close buttonclose buttonclose button
จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 13

จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 13

หนูอยากลองของ · 26252

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline หนูอยากลองของ

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • Super Master Hero
  • *******
    • Posts: 944
    • เสียว: 70
    • View Profile
พี่แก้วกลับผู้คุมชายคนนั้นพาดิฉันเดินออกจากห้อง
ผ่านทางเดินเล็กๆแล้วเลี้ยวไปในทางแยกแห่งหนึ่ง
ระหว่างทางผู้คุมชายคนนั้นพูดกับดิฉัน
“คุณรุ้งรู้มั๊ยว่าผมชื่นชมคุณมากเลย ผมเคยเป็นนายแบบเดินร่วมกับคุณด้วยนะ”
แล้วเขาก็เอ่ยถึงงานประกวดนายแบบแห่งหนึ่ง
ซึ่งทำให้ดิฉันปล่อยเสียงหัวเราะอันแสบแก้วหู
“คุณพระช่วย พวกสมัครเล่น”
คำเยาะเย้ยของดิฉันทำให้เขาหน้าแดงด้วยความเขิน พี่แก้วบีบแขนดิฉันเบาๆ
ทำให้ดิฉันรู้สึกตัว และสำนึกเสียใจกับคำพูดถากถางของตัวเอง
ความตึงเครียดทำให้ดิฉันกลายเป็นคนก้าวร้าวมากขึ้นทุกที
เราเดินอย่างเงียบๆเลี้ยวเข้ามาตรงทางเดินใหญ่แล้วก็ขึ้นบันไดไปสองทอด
อากาศในช่วงนี้มีกลิ่นของฝุ่นและเหม็นอับ
ที่ผนังมีปูนถลอกเป็นหย่อมๆขณะที่เราขึ้นบันไดไปเดินไปที่หน้าประตูและกดออด
ประตูถูกไขออก แล้วผู้คุมอีกคนหนึ่งก็ชะโงกหัวออกมา
“พัศดีให้พานักโทษมาขังเดี่ยว” ผู้คุมชายคนนั้นพูด
ผู้คุมหญิงคนนั้นพยักหน้า
“ไปที่ห้องหมายเลยเจ็ด”
เธอพูดพลางส่งกุญแจดอกหนึ่งให้ ผู้คุมชายรับไว้แล้วพาดิฉันเดินเข้าไป
หยุดอยู่ที่หน้าห้องซึ่งอยู่เกือบจะในสุด
“ถอดเสื้อผ้าออก” ผู้คุมชายคนนั้นหันมาบอก
ดิฉันขมวดคิ้วหันมามองพี่แก้วเป็นเชิงถาม
“เคยมีนักโทษแอบเอามีดเข้าไปข้างในแล้วฆ่าตัวตาย
ดังนั้นนักโทษเดี่ยวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เสื้อผ้าอยู่คนเดียว
เพื่อป้องกันการแอบเอาอาวุธเข้าไปข้างใน” พี่แก้วอธิบาย
“ถ้างั้นก็ให้เขาออกไปก่อนซิ” ดิฉันพูด
พี่แก้วหันไปทางนักโทษคนนั้น
“คุณจะช่วยออกไปก่อนได้มั๊ย” เธอพูดอย่างสุภาพ แต่เขาสั่นหัว
“ขอโทษ ผมต้องอยู่ มันเป็นกฏ”
พี่แก้วพยักหน้าหันมาทางดิฉัน
“ถอดเถอะรุ้ง”
ดิฉันรู้ว่าไม่มีทางเลี่ยง จึงหันหลังรีบถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
รู้สึกอายเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องมองอยู่แน่ๆ
หลังจากถอดเรียบร้อยดิฉันก็ส่งเสื้อผ้าให้พี่แก้ว
เธอเปิดประตูแล้วผลักให้ดิฉันเข้าไปข้างใน แล้วปิดประตูล็อคห้อง
จากนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงเท้าของทั้งคู่เดินกลับออกไป
ห้องขังเดี่ยวเล็กมาก ทั้งห้องว่างเปล่ามีเตียงเล็กๆวางอยู่ชิดผนัง
ไม่มีหลอดไฟแต่มีแสงสว่างมากจากช่องหน้าต่างเล็กๆที่มีอยู่เพียงช่องเดียวในห้อง
ดิฉันเดินไปนอนเตียงอย่างหมดแรง เอี้ยวตัวไปที่หน้าต่างและจ้องไปบนท้องฟ้า
แสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาในช่องนั้น
ดิฉันเหยียดตัวออกไปข้างๆ และใช้แขนหนุนเป็นหมอน
หลับตาสะลึมสะลือแล้วก็ก่อนจะเคลิ้มหลับไป
ช่วงเวลานั้นราวกับเรื่องร้ายๆจะได้ผ่านพ้นออกไปจากตัว
ในความฝันดิฉันได้กลับมาอยู่กับตั้มอีกครั้งหนึ่ง
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขไม่เคยอยู่นาน..
ดิฉันตื่นขึ้นมาอีกครังในตอนค่ำด้วยความหิว
มองไปที่ประตูเพื่อหวังจะมีใครเอาอะไรมาให้บ้าง แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
ดิฉันฆ่าเวลาด้วยการนั่งท่องอาขยานที่เคยเรียนมาสมัยเด็กๆไปเรื่อยๆอย่างไร้ความหมาย
การท่องชะงักลง เมื่อผู้คุมถือกระโถนเดินเข้ามา
“คืนนี้แกใช้ไอ้นี่” เธอพูด “เร็วๆนะ”
“ยังไม่ปวด” ดิฉันว่า
“อย่ายั่วน่า เราไม่มีเวลายืนคอยแกนะ”
ดิฉันมองไปที่กระโถน และเห็นข้างในเกือบเต็มแล้ว
ภาพที่เห็นทำให้ดิฉันคลื่นไส้ จนต้องโบกมือไล่
“เอาไอ้นี่ออกไปนะ เร็วซิ..เอาออกไป๊”
แต่ผู้คุมจิกหัวดิฉันและบิดจนหัวหมุน “นั่งลงไป แล้วก็ฉี่ซะ”
ผู้คุมปล่อยผมและผลักไปที่กระโถน ดิฉันปลดทุกข์ตัวเองอย่างไม่สนใจ
และราวกับว่าเธอจะอ่านจิตใจของดิฉันออก ผู้คุมร้องเตือนว่า “อย่าเตะมันนะ
ไม่งั้นฉันเอาหน้าแกจุ่มไปในนั้นแน่”
จากสีหน้าเธอ ดิฉันรู้ว่าเธอเอาจริงดังนั้นพอเสร็จแล้ว
ดิฉันก็ลุกขึ้นและกลับไปที่เตียง
ตลอดทั้งคืนดิฉันแทบจะนอนไม่หลับด้วยความหิว ทุกๆชั่วโมงที่ผ่านไป
ประสาทของดิฉันตึงเครียดขึ้นทุกที และเพื่อระงับความเครียด
ดิฉันต้องพยายามคิดไปถึงอดีต คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขอยู่ในแวดวงนางแบบ
คิดถึงคนที่คอยเอาใจ คิดถึงคนที่มองด้วยสายตาชื่นชมขณะเดินแบบ
จากนั้นก็คิดไปถึงตั้ม ความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา... แต่สุดท้าย
มันก็จะวกกลับมาหากรงอันทรมานอยู่ร่ำไป ทุกอย่างดำเนินไปตลอดวันและคืนถัดไป
ดิฉันยังต้องถ่ายใส่กระโถนอยู่ในห้องขังทุกสี่ครั้งในแต่ละวัน
คืนที่สองที่ถูกขังเดี่ยว ฝนเทเข้ามาทางช่องหน้าต่างนั้น
มันไม่มีบานหน้าต่างที่จะปิด ทำให้น้ำท่วมห้องขัง
แต่ไม่มีเข้ามาจัดการอะไรให้ อากาศก็หนาว
ขณะที่ดิฉันเองยังคงเปลือยเปล่าอยู่ทั้งตัว ไม่มีทั้งเสื้อคลุมและผ้าปูที่นอน
ดิฉันจึงได้ขดตัวด้วยความหนาวจนม่อยหลับไป
วันที่สาม... ความจริงที่เกิดขึ้นคือความพ่ายแพ้ ดิฉันทุบกำแพง กรีดร้อง
สาปแช่ง หิวโซ ร้องขอความเมตตา ขู่ ร้องไห้ สุดท้ายก็นอนอย่างสิ้นหวังบนเตียง
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปหมดราวกับว่าโลกนี้ไร้เสียง
ยกเว้นเสียงเปิดประตูและให้ถ่ายท้องตามกิจวัตรประจำวัน
ตอนเช้าของวันที่สี่ ประตูห้องขังก็เปิดออก ดิฉันก็เห็นพี่แก้ว
ดิฉันอยากจะซบกับอ้อมแขนอันอบอุ่นของเธออีกครั้ง
“ลุกขึ้นซิรุ้ง” เธอพูด
แต่ดิฉันยังนอนฟุบอย่างหมดเรี่ยวแรง ปวดหัวไปหมด
“รุ้งต้องลุกขึ้นมานะ พัศดีคอยรุ้งอยู่”
พี่แก้วพูด แล้วเดินเข้ามาดึงตัวดิฉัน
ปลอบโยนและประคองดิฉันไว้ขณะที่ดิฉันลุกขึ้นยืนซวนเซเล็กน้อย
“พี่แก้ว รุ้งจะไม่ไหวแล้ว”
“พี่เตือนรุ้งแล้วว่าอย่าทำให้พัศดีโกรธ แต่รุ้งไม่ฟังพี่เลย”
เธอตำหนิ ซึ่งดิฉันก็ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ อ่อนแรงเกินกว่าที่จะตอบโต้อะไรได้
พี่แก้วพาดิฉันไปอาบน้ำ
ซึ่งทำให้ดิฉันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างแต่ยังคงหิวโซ
ดิฉันขออาหารแต่เธอปฎิเสธ พาดิฉันเดินผ่านห้องโถงไปตามทางเล็กๆ
“จะพารุ้งไปไหนคะ” ดิฉันถามเพราะจำได้ว่าทางที่เธอพาไป
ไม่ใช่ทางกลับไปยังคุกเดี่ยว
และก็ไม่ใช่ทางที่จะกลับไปยังห้องนอนเดิมของดิฉัน
พี่แก้วหันมามองดิฉัน ส่ายหน้าไม่พูดอะไร
ดิฉันใจหายวาบเมื่อเห็นแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ และเป็นห่วง
ซึ่งทำให้ดิฉันใจเต้นโครมครามรู้สึกถึงเรื่องร้ายๆที่จะเกิดขึ้น
พี่แก้วพาดิฉันไปหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู...
ทันทีที่เปิดประตูห้อง ดิฉันก็ต้องกรีดร้องสุดเสียง ทรุดตัวนั่งยองๆบนพื้น
เอามือปกปิดร่างกายที่เปล่าเปลือยไว้!
ภายในห้องขัง ดิฉันเห็นพัศดี นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
ตั้มถูกมัดติดอยูกับเก้าอี้ และมีนักโทษชายหน้าตาน่ากลัว
ร่างกำยำยืนอยู่อีกห้าคนซึ่งมองมายังร่างของดิฉันอย่างหื่นกระหาย
“แก้วออกไปก่อน” พัศดีสั่ง
พี่แก้วมองดิฉันอย่างเป็นห่วง ก่อนจะยอมเดินออกไปตามคำสั่งพัศดี....
พัศดีลุกขึ้นแล้วเดินมาตรงหน้าดิฉัน
“เป็นไงรุ้ง ถูกขังเดี่ยวมาสามวัน พอจะสำนึกหรือยังว่าควรจะทำตัวยังไง”
ดิฉันมองไปที่นักโทษชายทั้งห้าคนอย่างหวาดผวา ไม่กล้ามองหน้าตั้มเลย
เพราะไม่อาจทนมองสีหน้าของเขาได้ รู้ดีว่าเขาจะต้องปวดร้าวซักแค่ไหน
ดิฉันกลัวที่จะเห็นสีหน้าของเขา
กลัวว่าภาพของความปวดร้าวของเขาจะติดอยู่ในความทรงจำของดิฉันอีก
ดิฉันทนรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…
“อย่าทำกับรุ้งเลย” ดิฉันวิงวอนเขาเสียงสั่นเครือ
ความเย่อหยิ่งโอหังไม่มีหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย “ให้โอกาสรุ้งอีกครั้ง...
รุ้งจะไม่ขัดขืนคำสั่งของท่านอีก”
“รุ้งพูดอย่างนี้ทุกครั้งแต่ไม่เคยทำตามสัญญา
ผมปล่อยให้รุ้งผิดคำพูดไม่ได้อีกต่อไป
ครั้งนี้ผมจะทำให้รุ้งจำไปจนตายเลยว่าการผิดคำพูดนั้นจะเป็นยังไง”
เขาพูดอย่างไม่สนในไยดี เดินกลับไปที่ตั้ม ดิฉันก้มหน้ามองพื้นไม่กล้ามองตาม
น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
“ลืมตาขึ้นมาซิ” เสียงพัศดีพูดกับตั้ม “ดูแฟนคุณซิ... ดูและฟัง
ว่าแฟนคุณจะร้องด้วยความเจ็บปวดหรือร้องอย่างมีความสุขเมื่อโดนเพื่อนนักโทษของคุณเอา…ลืมตาขึ้น!...ผมสั่งให้ลืมตา”
ประโยคสุดท้ายเขาตวาดเสียงดังลั่น
ทุกคำพูดของเขาเหมือนเข็มเป็นพันๆเล่มที่ทิ่มแทงเข้ามาในร่างของดิฉัน
มันเต็มไปด้วยความปวดร้าวทรมานอย่างแสนสาหัส
ตลอดเวลาดิฉันไม่กล้ามองไปที่ตั้มเลย
มันเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ดิฉันรู้สึกอยากจะอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด!
“เป็นไงไอ้หวัง รู้จักเธอมั๊ย” เสียงพัศดีพูดกับนักโทษ
“รู้ครับ รู้จักดีเลย”
ดิฉันเงยหน้าขึ้น ก็เห็นนักโทษคนนั้นจ้องเขม็งมายังร่างเปล่าเปลือยของดิฉัน
ตาของเขาลุกวาว ปากยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว ดิฉันกอดเข่าไว้แน่น
พยายามปกปิดเรือนร่างไว้ให้มากที่สุด แต่ไม่มีประโยชน์เลย
“น่าเอามั๊ยล่ะ?” พัศดีถาม
“น่าเอามากๆครับ” เขาผงกหน้าถี่ๆ หอบหายใจแรง
“งั้นจะรออะไรล่ะ” เขาพูดเสียงดัง กวาดตามองไปยังนักโทษทุกคน
“เข้าไปพร้อมๆกันเลยซิ” เขาคำราม
วินาทีนั้นดิฉันรู้สึกตาพร่าพราย หูอื้ออึง
ได้ยินเสียงตะโกนของตั้มไปพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของตัวเอง
เมื่อร่างกำยำของพวกมันกรูกันเข้ามา....



Offline crusaderxx

  • Sr. Member
  • ****
    • Posts: 194
    • เสียว: 1
    • View Profile
 (003;............แหล่มเลย........... (003;



Offline phatthakorn

  • Super Master Hero
  • **********
    • Posts: 1284
    • เสียว: 9
    • View Profile