เช้าวันต่อมาขณะที่ดิฉันกำลังง่วนอยู่กับการตะไบเล็บอยู่บนเตียงพัศดีก็เดินหอบกล่องเข้ามาในห้อง
“สวัสดีรุ้ง”
“เอาอะไรมาคะนั่น” ดิฉันถามอย่างแปลกใจ
“เอาหนังสือมาให้น่ะ หนังสือแฟชั่นไง มีเล่มที่รุ้งเป็นนางแบบเกือบครบเลยนะ แล้วก็มีเล่มอื่นๆด้วย ผมเอามาให้อ่านเล่น รุ้งจะได้ไม่เหงา”
“ขอบคุณค่ะ” ดิฉันตอบรับอย่างจริงใจ
“แล้วก็นี่ เล่มใหม่ล่าสุด” เขาเดินมานั่งข้างๆดิฉัน
แล้วยื่นหนังสือแฟชั่นชื่อดังเล่มหนึ่งให้ หน้าปกเป็นนางแบบสาวที่สวยสะดุดตาซึ่งดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
ดิฉันพลิกดูภาพเธอไปเรื่อยๆ สาวน้อยคนนี้ดูงามสง่ามากในทุกๆชุด โดยเฉพาะชุดราตรีสีน้ำตาลเลื่อมทอง
ลำคองามระหงประดับด้วยสร้อยไก่ฟ้าสีทองประดับเพชร ต่างหูทองคำ และสร้อยข้อมือหัวใจสีทองประดับมุก ตากลมโตของเธอเป็นประกายแวววาว....
ประกายที่สดใส ของคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง... ซึ่งครั้งหนึ่งดิฉันเคยมี
“เธอสวยมากเลยนะคะ” ดิฉันพึมพำ ตาพร่าเลือนด้วยน้ำตา ภาพของเด็กสาวคนนี้ทำให้ดิฉันอดคิดถึงอดีตที่เฉิดฉันท์ไม่ได้
มันเป็นภาพของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความฝันของคนที่เข้าสู่วงการใหม่ๆ คนที่เชื่อว่าสามารถคว้าดาวให้มาอยู่ในกำมือได้
“สวย..ยังงั้นรึ” พัศดีพูดอย่างนุ่มนวล “ไม่มากไปกว่ารุ้งหรอก” เขาลูบไล้เรือนผมของดิฉันเบาๆ
“รุ้ง...ยังสวยอยู่อีกหรือ” ดิฉันเงยหน้ามองเขาอย่างตัดพ้อ
“..อย่าหลอกรุ้งอีกเลย... รุ้งเหมือนดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกจากต้นแล้ว มีแต่จะเหี่ยวเฉา ไม่มีวันกลับไปสดใสอีกแล้ว”
ดิฉันพูดคนที่อย่างน้อยใจในวาสนาตัวเอง “อย่าพูดอย่างนั้นสิรุ้ง.. ดูที่กระจกนั่น” ดิฉันเงยหน้ามองทีกระจก
ภาพของหญิงสาวที่มีแต่แววตาที่เศร้าสร้อยปรากฏอยู่ตรงหน้า “ถ้ารุ้งอยากจะเปรียบตัวเองเป็นดอกไม้ รุ้งก็ไม่ใช่ดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกจากต้นหรอก
แต่รุ้งคือดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานอย่างเต็มที่อยู่ต่างหาก ดูดีๆซิ...รุ้งสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ รุ้งไม่รู้ตัวหรือ”
เขาพึมพำแล้วก้มลงมาซุกไซร้ที่พวงแก้ม แต่ดิฉันเบี่ยงตัวออก “ท่านคงจะไม่ได้มาเพื่อที่จะพูดเอาใจรุ้งหรอกนะ”
เขาถอนหายใจตอบ “พรุ่งนี้ จะมีอีกคนนะรุ้ง”
“ใครคะ”
“คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มน่ะ อายุคงจะมากกว่ารุ้งนิดเดียวมั๊ง เขาชื่อ วิชาญ
เอกศิริณรงค์”
“พี่เอ๋!” ดิฉันอุทานอย่างตกใจ
“รู้จักเขาหรือ”
ดิฉันพยักหน้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ อยากจะร้องไห้
“เขาเป็นพี่ชายของ พี่บี นางแบบรุ่นพี่ของรุ้ง
พี่บีเป็นคนชักชวนรุ้งให้เข้าสู่วงการ...” ดิฉันเริ่มเล่าถึงความหลัง ซึ่งพัศดีนั่งฟังอย่างสนใจ “ตอนนั้นรุ้งยังไม่มีรถ
พี่เอ๋จะคอยตามรับส่งเกือบทุกวัน พี่เอ๋เป็นคนดีมาก เขาคอยเทคแคร์รุ้งตลอด รุ้งรักเขาเหมือนกับพี่ชายของรุ้งเลย”
“แต่ดูท่าว่าเขาคงไม่อยากจะเป็นพี่ชายของรุ้งหรอก”
“พี่เอ๋ไม่เคยล่วงเกินรุ้ง” ดิฉันยังเล่าต่อ ไม่สนใจคำพูดของพัศดี
“จนกระทั่งรุ้งรู้จักตั้ม พี่เอ๋ก็ไม่ได้มาหารุ้งอีก...
พี่เอ๋เป็นพี่ชายที่แสนดีของรุ้ง รุ้งคิดถึงเขาเหลือเกิน”
“คราวนี้เขาไม่ได้มาหารุ้งในฐานะพี่ชายหรอกนะ รุ้งไม่ใช่เด็กคงจะรู้ว่าเขามาทำไม เขาจ่ายเงินให้เราเป็นจำนวนที่สูงมากเลยนะ ถึงได้คิวเป็นคนที่สาม”
“ทำไม.. ทำไมเป็นอย่างนี้” ดิฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ผมจะพูดตรงๆเลยนะรุ้ง ผู้ชายคนไหนก็อยากจะได้ตัวรุ้งกันทั้งนั้นแหละ
ต่อให้ต่อหน้ารุ้งเขาจะทำตัวเป็นคนดีขนาดไหนก็ตาม
การที่เขายอมจ่ายเงินมากขนาดนี้มันแสดงเจตนาที่ชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายอะไรกันอีกแล้ว
.. รุ้งจะต้องอยู่ในนี้อีกนาน แล้วรุ้งจะได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายอีกเยอะ ผมรับรอง”
“รวมถึงท่านด้วยรึเปล่า” ดิฉันจ้องตาเขา แต่เขาก็เพียงหัวเราะเบาๆ อาจจะมีความขมขื่นเจือปนอยู่ในน้ำเสียงอยู่ด้วย
“รุ้งจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตามใจ แต่ถ้าผมทำทุกอย่างได้อย่างที่คิด
ผมจะไม่ให้รุ้งต้องทำอย่างนี้หรอก”
“…ถ้าท่านเป็นรุ้งจะเชื่อมั๊ยคะ”
“ถ้าผมไม่ทำตาม ผมก็จะถูกย้าย.. แล้วคนใหม่ก็จะเข้ามา
ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำกับรุ้งยังไง...
แต่ผมไม่อยากรู้และจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นด้วย... เข้าใจรึยังล่ะ”
ดิฉันไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่อง
“ท่านคะ ค่าตัวของรุ้งนี่สูงมากหรือคะ”
“อยากรู้เหรอรุ้ง...ผมไม่บอกจำนวนเงินนะ
แต่เอาเป็นว่า...แพงลิบลิ่วเลยล่ะรุ้ง” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“อย่าไปเชื่อที่เสี่ยเฮงมันบอกเลย มันแกล้งพูดให้รุ้งเจ็บใจ
ผมกับหัวหน้าน่ะไม่โง่หรอกนะ ขนาดเราตั้งค่าตัวรุ้งไว้ขนาดนี้
ยังมีคนรอต่อคิวกันเป็นหางว่าว…เอาละ.. ผมต้องไปทำงานแล้ว
รุ้งเตรียมตัวให้พร้อม แล้วอย่าหาเรื่องทะเลาะกับพี่เอ๋ของรุ้ง...
เพราะมันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
คืนต่อมาขณะที่ดิฉันกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง พี่เอ๋ก็เดินเข้ามา
ครั้งนี้พัศดีไม่ได้เดินเข้ามาด้วย
อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าเรารู้จักกันมาก่อนแล้ว
จึงปล่อยให้พี่เอ๋เข้ามาตามลำพัง
“สวัสดีรุ้ง พี่คิดถึงจังเลย” เขาเอ่ยทักทาย
“พี่เอ๋” ดิฉันลุกขึ้น ขณะที่เขาเดินมานั่งข้างๆ
“อ่านหนังสืออยู่หรือ”
“ค่ะ”
เขาก้มลงมอง
“เล่มใหม่นี่ รุ้งมีได้ยังไง” เขาถามอย่างแปลกใจ
“พัศดีซื้อให้ค่ะ... พี่เอ๋รู้จักเธอไหม”
ดิฉันถามถึงนางแบบที่อยู่บนปก เขาพยักหน้า
“พัชรินทร์ ศศินรินทร์ ดาวรุ่งดวงใหม่ มาแรงสุดๆเลยตอนนี้
กำลังจะมีงานละครออกทีวีอีกด้วย สื่อมวลชนเชียร์กันจนเวอร์
แต่ประวัติไม่ค่อยดีหรอกนะ”
“ทำไมคะ”
“เกี่ยวกับพ่อเธอน่ะ เคยต้องคดีฉ้อโกงจนเกือบติดคุกแล้วแต่มีข่าวซุบซิบว่า
มีผู้ใหญ่คนนึงแอบช่วยดึงหลักฐานให้คดีอ่อน ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง
แต่นั่นมันสามสี่ปีมาแล้วละ ตอนนี้ดวงกำลังขึ้นทั้งพ่อทั้งลูก..
ทำไมรุ้งสนใจล่ะ”
“เธอสวยมากเลย สงสัยคงดังเปรี้ยงปร้างในเร็วๆนี้แน่”
“ไอ้เรื่องดังน่ะไม่ต้องสงสัยหรอก ทั้งสวยทั้งรวย แบ็คอัพแข็งปั๋ง
มีพร้อมทั้งอิทธิพลและเงิน แต่ถ้าจะพูดกันเฉพาะเรื่องสวยจริงๆล่ะก็...
สู้รุ้งไม่ได้หรอก” พี่เอ๋พูดพร้อมกับเอามือ โอบกอดมาทางด้านหลังของดิฉัน
แล้วคว้าหมับเข้าที่เต้านม พลางก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอ ดิฉันสะดุ้งรีบผลักไส
“พี่เอ๋... อย่าค่ะ.. พี่เอ๋... ฟังรุ้งก่อน”
แต่เขาไม่ฟัง ซ้ำยังระดมจูบมาที่พวงแก้มอย่างไม่ยอมหยุด
“ทำไมล่ะรุ้ง.. ไม่คิดถึงพี่เอ๋หรือ”
“พี่เอ๋..อย่า...”
“พี่ไม่ไหวแล้ว .. ไม่ไหวแล้วจริงๆ ..รุ้งสวยเหลือเกิน”
“อย่า..อย่า..พี่เอ๋....พี่ชายของรุ้ง... อย่าซ้ำเติมรุ้งเลย...
รุ้งไม่มีใครแล้ว”
“อย่าห้ามพี่เลยรุ้ง...พี่รักรุ้ง..รักจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว..พี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว....อืมมม
หอม”
“พี่เอ๋.. รุ้งเป็นแฟนตั้มนะ...” ดิฉันร้องห้าม หอบหายใจแรง “
ตั้มเป็นเพื่อนพี่เอ๋นะ”
“อย่าพูดถึงมัน” เขาถอนใบหน้าออก พร้อมทั้งกระชากเสียงดังจนดิฉันตกใจ
“มันแย่งรุ้งไปจากพี่ แล้วยังทำให้รุ้งต้องเป็นอย่างนี้อีก...
สมน้ำหน้ามันแล้ว”
ตาของพี่เอ๋วาวโรจน์ มือของเขาที่เกาะกุมทรวงอกของดิฉัน
ขยุ้มแรงขึ้นจนดิฉันเจ็บ
“พี่เอ๋...อย่า..รุ้งเจ็บนะ..”
“รุ้งต้องกลับมาเป็นของพี่... ของพี่คนเดียว..ไม่ใช่ไอ้ตั้ม”
“..พี่เอ๋.....”
พี่เอ๋ดึงร่างดิฉันให้เข้าไปหาอีกครั้ง
ริมฝีปากบดขยี้ไปทั่วใบหน้าทำให้ดิฉันนิ่งขึงไปทันที
ร่างกายสะท้านเยือกแทบจะหยุดหายใจ
การถูกระดมจูบไปทั่วใบหน้าพร้อมกับมือที่คลึงเคล้าไปมาบริเวณเต้าทรวงทำให้ใจของดิฉันไหวระรัว
และส่งผลให้สั่นระริกไปทุกส่วนของร่างกาย
“อย่านะ” ดิฉันอ้อนวอนเขาแต่น้ำเสียงแผ่วเบาปานเสียงกระซิบ
พี่เอ๋ยืดตัวขึ้นหอบหายใจแรง
และช่วงเวลาที่ดิฉันตัวสั่นอยู่นี้ก็ยุติลงชั่วครู่
กลิ่นลมหายใจของเขายังกรุ่นอยู่ใกล้ๆ ท่าทางเขาบอกถึงความหื่นกระหาย
และลิงโลดในเวลาเดียวกัน แล้วเขาก็ก้มลงพร้อมกับดึงร่างของดิฉันให้ไปหาเขา
ดิฉันพยายามใช้แขนยันร่างของเขาไว้ เพื่อขัดขวางการรุกราน
แต่แล้วเขาก็ปัดแขนดิฉันไว้อย่างง่ายดาย
“..พี่เอ๋..อย่า...”
ดิฉันร้องห้าม พยายามจะอ้อนวอนเขา แต่ไม่เป็นผล เขาละใบหน้าออกจากพวงแก้ม
มืออีกข้างหนึ่งของเขาเชยคางดิฉันขึ้น
ซึ่งทำให้ดิฉันแข็งไปทั้งตัวด้วยความตื่นตระหนกเมื่อริมฝีปากของเขากดประทับ
ลงบนริมฝีปากของดิฉันอย่างอบอุ่นและหนักแน่น
พยายามจะฝืนหลบเลี่ยงแต่แรงกดตรงลำคอด้วยมืออีกข้างหนึ่งทำให้ดิฉันหนีไม่พ้น
พี่เอ๋บังคับให้ดิฉันรับจูบของเขา...
ดิฉันตัวสั่นสูญสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนเคลื่อนไหว
รสสัมผัสของเขาทำให้ดิฉันเหมือนลูกแกะเดียวดายที่ตัวสั่นเพราะความกลัวและเหน็บหนาวอ
ยู่กลางสายฝน..
ดวงตาร้อนผ่าว ความรู้สึกทั้งมวลที่มีอยู่เต็มไปด้วยความสับสน...
สุดท้ายดิฉันก็ต้องพยายามทำใจ
มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงและในเมื่อดิฉันจะต้องยอมให้กับผู้ชายคนอื่นอีกมากมาย
ทำไมดิฉันจะยอมให้กับพี่เอ๋... พี่ชายที่แสนดีคนนี้ไม่ได้
ถือว่าเป็นการตอบแทนความดีที่เขามีต่อดิฉันก็แล้วกัน... ดิฉันคิดอย่างเศร้าใจ
พี่เอ๋ลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกช้าๆ แล้วถอดเสื้อออก
ดิฉันมองเห็นความล่ำสันของมัดกล้าม และทรวงอกที่มีขนดกดำ
เขาถอดรองเท้ากับถุงเท้าออกจากตัวจนเรียบร้อย แล้วเขาก็ปลดตะขอกางเกง
ปล่อยให้กางเกงตัวนั้นก็เลื่อนตกจากตัว เขาสลัดมันออก โดยไม่รั้งรอ
เขาก้มตัวลงปลดกางเกงในตัวนั้นออก สัดส่วนแห่งความเป็นชายของเขาผงาดขึ้นทันที
ดิฉันพยายามเบือนสายตาไม่ยอมมองดูมัน
คุณพระช่วย!..ขณะนี้เจ้าสิ่งน่ากลัวนั้นกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวดิฉันแล้ว
แล้วพี่เอ๋ก็ดึงร่างของดิฉันให้ลุกขึ้นจากเตียง
หมุนร่างดิฉันให้หันหลังให้เขา
“ยกแขนขึ้นซิรุ้ง”
ดิฉันยอมทำตาม ขณะที่เขาจับตรงชายเสื้อ
ดึงมันขึ้นไปทางด้านบนเหนือเรือนผมและศีรษะ
ช่วงแขนเขาสอดเข้ามาใต้แขนของดิฉัน อุ้งมือหนาๆตะปบบนทรวงอก
สัดส่วนแห่งความเป็นชายของเขาแตะต้องอยู่ที่บั้นท้ายของดิฉัน
แม้จะเตรียมทำใจไว้แล้ว แต่ในวินาทีนั้น ดิฉันก็เกิดความหวาดหวั่น
และขยะแขยงขึ้นมาอีก
พี่เอ๋ถอดชุดชั้นในที่เหลือของดิฉันออก ทีละชิ้น.. ทีละชิ้น...
จนในที่สุดก็เหลือเพียงร่างที่เปล่าเปลือยแล้วผลักร่างดิฉันให้นั่งลงบนเตียง
สีหน้าบอกถึงความทระนงของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า
ดวงตาที่หื่นกระหายของเขาจ้องมองร่างดิฉันไปทั่วๆ
“สวยจริงๆ... รุ้งสวยมากกว่าที่พี่คิด”
“พี่เอ๋..”
“ยั่วยวนใจชะมัด..”
ดิฉันอยากจะปกปิดอวัยวะที่แสดงความเป็นหญิง ท้องน้อย เนือเนินเนื้อทรวงนั้น
ต้องการที่จะปกปิดความเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ให้หมดสิ้น
อยากจะให้กิจกรรมอันนี้ได้เกิดขึ้นโดยมีส่วนของเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายไว้
แต่มันสายเกินไปแล้ว ดิฉันพยายามที่จะไม่มองดูเขา
พยายามที่จะควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไว้
ในช่วงวินาทีนั้นดิฉันกลับหวลคิดไปถึงตั้ม บทรักที่ละมุนละม่อม
ตั้มจะบรรจงจูบที่ทรวงอกของดิฉัน ลูบไล้เรือนกายอย่างแผ่วเบา
ค่อยๆบดขยี้ร่างกายอย่างนุ่มนวล เขาจะประทับร่างของเขาลงมาอย่างไม่หักหาญ
ริมฝีปากของเขาจะแนบสนิทอยู่กับริมฝีปากของดิฉัน ดิฉันจะกกกอดศีรษะของเขาไว้
ลูบไล้เรือนผมของเขาขณะที่ สะโพกของเขาจะแทรกลงไปในสะโพกของดิฉัน และแล้ว
สัดส่วนความเป็นชายของเขาจะแทรกเข้าไปข้างในอย่างนุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง
ช่วงสะโพกของดิฉันจะขยับขึ้นลงตามจังหวะ
ไม่มีการยักย้ายเปลี่ยนไปเป็นท่าอื่น..ไม่มีเลย...
มีแต่จะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น...เร็วขึ้น...
จนบรรลุถึงจุดสุดยอดโดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปากระหว่างนั้นเลย
จากนั้นดิฉันจะรั้งร่างของตั้มไว้
มือของเขาจะลูบไล้ลงไปบนส่วนที่อ่อนไหวเร้าอารมณ์ส่วนนั้น
...เพียงชั่วครู่..ดิฉันก็จะสำเร็จด้วยลมหายใจที่หอบสะท้าน...
...มันเป็นความศิวิไลซ์ ความวาบหวามดื่มด่ำ
และความอบอุ่นที่แสนจะน่าประทับใจอะไรเช่นนั้น...
...และดิฉันก็เฝ้าอาวรณ์ อยากจะได้มันกลับมาในคืนวันนี้อย่างเหลือเกิน
ดิฉันรู้สึกที่นอนข้างตัวยุบลง ร่างหนาๆของเขมล้มตัวนอนลงเคียงข้าง....
ความทรงจำความวาบหวามที่อยู่ในห้วงคำนึงหลุดลอยออกไปเหลือแต่ความจริงที่เผชิญอยู่ตรงหน้า...
ดิฉันลืมตามองพี่เอ๋ด้วยอาการอึกอักลังเล
มีแต่ความกระวนกระวายอยู่ข้างในหัวใจที่เต้นแรง เมื่อรู้ว่า
ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นแล้ว
พี่เอ๋โน้มร่างลงมาเหนือร่างเปลือยเปล่า ช่วงไหล่
ทรวงอกที่เคร่งครัดอวบอิ่มและวงกลมสีชมพูตรงใจกลางนั้นลอยอยู่ใกล้ใบหน้าของเขา
ความรู้สึกภายในเร่าร้อนครุกรุ่นแต่ก็อับอายในเวลาเดียวกัน
อุ้งมือเขาสัมผัสช้อนอยู่ใต้ทรวง ปากจรดลงบนทรวงอกข้างนั้น
เร่งเร้าจนมันชูเต่งขึ้นมา แล้วก็เปลี่ยนไปอีกข้างหนึ่ง ดิฉันครางออกมาเบาๆ
แล้วค่อยๆดังขึ้น.. ดังขึ้น... รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นกระหายของเขา
ช่วงเข่าของดิฉันแยกออกโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขาถอนปากออก และเริ่มคุกเข่า...
ดิฉันรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร ดิฉันบีบไหล่เขาแน่น เล็บจิกลงไปในเนื้อ
ดึงร่างของเขาเข้ามาอย่างดุดัน พยายามจะดึงเขาให้กลับขึ้นมา
“อย่าค่ะพี่เอ๋.. อย่าทำอย่างนั้น”
แต่เขาไม่ฟัง..ไม่ตอบ...
ลิ้นของเขาซุกไซร้ควานเข้าไปแตะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของดิฉัน
และเร่งเร้ามันไปมาอย่างช้าๆนุ่มนวล แล้วเร่งสปีดให้เร็วขึ้น...เร็วขึ้น
...จากความรู้สึกที่ชิงชังรังเกียจในตอนแรก
แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด จนดิฉันรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจ
ก่อนจะกลายเป็นความรู้สึกพอใจอย่างเหลือล้น
อยากจะเหนี่ยวรั้งความรู้สึกนี้ไว้นานๆ... วูบนั้นดิฉันหวลคิดไปถึงตั้มอีก..
ดิฉันไม่เคยยอมให้เขาทำแบบนี้กับดิฉันเลยแม้ว่าเขาปรารถนาเหลือเกิน
แต่สุดท้ายดิฉันกลับยอมปล่อยให้ชายอื่นทำในสิ่งที่ดิฉันต่อต้าน...
มันเต็มไปด้วยความรู้สึกละอายใจ... แต่เมื่อมาถึงนาทีนี้
ดิฉันก็ได้แต่ปลอบใจตัวเอง จะต้องไปเสียใจมันเพื่ออะไรอีก
ตั้มไม่กลับมาอีกแล้ว... ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว... ช่างหัวมันเถอะ...
ดิฉันอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆเหลือเกิน...
และแล้วเขาก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดิฉันใจหายวาบเมื่อเขาสลับดึงร่างดิฉันออก..
ให้คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ...ดิฉันตัวสั่นสะท้าน
นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันต่อต้านมากที่สุด
มากกว่าสิ่งที่เขาทำเมื่อสักครู่หลายเท่าเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องหยาบคายที่สุด
รุนแรงที่สุด มันแสนจะสกปรกและน่าทุเรศ
ขนาดคนที่รักที่สุดดิฉันยังไม่ยอมทำให้ ...แต่ในตอนนี้
...ในตอนนี้...ดิฉันกลับปฎิเสธมันไม่ได้ ...ถึงจะอดสูแค่ไหนก็คงต้องทำ
ดิฉันหลับตาแน่น อ้าปากให้กว้างไว้ มันเข้าไปอยู่ในปากแล้ว
เขาดันมันเข้ามาจนลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ มันเข้ามาจนถึงลิ้นไก่
ถูไถข้างๆกระพุ้งแก้ม แนบติดอยู่กับลิ้นของดิฉันจนรู้สึกคลื่นไส้
ก้อนอะไรบางอย่างแล่นริ้วๆ ขึ้นมาตามลำคอ
ช่างน่าประหลาดแท้ๆที่มันพองใหญ่ขึ้นจนรู้สึกคับแน่นไปทั้งปาก
อัดแน่นอยู่ตรงคอหอย ดิฉันไม่แน่ใจนักว่าต้องทำยังไงต่อไป
...สัญชาตญาณสั่งให้ดูดดื่มมัน แต่มโนสำนึกสั่งให้ต่อต้าน...
ดิฉันกล้ำกลืนฝืนใจอยู่กับมันอย่างนั้น ...
นิ่งชะงักอยู่กับการขัดแย้งกันเองของความรู้สึก...
ก่อนที่จะเริ่มดูดดื่มมันและขยับเขยื้อนริมฝีปากเข้าออกช้าๆ และเร็วขึ้น
เร็วขึ้น..
พี่เอ๋ร้องครางออกมา และพึมพำเสียงกระเส่า
“ดี...ดีเหลือเกิน..รุ้งทำได้ดีจริงๆ” และแล้ว
เขาก็จับศีรษะของดิฉันให้หงายขึ้นเพื่อปฎิบัติกิจกรรมนั้นด้วยตัวของเขาเอง
ดิฉันดึงมือเขาออก พร้อมกับร้องขึ้น
“เดี๋ยวนี้เลย พี่เอ๋ ได้โปรดเถอะ...”
ดิฉันร้องร่ำอยู่ใต้ร่างของเขา แยกขาออกจากกันด้วยท่าทีวิงวอน
“โอ...พี่เอ๋คะ .. รักรุ้ง.. รักรุ้งเถะค่ะ”
อากัปกิริยาของดิฉันคงจะเต็มไปด้วยความกระหายเร่าร้อน
จนทำให้เขาแปลกใจแต่ก็เต็มไปด้วยความกระหยิ่มลำพอง
ขณะที่สัดส่วนที่แข็งแกร่งของเขาพุ่งตรงเข้ามาในร่างกายของดิฉัน..
สัมผัสเนื้อในที่อ่อนนุ่มและอ้ากว้างรอรับเขาอยู่
ขณะที่เขาสอดแทรกเข้ามาภายในร่างกายนั้น ดิฉันกลับผงะหงายด้วยความตกใจ
เพราะใจอีกส่วนหนึ่งไม่ได้ต้องการให้เนื้อในของดิฉันตอบรับ แต่ลึกลงไปนั้น
ภายในร่างกายของดิฉันกลับเต็มไปด้วยความร้อนระอุที่กระจายออกจากท้องน้อยและแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
และทำให้ความสาวของดิฉันเริ่มชุ่มฉ่ำและเกิดการหล่อลื่นขึ้นมาเอง
ดิฉันพยายามที่จะปลดปล่อยใจตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติวิสัย
ขณะที่ท่อนลำของเขากำลังเสียดสีอยู่ในร่างกาย
และกำลังเร่งความเร็วเหมือนเครื่องจักรกล เข้าๆออกๆ อยู่กับร่างกายนั้น
มันกำลังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ดิฉันพยายามเกาะกุมแขนเขาไว้ขณะที่ร่างกายของดิฉันกำลังสั่นสะเทือน
ฟันสั่นกระทบกัน ศีรษะถูกดันขึ้นไปจนติดเตียง ดิฉันหรี่ตาขึ้นดู
ก็เห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้ากำลังมองดูดิฉันตลอดเวลา
ดิฉันหน้าร้อนวูบ พยายามสะกดกลั้นความรู้สึก
แต่ปากกลับร้องร่ำอยู่กับเขาอย่างไม่รู้ตัว
“อูยยย..พี่เอ๋..พี่เอ๋...รุ้ง..รุ้ง..จะฉีกเป็นเสี่ยงๆ..อยู่แล้ว...พี่เอ๋...โอ...”
“แรงไปหรือ..ช้าๆไหม”
ดิฉันจิกเล็บลงไปบนแขนของเขา
“โอ...อย่าค่ะ..อย่า...แรงขึ้นค่ะ..แรงขึ้น...รุ้งชอบค่ะ..รุ้งรักพี่เอ๋..รุ้งรักพี่
อย่าช้าสิคะ...แรงขึ้น.. แรงขึ้นอีก”
แม้จะเจ็บปว ด แต่ดิฉันก็ยกขาขึ้น ตวัดโอบคอเขาไว้ ลักษณะเช่นนั้น
ทำให้ร่างของเขาสนิทแนบกับร่างของดิฉันยิ่งขึ้น
ร่างของเขาสะท้านไหวอย่างบ้าคลั่ง
ดิฉันเองก็มีความรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ...
มโนธรรมต่อสู้กับความต้องการอย่างสุดความสามารถ.. แต่เป็นครั้งสุดท้าย...
เพราะในที่สุดอารมณ์ใคร่ก็มีชัยอย่างเด็ดขาด...
ดิฉันแล่นโผนโจนทะยานไปกับเขาด้วย ขบฟันลงไปบนทรวงอกเขา
ดิ้นรนพัลวันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
ดวงตาปรือขึ้นมาองดูใบหน้าที่ยิ้มกริ่มของเขา
ส่งเสียงร่ำร้องขณะที่เขาเสือกไสจนศีรษะของดิฉันกระแทกเข้ากับพนักเตียง
ร่างของเขาสั่นเทิ้มเหมือนคนบ้า...
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ..รื่อยๆ.. เขาควรจะบรรลุสุดยอดได้แล้ว
แต่เขาก็ยังไม่ถึงจุดนั้น
ดิฉันพยายามที่จะขยับเขยื้อนร่างกายไปตามจังหวะของเขา แต่ขณะนี้ทั้งสะโพก ก้น
หรือแม้แต่ช่วงขา รู้สึกชาด้านไปหมด ดิฉันกรีดร้อง ทุบลงไปบนร่างของเขา
ร่ำร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังดำเนินทุกอย่างนั้นต่อไป..
ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเลย
แต่แล้ว...ความรู้สึกแปลกๆก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก
มันบังเกิดขึ้นขณะที่ความเป็นชายของเขาเสียดสีไปตามผนังเข้าๆออกอย่างนี้น
ความรู้สึกที่กลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้ดิฉันต้องโลดแล่นเคียงคู่ไปกับเขาอีกครั้ง
มันเป็นความรู้สึกธรรมชาติ
ซึ่งก็คือความปรารถนาที่จะได้แตกทลายออกมาพร้อมๆกับเขา
มันดิ้นพล่านอยู่ภายในราวกับกระแสน้ำที่ถูกได้ฝุ่นที่บ้าคลั่งหอบหิ้วให้ลอยละลิ่วขึ
้นไปบนท้องฟ้า
และความรู้สึกนั้นทำให้ดิฉันบังคับอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว
ดิฉันกำลังจะใกล้ถึงจุดสุดยอดเสียแล้ว ดิฉันรู้สึกอยากจะร้องไห้
เพราะไม่เคยหวังที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
สำหรับการร่วมรักกับชายอื่นที่ไม่ใช่ตั้ม
มันเป็นการนอกใจเขาอย่างสมบูรณ์แบบ...
ร่างกายของดิฉันทรยศต่อมโนสำนึกของตัวเอง นิ้วของดิฉันกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น
กัดริมฝีปากจนห้อเลือด ร้ำร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ
ดิฉันพยายามที่จะไม่สนใจอากัปกิริยาของเขาอีกต่อไป
หันศีรษะเอียงไปบนหมอนข้างหนึ่ง น้ำตาไหลพราก...
ขณะที่ความดื่มด่ำกับความละอายใจต่อสู้กันตลอดการร่วมรักครั้งนี้
ดิฉันพยายามเหนี่ยวรั้งความรู้สึกกลับคืนมา แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย
เขากำลังจะพาดิฉันโลดแล่นขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นสูงสุด ดิฉันลดขาลง
สอดมือเข้าไปใต้ต้นขาของเขา และสัมผัสที่พุ่มพวงของเขา บีบมันเบาๆ
ขณะที่น้ำตาหลั่งออกมากลบตา ขณะที่เขาเริ่มครางออกมา แรงดันของเขาสั้นลง
และช้าลง แล้วก็เร่งเร็วขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย จนในที่สุดเขาก็ร้องออกมา
มันพุ่งกระฉูดด้วยความแรง
จนท่วมท้นและเอ่อนองด้วยความรู้สึกสุดยอดที่เขาได้อัดอั้นไว้... จากนั้น
ร่างของเขาก็ซบลงบนร่างของดิฉันช้าๆ...
ช่างน่าประทับใจอะไรเช่นนั้น...
ดิฉันมองร่างที่นอนหมอบนิ่งหมดพิษสงอยู่ข้างกาย
รู้สึกหฤหรรษ์ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
มันเป็นครั้งแรกที่ดิฉันรู้สึกเหมือนกับเป็นผู้พิชิตแทนที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เหมือนทุกครั้ง...