ผม ชื่อโป้งครับ ย้อนหลังไปเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ผมยังเป็นนักเรียนอยู่เลย เรียนโรงเรียนมัธยมชายล้วน หนึ่งในจตุรมิตรนั่นแหล่ะ บ้านผมอยู่ฝั่งธน เป็นบ้านที่มีหลายๆครอบครัวในรั้วเดียวกัน ครอบครัวผมก็อยู่ในรั้วนั้นด้วยเหมือนกัน ครอบครัวผมอยู่กันห้าคน พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย แล้วก็ผม แต่จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัวของผมหรอกนะครับ แต่มันไปเกี่ยวกับครอบครัวอื่นในรั้วซึ่งก็เป็นญาติๆกันทั้งนั้น คือมีครอบครัวนึง ซึ่งจริงๆผมก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรมากนักหรอก เป็นครอบครัวของลุงซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของแม่ ลุงผมเนี่ยมีลูกชายสองคนชื่อพี่หนึ่งกับพี่สอง พี่หนึ่งนี่แต่งงานแล้วกับพี่สะใภ้แล้วมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อน้อยหน่า ส่วนพี่สองเป็นโสดครับ ส่วนครอบครัวอื่นๆผมไม่พูดถึงนะครับเพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้...
น้องน้อยหน่าเป็นเด็กที่มีปัญหามากเพราะป้าผมซึ่งเป็นแม่ของพี่หนึ่ง ไม่ชอบแม่ของเธอเพราะพี่วันเป็นคนต่างจังหวัด ผมได้ยินเขาเล่ามาว่าพี่หนึ่งซึ่งรับราชการ ต้องไปประจำอยู่ที่จังหวัดที่พี่วันอยู่ แล้วทำยังไงไม่ทราบ พี่วันท้อง พี่หนึ่งก็พาเข้ามากรุงเทพแล้วจัดงานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว ทำให้ป้าผมโกรธมากเพราะคงจะอยากให้พี่หนึ่งได้แต่งงานกับคนที่มีอะไรๆเท่า เทียมกัน แต่เรื่องมันเลยเถิดมาถึงอย่างนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยเพราะถ้ามีปัญหา พี่หนึ่งอาจจะถูกสอบวินัย เพราะเรื่องชู้สาวนี่ ในระบบข้าราชการถือสามากนะครับ ความที่ป้าผมไม่ชอบพี่สะใภ้ พลอยทำให้แกไม่ชอบหน้าหลานสาวของแกไปด้วยทั้งๆที่น้อยหน่าเป็นเด็กที่น่ารัก มาก ผิวขาวละเอียดคล้ายกับแม่ของเธอ ไม่เกเร ไม่งอแง ค่อนข้างจะเป็นเด็กเงียบๆเสียด้วยซ้ำ แววตาค่อนข้างเศร้า ผมว่าน้องน้อยหน่าคงจะรู้ครับว่าย่าแกไม่ค่อยชอบหน้าแก วันๆนึงแกเลยไม่ค่อยจะยอมอยู่ในบ้านตัวเอง แต่จะเดินไปนั่งคุยนั่งเล่นที่บ้านอื่น ซึ่งครอบครัวที่แกชอบมานั่งคุยนั่งเล่นด้วยก็คือครอบครัวของผม ซึ่งอาจเพราะว่าครอบครัวอื่นๆเค้าเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว ยังมีแต่ครอบครัวผมที่ลูกๆยังเรียนหนังสืออยู่เพราะแม่ผมเป็นลูกสาวคนเล็ก ของตายาย เลยมีลูกช้ากว่าคนอื่นๆเค้า...
ตอนนั้นผมอยู่มัธยมปีที่สาม พึ่งทำบัตรประชาชน ใครที่เคยเรียนโรงเรียนชายล้วนคงจะพอนึกภาพออกนะครับว่าเด็กผู้ชาย เวลามันอยู่ด้วยกัน ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นเรื่องผู้หญิงหรอกครับ ผมก็คุยกับพวกมัน เวลามันเล่าเรื่องว่ามันไปเที่ยวอย่างโน้นอย่างนี้หรือไม่ก้อจีบเด็กแล้วพา ไปฟัน ก้อไม่รู้หรอกว่าจริงหรือตอแหล แต่เราก็นึกภาพตามที่มันเล่า บอกตรงๆว่าผมชักว่าวเกือบทุกวันเลย อยากลองไปเที่ยวซ่องจะตาย แต่ไม่กล้า เพื่อนๆอุตส่าห์หาสาวๆมาให้เป็นเพื่อน ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะจับมือ กลัวไปหมดเลย กลัวถูกตบ กลัวถูกด่า เพื่อนผมอีกคนนึงชื่อเล็ก ลงทุนขนาดว่าเดี๋ยวมันจะหาสาวไปฟันที่บ้าน ให้ผมไปแอบในตู้เสื้อผ้าที่บ้านมัน แล้วพอมันเสร็จก็ออกมาเอาต่อได้เลย พอมันพาสาวมาที่บ้านจริงๆ แล้วก็เอาเข้าไปฟันในห้องจริงๆ ผมเสือกนั่งนิ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า ไม่กล้าออกมา ไอ้เล็กมันเสร็จไปสองรอบแล้ว ผมยังนั่งนิ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า ขนาดว่ามันเดินมากระแอมที่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมก็ยังไม่กล้าออกมาอยู่ดี จนมันลงไปส่งเด็กพาณิชย์คนนั้นขึ้นแท็กซี่แล้วกลับมาด่าผมต่อเกือบทั้งคืน เลย เรื่องความขี้ขลาดของผมก็เลยกลายเป็นเรื่องโจ๊กของเพื่อนๆ อยากจะบอกว่ามันกดดันและก้อเสียฟอร์มมากๆเลย ผมเลยตัดใจให้เพื่อนอีกคนนึงพาไปเที่ยวซ่อง พอกระหรี่มันรู้จากเพื่อนผมว่าผมยังไม่เคย มันก็เลยสอนผมซะละเอียดเลย ซึ่งก็เรียบร้อยครับ จะบอกว่าผมติดใจมากแต่ในใจลึกๆแล้ว ผมไม่ค่อยชอบไปเที่ยวซ่องเท่าไหร่นักหรอกนะครับ อาจเป็นเพราะว่าบรรยากาศในซ่อง(ก็คือม่านรูดที่มีอีตัวนั่นแหล่ะ) มันทึมๆ ประกอบกับความรู้สึกว่าพวกนี้เค้าทำไปเพราะเป็นอาชีพ ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมอะไรกับเรา ผมก็เลยไม่ได้ไปเที่ยวซ่องอีก แต่อย่างน้อยผมก็กลับมาประกาศกับเพื่อนๆได้แล้วว่าผมไปเที่ยวซ่องมาแล้วและ ไอ้หมูก็เป็นพยานได้ แล้วตั้งแต่นั้นมา เวลาผมชักว่าวก็จะจินตนาการว่าเย็ดคนโน้นคนนี้โดยใช้ความรู้สึกเดียวกับตอน ที่ไปเที่ยวซ่องมาตลอด...
ไถลไปเรื่องของตัวผมเองซะนาน ย้อนกลับมาที่น้องน้อยหน่า อย่างที่บอกไงครับว่าน้อยหน่าชอบมานั่งเล่นที่บ้านผม คนที่บ้านผมก็ไม่ว่าอะไร จนมีอยู่ครั้งนึง จำได้ว่าเป็นวันหยุดอะไรซักอย่างนึงแล้วโรงเรียนหยุด แกก็เข้ามาในบ้านผมเหมือนเคย พ่อกับแม่ไปทำงาน ส่วนพี่สาวกับพี่ชายนั่งอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน น้อยหน่าเข้ามานั่งดูโทรทัศน์กับผม ผมก็เขยิบให้แกนั่งด้วย จะบอกว่าตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับเพราะน้อยหน่าก็เข้ามาเล่นในบ้านผม ตั้งแต่เล็กๆจนขึ้นป.สี่ปีนี้แล้ว ก็คงจะซักสิบขวบประมาณนั้น แต่นั่งๆอยู่ผมก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง อืม...เพื่อนๆเคยนั่งใกล้ๆเด็กมั๊ยครับ เด็กที่ยังไม่เป็นสาวนะครับ คือมันจะมีกลิ่นอะไรบางอย่าง จะว่าเป็นกลิ่นแป้งก็ไม่ใช่ สบู่ก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้เรียกว่าอะไร ขอเรียกว่ากลิ่นเด็กก็แล้วกัน ยิ่งตอนที่น้อยหน่านั่งพิงไหล่ผมดูโทรทัศน์ กลิ่นนั้นมันยิ่งชัดจนเตะจมูกเลย คล้ายกับจะออกมาจากตัวของน้อยหน่า แล้วก็เป็นเรื่องที่ทุเรศมากเลยเพราะไอ้กลิ่นนั้นมันเสือกทำให้ผมมีอารมณ์ ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมนั่งตัวแข็ง อะไรต่อมิอะไรแข็งไปหมด เป็นครั้งแรกนะครับที่ผมลองแอบชำเลืองดูน้อยหน่าที่นั่งพิงไหล่ผมดูโทรทัศน์ อยู่ อุปทานหรือเปล่าก็ไม่รู้ จู่ๆก็รู้สึกว่าหลานผมนี่น่ารักจริงๆ ผิวขาว ร่างที่นั่งติดกับผมทำให้รู้ว่าแกมีผิวละเอียดนุ่ม มีขนอ่อนขึ้นตามแขน แกนั่งจ้องโทรทัศน์ดูเงียบๆแต่ผมนั่งดูไม่รู้เรื่องแล้ว คอยแต่จะแอบมองรูปร่างของแก หน้าอกแกขึ้นมานิดเดียว แทบดูไม่ออกเลย กลิ่นที่ผมรู้สึกยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่รู้ว่ามือตัวเองไปโอบไหล่น้อยหน่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แกก็ไม่สนใจนะครับ ก็เปลี่ยนจากพิงไหล่ผมมาเป็นนั่งเอียงศีรษะอยู่บนหน้าอกผม ผมลองจูบเบาๆบนเส้นผมแก แกก็ไม่ว่าอะไรเพราะผมชอบดึงตัวแกมากอดตั้งแต่ยังเล็กๆ ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ คราวนี้มือที่โอบไหล่แกอยู่ก็ทำเป็นลูบไปมาบนแขนแล้วค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นลูบ เบาๆที่หน้าอก สารภาพครับว่าผมอยากรู้จริงๆว่านมของแกเป็นยังไง เพราะในชีวิตก็เคยเห็นนมผู้หญิงแค่ครั้งเดียวก็คือตอนที่ไปเที่ยวซ่องนั่นแห ล่ะ พอมือไปลูบที่หน้าอก สัมผัสโดนเนินหน้าอกเล็กๆซึ่งผมไม่อยากเรียกว่านมเลยเพราะมันพึ่งดันตัวออก มาแค่นิดเดียวเอง แต่ความรู้สึกเพียงแค่นั้นก็มากเพียงพอแล้วสำหรับผมที่ไม่ค่อยรู้เห็นเกี่ยว กับสรีระของผู้หญิงมากนัก ผมขยับตัวทำเป็นเดินไปที่หน้าประตู แต่ที่จริงแล้วแอบไปดูว่าพี่สาวกับพี่ชายทำอะไรอยู่ ก็เห็นว่ากำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่ พอรู้อย่างนั้นผมก็กลับมานั่งและโอบไหล่น้อยหน่าบนโซฟาเหมือนเดิม แต่คราวนี้มือที่ลูบเบาๆบนหน้าอกแกเปลี่ยนเป็นลองบีบเคล้นเบาๆ น้อยหน่าหันมามองหน้าผม แต่ผมทำเป็นจ้องดูโทรทัศน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกก็เลยหันกลับไปดูโทรทัศน์ต่อ ผมคลึงมือขวาวนเวียนบนหน้าอกแกทั้งสองข้างสลับไปมานอกเสื้อยืด แต่มันเหมือนยังขาดอะไรอยู่ จึงแอบชำเลืองดูแกก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อจากด้านล่างเพราะแกใส่เสื้อยืด คอกลมไม่สามารถล้วงจากด้านบนลงไปได้ น้อยหน่าขยับตัวนิดนึง คงเพราะมือผมที่ล้วงเข้าไปทำให้เสื้อของแกตึงจนนั่งไม่สบาย ผมชะงักก่อนจะล้วงมือเข้าไปจนสัมผัสกับก้อนเนื้อเล็กๆบนหน้าอกแก เชื่อมั๊ยครับ ผมควานหาจนทั่ว แต่หาหัวนมแกไม่เจอเลย มันเล็กมากและยังจมอยู่ในก้อนเนื้อเล็กๆนั้น แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ นั่งตัวเกร็งบีบเคล้นนมของน้อยหน่าวนไปวนมาทั้งสองข้างจนรู้สึกว่าตัวเองทน ไม่ไหวแล้ว ก็เลยลองเอื้อมมือซ้ายไปจับมือซ้ายของแกที่วางอยู่บนต้นขา เอามาวางไว้บนต้นขาผมแทน แกก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร สุดจะทนจริงๆ ผมดึงมือแกมาวางไว้บนท่อนเนื้อนอกกางเกงซึ่งแข็งจนเจ็บไปหมด แกก็ทำตามอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ผมดึงมือแกมาลูบไปมาตรงท่อนเนื้อ พอเห็นว่าแกไม่ได้สนใจอะไรก็เลยตัดใจจับมือแกล้วงเข้าไปในกางเกงผ่านกางเกง ในเข้าไปจนมือเล็กๆของแกสัมผัสกับท่อนเนื้อที่ตอนนี้แข็งราวกับท่อนไม้ น้อยหน่าหันมามองหน้าผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังทำเป็นจ้องโทรทัศน์อยู่ แกก็เลยหันไปดูโทรทัศน์ต่อ แต่สารภาพกับเพื่อนๆครับว่าตอนนั้นผมดูไม่รู้เรื่องแล้ว มันเสียวจนขนลุกไปหมดทั้งตัว ผมจับมือแกกำท่อนเนื้อและดึงมือแกรูดขึ้นลงเบาๆในกางเกง มันทรมานอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ น้อยหน่าก็ปล่อยให้ผมจับมือแกรูดท่อนเนื้ออยู่อย่างนั้นโดยที่ตาก็ยังดู โทรทัศน์อยู่ ผมเร่งมือแกเร็วขึ้นเพราะรู้สึกว่าจะทนไม่ไหวแล้ว กำลังจะปลดปล่อยความทรมานออกดันมีเสียงถอดรองเท้าที่หน้าประตู ผมรีบดึงมือแกออกจากกางเกงและดึงมือผมออกจากเสื้อของแกทันที ปรากฏว่าพี่สาวผมเดินเข้ามากินน้ำ แกเห็นผมนั่งดูโทรทัศน์กับหลานก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่จะบอกเพื่อนๆว่าดุ้นของผมมันหดทันทีเพราะความตกใจ แล้วผมก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะเล่นอย่างนี้ในขณะที่มีคนอยู่บ้าน ด้วย ก็เลยตัดใจเลิก ปล่อยให้น้อยหน่านั่งดูโทรทัศน์ต่อไปโดยที่ผมไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับแก อีก...
ตั้งแต่วันนั้น ผมก็เลยมีแต่ความคิดว่าทำยังไงถึงจะได้อยู่กับน้อยหน่าแค่สองคน ซึ่งโอกาสยากมากเพราะที่บ้านผมมักจะมีคนอยู่เสมอ แต่ถึงจะมีโอกาสแค่นิดหน่อยผมก็ทั้งลูบทั้งคลำน้อยหน่าทุกครั้งที่แกเข้ามา เล่นในบ้าน แกก็ไม่เคยถามเลยนะครับว่าผมทำอะไรแก แต่มันทำได้แค่นั้นเพราะผมกลัวคนเห็น ยิ่งสร้างความอึดอัดทรมานข้างในมากขึ้นไปอีก จนโอกาสของผมมาถึง...วันเสาร์หนึ่ง พ่อจะไปเยี่ยมปู่กับย่า(พ่อเป็นคนต่างจังหวัด พอแต่งงานก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับแม่) ปกติการกลับบ้านอย่างนี้ต้องไปด้วยกันทั้งหมดโดยจะนอนบ้านปู่คืนนึง แล้วขับรถกลับบ้านวันอาทิตย์ แต่ผมเห็นโอกาสขึ้นมาก็เลยบอกพ่อว่าผมต้องอยู่ทำรายงานกับเพื่อนเพราะต้อง ส่งวันจันทร์ เพราะฉะนั้น เสาร์อาทิตย์นั้น ผมก็เลยนอนอยู่บ้านคนเดียว ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด พอสายๆวันเสาร์ น้อยหน่าก็เข้ามานั่งดูโทรทัศน์ด้วยเหมือนเคย แต่คราวนี้ผมเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว เสื้อก็ไม่ใส่ ใส่กางเกงขาสั้นแล้วไม่ใส่กางเกงในด้วย น้อยหน่าเดินเข้าก็แค่บอกว่าอาโป้งไม่ใส่เสื้อ ผมบอกว่าอาร้อน นั่งอย่างนี้สบายกว่า น้อยหน่าก็ไม่สนใจอะไรอีก มาถึงก็นั่งข้างๆผมบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ผมก็เปิดการ์ตูนให้แกดู แกก็นั่งดูอยู่อย่างนั้น แต่ผมนั่งไม่เป็นสุขหรอกครับ กลิ่นประหลาดที่เคยบอกมันโชยออกมาจากตัวแกอีกจนผมเริ่มรู้สึกว่าท่อนเนื้อ ข้างล่างมันลุกขึ้นมาอีกแล้ว ผมนั่งคิดซักพักก่อนจะขยับตัวเดินไปปิดประตูหน้าบ้าน น้อยหน่าถามว่าทำไมอาโป้งปิดประตู ผมบอกว่าแสงมันส่องเข้ามาในบ้าน เดี๋ยวจะทำให้บ้านร้อนเปล่าๆ แต่ที่จริงผมคิดว่าปิดประตูดีกว่า เพราะเดี๋ยวหนึ่งในล้าน เสือกมีใครทะเล่อทะร่าเข้ามาก็ซวยกันพอดี พอปิดประตูแล้วผมก็กลับเข้ามานั่งข้างๆน้อยหน่าตามเดิม แล้วก็เล่นบทเดิมครับคือโอบไหล่แกลูบซักพักแล้วล้วงมือเข้าไปคลึงสองเต้าของ แกเล่น มือข้างซ้ายก็ทำหน้าที่เหมือนเดิม ดึงมือน้อยหน่ามาที่ท่อนเนื้อ แต่คราวนี้ผมไม่ได้ดึงมือแกล้วงเข้าไปในกางเกง แต่ผมขยับตัวดึงกางเกงลงมาอยู่ที่หัวเข่า แล้วดึงมือแกมากำท่อนเนื้อที่แข็งเป็นลำ น้อยหน่าหันมามองแล้วเงยหน้ามองผม ผมก็เล่นบททำเป็นสนใจการ์ตูนเหมือนเดิม แกก็หันไปดูการ์ตูน ไม่ได้สนใจอะไรอีก คราวนี้โอกาสทุกอย่างก็เป็นของผมแล้ว ผมจับมือแกรูดท่อนเนื้อด้วยความเสียวซ่าน มือเล็กๆของเด็กมันต่างจากมือกระหรี่ที่ผมไปเที่ยวอย่างเทียบกันไม่ได้เลย เพราะมือของน้อยหน่ามันนุ่มนิ่ม ไม่แข็งกระด้างเหมือนที่ผมเคยไปเที่ยวมา ประกอบกับความตื่นเต้น ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกนะครับว่าสิ่งที่ทำมันถูกหรือผิด รู้แต่ว่ามันทำให้ผมทั้งเสียว ทั้งสบาย มือที่เล่นนมน้อยหน่าอยู่มันคงเล่นจนเบื่อแล้วเพราะแกก็ไม่ได้มีปฏิกิริยา อะไร ยังนั่งดูโทรทัศน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้น มือขวาผมก็เลยเปลี่ยนสถานที่จากสองเต้าของแก ค่อยๆเลื่อนลงมาข้างล่างแล้วล้วงผ่านเข้าไปในกางเกงของน้อยหน่าจนสัมผัสเนิน เนื้อเล็กๆข้างล่างนั่น ผมลองชำเลืองดูก็เห็นแกไม่ได้สนใจอะไร จึงลองลูบเบาๆบนเนินเนื้อซึ่งยังไม่มีอะไรเลย ผมลูบลงไปที่ร่องรอยแยกแล้วลองเขี่ยขึ้นๆลงๆดูเพราะกระหรี่ที่ผมไปเที่ยวมัน บอกว่าวิธีนี้จะทำให้ผู้หญิงชอบ แต่ไม่เห็นน้อยหน่ามีปฏิกิริยาอะไรเลย นอกจากจะสะดุ้งนิดนึงตอนที่ผมลองดันนิ้วเข้าไปในรอยแยก แต่มันดันไม่เข้าครับเพราะแกนั่งหุบขาอยู่ แต่จะบอกว่าทำเพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมเสียวจะแย่อยู่แล้ว ผมจับมือของน้อยหน่าที่กำท่อนเนื้อของผมอยู่ให้เร่งความเร็วขึ้นไปอีกเพราะ รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว เรื่องเล่าของเพื่อนๆวูบขึ้นมาในหัว ผมหันไปกระซิบที่ข้างหูน้อยหน่า “น้อยหน่า อาวานให้น้อยหน่าช่วยอะไรอย่างนึงได้มั๊ย แล้วเดี๋ยวอาจะซื้อขนมให้น้อยหน่ากินแล้วจะให้ดูการ์ตูนทั้งวันเลย” น้อยหน่าหันมาถาม “อาโป้งจะให้หน่าทำอะไร” ผมไม่รู้จะบอกแกว่ายังไงเพราะมันไม่กล้าพูด ก็เลยบอก “อาให้ทำอะไร น้อยหน่าก็ทำอย่างนั้นก็แล้วกัน ไม่น่ากลัวหรอก ตกลงนะ” แกมองหน้าพูด “หน่าอยากกินขนมปังราดน้ำแดง(จำไม่ได้จริงๆครับว่าแกบอกว่าอยากกินอะไร เอาเป็นว่าขนมปังราดน้ำแดงก็แล้วกัน) แล้วให้หน่าดูการ์ตูนช่องนี้นะ” เข้าทางสิครับ “เดี๋ยวอาจะวิ่งออกไปซื้อให้เอง แล้วน้อยหน่าก็นอนดูการ์ตูนช่องนี้ได้ทั้งวันเลย อาอนุญาต ว่าแต่ตกลงตามนี้นะ” ผมจ้องหน้า แกมองหน้าแบบไม่รู้เรื่องอะไรแล้วก็พยักหน้า ผมรีบขยับตัวนั่งตัวตรง ดึงมือออกจากเสื้อของแก แล้วประคองแกมานั่งคุกเข่าที่หว่างขาของผม แกทำตามอย่างงงๆ ตอนนี้ท่อนเนื้อของผมอยู่ห่างจากใบหน้าของแกแค่คืบ จับมือของแกมากำท่อนเนื้อแล้วรูดขึ้นลงต่อ ก่อนจะค่อยๆกดศีรษะแกจนใบหน้าเล็กๆชิดกับท่อนเนื้อของผม “อ้าปากสิ” ผมเอ่ยเบาๆด้วยความเสียวและตื่นเต้น แกเงยหน้ามองหน้าผมก่อนจะอ้าปากออก ผมรีบกดศีรษะแกจนริมฝีปากเล็กๆจ่ออยู่กับท่อนเนื้อและค่อยๆให้ท่อนเนื้อหาย เข้าไปในปากเล็กๆของแก น้องหน้าชะงักนิดนึงทำท่าจะขัดขืน แต่ตอนนั้นบอกตรงๆว่าผมไม่ยอมให้แกเปลี่ยนใจแล้วครับ กดศีรษะของแกจนส่วนหัวของท่อนเนื้อจมหายเข้าไปในปากของแก มันเสียวไปหมดทั้งตัวเลยครับ ผมพยายามดันท่อนเนื้อให้เข้าปากแกให้มากที่สุด แต่มันเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว แกทำท่าจะสำลัก ผมเลยต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้น และเริ่มดึงศีรษะแกเข้าออกช้าๆให้ริมฝีปากเล็กๆรูดท่อนเนื้อทีละนิด ตั้งใจว่าจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ความเสียวที่สะสมมาตั้งแต่ต้นทำให้ผมทนให้แกรูดปากเนิบๆไม่ได้ จึงจับศีรษะแกโยกขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนน้อยหน่าหัวสั่นหัวคลอนไปหมด ความเสียวที่กระจายทั่วทั้งตัวค่อยๆย้อนกลับมารวมกันที่ด้านล่างของท่อน เนื้อจนรู้สึกว่าดุ้นของผมมันแข็งเกร็งไปหมด สุดที่จะทนต่อไปได้ ผมโยกศีรษะแกขึ้นลงอีกสองสามครั้งแล้วกดศีรษะแกกับท่อนเอ็นไว้แน่น แอ่นเอวขึ้นจนสุด ฉีดน้ำรักเข้าใส่ปากแกเต็มแรง น้อยหน่าทำท่าสำลักจะคายท่อนเนื้อผมออก แต่ผมกดศีรษะแกไว้อย่างนั้นพร้อมทั้งปลดปล่อยน้ำรักที่ยังกระฉูดเข้าใส่ปาก แกอย่างต่อเนื่อง มันเป็นความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และคงเพราะมันฉีดเข้าไปจนเต็มปากของแกแล้วระบายออกไม่ได้เนื่องจากผมกดศีรษะ แกไว้ จึงมองเห็นว่าแกทำท่าเหมือนกลืนน้ำกามของผมลงคอไป ผมกดแช่ไว้อย่างนั้นคล้ายกับว่ามันจะทะลักออกมาอย่างหมดไส้หมดพุงจนรู้สึก ว่าน้ำของผมได้หลั่งเข้าไปในปากแกจนหมดและไหลลงลำคอแกเข้าไปหมดแล้ว จึงค่อยๆดึงท่อนเนื้อออกจากริมฝีปากของแก น้อยหน่ารีบเลยหน้าขึ้น หูแดงตาแดงไปหมด คงเพราะผมกดศีรษะของแกไว้นานเกินไป น้ำของผมบางส่วนไหลออกมาจากริมฝีปากแกเยิ้มลงไปจนถึงปลายคาง แกรีบใช้หลังมือเช็ดน้ำรักของผมที่เลอะเทอะปากและคาง พลางถาม “อาโป้งทำอะไรน่ะ แล้วอาโป้งฉี่เข้าปากหน่าทำไม สกปรกจะตาย” แกบ่น ผมมองพลางพูดอย่างเหนื่อยๆ “ไม่ใช่ฉี่หรอก เป็นน้ำจากในตัวอา แต่ไม่อันตรายหรอก เนี่ยอาเสร็จแล้ว รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวอาจะไปซื้อขนมให้ตามสัญญา” ผมขยับตัวลุกขึ้น จับน้อยหน่าขึ้นมานั่งบนโซฟาตามเดิม จัดแจงใส่กางเกงให้เรียบร้อย เดินไปใส่เสื้อแล้วออกไปซื้อขนมให้แกตามสัญญา...