ผู้คุมทั้งสองคนพาดิฉันออกมา เราเดินไปตามทางแคบๆ หยุดอยู่ที่หน้าประตูที่สองที่มีคำว่า “ห้องตรวจโรค” ติดอยู่ ผู้คุมหญิงกดออด และประตูก็เปิดออก ดิฉันถูกพาเข้าไปในห้อง ผู้คุมหญิงปล่อยให้ดิฉันงยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ได้สั่งอะไร พยาบาลคนหนึ่งกำลังยืนตรวจแฟ้มของดิฉัน เธออ่านสองสามบรรทัดแล้วจ้องมองดิฉันอย่างแปลกๆ แล้วก็อ่านต่อไป ในที่สุดเธอก็พูดว่า “พาเธอไปส้วม พัสดีสั่งให้พาเธอเข้าไปอยู่ห้องในสุด ด้านซ้าย” เธอหยิบเสื้อคลุมสีฟ้าตัวสั้นๆ ออกมาจากลิ้นชักโลหะแล้วส่งให้ผู้คุมหญิง “ใส่กุญแจมือเธอเธอไว้อย่างนั้น จนกว่าจะพาเธอกลับไปเข้าห้องขัง” พยาบาลมองหน้าดิฉันอีกครั้งอย่างแปลกใจ “หน้าของเธอเป็นอะไร” “ตอนที่เราเอาตัวมา เธอก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว” “เธออาจจะหกล้มก็ได้ ได้ยินว่าเธออาละวาดอย่างคลุ้มคลั่งในศาล” “อุบัติเหตุเหมือนเดิม” พยาบาลสาวส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “พาเธอไปส้วมและทิ้งไว้บนโถ เอาสายรัดมัดเธอไว้ด้วย เดี๋ยวอาละวาดอีก” พวกเขาพาดิฉันเข้าไปในห้องเล็กๆ มันยาวราวๆ 3 เมตร และกว้างไม่เกิน 2 เมตร พอประตูถูกผลักออก กลิ่นเหม์นน่าขยะแขยงก็โชยออกมา ดิฉันเริ่มไอรู้สึกคลื่นไส้ทันที “เธอคิดว่ามันเหม็นรึ” ผู้คุมหญิงหัวเราะ “ทนเอาหน่อยนะที่รัก...ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย” อ่างล้างมือสกปรก มีโถส้วมอยู่สองอันซึ่งสกปรกไม่แพ้กัน โถส้วมแต่ละอันมีห่วงเหล็กที่สนิมจับเขรอะติดอยู่ ผู้คุมดึงเอาสายผ้าใบสกปรกออกมา ผู้คมคนหนึ่งจับดิฉันให้ยินอยู่หน้าโถส้วม เอื้อมมือเข้าไปใต้กระโปรงดึงกางเกงในออกมา มันเป็นคราบเขรอะและชื้น ดิฉันรู้สึกอายขณะที่มันถูกดึงลงมาอยู่ตรงเข่า “เอาละ” เธอสั่ง “ก้าวออกมา” แล้วเธอก็ถลกกระโปรงขึ้นมา ดึงให้มากระจุกอยู่รอบอก ในขณะที่ดิฉันนั่งลงไป ผู้คุมหญิงคนหนึ่งเกี่ยวสายผ้าใบคล้องกับห่วงข้างหนึ่งบนพื้น ดึงมันให้ขึ้นมารัดบนตักดิฉันและสับเข้ากับห่วงอีกอันบนพื้น ร่างของดิฉันถูกมัดติดกับโถเปล่า เนื้อตัวดิฉันเริ่มสัมผัสกับน้ำ แล้วพวกเขาก็ออกไป กางเกงในของดิฉันม้วนขดกองอยู่บนพื้น ดิฉันพยายามเอื้อมเท้าเข้าไปหา แล้วใช้นิ้วหนีบรอบๆเจ้าสิ่งที่เต็มไปด้วยคราบนี้ แล้วเขี่ยขาที่สกปรกไม่แพ้กันมาทางข้างหลัง จัดการเตะมันออกไปให้พ้นหูพ้นตา ดิฉันรอจนกระทั่งกล้ามเนื้อทุกแห่งในร่างกายเริ่มกระตุกก็เริ่มกรีดร้องเสียงหลง และร้องอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ในที่สุดผู้คนสองคนก็ตรงเข้ามาในห้องน้ำ หนึ่งในผู้คุมเงื้อมมือทำท่าจะฟาดลงมาที่หน้าของดิฉัน แต่อีกคนร้องห้าม
“อย่าตบเธอนะ พัสดีสั่งห้ามไว้” “แกน่าจะหุบปากไว้นะนังคนสวย ในนี้ไม่มีใครได้ยินแกหรอก นอกจากพวกเรา ซึ่งก็ไม่มีใครอยากฟังเสียงแกเลย” “อีนังสารเลว” ดิฉันแยกเขี้ยวคำราม และด่ามันกลับเป็นชุดๆ จนในที่สุดมันก็ชกท้องดิฉันจนจุก พยาบาลเห็นเข้าก็ร้องอย่างตกใจ “อย่าไปยุ่งกับเธอ” พยาบาลสั่ง “พอทีเหอะ “ ผู้คุมคนนั้นหันมามองดิฉันอย่างอาฆาต “ท้องเสียรึเปล่า” พยาบาลถามฉันเหมือนจะห่วงใย แต่ริมฝีปากเธอยิ้มอย่างเหยียดหยาม ดิฉันอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้า “ใช่” ผู้คุมคนหนึ่งก้มลงมาปลดสายรัดออก ดิฉันเตรียมตัวจะลุกขึ้น แต่ผู้คุมคนที่ชกท้องดิฉันผลักไหล่อย่างแรงให้กลับลงไปบนโถอีก เธอเอนพิงลงมาที่ดิฉันจนสะโพกของดิฉันแช่อยู่ในน้ำสกปรกข้างใต้ “นั่งเฉยๆ ซิวะนังตัวดี ถ่างขาออก” เธอถือกระดาษชำระอยู่ในมือและเช็ดอย่างแรงจนดิฉันต้องอ้อนวอนให้หยุด เธอยืนขึ้นใช้มือข้างที่เหลือหนีบรอบคางและบีบขากรรไกรบังคับให้ดิฉันต้องอ้าปากออก สีหน้าของเธอถมึงทึงหน้ากลัวมาก พอเห็นเธอยกกระดาษชำระที่เปียกโชกมาทางปากดิฉัน ดิฉันพยายยามกรีดร้อง แต่นิ้วมือของเธอเลื่อนลงมาบีบคอหอยด้วยท่าทีที่ตั้งใจจะสร้างความเจ็บปวดให้ดิฉัน เป็นครั้งแรกที่ดิฉันรู้สึกกลัวที่สุดในชีวิต แต่ดิฉันพูดไม่ได้ มีแต่เสียงครวญครางอ้อแอ้หลุดออกมาจากปาก ดิฉันมองไปขอความช่วยเหลือจากพยาบาล แต่เธอเมินหน้าไปทางผนังทำเป็นวุ่นอยู่กับตู้ยาทั้งๆที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันอ่านท่าทางของเธอออก พยาบาลไม่อยากเข้ามายุ่งเรื่องของผู้คุม แต่ดิฉันจับได้ว่ามีแววความเห็นใจปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอ “อ้าปากกว้างๆนังคนสวย” ผู้คุมบอก “แกน่าจะรู้ว่านักโทษที่นี่ต้องกินขี้ตัวเองทั้งนั้น แกดีมาจากไหนวะจะมาทำเป็นวิเศษกว่าคนอื่น” ดิฉันรู้ว่าเธอกำลังลำพองอยู่กับการใช้อำนาจของตัวเอง ตาของเธอเป็นประกายอย่างสะใจ ในขณะที่นิ้วมือเค้นอยู่รอบคอหอยของดิฉัน ดิฉันรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนผ่าวของเธอ แล้วกระดาษชำระที่เกรอะกรัง ก็ถูกยัดเข้ามาในปากดิฉัน ดิฉันไม่แน่ใจว่าเธอทำอย่างนี้กับนักโทษทุกคนจริงๆ หรือเป็นการจงใจของพัศดีที่ต้องการสร้างความกดดันให้ดิฉันสยบอยู่กับอำนาจของเขา แต่ดิฉันตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ ดิฉันจะต้องสู้จนกว่าลมหายใจของดิฉันจะหมดไป ไม่มีวันที่ผู้คุมหญิงคนนี้จะชนะ ดิฉันตอบโต้การกระทำอันป่าเถื่อนนั้นด้วยการปล่อยตัวนั่งตามสบายบนโถ จ้องตรงเข้าไปในดวงตาของเธออย่างท้าทาย และเริ่มเคี้ยว ดิฉันทำลายความสนุกของเธอ ทำให้เธอโกรธจัด เธอกำหมัดแน่นทำท่าจะชกท้องดิฉันอีก “อย่าไปยุ่งกับเธอน่ะ” พยาบาลร้องอย่างคนที่ทนดูไม่ไหว “ปลดสายรัดออกแล้วพาเธอออกไปซะ ชั้นเหนื่อยเต็มทีแล้ว” ด้วยการที่ถูกรัดกุญแจมือไขว้หลังไว้ทำให้ลำบากต่อการทรงตัวและเอี้ยวตัว ดิฉันลุกขึ้นจากโถส้วมแบบเซๆ ผู้คุมพาดิฉันเดินผ่านทางเดินมืดไปจนถึงห้องในสุด แล้วพาเข้าไปในห้องขังด้านซ้าย ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อยู่เพียงชิ้นเดียว นั่นคือที่นอนทำด้วยเหล็กยื่นมาจากผนัง มีที่นอนฟูกบางๆวางอยู่ ไม่มีหมอนและผ้าห่ม หน้าต่างลูกกรงมีสนิมกรัง ทั้งห้องเหม็นสาบไปหมด ผู้คุมคนหนึ่งถอดกุญแจมือออก แขนดิฉันร่วงห้อยลงไปอย่างหมดแรง ผู้คุมคนที่ชกท้องดิฉันยืนพิงประตูและถลึงตาใส่ ผู้คุมหญิงคนที่ถอดกุญแจมือบอกให้ถอดเสื้อผ้าออก แต่ดิฉันไม่มีแรงยกแขนหรือแม้แต่จะขยับนิ้ว เธอจึงเข้ามาช่วย ถอดเสื้อผ้าดิฉันออก แล้วเขาชุดนักโทษที่เป็นเสื้อกระโปรงติดกันสวมเข้าที่หัว ผู้คุมคนที่ชกท้องดิฉันเดินมาเอาเสื้อผ้าดิฉันออกไป ดิฉันจึงนั่งลงตรงที่นอนและส่วยหัวไปมา พยายามไล่ความเมื่อยที่ต้นคอ พอรู้สึกสบายขึ้น จึงเหยียดตัวลงบนที่นอนและครางออกมาอย่างโล่งอก ผู้คุมคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดิฉันเดินตามออกไป สักพักพยาบาลคนที่ตรวจดิฉันก็เดินเข้ามา เธอพูดกับดิฉันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
“คุณคือ คุณรุ้ง ปรารถนา ใช่มั๊ยคะ ดิฉันเห็นภาพคุณในหนังสือบ่อยๆเลย ทำไมนะ ดิฉันคิดว่าคุณจะต้องอยู่ในโลกอันสวยหรู ดิฉันนึกไม่ออกเลยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นึกไม่ออกจริงๆ” ดิฉันยกหลังมือขึ้นป้องตาและอ้าปากหาว เธอกระเถิบมายืนใกล้ๆ และกระซิบ “คุณรุ้งช่วยเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกให้หน่อยได้มั๊ย” ดิฉันลืมตาขึ้นมา แทบไม่เชื่อหูตัวเอง “เซ็นตรงนี้เลยค่ะ” เธอยื่นหนังสือที่มีรูปดิฉันขึ้นปกอยู่
และส่งปากกาให้ดิฉัน ดิฉันลุกขึ้นนั่ง โปรยยิ้ม และพูดเสียงอ่อนหวาน “เอาซิ คุณช่วยดิฉันเยอะเลยนี่ คุณชื่ออะไรนะ” “สุรีพร รักการดีค่ะ” ดิฉันเขียนอย่างหวัดๆแล้วส่งให้เธอ เธอรีบคว้าไปอ่าน แต่พออ่านเสร็จก็หน้าบึ้งตึงเดินกระแทกส้นเท้าออกจากห้อง ดิฉันหัวเราะอย่างสะใจกับฝีมือของตัวเอง ดิฉันนั่งลงบนที่นอนและหัวเราะคิก เพราะเขียนลงไปว่า “แด่ สุรีพรที่รัก อีสารเลวจัญไรละเลยหน้าที่ ... ด้วยรัก จาก รุ้ง - ปรารถนา อิสรศักดิ์” ดิฉันล้มตัวลงนอนหัวเราะเหมือนคนบ้า คิดวนไปวนมากับเรื่องนี้อย่างคนที่สะใจอย่างที่สุด ท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำลง วันแรกกำลังจะผ่านพ้นไป ดิฉันฟุบหน้าลงกับเตียงแล้วร้องไห้ไม่หยุด เพียงวันแรกเท่านั้นดิฉันก็แทบบ้า แล้วดิฉันจะทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้ยังไงตั้ง 15 ปี ดิฉันไม่รู้ว่าอำนาจของพัศดีมีมากแค่ไหน แต่คงไม่น้อยเลยล่ะถึงสามารถแยกดิฉันออกมาจากนักโทษคนอื่นๆได้
ดิฉันเริ่มคิดสงสัยว่า ถ้าเขามีอำนาจขนาดนี้ทำไมไม่บังคับดิฉันให้ทำตามใจซะเลย ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืน หรือทำอะไรก็ตาม หรือเขาจะกลัวอะไรบางอย่าง หรือเขาจะกลัวว่าถ้าดิฉันถูกบังคับอาจจะปูดเรื่องออกไปและทำให้ตำแหน่งของเขาสั่นคลอน เขาคงต้องการให้ดิฉันสยบยอมอย่างเชื่องเชื่ออย่างแท้จริงซินะ ใจของดิฉันล่องลอยไปถึงตั้มอีก ฟ้าค่ำอย่างนี้ เขาจะเดือดร้อนซักแค่ไหน ขนาดผู้คุมที่เป็นผู้หญิงยังทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ผู้คุมผู้ชายจะป่าเถื่อนซักแค่ไหน น้ำตาไหลพรากเพราะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงเขา “ตั้มจ๊ะ รุ้งคิดถึงตั้มเหลือเกิน”