เล่นเสียวกับหัวหน้า 1
ฉันเป็นผู้หญิงเซ็กส์จัดถึงจัดมากคนหนึ่งย้อนหลังไปเมื่อตอนที่ฉันอายุสามสิบต้นๆ (ซึ่งตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ว่าฉันอายุเท่าไรเพราะจุดประสงค์คนอ่านเรื่องอย่างนี้คือต้องการเสียวอย่างเดียวน่าจะพอแล้ว) ฉันย้ายมาอยู่ใกล้ครอบครัวซึ่งเป็นเป็นคนใต้เดิมฉันเป็นคนโคราช (แต่พูดอิสานไม่เป็นนะ) ต้องย้ายที่ทำงานหลายแห่งเหมือนกันเพราะฉันรับราชการกระทรวงสาธารณสุข สุดท้ายซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ฉันได้มาทำงานที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักเรียกว่าไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ
ตอนที่ฉันอายุสามสิบเอ็ดนั้นฉันมีลูกตั้งสามคนแล้วโดยคนล่าสุด(ตอนนั้น)อายุได้ขวบกว่าๆ เรียกว่าฉันแต่งงานค่อนข้างเร็วคือพอจบพาณิชย์ปีสามปุ๊บฉันสอบได้งานปั๊บก็แต่งงานเลย ดังนั้น ตอนนี้ลูกๆ ก็โตๆ กันหมดแล้ว คงรู้แล้วสิว่าฉันไม่ได้เป็นพยาบาลหรือสายงานอย่างพวกหมอๆ เค้าหรอกก็จบพาณิชย์แต่สอบบรรจุติดกระทรวงนี้ก็เลยได้ลงพวกธุรการหรือการเงินทำนองนี้แหละ
สามีฉันเค้าทำงานคนละที่กับฉันคืออยู่คนละจังหวัดนานๆ จะกลับบ้านทีขานั้นมีเพื่อนฝูงเยอะกลับมาแต่ละทีขนเอาเพื่อนซึ่งเมามายมาทั้งนั้น ก็เป็นภาระของฉันที่ต้องดูแลคนเหล่านี้ ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้(คือเมากันมา) บ่อยมาก หนักๆ เข้าฉันก็ขี้เกียจจะดูแลพวกเค้าเหมือนกันเตรียมของกินของใช้ไว้ให้แล้วก็จัดการกันเอง ก็เพื่อนมากนักไง
ด้วยเหตุที่สามีมักมองข้ามเรื่องแบบนี้ไปมั้ง โดยอาจคิดว่ามีลูกตั้งสามคนแล้วคงไม่มัวพะวงอยู่กับเรื่องเหล่านี้แน่นอน (ไม่มีเวลาพอที่แม้จะคิด เพราะเจ้าทโมนสามตัวนั้นคงแย่งเวลาไปหมดแล้ว) แต่เค้าคิดผิดคงลืมไปว่าฉันเป็นคนเซ็กส์จัดประกอบกับอายุไม่มาก (น่าจะเป็นวัยกำดัด) จึงทำให้ฉันค่อนอ้างว้างและว้าเหว่ เพราะฉันไม่ใช่คนที่นี่ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของคนใต้ซักเท่าไหร่ ดังนั้นไฟโลกีย์ของฉันจึงลุกโพลงอยู่ในกายและในใจตลอด จนก่อนที่จะมาเกิดเหตุที่จะเล่าต่อไปนี้ฉันก็เป็นคู่นอนของผู้ชายไม่น้อยกว่าสามคน แต่ฉันจะยุ่งเป็นคนๆ ไป ไม่มั่วทีเดียวสามคน ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี
ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าสามีเค้าจะระแคะระคายบ้างหรือไม่แต่ทุกครั้งที่สามีมีเซ็กส์กับฉัน(ซึ่งประมาณเดือนละไม่เกินสองครั้ง) สามีก็ไม่เห็นแสดงอาการอะไรที่ส่อพิรุธเลย
ฉันมีเชื้อของคนญวนผิวขาวซึ่งหากอยู่ในหมู่คนใต้แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็จะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่นี่ นอกจากผิวขาวแล้วฉันจัดเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งสัดส่วนได้รูปน้ำหนักไม่เกิน50 กก. สูง 165 ซม. หน้าอก 35 เอว 25 สะโพก 38 ตรงสะโพกนี่แหละใครมองคงต้องเหลียวหลังเพราะมันใหญ่ที่คนโบราณเรียกว่าสุดเสียงสังข์จริงๆ ถ้าเป็นคนรุ่นฉันหากนึกไม่ออกขอให้นึกถึงดาราสมัยก่อนคนนึงที่ชื่อดวงชีวัน โกมลเสน นั่นแหละสะโพกฉันหละ ตอนสาวๆ มันก็ค่อนข้างใหญ่แล้วนะเกือบ 36 แต่คงมาขยายเอาสุดๆ ตอนมีลูกนี่แหละ แม้จะมีลูกคุณผู้อ่านที่เป็นวัยโจ๋อาจจะเบ้หน้าบอกว่ายังจะมาเล่าอะไรอีกกะจู๋หดหมด ยังก่อน ถึงจะมีลูกแต่ก็มีทีเด็ดนะจะบอกให้ ไม่งั้นจะมีผัวอีกหลายๆ คนได้อย่างไรจริงมั๊ย
ตอนที่คลอดลูกคนแรกฉันกลัวมากที่จะคลอดเองด้วยมีการเล่าต่อๆ กันมา จึงบอกคุณหมอให้เอาออกทางหน้าท้อง ซึ่งแน่นอนคนต่อๆ มาต้องทำอย่างเดียวกันคือเอาออกทางหน้าท้องทั้งหมด จึงทำให้มีแผลซ้อนๆ กันอยู่บริเวณขอบกางเกงในสั้นๆ ยาวประมาณห้านิ้วขนาดก้านคอตตอนบัด แต่ก็แลกกับความคงเดิมของรูที่เด็กควรจะออกตามธรรมชาติของเค้าไว้ให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ว่าเด็กจะไม่คลอดทางช่องคลอดแต่ด้วยเหตุที่ฉันใช้งานรูของฉันมากเกินไป (ที่มิใช่สามี) จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจกับการนอนในระยะหลังๆ จึงตัดสินใจลงทุนไปยกเครื่องใหม่ (เฉพาะช่วงล่าง) ก็ล่อเสียหลายหมื่นเหมือนกันแต่ก็ได้ความมั่นใจกลับมาสุดๆ คุ้มเกินคุ้ม รู้งี้ไปทำเสียตั้งนานแล้ว
ฉันเคยเขียนไปหาหมอนพพรเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วซึ่งท่านตอบปัญหาทางเพศในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยที่คอลัมน์ของท่านจะดังมากแทบจะแย่งกันอ่านในสมัยนั้น ฉันถามถึงเรื่องอารมณ์ทางเพศที่รุนแรงและค่อนข้างมากของฉัน โดยฉันเล่ารายละเอียดในการนอนกับผู้ชาย (ที่ไม่ใช่สามี) ให้ท่านประกอบการตอบคำถามด้วย ปรากฏว่าแทนที่จะได้รับคำตอบท่านกลับสั่งสอนเสียยกใหญ่ บอกให้หันเข้าหาธรรมมะเสียบ้างจะได้เพลาๆ ลงท่านบอกว่าเรื่องทางเพศทุกคนที่ร่างกายปกติมันมีความรู้สึกกันได้ส่วนจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่บุคคล แต่ที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการรู้จักเก็บความรู้สึกเอาไว้บ้างโดยเฉาะสตรีไทยที่ต้องยึดถือขนบธรรมเนียมและศีลธรรมอันดี เท่านี้ท่านว่าคงจะช่วยได้และในตอนท้ายท่านบอกว่าแม้ว่าจะติดใจรสรักจากชายอื่นที่มิใช่สามีของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง ดังนั้นต้องพยายามตัดใจและมีสามีเดียวจะดีที่สุด หลังจากที่ได้รับคำตอบครานั้นฉันจำได้ว่าไม่หันกลับไปอ่านคอลัมน์ของท่านอีกเลย
ฉันมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ประมาณสามเดือนก็พอสนิทกับเพื่อนร่วมงานบ้างแต่ก็ไม่มากนักด้วยนิสัยฉันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครซึ่งปกติจะดูเหมือนคนหยิ่งหากเทียบกับคนใต้ทั่วๆไป ที่ทั้งหญิงและชายมักจะสรวลเสเฮฮา และบังเอิญฉันมารู้จักหัวหน้าที่เป็นผู้ชาย ซึ่งก็เป็นคนขรึมๆ เช่นกัน หัวหน้าฉันอายุอ่อนกว่าฉันหนึ่งปีขณะที่ฉันมาทำงานปีแรกเค้าอายุสามสิบปีพอดี ยังโสดแต่มีแฟนแล้วนัยว่ามีแฟนหลายคนด้วย เค้าเป็นคนหน้าตาดีสไตล์คนใต้คือเข้มผิวดำแดงสูง 170 กว่าๆ ร่างกายแข็งแรงตามวัยของเค้าอีกอย่างเค้าชอบออกกำลังกายจึงทำให้หน้าตาและร่างกายดูดีสมวัย ด้วยความที่ทั้งเค้าและฉันไม่ค่อยจะพูดจึงไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ในช่วงแรกๆ แต่ล่วงเข้าเดือนที่หกฉันก็มีความสนิทกับเค้ามากขึ้นเพราะตอนนั้นฉันไปลงเรียน หลักสูตร กศ.บป. ที่สถาบันราชภัฎ ซึ่งคนทำงานจะนิยมเรียนกันมากในวันเสาร์อาทิตย์
ด้วยเหตุที่หัวหน้าฉันเค้าค่อนข้างเรียนเก่งจึงขอคำแนะนำในหลายๆ วิชา แล้วเวลาที่พอว่างก็คือตอนเที่ยง ปกติตอนเที่ยงคนในห้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงก็มักจะชวนกันไปทานข้าวข้างนอกบางคนที่บ้านอยู่ใกล้ก็กลับบ้าน จะมาอีกทีก็บ่ายโมงล่วงแล้ว ฉันนั้นมักจะหาเวลาว่างลงไปกินช่วงสิบโมงกว่าๆ เกือบทุกวันเพราะตอนเช้าจะไม่ทาน ส่วนหัวหน้าเค้าก็จะลงไปทานก่อนเที่ยงราวๆ สิบเอ็ดโมงครึ่งกับพรรคพวกเค้าพอตอนเที่ยงก็มักจะมาเป็นติวเตอร์ให้ฉัน ซึ่งฉันเรียกแทนตัวเค้าว่า “ตัวเอง” ส่วนเค้าเรียกฉันว่า “เจ๊นิด”
ในตอนเที่ยงของวันหนึ่งหลังจากที่เค้าช่วยติวให้ฉันมาได้ประมาณหนึ่งเดือน โดยในวันนั้นเค้าเริ่มติวให้ฉันไปได้ประมาณสิบนาที เค้าบอกว่าวันนี้ใจสั่นยังไงพิกล ฉันกลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไปจึงบอกถ้างั้นวันนี้ไม่ต้องติวก่อนก็ได้ แต่เค้าบอกไม่ใช่สั่นจะเป็นลมแต่สั่นเพราะอยู่ใกล้คนสวยต่างหาก ฉันก็คิดว่าเค้าจะมาไม้ใหนกันแน่จู่ๆ เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่เคยปรากฏ (รึว่าปรากฏมานานแล้วแต่ฉันไม่รู้) เค้าไม่พูดเฉยๆ นะแต่ละจากหนังสือเข้ามากอดฉันเอาดื้อๆ อย่างนั้นแหละ เล่นเอาฉันงงเต็กไปเลยเพราะจะโกรธก็โกรธไม่ทันก็พวกเล่นจู่โจมอย่างนั้นใครจะตั้งตัวได้
ห้องทำงานของหัวหน้าฉันเป็นห้องส่วนตัวไม่ใหญ่มากนักโดยอยู่ภายในห้องใหญ่รวมอีกทีหนึ่งซึ่งตอนเที่ยงฉันจะล๊อคประตูห้องใหญ่ทั้งหมดและปิดม่านทุกบานหน้าต่างเรียกว่าใครจะมาติดต่อธุระห้องนี้ก็ต้องเลยบ่ายโมงไปโน่นแหละห้องจึงเปิดอีกครั้ง ส่วนห้องหัวหน้าก็มีประตูล๊อคได้อีกชั้นหนึ่งเช่นกันโดยเฉพาะห้องนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าออกเท่าไรหากไม่จำเป็น ฉันจึงใช้ห้องนี้ให้หัวหน้าติวหนังสือ(และต่อมาติวอย่างอื่นด้วย)
“ตัวเองทำอะไรน่ะ....เค้าให้ตัวเองติวหนังสือให้เค้านะไม่ได้ให้ทำอย่างงี้” ฉัน
ทำเป็นงอน
“หนังสือน่ะติวเมื่อไหร่ก็ได้ อีกหลายวันกว่าจะสอบ แต่วันนี้เค้าอยากลองอย่างอื่นดูบ้าง” เค้าทำเป็นกล้าที่จะตอบฉันซึ่งต่อมาเค้าบอกว่าเค้ากลัวโดนด่าและร้องโวยวายมากที่สุดในตอนที่ตัดสินใจกอดฉัน
“ไม่เอานะตัวเอง....เอามือออกก่อน...เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงจากการกอดของเค้า แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุเค้ายิ่งกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกและแถมด้วยหอมแก้ม
“ออกนะ...ไม่เอาจริงๆ ด้วย....ตัวเองก็รู้ว่าเค้ามีครอบครัวแล้ว..มีลูกแล้วด้วย...ทำอย่างนี้มันไม่ดีรู้มั๊ย....” ฉันพยายาม(แกล้ง) อ้อนวอนโดยยกเหตุผลง่ายๆ แต่แทนที่เค้าจะกลัวหรือสำนึกได้กลับเป็นเอามือสองข้างของเค้าประคองใบหน้าฉันพร้อมทั้งจูบที่ปาก ฉันไม่ทันระวังช่วงที่กำลังขอร้องเค้าอยู่ปากเลยเปิดอยู่ทำให้เค้าเอาลิ้นเข้ามาในปากฉันได้
“อือ....อออ...อึม..มมมม.......อ้า..ส์ส์ส์.....”ฉันส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ เวลาผ่านไปสองสามนาทีเค้าก็ยังจูบปากฉันอย่างเมามัน เอาล่ะสิเรี่ยวแรงที่คิดจะผลักเค้าในตอนต้นขณะนี้ไม่รู้ว่ามันหายไปใหนหมดมือที่ห้อยอยู่แนบตัวและกำลังจะผลักอกเค้าเพื่อให้เค้าเลิกการกระทำกลับเป็นมือฉันสองข้างนี่แหละที่เริ่มโอบกอดแผ่นหลังเค้าแน่นขึ้นๆ
“อุ๊ย....ซี๊ด..ดดด...สสสส....อ๊าย...สสส....” ฉันเริ่มออกอาการเดิมของฉันยามเมื่อต้องมือชายขณะที่เค้าเริ่มคลายปากจากปากฉันจึงมีเวลาที่ฉันจะซี๊ดปากได้
“ตัวเองจะทำอะไรเค้าน่ะ...เดี๋ยวมีคนเห็นนะ....”ฉันเตือนเค้า
“ถ้างั้นก็ให้ความร่วมมือหน่อยสิจะได้เสร็จเร็วๆ” เค้ารีบตัดบท ฉันด้วยความกลัวที่คนจะเข้ามาเห็นจริงๆ จึงคล้อยตามเค้าทุกอย่างเหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ในขณะที่ใจฉันว้าวุ่นว่าจะเอาอย่างไรดีในสถานการณ์แบบนั้นเพราะไม่เคยเจอคนรุกแบบสายฟ้าแลบเหมือนครั้งนี้มาก่อน อีกใจหนึ่งก็อยากลองเพราะเงี่ยนเต็มทนแล้วเรียกว่ากล้าๆ กลัวๆ จึงจะถูก แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าเจ้าหมอนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาจากใหนจึงกล้าที่หักหาญน้ำใจเราผู้มาใหม่ถึงเพียงนี้เรียกว่าแม้ว่าฉันจะยอมก็ไม่น่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้และเป็นสถานที่แบบนี้ ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่าเค้าทำการบ้านเรื่องของฉันมามากกว่าที่ฉันคิดเสียอีกเรียกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน รู้ว่าฉันมีผัวมาแล้วกี่คน ใครบ้าง โดยเฉพาะรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงไฟแรงสูงแต่ซ่อนตัวเท่านั้น
“อย่าแหย่นิ้วเข้าไปตรงนั้น...มันเสียวมากรู้มั๊ย....อุ๊ย....ซี๊ด..ดดด..สสส....ว้าย....ตายแล้ว...จะทำอะไรน่ะ..” ฉันตกใจมากขึ้นเมื่อเค้าผลักฉันเบาๆ ให้ก้มไปที่โต๊ะทำงานเค้าแล้วขณะเดียวกันเค้ารั้งกระโปรงซึ่งเป็นกระโปรงหลวมๆ แบบผ้าอัดกลีบรอบความยาวเลยเข่านิดๆ ซึ่งสมัยนั้นเป็นที่นิยมของผู้หญิงทำงานและก็เป็นความโชคดีของหัวหน้าที่ดึงกระโปรงทีเดียวก็ขึ้นไปกองอยู่ที่บั้นเอวแล้วไม่รอช้าเค้ารีบดึง กกน.ซึ่งฉันชอบใช้ชนิดผ้าสังเคราะห์เนื้อบางๆ ไม่รัดมากนักจึงง่ายในการถอดเรียกว่าดึงทีเดียวมากองอยู่ที่เท้าแล้ว ดูเหมือนเค้าทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ เพราะหลังจากที่ดึง กกน. ฉันมากองที่ปลายเท้าแล้วเค้าก็รูดซิปดึงเอาหัวควยที่แข็งโด่อยู่นานแล้วออกมาถอกสองสามครั้งเห็นหัวแดงช้ำเลือดหัวบานโร่ขนาดประมาณ 6x6 ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่มากนักแต่เป็นหัวควยที่ฉันพูดได้ว่าฉันชอบมากที่สุดตั้งแต่เจอหัวควยมาแล้วจะเล่าให้อ่านในตอนต่อไป
เค้ารีบแม้กระทั่งตะขอกางเกงก็ไม่แกะออกเข็มขัดก็ยังรัดอยู่อย่างนั้นแค่เอาหัวควยโผล่ร่องซิบออกมาอย่างเดียวเหมือนผู้ชายกำลังจะไปฉี่แค่นั้นเอง โดยไม่รอช้าเค้าบอกว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้วมัวเล่นมากไม่ได้ ฉันจะโอ้เอ้หรือจะมารยาอะไรก็ไม่ทันแล้วมาถึงขั้นนี้แล้วเอาไงก็เอากัน ว่าแล้วเค้าก็จ่อหัวควยที่บานเหมือนดอกเห็ดเข้าที่ร่องหีทางด้านหลังในท่าโก้งโค้งแล้วก็ดันเข้าใช้เวลาไม่นานนักหัวควยก็หลุดพรวดเดียวเข้าไปชนมดลูกฉันเสียงดังกึกๆๆ ตามแรงกระแทกของเค้า
“โอย....เสียวควยจังเลยเจ๊จ๋า....อูย..ยย.....” เค้าใช้สองมือจับที่บั้นเอวแล้วซอยไม่ยั้ง เราคิดว่าหมอนี่ตายอดตายอยากมาจากใหนแม้ในห้องทำงานก็ไม่เว้น แต่ก็ได้เพียงคิด
“อุ๊ย....ยยย......เค้าก็เสียวนะตัวเอง....ว้าย....ยยย......เค้าแตกแล้วนะ....”ฉันเผลอตัวพูดออกมาด้วยความเคยชินกับผัวคนก่อนๆ เมื่อยามน้ำแตกฉันจะพูดเพื่อเร่งกระตุ้นผู้ชายเพื่อให้เค้าภูมิใจและเร่งให้ทำเร็วขึ้น
“เค้าก็จะออกแล้ว....อูย....ซี๊ด...ดด...เสียวควยจังเจ๊จ๋า....” เค้าก็รีบซอยหนักๆ ไม่เกินสิบนาทีฉันรู้สึกอุ่นวาบในช่องคลอดพร้อมๆ กับหีฉันตอดตุ๊บๆๆๆ เป็นจังหวะซึ่งนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าฉันถึงสวรรค์วิมานแล้ว
“หีเจ๊ตอดดีจังเลย นี่ยังตอดควยเค้าอยู่เลย..แต่เค้าต้องเอาควยออกก่อนนะ..เดี๋ยวไม่ทัน” ว่าแล้วเค้าก็ถอยตัวออกจากฉันเสียงควยหลุดจากหีซึ่งกำลังตอดอยู่ตุ๊บๆ เสียงดังปล๊อค น้ำหีและน้ำควยที่ออกผสมกันมากมายหยดไหลตามพื้นเป็นทางจนฉันต้องควานหาทิชชูมาเช็ดเพื่อปิดร่องรอยอย่างรีบด่วนหลังจากดึง กกน.มาเข้าที่เรียบร้อยพร้อมเอากระโปรงลง ส่วนเค้าก็เก็บเจ้าโลกไว้ในกางเกงและรูดซิปแค่นั้นก็เรียบร้อย แต่ยังทำให้ฉันยืนงงๆ อยู่พักใหญ่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นในที่ตรงนี้เมื่อครู่ที่ผ่านมา มันเหมือนฝันไปจริงๆ เมื่อหายงงแล้วฉันจึงเปิดประตูทั้งห้องหัวหน้าและประตูใหญ่ห้องรวมเพื่อเข้าห้องน้ำ ก็จะปล่อยไว้ให้น้ำมันไหลออกมาประจานทำไมต้องรีบหาทิชชูพับเป็นแผ่นแทนผ้าอนามัยซับไว้ใน กกน. เพราะน้ำคนโสดมันหลั่งออกมามากมายจริงๆ
หลังจากทุกคนกลับเข้ามาทำงานแล้วไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาฉันสร้างวีรกรรมไว้กับหัวหน้า ฉันทำเป็นจับปากกามาเขียนเกี่ยวกับงานที่ฉันรับผิดชอบอยู่พักนึงเพื่อไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปแต่ก็ไม่หายฉันต้องออกไปเดินเล่นที่ระเบียงทางเดินเข็นคนไข้อยู่พักใหญ่ๆ จึงกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งซึ่งครั้งหลังนี่ถ้าใครแอบสังเกตจะเห็นฉันนั่งอมยิ้มเล็กๆ เป็นยิ้มที่ให้แก่ความบ้าบิ่นของตัวเองและหัวหน้าที่กล้าเอากันกลางวันแสกๆ ในห้องทำงาน
เมื่อมีครั้งแรกคงไม่มีใครเชื่อว่ามันจะจบลงแค่นั้น แน่นอนมันต้องมีตอนต่อๆ ไป ซึ่งฉันจะเล่าตามความพอใจของฉันเพราะตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้วแยกตัวเองไปอยู่กับลูกไม่ต้องกังวลเรื่องสามีให้กวนใจอีกต่อไป คอยติดตามนะคะ
เล่นเสียวกับหัวหน้า 2
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านในตอนเย็นของวันนั้น(ก็วันที่โดนล่อกลางวันแสกๆในที่ทำงานไง) ฉันนั่งคิดไปตลอดว่าเราเริ่มสนิทกันก็จริงแต่ก็ไม่ถึงเวลาที่จะต้องอย่างนั้นจะว่าฉันไปยั่วเค้ารึก็เปล่าก็พูดคุยกันธรรมดา ที่คิดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่ประสาเรื่องทำนองนี้หรอกนะแม้ว่าจะช่ำชองแต่ยอมรับจริงๆ ว่าคิดไปไม่ถึงและไม่ทันได้คิด (แต่เค้าทำซะแล้ว) ไวเป็นบ้าและยอมรับว่า “นายแน่มาก”
ก่อนนอนเค้ายังโทร.ไปคุยโน่นคุยนี่เสียมากมายซึ่งปกติเค้าไม่ค่อยได้โทร.ไปหรอกยกเว้นนานๆ ครั้งที่มีเรื่องด่วนเกี่ยวกับงานแต่ครั้งนี้ชวนคุยมากขึ้นในน้ำเสียงมิใช่เป็นการซ้ำเติมหรือเยาะเย้ยหรือก็เปล่า ซ้ำออกจะเป็นห่วง(หรือหวง)เสียมากกว่า ฉันจะคุยนานก็ไม่ได้ทั้งๆ ที่อยากจะคุยอยากจะถามเรื่องที่คาใจ แต่ก็กลัวผิดสังเกตคนในบ้านแม้ว่าสามีจะไม่อยู่ก็ตาม
เช้าวันใหม่ฉันรีบแต่งตัวไปทำงานแต่เช้าส่วนเค้าอยู่บ้านพักจะมาเช้าเมื่อไหร่ก็ได้เพราะบ้านอยู่บริเวณเดียวกันกับที่ทำงาน และในวันใหม่เค้าก็มาเช้าเหมือนกันในฝ่ายที่รับผิดชอบคนที่มาเช้าที่สุดก็ไม่น้อยกว่า แปดโมงเพราะเป็นหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับเอกสารไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยจึงมาเวลาปกติของราชการได้คือ แปดโมงครึ่ง
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานปรากฏว่าหัวหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ โต๊ะของฉันแล้วดูเค้าสดชื่นมากฉันก็วางตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทีแรกเค้าก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมฉันจึง “นิ่ง” อย่างนี้ เค้าคงอยากจะรู้ว่าสีหน้าฉันวันนี้จะเปลี่ยนไปจากเมื่อวานมากแค่ใหนแต่คงต้องผิดหวังเพราะฉันก็วางตัวปกติเหมือนเดิม (แต่เค้าไม่รู้ในใจฉันว่ามันตุ้มๆ ต่อมๆ แค่ใหนยามเมื่อสบตาเค้า)
“เจ๊...เป็นไงบ้างนอนหลับสบายมั๊ยเมื่อคืน” เค้าเริ่มถามประโยคแรกเป็นการหยั่งเชิง
“สบายดีแล้วตัวเองล่ะมีอะไรหรือเปล่าเห็นรีบโทร.ไป ความจริงก็พบกันทุกวันอยู่แล้ว อ้อ.แล้วทำไมมาทำงานเร็วนักล่ะวันนี้” ฉันทั้งตอบทั้งถามทีเดียวเสร็จ
“ก็มันนอนไม่ค่อยหลับเลยต้องอาบน้ำมาทำงานก่อนเวลาหน่อย..เผื่อจะได้มีเพื่อนคุย” หัวหน้าดูท่าทางนอนไม่หลับจริงก็เห็นแววตาออกแดงๆ
“จะเอากาแฟมั๊ยจะไปชงให้” ฉันพยายามตัดบทแต่ไม่ใช่รำคาญหรอกนะ เป็นมารยาทที่ฉันจะชงกาแฟให้เค้าเสมอ
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยเช้านี้”
ในจังหวะที่ฉันเดินหันหลังและกำลังชงกาแฟซึ่งต้องหันหลังให้เค้าอยู่นั้น จู่ๆ เค้าก็เข้ามากอดจากด้านหลังพร้อมทั้งจูบที่ติ่งหูและใบหน้าเบาๆ เล่นเอาฉันขนลุกซู่ตั้งแต่เช้า ถึงกระนั้นฉันก็ต้องเตือนเค้าแรงๆ เพราะเดี๋ยวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ
“ไม่เอานะตัวเอง...ออกไปก่อนเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าก็จะเป็นเรื่องทันที” ได้ผลฉันพูดด้วยสีหน้าจริงจังเค้าก็ยอมมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมใกล้ๆ ฉัน ไม่นานใกล้ๆ เวลาแปดโมงเด็กๆ ในห้องก็เริ่มทยอยมาทำงาน การสนทนาที่ขาดๆ เกินๆ ในเช้าวันนี้เป็นอันยุติลง
ถึงตอนเที่ยงอีกแล้วเป็นตอนเที่ยงที่ฉันหวั่นใจมากที่สุด โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วยหลายๆ คนมักจะขออนุญาตไปโน่นไปนี่ (รวมถึงกลับบ้านตั้งแต่ทานข้าวเที่ยงเสร็จ) ฉันก็เหมือนกันวันนี้เป็นวันศุกร์สามีต้องกลับมาแน่นอนในวันนี้ หากเกิดหัวหน้าเงี่ยนขึ้นมาล่อฉันตอนเที่ยงอีกถึงตอนเย็นน้ำในรูที่คาอยู่ก็คงฟ้องเจ้าของมันแน่ๆ คิดแล้วกลุ้มจริง จะหนีไปใหนก็ไม่ได้เพราะสองวันนี้ (คือเมื่อวานกับวันนี้) นัดให้เค้าติววิชาที่จะสอบในวันเสาร์พรุ่งนี้ด้วย ดังนั้นจึงต้องวัดดวงเอาว่าเที่ยงนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“เอ้านักเรียนโข่ง เตรียมตัวติวเข้มได้แล้ววันนี้ครูต้องรีบเพราะนัดเพื่อนไว้เดี๋ยวบ่ายโมงเค้าจะมา” หัวหน้าเรียกฉันเข้าไปในห้องเค้าปนเสียงแซวเรื่องนักเรียนโข่ง ฉันเริ่มหายใจทั่วท้องมากขึ้นเพราะคิดว่าวันนี้คงไม่ติววิชาเมื่อเที่ยงวานแน่นอน
เมื่อเค้าติวเสร็จดูเหมือนเค้ารีบร้อนจริงๆ จนเหมือนว่าเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นเลยยังงั้นแหละ ฉันเองก็อดแปลกใจและปนดีใจไม่ได้ แต่แล้วฉันก็ดีใจอยู่ได้แป๊บเดียวเพราะว่าในไม่ช้าเรื่องคงมากกว่าเมื่อวานอีก
“เจ๊จ๋า....พรุ่งนี้เจ๊สอบเสร็จช่วงบ่ายใช่มั๊ย บอกที่บ้านว่าไปฉลองสอบเสร็จแล้วค้างบ้านเพื่อนนะ รายละเอียดเดี๋ยวจะโทร.ไปบอก” เค้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เผ่นลงมาข้างล่างสตาร์ทรถพรืดเดียวขับออกไปกับเพื่อนไปใหนก็ไม่รู้ ส่วนที่เค้ามั่นใจว่าฉันค้างคืนที่อื่นได้เพราะฉันเคยเล่าให้เค้าฟังว่าฉันมีเพื่อนที่สนิทที่เรียนด้วยกันและไปปรึกษาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆ หลายๆ เรื่องโดยไปนอนบ้านเค้าซึ่งต่อมาเพื่อนคนนี้จะเป็นคนที่รู้เรื่องของเราสองคนได้ดีที่สุด
“เวลาทุ่มหนึ่งเค้าไปรับเจ๊ที่......แล้วจะไปที่หาดแก้วรีสอร์ทนะ ไม่ต้องจองหรอกห้องว่างเยอะ......ฯลฯ” เค้าสาธยายมาเป็นฉากๆ ฉันงี้หน้าร้อนผ่าวจะปฏิเสธก็กลัวเค้าโกรธจึงคิดว่าเอาไงเอากันมาไกลขนาดนี้แล้ว ในใจคิดเลยเถิดไปว่าคืนนี้ตัวกรูต้องโดนเต็มรูปแบบแน่ๆ เลย ส่วนเรื่องสามีนั้นไม่เคยคิดกังวลเลยถ้าฉันนอนที่บ้านเค้ามีอารมณ์ก็เอาเลย ไม่มีอารมณ์ต่างคนต่างนอน แต่กับคนใหม่นี้มันตื่นเต้นและเร้าใจคอยท่าอยู่แล้ว
ฉันรอหัวหน้าอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ในเมืองโดยไม่ลืมเตี๋ยมกับเพื่อนสนิทว่าหากมีใครโทร.ไปหาให้โกหกว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ซึ่งก็ไม่ยากเพื่อนบอกไม่มีปัญหาเพราะเพื่อนก็โกหกแฟนเขาบ่อยเหมือนกันเรียกว่าเซมๆ ขณะที่ฉันขึ้นรถหัวหน้าเวลาก็ทุ่มกว่าๆ แล้วด้วยเหตุที่เป็นฤดูฝนท้องฟ้าจึงมืดสนิทแล้วบวกกับรถหัวหน้าติดฟิล์มกรองแสงเสียค่อนข้างทึบจึงไม่เป็นห่วงเรื่องคนจะมองเข้ามา ว่าแล้วเค้าก็ดึงตัวฉันเข้าไปกอดพร้อมหอมแก้วหนึ่งฟอดโดยเรียกสรรพนามฉันเสียใหม่ว่า “ที่รัก” ฉันฟังดูจักจี้ดีเหมือนกันเพราะยังไงๆ สามีที่บ้านก็ไม่เคยเรียกอยู่แล้วจึงปล่อยเลยตามเลย
“ตัวเองมีธุระอะไรกับเค้าหรือค่ำมืดอย่างนี้ยังจะมาชวนนั่งรถเที่ยวอีก” ฉันแกล้งทำเป็นอินโนเซ้นท์
“ไม่มีอะไรหรอกอยากมีเวลาอยู่กันสองคนโดยที่ไม่มีคนอื่นคอยมองก็เท่านั้นเอง” เค้าพูดๆ ไปอย่างนั้นเองที่จริงแล้วมันก็เรื่องอย่างว่าทั้งนั้นแหละลงผู้หญิงขึ้นรถผู้ชายอย่างนี้รับรองร้อยทั้งร้อยไม่รอดหรอก
“งั้นคุยธุระในรถกันก็ได้นี่อยู่กันสองต่อสองแล้วไง” ฉันออกลีลาตีกรรเชียง
“ไม่ได้หรอกมันไม่ถึงอกถึงใจ”
“ถ้างั้นคงไม่ใช่คุยธุระเสียละมั้ง” ฉันกระเซ้าต่อ ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าประตูโรงแรมแล้วผ่านเลยไปยังห้องพักที่เรียกว่า “รีสอร์ท” เพราะสร้างแยกไว้ต่างหากจากตัวโรงแรม โดยรีสอร์ทที่ว่านี้แยกเป็นหลังๆ มีห้องน้ำในตัวเสร็จ และดูเหมือนว่าเจ้าหัวหน้าของฉันจะชำนาญสถานที่นี้ค่อนข้างมากเห็นจอดทักทายคนเฝ้าประตูอย่างค่อนข้างสนิท คนเฝ้าประตูก็ยิ้มให้หน่อยๆ เหมือนรู้ทันว่าพาเหยื่อรายใหม่มาอีกแล้วถึงว่าทำไมคนก็ไม่ขี้เหร่และค่อนข้างพร้อมแต่ไม่แต่งงานเสียที ความจริงมัวแต่หลอกฟันหญิงไปเรื่อยๆ นี่เอง
“เข้าไปข้างในล้างหน้าล้างตาเสียก่อนก็ได้นะ” เค้ารีบเชื้อเชิญอย่างมีมารยาท
“ไม่เป็นไรค่ะ นิดเพิ่งอาบน้ำมาเมื่อครู่นี่เอง” ว่าแล้วฉันก็เอากระเป๋าสะพายวางบนโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งสำรวจไปรอบๆ ห้อง มันก็คล้ายๆ กับม่านรูดที่ฉันเคยเข้าบ่อยกับผู้ชายคนก่อนๆ เพียงแต่ว่าที่นี่ดูดีกว่าเท่านั้นเองเรียกง่ายๆ ว่ามีระดับขึ้นมาหน่อยนึง
“จะดื่มอะไรก่อนมั๊ย พอดีติดเป๊บซี่มาสองกระป๋อง” เค้าเชิญชวนให้ดื่มเครื่องดื่มที่ฉันชอบ ฉันเลยคว้ามาเปิดกระป๋องนึง
“ขอบคุณค่ะ ใหนตัวเองว่ามีธุระนิดพร้อมจะฟังอยู่นี่ไง” ฉันแกล้งๆ พูดไปงั้นๆ
แต่เค้าไม่พูดอะไรมากไปกว่าเข้ามากอดฉันเสียแน่นพร้อมทั้งระดมจูบที่ใบหน้าต้นคอซอกหู แล้วก็จูบปาก โดยเค้าสอดลิ้นเข้ามาพันกับลิ้นของฉันซึ่งคราวนี้ฉันตั้งตัวอยู่ก่อนที่จะรับสถานการณ์ที่คาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็สนองเค้าเต็มที่โดยไม่พูดไม่จาเหมือนกัน เพราะคิดว่าใหนๆ จะมาหาความสุขด้วยกันแล้วจะมามัวมากเรื่องอยู่ทำไม
“อูย...ยยย....อ๊า...สสสส.....นิดเสียวนะ..ตัวเอง” เมื่อยามที่เค้าถอนปากออกจากปากฉันจึงมีโอกาสเผลอพูดความจริงออกมาจากใจ
“เค้าก็เสียวเหมือนกัน เจ้าควยมันแข็งโด่จนปวดไปหมดแล้ว รอคู่มันอยู่ตั้งนาน” เค้ายิ่งพูดเร้าอารมณ์ ส่วนมือนั้นตะปบไปที่สองเต้าของฉัน แล้วเปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างหนึ่งแกะเม็ดกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉันออก ซึ่งก็ไม่ยากไม่นานเสื้อก็โดนเหวี่ยงไปบนเตียงคราวนี้ก็เป็นคิวของกางเกงซึ่งฉันชอบนุ่งกางเกงที่ตัดแบบหลวมๆ เพราะมันใส่สบายดี ดังนั้นจึงไม่ยากเช่นกันที่มันจะหลุดออกไปจากเรียวขาของฉันแล้วไปกองรวมอยู่กับเสื้อเมื่อสักครู่ เวลานี้ฉันจึงเหลือแต่บราเซียสีเนื้อและกางเกงในสีดำ ห่อหุ้มร่างกายที่ขาวโพลนของฉัน เค้าเห็นฉันอยู่ในสภาพอย่างนั้นยิ้งกระตุ้นให้เค้ามันเขี้ยวเพิ่มขึ้นสังเกตได้จากการกุลีกุจอถอดเสื้อกางเกงเค้าออกอย่างรวดเร็วรวมทั้งกางเกงในด้วยจึงเห็นท่อนควยเค้าชี้เด่มาที่หน้าฉันเหมือนกำลังท้าทายคู่ต่อสู้ให้มาโรมรันกันเสียไวๆ
“เค้าทนไม่ไหวแล้ว..อยากเย็ดเจ๊เหลือเกิน อยากมานานแล้ว เมื่อวานยังไม่หายอยากเลย” หัวหน้าสารภาพออกมาด้วยเสียงอู้อี้ๆ เนื่องจากขณะนี้ทั้งปากทั้งจมูกมัวสาละวนอยู่กับร่องอกของฉันทั้งๆ ที่มีเสื้อในปกปิดอยู่
ฉันเกือบจะขาดความมั่นใจเมื่อเค้าลากหน้าจากร่องอกผ่านมายังหน้าท้องเนื่องจากหน้าท้องของฉันค่อนข้างหนาและแตกลายงาจากการที่ต้องแบกท้องเจ้าสามตัวนั่นชนิดติดๆ กันสามปีสองคนประมาณนั้นก็เลยไม่มีเวลาฟื้นและฟิตหุ่นจนปล่อยให้พอกพูนจนแก้ยังไงก็แก้ไม่หาย ดีที่ฉันมีดีอย่างอื่นจึงมัดใจเค้าไว้ได้สิบกว่าปีซึ่งจะเล่าในตอนต่อๆ ไป
“นิดเสียวนะอย่าเอานิ้วแหย่เข้าไปตรงนั้น ที่เม็ดแตดนิดก็ด้วยมันเสียวมากจ๊ะ” ฉันสารภาพออกมาตรงๆ พร้อมกับเสียงครางไม่ได้สรรพเมื่อเค้าตะปบลงไปที่โคกสามเหลี่ยมอันมหึมาของฉันพร้อมกับใช้นิ้วกลางแหย่เข้าชักออกเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่อยู่อย่างนั้นตั้งนานสองนาน
ฉันบิดตัวเร่าๆ พร้อมกับหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาเป็นระยะๆ จนสังเกตได้ชัดว่าน้ำฉันมันมากจริงๆ บางครั้งเรียกว่ามากเกินความจำเป็น (ก็ที่จำเป็นเฉพาะคอยหล่อลื่นหัวควยให้เข้าไปในรูได้สะดวกเท่านั้นมิใช่หรือ) เหมือนยิ่งเพิ่มความกำหนัดให้เค้าเพราะในนาทีนั้นเองเค้าก็ปลดตะขอบราของฉันพร้อมกับดึง กกน.ให้หลุดออกจากสะโพกสุดเสียงสังข์ในเวลาต่อมา ซึ่งดูเหมือนเค้าจะอึ้งและทึ่งในความใหญ่ของหน้าอกและเนินสามเหลี่ยมของฉันไม่น้อยเพราะเค้าหยุดขยำและขยี้ฉันไปชั่วครู่โดยได้แต่มองเพียงอย่างเดียว
ด้วยเหตุที่ฉันมีลูกแล้วสามคนและมีผัวแล้วมากกว่าสามคนจึงทำให้เครื่องเคราของฉันมันอล่างฉ่างไปเสียทุกส่วน นมที่แม้ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ได้ส่วนกับหน้าอกแต่ที่ผู้ชายชอบนักหนาคือหัวนมสีน้ำตาลคล้ำๆ ที่มีหัวนมใหญ่ขนาดนิ้วโป้งผู้ชายซึ่งสังเกตผู้ชายคนใหนๆ ก็ชอบดูดนมฉันครั้งละนานๆ ที่สำคัญมันไม่เหลวและไม่หย่อนยานซึ่งน่าจะค้านกับการใช้งานที่หนักเอามากๆ ส่วนบริเวณสามเหลี่ยมอย่างที่บอกมันก็ใหญ่ตามความใหญ่ของสะโพกไปโดยปริยายที่สำคัญมันนูนเหมือนหลังเต่าซึ่งแต่ใหนแต่ไรฉันไม่กล้าสวมชุดว่ายน้ำหรือชุดเต้นแอโรบิกเลยเนื่องจากมันจะนูนออกมาจนเห็นร่องเป็นพูอย่างชัดเจนฉันกลัวคนเห็นแล้วเกิดมันเขี้ยวเข้ามาจับและขยำตรงส่วนนั้นฉันคงไม่รู้เอาหน้าไปไว้ใหน บนสามเหลี่ยมอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นมีร่องที่ค่อนข้างคล้ำเนื่องจากการใช้งานที่หักโหมที่สำคัญคงจะเนื่องจากการเสียดสีบ่อยและนานวันจึงเกิดเป็นปีกห้อยทั้งสองข้างเมื่อยามโดนดูดมันจะโป่งพองมีเลือดมาหล่อเลี้ยงบวมเป่งผู้ชายที่เย่อฉันบอกว่าเซ็กส์ซี่มากแต่ฉันไม่คิดยังงั้น ฉันกลับกลัวเมื่อยามที่ใครคนนั้นดูดไปดูดมาเกิดมันเขี้ยวแล้วกัดส่วนนั้นฉันคงตายแน่ๆ เรื่องสำคัญที่ฉันผูกใจผู้ชายที่เย่อฉันไว้เกือบทุกคนส่วนใหญ่ลืมฉันไม่ลงต้องหาโอกาสมาเย่อใหม่คือ เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ไปทำรีแพร์มาใหม่เรียกว่าฟิตเกือบซิงๆ ขนาดควยหัวหน้าซึ่งไม่ถือว่าใหญ่หากเทียบกับลำควยที่ผ่านๆ มาแต่วันนั้นยังเข้ายากเลยแม้จะมีน้ำเงี่ยนมาช่วยไว้เยอะแล้วก็ตามก็เพราะเหตุความฟิตนี่เอง จึงนับเป็นความโชคดีของหัวหน้าไปที่เหมือนได้ล่อสาวซิงบ่อยๆ เกี่ยวกับเครื่องเคราที่โหนกนูนของฉันนั้นความจริงมันรกไปด้วยพงหมอยซึ่งขึ้นเหมือนป่าอะเมซอน เพราะมันขึ้นไปถึงรูตูดฉันต้องเสียเวลาตกแต่งในแต่ละเดือนไม่ใช่เล่นไม่งั้นคงหารูไม่เจอ ส่วนอีกอวัยวะที่ฉันคิดว่าสำคัญสุดๆ ในการมีเซ็กส์ของฉันในแต่ละครั้งคือ เม็ดแตด ซึ่งเหมือนพระเจ้าประทานมาให้คือของฉันมันจะโผล่อยู่ตลอดเวลาไม่ต้องรอให้ของขึ้นหรือต้องปลิ้นมันออกมาถึงจะเห็น ของฉันมันจะชี้เด่อยู่อย่างนั้นและขนาดก็ไม่น้อยเท่าปลายก้อยของผู้หญิง คนโบราณจึงพูดทีเล่นทีจริงว่าผู้หญิงที่แตดโผล่ออกมาอย่างนั้นให้สังเกตที่ฟันของหล่อนหากฟันเหยินออกมาเล็กน้อยหรือทางใต้เรียกว่าฟันทูน (คือฟันเกนิดๆ) เกือบร้อยทั้งร้อยถ้าคุณขอดูหีแล้วเค้าให้คุณดูรับรองแตดล่อ(แตดโผล่)ทั้งนั้น แล้วผู้หญิงประเภทนี้คุณเอ๋ยร้อยทั้งร้อยเหมือนกันเซ็กส์จัดทั้งนั้นด้วยเหตุที่แตดของหล่อนจะสัมผัสและถูไถก่อนส่วนอื่นเสมอและส่วนนี้ก็ไวต่อความรู้สึกของผู้หญิงส่วนใหญ่รวมทั้งฉันด้วย
เค้าใช้ใบหน้าและจมูกไซร้มาถึงหน้าท้องแล้วเลยมาที่จุดยุทธศาสตร์เมื่อถึงเนินสามเหลี่ยมเค้าใช้สองมือแหวกแคมออกนิดหน่อยแล้วแลบลิ้นยาวแหย่เข้าไปในโพรงหีของฉันสลับกับการลากลิ้นขึ้นลงที่บริเวณปากแคมทั้งสองจนฉันต้องบิดตัวไปมาด้วยความเสียวพร้อมๆ กับหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาเป็นระยะ
“อูย....ยยยย...ซี๊ด..ดด..สสส....อืม..มมมม...นิดเสียวมากเลยค่ะ...ตัวเอง” ฉันเผลอพูดออกมาพร้อมครางเสียงดังมากบางครั้งก็นึกอายได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองจนเกือบห้อเลือด ก็มันเสียวจริงๆ นี่คะ
“ว้าย....ซี๊ด...ดดด....อูยยยยย......”ฉันตกใจเมื่อหัวหน้าดูดตรงเม็ดแตดผลุบเข้าไปในปากพร้อมๆทั้งดูดแคมที่ห้อยเข้าไปในปากพร้อมๆ กัน จนฉันต้องกึ่งลุกกึ่งนั่งขึ้นมาดูว่าอีตาคนนี้ทำอะไร ก็ฉันกลัวเค้าจะกัดแตดและแคมของฉันนี่เกิดมันเขี้ยวขึ้นมาจะทำยังไง แต่เมื่อรู้ว่าเค้าไม่ได้กัดฉันก็เบาใจนอนลงไปตัวงอบิดตัวไปมาเพราะความเสียวสุดๆ
“อูย....ยย..อย่าทรมานนิดเลย ทำเถอะ นิดทนไม่ไหวแล้ว เย็ดนิดเถอะค่ะ” เมื่อยามที่ฉันมีอารมณ์สุดๆ ฉันจะพูดหยาบคายทำนองนี้เหมือนกันเพราะมันได้อารมณ์ทั้งของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเหมือนไปกระตุ้นต่อมความอยากของผู้ชายให้เพิ่มขึ้น
“ได้ครับเค้าจะทำให้เจ๊มีความสุขที่สุด”
ในขณะที่พูดเค้าไม่ยอมหยุดการกระทำดูเหมือนว่าเค้าจะกระหายหีมาพอสมควรหรือเจอหีใหม่ก็ไม่รู้จึงได้ดูดๆ เลียๆ เหมือนคนตายอดตายอยากมาจากใหนจนน้ำเงี่ยนของฉันรวมกับน้ำลายของเค้าเลอะเปื้อนหน้าขาเต็มไปหมด จนฉันต้องเอาผ้าขนหนูของโรงแรมมาเช็ดออกบ่อยๆ
เมื่อเค้าเลีย ดื่ม กิน น้ำตรงส่วนนั้นของฉันจนหนำใจแล้วเค้าก็ยกขาทั้งสองข้างของฉันให้พาดบ่าเค้าพร้อมทั้งใช้เข่าทั้งสองข้างของเค้ากระแซะให้ขาของฉันถ่างออกเล็กน้อยขณะนี้ควยของเค้าอยู่ห่างจากหีของฉันไม่เกินหนึ่งนิ้วแสดงว่ามันพร้อมจะมุดรูอยู่รอมร่อ แทนที่เค้าจะสอดใส่พรวดเดียวเหมือนคนอื่นแต่เค้าก็มีวิธีแกล้งฉันสารพัด โดยเอาส่วนที่เป็นหัวหยักถูไถไปกับร่องเสียวโดยเฉพาะไปดุนเม็ดแตดที่บวมเป่งของฉันมันทำให้ฉันทรมานมาก
“โอย....ซี๊ด....เค้าเสียวหีมากเลยค่ะ....ใจจะขาดแล้ว..อย่าแกล้งเค้าเลย...อูย...ซี๊ด..ดด..สสส.....เย็ดนิดเถอะนะคะ...ที่รัก” ฉันอ้อนวอนจากใจ
“โอเคเลยครับ..เค้ารอเวลานี้มานานแล้ว..ก่อนหน้านี้ได้แต่ชักว่าวโดยนึกถึงตูดเจ๊ทุกครั้ง...แต่คราวนี้ได้เย็ดของจริงแล้ว...มันเป็นโคตรหีจริงๆ...อย่างนี้ต้องเย็ดประจำซะแล้ว...นี่แน่ะๆๆ” ว่าแล้วเค้าก็จ่อหัวควยกระแทกเข้าไปชนิดเงี่ยนสุดๆ แต่มันไม่เข้าเนื่องจากฉันไม่ค่อยได้มีกิจกรรมบ่อยนัก มันจึงไปติดอยู่แค่หัวหยักแต่เค้าก็พยายามดัน ดัน และดันอยู่พักนึง จนในที่สุดเมื่อเจอน้ำเงี่ยนทั้งของฉันและของเค้าก็เข้าพรวดเดียวไปกระแทกมดลูกเลย แล้วเค้าก็เริ่มกระเด้าๆ แซะซ้าย แซะขวาสลับกับแทงเฉียงๆ ขึ้นบน ลงล่างตามความชำนาญของเค้า จนผ่านไปไม่นานฉันตัวเกร็งสุดๆ กอดเค้าไว้แน่นมือทั้งสองก็จิกลงบนแผ่นหลังของเค้าเป็นสัญญาณแสดงว่าฉันเสร็จแล้วครั้งที่หนึ่ง เค้าคงรู้เพราะว่าในรูฉันเริ่มตอดหัวควยเค้าตุบ ๆ แต่ดูเหมือนเค้าจะอึดไม่น้อยปล่อยขาฉันลงจากบ่าเค้าข้างนึงแล้วเหลือขาของฉันอีกข้างที่อยู่บนบ่าเค้าทำให้ฉันอยู่ในท่าตะแคงเค้าก็ตะบันในท่ายกล้อข้างเดียวอยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาทีซึ่งฉันมีความรู้สึกว่าท่านี้ควยเค้าเข้าลึกสุดๆ และทำให้ฉันเสียวสุดๆ เช่นกัน จนฉันเริ่มตัวเกร็งอีก
“อูย...ซี๊ด..ดดด..สส...แรงๆ ก็ได้ค่ะ....เร็วๆ ด้วย...ซอยลึกๆ ค่ะ นิดชอบ” แทนที่ฉันจะเก็บความรู้สึกไว้ในใจ แต่ฉันก็บอกเค้าจนหมดว่าฉันต้องการอย่างไร ดูเหมือนเค้าก็สนองฉันเต็มที่ด้วยการซอยลึกๆ จนฉันต้องกอดและจูบปากเค้าหนักหน่วง มันเป็นการสมสู่ที่เร้าใจฉันมากที่สุดครั้งหนึ่ง เหมือนเค้าจะรู้ใจฉันจริงๆ ว่าฉันอยากได้อย่างไรเค้าก็สนองโดยไม่ต้องบอก อา....ฉันเจอแล้วคนที่เป็นคู่เย็ดที่แท้จริงของฉันแล้ว
“ผมไม่ไหวแล้วนะ...โอย...เสียวควยอะไรอย่างนี้...หีเจ๊ทำไมตอดดีอย่างนี้..ตั้งแต่เย็ดหีมาไม่เคยเจอหีใครที่เย็ดมันส์.อย่างนี้มาก่อนเลย อูย...น้ำจะแตกแล้ว....โอย....แตกแล้ว” เค้าเร่งกระเด้าลึกอยู่สี่ห้าครั้งน้ำควยขาวขุ่นก็ทะลักเข้าข้างในโพรงหีฉันเต็มไปหมดจนต้องหยดออกมาถึงง่ามตูดของฉัน โดยฉันไม่ต้องกังวลถึงการตั้งท้องเพราะฉันปิดโรงงานตั้งแต่คลอดลูกคนที่สามแล้ว
“ว้าย....ยย....ซี๊ด..ดด....อูย....ผัวขา...เค้าก็ออกแล้วเหมือนกัน” ฉันกอดเค้าแน่นเหมือนกลัวเค้าจะหนีไปใหนแล้วเราก็นอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนควยเค้าเหี่ยวแล้วหลุดออกมาจากหีฉันเองจึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ