แสงแดดอ่อนๆในตอนเช้าที่แยงตามันทำให้เล้งเซี่ยวฮุ้น ต้องฝืนลืมตาขึ้นจากการหลับ ความปวดเมื่อยภายในร่างกาย ที่ร้าวระบมไปทั่ว เล้งเซี่ยวฮุ้นค่อยๆลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนั้นมันนั่งอยู่บนเรือประมงเล็กๆลำหนึ่ง สืบเนื่องจากความเบื่อหน่ายในแผ่นดินใหญ่ มันจึงตัดสินใจท่องทะเล ทั้งๆที่มันเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น ผ่านไปวันที่สาม พลันมีพายุพัดโหมกระหน่ำ เข้ามาทุกทิศทุกทาง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรือประมงโดนพายุพัดจนล่มจมลงในที่สุด คนบังคับเรือและลูกเรือ ต่างกระจัดกระจายหายไปในทะเลกันหมด ส่วนตัวเล้งเซี่ยวฮุ้นเอง คว้าไม้ไว้ได้ท่อนหนึ่ง มันกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คลื่นที่พัดโหมกระหน่ำเข้าหาทุกทิศทุกทาง แต่มันกอดท่อนไม้ไว้แน่นประหนึ่งคนที่มันรักมากที่สุด เวลาผ่านไป พายุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หัวของเล้งเซี่ยวฮุ้นหมุนเวียนจนมันรู้สึกมึนงง จนในที่สุดก็หมดสติไป ลืมตาอีกทีตัวมันก็นอนอยู่บนพื้นทรายที่ละเอียด รู้สึกนุ่มนวลยิ่งกว่าผ้านวมใดๆในโลกนี้ เพราะว่าทำให้มันมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง เล้งเซี่ยวฮุ้นนอนลำดับเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะพลิกร่างก้มลงจูบพื้นทราย ตรงที่มันนอนอยู่เป็นเวลาเนินนาน ก่อนที่จะลุกขึ้นมองไปรอบบริเวณ หมู่มวลแมกไม้ที่แปลกตา เขียวขอุ่มเบื้องหน้า มองออกไปไกลเบื้องหลังเป็นขุนเขาสูงตะหง่าน แนวหาดทรายขาวละเอียดนุ่มสบายเท้า ทอดยาวไกลลิบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเกาะร้าง ไกลโพ้นทะเลเกาะหนึ่ง เล้งเซี่ยวฮุ้นค่อยๆเดินลากเท้าเข้าไปยังหมู่แมกไม้เบื้องหน้า ครู่ใหญ่จึงพบเห็นต้นกล้วยป่า ออกผลที่กำลังสุกง่อม มันไม่รีรอตรงเข้าไปทันที ไม่นานนักกล้วยนั้นก็หายหมดลงไปในกะเพาะ บัดนี้เล้งเซี่ยวฮุ้นเริ่มมีพละกำลังขึ้นบ้างแล้ว จึงตกลงใจสำรวจรอบๆเกาะนี้ดูสักเที่ยวหนึ่งก่อน ผ่านไปสองชั่วยาม (ประมาณ 4 ชั่วโมง) มันสำรวจรอบๆเกาะจนทั่ว ไม่พบเห็นผู้คนใดๆ มีเพียงนกหลากหลายชนิดเท่านั้นเอง
เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจใจกลางเกาะที่เป็นขุนเขา ดงไม้หนาทึบ ช่วงบ่ายทั้งวัน มันจึงใช้เวลาสร้างกระท่อมหลังน้อยขึ้นมา เพื่อใช้เป็นที่ซุกหัวนอน ที่ใช้กิ่งไม้ และ ใบมะพร้าวมาคลุม นี่เป็นผลงานครั้งแรกของมัน จึงดูไม่สวยงามเท่าไหร่นัก อย่างน้อยคืนนี้ก็ยังมีที่ซุกหัวนอนไปก่อน ผ่านไปเดือนเศษ ยังไม่มีเรือลำใดผ่านมายังเส้นทางนี้เลย เล้งเซี่ยวฮุ้นใช้เวลาสำรวจจนทั่วเกาะแล้ว ใจกลางเกาะเป็นป่าไม้ทีบ มีน้ำตกหนึ่งแห่ง จึงเป็นแหล่งน้ำดื่มและใช้อาบน้ำได้อย่างดี วันเวลาที่ผ่านไป มันอาศัยจับนกจับปลา หาผลไม้ป่าเป็นอาหาร จนเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อีกทั้งยังปลงตกด้วยว่าชาตินี้ มันคงต้องอยู่เกาะนี้ไปคลอดชีวิตเป็นแน่ เช้าวันหนึ่ง หลังจากที่เมื่อคืนก่อนมีพายุฝนกระหน่ำจนกระท่องน้อยของมันแทบพังทะลาย ก่อนที่จะสงบลง เล้งเซี่ยวฮุ้นเดินทอดน่องไปตามหาดทรายขาวนวล จนกระทั่งไปถึงอีกฟากหนึ่งของตัวเกาะ ทันใดนั้นเอง มันพลันเห็นบางสิ่งบางอย่างเกยที่ริมหาดไกลๆ มันไม่รีรอช้า ใช้วิชาตัวเบาเหินหาวเข้าไปทันที จวบจนมาถึง ที่เบื้องหน้าเป็นร่างของคนสองคน มันดีใจมาก ที่ได้พบเห็นเพื่อนร่วมโลกเดียวกัน จึงรีบเข้าไปตรวจดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ทันทีที่จับต้องร่าง ก็พบว่าเป็นสตรีทั้งคู่ เมื่อมันพลิกร่างนางกลับมา เป็นสตรีอายุประมาณสามสิบเศษ แต่งงานแล้ว อีกนางหนึ่งอายสิบห้าสิบหก ทั้งสองเค้าหน้าใกล้เคียงกัน ดูเหมือนเป็นเจ้ม่วยกัน มันพบว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบทำการรักษาทันที ไม่นานนักนางทั้งสองก็ได้สติขึ้นมา ทั้งสองดีใจมากที่ยังมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งยังได้พบเพื่อนร่วมโลก อย่างเล้งเซี่ยวฮุ้น ทั้งสองได้ช่วยกันเล่าให้ฟังว่า เรือของนางเป็นเรือค้าขาย ครั้งนี้ติดตามบิดามาท่องเที่ยวด้วย มิคาดว่าเจอพายุร้ายพัดโหม กระหน่ำจนเรือล่มสลาย ไม่ทราบว่าบิดา และ ลูกเรือจะมีชีวิตรอดหรือไม่ เล้งเซี่ยวฮุ้นได้แต่ปลอบโยนพวกนาง ทั้งเล่าสภาพของเกาะนี้ให้พวกนางฟังคร่าวๆ ซึ่งทั้งสามคงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ยังไม่ทราบเช่นกัน เล้งเซี่ยวฮุ้นจึงปลูกกระท่อมเพิ่มอีกหลังหนึ่ง ห่างจากที่เดิมไม่ไกลมากนัก โดยมันแยกมาอยู่กระท่อมหลังใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า สตรีทั้งสองเป็นเจ้ม่วยกันดังคาด ผู้พี่มีนามว่าแป๊ะเจ็ง นางเป็นม่ายเนื่องจากสามีเสียชีวิตจากการถูกโจรสลัดปล้นเรือสินค้าฆ่าตาย ส่วนผู้น้องมีนามว่าแป๊ะเง็ก ผ่านไปสิบกว่าวันแล้ว ยังไม่มีหวี่แววของเรือผ่านมายังเส้นทางนี้ให้เห็น
เล้งเซี่ยวฮุ้นเอง ก็ไม่ย่อท้อ มันจุดกองไฟทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน เผื่อว่ามีเรือผ่านทางมาพบเห็นแสงไฟ หรือ ควันไฟกองนี้ เช้าวันหนึ่งขณะที่เล้งเซี่ยวฮุ้น ไปอาบน้ำที่น้ำตกกลางเกาะ ขณะที่มันเปลือยร่างชำระล้างร่างกาย พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ประมาณยามสอง พลันได้ยินเสียงหวีดร้องดังมาจากกระท่อมสองพี่น้อง มันรีบทะยานเข้าไปทันที เมื่อเข้าไปในกระท่อม "เกิดอะไรขึ้น" "เล้งกงจื้อ.... คล้ายกับมีงูเลื้อยเข้ามาในห้องของเรา" ทั้งสองพี่น้องที่ปราศจากวิทยายุทธ ต่างหวาดกลัว รีบเข้ามาโถมกอดเล้งเซี่ยวฮุ้นแนบแน่น โดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันรู้สึกถึงความอบอุ่น โนมเนื้อที่แนบชิดติดร่าง อีกทั้งกลิ่นกายสาบสาวโชยเข้าจมูก จนมังกรในร่างตื่นขึ้นทันที ก่อนที่จะคิดอะไรให้ว้าวุ่นใจต่อไป มันค่อยปลอบประโลม พร้อมพลักร่างทั้งสองออกอย่างนุ่มนวล "ท่านทั้งสองรอสักครู่ ให้ข้าพเจ้าจุดไฟก่อน" เมื่อจุดไฟขึ้นสว่างในกระท่อม มันสอดส่ายสายตาไปทั่ว จึงพบเห็นงูน้อยตัวหนึ่ง กำลังเกี่ยวตวัดพันอยู่ที่ขื่อของกระท่อม จึงใช้ดรรชีจี้ใส่จนงูนั้นตายไป พร้อมกับเขี่ยทิ้งออกไปนอกกระท่อมให้ไกล "ไม่เป็นไรแล้ว ท่านทั้งสองนอนหลับต่อเถิด" ขณะที่มันหันหน้ามากล่าวกับสองพี่น้อง ต้องลอบระงับจิตใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองอยู่ในชุดั้นใน (เอี๊ยม) เท่านั้นเอง เพราะว่าต่างก็มีชุดสวมใส่เพียงชุดเดียว ยามนอนจึงได้ถอดออก มันพึ่งสังเกตว่า ผู้พี่ที่เป็นม่ายแม้ว่าจะอายุสามสิบเศษแล้ว นางยังคงรักษารูปร่างเป็นอย่างดี ปทุมถันที่อวบใหญ่ จนแทบจะหลุดออกมากจากเอี๊ยมที่นางสวมใส่ เอวที่ผึ่งผาย ผิวที่คล้ำเล็กน้อย ส่องต้องกระทบแสงไฟ ส่วนผู้น้องมีรูปร่างที่เล็กกว่า ปทุมถันแทบจะไม่ดันเอี๋ยมออกมาให้เห็น แต่ผิวนางนั้นขาวผมชมพูสล้างต้องแสงไฟ นับว่าเย้ายวนใจได้อีกแบบหนึ่ง "เออ....... เล้ง....เล้งกงจื้อ" เสียงของแป๊ะเจ็งผู้พี่ ทำให้เล้งเซี่ยวฮุ้นตื่นจากภวังค์ มันรีบเบือนสายตาหลบ หน้าแดงด้วยความอาย "ขอโทษด้วยแม่นางทั้งสอง ข้า...ข้าพเจ้าขอตัวไปนอนก่อน ท่านทั้งสองก็นอนพักผ่อนเถิด" มันรีบขยับร่างออกจากกระท่อม กลับไปยังกระท่อมของมันทันที แต่ทว่าคืนนั้นมันนอนไม่หลับ มโนภาพของสตรีทั้งสอง ทำให้จิตใจของมันลุกโชนด้วยความกระหาย มันติดอยู่บนเกาะมาเดือนกว่าแล้ว ไม่ได้ใกล้ชิดสตรีมานาน ยิ่งทำให้มันฟุ้งซ่านมากขึ้น แต่ก็พยายามข่มตาหลับเอาเมื่อตอนใกล้แจ้ง ส่วนสองพี่น้องก็นอนไม่หลับเช่นกัน แป๊ะเจ็งผู้พี่นั้น นางเป็นม่ายมาสองปีแล้ว นางถนอมร่างไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครอื่นอีกเลย นับตั้งแต่สามีนางเสียชีวิตไป ภาพที่นางเห็นเล้งเซี่ยวฮุ้น ที่อยู่ในชุดเสื้อในที่เบาบางตัวนั้น ยิ่งตอนที่นางโถมกอดรัดเล้งเซี่ยวฮุ้น นางเองก็มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน ย่อมทราบว่า มังกรของเล้งเซี่ยวฮุ้นได้ตื่นขึ้นมา ใช้หัวซุกไซ้ทิ่มแทงที่หน้าขาของนาง จนนางเกิดความรู้สึกซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก "เจ็งเจ้..." เสียงแป๊ะเง็กผู้น้องเอ่ยปากถาม "มีอะไรหรือ เง็กม่วย?" "ข้าขอถามเจ็งเจ้สักอย่าง คือว่า..." นางตะกุกตะกัก แป๊ะเจ็งพลิกร่างมาโอบกอดน้องสาว พร้อมกล่าว "มีอะไรหรือเปล่า เง็กม่วย ทำไมไม่พูดต่อ เจ้าบอกมาเถอะ" นางเร่งเร้าให้แป๊ะเง็กกล่าว "ข้ารู้สึกแปลกๆ ตอนที่ถูกเล้งกงจื้อโอบกอด ร่างกายร้อนผ่าวไปหมด ใจเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก" แป๊ะเจ็งเลยถามต่อ "เง็กม่วยรู้สึกชอบพอเล้งกงจื้อหรือไร?" แป๊ะเง็กอายหน้าแดง ทุบอกที่อวบใหญ่ของพี่สาวเบาๆ พร้อมกล่าว "บ้า...เจ็งเจ้ก็ชอบเล้งกงจื้อเหมือนกัน ข้าเห็นเจ็งเจ้ลอบมองเล้งกงจื้อบ่อยๆ" คืนนั้นทั้งสองคนอกกอดกัน พูดคุยเกี่ยวกับเล้งเซี่ยวฮุ้น จนผล่อยหลับไปในที่สุด เล้งเซี่ยวฮุ้นยิ่งคิดถึงเรือนร่างของสองพี่น้อง จิตใจยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้น มังกรของมันลืมตาผงาดขึ้นมา มันอดใจไม่ไหว จึงใช้มือขวากำมังกรไว้ ก่อนที่จะรูดเข้ารูดออก พร้อมจินตนาการถึงสองศรีพี่น้อง ขณะที่เล้งเซี่ยวฮุ้นยืนหลับตา ร่างพิงก้อนหินใหญ่ที่น้ำตก พร้อมกับช่วยเหลือตัวเองอยู่นั้น มันหารู้ไม่ว่า สองพี่น้องได้เดินมาเพื่อจะอาบน้ำเช่นกัน แต่นางทั้งสองพบเห็นเล้งเซี่ยวฮุ้น จึงหยุดร่างแอบดูที่หลังพุ่มไม้ห่างไปไม่ถึงห้าวา แป๊ะเจ็งผู้พี่นั้น มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน นางรู้สึกเหมือนมีอะไรมาชอนไขในถ้ำน้อยของนาง จนนางต้องขมิบถ้ำเป็นการใหญ่ ยิ่งขมิบน้ำในถ้ำยิ่งหลั่งออกมา ใบหน้านางแดงซ่านด้วยความกระหายอย่างเหลือล้น ส่วนแป๊ะเง็กผู้น้อง ผู้ไร้เดียงสาในเรื่องนี้ นางไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายนางร้อนผ่าวไปหมด เมื่อได้เห็นภาพนั้นตรงหน้า ยิ่งสงสัย "เจ็งเจ้.... เล้งกงจื้อกำลังทำอะไร?" "เออ.... " แป๊ะเจ็งรู้ว่า น้องสาวยังไม่ประสีประสาในเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย จึงครุ่นคิดหาคำตอบที่เหมาะสม "เออ... ฮุ้นกงจิ้อกำลังชำระล้างร่างกายอยู่ ก็เหมือนกับเวลาเราสองอาบน้ำ" "อ้อ.... แล้วที่เล้งกงจื้อกำลังชำระล้างเขาเรียกว่าอะไร? ไม่เห็นเหมือนของข้ากับเจ้เลย... " "เออ....นี่เง็กม่วย เจ้าอย่าถามมากนักได้ไหม เดี๋ยวเล้งกงจื้อได้ยินเข้า" ยามนั้นเล้งเซี่ยวฮุ้น หูอื้อตาลาย จึงไม่ได้ยินเสียงสตรีทั้งสองแม้แต่น้อย จนกระทั่งมังกรของมันทนทานแรงเสียดทานไม่ไหว จนยอมพ่นพิษพุ่งกระฉุดออกมา สตรีทั้งสองต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แป๊ะเจ็งนั้นกระสันจนร่างสั่นระริก นางปรารถนาอยากให้มังกรยักษ์ตัวนั้น พ่นพิษใส่คูหาสวาทของนางมากกว่าพ่นพิษออกมาใส่น้ำตกเช่นนั้น ส่วนแป๊ะเง็กนั้นเบิ่งตากว้าง อ้าปากค้างกับภาพที่เห็น แป๊ะเจ็งกลัวว่าเล้งเซี่ยวฮุ้นจะพบเห็น จึงรีบดึงร่างน้องสาวเดินออกมาในทันที จนถึงกระท่อมที่พัก "เจ็งเจ้...น้ำอะไรพุ่งออกมา จากท่อนเนื้อของเล้งกงจื้อ ดูน่ากลัวมาก" "มันเป็นสิ่งที่จะทำให้สตรีมีความสุขได้มากที่สุด" แป๊ะเจ็งรำพันเหมือนคนละเมอ ครุ่นคิดถึงภาพดังกล่าว "อะไรหรือเจ็งเจ้ ความสุข ความสุขอะไร?" "ไม่...ไม่อะไร"
เช้าวันรุ่งขึ้นแป๊ะเจ็งบอกน้องสาวว่าจะไปอาบน้ำ ส่วนแป๊ะเง็กนั้นบอกว่าขออยู่ที่กระท่อมดีกว่า เมื่อไปถึงที่น้ำตก นางจึงค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกจนร่างเปล่าเปลือย แล้วจึงลงไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณเรือนร่างที่อวบอิ่มทุกซอกทุกมุม ยิ่งตอนที่นิ้วของนางลูบไล้ไปที่เนินสวาท นางยิ่งเสียวซ่านจนไม่อาจละมือออก ยิ่งคิดถึงภาพที่มังกรยักษ์ของเล้งเซี่ยวฮุ้นพ่นพิษออกมา นางยิ่งเสียวซ่านมากขึ้น ขณะนั้นเอง นางได้ยินคนเดินย่ำใบไม้ตรงเข้ามา เสียงฮัมเพลงเบาๆ จึงรู้ว่าเป็นเล้งเซี่ยวฮุ้น นางตกใจมาก เลยรีบลุกขึ้น หมายไปเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่ ด้วยความเร่งรีบจึงพลัดลื่นตกลงไปยังช่วงที่น้ำไหลแรง จึงร้องดังขึ้น เล้งเซี่ยวฮุ้นได้ยินเสียง จึงรีบพุ่งร่างเข้ามา เห็นแป๊ะเจ็งกำลังว่ายสู้แรงน้ำที่เชี่ยวกราก จึงกระโดดลงไปช่วยพยุงร่างนางเข้ามายังริมฝั่ง ที่น้ำขังนิ่ง "ขอบ...ขอบคุณเล้งกงจื้อ ที่ช่วยข้าไว้" นางเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก เพราะยังตกใจอยู่ เล้งเซี่ยวฮุ้นที่กอดกระชับเรือนร่างที่อวบอิ่มเปล่าเปลือยอยู่นั้น มังกรยักษ์ของมันพลันตื่นขึ้นทันใด จึงไปเสียดสีที่หน้าขาของแป๊ะเจ็งเข้า "อุ้ย....." แป๊ะเจ็งตกใจยิ่งนัก นึกว่าเป็นปลาว่ายเข้ามาชอนไช จึงรีบเอามือปัด จึงไปเจอมังกรของเล้งเซี่ยวฮุ้นเข้า เมื่อกำเอาไว้ จึงพบว่ามันไม่ใช่ปลา แต่เป็นมังกรยักษ์ที่พ่นพิษให้นางเห็นเมื่อวานนี้เอง นางตกใจนางแดงก่ำ แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือออก "เออ.....แป๊ะโกวเนี้ย ข้า.... ข้า...." เล้งเซี่ยวฮุ้น เองก็ตกใจไม่น้อย ที่เจ้ามังกรร้าย ดันมาตื่นขึ้น แถมยังถูกกำไว้ด้วยมือน้อยๆอีกด้วย แป๊ะเจ็งรู้สึกว่าร่างของนางร้อนรุ่มไปหมด ถึงแม้ว่าจะแช่ร่างอยู่ในน้อก็ตามที นางทนไม่ไหวอีกต่อไป
จึงโอบกอดประกบปากเล้งเซี่ยวฮุ้นในทันใด เล้งเซี่ยวฮุ้นเมื่อโดนจู่โจมเช่นนี้ ก็รู้ว่าแป๊ะเจ็งเองมีปรารถนายิ่งนัก มันเองก็ต้องการเช่นกัน จึงโอบกอดร่างที่อวบอิ่มไว้เช่นกัน ไม่นานนัก ร่างเล้งเซี่ยวฮุ้น ก็เปล่าเปลือยเช่นเดียวกับแป๊ะเจ็งไปด้วย เล้งเซี่ยวฮุ้นตะโบมจูบลูบไล้ปทุมถันที่อวบใหญ่ทั้งสองของแป๊ะเจ็ง จนนางเอนหงายร่าง สูดปากร้องครวญคราง มังกรยักษ์ก็ทิ่มแทงเสียดสีอยู่ที่ปากถ้ำไปมา "เล้ง....เล้งตี๋ ข้า....ข้าไม่ไหวแล้ว ท่านช่วยข้าด้วยเถิด" เล้งเซี่ยวฮุ้นจึงอุ้มร่างแป๊ะเจ็งขึ้นมาจากน้ำ มาที่ก้อนหินใหญ่ที่พื้นราบเรียบดุจเตียงนอนขนาดใหญ่ มันใช้เสื้อผ้าที่ถอดออกปูพื้นลงไป ก่อนที่จะโอบอุ้มร่างแป๊ะเจ็งลงนอน แล้วมันก็โถมร่างตามลงไป ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงหอบหายใจของทั้งสองยิ่งดังมากขึ้น ในขณะที่แป๊ะเจ็งกำลังคุกเข่า มือทั้งสองท้าวที่พื้น ส่วนเล้งเซี่ยวฮุ้นกำลังยืนคล่อมเข้าที่ด้านหลังของนาง "อูววววว....เล้งตี๋...ดี..ดี...โอย....ไม่ไหวแล้ว" "ของเจ็งเจ้ก็ดีจริงๆ......" ทันใดนั้น พลันมีเสียงสอดแทรกเข้ามา "อุ้ย...เจ็งเจ้...ทำอะไร? เล้งกงจื้อด้วย" ทั้งแป๊ะเจ็งและเล้งเซี่ยวฮุ้นตกใจยิ่งนัก เล้งเซี่ยวฮุ้นรีบจะถอนเอามังกรออก แต่แป๊ะเจ็งนั้นใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว นางรู้ว่าน้องสาวต่างวัย ยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้ จึงรีบรั้งร่างเล้งเซี่ยวฮุ้นเอาไว้ พร้อมกล่าว "เง็กม่วย....เล้งกงจื้อ กำลังรักษาข้าอยู่ ข้าโดนพิษ รู้สึกคันในนั้นไปหมด เจ้าอย่าเพิ่งขัดขวาง เพราะการรักษาใกล้ถึงวาระสำคัญแล้ว"
กล่าวจบ รีบหันไปกล่าวกับเล้งเซี่ยวฮุ้นต่อ "เล้งตี๋...ข้าไม่ไหวแล้ว ท่านช่วยข้าต่อเถิด ม่วยม่วยข้านั้น นางไม่ประสีประสาหรอก" พูดพลางก็ขยับร่างเข้าออกช่วยกระตุ้นให้ มังกรร้ายเสียดสีผนังถ้ำสวาทของนางต่อ เล้งเซี่ยวฮุ้นเองเพิ่งจะเคยกระทำเรื่องแบบนี้ ต่อหน้าคนที่สาม ถึงแม้ว่านางยังไม่ประสีประสาก็ตามที แต่ถึงกระนั้นมันเองก็ไม่ขัดใจแป๊ะเจ็ง จึงเร่งดำเนินการต่อ "อูววว......ซี๊ดดด......." แป๊ะเจ็งร้องครวญคราง "เจ็งเจ้ ท่านเจ็บมากหรือเปล่า ให้ข้าช่วยอะไรไหม?" แป๊ะเง็กเข้ามาใช้ผ้าซับเหงื่อที่หลั่งไหลออกมาจากใบหน้าแป๊ะเจ็งให้ มือก็ประโลมลูบไล้หลังแป๊ะเจ็งเบาๆ แป๊ะเจ็งจึงรีบจับมือแป๊ะเง็ก มาที่ปทุมถันที่แกว่งไกวตามแรงกระแทกกระทั้นของเล้งเซี่ยวฮุ้น "เจ้าช่วยบีบขยำให้ข้าหน่อย บีบขยำแรงๆนะ มันจะช่วยคลายพิษได้" แป๊ะเง็กรีบปฏิบัติตามทันที "ดี...ดี...แรงๆ...อูว.....ซี๊ดดด......." แป๊ะเง็กนั่งอยู่ตรงหน้าแป๊ะเจ็งที่กำลังร้องครวญคราง มือทั้งสองก็โอบอ้อมร่างมาขยำปทุมถันทั้งสองของพี่สาว เล้งเซี่ยวฮุ้นเริ่มกระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแป๊ะเจ็งต้องฟุบหน้าลงไปที่หน้าตักของแป๊ะเง็ก ใบหน้านางจึงฝังลงไปที่เนินเนื้อกลางหว่างขาของแป๊ะเง็กพอดี นางส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน ปากนางเริ่มจูบลงไปที่เนินสวาทของแป๊ะเง็กบ้าง "อุ้ย....อาาาา........" แป๊ะเง็กตกใจในตอนแรก ต่อมานางเริ่มรู้สึกว่าคูหาสวาทของนาง เหมือนมีมดมาชอนไชคันระยิบระยับไปทั่ว จนนางต้องขมิบถ้ำสวาทไปมา ใบหน้านางแดงกร่ำ หงายหน้าครางเบาๆ เล้งเซี่ยวฮุ้น เห็นแป๊ะเง็กครางออกมา ก็รู้ว่านางเริ่มเสียวซ่านขึ้นมาบ้างแล้ว มันยิ่งรู้สึกคึกคักมากขึ้น "เจ้....ข้ารู้สึกคันระยิบระยับ ในนั้น เจ้...ข้าถูกพิษแบบท่านแน่เลย" นางตกใจมาก ก่อนที่จะกล่าวกับเล้งเซี่ยวฮุ้น "เล้งกงจื้อ เมื่อท่านรักษาให้เจ็งเจ้เสร็จแล้ว ช่วยรักษาให้ข้าด้วยนะ...." เล้งเซี่ยวฮุ้นเห็นนางพูดอย่างไร้เดียงสา ใบหน้าแดงกร่ำด้วยไฟปรารถนา มันยิ่งรู้สึกหึกเหิมยิ่งนัก "ได้....เง็กโกวเนี้ย ข้า.... ข้ายินดี" "ขอบคุณท่าน... ท่านช่วยเร่งรักษาเจ็งเจ้เถิด ดูท่าทางนางจะทนไม่ไหวแล้ว" เล้งเซี่ยวฮุ้นเห็นนางพูดอย่างไม่รู้ว่า แป๊ะเจ็งไม่ใช่ทนพิษไม่ไหว แต่นางใกล้จะถึงจุดหมายต่างหาก มันจึงถอนมังกรที่เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำจากคูหาสวาทของแป๊ะเจ็ง ออกมาก่อนที่จะโหมกระแทกกระทั้นเข้าไป จนร่างแป๊ะเจ็งสั่นสะท้าน "โอววว......เล้งตี๋....เล้ง....." เล้งเซี่ยวฮุ้นเร่งโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง"โอววว.....ข้า.....ข้า......อูววว....ซี๊ดดด......ซี๊ดดดด........" แป๊ะเจ็งหวีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนที่จะฟุบร่างอ่อนระทวย บนพื้นนั่นเอง นางหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข หลังจากที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมาสองปีเศษ เล้งเซี่ยวฮุ้นโน้มหน้ามากระซิบที่ใบหูแป๊ะเจ็ง "เจ็งเจ้....ข้าขอต่อกับเง็กโกวเนี้ยได้หรือไม่" แป๊ะเจ็งลืมตามองเล้งเซี่ยวฮุ้น ก่อนที่หันไปมองแป๊ะเง็กแวบหนึ่ง จากนั้นนางก็พยักหน้าตกลง เล้งเซี่ยวฮุ้นจึงลุกขึ้นเข้าไปสวมกอดร่างแป๊ะเง็กทันที นางร่างสั่นระริก ก่อนที่จะโดนเล้งเซี่ยวฮุ้นปิดปาก มือมันตะโบมลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง จนแป๊ะเง็กหนาวสั่น ขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เล้งเซี่ยวฮุ้นค่อยๆถอดเสื้อผ้าออก จนร่างแป๊ะเง็กเปล่าเปลือยขาวสล้าง ปทุมถันที่อูมขึ้นมาเล็กน้อย ตรงกลางเห็นเม็ดปทุมถันที่แข็งชูชัน แดงระเรื่อ จนมันอดใจไม่ไหว ต้องโนมใบหน้าลงไปดูดดื่ม จนแป๊ะเง็กต้องหงายหน้าร้องครวญครางออกมา "อา....... เล้ง...เล้งกอ ข้ารู้สึกคันในนี้อีกแล้ว สงสัยพิษจะเริ่มกำเริบอีกแล้ว" นางผลักร่างเล้งเซี่ยวฮุ้นออก ก่อนที่จะใช้มือชี้ไปที่เนินสวาทของตัวเอง แป๊ะเจ็งนอนทอดกายดู รู้สึกขบขันในความไร้เดียวสาของน้องสาวต่างวัยยิ่งนัก ขณะเดียวกัยนางเองก็รู้สึกคันในถ้ำสวาทของนางขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน เล้งเซี่ยวฮุ้นมองตามมือนางลงไป เนินเนื้อที่อวบอูมเล็กน้อย มีขนไรขนมาเล็กน้อย ชวนให้กระสันยิ่งนัก มันคุกเข่าลงไปซุกไซ้ทันที "อุ้ย.....อูววววว.....ซี๊ดดดด....." แป๊ะเง็กรู้สึกเสียวซ่านจนบอกไม่ถูก นางยืนเอามือทั้งสองโอบศีรษะเล้งเซี่ยวฮุ้น กดให้ใบหน้ามันแนบแน่นเข้าไปที่เนินสวาทของนางให้มากที่สุด เล้งเซี่ยวฮุ้นตวัดลิ้นโลมเลีย จนแป๊ะเง็กร่างสั่นสะท้านร้องเสียงดังออกมา "อูวววว......โอว...ซี๊ดดดด...ซี๊ดดดด........." นางถึงจุดสุดยอดในครั้งแรกของชีวิตอย่างง่ายดายยิ่งนัก ก่อนที่คลายมือออก ล้มตัวนอนอย่างอ่อนระทวย นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เล้งเซี่ยวฮุ้นเองก็คิดไม่ถึงว่า แป๊ะเง็กจะถึงไวเช่นนี้ มังกรร้ายของมันยังไม่ได้เข้าไปสำรวจถ้ำสวาทของแป๊ะเง็กเลยขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แป๊ะเจ็งได้ลุกขึ้นมา ผลักร่างให้มันนอนลงไป ก้มหน้าลงมากระซิบเบาๆ "คิกคิก..... วันหลังแล้วกันเล้งตี๋ สำหรับเง็กม่วย ท่านไม่ต้องเสียดายหรอก" "เปล่า...คือว่า....ข้า...." แป๊ะเจ็งเอามือน้อยๆของนางปิดปากเล้งเซี่ยวฮุ้นเอาไว้ "ข้ารู้ว่าท่านอยากได้เง็กม่วยมาก แต่วันนี้นางคงสมอารมณ์หมายไปแล้ว ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ยังมีเวลาอีกมากนัก แต่ตอนนี้ข้าต้องการรีดพิษจากมังกรท่านมากกว่า" กล่าวจบ นางก็ลุกขึ้นยืนคล่อมที่กลางร่างเล้งเซี่ยวฮุ้น ก่อนที่จะนั่งคล่อมลงมา จับมังกรร้ายของเล้งเซี่ยวฮุ้น สอดใส่เข้าไปในถ้ำสวาทที่เยิ้มฉ่ำของนาง ก่อนที่จะทิ้งร่างลงช้าๆ "อูววว....ซี๊ดดดด.....มังกรท่านคับถ้ำข้าจริงๆ ซี๊ดดด....." เล้งเซี่ยวฮุ้น ใช้มือทั้งสองบีบขยำปทุมถันที่อวบใหญ่ของนางไปมา พลางกล่าว "ไม่น่าเชื่อเลยว่า ของเจ็งเจ้จะคับแคบเช่นนี้" แป๊ะเจ็งตีที่ใบหน้าเล้งเซี่ยวฮุ้นเบาๆ "บ้า....เล้งตี๋นี่" พลันถอนร่างออกมาจนมังกรร้ายจะโผล่หัวออกมา แต่เล้งเซี่ยวฮุ้นกลับกระเด้งสะโพกขึ้นใส่เต็มที่ "อูววววว....ซี๊ดดดดด....." ทั้งสองร้องออกมาพร้อมๆกัน ก่อนที่จะเริ่มขยับขึ้นลงๆ จากช้าๆ เร่งเร็วขึ้นๆๆๆ ทันใดนั้น แป๊ะเง็กได้ลุกขึ้นมา เห็นภาพตรงหน้า นางเริ่มรู้สึกคันในถ้ำสวาทอีกครา "เจ็งเจ้.... ข้ารู้สึกคันในนั้นอีกแล้ว" แป๊ะเจ็งทราบว่า เง็กม่วยผู้น้อง มีความปรารถนาขึ้นมาอีกครั้ง และอยากเอาใขเล้งเซี่ยวฮุ้นด้วย จึงบอกออกไป "เง็กม่วย เจ้าเข้ามายืนคล่อมที่ศีรษะเล้งกงจื้อ หันหน้ามาหาข้า นั่นแหละ....ถูกต้อง" แป๊ะเง็กทำทำคำแนะนำของแป๊ะเจ็งผู้พี่ ก่อนที่หย่อนร่างลงมา ทำให้ปากถ้ำสวาทของนาง อยู่ตรงปากของเล้งเซี่ยวฮุ้นพอดี เล้งเซี่ยวฮุ้นไม่รีรอ ใช้ลิ้นตวัดไซ้เนินสวาทของแป๊ะเง็กทันที "ซี๊ดดดด.......อาาาาาา...." แป๊ะเง็กหงายหน้าร้องครางลั่น แป๊ะเจ็งเห็นน้องสาวร้องครางอย่างมีความสุข นางก็ยิ่งเร่งกระแทกกระทั้นลงไปเร็วขึ้น มือของนางเอื้อมมาลูบไล้ปทุมถันน้อยๆของแป๊ะเง็กไปมา "เง็กม่วย เจ้าขยำให้ข้าบ้าง แรงๆเลย" แป๊ะเง็กรีบปฏิบัติตามในทันที เอื้อมมือมีบีบขยำปทุมถันของแป๊ะเจ็งที่ใหญ่จนล้นมือนาง จนแทบจะแหลกเหลวคามือ สะโพกนางก็ส่ายร่อนไปมา รองรับลิ้นเล้งเซี่ยวฮุ้นที่เร่งตวัดชอนไช ฝ่ายแป๊ะเจ็งก็ร้องครางสนั่น โหมกระแทกร่างขึ้นลงแรงขึ้นๆ เล้งเซี่ยวฮุ้นเองก็รับศึกหนักทั้งด้านล่างด้านบน จนในที่สุด "โอวว..โอววว...อาาาาา.....อาาาาาา......." ทั้งสองสาวก็หวีดร้องออกมาดังลั่นอย่างสุขสม โดยเล้งฮุ้นเองก็พ่นพิษพุ่งเข้าใส่ถ้ำสวาทของแป๊ะเจ็งอย่างสุดกำลัง แต่มันกลับไม่มีโอกาสได้ร้องครางออกมาแม้แต่น้อย เนื่องจากโดนเนินสวาทของแป๊ะเง็ก ที่บดขยี้ไปมา จนมันไม่มีโอกาสได้ร้องออกมานั่นเอง ผ่านไปอีกสิบกว่าวัน ก็มีเรือสินค้าแล่นมามาพบเห็น จึงได้รับคนทั้งสามกลับผืนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างสวัสดิภาพ แต่สิบกว่าวันก่อนที่เรือจะมารับนั้น เล้งเซี่ยวฮุ้นได้ลิ้มรสสวาทสองสาวอย่างเต็มอิ่ม วันละหลายรอบ จนแทบจะหมดลมปราณ.....