ดิฉันกลับเข้ามาอยู่ในห้องนอนที่ได้เห็นในวันแรก พร้อมกับได้อาบน้ำสระผม เป็นครั้งแรกที่ดิฉันสะอาดและหอมกรุ่นไปทั้งตัวนับตั้งแต่วันที่เข้ามาอยู่ในคุก หลังจากเช็ดตัวจนสะอาดสะอ้านแล้วดิฉันก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า มันมีขนาดใหญ่ และมีเสื้อผ้าแขวนไว้มากมายจนลานตา ที่น่าแปลกก็คือนอกจากจะมีเสื้อ กระโปรง กางเกงตามปกติแล้ว มันยังมีชุดยูนิฟอร์มหลากหลายรูปแบบอยู่ด้วย ทั้งชุดราตรี ชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา ชุดพนักงานออฟิช ชุดตำรวจ ชุดพยาบาล และอื่นๆอีกมากมาย แม้กระทั่งชุดเจ้าสาวก็มีอยู่ในนี้ด้วย ดิฉันถอนใจเพราะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่พยายามจะไม่คิดมาก ดิฉันเลือกเพียงชุดเสื้อกระโปรงสั้นๆสีน้ำตาลอ่อนมีลายจุดเต็มตัวดูน่ารัก กระโปรงค่อนข้างสั้นเบาบาง มันใส่สบายและเหมาะที่สุดสำหรับอากาศที่ร้อนในเวลานี้ หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ดิฉันก็มานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือหวีผมแล้วก็รวบมันไว้ โดยใช้หนังยางรัดอย่างง่ายๆ หน้าของดิฉันในกระจกดูอิดโรยเล็กน้อย แต่ดิฉันไม่สนใจที่จะแต่งให้มันดูดีขึ้น แม้จะมีเครื่องสำอางวางอยู่เต็มโต๊ะเล็กๆนั้น ห้องนอนห้องนี้มีหน้าต่างอยู่เพียงบานเดียว มันแตกต่างจากหน้าต่างห้องขังอื่นๆเพราะมันไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กๆ แต่มันเป็นบานเต็มที่มีขนาดเดียวกันกับที่อยู่ตามบ้านทั่วไป หน้าต่างห้องนี้จัดอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากทีเดียว
ด้านล่างนั้นสามารถมองเห็นสวนดอกไม้ ถัดออกไปเป็นถนนและต่อด้วยแปลงผักขนาดใหญ่ซึ่งมีนักโทษจำนวนหนึ่งกำลังทำงานกันอยู่ ไกลออกไปลิบๆเป็นพื้นที่รกๆ แล้วก็เป็นรั้วรวดหนามที่กั้นระหว่างคุกหญิงกับคุกชาย หลังรั้วลวดหนามเป็นไม้พุ่ม ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นจนดิฉันไม่สามารถมองเห็นส่วนของนักโทษชายได้ถนัดนัก นอกจากจะเห็นบางส่วนของอาคารและโรงเอนโผล่พ้นยอดไม้ออกมาสองสามหลัง สายลมเอื่อยๆพัดผ่านเข้ามาทำให้ดิฉันรู้สึกสบายตัว ใจดิฉันล่องลอยไปหลังรั้วลวดหนามนั้น ...ตั้มคงจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งตรงนั้น มันปวดร้าวเมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าเราอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่เส้นหยักๆคดเคี้ยวของรั้วดูไม่ผิดแผกไปจากเส้นขอบฟ้าที่กั้นเราไว้ให้อยู่ห่างกันคนละฟากโลก ...เราไม่มีโอกาสที่จะพบกันได้อีกแล้ว ดิฉันถอนใจด้วยความเศร้าหมอง... เสียงเปิดประตูลูกกรงดังขึ้น ดิฉันหันไปมองก็เห็นพัศดีเดินเข้ามานั่งอยู่บนเตียง “ไงครับ คุณรุ้งรู้สีกสดชื่นขึ้นมาแล้วซินะ” ดิฉันพยักหน้า แล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม ได้ยินเสียงเขาพูดต่อ “ผมดีใจที่เห็นหน้าตาคุณดูผ่องใสกว่าเดิมมาก คุณเกือบจะสวยเหมือนเดิมแล้วนะ รู้มั๊ย! มานั่งตรงนี้ซิ” ดิฉันหันกลับไปก็เห็นเขาตบมือลงบนที่นอนข้างๆตัวของเขา สีหน้าของเขายิ้มแย้ม ดิฉันเดินกลับไปนั่งตามที่เขาสั่ง อย่างไม่เต็มใจ “ผมโทรศัพท์ไปบอกหัวหน้า ท่านดีใจมากที่คุณยอมตกลงกับผม คุณรุ้งต้องเตรียมต้อนรับท่าน” “เมื่อไหร่คะ” ดิฉันถามใจเต้นระทึก “คืนนี้” เขาตอบ ดิฉันใจหายวาบ สั่นระริกไปทั้งตัว “ผมรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปซักหน่อย ผมพยายามจะขอเลื่อนเวลาให้แล้ว แต่ท่านใจร้อน จริงๆท่านอยากจะมาหาคุณตั้งแต่วันแรกแล้วด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่อยากให้มีการข่มขืนในที่นี้จึงขอเลื่อนท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว..” เขาพูดพลางลูบไล้เรือนผมของดิฉันเหมือนจะปลอบประโลม “ผมรู้ว่าคุณยังเพลีย แต่ท่านเป็นเจ้านายของผม ผมปฏิเสธท่านไม่ได้จริงๆ” น้ำเสียงของเขาเหมือนจะมีความเห็นใจอยู่นิดๆ แต่มันไม่มีความหมายสำหรับดิฉัน ดิฉันได้แต่นั่งซึมเซาอยู่อย่างนั้น หากในใจพยายามจะยอมรับความจริงซึ่งต้องเกิดขึ้น มันจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วไม่วันใดก็วันหนึ่ง ดิฉันไม่มีทางเลือก “คุณรุ้ง ผมไม่อยากให้คุณคิดว่าผมใจร้ายและเอาเปรียบคุณจนเกินไปนะ อันที่จริง ผมถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันด้วยซ้ำ ผมให้ความสะดวกสบายกับคุณ ส่วนคุณก็ทำงานให้ผม” เขาหยุดเหมือนจะสังเกตท่าทีของดิฉัน แต่ดิฉันก็ยังคงนั่งฟังอย่างเงียบๆ เขาจึงพูดต่อ “รุ้งสบายใจได้นะ ผมจะไม่ให้คุณต้องนอนกับผู้ชายเยอะนักหรอก ผมจะเลือกเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งระดับสูงหรือไม่ก็อาจจะมีพ่อค้าใหญ่ๆบางคนเท่านั้น อาทิตย์นึงคุณอาจจะต้องต้อนรับท่านเหล่านั้นเพียงวันสองวันเท่านั้น ผมจะแบ่งเงินส่วนนึงให้คุณด้วยทุกครั้งที่คุณนอนกับลูกค้าของผม คุณจะได้มีเงินเก็บเมื่อพ้นโทษออกไป ดีมั๊ยล่ะ” ไม่เลย! ดิฉันไม่ดีใจซักนิด ความอดสูใจที่เกิดขึ้นมันได้ทำลายความอยากได้ใคร่ดีของดิฉันให้หมดสิ้นไปตั้งนานแล้วสิ่งเดียวที่ทำให้ดิฉันต้องยอมทำอย่างนี้ก็เพราะตั้มและเพื่อตั้มเพียงคนเดียวเท่านั้น “ผมมีอะไรจะให้คุณนะ ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับในฐานะผู้ร่วมงานกันในครั้งแรกก็แล้วกัน รับไว้ซิครับ” ดิฉันหันไปมอง เห็นเขาหยิบสร้อยข้อมือออกจากกระเป๋า แล้ววางลงที่มือของดิฉัน ดิฉันก้มลงมองดูมันเพียงผ่านๆ ถึงกระนั้นก็พอจะรู้ว่ามันคงมีราคาไม่น้อย แต่เนื่องจากดิฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมมัน ดิฉันจึงเพียงแต่เปิดตะกร้าใส่ของเล็กๆที่หัวเตียงแล้วโยนมันลงไป จากนั้นจากนั้นก็ปิดฝากลับ ไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่านั่นเป็นการสร้างความโมโหให้เขาอย่างแสนสาหัส เขาจับแขนของดิฉันทั้งสองข้างไว้แน่นแล้วเขย่าอย่างรุนแรง “อย่าทำอย่างนี้กับลูกค้าผมเด็ดขาด..” เขาตะคอกด้วยความโกรธกริ้ว “ผมไม่สนใจว่าคุณจะคิดห่าอะไรอยู่ในใจ แต่ถ้ามีคนให้ของคุณ คุณจะต้องทำท่าว่าดีใจแบบสุดๆ จะเต็มใจหรือดัดจริตก็ต้องทำ และจำใส่สมองโง่ๆของคุณด้วยว่าอย่าทำให้ลูกค้าของผมอารมณ์เสียเด็ดขาด” มือของเขากำแขนของดิฉันแน่น จนดิฉันเจ็บ
น้ำตาเริ่มคลออยู่ที่เบ้าแต่เขาไม่สนใจ ยังคงตวาดเสียงดัง “คืนนี้คุณจะต้องต้อนรับหัวหน้าผมให้ดี ผมจะบอกอะไรให้ ผมให้คนติดกล้องไว้ทุกมุมทั้งในห้องนี้และห้องน้ำ ผมจะเห็นคุณอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณมีท่าทีที่จะทำอะไรไม่ดีหรือทำให้ลูกค้าของผมอารมณ์เสีย ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ และผมจะทำให้คุณต้องเสียใจมากไปกว่าที่ทำกับผมอีกเป็นร้อยเท่า ผมเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น จำเอาไว้ให้ดี” เขาผลักดิฉันลงกับเตียงอย่างรุนแรงแล้วลุกขึ้น “จำไม่ได้หรือ เป็นคุณเองที่คุกเข่าขอร้องที่จะมาทำแบบนี้ ไม่ใช่ผมไปขอร้องคุณ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา” เขาเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย ไม่สนใจกับดิฉันที่ฟุบหน้าลงกับเตียงร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ..... วันนั้นพัศดีไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย จนกระทั่งใกล้ค่ำเขาจึงเดินเข้ามาพร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในวัยใกล้ๆจะห้าสิบหรือไม่ก็มากกว่านั้นเล็กน้อย ดิฉันลุกขึ้นยืนเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามา “นี่คุณวิชัย หัวหน้าผม” เขาแนะนำก่อนจะหันไปพูดกับชายคนนั้น “ท่านครับนี่คุณรุ้ง” “สวัสดีค่ะ” ดิฉันพนมมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าหลบตา เพราะเขามองมายังดิฉันตาแทบไม่กระพริบ “ผมคิดว่าท่านคงจะอยากอยู่ตามลำพังกับคุณรุ้ง ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดกับท่านรองแล้วจึงหันมาพูดกับดิฉัน “คุณรุ้งต้อนรับท่านให้ดีนะ” ดิฉันเห็นแววตาของเขาแข็งกร้าวเหมือนกับจะขู่เพราะกลัวว่าดิฉันจะทำอะไรไม่ดี ซึ่งอาจจะทำให้เขาต้องเดือดร้อน ท่านวิชัยตบไหล่ของเขา “ขอบคุณมากนะคุณพิชิต ขอบคุณมากจริงๆ ผมถือว่าคุณมีบุญคุณกับผมเลยนะที่ทำสิ่งนี้ให้” “อย่าพูดอย่างนั้นซิครับ ท่านช่วยเหลือผมมามาก ผมตอบแทนแค่นี้จะเป็นไรไป” ท่านวิชัยหัวเราะอย่างพึงพอใจ พอพัศดีเดินออกไป ท่านวิชัยก็โอบไหล่ของดิฉันให้นั่งลงที่เตียง ดิฉันยังก้มหน้านิ่งด้วยความอับอาย แต่เขาก็เชยคางของดิฉันขึ้น “หนูสวยมากเลยนะหนูรุ้ง สวยกว่าที่ผมเห็นในหนังสือหลายร้อยเท่า” คำพูดของเขาสุภาพแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ดิฉันทั้งกลัวทั้งรังเกียจแต่ไม่กล้าขัดขืน เขาเริ่มซุกหน้าลงมาที่ซอกคอของดิฉัน ปากก็พึมพำ “ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ทำอย่างนี้กับหนูรุ้ง คนสวยของผม...อืมมมมม...หอมเหลือเกิน” เขาพึมพำเสียงกระเส่าขณะซุกไซร้เรื่อยลงมาถึงพวงแก้ม ดิฉันผงะออกตามสัญชาตญาณ