"คุณพ่อคะ คุณพ่อ ตื่นได้แล้วค่ะ"
เสียงของ "น้องมีน" ลูกสาวคนสวยของผมกำลังปลุกเรียกในเช้าวันหนึ่ง
"เดี๋ยวมีนไปเรียนไม่ทันค่ะ"
เสียง สำทับจากลูกสาว ซึ่งโดยปกติ ผมจะขับรถไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยทุกเช้า ด้วยความรักและห่วงใยแก เราอาศัยกันอยู่ในคอนโดเล็กๆ แห่งนึงแถบชานเมืองเพราะกำลังทรัพย์ที่มีไม่มาก ทำให้ผมหาซื้อได้เพียงเท่านี้ คิดแต่เพียงว่าขอให้มีที่ซุกหัวนอนก็พอ
แม่ ของน้องมีนจากเราไปตั้งแต่แกอายุ 12 ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ครอบครัวของเราเหลือกันเพียงสองพ่อลูกเท่านั้น น้องมีนเป็นเด็กดีและเรียนหนังสือดี ผมไม่เคยต้องมีปัญหากับการเรียนของแกเลย ตลอดเวลาจะพล่ามบอกกับลูกเสมอว่า ให้ตั้งใจเรียน
เพื่อให้มีอนาคตที่ดี แกก็รับฟังอย่างเข้าใจและตั้งใจนำไปปฏิบัติ
"เป็นไงคะคุณพ่อ ชุดใหม่ของมีน"
แกเรียกให้ผมดูชุดนักศึกษาชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน
"อุ้ย… ทำไมมันสั้นนักล่ะลูกกระโปรงน่ะ"
ผม บอกอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมอุทานเมื่อเห็นชุดนักศึกษาของแกทุกๆ ครั้งที่อุทาน ดูเหมือนกระโปรงของแกจะสั้นกว่าเดิมทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
"ไม่หรอกค่ะคุณพ่อ ใครๆ ที่มหาลัยก็ใส่กัน เพื่อนๆ ในกลุ่มมีนก็แบบนี้ทั้งนั้น เวลาคุณพ่อไปรับไม่ได้สังเกตุเหรอคะ"
"อืมม… จริงของแกแฮะ"
เพื่อนๆ แต่ละคนของลูกผม แต่งตัวกันสุดฤทธิ์สุดเดช กระโปรงทั้งสั้น ทั้งผ่า ไม่รู้จะโชว์อะไรกันนักหนาสิเด็กสมัยนี้
"มีนว่าคุณพ่อน่าจะชอบนะคะ มีนยังแอบเห็นคุณพ่อมองขามีนบ่อยๆ ด้วย ฮิฮิ... "
ตาย จริง !! ทำไมผมทำอะไรรุ่มร่ามให้ลูกจับได้ก็ไม่รู้ คิดพลางก็นึกละอายใจ น้องมีนอายุจะเต็ม 20 อีกสองเดือนข้างหน้า กำลังเปลี่ยนจากวัยรุ่นเข้าสู่วัยสาวเต็มตัว ด้วยความสูง
167 ซม. น้ำหนัก 47 กก. ของแก ทำให้แกยิ่งดูเป็นสาวมากขึ้น และจากความที่ได้เชื้อดีมาจากแม่ของแก 33 24 35 ทำให้รูปร่างสรีระของน้องมีน ยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่ จนทำให้ในบางครั้งผมมองแกแล้วก็อดคิดถึงแม่ของแกไม่ได้ เฮ้อออ… ทำไมฟ้าช่างแกล้งให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็ไม่รู้
"วันนี้มีนขอขับเองนะคะ แล้วขากลับคุณพ่อค่อยขับ"
ว่าแล้วแกก็กระโจนสู่เบาะคนขับทำหน้าที่สารถีให้ผมทันที ปล่อยให้ผมเดินไปขึ้นอีกด้านของรถเป็นผู้โดยสาร
"รถติดจังเลยนะคะ"
น้องมีนว่า
"ก็อย่างนี้ล่ะลูก หนูมีเรียนสายไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องรีบหรอก ขับไปเรื่อยๆ"
ตลอด เวลาที่โดยสารอยู่ในรถด้วยกัน ผมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองท่อนขาลูกสาวคนสวยของผม ด้วยความที่กระโปรงทั้งสั้นและผ่าข้างตัวนั้น ทำให้ผมได้เห็นความขาวของต้นขา ประกอบกับจังหวะการขับรถที่ต้องขยับขาเหยียบคันเร่งและเบรคเกือบตลอด ขาทั้งสองจึงหุบเข้าหุบออก ทำให้ผมอดคิดอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
"อุ๊ย... เหรียญตก คุณพ่อก้มหยิบให้หน่อยสิคะ"
ลูก สาวร้องบอกผมในขณะจะหยิบสตางค์จ่ายค่ำทางด่วน เหรียญสิบบาทที่หล่นลงบนพื้นระหว่างขาทั้งสองข้างของลูกผม ทำให้ผมต้องรีบก้มลงเก็บ ไม่อย่างนั้นเราอาจโดนพนักงานที่ด่านด่าเอาได้ เพราะเราไม่มีเศษสตางค์เลย นอกจากแบงค์ใบละห้าร้อย รูปขาที่ขาวได้สัดส่วน ณ ตอนนี้อยู่ห่างจากหน้าผมไม่กี่เซ็นต์ จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ
ของสบู่ที่แกใช้ประจำ ช่างทำให้ปั่นป่วนในอารมณ์ได้ยิ่งนัก
"เย็นนี้มีนเลิกห้าโมงนะคะคุณพ่อ จะรอคุณพ่ออยู่ที่เดิมค่ะ"
ลูก สาวผมพูดขึ้นแล้วเดินจากขึ้นตึกเรียนไป เมื่อรถถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมได้แต่รับคำสั้นๆ แล้วก็จากออกมาเพื่อไปปฏิบัติภาระกิจของผม ปีนี้น้องมีนเรียนอยู่ ปี 2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนึง ด้วยความที่แกอยากเป็นนักข่าวจึงเลือกเรียนสาขาสื่อสารมวลชน ความที่เป็นเด็กตั้งใจเรียนและมีความมุ่งมั่นสูง ทำให้ผลการเรียนที่ได้มา
ไม่ เคยทำให้ผมต้องมานั่งพูดบ่นใดๆ เลย ผมรู้สึกภูมิใจมากที่มีลูกแบบนี้ นอกจากนั้นก็ยังไม่ดื้อเป็นเด็กเชื่อฟัง สั่งสอนอะไร ไม่เคยต้องพูดซ้ำ เรื่องเที่ยวเตร่ก็มีบ้างตามประสาวัยของแก แต่ถ้าเที่ยวกลางคืน มักจะมีผมไปด้วยอยู่เสมอ สำหรับเรื่องผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ให้ระคายความรู้สึก ทั้งๆ ที่แกก็จะมีผู้ชายเข้ามาจีบ มาติดพันอยู่เสมอ แต่แกมักบอกผมเสมอว่ายังไม่พร้อม จนกว่าจะเรียนจบ ผมได้แต่นั่งยิ้มในใจ แกเคยบอกว่า ผู้ชายสมัยนี้ชอบจีบแล้วฟัน ซึ่งผมก็เห็นด้วยแกบอกว่าไม่อยากกลายเป็นเหยื่อ แน่นอน ลูกผมสวยอย่างนี้ มักจะตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว
"สวัสดีค่าคุณพ่อ"
ผมละจากความคิด คำนึงเมื่อมีเสียงร้องทัก เสียงเพื่อนๆ ลูกสาวผมนั่นเอง "เมย์" "จูน" "ปิ๊ก" เป็นสามสาวที่สนิทสนมกับลูกมีนของผม ถึงขนาดเคยไปนอนค้างที่บ้านบ่อยๆเวลาพวกแกต้องการติวหนังสือด้วยกัน
"หวัดดีลูก… หวัดดีลูก..."
ผมรับไหว้
"คุณพ่อมานานหรือยังคะ"
มีนถาม
"ซักพักแล้วล่ะ พ่อกลัวรถติด เลยรีบมาแต่เนิ่นๆ... เค้าชอบบ่นพ่อน่ะเวลาพ่อมารับช้า"
ผมพูดไปพร้อมกับหันไปทางเพื่อนทั้งสามของลูกสาว
"เมื่อไหร่จะไปนอนที่บ้านอีกล่ะ"
ผมถามเพื่อนๆ ของลูก
"พ่อจะได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้ชิมกัน"
"ไปแน่นอนค่ะคุณพ่อ แต่เดี๋ยวขอนัดวันกันอีกครั้งนะคะ รับรองคุณพ่อได้เลี้ยงพวกหนูแน่ๆ"
ยัยเมย์คนที่เปรียวที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น
"เอาๆ จะไปเมื่อไหร่บอกมีนไว้ล่วงหน้าละกันนะ พ่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวไปจ่ายตลาด"
ผมตอบ ยัยเมย์กระชากมีนเข้าไปพูดอะไรกันซักอย่าง ซึ่งดังพอให้ผมแอบได้ยินว่า
"คุณพ่อยังเท่ห์อยู่เลยเนอะ ฮิฮิ"
แล้วก็ทำตาแพรวพราว
"นี่พ่อชั้นนะยะ... นี่แน่ะ…"
มีนบอกเพื่อน พร้อมกับหยิกไปที่ต้นแขน แล้วทุกคนก็หัวเราะต่อกระซิกกันยกใหญ่ หลังจากนั้นเราพ่อลูกก็ลาออกมาจากวง
"เห็นมั๊ยคะพ่อ ยัยสามคนนั่นยังใส่ได้เลย แล้วทำไมมีนจะใส่ไม่ได้ ขามีนสวยกว่าตั้งแยะ"
ลูกสาวผมพูดขณะนั่งไขว่ห้างอยู่ตอนหน้าข้างคนขับ อืม…จริงด้วย ผมเพิ่งนึกได้แต่ละคนนุ่งกันสั้นเหนือหัวเข่าขึ้นไปเยอะมาก
"แต่พ่อก็ไม่เห็นว่าต้องสั้นขนาดนั้นหนิลูก เวลาจะลุกจะนั่งลำบากแย่เลย"
ผมว่า
"มีนอยู่ข้างนอกก็ระวังอยู่แล้วล่ะค่า เว้นแต่เวลาอยู่บ้านเท่านั้นแหละที่ทำตัวสบายหน่อย"
เจ้ามีนบอก
"ก็นั่นแหละลูก จะอยู่ที่ไหนก็ต้องระวังทั้งนั้นแหละ ยังไงก็เกรงใจพ่อบ้างสิ"
ผมพูดพลาง นึกถึงเวลาลูกผมนั่งต่อหน้าจนเห็นเข้าไปในช่องกระโปรงไปถึงไหนต่อไหน เนื่องจากความที่กระโปรงมันสั้น
"คุณพ่อแอบดูมีนเหรอคะ"
ลูกสาวทำหน้าทะเล้นแซว
"ก็ ใช่น่ะสิ พ่อเห็นจนแทบจะรู้เลยว่าวันไหนหนูใส่สีอะไร จะลุกจะนั่งอะไรก็ระวังหน่อยละกันนะลูก พ่อไม่ว่าหรอกเรื่องแต่งตัว แต่ต้องพอดีๆ"
ผมสอน
"ค่า แล้วมีนจะระวังค่าาาา…"
ลูกสาวผมรับคำ แต่ก็ไม่วายพูดอะไรงึมงัมอีกหน่อย จับใจความไม่ได้
"ไปเตรียมตัวอาบน้ำไปลูกไป"
ผมพูดขณะนั่งสบายๆ พักเมื่อย ดูทีวีอยู่กับลูกสาว
"ค่ะ อีกแป๊บ"
แกพูดตอบผมในขณะนอนเอกเขกอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
"งั้นเดี๋ยวพ่อไปอาบก่อนก็แล้วกัน"
ผมตอบ แล้วก็ลุกเดินเข้าห้องนอน เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
"อ่ะ... ถึงคิว.... "
ผม กำลังจะเรียกแกไปอาบน้ำ แต่พอเดินออกมา เห็นลูกสาวกำลังนอนในท่ากึ่งคว่ำฟุบหลับอยู่หน้าทีวีบนโซฟา รูปร่างที่สมส่วน รับกับทรงเสื้อนักศึกษาเข้ารูปที่แกสวมอยู่
ผมยืนมอง ด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู พรางคิดในใจ "ลูกผมเป็นสาวแล้ว" แต่แล้วความคิดก็สะดุดเมื่อสายตามองลงมาถึงต้นขาของแก ความสั่นของกระโปรงที่รั้งขึ้นไปพอสมควรเวลานอน ทำให้เนื้อผ้าของกระโปรงปิดต้นขาอยู่ไม่มาก รวมถึงก้นที่เบียดกันแน่นของแก นอกจากนั้นคือช่วงขาสวยของแก และความว่างเปล่าเท่านั้นที่ปิดมันอยู่ ผมเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ที่พยายามซ่อนไว้ภายในจิตใต้สำนึกของความเป็นพ่อไม่พยายามคิดอะไรให้นอก เหนือจากนั้น ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ผมและลูกสนิทกัน มีความใกล้ชิดกันมาก ไม่มีอะไรปิดบังต่อกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง มีหลายครั้งที่ผมอยากจะเรียกมันว่าเฉียด ด้วยความที่เราอาศัยอยู่ในคอนโดห้องเล็กๆ มีห้องนอนแค่ห้องเดียว เราจึงต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน บางครั้งก็อยู่บนเตียงเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปจากนี้ เราสองคนพ่อลูกนอนกอดกันคิดถึงแม่ของเค้าอยู่บ่อยๆ
"เสร็จแล้วเหรอคะ"
ผมหลุดจากภวังค์กับเสียงลูกสาวที่เพิ่งตื่น
"จ๊ะ… ไปอาบน้ำสิไป"
ผม สำทับ แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อลูกสาวผมพลิกตัว ทำให้ขาข้างนึงยกสูงกว่าปกติ จนผมเห็นได้เลยว่า วันนี้ลูกสาวของผม นุ่งกางเกงในสีดำ ปกติแกจะนุ่งอยู่สองสีคือดำกับขาวเท่านั้น แน่นอน ผมทราบดี เพราะเสื้อผ้าของแก ผมเป็นคนซักและรีดให้เสมอ ผมใส่กางเกงแพรนอน และคืนนี้ก็เช่นกัน ขณะกำลังง่วนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้า สายตาของผมก็อดที่จะเหลือบไปมองตะกร้าใส่ผ้าใช้แล้วไม่ได้ สิ่งที่เห็นคือกางเกงในสีดำของลูกผมด้วยอำนาจอะไรบางอย่างทำให้ผมต้องเดินไป ตรงนั้น แล้วหยิบกางเกงในตัวนั้นขึ้นมาดูผมมองกางเกงในตัวสวยตัวนี้อย่างพินิจ สิ่งที่เห็นคือบริเวณเป้าจะมีคราบของน้ำอะไรบางอย่างที่แห้งเป็นดวง กลิ่นหอมประหลาดที่ลอยขึ้นมาเตะจมูก จนผมอดที่จะหยิบขึ้นมาสูดดมไม่ได้ นี่ผมกำลังทำอะไรออกไป ผมกำลังดมกางเกงในลูกสาวตัวเองเหรอ
ผมรีบสลัดความ คิดไม่ดีนั้นออกทันที แต่มันช้าเกินกว่าที่ท่อนลำกลางลำตัวผมซะแล้วตอนนี้มันกำลังค่อยๆ แข็งตัว หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ก็มานั่งเปิดทีวีดู เผอิญนึกขึ้นได้ว่าวันก่อนซื้อหนังมาหลายแผ่น เลยเลือกมาเรื่องนึกและยัดเข้าเครื่องนั่งดู ลูกสาวผมอาบน้ำเสร็จเมื่อหนังผ่านไปครึ่งเรื่องแล้ว ผมกำลังอยู่ในอาการที่ ถ้าเอนตัวนอน เป็นหลับแน่ๆ
"เรื่องอะไรคะคุณพ่อ"
ลูกสาวผมถามพร้อมกับเดินมานั่งที่ประจำของแก ก็โซฟาตัวเดิมนั่นแหละ แล้วก็เอนตัวพิงหมอน
"เรื่องอะไรซักอย่างน่ะแหละ ลองหยิบปกมาดูสิ"
ผมว่า
"อ๋อ… เรื่องนี้นี่เอง มีนกำลังอยากดูเลย เห็นเพื่อนๆ บอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกค่ะ"
มีน พูดพลางดูหนังพลาง ขณะนั้นในจอทีวีกำลังเป็นฉากเลิฟซีนพอดี ลูกสาวผมนอนมองจอทีวีเขม็ง แต่ผมสิ รู้สึกปั่นป่วนบอกไม่ถูก ท่วงท่าลีลาต่างๆ ในหนัง ล้วนเป็นสิ่งที่ผมเคยทำมาแล้วทั้งนั้น จังหวะการขยับท่อนเอวของพระเอกในหนัง ผมอดคิดถึงตัวเองไม่ได้จริงๆ นี่ถ้าแม่น้องมีนยังอยู่ ผมคงไม่อึดอัดอย่างนี้แน่ๆ น้องมีนนอนหนีบขาแน่น ด้วย common sense ของผมจากสิ่งที่เห็น ผมพอจะบอกได้เลยว่าลูกผมกำลังรู้สึกอย่างไร แน่นอน ย่อมไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ผมรีบสลัดความคิดและเดินหนีจากตรงนั้นทันที
"พ่อไปนอนก่อนนะ"
ผมบอก ลูกสาวผมพูดไล่หลัง
"นอนบนเตียงนะคะอย่านอนพื้น เดี๋ยวคุณพ่อปวดหลัง"
โดย ปกติผมจะเลือกที่จะปูผ้านอนบนพื้นมากกว่า แล้วให้ลูกนอนบนเตียง แต่คืนนี้สงสัยจะต้องยอมนอนบนเตียงแล้วล่ะ ผมยังปวดหลังไม่หายเท่าไหร่ ผมขึ้นเตียง เปิดไฟหัวเตียงให้แค่พออ่านหนังสือได้ เอาหมอนข้างมากั้นกลาง แล้วก็นอนอ่านหนังสือไปพลางๆ เพื่อช่วยให้หลับเร็วขึ้น จากนั้นม่อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ มารู้สึกตัวอีกครั้ง ผมกำลังนอนกอดลูกสาวหมอนข้างหายไปแล้ว เหลือแต่ลูกสาวที่นอนข้างๆ หันหลังให้ผมนอนกอด แต่สิ่งผิดปกติบางอย่างที่รู้สึกได้เลยคือ ท่อนสะโพกด้านหลังของลูกสาวผมกำลังเบียดเข้ากับช่วงบริเวณหน้าขาของผม แน่นอนหมายถึงตรงนั้น พอรู้สึกได้อย่างนั้น ความกำยำของผมก็แข็งตัวทันที ผมพยายามข่มความรู้สึกตัวเองโดยใช้ความอดทนมหาศาล ลูกผมจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าผมกำลังรู้สึกยังไง และเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง พอของผมแข็งตัว แกกลับยิ่งเบียดสะโพกเข้าหา คืนนี้ผมก็ไม่ได้ใส่กางเกงในนอนเหมือนทุกๆ คืน ผมรู้สึกได้ในตอนนั้นว่า ความยาวหกนิ้วของผมกำลังแทรกผ่านร่องก้นของแก ถ้าไม่โกหกตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนกับแกพยายามขมิบร่องก้นหนีบขาเข้าหากัน เพื่อไม่ให้ผมนำลำลึงค์ของผมออกมาได้ ผมได้แต่พยายามข่มใจ ไม่อยากบอกแก ไม่อยากปลุกให้แกตื่น ก็เลยต้องปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้น ลูกมีนของผมเริ่มขยับตัว
โดยเฉพาะช่วงสะโพกมากขึ้นจนผมรู้สึกได้ พลางคิดในใจ "ลูกผมกำลังแกล้งผมหรือนี่ หรือว่า.... เค้ากำลังต้องการ" ยิ่งคิดถึงตรงนี้ผมยิ่งรู้สึกเตลิด ผมจะทนอยู่ในภาวะอย่างนี้ได้นานแค่ไหนกัน จนกระทั่ง.... เส้นความอดทนของผมขาดลง ผมใช้มือที่กอดแกอยู่ ค่อยๆ ขยับมาลูบจับนมขนาด 33 นิ้ว สิ่งที่ผมลูบผ่านไปมาคือหัวนมที่แข็งชูชันเป็นไต ปทุมถันสองข้างตอนนี้แทบไม่ต่างกัน ผมลูบจับอย่างย่ามใจ ใช้ร่องนิ้วกลางและนิ้วนางบี้หัวนมของแกจนได้ยินเสียงแกครางอืมๆ ในลำคอ ไม่เพียงเท่านั้น