วันที่28 ตุลาคม พศ.2549
เวลา 12.30 น.
หากใครได้อ่านบันทึกฉบับนี้ของดิฉัน เมื่ออ่านจบแล้วก็ขอให้ทำลายทิ้งเสีย และเก็บเอาไว้เป็นความลับสุดยอด อย่าได้เอาไปแพร่งพรายใดๆเพราะจะเป็นการทำบาปกรรมต่อดิฉัน และผู้คนที่เกี่ยวข้องต่อไปอีก ดิฉันไม่อยากจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ใครฟังแม่แต่ตัวดิฉันเองก็อยากจะ ลืม แต่ก็ทนเก็บงำความเสียใจและความกดดันเอาไว้ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างนึงเพื่อเป็นการปลดเปลื้องบาปในใจ อย่างน้อยดิฉันก็สบายใจขึ้นบ้างที่ได้ระบายออกไป หากใครที่เก็บบันทึกฉับบนี้ได้ ขอให้เก็บมันเอาไว้เป็นความลับ และทำลายมันทิ้งเสียด้วย ด้วยความเคารพและขอบคุณ
ประพิมพ์ภร ม...............
เมื่อสองเดือนก่อน สามีดิฉันได้รับจดหมายจากญาติว่า ขอฝากลูกชายคนนึงให้มาอยู่ด้วย แกชื่อ กมล อายุ24ปี แกต้องการเข้ามาสอบบรรจุในกระทรวงต่างประเทศ และก็เหมือนกับจะฝากเพราะดิฉันกับสามีก็ทำงานที่กระทรวงต่างประเทศ วันแรกที่เจอกับกมล ดิฉันมีความรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มาก อาจจะเพราะเราสองคนไม่มีบุตร พอแกเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ทำให้บ้านดูไม่เงียบเหงา ดิฉันอายุ44 สามีอายุ50 เราสองคนใช้ชีวิตอยู่กันเพียงสองคนจะมีก็หลานสาวลูกของน้องชายซึ่งนานๆจะมา อยู่ด้วยทีนึง เราสองคนสามีภรรยาจะไปวัดทุกเสาร์อาทิตย์ สามีเป็นคนธรรมะธรรมโม ตอนหลังๆนี่สามีถือศีลแปด เราสองคนไม่ได้มีอะไรกันมานานร่วมหกปีแล้ว แม้บางครั้งดิฉันจะมีความรู้สึกตามประสา แต่ก็ยับยั้งชั่งใจได้ กมลเข้ามาอยู่ที่บ้าน เขาก็ตามประสาเด็กวัยรุ่น บางทีก็ดื่มเบียร์บ้าง เที่ยวบ้างแต่ก็ไม่เหลวไหล กมลเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างดี ดิฉันเริ่มจะดูและตัวเองให้ดีขึ้นเพราะไม่อยากจะให้กมลดูว่าดิฉันแก่จนเกิน ไป ไม่รู้สิอาจจะเพราะดิฉันวางตัวไม่ถูกหรือเพราะดิฉันห่างจากเรื่องทางโลกมา นาน เพราะนอกจากทำงานก็ไม่ได้ไปเที่ยวสังสรร ส่วนมากก็อยู่บ้าน อ่านหนังสือธรรมะ สามีดิฉันจะหมกอยู่กับหนังสือธรรมมะ หรือไม่ก็ต้นไม้กล้วยไม้ต่างๆ
คืนนั้นเป็นคืนที่ดิแนจำได้แม่นยำเพราะเป็นคืนที่ทำให้ชีวิตดิฉันต้องทุกทรมานแสนสาหัส
วันนั้นกมลกลับมาบ้าน ตั้งแต่หกโมงเย็นเราสามคนกินข้าวกันคุยกัย กมลมีเรื่องต่างๆมาเล่าให้ฟังอย่างสุนกสนาน พอสักสามทุ่มดิฉันกับสามีก็เข้านอน กมลบยังคงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ดูรายการต่างๆไปเรื่อยๆ จนล่วงเข้าหกทุ่มดิฉันตื่นขึ้นมา ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าประตูหน้าต่างยังได้ได้ปิด เลยลงมาดู ความเรียบร้อย โทรทัศน์เปิดทิ้งเอาไว้กมลยังนอนอยู่บนโซฟา แต่ก็หลับสนิท ดิฉันเดินไปปิดโทรทัศน์ แล้วก็เดินมาจะปลุกให้กมลขึ้นไปนอน แต่ภาพที่ดิฉันเห็นก็คือ กมลนอนขาพาดกับขอบโซฟา กางเกงบอลของแกซึ่งขามันบานออก ทำให้ดิฉันเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น สิ่งนั้นของกมลมันเลยออกมาจากกางเกง ดิฉันพยายามข่มใจไม่มองแต่ก็บังคับใจกับสายตาตัวเองไม่ได้ ดิฉันเดินออกไปกำลังจะขึ้นบันได ภาพที่เห็นเมื่อกี้ก็ยังติดตา มันเหมือนมีผีมาดึงให้ดิฉันกับไปหามันอีกครั้ง ดิฉันเดินไปทางด้านปลายเท้าของกมล มองภาพนั้นอย่างบอกไม่ถูก นานแสนนานที่ดิฉันไม่ได้พบกับสิ่งนี้ เพราะเราสองคนสามีต่างก็ถือศีลด้วยกัน ดิฉัยพยายามยืนข่มใจแต่สายตามันไม่ยอมขยับเขยื้อนไปจากตรงนั้น ดิฉันเห็น มันได้ชัดเพราะไฟในห้องยังไม่ได้ปิด บางทีมันก็เหมือนขยับได้ ดิฉันใจเต้นแรงพยายามข่มใจเอื้มมือไปดึงกางเกงของกมลให้ปิดลงมา แต่อนิจา ยิ่งใกล้มันก็ยิ่งชัดเจนดิฉันได้แต่บอกตัวเองว่า ต้องตัดภาพที่เห็นออกไปจากใจให้ได้ ดิฉันกลับขึ้นมาบนห้องหลังจากปิดไฟข้างล่างและปิดประตู หน้าต่างแล้ว ดิฉันนอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ ภาพสิ่งนั้นของกมลมันวนเวียนหลอกหลอน อารมณ์เหมือนเมื่อตอนสาวๆมันกลับมาอีกครั้ง ดิฉันนึกรังเกียจตัวเองเหลือที่จะกล่าว มองไปที่สามีดิฉันก็อยากจะให้สามีตื่นขึ้นมาแล้วก็กระทำกามกริยาต่อดิฉัน เหมือนเมื่อยังหนุ่มสาวกัน ดิฉันยังหวลคิดไปถึงเพื่อนชายสมัยเรียน ทั้งฝรั่งและไทย เราอาจจะเคยมีอะไรกันนั่นก็สมัยนานมาแล้ว แม่แต่สามีดิฉันเราไม่ได้หลับนอนกันมานานแล้ว ดิฉันนอนไม่หลับพยายามสวดมนต์เท่าไหร่ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ดิฉันเดินลงมาข้างล่างอีกหน ความพยายามส่วนเลวมันบังคับให้ดิฉันเดินตรงไปที่กมลซึ่งนอนหลับอย่างสบาย กมลหลายชายของสามี บันนี้นอนอยู่ในท่าที่สองขาพาดยาวบนโซฟา แต่สิ่งที่มันนูนๆอยู่ในกางเกงบอลต่างหากคือสิ่งที่ดิฉันอยากสัมผัส ดิฉันต้องยืนต่อสู้กับจิตใจตนเองอีกครั้ง แต่ก็ยังพ่ายแพ้ ดิฉันเอื้อมมือไปสัมผัสกับสิ่งนั้นของกมล เลือดในกายดิฉันสูบฉีดแรง หัวใจเต็นไม่เป็นส่ำ จะเป็นลมให้ได้ ดิฉันค่อยล้วงมือเข้าไปด้านใน ความอุ่นของบริเวณท้องน้อยของกมลสัมผัสกับแขนและมืออันเย็นเฉียบของดิฉัน ดิฉันกำเจ้าก้อนเนิ้อของกมลเอาไว้ในมือ และจับลูบไล้แบบถนุถนอม หลายครั้งที่ดิฉันจะดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ นานๆไปขนาดของมันก็ขยายขึ้นและเริ่มแข้งตัว ดิฉันค่อยๆดึงกางเกงของแกออกช้า เจ้าสิ่งนั้นปรากฏแก่สายตาดิฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่น ดิฉันค่อยๆประคองสิ่งนั้นให้มันตั้งขึ้น ดิฉันได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานาน ลิ้นเปียกๆของดิฉันสัมผัสกับก้อนเนื้ออันแข็งแกร่งของกมล กลิ่นหนุ่มของกมลทำให้ดิฉัน หลงไหล ยิ่งนานไปยิ่งถลำลึก มันช่างหอมหวานเหลือเกิน ดิฉันอ้าปากค่อยๆอมท่อนสวาทของกมลอย่างช้าๆ ความหยุ่นปนแข็งของมันสัมผัสกับริมฝีปากเพดานลิ้นของดิฉัน มันช่างเย้ายวน นานเท่าไหร่ไม่รู้จนดิฉันได้ยินเสียง
"น้าพิมพ์ครับ"
ดิฉันหยุดชะงักในใจวาบหมือนคนโดนผีหลอก รีบดึงปากออกจากสิ่งที่ดิฉันอมเอาไว้ น้ำลายไหลยืดติดริมฝีปาก ดิฉันรีบเช็ด ขณะที่ลุกขึ้นกำลังจะเดินหนีด้วยความอาย
"น้าพิมพ์ทำต่อสิครับ นะครับ ผมมีความสุขมาก"
ดิฉันไม่กล้าสบตาของกมล หลานชายของสามี ยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น จนกลมดึงให้ดิฉันั่งข้างๆแกบนโซฟา
"น้าพิมพ์ มีอารมณ์เหรอครับ ผมช่วยนะ"
ขาดคำดิฉันยังไม่ทันจะตอบ กมลใช้จมูกของแกไซ้รตามซอกคอดิฉัน มือสองมือของกมลประคองสองเต้าของดิฉันเอาไว้ในมือ แล้วแกก็ลูบคลำ ดิฉันอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว บัดนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะขยับปากพูด กมลรุกเร้าดิฉันจนดิฉันตั้งตัวไม่ติด ดิแนพูดออกไปแต่ก็แหบแห้งแทบไม่มีเสียง เมื่อกมลดึงกางเกงในดิฉันออกและจับขาดิฉันแยกออก สัมผัสของลิ้นของกมล ดิฉันเสียววาบลงไปถึงปลายขา ต่อจากนั้นความรู้สึกเก่าๆที่เคยได้รับเมื่อสักยี่สิบปีก่อนก็กลับมามา เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
"กมล........อูวววววว์ กมล......น้าๆๆ......อา....ว์ อูยๆๆ...."
กมลทั้งดูดทั้งเลียตรงนั้นของดิฉัน เสียงดังเหมือนคนดูดไอสครีม ดิฉันผวาทุกครั้งที่กมลใช้นิ้วไชชอนเข้ามาและดูดตรงติ่งสวาททุกครั้ง ดิฉันกำลังจะถึงฝั่งแห่งความสุข มันใกล้อยู่ตรงนี้เอง
"กมล.....อูวววววววว์ น้าๆๆจะ...จะ..แล้วกมลๆๆๆโอยๆๆๆน้าไม่ไหวแล้ว....กมลลลลลลลลลลลลลล" เสียงอันแหบแห้งของดิฉันเงียบลงไปพร้อมกับความสุขที่ได้รับจากลิ้นและนิ้ว ของกมล หลานของสามี
"น้าพิมพ์ครับ"
กมลเรียกชื่อดิฉันเพียงแค่นั้น แต่ร่างกายของแกไม่หยุดการเคลื่อนไหว แกค่อยๆคร่อมร่างดิฉันเอาไว้ หน้าอกทั้งสองข้างโดนกมล ดูดเลียสลับไปมา ดิฉันเสียววุบวาบที่ท้องน้อยอีกครั้ง เมื่อสิ่งนั้นของกมลมาชนๆที่ปากทางสวาทของดิฉัน
"น้าพิมพ์ผมขอนะครับน้า"
"โอวๆๆๆกมล....น้าๆๆๆๆอาๆๆๆๆๆๆเบาๆนะจ๊ะอูยๆๆ......." เกือบสิบปีที่ไม่มีอะไรแบบนี้ผ่านเข้ามา ดิฉันแทบจะสำลักความสุขลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ความเสียวความสุขมันประดังถาโถมเข้ามาหาดิฉันจนแทบสำลับความสุขนั้น
จบแผ่นแรก