อันหม้ายสาววัยสามสิบหกหย่อน ๆ ของหญิงที่สามีต้องมาด่วนถึงแก่กรรมนั้น หากเธอเป็นคนเจ้าเนื้อและอนามัยดี พร้อมทั้งรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวให้ทันสมัยเลอโฉมอยู่เสมอแล้ว ย่อมแน่ละ…หญิงหม้ายสามีในวัยนี้ดูจะยังไม่แก่เลย
เช่นเดียวกับคุณนายสายสุดาก็อยู่ในวัยนี้ สามีของเธอเป็นข้าราชการชั้นพิเศษ ประจำอยู่กระทรวงหนึ่งได้ถึงแก่กรรมมาร่วมสามปีกว่าแล้ว โดยมีธิดาน้อยที่เกิดขึ้นกับเธอและเขาหนึ่งคนชื่อดุจเดือน ดุจเดือนมีอายุเพิ่งจะย่างเข้าสิบเจ็ดปีบริบูรณ์
พูดถึงความสวยแล้ว ดุจเดือนถอดแบบความงามมาจากมารดา ดังจะเป็นพิมพ์เดียวกันก็ว่าได้ จะมีผิดกับมารดาเพียงแต่ว่า คุณแม่ของเธอมีเรือนร่างที่อวบกว่าอั๋นกว่าเท่านั้น ส่วนเว้าส่วนโค้ง……
เมื่อพูดถึงสมัยสิบแปดปีก่อนโน้น สายสุดาเป็นสาวพราวเสน่ห์ ไม่ว่าจะกรีดกรายส่ายส่วนโค้งไปณ.แห่งหนตำบลใด หญิงสาวจะอดริษยาเธอเป็นไม่มี แต่ชายที่สามารถชนะใจเธอนั้น เป็นหนุ่มรูปหล่อชื่อสันต์ ตระกูลของเขาสูง การศึกษาดีแต่อ่อนวัยกว่าเธอคราวน้อง จึงเป็นเหตุให้บิดาของเธอไม่สมยอมให้เธอไปร่วมสกุลกับเขา แม้เธอจะรักจะพยายามให้บิดาเห็นใจในความรักของเธอและเขา แต่บิดาซึ่งมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงชั้นพระยาพานทองก็ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า "พ่ออับอายขายหน้านัก ถ้าลูกได้สามีที่อายุน้อยกว่า" ความจริงสันต์ชายที่หล่อนรักอายุน้อยกว่าเธอเพียงสองปีเท่านั้น เมื่อบิดาเธอไม่เห็นด้วย รักของเธอและเขาก็ต้องสลายลง
ต่อมาบิดาเธอได้รับหมั้นชายผู้หนึ่งให้กับเธอ แม้เธอจะไม่รัก แต่ความกตัญญูที่เธอมีต่อบิดานั้นเหนือสิ่งอื่นใด เธอจึงยอมสู่วิวาห์กับชายผู้มีโชคดีท่ามกลางความยินดีของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อเธอแต่งถูกต้องตามประเพณีไปแล้ว คนรักหนุ่มของเธอก็หายสาบสูญไปมิยอมมาให้เธอได้เห็นหน้าเลยแม้กระทั่งข่าวคราว…แต่เป็นที่น่าเสียใจและเห็นใจในความดีความงามของสามี อนิจจา…เขาก็มาด่วนจากเธอไปโดยมิมีวันกลับด้วยโรคความดันโลหิตสูง สุดที่นายแพทย์จะเยียวยารักษาได้ทัน
นับต่อจากนั้นเธอก็ดำรงตนเป็นหม้ายสาวผู้เฉิดโฉมตลอดมา แม่หม้ายทรงเสน่ห์อย่างหล่อนนี้นับได้ว่าเป็นเศรษฐีนี เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาล ก็แน่ละ จึงมีบรรดาแพะหนุ่มและไม่หนุ่ม ตลอดจนพ่อหม้ายทั้งหลายหวังจะใคร่ได้โลมโฉมอันอวบอัดอาบเสน่ห์ของหล่อน แต่เธอก็ไม่มีท่าทางว่าจะยอมพร้อมใจกับใครเลย
คฤหาสน์หลังหนึ่งสองชั้นทาสีขาว ปลูกแบบทันสมัยสูงตระหง่านดูสง่า อยู่ในบริเวณที่ดินอันกว้างขวางแถวย่านบางกะปิ เจ้าของเคหาสน์หลังนี้ก็คือคุณนายสายสุดานั่นเอง เธออยู่กับบุตรน้อย คนใช้ชาย-หญิงและญาติผู้ใหญ่เพียงไม่กี่คน
คิมหันต์ พี่ฉันร้อน… หม้ายสาวทรงเครื่องปรารภกับดุจเดือน "อาทิตย์พรุ่งนี้เดินเที่ยวแถวพาหุรัดกับแม่นะ ช่วยแม่เลือกแพรไนล่อน แล้วเลยไปหาชุดอาบน้ำเพิ่มอีกสักสี่ห้าชุด" สายสุดาพูดจบ ดุจเดือนก็เอาแก้มเคล้าเคลียที่อกของคุณแม่พลางกล่าวอย่างออเซาะ "เดือนดีใจมากค่ะ ร้อนนี้คุณแม่จะพาลูกไปหัวหิน เพราะโรงเรียนปิดเทอม คงเจอะเพื่อนที่หัวหินเยอะนะคะ"
"แต่แม่รู้ลูกไปคราวนี้ต้องสนุกเพราะ…" หยุดพูดพลางมองดุจเดือนแล้วยิ้ม "ต้องมีอำนวย แฟนของลูกไปรออยู่ที่หัวหิน จริงไหมล่ะอย่าปิดแม่" สิ้นเสียงคุณแม่พลันดุจเดือนก็แก้ว่า "อุ๊ยตาย คุณแม่เอาอะไรมาพูด ลูกยังไม่รู้จักคำว่าแฟนเลย อำนวยเป็นเพียงเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยคนหนึ่งที่หนูไว้วางใจในความเป็นสุภาพบุรุษนั้น ความสัมพันธ์จึงมีแต่เป็นเพื่อน ขอคุณแม่อย่าได้คิดเป็นอื่นเลย"
สายสุดายิ้มแป้น แขนทั้งสองโอบดุจเดือนเข้ามาในอ้อมอกพลางจูบแก้มบุตรสาวอย่างเอ็นดูที่ลูกสาวคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา และสวยเหมือนแม่ หล่อนนึกในใจ
แดนสวาทหาดสวรรค์
หัวหิน—แดนสวรรค์ของชาวสังคม คณะของคุณนายสายสุดากับลูกและเพื่อนของคุณนายอีกคนหนึ่งชื่อเนื้อทิพย์ เนื้อทิพย์ติดตามคุณนายสายสุดามาด้วยเพราะเธอว้าเหว่ที่ต้องอยู่เดียวดาย เธอมีสามีมาแล้วเป็นนายธนาคารใหญ่โต ขณะนี้สามีของเธอกำลังไปดูกิจการธนาคารอยู่ที่อังกฤษ เธอจึงร่วมตามมาด้วย ทั้งสายสุดาและเนื้อทิพย์ทั้งสองรักกันมาก มีนิสัยใจคอคล้าย ๆ กัน เคยเที่ยวเคยเตร่มาด้วยกัน และซ้ำร้ายทั้งคู่เป็นดาวสังคมลือชื่อที่ชายเห็นจะต้องสยบหัวให้กับความงามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้วก็ตาม เมื่อจัดที่พักได้บังกะโลหลังใหญ่แถว ๆ เขาตะเกียบแล้ว ต่างสดชื่นเปรมปรีดิ์ไปตามกัน
ทั้งสามสาวนุ่งชุดอาบน้ำทะเลฟิตเปรี๊ยะ เดินฉุยฉายอวดส่วนโค้งประชันส่วนเว้ากันที่ชายหาดอย่างสุดเหวี่ยง เธอเล่นน้ำดำน้ำว่ายน้ำอย่างร่าเริงจนเกือบจะค่ำ สายสุดาจึงร้องเตือนว่า "ขึ้นกันเถอะนะ...เนื้อทิพย์ ดุจเดือนด้วยเดี๋ยวจะไม่ทันลีลาศคืนนี้" ฉับพลันเนื้อทิพย์ก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ "เร็วเข้าซิหนูเดือน" เธอกล่าวขณะที่เห็นดุจเดือนยังคะนองเล่นคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอยู่ "กว่าจะแต่งตัวกันเสร็จก็กินเวลาไม่น้อยนะ.." สายสุดารำพึงให้ได้ยิน แล้วทั้งสามสาวก็ขึ้นห่มร่มร่างด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่เตรียมกันมา วิ่งบ้างเดินบ้างเพราะกลัวจะไม่ทันลีลาศเพลงแรกในคืนนี้
คืนนี้หัวหินโฮเต็ลได้จัดลีลาศเพื่อความสดชื่นให้กับคุณหนุ่มและคุณสาว หลังจากที่เล่นน้ำทะเลกันจนมืดจนค่ำแล้ว ลีลาศคืนนี้เพลงเพราะ ทุกคู่กรีดกรายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง สายสุดานั่งดูดุจเดือนซ้อมเท้ากับอำนวยแฟนของลูกเธอแทบทุกเพลงทุกจังหวะ พลางคิดอยู่ในใจ ถ้าหากสามีของเธอยังอยู่ เขาคงจะปลื้มใจมากที่เห็นธิดาน้อยของเขาร่าเริงสดชื่นกับอำนวยที่เขาจะต้องมาเป็นเขยขวัญในอนาคต เพราะเธอรู้ดีทั้งสองรักกันมา
คุณนายสายสุดากำลังเพลินเพลงในจังหวะสโลว์พลันต้องสะดุ้ง ในเมื่อมีบุรุษร่างสมาร์ทผู้หนึ่งโค้งให้เธออย่างสุภาพพลางกล่าว "ประทานโทษ คุณพี่สายสุดาครับ หากไม่รังเกียจและจำผมได้แล้ว เพลงนี้ผมขอ" สิ้นเสียง คิ้วทั้งสองข้างอันดกดำยาวเหยียดของหม้ายสาวขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นหน้าผู้พูดแล้ว เธอต้องอุทานออกมาอย่างลิงโลด "สันต์"
"ครับ ผมสันต์ ไม่นึกว่าจะมาเจอะพี่ดาที่นี่" กล่าวแล้วเขาก็กางมือทั้งสองข้าง ยื่นมือซ้ายให้หม้ายสาวจับมือขวาเลื่อนละลงมาโอบสะเอวหล่อนไว้พลางพาร่างหล่อนหมุนตัวตามจังหวะเพลง สายสุดาอ่อนกายสั่นเทิ้มในอ้อมแขนของสันต์ ในเมื่อปากของเขากระซิบ "ผมยังคงเป็นทาสรักของพี่ดาไม่เปลี่ยนแปลง" หล่อนไม่พูดหล่อนไม่ตอบเมื่อได้ยินคำนี้ หากว่าบีบมือเขาแน่น พอเพลงจบ ทั้งสองจึงพากันมานั่ง เธอแนะนำให้ลูกสาวรู้จัก "นี่ลูกเดือนมารู้จักคุณอาของลูกซิ" ดุจเดือนยกมือขึ้นไหว้สันต์ แต่ไม่วายแปลกใจให้เห็นบนใบหน้าอันสมชื่อของเธอเลยแล้วก็อำนวยคนต่อมาก็เนื้อทิพย์ "ยินดีมากค่ะที่รู้จัก" เสียงหวานของเนื้อทิพย์ตอบ สันต์ยิ้ม "เช่นเดียวกันครับ" พลางมองหน้าส่งสายตาเป็นประกายให้มิตรหญิง
เสียงเพลงดังขึ้นอีกแล้ว "ยิบเซียนไนท์..." ช่างเร่าร้อนอารมณ์คู่เต้นเสียจริง ๆ ดุจเดือนดึงแขนอำนวยถลาร่อนไปตามลีลาศของจังหวะเช่นเดียวกับเนื้อทิพย์ที่เธอถูกคู่เต้นขอร้องอย่างสุภาพแทบทุกเพลง
สันต์และสายสุดาดั่งจะรู้ใจกัน ทั้งคู่จึงเลี่ยงออกจากฟลอร์ หวังจะหามุมสงบคุยกันให้สมรักสมกับที่จากกันไปเสียนาน ทั้งคู่เดินทอดน่องฝ่าความมืดไปตามหาดทราบ เมื่อเห็นปลอดคนดีแล้ว สันต์เป็นผู้ทำลายความเงียบขึ้นก่อน "ผมไม่นึกเลยว่าจะมีวาสนาได้พบคุณพี่ที่นี่เลย" เมื่อเห็นสายสุดานิ่ง สันต์ย้ำคำเพื่อหาเหตุให้หม้ายสาวได้ตอบ "รู้ตัวหรือเปล่าครับ เดี๋ยวนี้น่ะ พี่สวยและสมบูรณ์กว่าเก่าเป็นกอง"
เธอโดนคำยอว่าสวยเท่านั้น เลือดฉีดขึ้นหน้า เธอยิ้มแล้วหยิกเขาที่ต้นแขน "นี่แน่ะพ่อปากหวาน จะเอาน้ำผึ้งมายอคนแก่ทำไม ลูกพี่เป็นสาวแล้วนะ รู้ตัวได้ดีว่าไม่บริสุทธิ์เหมือนก่อน"
"แต่ผมยังรักของผมอยู่นี่ครับ"
"รักใคร" เธอแกล้งถาม "พี่จะได้เป็นสื่อให้"
"จริงหรือพี่" สันต์กระเซ้า "ถ้าพี่ช่วยเป็นสำเร็จ"
"บอกมาซิ ใครล่ะ"
สันต์ค่อย ๆ กระซิบที่ข้างหู "พี่ดาไงล่ะที่ผมรักเหนือดวงใจ"
ความจริงสายสุดาตั้งแต่สามีหล่อนตายไปเธอก็อยู่เดียวดาย ไม่เคยแนบชิดกับชายใดเลย วัยของเธอยังสาว สมบูรณ์ไปด้วยไขมันแน่นจุกอกฟิตเปรี๊ยะไปทั่วเรือนกาย เมื่อมาเดินคู่กับชายซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยรักท่ามกลางท้องฟ้า หาดทรายไกลสายตาจากผู้คน ความกดดันของธรรมชาติเธอจึงมีความต้องการอย่างประหลาด
ทั้งคู่นั่งข้างโขดหินโดยมิกลัวเสื้อผ้าจะเปื้อน สายสุดาถ้าไม่รักสันต์ แน่ละ...เธอจะไม่นั่งคุยกับเขาในที่ลับตาให้มัวหมอง สันต์นึกอยู่ในใจ คืนนี้แล้วเขาจะกล้ากับเธอเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยว่าเขาขลาด...
มือทั้งสองของสันต์บรรจงกุมมือเธอพลางกระซิบ "รู้ตัวบ้างหรือเปล่า พี่ดา ผมคิดถึงเพียงจะขาดใจอยู่แล้ว"
หม้ายสาวสะท้อนทรวงเมื่อยินคำเขาพร่ำ พลางกระซิบกระซาบ "คิดถึงซิ ถึงได้หายไปเป็นแรมปี ป่านนี้มิไปมีซ่อนไว้ที่ไหนหรือ"
สันต์ไม่ตอบ แต่มือละจากการกุมมือเธอมาเป็นลูบไล้เรือนร่างด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าของสันต์ก็ซบไปที่ทรวงอกอวบ
"อุ๊ย สันต์" เธออุทาน "อย่ารังแกดาซิ ใครเห็นเข้าจะไม่งาม" เสียงหล่อนพร่ำ
"เห็นก็ดีซิ" สันต์ย้อน ขณะถอนหน้าจากพุ่มพวงทั้งคู่นั้น "เขาจะได้รู้ว่าเรารักกัน"
"แปลกพิลึกคน เห็นแก่ได้" หม้ายสาวว่า แต่สายตาเป็นประกายบ่งถึงความสุขที่กำลังจะได้รับ
"ได้ดีซิ ถึงตายก็จะนอนตาหลับเพราะได้คนสวย"
"ฮือ ได้อะไรนะ" มือทั้งสองหล่อนเขย่าแก้มสันต์
"ถามได้ ได้..." สันต์ตะกุกตะกักในลำคอแล้วหัวเราะเบา ๆ ให้หล่อนคิด แต่ชั่วพริบตานั้นจมูกโด่งรับกับใบหน้าสันต์ก็จรดมาที่พวงแก้มอิ่มจนยุ้ยของหล่อน ร่างอวบถูกโอบกระชับแน่นแรง ปากสันต์กดลงไปที่ริมฝีปากรูปกระจับของหล่อนหนักหน่วง พลางสอดปลายลิ้นแหย่เข้าไปหาลิ้นนิ่มของเธอ เท่านี้เองสายสุดาก็ลืมตัว เหยียดลิ้นออกตวัดพันกับลิ้นของสันต์ ใจเธออ่อนแขนอ่อน อารมณ์ที่เปล่าเปลี่ยวเพราะขาดรสชาติผู้ชายมานานปีเริ่มตื่นตัว เลือดซ่านไปด้วยความเสียวสยอง หล่อนถูกจับถูกกอด เคล้นคลึงไม่ว่างมือ ร่างงามหล่อนเลื่อนลงมาอยู่บนตักสันต์ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอไม่รู้
"ดูซิ มืออยู่ไม่สุข ทำไมถึงซนอย่างนี้ ทูนหัว" หล่อนเพ้อแต่ตาหลับพริ้ม ขณะที่มือซนของสันต์เลิกกระโปรงหล่อนขึ้น หม้ายสาวพยายามปัดปิดอยู่เช่นนี้หลายครั้งหลายครา จนในที่สุดมือสันต์ก็จับและลูบคลำตรงนั้นจนได้ ที่โคกอูมใหญ่ของสายสุดาเต็มไปด้วยเส้นขน หม้ายสาวครางอี้ย์ เอนร่างลงไปนอนบนตักหนุ่มเพราะสุดทนแล้ว
"เป็นของผมนะพี่ดา" สันต์กระซิบ
"อุ๊ย ไม่เอาค่ะ อย่านะ" หล่อนฝืนตอบ ดึงหูสันต์มาติดปากกล่าวอาย ๆ ดั่งจะกลัวคนได้ยินว่า "กลางดินกลางทราย น่าเกลียด"
แต่นิ้วของสันต์ได้แหย่ไชเข้าไปในกลีบทั้งสองที่เผยอคอยท่าอยู่เพื่อจะยั่วยุให้หล่อนซ่านไปด้วยความอยาก "อุ๊ย อะไรกันพี่ดา" สันต์ถาม เพราะนิ้วของเขาพบกับน้ำเมือกลื่นเยิ้มออกมาเปื้อนที่ง่ามก้นของหล่อน เท่านั้นเอง หม้ายสาวก็มืดหน้าพลางกล่าวอย่างเร่งร้อน
"น้องสันต์ขา พาพี่ไปที่พักดีกว่า ที่นั่น..." หล่อนทิ้งท้ายไว้เพียงนี้แล้วยึดแขนสันต์ไปด้วยความรักสันต์จนสุดขีด
ฝ่ายดุจเดือนกำลังเพลินลีลาศอยู่กับอำนวย ครั้งแรกหล่อนมิเห็นมารดาก็ไม่ติดใจสงสัย เธอคิดว่าคงจะไปทำธุระที่ห้องน้ำ แต่นานไปนานไปเธอนึกสงสัยและเป็นห่วง จึงชวนอำนวยมาหาที่หาดทราย เมื่อไม่เห็นมีจึงชวนกันมาที่บังกะโลหลังที่เธอและคุณแม่พัก
อ๋อ อยู่ เมื่อเธอเห็นไฟในห้องนอนคุณแม่เปิดแต่เธอไม่วายตำหนิคุณแม่ในใจ มาไม่ยักบอก
"กลับไปฟลอร์ใหม่ดีกว่า" อำนวยบอกพลางยึดแขนเธอหยุดไว้
"เดี๋ยวซิคะนวยขา เดือนอยากรู้ว่าคุณแม่เป็นอะไรถึงได้รีบกลับ"
ทั้งสองจึงตกลงค่อย ๆ ย่องไปดูคุณแม่ หากเห็นท่านหลับแล้วก็จะได้ไปขึ้นฟลอร์ลีลาศใหม่ ทั้งคู่แอบย่องมาด้านหลังของห้องคุณแม่เพราะดุจเดือนรู้ว่าด้านนี้มีรูไม้ร้าวตรงเตียงนอนคุณแม่พอดีพอจะเห็นภายในได้ เมื่อเธอหรี่ตามองลอดเข้าไปภายในห้องคุณแม่....
ทันใดนั้นเธอต้องเย็นสันหลังวาบ ภาพที่ปรากฏแก่สายตา ภาพนั้นเป็นไปได้เทียวหรือ สายสุดามารดาหล่อนเปลือยกายท่อนล่างล่อนจ้อนขาวโพลงอยู่บนตักของคุณอาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง คุณอาสัปดนจัง เธอนึกเกลียด นุ่งได้ผ้าขนหนูผืนเดียว ซ้ำมือก็ยังอยู่ไม่สุขเสียด้วย ดูซิแกะกระดุมเสื้อในแพรสีดำผ้าลูกไม้ของคุณแม่จนหลุด เต้านมที่พวยพุ่งออกมาชี้งอนของคุณแม่ถูกคุณอาเอาจมูกเคล้าเคลียและดูดอย่างรัญจวน
คุณแม่หลับตาปี๋และชำเลืองดูคุณอา เมื่อมืองามนั้นถูกคุณอาจับมาวางไว้ที่อาวุธร้ายในร่มผ้าขนหนูผืนนั้น มันแข็งโด่กระดุบกระดิบจนคุณแม่รำคาญเลยกระชากผ้าขนหนูนั้นออก ฉับพลันคุณอาก็อยู่ในชุดวันเกิด เธอต้องสะดุ้งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นคุณแม่หัวร่อต่อกระซิกกับคุณอา มือนั่นก็กำควยคุณอากระทอกขึ้นลงอย่างเมามัน
"ที่รัก" สันต์กระซิบคุณแม่
"อุ๊ย อะไรอีกล่ะ" คุณแม่ตอบ "ไม่รู้จักพอบ้าง กี่หนแล้วระบมไปหมด"
"แต่ผมไม่อิ่มเลย"
หล่อนเบนหน้าหนี กล่าวอย่างเสียงอ้อยสร้อยขึ้น "ไว้วันหลังบ้างซิคะ"
"ทูนหัว จะขาดใจอยู่แล้ว" สันต์ไม่พูดพล่ามอีกแล้ว เขาอุ้มร่างงามของสายสุดามาวางที่แง่เตียง ร่างนั้นนอนหงายขวางก้นของเธอพอดีกับขอบเตียง ส่วนขานั้นห้อยบิดอยู่ไปมา สันต์ลูบโคกที่ดกดำไปด้วยเส้นหมอยจนเลยถึงง่ามตูด เม็ดละมุดสีแดงคล้ำจนเกือบจะเป็นสีม่วงแพลมออกมานอกแคมขมิบมิบ ๆ ด้วยความเงี่ยน เสียงคุณแม่แตกพร่าดังคนที่กำลังจะขาดใจตาย
"สันต์ขา อย่าทรมานดาเลยค่ะ ดาทนไม่ไหวแล้ว"
จริงซิ ทำไมเธอจะไม่สั่นครางเพราะความกระหายสวาทเล่า แม้แต่ดุจเดือนและอำนวยที่แอบดูการกระทำอันลามกของเธอยังกอดกันกลมดิก แต่ตาก็คงแอบดูภาพคุณแม่และคุณอาทั้งสองเริงสวาทกันอยู่
"อุ๊ย สันต์ขา เบามือหน่อยซิคะ" เธอกัดฟันกรอดเมื่อเขาจับขาหล่อนถ่างออกจนสุดเหยียด หล่อนเต็มกลืนเมื่อโดนของแข็งโด่เด่ทิ่มก้นทิ่มตูด พลางหล่อนผงกหัวขึ้นดู แต่ทันใดนั้นเองมือของหล่อนก็เอื้อมคว้าลำควยซนของสันต์ยัดใส่เข้าในรูที่เยิ้มไปด้วยน้ำเมือกแล้วเอ่ย
"สันต์ขา เอามาจากไหนกันคะที่รัก ใหญ่โตถึงเพียงนี้" กล่าวพลางมองดูสันต์ยอดชู้กระเด้าดุบ ๆ อยู่ไปมา
สันต์ยิ้มแล้วกระซิบ "พี่ดาล่ะ หยอกเสียเมื่อไหร่ ทั้งโคกทั้ง...ทั้ง...อย่างนี้ผมมิรู้เมื่อยเลย"
"หวานนัก" เธอพร่ำ "หากรู้ว่าไปมีที่อื่นอีกละก็...ฮึ่ม"
สันต์หายใจฟืดฟาดผิดกับสายสุดา มือของหล่อนกำที่นอนไว้แน่น ส่วนก้นนั้นเด้งรับการกระเด้าของสันต์อยู่ฉับ ๆ ทั้งสันต์และหม้ายสาวต่างสุดทนด้วยกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างกระเด้ารัวจังหวะถี่ยิบ แต่ในท่ามกลางของความอภิรมย์นั้น สันต์กระซิบเพียงเบา ๆ ดั่งกลัวใครจะได้ยิน
"เราอย่าเพิ่งด่วนเสร็จกันในท่านี้เลยนะ ที่รัก"
หล่อนหายใจระรวยเมื่อสันต์กล่าวจบเธอต้องร้องอุ๊ยออกมา
"ท่าอะไรกันคะสันต์ ดาไม่เคยเล่นนี่ จะสอนให้พี่เสียคนรึ"
"เถอะน่า พี่ดาเชื่อผมสักครั้งซิแล้วจะชอบภายหลัง" สิ้นเสียงสองมือสันต์ก็จับร่างหม้ายสาวสายสุดาพลิกคว่ำ ดึงตูดขึ้นมาโด่งเหนือขอบเตียง เข่าทั้งคู่คุกไว้พอดีแง่ ความที่เธอมีร่างอวบจนดูเกือบจะอ้วนแต่มีทรงดี เมื่อมาโก้งโค้งตูดเช่นนี้ แน่ละมันเป็นภาพที่หาดูได้ยากที่สุด อกหล่อนกว้างใหญ่เอวคอดรับกับความโค้งของสะโพกผาย กล้ามก้นย้อยกระเพื่อมได้เมื่อถูกมือสันต์ลูบไล้ โคกของสายสุดาอูมเห็นเด่นชัด แน่ละ เมื่อหล่อนโค้งคว่ำตูดเช่นนี้ โคกนูนที่เคยหวงกลับมาเห็นเด่นชัดอยู่ข้างหลัง สันต์ตะลึง เบิ่งตาจ้อง มือลูบหมอยหม้ายสาวเล่น
"ดกดำแท้" สันต์อู้อี้แทบฟังไม่ได้ศัพท์ จะเป็นด้วยความรักหรือหลงก็เหลือเดา เมื่อจมูกนั้นฝังลงไปเกลือกกลิ้งเคล้าเคลียที่โคกหี หล่อนกลั้นสวาทแทบไม่ไหวแล้ว พยายามยันมือที่รองรับส่วนอกเธอนั้นยันขึ้นจนสามารถมองใต้หว่างขา เธอเห็นเขาแสดงความรักต่อโคกอูมนั้น หล่อนจึงหลุดคำออกมาสั่นพร่า
"โธ่ สันต์ขา รักตรงนั้นมากหรือคะ"
"ครับ" สันต์ตอบเพียงคำเดียว แล้วก็ถอนจมูกขึ้น สายสุดาสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าหัวถอกกำลังจ่อถูกที่สำคัญ เธอเอี้ยวตูดและผินหน้าชำเลืองดู อนิจจา หัวถอกนั้นแข็งเป๊กจนแลเห็นสันเอ็นที่ลำ โคนคอดปลายคดหัวถอกเป็นมันแดงก่ำ ผงกหัวหงิก ๆ
อุ๊ย น่าเสียวไส้อะไรเช่นนี้ เธอนึกอยู่ในใจ แต่ก็ไม่วายเอื้อมมือมาจับอีกจนได้ เมื่อเห็นสันต์ยังรีรออยู่ "ช้าทำไมเล่าน้องสันต์ เดี๋ยวใครแอบมาเห็นเข้า" หล่อนสำทับเพราะเสียวสุดใจแล้ว ม่านหมอยที่รุ่มร่ามออกมาจนถึงง่ามก้นลู่ไปตามลำลึงค์ เนื้ออ่อนที่อ้าอมอยู่ถูกเส้นขนของเธอเองทิ่มแทงเพียงแผ่ว ๆ จนเธอแสยง เริ่มส่ายสะโพกเพราะรัญจวน
สายสุดาลืมตัวแล้ว หล่อนเพ้อ หล่อนพร่ำด้วยเสียงละห้อย "ทูนหัว ทำไมถึงโลดโผนกับพี่อย่างนี้ ไม่น่าจะทำพี่เลย เหมือนหมู เหมือนหมา"
สันต์รู้ เท่าที่เธอเอื้อนคำออกมานี้ เธอพูดเพียงแก้ขวยอายเท่านั้น จึงอยากจะแกล้งดูมารยาของหล่อน สันต์ฝืนใจหยุดกระเด้าพลางชักลำควยออกจวนหลุดมิหลุดแหล่ สันต์กระเอิมใจเพื่อกลั้นความพิศวาส
"เมื่อพี่ดาไม่ชอบโลดโผน ผมก็จะตามใจคุณพี่" พลางรั้งก้นหมายใจสวาทให้นอนลง
"อุ๊ย ไม่เอา สันต์ใจน้อยไปได้ ทำไปเถอะอย่างนี้พี่ชอบ" พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะสะโพกดั่งจะบอกสัญญาณให้เริ่มอีก เร็วซิ หล่อนพูดอย่างเร่งร้อน แต่สันต์ยังทำเฉย กระซิบอีก "พี่ดาชอบหรือเปล่าล่ะ"
หล่อนอึดอัดหายใจพลางระบาย และรับว่า "ค่ะ ดาชอบท่านี้"
ฟังคำพูดชนิดที่รวมหัวใจของกามเทพจากปากเธอจนหมดสิ้นแล้ว ลำยาวชนิดสองกำโผล่ของสันต์กดพรวดเข้าไปจนมิด ชักสากใหญ่แซะซ้ายแซะขวา
"โอ๊ย สันต์ขา ทำไมมันเป็นอย่างนี้ อูย อูย" สายสุดาครวญคราง "ทูนหัวขา ไปหัดมาจากไหน เบา ๆ หน่อยซีคะ ดาจะขาดใจอยู่แล้ว"
สันต์ขณะนี้ก็สุดกลั้นเต็มกลืนแล้ว เห็นทีจะอึดอดทนต่อไปไม่ไหวจึงสำออยเรียกชื่อเธอ "พี่ดาทนไว้อีกนิดนะครับ" เสียงเขาอ่อย ๆ "ความสุขจะสดชื่นถึงขีดสุดถ้าเราออกพร้อม ๆ กัน"
"ค่ะ" เธอขานรับอย่างสำออยพลางแอ่นก้นล้ำออกเกือบจะพ้นแง่เตียง
สันต์ละมือจากการเหนี่ยวไหล่มาจับสะโพกเธอเพื่อจะกระเด้าได้ถนัดถนี่ขณะชักลำเข้าออกนั้น กระโปกห้อยโตงเตงสองลูกแกว่งไปมากระทบกับง่ามตูดสายสุดาดังแปะ ๆ สายสุดาคงจะรำคาญเสียงดังกระมัง จึงได้เห็นมือเธอล้วงลอดใต้หว่างขามาท้ายตูดเธอ พลันเจ้ากระโปกพวงนั้นถึงกับบีบจนแน่น สันต์หน้าเบี้ยวบิดซี๊ดปากเพราะความเสียว แต่ชั่วครู่เสียงสายสุดาครางกระเส่าพอจะได้ยินว่า
"สันต์ขา จวนรึยังคะ ดาจวนแล้วค่ะ โอ้ย ทนไม่ไหวแล้ว สันต์เย็ดพี่แรง ๆ อูยว์" หล่อนปล่อยมือจากการกุมเพื่อให้เขากระเด้าได้แรง ๆ แต่เธอก็ต้องเด้งก้นของเธอกระเด้าเข้าออกเพื่อรับการกระแทกของสันต์ สันต์สุดกลั้นเมื่อลำลึงค์ของเขาถูกหม้ายสาวขมิบมันดุบ ๆ ดิ้นอยู่ในโคกสำราญ
พลัน สันต์ก็ชักอาวุธร้ายออกมาแค่คอคอด ก้นย้อยสายสุดาก็ลอยตามติด เพราะกลัวสิ่งที่โคกเธออมไว้จะหลุด
อิริยาบถเช่นนี้ สันต์รู้ดีว่าเธอกำลังตกอยู่ในห้วงสวาทที่เขากำลังปรนป้อนให้อย่างสุดเหวี่ยง จึงกระแทกหัวถอกดันเข้าถอนออก ดันเข้า ถอนออก จนใบหน้าเธอแดงซ่านด้วยฤทธิ์เงี่ยน
"สันต์ขา" เสียงเธอสั่น พร่ำแต่ขานชื่อเขา "ทำไมสันต์จึงอึดอย่างนี้ ซี๊ด น้ำดาจวนออกแล้วค่ะ แรงหน่อยซิคะ ดากลั้นไม่ไหวแล้วค่ะ"
สันต์หูอื้อ กรามทั้งสองข้างเกร็ง เขาออกแรงกระเด้าเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสุดแรง
"ว้าย" เธอหลุดคำออกมาอีก "ดาน้ำออกแล้วค่ะ สันต์ขา ทำไมถึงเย็ดเก่งอย่างนี้"
แต่สันต์เขาก็สิ้นแรงเสียแล้ว หลั่งน้ำรักออกมาพร้อม ๆ กับเธอแทบจะหมดไส้หมดพุง ทั้งคู่ฟุบลงไปคาเตียง ต่างฝ่ายต่างเสียวสุดยอด
อำนวยดึงแขนดุจเดือนวิ่งพลางเดินพลาง ภาพของคุณแม่ขณะเย็ดกันจนหลวมตัวนั้น ช่างปลุกความรู้สึกทางเพศอย่างรุนแรง เลือดหนุ่มสาววัยทีนเอจต่างมีความกระหายใคร่จะได้ประลองสวาทซึ่งกันและกัน
ที่นั่นไม่ใช่ฟลอร์ลีลาศ หากเป็นข้างโขดหิน ทั้งอำนวยและดุจเดือนต่างตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำเข้าครอบงำ ดุจเดือนลืมตัว เธอกำลังอยากจะให้อำนวยทำอย่างที่คุณอาสันต์ทำกับแม่เธอ
"อุ๊ย กอดเบา ๆ หน่อยซิคะ นวยขา เดือนหายใจไม่ออก" เธอร้องเมื่ออำนวยรัดร่างแน่นขึ้น
"เป็นของพี่นะ" หนุ่มกระซิบ
"อย่านะนวย โธ่ อย่ารังแกเดือนซิ เท่านี้ก็ป่นปี้หมดแล้ว ดูซิ ไม่เอ๊า ไม่เอา สิ้นรักเดือนแล้วหรือถึงได้รุนแรง"
"เพราะรักเดือนน่ะซิ ถึงอยากให้เดือนมีความสุขอย่างคุณแม่"
"อุ๊ย เอาอะไรมาพูด ก็คุณแม่ท่าน อ้า...อ้า..." เธอพูดได้แค่นี้ก็หยุด แน่ละ ขืนพูดไปเธอกลัวจะเข้าเนื้อ พลางนึกตำหนิคุณแม่ในใจ "คุณแม่นะคุณแม่ ไม่น่าจะมาเย็ดให้ลูกและเขาเห็นเลย"
"เป็นของพี่นะ" อำนวยกระซิบที่ช่องหูเธออีก
"รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือคะ นวย" ดุจเดือนพูดเหมือนคนละเมอ
แล้วอำนวยก็วางร่างที่อ่อนระทวยในวงแขนนั้นลงนอนราบกับชายหาด หล่อนดิ้น อำนวยไขว่คว้าพลางเปลื้องผ้าชุดราตรี เสื้อไม่มีแขนรัดอก จนในที่สุดร่างของเธอก็มีแต่ฟ้ากับน้ำเป็นเครื่องปกปิดกาย ดุจเดือนไม่เคยแก่รสสัมผัสจากมือชายเลย
เธอยอมแล้วให้เขาจูบให้เขาลูบคลึงร่างที่เปล่าเปลือย แม้จะเป็นกลางดินกลางทราย เธอก็ยอมให้เพราะเธอไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้ ภาพของคุณแม่และคุณอามันรบกวนอารมณ์ให้ร่านสวาทจนลืมอาย
อำนวยตระโบมโลมปลุกความกระสันให้เธออย่างมัวเมาเพราะเลือดหนุ่มกลัดมัน ในที่สุดหญิงก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อมือเขามาสะดุดหยุดที่โคกกระเปาะเหลาะ
"อย่าไชซิคะ อุ๊ย เอาออกเถอะมันเสียวค่ะ"
แต่อำนวยยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ นิ้วสะกิดเม็ดละมุดเธอไปมา บางครั้งก็แยงเข้าไปจนสุด น้ำเงี่ยนดุจเดือนไหลมาเปรอะแคมทั้งสอง หมอยเธอถูกอีกมือหนึ่งของเขาลูบดึงเล่น
"ดกเหมือนคุณแม่"
"วุ้ย บ้า พูดอะไรไม่รู้ สัปดน"
อำนวยหัวร่อเมื่อได้ยินคำเธอว่า สัปดน เดี๋ยวเถอะเธอจะได้รู้ เขาจะสอนให้เธอสัปดนละ พลางเสื้อผ้าของอำนวยเจ้าตัวก็สลัดมันออก โยนไปกองรวมกับของหล่อนข้างโขดผาโน่น ชั่วพลัน ร่างเปลือยเขาก็ลงไปคลุกกับร่างเธอ ทั้งคู่นอนแก้ผ้ากอดกันกลมดิกกลางทราย ท่ามกลางเสียงซู่ซ่าของน้ำทะเล
"อุ๊ย" หญิงสาวสะดุ้งเมื่ออำนวยจับมือเธอมากุมลำควยเขาไว้
"ทำไมถึงใหญ่อย่างนี้" เธอร้อง ส่วนมือกำแน่นพร้อมกับดึงมาวัดกับข้อมือเธอ
"ตายแล้ว" หล่อนร้องขึ้นอีก "เท่าแขนเดือนแน่ นวยขา ใหญ่กว่าคุณอาสันต์เป็นกอง"
หล่อนกล่าวจบก็ส่ายหน้าหลับตาเพราะความสยองขน ความจริงควยของอำนวยโตจริง ๆ บรรพบุรุษให้เขามาอย่างนี้จะทำอย่างไรได้ เขากระชับร่างอรชรนั้นรัดแน่น ขาก่ายขึ้นวางบนร่างเธอพลางพลิกจากนอนตะแคงเป็นนอนหงาย ทันใดนั้นร่างเขาก็นอนทาบมาทับเธอ จมูกฝังลงไปที่แก้มที่ปากเพื่อจะปลุกกามราคะเธอให้ร่านร้อน แน่ละ อำนวยรู้ถ้าเธอไม่สุดขีดเป็นไม่ยอมแน่
จากใบหน้าเขาก็เลื่อนลงมาที่ยอดแหลมขอบอกพุ่มพวงทั้งคู่พุ่งผงาด พลันก็อมมันไว้ทั้งดูดทั้งเม้ม มือก็ไต่ไปตามร่างกายทำให้เกิดความซ่านสยิวไปทั่วหัวใจ ดุจเดือนบอกไม่ถูกขณะนี้เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง นอกจากเสียงครางเบา ๆ อย่างมีความสุข
"นวยขา ดึกมากแล้วนะ" หล่อนแกล้งเร่งทางอ้อมเพื่อจะให้เขาลงมือ เท่านั้นเองอำนวยดั่งจะรู้ใจสาวคนรัก จึงค่อย ๆ ลุกโยงโย่มาทางหว่างขาเธอ แล้วค่อย ๆ ถ่างขาเธอออกทีละน้อยจนเห็นแคมอ้ากลางแสงจันทร์รางเลือน ทิ่มปลายบานเข้าไปทีละนิด ๆ แต่ก็เข้าไม่ได้ ติดแต่เพียงคอ ดุจเดือนตัวสั่นสะท้านเพราะในชีวิตเธออย่างนี้ไม่เคย แต่ก็อดถามเขาไม่ได้
"ที่รักขาถนัดไหมคะ" หล่อนสงสารเขาขณะที่เห็นเขาบรรจงทิ่มหัวถอกเพียงเบา ๆ
"อุ๊ย เข้าไปได้นิดแล้ว" เธอเสียงเครือ
"อุ๊ย เจ็บค่ะ" ในเมื่ออำนวยชักกดแรงขึ้น ๆ น้ำเมือกที่หล่อเลี้ยงภายในเริ่มทำหน้าที่ของมันโดยช่วยเป็นสื่อให้ลำใหญ่เลื้อยเข้า ๆ จนในที่สุดโคกของเธอก็อมมันได้เกือบครึ่งอันเข้าไปแล้ว
"ค่อย ๆ หน่อย อุ๊ย อย่าค่ะ อย่าแรง เดือนเจ็บค่ะ"
อำนวยชักจะแรงขึ้นอีก "ทนเจ็บหน่อยนะที่รัก" อำนวยเอ่ยค่อย ๆ พลางก็กดเข้าไปจนเกือบจะหมดแล้ว
"โอ้ย นวยขา หยุดก่อนค่ะ เจ็บจัง" หญิงสาวปรือตาบอก แต่ก็ไม่วายกัดฟันกรอด ๆ เพราะในความเจ็บนั้นมันก็มีความเสียวซ่านอย่างไม่เคยปนแฝงอยู่ด้วย อำนวยหยุดเหมือนจะเชื่อฟังคำสาวคนรัก แต่ชั่วหายใจเข้าออกนั้น เขาได้กระแทกลำควยค่อนข้างแรง
"ว้าย โธ่นวย ทำไมแกล้งเดือนอย่างนี้ ดูซิ ตายแล้วเข้าไปหมดทั้งดุ้น"
เธอรู้ เพราะในโหนกเธอและเขาแนบสนิทกัน ดุจเดือนทั้งเจ็บทั้งแสบ
"อื้อฮือ เสียว" กายเธอสั่น ขาแขนสิ้นแรงแทบไม่มีกำลัง ถูกเขาหยุดกระเด้า แต่มือไฉนเอื้อมมาคลึงเคล้นจนนมเธอลุกชันชี้งอนสู้มือ ดุจเดือนรู้สึกตัวเหมือนฝัน ขณะที่เพลินนั้น สากใหญ่ก็ชักออกกระแทกพรวดเข้าไปโดยมิฟังเสียงเธอปราม เพราะอำนวยปลุกสวาทจนเธอตื่นตัว
"อูย อูย" ดุจเดือนเจ็บหรือถึงได้ร้องเช่นนี้ เปล่าเลย หากเจ็บเธอจะต้องพยายามพลิกกายหนี แต่นี่เธอกลับแอ่นโคกสู้เขากระดกก้นเด้งรับจ้าละหวั่น เธอถึงขีดสุดแล้ว เจ็บเมื่อตะกี้นี้หายไปราวปลิดทิ้ง คงมีแต่ความสนุกเข้ามาแทน เสียงดุจเดือนอ้อยสร้อยข้างหูเรียกชื่อ "นวย นวยขา ทำไมมันอย่างนี้คะ" อำนวยก็เช่นเดียวกันแล้วเมื่อรู้สึกว่าลำควยที่ถูกแคมทั้งสองกลีบงับไว้จนแน่นฟิตเปรี๊ยะ มันเริ่มดุบ ๆ ที่หัวถอกจึงเร่งจังหวะเร็วแรงถี่ขึ้น จนเธอร้องครางอู้อี้ และว้ายขึ้นในบางขณะ พลางผงกศีรษะขึ้นมากระซิบสวาท
"นวยขา ทำเดือนอย่างนี้เผื่อท้องล่ะ"
"ดีซิจะได้เป็นพยานรักให้เราทั้งสองอุ้มไงล่ะ" แล้วหัวเราะ ส่วนตูดกระเด้ากระแทกอย่างไม่ปรานีปราศรัย ดุจเดือนก็ได้แต่ส่ายสะโพกไปมา พลางคิ้วทั้งคู่ที่ยาวจนงอนเลิกขึ้นดั่งว่าจะสงสัยสิ่งหนึ่งสิ่งใด
"แน่ะ นวยขา ไอ้นี่เองมันเข้าถึงท้องน้อยแน่ค่ะ" เหมือนกับมีชีวิตวิญญาณ เพราะมันดุบดิ้นในท้องน้อยนั้น
"ดีไหมล่ะ" อำนวยพร่ำถาม เธอไม่ตอบเพราะเธอเป็นหญิง อย่างน้อย ๆ ความอายก็ย่อมมีเป็นธรรมดา
แต่เธอก็ต้องร้องอู๊ "ซนจนได้ ที่รักของเดือนทำไมถึงเก่งอย่างนี้ นาน ๆ นะ วุ้ย ไม่เอาค่ะ แรงอีกนิดนะทูนหัว เดือนชอบเย็ดแรง ๆ แล้วก็นาน ๆ"
แต่อำนวยจะตามใจเธอทั้งหมดไม่ได้ เย็ดแรงได้ แต่นานไม่ไหวเพราะเขาจะแย่อยู่แล้ว
"เดือนชอบรึ" อำนวยแกล้งสัพยอก
"ค่ะ" เธอขานรับและย้อน "นวยเป็นคนสอนให้นี่"
"ไม่ใช่ นวยไม่เคยเป็นครู"
"แล้วใครล่ะเป็นครู เดือนอยากรู้นักพ่อผู้ร้ายปากแข็ง" เธอว่าเขา
"อยากรู้จริง ๆ หรือเดือน" อำนวยถามสวนออกมา
"ค่ะ" ในลำคอเสียงแผ่ว ๆ พอได้ยิน
"คุณแม่เธอไงล่ะ ยิ่งกว่าครูอีก ไต่ถึงชั้นอาจารย์"
ทันใด นิ้วของเธอก็เอื้อมมาหยิกที่ขาเขา อำนวยถึงกับสะดุ้ง เลยลืมตัวกระเด้าก้นสุดแรงของคนหนุ่ม เธอมือหงิกงอร้องคราง
"ว้าย อุ๊ย อูย ทำไมแสบทำไมคันคะ ทูนหัว เดือนออกแล้วค่ะ" ดูซิ มันตื้อไปหมดจนเธอรู้สึกอึดอัดในโคกที่โดนมหาลึงค์ของเขายัดเข้าจนสุด มันดิ้นดุบ ๆ ขณะที่อำนวยขมิบน้ำรักหลั่งรดชโลมมดลูก เธอสุดขาดใจอยากจะให้เขาเย็ดเขากอดเธออยู่อย่างนี้ชั่วลมปราณ
หัวหินไม่อิ่มในรสสวาท หัวหินยังคงซ่อนมนต์ที่คอยกระซิบชาวสังคม ไม่ว่าหนุ่มสาวหรือเฒ่าชรา
ทุก ๆ ฤดูคิมหันต์ หัวหินจึงดูแคบถนัด หม้ายสาวสายสุดาและดุจเดือนมาถึงแดนสวาทหาดสวรรค์มิทันจะข้ามคืนเธอก็เจอะเข้าแล้วกับบทพิศวาสที่ชั่วชีวิตจะลืมมันเสียมิได้ ท่ามกลางเสียงซู่ซ่าของน้ำทะเล ท่ามกลางสายลมที่หวีดหวิวของต้นสนบางเบาโลมกาย สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ เธอเหมือนหนึ่งต้องมนต์ ต่อให้เวลาจะผ่านไปล่วงไปแรมเดือนแรมปี เธอก็จะไม่ขอลืมมันเลย ในเมื่อเธอได้สังเวยสิ่งหนึ่งเข้าไว้แล้วเต็มอิ่มในดวงใจ สิ่งนั้นคือ "เจ้าแม่กามโลกีย์"
สันต์เดินโผเผมาตามชายหาด เรี่ยวแรงเขาหายไปไหน แน่ละ เขาคงถูกสายสุดาขมิบไว้ ดูดไว้จนหมดสิ้น รสพิศวาสที่ได้ร่วมจากเธอนั้น มันเสียวซ่านแทรกเข้าในวิญญาณในสายเลือด ตลอดเรือนกายของเธอซึ่งมีส่วนโค้งสำคัญ
ความจริงครั้งนั้น สันต์ก็รักสายสุดามาก เมื่อถูกกามเทพเกเรเขาก็เสียขวัญ เตลิดเปิดเปิงบินไปเหมือนนกขมิ้นที่ไร้จุดหมาย
เขาต้องผจญเล่ห์เหลี่ยมกับชายหญิงอย่างโชกโชน
เดี๋ยวนี้ สันต์ไม่รักใครแล้ว เพราะหัวใจต้องสลายให้กับรักครั้งก่อน
เดี๋ยวนี้ สันต์เป็นเสือสังคมในร่างของเทพบุตรนักบุญที่เห็นหญิงเป็นเครื่องเล่น
เดี๋ยวนี้ สันต์เป็นผู้ชนะแม้กระทั่งสายสุดาผู้เฉิดโฉม ร้อนนี้เขามาพักผ่อนตากอากาศอย่างเดียวหรือ แน่นอน เหนือจากนั้นเขายังมีโครงการเพื่อพิชิตใครต่อใครที่ตกเป็นเชลยสวาทของเขาต่อไป
สันต์กลับมายังฟลอร์ลีลาศอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะหาเบียร์เย็น ๆ ดื่ม ดื่ม และพลันต้องอุทาน เนื้อทิพย์สหายผู้ร่วมคณะของสายสุดากำลังถูกขอร้องจากเจ้าหนุ่มรุ่นกระทงให้เธอดื่ม..."ดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่ผมบ้างก็ว่าเพื่อมิตรภาพของเรา..."
เธอฉายเดี่ยวอยู่จนดึกถึงป่านนี้เทียวหรือ สันต์รำพึงในใจ ทั้ง ๆ ที่ดุจเดือนก็คงกลับไปแล้ว ทันใดวิญญาณของเทพบุตรนักรักก็เริ่มวางแผนการขึ้นในใจทันที
สันต์เลือกที่นั่งได้เหมาะใจ พลางสั่งเบียร์ดำมาดื่ม เบียร์ไม่น้อยกว่าสามแก้วผ่านลำคอของเขาลงไป มันทำให้เลือดในตัวเริ่มร้อนผ่าวขึ้น แม้จะไม่มากนัก แต่เบียร์ก็ขับให้ความโผเผของเขาเมื่อตะกี้ปลาสนาการไป
ยิ่งดึก ลีลาศคืนนี้ยิ่งเผ็ดร้อน มีทั้งโยกและคลึง หลังจากควิ๊กว้อลท์จบลงแล้ว เนื้อทิพย์ก็ผละจากหนุ่มรุ่นกระทงคนนั้นกรีดกรายเดินผ่านมาทางที่สันต์นั่งอยู่
"อ้า คุณเนื้อทิพย์ครับ เชิญทางนี้ซิครับ" พร้อมกับยืนขึ้น สองมือจับพนักเก้าอี้ค้อมหัวให้ในลักษณะเชิญชวนอย่างสุภาพ
"อ๋อ สันต์แอบมานั่งอยู่คนเดียว พี่ดาล่ะคะ"
"กลับแล้วครับ" สันต์รีบตอบ พลางสั่งเบียร์พร้อมกับเลื่อนแก้วมาทางเธอ
"ไม่นะคะ ทิพย์ทานมามากแล้วค่ะจากเพื่อน" แล้วก็หันไปทางกลุ่มนั้นที่กำลังคุมเชิงมองเธอและเขาตาเขม็ง สันต์ถือวิสาสะยกแก้วที่มีน้ำสีดำส่งให้กับมือเธอ
"ผมจะดีใจมาก"
"ค่ะ...ค่ะ" เธอยื่นมือออกรับแล้วชนแก้วขึ้นดื่มพร้อมกับเขา สันต์ดื่มรวดเดียวหมดแต่เนื้อทิพย์เหลือครึ่งแก้ว แม้เนื้อทิพย์เธอจะมึนเมาบ้างแล้ว แต่เธอก็ดื่ม ดื่มเพื่อไมตรี และมิตรภาพต่อกันเหมือนกับดื่มกับหนุ่มรุ่นกระทง
สายตาของสันต์ไม่ยอมคลาดจากใบหน้าและเรือนร่างอันอวบอัดของเธอเลย ความจัดเจนมากด้วยชั้นเชิงของสันต์ก็พอรู้ได้ว่าเธอก็เก่งสมาคมไม่น้อย แน่ละ เนื้อทิพย์เป็นภรรยาของนายธนาคารลือชื่อ แล้วทำไมเธอจะไม่เก่งสมาคมตามสามีล่ะ สันต์คิดในใจ
แผนการขั้นต่อไปคือพยายามจะย้อมความรู้สึกให้เธอไปสู่ความมึนเมา เพื่อง่ายต่อการเล้าโลม
"คุณจะไม่ลีลาศสักเพลงรึคะ"
"ยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูง" สันต์ยิ้มและส่งสายตาเป็นประกาย
แทงโก้...มันเป็นจังหวะแรกที่เธอและเขาประเดิม ทั้งคู่ต่างโยกเนื้อโยกตัวด้วยความคล่องแคล่วไปตามลีลาศของจังหวะ เนื้อทิพย์...หล่อนเฉิดฉายอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน รัดรูปเสียจนฟิตเปรี๊ยะ ทรวงอกหล่อนชะโงก สะโพกผงาดง้ำ ตุ้มหูเพชรเป็นประกายเล่นแสงไฟระยับ
ทว่าประกายเพชรนั้นไม่ได้ยั่วอารมณ์ของสันต์เลย หากแต่พุ่งพวงที่ชี้งอนนั่นซิ ยวนอารมณ์ มันท้าทายให้เกิดราคะขึ้นอย่างสุดเสน่หา
จบเพลง สันต์ก็เรียกดื่มอีก แต่คราวนี้มิใช่เบียร์ มันเป็นแชมเปญ มาให้หล่อนดื่ม ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ แม้คอเธอจะแข็งเพียงใด มันก็ทำให้อารมณ์เธอสั่นระริก ใบหน้าอิ่มยวนเสน่ห์ก็ซ่านด้วยโลหิตจนกลายเป็นสีชมพูอ่อน
"สันต์อยู่กรุงเทพพักที่ไหนคะ" เธอถามขณะที่มือถือแชมเปญในแก้วกำลังจะยกดื่ม
"ไม่แน่ครับ" สันต์ตอบให้กับเพื่อนสาวแต่สายตาจ้องจับบนทรวงอกที่ไหวขึ้นลง "ผมพักอยู่กับคุณพ่อที่พญาไท"
"เอ๊ะ คุณสันต์ พญาไทตอนไหนคะ ทิพย์ก็อยู่ถนนนั้นทำไมไม่เคยเห็นคุณล่ะคะ"
"อ้า...อ้า..." เสียงสันต์อ่อนในลำคอเพราะฤทธิ์แชมเปญที่ชนแก้วกับเธอแก้วแล้วแก้วเล่า "ผมไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย เดี๋ยวขึ้นเหนือล่องใต้ นาน ๆ จะมากรุงสักหน"
"ขึ้นไปทำไมคะ เหนือใต้" คู่สนทนารุกคำ "หรือมีพันธะ" เธอเย้าแล้วโปรยยิ้มมาให้ แต่ก่อนที่สันต์จะตอบคำใดหลุดมา เสียงเพลงในจังหวะร๊อคเอนรอลล์ก็ครางกระหึ่มขึ้น เพลงนี้เนื้อทิพย์โปรดปรานมากเพราะเธอเพิ่งเป็นเพลงใหม่ ๆ จึงมองสันต์ด้วยแววตาเชิญชวน
สันต์ไม่รีรอ เขาลุกยืนพร้อมกับยิ้มรับ แล้วร่างทั้งสองก็หมุนควงสู่ฟลอร์ทันที เพลงแล้วเพลงเล่าที่สันต์และเนื้อทิพย์เต้นคู่กัน ดูช่างไม่เมื่อยกันเสียเลย
เพลงหนึ่ง ขณะที่คนทั้งสองกอดกันบนฟลอร์ลีลาศ สันต์กระซิบด้วยความมึน ๆ ขึ้นว่า
"คืนนี้คุณเนื้อทิพย์สวยเป็นพิเศษ เป็นโชคของผมเหลือเกินแล้วรู้หรือเปล่า"
เนื้อทิพย์พอใจมากที่ถูกสันต์ชมว่าสวย ใบหน้าของเธอซ่านโลหิตดุจสาววัยรุ่นที่ไม่เคยผ่านมือชาย เป็นธรรมดา หญิงทุกคนจะต้องพอใจในคำชมของชาย แม้บางครั้งจะรู้ว่าคำกล่าวซึ่งเกินความจริงหรือเยินยอ เธอก็พอใจฟังคำไพเราะจากปากเพศตรงข้ามเสมอ
"คุณสันต์จะยอทิพย์ไปถึงไหนคะ ทิพย์รู้ตัวดีว่าไม่สวย" กล่าวพลางเชิดใบหน้าไปตามจังหวะเหมือนจะแอ๊กเพื่อความสวยให้มากขึ้น
"อยู่ให้ถึงเพลงสุดท้ายนะครับ" สันต์กล่าวเมื่อเห็นเธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
"กลัวพี่ดาจะเป็นห่วงน่ะซิ นี่ก็ดึกมากแล้วนะ กลับเถอะ ไว้คืนหลัง"
"อย่าเพิ่งกลับน่า" สันต์คะยั้นคะยอเธอเหมือนเด็ก ๆ "ป่านนี้พี่ดาคงหลับแล้ว"
"โธ่" หล่อนปรือตาพูด มองจ้องหน้าเขา "จะรั้งทิพย์ให้อยู่ทำไม ทิพย์มึนค่ะ คืนหลังยังมี"
ลงว่าผู้หญิงมึนเมามันก็เข้าไปสู่ทางแห่งความหวังเข้าไปแล้ว สันต์คิดกับตัวเอง และสำรวมท่าทางให้เป็นปกติเพราะสันต์เองก็มึนมิใช่น้อย
"ถ้าเช่นนั้น..." สันต์กล่าว "เรากลับก็ดีเหมือนกัน ผมจะไปส่ง"
"ค่ะ" หล่อนขานรับและขอบคุณเขา
ทิพย์คงจะมึนเมามากเพราะเดินโซเซ สันต์จึงยื่นแขนให้เกาะเพื่อเป็นการพยุงตัว บางครั้งแก้มของหล่อนข้างหนึ่งได้มาแนบแปะที่หัวไหล่ของสันต์ ท่าทางหล่อนรู้สึกระโหย แต่ไม่ใช่เพราะความเพลียหรือความง่วงเป็นแน่ แต่จะด้วยอะไรก็ตามเมื่อใบหน้าของสันต์ได้มาซบที่แก้มหล่อนเข้า
"อุ๊ย อะไรนี่" หล่อนอุทานเบา ๆ พร้อมกับเบนหน้าหนี
"ขอโทษเถอะครับที่ล่วงเกิน" สันต์เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "เพราะผมรักคุณ เมื่อแรกเห็นผมก็ตกเป็นทาสรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว"
"รักพูดง่าย ๆ ทิพย์มีเจ้าของแล้วนะ"
"มีก็รัก เพราะผมถือว่ารักเป็นศาสนาไม่จำเป็นจะต้องเป็นสาวโสดบริสุทธิ์"
"แปลก ผู้ชายมารอยเดียวกันหมด"
"รอยไหน" สันต์พูด พร้อมกับฉุดมือเธอไว้
"ก็รอยรักน่ะซิ" กล่าวแล้วก็หัวเราะในลำคอ
เสือผู้หญิงอย่างสันต์ ลงว่าตั้งใจก็ยากที่จะกลับใจ แผนการที่เขาวางไว้แต่แรกมันก็เป็นไปตามขั้น ๆ แล้วอยู่แต่ที่เขาจะพยายามจุดไฟราคะให้แก่หล่อนเท่านั้น มือที่ฉุดแขนเธอไว้แล้วก็ดึงมาพร้อมกับมืออีกข้างหนึ่งก็โอบร่างของหล่อนจนอกอันเต่งตึงนั้นทาบกับอกของเขา เขาจูบ เขากอด เขาทำอย่างรวดเร็ว
"อุ๊ย..." หล่อนดิ้นเสียงกระเส่า "สันต์ทำไมทำกับทิพย์อย่างนี้คะ"
แล้วหล่อนก็พยายามปิดป้องจากการกอดของเขา แต่ไม่สำเร็จ ด้วยความที่ห่างสามีมาเป็นเดือน ๆ เมื่อมาโดนเขาจูบเขากอดเช่นนี้ อารมณ์หล่อนที่ร้อนอยู่แล้วก็เริ่มร้อนร่านขึ้น ซ้ำร้าย ฤทธิ์เหล้าและเบียร์ช่วยซ้ำเติมเร่งเลือดในกายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
สันต์จูบริมฝีปาก ตวัดปลายลิ้นเข้าภายใน เท่านั้นเองร่างของเนื้อทิพย์ก็อ่อนระทวย เขาพาเธอไปไหนเธอไม่รู้ แต่ว่าบนเส้นทางนั้น มันไม่ใช่ทางกลับไปที่พักของเธอเลย
"พาทิพย์มาที่ไหนคะสันต์" แล้วพิจารณาดูสถานที่
"สวรรค์ของคุณและของผมน่ะซิ" สันต์พูด พยายามดัดเสียงให้นุ่มนวลและมองหน้าหญิงสาวแทบไม่กระพริบ
เนื้อทิพย์ยืนลังเล ไม่ยอมก้าวขาเดินตามสันต์ซึ่งทำท่าจะประคองหล่อนให้เดินตามเข้าไปในบังกาโลว์
มันเป็นบังกะโลหลังกะทัดรัดน่าอยู่แต่เงียบ ห่างไกลลิบลับกับหลังอื่น ๆ สันต์เช่าจากชาวบ้านผู้หนึ่งด้วยราคาเป็นพิเศษเพื่อจะได้เป็นที่ล่อเหยื่อของเขา
"สันต์ขา พาทิพย์มาทำไมคะที่นี่" เขาไม่ตอบหล่อน หากรั้งสะโพกหล่อนดึงเข้าไปจนได้
"อย่า เดี๋ยวใครเห็นเข้าทิพย์เสียหายหมด" พร้อมกับกวาดสายตาฝ่าแสงเดือนอันสลัว ๆ ออกไปภายนอก
แน่ละ หล่อนมีผัวแล้ว มิใช่ตัวเปล่า การที่จะมาลักลอบเล่นชู้กับชายอื่นเช่นนี้ เธอก็ต้องรอบคอบเป็นธรรมดา
เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งอย่างตื่น ๆ มองดูประตูอันกำลังปิดสนิทโดยน้ำมือของสันต์
ร่างของเนื้อทิพย์ถูกโอบอุ้มวางลงบนเตียง สันต์โถมร่างตามลงไป อกอวบอัดของเธอก็สะท้านไหว "อย่าค่ะ อย่ารังแกอย่างนี้เลย" เธอกล่าวเสียงสั่นเครือ พลางผลักไสไม่ให้ชายหนุ่มโอบกอดตามถนัด
"หอมชื่นใจอย่างนี้ อย่าได้คิดเป็นการรังแกเลย เพราะรักมากดอกหนา" ชายหนุ่มพึมพำกระซิบเบา ๆ แล้วจมูกของเขาก็ทำหน้าที่สูดกลิ่นหอมจากใบหน้าของหญิงสาวจนทั่ว
สันต์จูบต่ำลงไปจนถึงซอกทรวง ตลอดจนถึงพุ่มพวงงอนทั้งคู่นั้น ทำให้หญิงสาวลืมตัวโอบกอดรัดชายชู้เข้าแน่นโดยมิรู้สึกตัว ดุจกับว่าจะให้ร่างของเขาและหล่อนนั้นกลายเป็นร่างเดียวกัน
ริมฝีปากอิ่มรูปกระจับนั้นเผยอขึ้นจะกล่าว แต่ยังไม่ทันที่จะหลุดคำใดออกมา ก็กลับถูกปิดบดขยี้ด้วยริมฝีปากของเขาเสียแล้ว หล่อนสะท้านไปทั่วกาย เหมือนลอยคว้างอยู่ในอากาศและหนาวเหน็บด้วยละอองน้ำฟ้าเพราะรสชาติการสัมผัส มันสุดแสนจะรัญจวน
เนื้อทิพย์ครึ่งนั่งครึ่งนอนปรือตาอยู่ในอ้อมกอดของสันต์อย่างเป็นสุข หล่อนลืมตัวแล้ว แม้มิใช่คนตัวเปล่า เมื่อสวรรค์กำลังเรียกร้องอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ลืมหมดแม้กระทั่งสามีเธอที่อยู่ในอังกฤษ ไม่ว่าสันต์จะทำอะไรเธอก็ยอมแล้ว พร้อมที่จะเป็นของเขาเพราะถูกร่างของสันต์รัดกล่อมเสียจนอ่อนไปหมด
"ที่รัก เป็นของผมเถิดนะ" ชายชู้กระซิบที่หูเบา ๆ
เนื้อทิพย์ถอนหายใจจนเต้าทองทั้งคู่กระเพื่อม เธอเต็มกลืนแล้ว เธอกำลังต้องการชมวิมานสวรรค์ แต่จะให้เธอตอบอย่างไรในเมื่อเธอเป็นหญิง ดังนั้นเนื้อทิพย์จึงถือเอาการนิ่งเป็นคำตอบ
สันต์ระดมจมูกจูบคลึงเคล้นจุดไฟราคะให้แก่หล่อนอีก ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นเผาหัวใจหล่อนแทบจะละลายอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่จุใจเสมือนว่าจะคิดแกล้งกันหรือมิฉะนั้นก็แกล้งทรมาน
สาวผู้เคยผ่านกามโลกีย์มาแล้วย่อมรู้รสชาติของมันได้ดีว่ามันวิเศษแค่ไหน หล่อนถูกสอนให้เคยแล้วผู้สอนก็เดินทางไปเป็นแรมเดือน ปล่อยให้หล่อนได้รับความอ้างว้างมานาน ครั้นบัดนี้ได้รับการพร่ำพลอดพะนอสวาทจากหนุ่มรูปงาม ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ไฟราคะจะพาลลุกโชติช่วงเผาผลาญดวงใจของหล่อนและทำให้หล่อนอ่อนเปียก หล่อนฝัน หล่อนมองเห็นภาพวิมานอยู่รำไรแล้ว แต่ว่าชายหนุ่มคนนี้ทำไมถึงแกล้งกันนัก
มือของเขาตะโบมโลมลูบไปทุกสัดส่วนที่กลมกลึงนุ่มนิ่ม และโดยเฉพาะที่ตรงโคกนั้น ไปล้วงคลึงเล่นอยู่นานจนหญิงสาวแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ
"สันต์ขา" หล่อนเรียกชื่อเขาด้วยเสียงเครือสั่นและแผ่วเบาเหมือนกระซิบอยู่ในที่ไกลแสนไกล
ชายหนุ่มรู้ว่าหล่อนเรียกเขาทำไม ดังนั้นถึงกอดรัดร่างหล่อนให้กระชับและพรมจูบให้อีก
"ปล่อยก่อนเถอะค่ะ เสื้อผ้ายับหมดแล้ว" เขาคลายมือออกอย่างว่าง่าย ปล่อยให้หล่อนจัดการกับเสื้อกระโปรงของหล่อนตามลำพัง และชั่วครู่นั้นก็เหลือแต่เป๊ดติโค้ตกับบราเซียร์ตัวกระจิ๋วหลิวเท่านั้นที่รัดรูปเหลือเอาไว้
"ถอดให้หมดซิที่รัก" ชู้หนุ่มกระซิบบอก "โปรดถือว่าเรากำลังจะเป็นคนคนเดียวกัน อย่าอายผมเลย"
เนื้อทิพย์อายกระมิดกระเมี้ยน จริงอยู่ แม้หล่อนจะผ่านการมีผัวมาแล้ว แต่การเปลื้องกายเป็นคนล่อนจ้อนต่อหน้าผัวไม่ควรอายก็ดี แต่นั่นเคยเย็ดกันมาแล้วและเป็นผัวเมียเห็นไส้พุงกันมาตลอดแล้วหล่อนย่อมจะไม่อาย
แต่หนุ่มผู้นี้เล่า ยังไม่เคยเห็นเนื้อในของหล่อน ยังไม่เคยผ่านการร่วมกับหล่อน จะไม่ให้หล่อนกระดากอายนั้นดูกระไรอยู่ เพราะจะให้ได้ชม สำหรับชายที่เป็นสามีของหล่อน แต่ชู้คนนี้แล้วมันตะขิดตะขวงใจนัก
"เร็วซิ หรือจะให้ผมถอดให้" เขาเตือนขึ้นอีกเมื่อเห็นหญิงสาวทำเหนียมอาย
"ไม่ค่ะ เท่านี้ก็พอแล้ว จะให้ทิพย์อายไปถึงไหนอีกคะ"
ชายหนุ่มยิ้ม ตาเป็นประกาย เพียงเห็นซับในหุ้มห่มอยู่นั้นก็ยั่วอารมณ์อย่างรุนแรงแล้ว เพราะโคกหล่อนนูนตึงเปรี๊ยะเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นชัด แม้มือจะได้สัมผัสรู้ความอวบอัดและขนาดได้ดี แต่ก็ไม่วายอยากที่จะดูโคกให้กระจ่างชัดยิ่งไปกว่านั้นอีก
"ไม่ควรจะอายเลยที่รัก เรานอนกอดกันอยู่เช่นนี้ ก็ควรจะคิดเสียว่าเรากำลังจะร่วมชีวิตหวานกันแล้วนะทูนหัว"
เนื้อทิพย์ไม่ตอบ แสร้งทำหลบหน้าแก้อาย แต่ในหัวใจนั้นหล่อนเงี่ยนจนน้ำแทบปริ่มแคมแล้ว อายก็แสนอาย เงี่ยนก็แสนจะเงี่ยน แต่อำนาจแห่งกามารมณ์เข้าครอบงำเหนืออื่นใด หล่อนลืมอาย ลืมตัว ค่อย ๆ แกะเป๊ตติโคดและบราเซียร์ตัวนิดนั้นออกโยนไปด้วยมือของเธอเอง
ฉับพลัน ร่างขาวนวลดุจแต่งร่มใบก็เหลือแต่ชุดวันเกิด หล่อนนอนบิดกายสบายอยู่เหนือผ้าปูที่นอนอันขาวสะอาด หรี่ตาดูสันต์ขณะที่เขากำลังสาละวนแก้เสื้อแกะกางเกงของเขาออก
ทั้งเนื้อทิพย์และสันต์ชายชู้บัดนี้อยู่ในลักษณะล่อนจ้อนเช่นเดียวกัน การกอดการจับก็เหมือนได้กลิ่นอาหารใหม่ ย่อมจะต้องมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเมื่อค่ำที่ผ่านมานี้ สันต์เย็ดสายสุดามาแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เนื้อทิพย์ช่างยั่วยวนชวนเย็ดเสียนี่กระไร จะพิศมองส่วนไหนหาที่ตำหนิไม่ได้เลย ตั้งแต่ปลีน่องลาดเรียวขึ้นไปถึงโคกสวรรค์ เส้นขนดำแต่ไม่ดกขึ้นเป็นหย่อม ๆ เหนือโคกหีขึ้นไปเล็กน้อย สะโพกผายกลมกลึง สะดือบุ๋ม เอวคอด นมพุ่งชี้งอนน่าจับ หล่อนงามจริง ชวนพิศไม่รู้จืดจางเสน่ห์ มันเร้าอารมณ์ให้สันต์ตื่นตัวขึ้นมาอีกจนควยแข็งโด่
"เราโชคดีแท้" สันต์กระหยิ่มในใจ "คืนนี้ต้องปล่อยทีเด็ดเย็ดให้หลงแน่"
เนื้อทิพย์แม่สาวผัวเผลอขณะนี้นอนหงาย ใช้แขนข้างหนึ่งพาดปิดตากันกระดากอายเพราะรู้ตัวว่าสันต์ได้คร่อมร่างลงมาทับหล่อนเข้าแล้ว
"สันต์ขา" เสียงหล่อนกัดฟันดังกรอด มือไม้หงิกงอเพราะควยแข็งของสันต์กระดกแทงขาอ่อนของหล่อนไปมา จนหล่อนต้องร้องเสียงสั่นเครือขึ้นอีก
"โธ่ สันต์ เอาเถอะค่ะ"
"ว่าอะไรนะที่รัก" ชายหนุ่มถามสวนออกไป
"ทำ...ทำเถอะค่ะ ทิพย์จะคลั่งอยู่แล้ว"
จริงซิ สันต์ก็แทบจะบ้าตายอยู่เหมือนกัน แต่ที่เขาไม่ลงมือ เพราะอยากจะทำให้เธอเสียวสุดเงี่ยนจนถึงขีดสุดแรง บัดนี้ก็ถึงแล้ว สันต์จึงเริ่มงานทันที
สันต์ค่อยถอดกางเกงโยน มือจับท้องน้อยเธอแล้วเลื่อนลงมาอีกจนพอเหมาะ พลันจับขาหล่อนถ่างแยกออกจนแคมปลิ้น น้ำเมือกเธอไหลเยิ้มเปรอะขาอ่อนจนถึงง่ามตูดแสดงให้เห็นถึงความหื่นกระหายเงี่ยนมาก่อนชั่วระยะหนึ่งที่โดนเขาเล้าโลม ฉะนั้นหัวถอกก็กดลงไปที่แคมทั้งสองทันที มันจมลึกลงไปแค่คอเพราะรู้สึกว่าแคมทั้งสองจะคับไปหน่อย
"อุ๊ย" หล่อนสะดุ้ง "เบา ๆ ก่อนซิสันต์ อย่าเพิ่งรุนแรง" หล่อนกล่าวเหมือนคนพร่ำคนเพ้อเมื่อรู้ตัวว่าของแข็งนั้นชำแรกเข้าไปจวนหมดทั้งดุ้นอยู่แล้ว
"รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ" สันต์กระซิบถาม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เพื่อนร่วมสวาทของเขากำลังตกอยู่ในอาการอย่างไร
"อูย... มันเสียว บอกไม่ถูกค่ะ"
"งั้นหรือที่รัก"
"อุ๊ย แน่ะดูซิ อย่า...อย่าค่ะ สันต์ มันน่าเกลียด เท่านี้ก็สูงพอแล้ว อย่าเอาไปพาดเลยบนบ่า"
สันต์ไม่ฟังเสียงเธอแล้ว เขากดกระเด้าได้ถนัดถนี่เพราะขาของหล่อนคู่นั้นวางอยู่บนบ่าเขาแล้ว หีของหล่อน...อูว์...มันอมควยของชายชู้จนหนอกต่อหนอกชิดประกบกัน สันต์เวลานี้กำลังตกมัน เขาเย็ดอย่างถวายหัว เนื้อทิพย์เล่า หล่อนขณะนี้เหมือนไฟที่ได้เชื้อ หล่อนเด้งรับการกระแทกของเขาอย่างจ้าละหวั่น หล่อนมิสะพรึงกลัวมันเลย แม้หัวถอกนั้นจะใหญ่โตกว่าสามีของหล่อนมากมาย ก็หล่อนพอใจมาก ชู้คนนี้ช่างมีดีหลายอย่าง แม้ยามที่เขากดกระเด้าหัวถอกเข้าไป เขาช่างแซะซ้ายส่ายขวาดุจผู้ชำนาญ จนหล่อนทนทานสวาทไม่ไหวจึงครางออกมาเสียงหลง
"สันต์ขา ทำไมเธอเย็ดเก่งอย่างนี้" แล้วภายในโคกของหล่อนก็ตอดตุบ ๆ "อุ๊ย อูย อูย ทูนหัว ทิพย์ขอรักเธอจนสุดขาดใจ สันต์ขา อย่าทำให้ทิพย์ผิดหวังเพราะรักเธอเลยนะ แม้ทิพย์จะมีผัวแล้วแต่ทิพย์ก็ยินดีเสมอค่ะที่จะแอบเล่นชู้กับเธอ รับปากทิพย์ซิคะ ว่าจะเป็นชู้คู่ชื่นของทิพย์คนเดียว"
"ครับ" คำของสันต์หลุดออกมาเสียงห้วน ๆ "ผมจะเป็นของคุณคนเดียว"
"ไม่รังเกียจหรือคะที่ทิพย์มีเจ้าของและเขาหลงด้วย"
"ดีเสียอีก เพราะเจ้าของยิ่งหลงเท่าไหร่ยิ่งเพิ่มรสชาติมากเท่านั้น"
สันต์พูดยังมิทันสิ้นคำ หล่อนก็รู้สึกว่าขาที่พาดอยู่บนบ่าชายชู้นั้นสูงชันขึ้นไปอีกจนก้นของเธอลอยตามขึ้นมารับกับสากใหญ่ได้ถนัดใจ
"ใครดีกว่ากัน" ชู้หนุ่มกระซิบถามหล่อนพร้อมกับกระเด้าซอยอย่างถี่ยิบ
"วุ๊ย ถามอะไรก็ไม่รู้ ทิพย์กำลังเสียวค่ะ แรงอีกหน่อยซิ น่าน น่าน"
"ชู้กับผัวของทิพย์น่ะซิ ใครจะเย็ดเก่งกว่ากัน บอกผมหน่อยน่า"
"ไม่รู้ไม่ชี้ หยาบคาย"
"ถามจริง ๆ น่า ที่รัก ผมอยากรู้"
"อยากรู้ไปทำไมคะสันต์ ทิพย์อาย"
"อยากรู้ ถ้าไม่ดีไม่เก่งพอ ผมก็จะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น"
"โธ่ สันต์ขา ถ้าเธอเย็ดเก่งดีขึ้นกว่านี้แล้วทิพย์ขาดใจตายแน่"
"ทำไม"
"ก็เพราะสันต์นะซี เย็ดเก่ง แน่กว่าผัวของทิพย์หลายร้อยเท่า"
"งั้นเหรอ"
"ค่ะ" หล่อนขานรับ แล้วปรือตาอย่างอาย ๆ มองดูสันต์ชักลำควยออกแค่เงี่ยงจวนจะหลุดมิหลุดแหล่ พลันหล่อนต้องหลับตาลงเพราะลำใหญ่นั้นจรดลงไปอีกเต็มแรง จนหล่อนต้องซี๊ดปากครางออกมาอ่อย ๆ
"ตั้งแต่เกิดมา สันต์ขา ทิพย์ไม่เคยโดนเย็ดอย่างนี้เลย ทำไมถึงเก่งอย่างนี้ ทำไมถึงมันอย่างนี้"
แน่ละ สันต์ย่อมโถมกายโถมแรงเพื่อฝากรอยพิศวาสให้เนื้อทิพย์ได้รู้สึกว่าไม่มีชายชู้คนใดอีกแล้วในชีวิตของหล่อนที่จะเย็ดเก่งไปกว่าเขา
"ดีหรือเปล่ายอดรัก ผมกระเด้าแรง ๆ อย่างนี้" แล้วสันต์ก็ก้มลงมองร่างกายของหล่อนที่เปลือยเปล่าเย้ายวนไปตลอดร่างจนถึงโคกหีที่กำลังคาบควยอย่างเมามันไม่สร่าง
"อุ๊ย ดูอะไรคะสันต์ ทิพย์อายค่ะ"
"ดูของดีของทิพย์น่ะซิ มันสวย มันใหญ่ มันให้ความสุขแก่ผมเต็มที่และมันน่า...น่า..."
"น่าอะไรกันสันต์" เธอผงกหัวขึ้นถามเขาพร้อมกับชำเลืองตาดูโคกของหล่อนที่ชายชู้บอกมันน่า...มันน่า...
แต่สันต์อ้อมแอ้มในลำคอ ไม่กล้าตอบหล่อนเพราะรู้สึกกระดากปากตัวเอง จึงถูกหล่อนสำทับออกมาอีก
"บอกทิพย์เถอะค่ะ ทิพย์อยากฟัง เพราะฟังแล้วมันเสียว"
"ไม่น่า อย่าให้ผมบอกเลยครับ ทิพย์ก็คงรู้นี่นาว่ามันหมายถึงคำอะไร"
"รู้แต่ก็อยากฟัง อย่าอายทิพย์เลย เพราะเราอยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น"
"ครับ...ครับ ผมจะบอก"
"ค่ะ ทิพย์คอยฟังอยู่แล้ว" พร้อมกับเอียงหูเพื่อจะรับคำนั้นอย่างสุดรัญจวนใจ สันต์ข่มความอาย ตอบหล่อนอย่างตรง ๆ ทว่าค่อยที่ข้างหูหล่อน "มันน่าเย็ด..."
"หรือ... สันต์ขา บอกอีกข้างซิ หูข้างนี้น่ะ แล้วก็เอียงหูมา"
"มันน่าเย็ดรู้หรือเปล่า โคกของคุณน่ะ มันน่าเย็ด ชื่นใจไหมที่รัก"
เพราะคำนี้เอง ทั้งหล่อนและเขาต้องสุดทนแล้ว มันเป็นคำพูดสั้น ๆ แต่มีอานุภาพรุนแรง คำนี้มันเหมือนหัวใจกามเทพ เนื้อทิพย์ต้องขมิบโคกตอดดุบ ๆ ด้วยความเสียวซ่าน สันต์เองก็ตบะแตกแล้ว เขาตะบันเย็ดอย่างเผ็ดร้อนรุนแรงและหนักหน่วงจนเธอต้องแอ่นหีรับกับควยอย่างชนิดสู้ตายคาเตียง
"อุ๊ย อย่าเพิ่งเอาออกค่ะ" หล่อนลืมตามอง เมื่อเห็นหัวถอกนั้นหลุดจากแคม
"เปล่าครับ มันพลาด" สันต์กระซิบกับหล่อน พลางยัดใส่มันเข้าไปใหม่
"อูย สันต์ขา ซี๊ด ซี๊ด หนัก หนักอีกสักนิดเถอะค่ะ น่านอย่างงั้นถูกใจทิพย์เหลือเกิน ทำไมถึงรู้ใจทิพย์ละคะ อู๊ย ทนไม่ไหวแล้วมันเสียวมันซ่าน เย็ดแรง ๆ อีกซิคะทูนหัว ไม่ต้องกลัวทิพย์เจ็บหรอก ทิพย์ชอบค่ะ ชอบแรง ๆ"
สันต์เห็นทิพย์คู่กระเด้าของเขาตกอยู่ในอาการเช่นนั้น แน่ละมันย่อมเป็นที่ถูกใจเขายิ่งนัก จึงพยายามป้อนบทรักพิศวาสให้หล่อน "แม่สาวผัวเผลอ" อย่างถึงอกถึงใจด้วยศิลปะอันเคยใช้ได้ผลในทางปราบพยศหญิงมาแล้วอย่างโชกโชน
"ว๊าย สันต์ขา" หล่อนร้องเมื่อโดนกระแทกเต็มลำเต็มที่อย่างหนักหน่วงของชายชู้
"อูย อูย ทิพย์ทนไม่ไหวแล้ว น้ำจะออกแล้วค่ะ"
"น้ำอะไรครับคุณทิพย์" สันต์ถามพลางหยุดชะงักการกระเด้าลงกลางครัน
"ดูซิ ทำไมถึงแกล้งทิพย์อย่างนี้ หยุดทำไมคะ ทิพย์กำลังมันส์"
สันต์ได้ทีแล้วที่จะแก้เผ็ดหล่อนบ้าง จึงยั่วถามหล่อน
"บอกก่อนซิ ไม่งั้นผม…ผม…"
"ค่ะ ค่ะ" หล่อนรีบขานรับคำพูดออกมาคล้ายคนละเมอ
"น้ำ…น้ำเงี่ยนค่ะ มันเกิดจากการเสียดสีทำให้เสียว เพราะ…เพราะอ้าย…อ้ายนี่ค่ะ ที่มันกำลังคาไว้แค่เงี่ยง อุ๊ย เร็วซิคะสันต์ขา ทิพย์บอกแล้วไงล่ะ"
"ครับ ทูนใจของชู้"
"อุ๊ย อูย" หล่อนต้องร้องและแอ่นโคกรับทุก ๆ ครั้งที่สันต์กระเด้าอย่างย่ามใจ
"ว๊าย ตายแล้ว อูย อูย น้ำทะลักออกมาแล้วค่ะ สันต์ล่ะคะออกหรือยัง ดูซิ หน้าตาแดงก่ำ" ทิพย์ถาม "ทำไมไม่ตอบล่ะคะ"
สันต์…บุรุษจอมทรหดคงจะใกล้สิ้นฤทธิ์แล้ว เขาไม่ตอบหล่อน หากแต่กระแทก กระเด้าอย่างชนิดเรียกว่าทิ้งทวนเลย
"ว้าย สันต์ขา" แล้วทั้งคู่ก็เงียบเสียงลง หากจะมีบ้าง ก็เป็นเพียงลมหายใจของคนทั้งสองที่เป่ารดกัน
นานเท่านานจึงมีเสียงเนื้อทิพย์ครางออกมาอย่างสิ้นอายว่า "สันต์ขา ทิพย์ใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้อยู่กับสันต์สองต่อสองเช่นนี้ตลอดคืน ตลอดเวลา"
"ดีมากหรือ"
"ค่ะ" แล้วหล่อนก็แสร้งอาย ซบหน้าลงกับทรวงอันผึ่งผายสมลักษณะชายงามของเขา
"เราจะอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไรในเมื่อสายสุดาคงจะรอคอยทิพย์ด้วยความเป็นห่วง" กล่าวจบมือซนก็ยังลูบแผ่นหลังเล่นอย่างเบา ๆ
"จะแปลกอะไร เรื่องเล็ก ถ้าทิพย์พอใจทิพย์ไม่กลัว ใครจะว่า ใครจะนินทาก็ช่าง ไม่เห็นแคร์ หรือสันต์เบื่อทิพย์แล้ว" หล่อนย้อนอย่างคมคาย พลางจับมือสันต์ที่ลูบหลังนั้นมาวางแปะไว้ที่เต้านมด้วยความสุขกายสบายตัว
ความจริงเนื้อทิพย์ไม่รู้เลยว่า สันต์กับสายสุดามีความสัมพันธ์กันในสถานใด หล่อนคิดไปว่า เขาทั้งสองรู้จักกันฐานมิตรภาพมากกว่าและสันต์ก็ยังอ่อนวัยกว่าสายสุดา หล่อนจึงไม่สงสัยในเรื่องรัก ๆ ใคร ๆ ในทำนองชู้สาวเลย
คืนนั้นเนื้อทิพย์ร่วมสวาทจนเพลิน หล่อนกลับมาถึงที่พักเกือบใกล้สว่าง ทั้งสายสุดาและดุจเดือนสองแม่ลูกต่างอ่อนเพลียละเหี่ยใจด้วยรสสวาทจากชายคนรักเล้าโลมโยกคลึงขนาดหนักจนถึงกับหลับสนิท โดยมิได้สนใจเลยว่า เนื้อทิพย์จะกลับกี่ทุ่มกี่ยาม
หล่อนคงนอนฝันหวาน…ฝันถึงเทพบุตรในดวงใจ ฝันถึงสิ่งหนึ่งที่เขาหยิบยื่นให้ จวบจนกระทั่งอรุณรุ่งเยือนฟ้าของวันใหม่
แต่…อนิจจา
บัดนี้สายสุดาผู้หยิ่งผยอง หล่อนจะรู้สำนึกตัวหรือเปล่าว่า ความสวยของหล่อนนั้นถูกเขาเฆี่ยนสยบราบลงจนสิ้นผยอง หล่อนได้แต่คอยเขา คอยวัน คอยคืน คอยแล้วคอยเล่า "สันต์ขา เธอหายไปไหน" หล่อนพร่ำเพ้องุ่นง่านร่านสวาทอยู่ในใจ
ดูซิ ร่างอวบ อกอัด ผิวพรรณผ่องละเมียดละไมของหล่อน ไม่ว่าจะพิศดู ส่วนเว้า ส่วนโค้งตรงไหน อ้า…แน่ละ หล่อนคิด หากจะหาชายใดมาร่วม เพียงหลิ่วตานิดเดียวก็ขี้คร้าน…
แต่นี่สันต์คะ ทำไมเธอถึงใจร้าย หล่อนถามตัวเอง โธ่ สันต์นะไม่น่าเลย คนอะไร มาฝากเพาะเชื้อให้แล้วก็ไม่หมั่นมารดน้ำ ดูหรือน้ำใจช่างไม่เห็นแก่เราบ้าง
แต่สายสุดาสาวเจ้า แม้หล่อนจะชอกช้ำสาหัสก็เพียงแต่ห่างสวาทจากสันต์เท่านั้น มันก็ยังไม่ร้ายเท่ากับดุจเดือนผู้น่าสงสารเลย ที่ต้องมาพลอยเสียพรหมจารีย์ไปเพราะภาพอันโลดโผนของหล่อนที่ลอบกระทำกับสันต์ หล่อนคงไม่รู้ว่าการกระทำของหล่อนคราวนั้น เป็นผลสะท้อนส่งให้บุตรน้อยต้องเสียตัวอย่างย่อยยับ จนถึงต้องล้มหมอนนอนระบมไปตลอดทั่วเรือนกาย พฤติการณ์เหล่านี้หล่อนไม่รู้ หล่อนคิดว่าดุจเดือนคงจะเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนอย่างธรรมดา
แต่ใครเล่าจะรู้ดีไปกว่าดุจเดือนผู้นอนบิดตัวทรมานอยู่อย่างแสนเจ็บปวด ของลับของเธอบวมเป่งไปทั่วเนิน โดยเฉพาะแคมทั้งสองข้าง ดุจเดือนเคยแอบดูในห้องน้ำ เธอเห็นมันฉีกเพราะแรงกระเด้าของอำนวย มันมีรอยคราบเลือดแห้ง ๆ ติดกรังอยู่ตามขอบแคม เธอเดินเหินไปไหนได้ไม่ถนัดเพราะความเจ็บ เธอรู้สึกตัวว่า หม้อโคกของเธอมันเหมือนมีสิ่งหนึ่งมาคาเสียบไว้ มันช่างแสบ ช่างมันส์เสียเต็มประดาภายในแคมทั้งสองนั้น
ส่วนเนื้อทิพย์ นับตั้งแต่ได้ลักลอบเล่นชู้กับสันต์อย่างสำราญบานใจแล้ว หล่อนก็นิยมในรสรักของเขาที่ปรุงให้อย่างรุนแรง หล่อนอยากจะร่วมกับมันอีกทั้งคืน ทั้งวันโดยมิรู้เบื่อและมิรู้เกรงกลัวใครเลย แม้กระทั่งสามีของหล่อนก็เถอะ ดูมันหมดความหมายไปเสียแล้ว
ในขณะนี้เนื้อทิพย์ หล่อนพยายามปลีกตัวออกห่างจากสายสุดาเพื่อจะหวังมาหาสันต์ตามลำพัง แต่หล่อนก็ผิดหวังคล้าย ๆ กันกับหม้ายสาวสายสุดา หล่อนมาเมียงมองที่บ้านพักของสันต์ครั้งไร หล่อนเห็นมันเงียบ เห็นมันมีกุญแจใส่ไว้เสมอ หล่อนอยากพบเขา ช่วยปลดเปลื้องความใคร่ แต่ก็ไม่พานพบเขาแม้แต่กระทั่งเงา ๆ
เย็นนั้น...ขณะที่สายสุดานั่งเอกเขนกอยู่เหนือเก้าอี้ม้าหวายบนชานบังกะโลตรงข้ามกับดุจเดือนนอนเล่นอยู่เหนือเก้าอี้ผ้าใบคนละตัวด้วยดวงตาอันละห้อย ส่วนเนื้อทิพย์นั้น เธอไม่อยู่ เธอบอกกับสายสุดาก่อนไปว่าเธอจะไปตีกอล์ฟกับเพื่อน ๆ หนุ่มรุ่นกระทงที่เธอรู้จัก
“เอ๊ะ ดูเหมือนใครเดินมาโน่น” หม้ายสาวหันไปกล่าวกับดุจเดือน ชะโงกหน้ามองแม้จะเห็นแต่ไกลหล่อนก็จำได้ถนัดว่าผู้ที่กำลังก้าวเท้ามานั้นคือ อำนวย
“เอ๊ะ มากับใครด้วย อ๋อ ดูเหมือน...เหมือน..ใช่แล้วค่ะคุณแม่ขา ท่านอาจารย์ของหนูเอง ท่านคงมาเยี่ยมหนู” แล้วเธอก็ลุกขึ้นจากนอนเป็นนั่ง
พออำนวยมาถึง สายสุดาก็รีบกุลีกุจอเชื้อเชิญแขกตามมารยาท ดุจเดือนนั้นเธอรีบยกมือขึ้นไหว้อาจารย์แล้วอาจารย์ก็ไหว้ตอบ
“เชิญซิคะ ท่านอาจารย์” ดุจเดือนเป็นผู้กล่าวเตือน แล้วแขกทั้งสองก็หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้หวายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสองแม่ลูก
"ผมนึกว่าจะไม่พบคุณแม่เสียอีก" อำนวยกล่าวอารัมภบทขึ้นหลังจากที่ดุจเดือนแนะนำให้คุณแม่และท่านอาจารย์รู้จักกัน
"ดูท่าท่านอาจารย์คงจะเพิ่งมาจากกรุงเทพ" สายสุดากล่าวถามอย่างเรียบ ๆ
"ครับ ผมเพิ่งเดินทางมาถึงวันนี้เอง รู้จากอำนวยว่าดุจเดือนป่วยก็เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยม"
"ขอบคุณท่านอาจารย์ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมเดือน" หม้ายสาวรีบตอบแทนลูก
"เป็นธรรมดาครับ ศิษย์กับอาจารย์เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็อดเป็นห่วงไม่ได้" พูดจบสายตาของท่านอาจารย์ก็อดจะซอกแซกแอบชมความสวยของเจ้าบ้านไม่ได้ จนหล่อนต้องรู้สึกกระดากเมื่อสายตาสบกัน
"แล้วพักอยู่ที่ไหนไม่ทราบคะ" หล่อนสืบถาม
"ผมเป็นคนที่นี่ ญาติพี่น้องอยู่ที่หัวหินทั้งนั้น ปีที่แล้วงานยุ่งมากไม่ได้มา" อาจารย์หยุดนิดหนึ่งและชำเลืองดูหล่อนแล้วกล่าวต่อ "นี่ก็ตั้งใจจะมาทำบุญวันเกิด ฉลองกันที่หัวหินเสียเลย"
"เมื่อไหร่คะวันเกิดของท่านอาจารย์" หล่อนถามแล้วขว้างยิ้มไปให้คู่สนทนา
"อีกสามวันข้างหน้าครับ วันเกิดผมไม่มีใครมาหรอกครับ พี่ ๆ น้อง ๆ แล้วก็เพื่อนฝูงครั้งเด็ก ๆ ที่สนิทกันเท่านั้นและผม" ท่านอาจารย์กล่าวย้ำอย่างช้า ๆ "เลยถือโอกาสเชิญด้วยนะครับ"