สาวน้อยคาเฟ่...
ในยุคที่คาเฟ่กำลังฮิต ผมกับเพื่อนๆ กลายเป็นลูกค้าตัวยงไปเลยครับ เที่ยวคาเฟ่จนติดงอมแงมเหมือนติดยาบ้าหรือติดการพนัน คืนไหนไม่ได้ไปดูนักร้องสาวสวยกระโดดโลดเต้นบนเวทีอวดขาอ่อนขาวๆ ก็หงุดหงิดจนนอนเกือบไม่หลับ มีอาการทุรนทุรายเหมือนจะลงแดงเสียให้ได้
ว่าแต่นักร้องสาวๆ นี่มีเสน่ห์เรียกแขกตรงไหนล่ะ?
โธ่ เอ๊ย! ถึงไม่บอกก็คงรู้หรอกน่า นอกจากสวยเซ็กซี่ที่ดึงดูดใจเสี่ยหนุ่มกับป๋าแก่แล้ว ลีลาบนเวทีของคุณเธอยังมีเสน่ห์เหลือกินเหลือการละครับ
ในที่สุดผมก็มาติดแหง็กอยู่ที่คาเฟ่ใกล้ๆ บ้านแถวๆสีลมนี่เอง!
ที่นั่นมีวงดนตรีคึกคักกว่าคาเฟ่แห่งอื่นๆ ในย่านนั้น ซึ่งมีแต่อีเลคโทนตัวเดียว...นักร้องสาวสวยอื้อซ่าบรรยากาศดีมีระดับ ถึงราคาจะสูงกว่าที่อื่นนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะเที่ยวแล้วสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าตอนดึกๆ จะมีรายการแก้วบิน ขวดบินห้ามหัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และที่นี่ผมได้รู้จักดาวประจำคาเฟ่ คือน้องแพร
ความโชคดีของผม จนถูกเพื่อนๆแซวว่าได้แฟนสวยระดับยอดดารา ชื่อน้องแพร...สูงยาวเข่าดี มีพวกเสี่ยพวกป๋าเอาเงินมาทุ่มเดือนละเป็นแสน ไหนจะพวก "พ่อเลี้ยง" กับ "นายหัว" ต่างมาติดพันพร้อมสัญญาจะจ่ายไม่อั้น ทั้งซื้อรถป้ายแดง ซื้อคอนโดฯ ชั้นดีให้ แต่เหมือนสาวน้อยจะรู้ทัน รับปากส่งๆไป แต่ก็ยังมาพัวพัน จนน้องแพรเธอสับหลีกแทบไม่ทัน
ซึ่งมองตามมุมแล้ว ผมที่เป็นแค่พนักงานต๊อกต๊อยประจำบริษัทคงจะสู้บรรดา ป๋าๆกะนายหัวกระเป๋าหนักไม่ได้
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ น้องแพรกลับเลือกผมเป็นยอดชายประจำใจเธอเฉยเลย!
สรุปว่าผมได้แฟนนักร้องชื่อแพร เช่าห้องอยู่หน้าคาเฟ่นั่นแหละ ต้องยอมรับว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดใจไปสารพัด ไม่ว่าหน้าตาสะสวย เรือนร่างของสาววัย ๑๘ อรชรอ้อนแอ้นสมส่วน โดยเฉพาะกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน ไม่ก๋ากั่นเหมือนนักร้องหลายๆคนที่ผมรู้จัก
ผมไปหาเธอที่ห้องชั้นสองใกล้ๆ บันได หน้าต่างเปิดออกไปสู่ลานจอดรถ มีห้องน้ำเล็กๆ ผิดกว่าห้องเช่าส่วนมากในย่านนั้นที่ใช้ห้องน้ำรวม
เท่าที่ดูจากตู้เตียง โต๊ะเก้าอี้และชั้นวางของที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสารพัดอย่าง พอจะเดาได้ว่าแพรมาเช่าห้องอยู่ที่นั่นเกือบปีมาแล้ว ผมไปมาหาสู่เธอราวสามเดือน แพรเล่าว่าเป็นสาวจากภาคอีสานตอนบน เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นนักร้องคาเฟ่ไปเยี่ยมบ้าน แล้วชวนมาเที่ยวกรุงเทพฯ และนั่นเป็นการเริ่มต้นอาชีพนักร้องตั้งแต่นั้นมา
บางคืนก็ชวนเพื่อนไปเที่ยว แต่ส่วนมากผมมักจะไปคนเดียว ติดมาลัยน้ำใจให้เธอครั้งละห้าร้อยบาท...รวมแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๔ – ๕ พันบาท
วันไหนว่างตอนกลางวันก็แวะไปหา...เดินผ่านเคาน์เตอร์ชั้นล่าง ขึ้นบันไดไปเคาะประตูเรียกบ้าง ไขกุญแจเข้าไปเลยบ้าง...เรามีความสุขด้วยกันทุกครั้งจนกว่าจะถึงตอนค่ำที่ แพรจะต้องแต่งตัวไปร้องเพลง บางคืนผมก็ตามไปเที่ยวที่นั่น แต่บางคืนก็กลับบ้านเลย
จนกระทั่งถึงวันที่เกิดเหตุที่ผมยังคงสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งบรรยายไม่ถูกว่า...มันน่าสยองหรืออะไรดี!
วันนั้นผมเลิกงานครึ่งวัน และไม่รู้จะไปที่ไหนดี และก็คงไม่มีที่ไหนให้ไป ผมจึงไปหาคนที่คุ้นเคย ห้องน้องแพร
ผมไปถึงห้องแพรราวบ่ายสอง เคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบเลยไขกุญแจเข้าไป...เธอกำลังอาบน้ำเสียงซู่ซ่า อยู่พอดี ร้องออกมาว่า...รอเดี๋ยวนะคะ
ผมถือวิสาสะเข้าไปอย่างคุ้นเคย และเอนร่างบนเตียงมองไปที่หน้าต่างที่มีม่านบางๆ ลายสวยปิดสนิท เปิดเทปฟังเพลงจนเริ่มง่วง แพรก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา มีผ้าเช็ดตัวลายดอกไม้กระโจมอกมาผืนเดียว เธอเดินไปเช็ดเนื้อตัวที่หน้ากระจกก่อนจะชายมามองยิ้มๆ แบบยั่วเย้า พอผมกางแขนแพรก็หัวเราะระริกก่อนจะโผเข้ามาหาอ้อมแขนของผมฉับพลัน...
ผมชื่นชมในตัวของเธอ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกถึงขนาดแข่งให้พวงมาลัยและอวดรวยเสนอของกำนัลเพื่อล่อให้เธอพลีกายมอบความสาวอันสวยสดให้ หรือมอบคำหวานผูกใจเธอเหมือนกับเหล่าพรานราตรีมาดเท่ฝีปากหวานทั้งหลาย และผมเคยคิดว่าผู้ชายอย่างผมคงไม่มีวาสนาที่จะได้สัมผัสหรือลิ้มรสความสาวความสวยงามระดับนี้อย่างแน่นอน แต่ ณ.เวลานี้ คือความจริง เธออยู่ในอ้อมแขนของผม
เธอเบียดกายเข้ามาในวงแขน ชิดและแนบสนิทจนได้กลิ่นเนื้อนางที่สดชื่นลึกล้ำเร้าใจ ผมโอบร่างบางนุ่มนิ่มแนบกับสักส่วนสาวที่เต่งตึง ใจเต้นระทึกทุกครั้งที่ได้สัมผัสแอบอิงเคล้า เป็นความตื่นเต้นหวามหวิวของเลือดลมแห่งวัยหนุ่ม รอยยิ้มละมุนบนใบหน้าราวล่วงรู้ปรารถนาทั้งปวง หากสังเกตจะแฝงความเศร้าบางอย่าง แต่วินาทีนั้นผมไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ด้วยอารมณ์กำหนัดปรารถนาคลุโชนเกินจะพิจจารณาจนกว่าพายุสวาทในอารมณ์จะจบลง
แสงไฟในห้องที่เปิดหรี่เอาไว้ช่วยย้อมอารมณ์ให้กลมกลืนได้อย่างวิเศษ ผมรู้สึกตัวเองเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ทรวงอกอวบอิ่มคือสิ่งที่ผมชื่นชมเป็นพิเศษ ทั้งฟัดทั้งบีบและดูดราวลูกน้องกระหายน้ำนมมารดา และไม่ใช่ดูด ธรรมดาซะที่ไหน ทั้งดูด ทั้งบีบ ทั้งเฟ้น ทั้งชบเบาๆกัดแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว ซึ่งเธอก็ตอบสนองทุกกระบวนท่า ไม่ขัดขืน
ผมละปากจากทรวงอกซุกไซร้ไล่ขึ้นไปตามซอกคอติ่งหูจนมาประกบจูบที่ริมฝีปากบาง ทันที่ปากประกบปากเหมือนไฟฟ้าซ็อต จนชาวูบไปทั้งร่าง ทั้งผมและเธอต่างรู้งานกันดีพุ่งลิ้นพัวพัน เกี่ยวกระหวัดรัดกัน อย่างหวามใจ ช่วงล่างเมื่อจ่อชิดสอดใส่ผ่านเข้าไปได้ ก็ถูกผมกระแทกอย่างเป็นจังหวะ จากเนิบช้า บรรจง ทะนุถนอม จนกระทั่ง กระแทกกระทั้นอย่างเร่าร้อน จนถึงวินาทีสุดท้าย ผมรัวจังหวะเธอเองคงเสียวซ่านจนทนไม่ไหว มือจิกหลังผมฝากรอยเล็บไว้ ส่งเสียงร้องครางครวญกายสะท้านราวคนจับไข้ ผมเร่งกำลังนำทางสู่ฉิมพลีจนกระทั่งไม่กี่อึดใจก็ถึงวิมานสวรรค์ที่หมายมั่น ธาราสวาทพังทำนบจนแตกกระจายฉีดเป็นสายออกมาอย่างมากมาย ซาบซ่านหวามใจ กอดก่ายหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่ออาบกายเปียกโชก สุขสมทั้งสองฝ่าย
หลังจากนั้นเราก็ยังเริงรักกันอีกหลาบรอบ จนสิ้นแรงต่างหลับผล็อยไปถึงเย็น พอตื่นขึ้นมา ผมก็ไม่พบว่าน้องแพรไม่ได้อยู่ในห้องเสียแล้ว...ซึ่งเข้าใจว่าเธอคงจะแต่งตัวออกไปร้านทำผมแล้วเข้า คาเฟ่...
ซึ่งวันนั้น ผมตัดสินใจไม่แวะไปหาเธอแต่ขับรถกลับบ้านเลย
อีกราว ๓ – ๔ วันต่อมาผมโทร.ไปหาพนักงานบอกว่าไม่เห็นแพรมาหลายวันแล้ว! เป็นไปไม่ได้ แพรไม่เคยกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าวนี่นา ผมเลยตัดสินใจบึ่งรถไปหาเธอที่ห้องพัก...แต่แพรไม่อยู่จริงๆ แฮะ ข้าวของต่างๆยังอยู่ครบจนน่าแปลกใจ
ออกไปดื่มเบียร์รอจนถึงเย็นแล้วย้อนไปที่คาเฟ่ ถามพนักงานก็บอกว่าแพรไม่ได้มาที่คาเฟ่ตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว...
“เอ๊ะ!ยังไง?” บรรดานักร้องทยอยกันมาถึงก็ให้คำตอบตรงกัน
ผมมึนงงจนคิดอะไรไม่ออก จะว่าแพรกลับบ้านก็ไม่ได้ลากัปตัน... เธอไปไหนแน่
ย้อนขึ้นไปที่ห้องเธออีกครั้ง...สรรพสิ่งดูเงียบเชียบเยือกเย็นอยู่ในแสงไฟ ผมมองดูภาพถ่ายของแพรที่มองตอบมาเศร้าๆ แล้วใจหาย
คุณพระช่วย! ช่างเหมือนกับจ้องมองนัยน์ตาของภาพถ่ายที่เจ้าตัวตายจากไปแล้ว!
ผมเซซังออกจากที่นั่นด้วยความสับสนมึนงง บ้านเธอที่ต่างจังหวัดผมก็ไม่รู้จัก...
หลายวันต่อมา ผมย้อนกลับไปที่คาเฟ่นั้นอีกครั้ง เรียกเพื่อนๆของเธอมานั่งคุยด้วย และข่าวที่ได้รับก็ทำเอาผมขนหัวลุก เมื่อน้องอ๋อยเพื่อนของน้องแพรให้การว่า
“เอ่อ...น้องแพรถูกยิงตายคารถพร้อมเสี่ยจิน เมื่อคืนก่อนวันที่เธอจะหายตัวไป เพิ่งจะรู้จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์”
ผมใจหายวูบ...เพราะหลังคืนที่เธอจะถูกยิงเสียชีวิตพร้อมเสี่ยคนนั้น ผมกับเธอ....เอ่อ...
“แล้ววันก่อน...อ๋อยเคยเห็นแพรยืนมองมาจากหน้าต่างเมื่อคืนนี้เอง...พอจะถามว่าไปไหน มาก็หายไปแล้ว เมื่อ๒-๓ คืนก่อนก็เห็นแพรมาเดินอยู่หน้าคาเฟ่นี่เอง แต่พอเปิดประตูไปหาก็ไม่ยักเห็น พูดไปนะ อ๋อยยังขนลุกเลยพี่...”
อ๋อยขนลุก แต่ผมกลับเป็นยิ่งกว่า ทั้งสยองและหวาดผวา ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ผมนึกถึงวันสุดท้ายที่แพรออกจากห้องน้ำมาหาผมเป็นครั้งสุดท้ายทีไร นึกแล้วขนหัวลุกเย็นวาบไปทั้งไขสันหลังครับ!
ด้วยไมตรีจิต นีโอ