก แจนเดินเข้ามาก่อน และวางกระเป๋าถือบนที่นอน แล้วไอ้โอมก็เดินตามเข้ามา จากนั้นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อไอ้โอมก็เข้าสวมกอดแจนจากด้านหลัง ทั้งหอมทั้งไซด์ซอกคอ แจนไม่ได้ขัดขืนอะไรแถมยังหัวเราะเบาๆเหมือนชอบ เพียงแต่เง้างอนพูดว่า
"อย่าเพิ่งสิพี่โอม พวกแม่บ้านยังไม่นอนกันเลยนะ "
"แหม ก็พี่ทนไม่ไหวแล้วนี่นา"
"ไม่เอาน่า พี่โอมกลับห้องไปก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเขามันจะไม่ดี"
"ก็ได้ๆ งั้นพี่ไปรอที่ห้องนะ"
ไอ้โอมพูดพร้อมเดินออกจากห้องนอนของผม ตอนนั้นผมเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางสมองจนหูลั่นอื้อไปหมด คิดในใจอย่างแตกตื่นใจหายว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่จริงใช่มั๊ยเนี่ย ไอ้โอมกับแจน มัน... ผมไม่กล้าคิดต่อและทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งอยากจะโพล่ไปถามให้รู้เรื่องแต่สภาพเป็นหมาแบบนี้ มันจะไปรู้เรื่องได้ยังไง วิธีเดี๋ยวที่จะรู้ได้ก็คือรอ แล้วดูให้เห็นกับตา
ผมนอนรอเวลาอยู่ใต้เตียงอยู่นานโข จิตใจของผมเต็มไปด้วยความสับสน จนสักพักแจนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนใส่ชุดนอนที่วาบหวิวแบบที่ผมไม่เห็นเธอใส่มาก่อน แล้วเธอก็สวมเสื้อคลุมทับ จากนั้นก็แอบออกจากห้อง ไปยังห้องนอนสำรองที่ทำไว้รับแขก ซึ่งตอนนี้ให้ไอ้โอมนอนอยู่
ผมรอจนเธอออกนอกห้อง แล้วจึงมุดย่องออกมาจากใต้เตียง แล้วใช้ปากคาบลูกบิดก็เปิดประตูห้องนอนเดินตามออกไป ตอนนั้นผมไม่เห็นแจนแล้ว คิดว่า เธอคงเข้าไปในห้องไอ้โอมไปแล้ว ผมไปหยุดอยู่หน้าประตูด้วยใจระทึก แล้วหูประสาทหมาของผมก็ได้ยินเสียงคนข้างในทั้งสองคน
"อืมส์ อาห์ พี่คิดถึงแจนแทบแย่ แหนะ ขอพี่จูบกอดให้ชื่นใจหน่อย อืมส์ อาห์"
"ฮิฮิ พี่โอมก็ อย่าทำอย่างนี้สิจั๊กจี้ อ้อยยย"
ทั้งสองคนเหมือนกำลังโรมรันพันตูกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเป็นผัวเมียที่เพิ่งแต่งงาน ผมฟังจนมือเท้าชา ปากคอแห้ง ไม่คิดว่าทั้งไอ้โอมและแจน จะทำกับผมแบบนี้จริงๆ เธอทำได้ยังไงทั้งที่ผมนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วไอ้โอม มึงทำได้ยังไงกับเพื่อนที่มึงบอกว่ายอมตายแทนได้
เสียงชายโฉดหญิงชั่วกับเริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างหนักข้อขึ้นไปอีก เมื่อไอ้โอมบอกให้แจนอมควยให้ เสียงแจนอมควยไอ้โอมอย่างอร่อย เสียงดังจ๊วบแจ๊บ สะท้อนออกมาเข้าหูหมาอย่างผม
"โอ้วววว ดี แจน แจนอมควยเก่งจังเลย ซีดดดส์ เคยทำแบบนี้ให้ไอ้เชษฐมันบ้างหรือป่าว ซีดสสส์"
"ไม่เคยหรอก อืมส์ อาห์ จ๊วบ บล๊วบๆ จุ๊บๆ อืมส์ เวลาแจนทำให้พี่เชษฐ แจนจะแกล้งทำแบบคน ไม่เคย ไม่อย่างนั้นก็เสียลุกค์ หวานแหวว แบ๊วน่ารักของแจนหมดนะสิ อืมส์ อาห์ จ๊วบๆ พี่โอมแตกคาปากแจนเลยนะ แจนอยากกินน้ำควยพี่โอม"
//อีดอก//
ผมคำรามก้องในใจ ขาเขอสั้นไปหมดด้วยแรงโมโห อยากจะพังประตูเข้าไปกัดขย้ำมันทั้งคู่จริงๆ แต่ตอนนั้นไอ้โอมมันกลับพูดในสิ่งที่ผมต้องสะกดกั้นใจฟัง
"ไอ้เชษฐนี่มันโง่จริงๆ ต่อให้มันตายก็คงไม่รู้ว่าคนฆ่ามันคือเมียมันเอง ฮ่าฮ่าฮ่า ซีดส์ เสียวควยเหลือเกินแจน มาเล่นท่าหกเก้าให้พี่เลียหีให้ด้วยดีกว่า"
ผมพลันฉุกคิดขึ้นได้ หรือการที่รถผมเบรคแตกมันไม่ใช่อุบัติเหตุ มีใครทำอะไรกับรถของผม ตอนนั้นผมอยากรู้ความจริงเลยต้องสะกดกั้นใจฟัง เพื่อพวกมันจะหลุดพูดอะไรกันออกมาอีก
เสียงพลอดรักของคนทั้งคู่ที่แลกกันเลียหีดูดควย ประสานกระเส่าจนซาบซ่าน จากนั้นไอ้โอมก็ร้องว่า
"โอ้วววว แจนพี่จะแตกแล้ว แจนกินน้ำควยพี่เลย"
ถึงผมไม่เห็นภาพก็รู้ว่าแจนต้องกินน้ำควยมันแน่ๆ แล้วจากนั้นแจนก็ร้องน้ำหีแตกเสร็จตาม ไอ้โอมน้ำควยแตกแล้วก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ มันจับแจนเย็ดต่อ จนผมได้ยินเสียงเนื้อกระแทกกันดังตับๆๆๆๆ
"อาห์ พี่โอมเก่งจังเลย แจนเสียวหีไปหมดแล้ว ซีดดดส์ เย็ดแจนเลย เย็ดแรงๆ แจนชอบ"
ผมไม่คิดเลยว่า แจนที่ดูเรียบร้อยน่ารัก กลับแสดงธาตุแท้ออกมา ได้ร่านยิ่งกว่ากระหรี่ ที่กับผมทำเหนียมอาย จะถ่างขายังไม่กล้า จะเปิดไฟก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้มันกลับร้องให้ชายชู้เย็ดมันแรงๆ คำว่าน้ำตาตกในผมเพิ่งรู้ซึ้งเอาจริงๆก็วันนี้เอง
ตอนนั้นโอมก็ครางพูดแข่งกับเสียงซอยควยกระเด้าของมันว่า
"อาห์ ซีดดส์ ชอบเหรอ" ตับๆๆๆ ." โอ้ววว ซีดดส์ พี่กับไอ้เชษฐ ใครเย็ดเก่งกว่ากันหืมส์ ซีดดดศ์" ตับๆๆๆๆ"อาห์ ซีดดส์ ไหนแจนบอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิ ซีดดดดส์" ตับๆๆๆๆ
."อ้อยยย พี่โอมสิ พี่โอมเย็ดเก่งกว่า ซีดดดศ์ น้ำหีแจนจะแตกอีกแล้ววว ซีดดส์ พี่โอมเย็ดเร็วๆ"
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆ
"โอ้ววววกกกก หีแจนตอดเสียวควยดีเหลือเกิน พี่ก็จะเสร็จอีกแล้วเหมือนกัน ซีดส์โอ้ววว ไอ้เชษฐ มึงจะรู้มั๊ย ว่าเมียมึงมาถ่างหีให้กูเย็ดแบบนี้ อาห์ ซีดดดส์ และอีกไม่นานหรอกมึง ของๆมึงทั้งหมดก็จะตกเป็นของกูกับแจน ซีดดส์ อาห์"
ตอนนั้นผมเริ่มรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันสองคนวางแผนจะฆ่าผมเพื่อต้องการฮุบสมบัติของผมนี่เอง ตอนนั้นผมไม่ทนฟังอีกต่อไปแล้ว พยายามตะกุยกัดประตูเพื่อจะเข้าไปจัดการพวกมัน ทั้งสองคนต้องสะดุ้ง รีบแยกจากกันทั้งที่จะถึงสวรรค์กันอยู่แล้ว ไอ้โอมบอกให้แจนไปหลบในตู้เสื้อผ้าก่อนเพื่อกันคนเห็น ส่วนมันไปหยิบไม้ที่เป็นเสาไว้แขวนเสื้อนอก ดุ้นขนาดเหมาะมือ แล้วเตรียมมาดูว่าตัวอะไรที่พยายามตะกุยประตูอยู่ข้างนอก
ทันทีที่ไอ้โอมเปิดประตูออก ผมกระโจนพุ่งเข้าใส่มัน แต่มันฟาดสวนด้วยเสาไม้ ผมร้องเอ๋งเพราะเจ็บที่โดนมันฟาดใส่ แต่มันก็ต้องร้องโอ้ยเพราะโดนเขี้ยวผมถางเข้าที่แขน ผมพยายามจะเข้าไปใหม่แต่มันก็เอาไม้กันไว้ ตอนนั้นคนในบ้ายเริ่มแตกตื่น จากเสียงที่อึกทึกโครมคราม แม่บ้านก็ออกมาออดูอยุ่ตรงทางบันไดว่าเกิดอะไรขึ้น โดยยังไม่กล้าขึ้นไป ไอ้โอมเลยตะโกนบอกว่า
"หมา มาจากไหนไม่รู้ เอาไม้มาช่วยไล่ตีมันออกไป"
แม่บ้านและคนใช้ 3-4 คนเลยไปหาไม้ใกล้มือมา จะขึ้นมาช่วยไล่ ผมเห็นท่าไม่ดีต้องหนีก่อนเลยวิ่งสวนทางแม่บ้านลงบันไดหนีไปทางห้องครัว ออกทางช่องหมาของไอ้ปอม แล้วไปที่รั่วหน้าบ้านกดเปิดประตูเล็กแล้ววิ่งหนีออกไป
--------------------------------------------------------------
ผมวิ่งหนีเตลิดออกไปอย่างไร้จุดหมาย มันรู้สึกจุกอกจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างของผมตอนนี้สูญสลายไปหมดแล้ว บ้านของตัวเองก็ยังอยู่ไม่ได้ เมียของตัวเองก็กลายเป็นเมียของคนอื่น อย่าว่าแต่เรื่องทรัพย์สมบัตินอกกาย แม้แต่ตัวเองตอนนี้ก็ไม่ใช่คน เป็นแค่เพียงหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ชีวิตของผมที่สร้างมันมากับมือพังขื่อลงไปหมดแล้ว
ตอนนั้นผมวิ่งจนลิ้นห้อย หอบ แฮ่กๆ แฮ่ก คิดในใจว่าจะวิ่งให้มันตายไปเลย แต่แล้วก็หมดแรงจนก้าวขาไม่ออก สะดุดขาตัวเองล้ม นอนอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่หน้าตึกแถวข้างถนน
เช้ารุ่งขึ้นตะวันฉายแสง ชีวิตต่างๆเริ่มดำเนินชีวิตขานรับวันใหม่ ผมสะดุ้งตื่นเพราะถูกน้ำสาดเข้าใส่ พร้อมเสียงโกนไล่ว่า
"เฮ้ย มานอนอะไรหน้าร้านกู ไปๆ ไปนอนที่อื่น"
เสียงเจ้าของร้านตึกแถว เอาน้ำสาดไล่ผม หลังจากเปิดประตูร้านมาเจอผมนอนขวางอยู่ ผมเลยลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซหนีออกมา ตอนนั้นผมทั้งหิว ทั้งอ่อนแรง และเดินอย่างไร้จุดหมาย พร้อมนึกถึงคำโบราญที่ว่า ตกอับอย่างหมาข้างถนน ก็คงเป็นอย่างนี้ละมั่ง แต่ตอนนั้นต่อให้ผมหิวแค่ไหน ก็ไม่มีความคิดจะไปคุ้ยขยะ หรือหากินเศษซากของเน่าเหมือนหมาจรจัดตัวอื่นๆ เพราะผมยังมีความคิดของความเป็นมนุษย์อยู่
ผมร่อนเร่อยู่อย่างนั้นเป็นอาทิตย์ และเป็นหมาจรจัดที่หยิ่งที่สุดในโลกก็ว่าได้ คือไม่คุ้ยขยะ ไม่กินของเปื้อนหรือเน่าเสีย บางที่คนเห็นผมน่าสงสารอาหารมาให้ แต่ชอบให้ผม ทำอะไรแบบหมาๆ เช่น ยกมือเดินสองขาให้ดู หรือไม่ก็ขอมือให้หวัดดี ผมก็ไม่เอา เดินหนีเอาเสียดื้อๆ เพราะผมคิดตลอดว่า ผมไม่ใช่หมา
ตอนนั้นเลยไม่ค่อยมีอาหารตกถึงท้องเท่าไหร่ ได้กินแต่น้ำประทังชีวิต จนหิวจนตาลายหมดแรง นอนอยู่ใต้ตอหม้อสะพานลอย ตอนนั้นตาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นของผมก็เห็นรถเก๋งสีขาวคันหนึ่ง วิ่งเข้ามาจอดเทียบฟุตบาทใกล้ๆผม หญิงสาวที่หน้าตาคุ้นหน้าลงมาจากรถ เธอก็คือ หมอเน็ทนั่นเอง
หมอเน็ทลงมาจากรถตรงมาที่ผม สำรวจมองดู ก่อนจะพูดกับผมว่า
"ลัคกี้ นั่นแกใช่มั๊ย จำฉันได้หรือเปล่า"
ภาพที่ผมมองเธอด้วยสายตาที่เบลอจากการหมดแรงด้วยความหิว เธอดูเหมือนนางฟ้าที่มาโปรด เธอลูบหัวผม โดยไม่กลัวว่ามือเธอจะเปื้อนหรือมีกลิ่นเหม็นสาบติดมือมา และแล้วสัมผัสที่อบอุ่นเหมือนได้รับการปลอบโยนหลังจากที่ได้เจอเรื่องเลวร้ายมา ทำให้ผมไม่อาจกักเก็บความรู้สึกที่เจ็บแค้นและเสียใจไว้ได้อีกต่อไป ผมระบายกับเธอโดยการมุดตัวเข้าไปซบกอดเหมือนต้องการไออุ่นจากการการปลอบโยน และร้องไห้น้ำตาไหลระบายความเสียใจทั้งหมดออกไป ผมอยากจะพูดอยากจะบอกกับใครสักให้รับฟังว่า เพื่อนกับเมียผมมันทรยศหักหลัง มันเอาทุกอย่างไปจากผมแม้แต่ความเป็นคน แต่ผมพูดไม่ได้ เพราะผมตอนนี้เป็นหมา เลยได้แต่ร้องไห้ระบายความรู้สึกออกไป
"แกร้องไห้เหรอลัคกี้"
หมอเน็ทมองผมอย่างฉงน เพราะตั้งแต่เธอเป็นหมอหมามา ไม่เคยเห็นหมาที่แสดงความรู้สึกได้ขนาดนี้มาก่อน เธอเหมือนรู้สึกได้ว่าผมกำลังระบายความเสียใจอะไรบางอย่างที่ไปพบเจอมา เธอจึงยิ่งกอดและลูบหลังกับหัวปลอบใจผม พร้อมพูดว่า
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวฉันจะพาแกไปอยู่ด้วย ไม่มีใครรังแกแกได้แล้วนะ"
คำปลอบโยนของเธอทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่โดดเดี่ยว และเธอก็เป็นคนดีที่จริงใจจริงๆ และตอนนั้นเธอก็รู้ว่าผมหิว เพราะดูผมซูบผอมและอ่อนแรง เธอเลยพาผมขึ้นรถ และแวะซื้อข้างกล่องมาให้ผมกิน ผมอายเหลือเกินที่จะรับอาหารและกินแบบหมาๆ ต่อหน้าเธอ แต่แล้วผมก็ต้องกินเพราะความหิวมันบังคับผม
จากนั้นเธอก็พาผมกลับไปที่คลินิกของเธอ โดยที่ผมไม่คิดหนีเธอไปอีก เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นคนเดียวในตอนนี้ ที่รักและไม่ทอดทิ้งผม ถึงแม้จะเป็นรักแบบคนกับสัตว์เลี้ยงก็ตาม
วันนั้นเป็นวันหยุดของคลินิก หมอเน็ทโทรศัพท์หาพยาบาลอิ๋วที่พักอาศัยอยู่ในคลินิกให้มาเปิดประตู รับผมเข้าไป ส่วนตัวเธอมีธุระต้องไปทำก่อน
พยาบาลอิ๋วแปลกใจที่หมอเน็ท ไปเจอผมและพาผมกลับมาได้ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เหมือนพรหมลิขิต หลังจากหมอเน็ทไปแล้วพยาบาลอิ๋วก็พาผมไปอาบน้ำ เพื่อชำระร่างกาย เพราะตัวผมสกปรกและมอมแมมมาก
มันเป็นเรื่องที่ผมทำใจอยากอยู่เหมือนกัน ที่มายืนให้ผู้หญิงอาบน้ำให้ในสภาพที่ตัวเองเป็นหมา แถมหนักกว่านั้น พยาบาลอิ๋วดันแก้ผ้าเข้ามาอาบด้วย มันมองพยาบาลอิ๋วที่กำลังถอดเสื้อผ้าจนเหลือร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้า จนต้องเผลอกลืนน้ำลาย เพราะถึงหุ่นเธอจะไม่เลิศเลอเฟอร์เฟค อย่างกับนางแบบหรือว่าดารา แต่ต้องยอมรับว่า เนื้อนมไข่เธอมีพร้อม และหน้าอกก็ดูจะล้นหลามเป็นเต้าตูม เรียกได้ว่า สามารถปลุกเซ็กส์คนที่เห็นรูปร่างเธอได้ไม่อยาก
"ไงจ๊ะ พ่อรูปหล่อ มองตาไม่กระพริบเลย เป็นยังไงฉันสวยมั๊ย"
เธอพูดหยอกผม เหมือนกับผมเป็นคน ผมต้องหลบหน้าเธอด้วยความอายที่เผลอจ้องมองอย่างเสียมารยาท แถมควยผมจะถอกออกมาอีกแล้ว ผมเลยต้องหมอบตัวทับ กลบเกลื่อน แต่ก็ไม่พ้นสายตาพยาบาลอิ๋ว ที่มองมายิ้มอย่างในตาหวาน แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอาฝักบัวมาก้มลงอาบน้ำให้ แล้วพูดหัวเราะเบาๆว่า
"ฮิฮิ แกนี่ แสดงท่าทางอย่างกับรู้เรื่องเหมือนกับคนเลยนะ เป็นอะไรเมื่อกี้อายเหรอที่ควยโด่ ถึงได้หมอบลงไปแบบนั้น..โด่เพราะอะไร เพราะเห็นฉันแก้ผ้าหรือเปล่า ฮิฮิ ทำไมอยากเย็ดคนเหรอ"
คำพูดของพยาบาลอิ๋วทำผมหน้าชา จนไม่กล้ามอง แต่พยาบาลอิ๋ว ก็จับหน้าผมหันมา แล้วเอาน้ำจากฝักบัวรดจนเปียก จากนั้นก็เอาน้ำยาฆ่าเชื้อสบู่หมามาฟอกถูตัวผม ผมนี่สยิวไปหมด จากการลูบไล้ที่นุ่มลื่นของพยาบาลอิ๋ว จนยืนเคลิ้มตัวแข็งถือ และไม่ใช่ตัวที่แข็ง ควยก็ยังแข็งอีกด้วย คราวนี้พยาบาลอิ๋วยิ้มอย่างมีเลศนัย เอามือไปลูบจับควยผมแล้วถูให้
ผมสะดุ้งตกใจ ดิ้นตัวตามสัญชาตญาณ แต่พยาบาลอิ๋วก็จับกอดคอผมไว้ พร้อมกับมือที่ลูบถูควยไม่หยุด จนผมเคลิ้มตัวแข็งถือ อายก็อายแต่ความเคลิ้มความมันส์ที่ได้ระบายความเงี่ยน มันก็เกินหักห้ามใจ เลย คิดในใจว่า เอาวะ นึกว่ามาอาบอบนวดแล้วกัน ไม่คิดว่าพยาบาลอิ๋วคนนี้ จะเล่นกับหมาได้ลามกแบบนี้
เธอยิ่งลูบยิ่งมันส์มือ จนจับสาวให้ผมเร็วๆ จนผมเสียวตัวโกง กระเด้าเอวใส่อย่างลืมตัว พยาบาลอิ๋วหัวเราะ แล้วพูดกระซิบข้างหูผม เย้าแหย่ด้วยเสียงกระเส่าเหมือนเธอก็มีอารมณ์ว่า
"อยากเย็ดแล้วใช่มั๊ยลัคกี้ ฉันให้เย็ดเอามั๊ย"
เธอไม่พูดเปล่า มือก็ยังลูบสาวควยผมไม่หยุด ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป อารมณ์เงี่ยนของคนและอารมณ์ติดสัตว์ของหมา มันทำให้ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ผมเลียหน้าพยาบาลอิ๋วเหมือนจูบเป็นการตอบสนอง พยาบาลอิ๋วหัวเราะเหมือนชอบใจ ที่ผมเหมือนฟังภาษาคนรู้เรื่อง เธอเอาน้ำราดฟองสบู่ออกจนหมด แล้วจากนั้นก็มุดตัวเข้ามาหว่างขาผม แล้วดูดอมควยหมาของผม อย่างไม่รู้สึกรังเกลียด สิ่งที่พยาบาลอิ๋วทำ ทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าพยาบาลอิ๋วจะเป็นคนที่ชอบเล่นรักกับสัตว์แบบนี้
ตอนนั้นผมเสียวควยจนตูดโก่งสี่เท้าจิกพื้น บางครั้งก็กระเด้าปากเธอตอบ แล้วผมก็รู้สึกอยากจะสนองความสุขให้เธอบ้าง ผมจึงพยายามหมุนตัวกลับหัว ตอนแรกพยาบาลอิ๋วคิดว่าผมจะดิ้นหนี ก็พยายามจะจับไว้ แต่เมื่อผมดิ้นหลุด ผมกลับซุกหน้าเข้าหีเธอแล้วใช้ลิ้นเลียให้ แล้วหันตูดไปให้เธอดูดควยให้เหมือนเดิม
พยาบาลอิ๋วมองอย่างตะลึงตาค้างและชอบใจ เธอคงรู้สึกประหลาดที่หมาเล่นท่า และรู้จักตอบสนองให้เธอได้แบบนี้ เธอเลยนอนหงายถ่างขาให้ผม พร้อมกับกดสะโพกผมให้ย่อต่ำลงมาเพื่อจะดูดควยให้
"อืมส์ ลัคกี้ แกนี่มันยอกหมาจริงๆ จ๊วบๆ แจ๊บๆ อ้าห์ แกเลียได้เก่งเหลือเกิน ฉันเสียวหีไปหมดแล้ว"
ผมคิดว่าพยาบาลอิ๋วคงไม่ได้เล่นรักกับหมาอย่างผมเป็นครั้งแรก และเชื่อได้เลยว่า หมาทั่วไปไม่รู้จักจุดกระสั้นของมนุษย์ ได้ดีเท่ามนุษย์ด้วยกันหรอก เมื่อพยาบาลอิ๋วถูกลิ้นหมาแต่ความคิดมนุษย์อย่างผม ระดมเลียแตดและร่องหี เธอก็เสียวจนตูดลอยส่ายร่อนไปมาครางอย่างสุขกระสันจนลืมดูดควย
"อาห์ ซีดดดส์ เก่งจริงๆ ลัคกี้ ฉันเสียวหีน้ำจะแตกอยู่แล้ว อาห์ ซีดดดส์"
คำชมของพยาบาลอิ๋ว ทำให้ความมั่นใจในเรื่องเซ็กส์ที่ถูกเหยียดหยามจากแจนและไอ้โอม จนมันหดหายไปของผมกลับคืนมา ผมจึงบรรจงเน้นสร้างความสุขให้กับพยาบาลอิ๋วมากยิ่งขึ้น จนพยาบาลอิ๋วทนไม่ไหว ปล่อยน้ำหีแตกคาปากหมา
"อ้อออยยยย ลัคกี้ แกสุดยอดจริงๆ ซีดดส์"
พยาบาลอิ๋วร้องบอกอย่างปลดหล่อยอารมณ์หลังจากปล่อยน้ำหีจนเสร็จ แล้วขยับตัวลุกขึ้นไปเปิดตู้กระจกในห้องน้ำ เอาถุงยางที่ซ่อนไว้ออกมาสวมควยให้ผม จากนั้นก็คลานสี่ขาเหมือนหมา แล้วจับผมให้ขึ้นไปค่อมกระเด้าเย็ดเธอ เธอทำอย่างชำนาญเหมือนผ่านการทำกับหมามาแล้วหลายตัว แต่สำหรับผมเธอไม่ต้องเปลืองแรงมาก เพราะผมรู้ดีกว่าหมา เพียงเธอคลานสี่ขาโก่งตูดผมก็ค่อมเธอแล้ว
"อืมส์ รู้ดีจังเลยนะลัคกี้ ถ้าแกทำถูกใจฉัน แล้วฉันจะให้รางวัลนะ อาห์ ..เอาสิ เย็ดฉันสิ เย็ดฉันเลย"
เธอบอกพร้อมส่ายร่อนตูดถูกับควยผม เธอดูเงี่ยนและเซ็กส์จัดเอามากๆ แสดงความร่านออกมาได้ไม่อายหมา ผมก็ไม่รีรอที่จะสนองความสุขให้เธอเพื่อเรียกความมั่นใจของผมกลับคืนมา
ขาคูหน้าผมโอบเอวเธอ ส่วนสะโพกก็ซอยหยิกๆ จนควยไถลลื่นเข้าไปในรู้หี เธอร้องซีดดส์ออกมาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นผมก็ซอยกระเด้าเย็ดพยาบาลอิ๋วอย่างหมาตัวผู้เย็ดหมาตัวเมีย แบบที่เรามักเห็นกันข้างถนนบ่อยๆ
จั๊กๆๆๆๆๆๆ
เสียงควยผมกระแทกน้ำในหีเธอ พร้อมเธอครางร้องว่า
"โอ้ยยย ซีดดส์ ลัคกี้ ควยใหญ่จัง กระเด้าเก่งเหลือเกิน เสียวหีไปถึงข้างในเลย ซีดดส์ แกเป็นหมาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันไม่เคยโดนหมาตัวไหนเย็ดมันส์เท่าแกมาก่อนเลย โอ้ยยย ซีดดส์ โอ้ยยย ซีดดส์ผัวขา ซีดดดส์ ผัวหมาของฉัน"
พยาบาลอิ๋วร้องครางอย่างกับคนเสียสติ เสียวหีจนตัวอยู่ไม่นิ่ง ผมกระเด้าควยอย่างมันส์เสียวควยจนลิ้นห้อย ส่งเสียง แฮ่กๆ ๆๆ ไม่คิดว่าการเย็ดคนในร่างหมาจะได้อารมณ์เสียวแบบนี้ ตอนนั้นผมลิ้นห้อยน้ำลายไหลจนหยดลงแผ่นหลังของพยาบาลอิ๋วจนเปียกเยิ้ม แล้วพยาบาลอิ๋วก็ร้องครางว่า น้ำหีจะแตกอีกแล้ว เธอเกร็งตัวขมิบปล่อยน้ำหี จนควยผมถูกการขมิบของเธอดันจนหลุดออกมา เมื่อเธอปล่อยน้ำหีเสร็จก็ให้ผมเย็ดต่อ โดยจับควยผมยัดเข้าไปใหม่ จนเธอแตกเสร็จไปหลายน้ำ เพราะหมากระเด้าได้เร็วและอึดกว่าคน
"โอ้ยยย ลัคกี้ ฉันไม่ไหวแล้ว เสร็จจนไม่รู้กี่ทีแล้วววว อ็อยยยยย ซีดดส์"
//อู้ยยยยยยย ซีดดดดส์ คุณพยาบาลอิ๋วนี่เด็ดจริงๆ น้ำหีแตกเป็นเยี่ยวเลย ซีดดส์"
จั๊กๆๆๆๆๆ
ตอนนั้นผมเองก็เสร็จเสียวจนจะเสร็จเหมือนกัน หอบหายใจ แฮ่กๆๆๆไม่หยุด แล้วยิ่งเร่งกระเด้าควยถี่ยิบ จนพยาบาลอิ๋วครางไม่เป็นศัพท์
ในที่สุด ผมก็เสร็จน้ำแตกคาถุงยาง แล้วเห่าหอนยาวออกมา บอกว่าน้ำแตกแล้ว ตอนนั้นผมรู้สึกควยร้อนพองโต และเสียวเสร็จอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน คิดในใจว่านี่เป็นอารมณ์เสร็จของหมาหรือเปล่าว่ะ ตอนนั้นพอจะดึงออก ควยเหมือนจะติดในหีจนรู้สึกเจ็บ พยาบาลอิ๋วก็เหมือนจะเจ็บด้วย เธอเลยเอื้อมมือมาจับขาหลังผมไว้ ไม่ให้พลิกตัวออกไปไหน ทำเสียง ชูว์ๆ ให้ผมใจเย็นและอยู่นิ่งๆ จนสักพักควยหดแล้วมันก็หลุดออกมา
แล้วพยาบาลอิ๋วก็หันมากอดมาหอมผมอย่างมันเขี้ยว แล้วผมก็เลียหน้าเลียตาเธอตอบ คิดในใจว่า ถึงเป็นหมาไปแบบนี้ ชีวิตก็ไม่ได้เลวร้ายไปอย่างที่ผมคิดเสียแล้ว
วันนั้นผมได้นอนกับพยาบาลอิ๋วที่ห้องของเธอโดยไม่ต้องนอนในกรง ผมคิดว่าถ้าผมทำตัวว่าง่าย ไม่ดุไม่ดื้อและไม่ซน พวกเธอก็ไม่ขังผมไว้กรงหรอก ก็เลยต้องทำตัวเป็นหมาเชื่องๆ อย่างว่านอนสอนง่ายและผมก็แสนรู้เหมือนฟังภาษาคนรู้เรื่องเสียด้วย พยาบาลอิ๋วก็เลยติดใจเอาผมเป็นคู่ขาแก้เหงาประจำ
ตอนนั้นผมไม่เพียงสนิทกับพยาบาลอิ๋ว แต่ยังสนิทกับหมดเน็ทด้วย หมอเน็ทเป็นหญิงสาวใจดีและโอบอ้อมอารีและรักสัตว์ด้วยใจจริง เธอถึงมาเป็นสัตว์แพทย์ ผมเฝ้ามองดูเธอด้วยความชื่นชมและเริ่มจะแอบหลงรักเธอ คิดว่าหากผมมีโอกาสได้กลับไปเป็นคนอีก คนที่ผมอยากจะแต่งงานใหม่ด้วยก็คือ หมอเน็ท เพราะเธอดีจากข้างในไม่ได้จอมปลอมเหมือนกับยัยแจนเมียผม ยัยแจนนั้นหรอกผมว่าเธอดีเธอเพียบพร้อม แต่แท้จริงเธอคืออสรพิษร้าย ที่วางแผนฆ่าได้แม้กระทั้งผัว เพราะเพื่อชายชู้แล้วก็เงิน
แล้วหมอเน็ทเองก็ชอบและรักผมมากด้วย อย่างเวลาว่างจากการรักษาหมา เธอก็จะมาเล่นกับผมประจำ บางทีก็มานั่งกับพื้นให้ผมขึ้นไปนอนหนุนตัก หรือไม่ก็กอดฟัดหอมจูบผม หรือบ้างก็เกาพุงเกาตัวผมเล่น แล้วดูอาการหมาจั๊กจี้ของผมอย่างสนุกสนาน แม้ความรักของหมอเน็ตที่มีกับผมจะเป็นแบบคนกับสัตว์เลี้ยงก็ตาม แต่ผมก็พอใจและมีความสุข
วันหนึ่งหมอเน็ทจะเอาผมไปเลี้ยงที่บ้านของเธอเพราะชอบในความฉลาดแสนรู้ของผมที่ไม่เหมือนหมาตัวอื่น พยาบาลอิ๋วแสดงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่กล้าขัดใจหมอเน็ท เพราะกลัวหมอเน็ทจะจับได้ว่าเธอแอบมีอะไรกับสุนัขในคลินิก
ส่วนผมไม่มีปัญหาหรอก ถ้าต้องแยกจากพยาบาลอิ๋ว แล้วไปอยู่กับหมอเน็ท เพราะผมมีความสุขใจที่ได้อยู่กับหมอเน็ท มากกว่าความสุขทางกามารมณ์ที่ได้อยู่กับพยาบาลอิ๋ว
และแล้วเมื่อใกล้ถึงบ้านหมอเน็ท ผมต้องแปลกใจขึ้นที่ละน้อย เพราะทางไปบ้านของเธอมันคุ้นตาผมมาก จนเมื่อรถจอดที่บ้านหลังหนึ่ง แล้วเธอเปิดประตูให้ผมลง แล้วบอกว่าถึงบ้านแล้ว ทำเอาผมถึงกับนั่งมึนอยู่กับที่ เพราะบ้านที่เธอบอกว่าถึงแล้วนั้น มันเป็นบ้านของไอ้โอม ไอ้เพื่อนทรยศ ที่ผมเคยมากินเหล้ากับมันในวันเกิดเหตุ
-------------------------------------------------------ต่อ------------------------------------------------------------------