รวมเรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว เล่าประสบการณ์เสียวที่มากที่สุด
เรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว => มินิซีรีย์ จิตนาการผู้เขียนทางบ้าน => Topic started by: เรื่องเสียว on October 20, 2015, 12:05:32 AM
-
(http://pixpost.net/i/9qH.jpg)
อันว่าธรรมชาติของคนเรานั้น มักไม่ค่อยจะคุ้นชินกับความเปลี่ยนแปลงกันซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงในระดับที่เกี่ยวพันไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ การเริ่มต้นคบหาคู่ครองใหม่ หรือแม้แต่การโยกย้ายถิ่นที่พักอาศัยไปยังสถานที่ใหม่ เพราะนั่นหมายความว่าเราจะต้องมาเริ่มต้นปรับตัว และทำความคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ รอบข้างกันใหม่อีกครั้งนั่นเอง.... และนั่นก็คือความอึดอัดคับข้องใจที่ตัวเอกของเรื่องอย่างต้นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
'ต้น' คือชื่อของหนุ่มตี๋หน้าใสร่างโย่งวัย 26 ที่พึ่งจะย้ายกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนได้ไม่ทันจะถึง 3 เดือนดี ภายหลังจากที่ไปปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมายาวนานร่วมๆ 10 ปี และถ้าไม่ติดว่าไอ้เจ้ามะเร็งปอดที่กำลังกัดกินเนื้อเยื่อภายในปอดของเตี่ยนั้น มันเริ่มที่จะลุกลามใหญ่โตขึ้นมาจนน่ากังวลขนาดนี้ล่ะก็ ระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ว่า ก็คงจะยังยืดยาวต่อไปอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน...
ด้วยความที่ต้นนั้นแสนจะเบื่อหน่ายกับสภาพความเป็นครอบครัวใหญ่ชาวจีน ที่ทั้งเอะอะ ทั้งวุ่นวาย และแสนจะเจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งพอหลังจากที่แม่เสียไปเมื่อตอนอายุ 17 ต้นจึงตัดสินใจคุยเปิดอกกับเตี่ย เพื่อขอย้ายไปเรียนต่อมหาฯลัยที่กรุงเทพฯตามพี่ชายทันที และหลังจากที่ทั้งตื้อทั้งอ้อนอยู่นานสองนาน ในที่สุดเตี่ยก็ใจอ่อน และยอมให้ต้นได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงอันแสนจะโก้หรูสมใจเสียที
ซึ่งแน่นอนว่าพอมีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่แล้ว มีหรือที่นายต้นของเราจะยอมกลับไปอยู่ภูเก็ตง่ายๆ ในขณะที่เฮียต๋องพี่ชายคนโต เมื่อเรียนจบสายบริหารธุรกิจปุ๊บ ก็รีบย้ายกลับไปอยู่ช่วยงานกิจการเกสท์เฮาส์ของที่บ้านทันที ในขณะที่นายต้นของเราพอเรียนจบปั๊บ ก็รีบแจ้นไปสมัครเข้าทำงานสายกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ให้กับบริษัทที่เคยฝึกงานทันที โดยที่นานๆ ทีถึงจะยอมบินกลับลงไปภูเก็ต ก็เฉพาะแค่ตอนที่มีงานรวมญาติหรืองานศพของคนในครอบครัวเท่านั้น และยิ่งช่วงหลังๆ ที่ต้นเกิดไปติดพันชอบพออยู่กับสาวรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยแล้ว ก็เลยยิ่งบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกลับไปเยี่ยมเยียนคนที่บ้านง่ายๆ
และกว่าที่จะรู้ตัวอีกที... ต้นก็แทบจะลืมเลือนบรรยากาศของการใช้ชีวิตที่ภูเก็ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งพอได้ยินข้อความปลายสายจากเฮียต๋อง ที่โทรมาแจ้งข่าวเรื่องอาการป่วยของเตี่ยนั่นแหละ จุดเปลี่ยนในชีวิตของต้นจึงเดินทางมาถึงอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว...
คำขอของพ่อที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ อีกครั้ง บีบบังคับให้หนุ่มต้นที่กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ ต้องยอมตัดใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ระหว่างคำว่ากตัญญู กับคำว่าความรัก... ซึ่งแน่นอนว่าด้วยสายเลือดของความเป็นคนจีนที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ซึ่งพร่ำปลูกฝังความเชื่อในเรื่องของการกตัญญูรู้คุณกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้ต้นไม่อาจหลีกหนีจากภาระและความรับผิดชอบที่พึงมีต่อบุปผการีผู้ให้กำเนิดไปได้ง่ายๆ สุดท้ายแล้วจึงต้องยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตเพื่อคอยดูแลอาการป่วยของเตี่ย โดยยอมทิ้งเรื่องของหัวใจเอาไว้เบื้องหลัง
สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้เมื่อก้าวเท้ากลับเข้ามาเหยียบบ้านอีกครั้งก็คือ... จากครอบครัวใหญ่กว่า 30-40 ชีวิตที่เคยนึกรำคาญตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก มาถึงตอนนี้กลับมีหลงเหลือกันอยู่ที่นี่เพียงแค่ไม่กี่บ้านเท่านั้น เนื่องจากญาติๆ รุ่นหลังๆ ทั้งพวกลูกพี่ลูกน้องหรือแม้แต่อาแปะและอาโกวบางคน ก็ล้วนแล้วแต่ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯกันหมดทั้งสิ้น พวกลูกๆ หลานๆ พอแต่งงานมีลูกแล้วก็มักจะดึงเอาพ่อแม่ตัวเองให้ไปช่วยเลี้ยงหลานกันถ้วนหน้า จะมีก็เพียงพวกรุ่นใหญ่ๆ อย่างตั่วแปะ, หยี่แปะ, ตั่วโกว แล้วก็ซาแปะของบ้านอย่างอาเตี่ยของต้น ที่ยังคงตั้งมั่นปักหลัก และคงจะเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตกันจวบจนลมหายใจสุดท้ายนั่นแหละ
บ้านของต้นที่ภูเก็ตนั้นมีลักษณะเป็นบ้านทาวเฮ้าส์สองหลังติดกัน โดยบ้านหลังที่สองนั้นก็พึ่งจะซื้อต่อมาจากเพื่อนบ้านที่ย้ายออกไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วนี้เอง เอาไว้สำหรับเป็นเรือนหอให้เฮียต๋องกับซ้อหยกใช้สร้างครอบครัวที่นี่ ส่วนต้นกับเตี่ยก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมของอากงร่วมกับตั่วโกวอีกคน โดยบ้านทั้งสองหลัง ถูกดัดแปลงต่อเติมให้สามารถเปิดทะลุถึงกันได้ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เพื่อให้เฮียต๋องสามารถดูแลอาการป่วยของเตี่ยได้อย่างสะดวก
“อ้าว ต้น มานั่งทำอะไรคนเดียวมืดๆ ในครัว?” เสียงหวานๆ คุ้นหูของหญิงสาวร้องทักขึ้นมาจากทางด้านหลัง จนต้นต้องหันกลับไปมองยังที่มา
“หาชามกระเบื้องอ่ะพี่หยก ไม่รู้เตี่ยแกเอาไปเก็บไว้ไหน” ชายหนุ่มตอบกลับไปพลางชี้ไม้ชี้มือประกอบ เขาเลือกที่จะเรียกชื่อพี่สะใภ้ด้วยคำว่าพี่ตรงๆ แทนที่จะใช้คำว่าซ้อ เนื่องจากรู้สึกไม่ถนัดปากกับการนับญาติแบบจีนซักเท่าไหร่ รวมถึงยังคุ้นเคยกับการเรียกเธอแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่กรุงเทพฯแล้ว ซึ่งจะว่าไปคนในบ้านนี้ก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรกับเรื่องของชื่อแทนตัวกันซักเท่าไหร่ จะเฮีย จะพี่ หรือจะซ้อ เวลาคุยๆ กัน บางครั้งบางทียังแอบเผลอเรียกสลับกันไปมาโดยไม่รู้ตัว
“อ้าว แล้วไม่ใช้ชามพลาสติกตรงนั้นแทนล่ะ?” พี่หยก... หรือซ้อหยกเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“อ๋อ ผมจะเอาก๋วยเตี๋ยวมาเวฟน่ะพี่” ต้นอธิบายเหตุผลจนเธอเข้าใจในที่สุด
“มานี่มา เดี๋ยวพี่เอาไปอุ่นในหม้อให้ดีกว่า แบบนี้อร่อยกว่า” หยกออกปากเสนอตัว
“เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ ลำบากเปล่าๆ” ต้นพยายามบอกปัดตามมารยาท แต่สะใภ้สาวกลับเอื้อมมือหยิบถุงก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะไปจัดแจงเทใส่หม้อแล้วเปิดแก๊สด้วยตัวเองจนเสร็จสรรพ
“ไม่เป็นไร แป๊บเดียว กินของเวฟมากๆ เค้าว่าไม่ดีหรอก พี่เคยอ่านมา” หยกส่งยิ้มให้ต้นอย่างอารมณ์ดี แล้วหันกลับไปต้มก๋วยเตี๋ยวในหม้ออย่างขะมักเขม้น พอเห็นแบบนี้แล้วต้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะกินข้าว สายตาก็จับจ้องไปที่แผ่นหลังของซ้อหยกพร้อมกับคิดอะไรพลางๆ ไปด้วย
'หยก' หญิงสาวร่างบางวัย 29 ปี คือภรรยาสาวที่คบหาดูใจกับเฮียต๋องมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาฯลัย พอทั้งคู่แต่งงานกัน หยกจึงย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ร่วมกับสามีของตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักหมวยๆ ตามแบบฉบับลูกคนจีน ใบหน้าเรียวเล็กคล้ายกระรอก คือไม่ถึงกับสวยเด่นจนต้องถึงขั้นชะเง้อมองตามเวลาเดินผ่านอย่างนางสาวไทย แต่ก็ดูน่ารักสดใสสมวัยดีเมื่อเอาไปเทียบกับบรรดาแฟนๆ ของญาติๆ คนอื่นๆ ซึ่งถ้าเผลอไปจ้องหน้าเธอนานๆ ก็อาจมีหลุดยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน ยิ่งด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย บวกกับรูปร่างผอมบางและความสูงแค่ 165 ทำให้เวลามายืนข้างๆ น้องชายสามีอย่างต้นที่สูงโย่งเกือบๆ 185 ก็เลยทำให้มีคนเข้าใจผิดและเผลอคิดว่าเป็นพี่ชายกับน้องสาวกันอยู่บ่อยๆ
หยกวันนี้สวมเสื้อยืดตัวโคร่งสีเหลืองสดดูใหญ่เกินตัว ซึ่งต้นรู้ทันทีว่าคงจะเป็นเสื้อยืดของพี่ชายตัวเองแน่ๆ ส่วนด้านล่างเป็นกางเกงผ้ายืดขาสั้นเหนือเข่าสีดำสนิทที่แอบรัดรูปนิดๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับแนบเนื้อโหนกนูนจนดูน่าเกลียดเกินไป ปลีน่องขาวๆ ของเธอสะท้อนตัดกับสีของกางเกงผ้ายืด ดูนวลเนียนจนต้นเผลอจ้องเอาจ้องเอาอย่างละสายตาไม่ได้ หยกยังคงฮัมเพลงต้มก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าเตาอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าชายหนุ่ม กำลังแอบลอบสังเกตเรือนร่างของเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ในขณะนี้
ผิวขาวๆ ของหยก กลายเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนความทรงจำของต้น ให้นึกย้อนไปถึงหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในสถานที่ห่างออกไปไกลแสนไกล... นี่ก็ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ต้นยอมตัดใจจากความรักที่กรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตจืดชืดอยู่ที่ตัวเมืองภูเก็ตแห่งนี้ ทั้งความเบื่อหน่าย ความอุดอู้ บวกกับความอ้างว้าง ทำให้ต้นอดคิดถึงรสสัมผัสจากเรือนร่างของสาวรุ่นพี่ที่เคยมีโอกาสได้สัมผัส ในช่วงท้ายๆ ก่อนที่จะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับเธอไม่ได้ ผิวกายนุ่มๆ เนียนเรียบที่เคยลูบสัมผัส ริมฝีปากหวานๆ ที่เคยประคองจูบอย่างดูดดื่ม เต้านมอวบหยุ่นนุ่มสู้มือ ตลอดจนถึงกลีบรักที่แนบสนิทตรงกลางตัวของเธอ แม้ว่าต้นจะยังไม่มีโอกาสได้ร่วมรักกับเธอแบบจริงๆ จังๆ ถึงขั้นสอดใส่ แต่แค่การนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอใช้ปากโม้กให้เค้าจนน้ำแตกคารถ ก็ทำให้ต้นอดที่จะควยแข็งปึ๋งปั๋งขึ้นมาไม่ได้ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เค้าไม่ได้สัมผัสกับไออุ่นจากเรือนร่างของสาวๆ ขาวๆ แบบนี้....
“เสร็จแล้วจ้ะ” เสียงของหยกที่เอ่ยขึ้น ทำให้ต้นหลุดจากภวังค์รักอย่างกะทันหัน เขารีบหุบขาหลบไปอยู่ใต้โต๊ะทันที ด้วยกลัวว่าสะใภ้สาวรุ่นพี่จะเกิดสังเกตเห็นอาการบางอย่างที่คับแน่นอยู่ภายใต้เป้ากางเกงบอลของตัวเอง
“ขอบคุณครับพี่” ชายหนุ่มเงยหน้าเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มเขินๆ
“จ้ะ กินให้อร่อยนะ พี่ปรุงให้สุดฝีมือเลย” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างร่าเริง
“เอ่อ ผมเห็นพี่แค่ต้มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็นั่นแหละ แค่พี่ต้มให้ก็อร่อยแล้วน่า ไม่เชื่อชิมดูสิ” สาวหยกเอ่ยปากคะยั้นคะยอแล้วยืนจ้องตาแป๋วอยู่แบบนั้น จนต้นอดขัดเขินไม่ได้ ต้องรีบตักน้ำซุปขึ้นมาชิมรสชาติไวๆ เพื่อให้เธอสบายใจ
“อร่อยมั้ยเอ่ย?” หยกถามเสียงใส ชะโงกหน้ามาจนเกือบจะชิดเส้นผมของต้นอยู่แล้ว
“อร่อยครับ... ก๋วยเตี๋ยวร้านเฮียตี๋ กินยังไงก็อร่อยเหมือนเดิมเลย” ต้นแกล้งพูดแซวกลับไปขำๆ
“โธ่! ต้นอ่ะ... จำไว้เลยนะ วันหลังไม่ต้มให้แล่ว!” สาวหยกออกอาการงอนๆ ทำหน้างอๆ แก้มป่อง
“ล้อเล่นครับ อร่อยดี... แล้วนี่ที่เกสท์ฯช่วงนี้ยุ่งๆ กันเหรอครับ เห็นเฮียแกดูหน้าเครียดบ่อยๆ” ต้นกล่าวปลอบใจเธอพร้อมกับชวนเปลี่ยนเรื่องคุย หยกฟังแล้วทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะตอบออกมา
“อืมม... ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ก็ยังเรื่อยๆ ยิ่งมีต้นมาช่วยดูเรื่องสื่อเรื่องอะไรให้ พี่ว่าเฮียเค้าก็น่าจะสบายขึ้นมากกว่า”
“อ๋อครับ สงสัยผมคงคิดมากไปเองมั้ง” ต้นว่าพลางตักเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“จ้า งั้นพี่ไปดูเตี่ยก่อนนะ” สาวรุ่นพี่ยิ้มรับคำพร้อมกับเดินออกจากครัวไป ปล่อยให้ต้นต้องนั่งกุมเป้าซดก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเงียบๆ เพื่อระงับอารมณ์
=======================================
“เฮ้ยต้น! ว่างเปล่าวะ? เฮียขอคุยด้วยแป๊บนึงดิ” เสียงเฮียต๋องลอยหวือทักมาจากโซฟาห้องรับแขก ขณะที่ต้นกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ว่าไงเฮีย?” ต้นเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างๆ พี่ชายตัวเองอย่างว่าง่าย ยื่นมือไปหยิบเอามะม่วงหิมพานต์ที่วางอยู่ในจานบนโต๊ะรับแขกขึ้นมาทานเล่น 2-3 ชิ้น ต๋องหันซ้ายหันขวาเหมือนจะมองหาใครอยู่ครู่นึง ก่อนจะกระซิบกระซาบเบาๆ
“คุยกันตรงนี้ไม่เหมาะ ไปคุยกันในห้องดีกว่า” ต๋องว่าพลางพยักพเยิดให้ต้นเดินตามขึ้นไปบนห้อง
“มีไรวะเฮีย ต้องมาคุยกันถึงนี่” ต้นทำหน้างงๆ ในใจเริ่มนึกรำคาญกับความลับๆ ล่อๆ ของพี่ชายขึ้นมา
“คือ... เฮียพึ่งไปถ่ายรูปชุดอาหารเช้าที่เปลี่ยนใหม่มาเมื่อวาน จะฝากให้ต้นอัพภาพลงเพจเราให้หน่อย” ต๋องว่าพลางใช้มือดันประตูปิดเบาๆ พร้อมกับยื่นการ์ดรีดเดอร์ในมือส่งให้กับต้น
“โธ่เฮีย... เรื่องแค่นี้คุยกันข้างล่างก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเวลาขึ้นมาเลย” ผู้เป็นน้องชายยื่นมือไปรับมาอย่างเซ็งๆ
“เออ เอ็งฟังเฮียให้จบก่อนดิวะ เฮียยังมีเรื่องอื่นที่อยากจะปรึกษากับเอ็งด้วย” ต๋องทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“เออๆ เฮียมีไรก็ว่ามาเลยดิ” ต้นขยับเอนหลังพิงกำแพงพลางเอามือกอดอก
“ต้นรู้ใช่ป่ะ ว่าอาการของเตี่ยเริ่มจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว” คำพูดของต๋องเปลี่ยนบรรยากาศเรื่อยๆ เฉื่อยๆ รอบๆ ให้กลายเป็นความอึดอัดจริงจังขึ้นมาทันที
“ก็รู้....” ต้นยักไหล่เบาๆ เป็นการตอบรับ
“เออนั่นแหละ... แล้วทีนี้เตี่ยแกก็คงรู้ตัวแหละ ว่าแกเริ่มจะเหลือเวลาอยู่อีกไม่กี่ปีแล้ว หมอบอกเต็มที่ก็น่าจะไม่เกิน 2-3 ปีนี้แหละ ก่อนที่อาการมันจะทรุดลงไปอีกตามระยะของมัน ช่วงนี้แกก็เลยค่อนข้าง... มีเรื่องเรียกร้องจากคนในบ้านอยู่เยอะหน่อย อย่างเรื่องที่เห็นๆ กันเลยก็คือเรื่องที่เตี่ยแกขอให้เอ็งย้ายกลับมาอยู่บ้านนี่ไง” ต้นฟังแล้วก็นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เค้าต้องจำใจย้ายกลับมาอยู่ที่ภูเก็ตอีกครั้ง ชายหนุ่มยักไหล่เบาๆ อีกครั้ง
“เตี่ยเค้าก็พูดเกริ่นๆ ขอเฮียไว้เหมือนกัน ว่าเค้าอยากอุ้มหลานชายก่อนที่เค้าจะเสีย” ต๋องพูดเกริ่นๆ ขึ้นมาอีก
“เออ ก็แล้วเฮียไม่รีบๆ มีให้เค้าซักทีล่ะวะ มัวแต่ทำงานงกๆ อยู่ได้ แต่งกันมาก็ตั้งเป็นปีๆ แล้ว เดี๋ยวพอขึ้นหลัก 30 กว่าก็ได้เสี่ยงมีลูกยากหรอก” ต้นเปิดปากถึงสิ่งที่แอบค้างคาใจมาพักใหญ่ๆ เพราะนี่ก็นานเกือบ 4 ปีแล้ว ที่เฮียต๋องกับซ้อหยกแต่งงานกันมา แต่ก็ยังไม่เห็นมีหลานให้เตี่ยอุ้มซักที จนเค้าเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ๆ ทั้งสองคนยังมัวรออะไรอยู่อีก
“ไม่ใช่ว่าเฮียไม่อยากมี แต่มันมีไม่ได้เว่ย....” ต๋องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันนิดๆ
“มีไม่ได้ หมายความว่าไง?”
“คือเฮียเป็นหมัน...” คำตอบของเฮียเล่นเอาต้นถึงกับเผลออ้าปากหวอด้วยความตกใจ
“เป็นไปได้ไงเฮีย? อายุเท่านี้อ่ะนะ?”
“เอ็งจำได้ใช่มั้ยว่าตอนเด็กๆ เฮียเคยเป็นคางทูม ที่มันลามลงไปข้างล่างจนเอ็งล้อว่าไข่เฮียพองอย่างกับลูกมังคุดน่ะ” พอต๋องเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ ต้นก็เลยเริ่มที่จะคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาว่าตอนเด็กๆ พี่ชายของตัวเองนั้นค่อนข้างจะขี้โรคอยู่เหมือนกัน แทบจะเข้าออกนอนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ก็เลยได้แต่พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงตอบรับ
“ก็นั่นแหละ หมอเค้าบอกว่ามันน่าจะมีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จนทำให้ร่างกายมันผลิตเชื้ออสุจิออกมาไม่ได้ ที่ผ่านมา... เฮียกับหยกก็พยายามช่วยกันมาตลอดนะ ทั้งกินยาที่หมอให้มา ทั้งสมุนไพรบำรุง จนถึงขั้นไปพึ่งหมอดูให้ช่วยทำเรื่องแก้เคราะห์ดวงแก้อะไรให้ แต่ทำยังไงมันก็ไม่สำเร็จซักที นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 3 ปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ก็ยังไม่เห็นทางซักที” เฮียต๋องร่ายยาวถึงความอัดอั้นตันใจที่มี จนต้นเองก็ตอบอะไรกลับไปไม่ถูกเหมือนกัน
“แล้วนี่... มันไม่มีทางรักษาเลยเหรอ หรือไปให้หมอเค้าใช้วิธีอื่นช่วยได้มั้ยล่ะ?” ต้นเอ่ยถามถึงทางเลือกอื่นๆ
“คือถ้ามันยังพอมีเชื้ออ่อนๆ บ้างก็ยังโอเคไง แต่เคสเฮียคือแม่งไม่มีเลยเว่ย เอ็งเข้าใจใช่ป่ะ... เค้าบอกว่าถ้าจะให้ได้ผลที่สุดก็ต้องใช้วิธีผสมเทียม โดยเอาเชื้อคนอื่นไปทำเด็กหลอดแก้ว” ต๋องอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดนิดๆ
“โห... แล้วแบบนี้เฮียทำใจได้เหรอ? ลูกตัวเองแต่เกิดจากเชื้อใครก็ไม่รู้”
“ก็ไม่ได้น่ะสิวะ ถึงอยากมาขอความช่วยเหลือจากเอ็งนี่ไง” คำตอบของเฮียต๋องสร้างความประหลาดใจให้กับต้น จนต้องยืนจ้องหน้าพี่ชายตัวเองอยู่อย่างนั้น
“หมายความว่าไง? อย่าบอกนะ.. ว่าเฮียจะมาขอน้ำเชื้อจากต้น” พอต้นพูดจบ ผู้เป็นพี่ก็รีบพยักหน้ายิ้มๆ แทนคำตอบ
“เฮ้ย! ไม่เอาหรอก จะบ้าเหรอ!? พูดเป็นเล่น” ต้นหลุดปากออกไปด้วยความตกใจ จนต๋องต้องรีบขยับตัวพร้อมใช้มือซ้ายอุดปากน้องชายเอาไว้
“เอ็งจะเสียงดังทำไมวะ? เดี๋ยวบ้านอื่นเค้าก็ได้ยินกันหมด” ต๋องบ่นพลางทำท่าจุ๊ปาก
“เฮียรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่อยากให้เอ็งลองฟังให้จบก่อน อย่าพึ่งรีบโวยวายจนกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง” พอเห็นว่าต้นดูจะมีท่าทีสงบลงบ้างแล้ว ต๋องจึงค่อยๆ เริ่มต้นเปิดปากพูดต่อ
“ที่เฮียตัดสินใจเลือกต้น ก็เพราะเฮียมองว่ายังไงๆ ซะ เราสองคนก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ยังไงสายเลือดเดียวกันมันก็ย่อมดีกว่าที่จะไปเอาเชื้อของคนนอกมาอยู่แล้ว จริงไหม?”
“เออ มันก็จริง... แต่ต้นฟังแล้วแม่งเขินๆ ยังไงไม่รู้ว่ะเฮีย ไหนจะทั้งหมอ ทั้งพยาบาล แถมยังตัวพี่หยกอีก แถมถ้าเพื่อนบ้านเค้ารู้กันคงได้โดนนินทาแปลกๆ แน่ๆ” หนุ่มต้นเผยถึงความกังวลที่แล่นเข้ามาในหัว
“อืม... ต้นยังไม่ต้องคิดมากไปถึงขั้นนั้นหรอก คือจริงๆ แล้วที่เฮียบอกให้ต้นมาช่วยเนี่ย เฮียไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้เอ็งไปรีดน้ำเชื้อใส่หลอด แล้วให้หมอเอาไปผสมเทียมแบบนั้นให้มันยุ่งยาก เสียเงินเสียทองหรอก เพียงแต่...” ต๋องเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดเว้นวรรคเหมือนพูดไม่ออก
“แต่อะไรวะเฮีย?” ต้นรับลูกเพื่อให้พี่ชายพูดต่อให้จบ
“แต่เฮียอยากขอให้ต้น... เอ่อ... ช่วยกันกับหยก... ทำลูกกันให้เฮียได้มั้ย?” พอสิ้นคำปุ๊บ ต้นก็ร้องอุทานออกมาทันที
“เฮ้ย! จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว! ประสาทเหรอเฮีย? จะให้ต้นไปนอนกับพี่หยกเนี่ยนะ?”
“เอ๊ะ! เอ็งนี่จะโวยวายทำไม ก็บอกว่าอย่าพึ่งเสียงดังไงวะ” ต๋องรีบเอามืออุดปากน้องชายไว้อีกรอบ
“จะไม่ให้โวยได้ไง ก็เฮียเล่นพูดอะไรมั่วซั่วออกมา โหย... ไม่เอาด้วยหรอก ใครจะไปทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้” เสียงต้นครวญครางลอดผ่านฝ่ามือออกมาแบบเซ็งๆ
“แม้ว่าเรื่องบ้าๆ นี้จะเป็นคำขอสุดท้ายของเตี่ยเหรอวะ?” ต๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กลับทำให้ต้นสะดุดกึ้ก เถียงอะไรกลับไปไม่ถูก เพราะที่ผ่านมา ตัวของต้นเองนั้นก็มักจะเอาแต่พยายามบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง ไม่ยอมกลับมาดูแล และใช้เวลาอยู่ร่วมกับผู้เป็นพ่อของตัวเองมาโดยตลอด และกว่าที่จะรู้ตัว ก็ต้องรอให้อาการของเตี่ยกำเริบหนักจนแทบจะสายเกินไปอยู่แล้ว.... จนกลายเป็นความรู้สึกผิดลึกๆ ที่ฝังลึกลงไปในหัวของต้นมาตั้งแต่ตอนนั้น
“คิดซะว่ายอมทำเพื่อเตี่ยก็ได้น่า แค่ทำหน้าที่แทนเฮียไปเงียบๆ รับรองว่าไม่มีใครรับรู้เรื่องนี้หรอกน่า” ต๋องยังพยายามตะล่อมหว่านล้อม แต่ถึงกระนั้น คำขอร้องของพี่ชายก็ดูจะเกินเลยมากกว่าที่ชายหนุ่มจะยอมรับได้อยู่ดี
“ไม่เอาอ่ะเฮีย ต้นทำไม่ลงว่ะ” ต้นตัดบทแล้วเดินหนีออกมาจากห้องโดยไม่รอฟังเสียงเฮียต๋องที่ร้องเรียกตามหลัง
=======================================
แม้จะผ่านมาเนิ่นนานหลายวันแล้ว แต่คำขอของเฮียต๋อง กลับยังคงเฝ้าหลอกหลอนอยู่ภายในหัวของต้นโดยที่ไม่ยอมจางหายไปไหน และเมื่อต้องทนฝืนกับความรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องเข้าหน้ากับพวกพี่ๆ ทั้งสองคนอีกไม่ไหว ต้นจึงตัดสินใจที่จะขอขึ้นไปเคลียร์ปัญหาคาใจนี้กับพี่ชายของตัวเองให้รู้เรื่องไปเลย พอถึงหน้าประตูห้องนอนปุ๊บก็รีบบิดประตูดึงเปิดออกพร้อมกับอ้าปากเรียกหาเฮียทันที
“เฮีย ต้นมีอะไรจะคุยด้ว.... เฮ้ย!!” เสียงต้นร้องเหวอออกมาเสียงดังลั่น อนิจจา จากที่เคยตั้งใจว่าจะมาขอคุยเปิดอกกับพี่ชาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นได้มาเปิดอกดูนมของพี่สะใภ้คนสวยไปแทนเสียนี่
สายตาของต้นถูกสะกดให้จับจ้องหยุดนิ่งอยู่ที่เรือนร่างขาวบางของซ้อหยก ที่กำลังล่อนจ้อนเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงในผ้าฝ้ายตัวจิ๋วสีขาวที่กำลังถูกรูดสวมขึ้นมาคาอยู่ที่หน้าขาเท่านั้น ที่เป็นอาภรณ์ติดตัวเธออยู่เพียงแค่ชิ้นเดียว เต้านมคัพบีขนาดพอดีมือ ก้มย้อยหกลงมาตามท่วงท่าของหญิงสาวที่กำลังโก่งโค้งดึงสวมกางเกงในของตัวเองอยู่ หัวนมสีน้ำตาลอ่อนๆ รูปร่างเรียวแหลมดูคล้ายกับปลายร่มก็ไม่ปาน ขณะที่ด้านล่างนั้นเล่า เอวเว้าคอดกิ่งทอดสายตาไล่ลงมาเห็นถึงพงหมอยดกดำ ที่คอยปกคลุมเนินเนื้อตรงบริเวณปากทางเข้าซึ่งแนบประกบติดกันเหมือนกับฝาหอย ร่องหลืบกลางตัวเธอกำลังอ้าเผยอออกนิดๆ ตามจังหวะการยกขา สภาพทางเข้ายังดูสมบูรณ์ไม่แพ้สาวรุ่นๆ ที่ต้นเคยผ่านมาบ้างประปรายเมื่อตอนสมัยเรียน
คำบรรยายทั้งหมดที่ว่ามานี้ กินระยะเวลาแค่ราวๆ 2-3 วินาทีเท่านั้นเอง ก่อนที่เจ้าของเรือนร่างจะทันรู้สึกตัว และเริ่มแหกปากร้องโวยวายขึ้นมา
“ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย!” สาวหยกร้องกรี๊ดๆๆ ออกมาเสียงดังด้วยอารามตกใจ พร้อมกับรีบขยับตัวปกปิดของสงวนของตัวเองเอาไว้ทั้งด้านบนและด้านล่าง เสียงกรีดร้องทำหน้าที่คล้ายกับสัญญาณที่ดึงเรียกสติของต้นให้กลับคืนมา เขารีบก้าวหลบออกมาหน้าห้องพร้อมกับปิดประตูดังปั้ง ปากก็พร่ำเอ่ยขอโทษพี่สะใภ้ถึงความผิดที่ก่อขึ้น
“พี่หยก ผมขอโทษ! ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!” หนุ่มต้นเอ่ยปากขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หน้าห้องแบบนี้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่หยกจะยอมเปิดประตูเดินออกมาหน้าห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย เนื้อตัวของเธอตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมิดชิดเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตากันครู่ใหญ่ๆ
“ไม่เป็นไรต้น พี่รู้ว่าต้นไม่ได้ตั้งใจ... เฮียออกไปซื้อหนังสือน่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงเร็วระรัว
“ครับๆๆ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับพี่” ชายหนุ่มเองก็ลนลานไม่แพ้กัน พอพูดจบแล้วเขาจึงรีบโกยอ้าวเผ่นกลับไปหลบอยู่ในห้องนอนของตัวเองทันที
ภาพเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของซ้อหยกยังคงฝังติดตาตามมาถึงในห้องนอน กลีบแคมสีแดงอ่อนๆ ที่กำลังอ้าออก กระตุ้นอารมณ์จนควยเขาแข็งโด่ทะลุกางเกงบอลออกมา ภาพเต้านมคู่น้อยที่กำลังห้อยโตงเตงจากแรงดึงดูด พาให้ใจต้นเตลิดจนต้องเผลอเอามือไปลูบไล้ท่อนลำของตัวเองอย่างห้ามใจไม่ได้ ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยคิดล่วงเกินพี่สะใภ้ที่แสนจะใจดีคนนี้เลยซักครั้ง แต่หลังจากที่ได้คุยกับเฮียต๋องถึงเรื่องการทำลูกขึ้นมา บวกกับการได้เห็นภาพแคมหีและเต้านมขาวๆ ที่เปิดอ้าอล่างฉ่างยั่วยวนเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อซักครู่ ก็ทำให้ต้นถึงกับตบะแตก และต้องรีบเข้าไปชักรูดปลดปล่อยอารมณ์เงี่ยนง่านที่เกิดขึ้นจากเรือนร่างของซ้อหยก จนน้ำกามพุ่งกระฉูดเลอะติดพื้นห้องน้ำ
และนับจากวินาทีนั้นเอง... ต้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าตัวเค้าคงไม่สามารถจดจำภาพของพี่สะใภ้ในมุมมองเดิมๆ ได้อีกต่อไป...
หลังจากได้เห็นภาพซ้อหยกโป๊เปลือยเป็นครั้งแรก ต้นก็เหมือนจะมีอาการเสพติด และพยายามหาโอกาสลอบมองสำรวจเรือนร่างของพี่สะใภ้คนสวยในยามที่เธอเผลอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาก้มหยิบของจนเผยให้เห็นร่องอกอวบๆ ลอบสำรวจภาพขอบกางเกงในที่ทะลุออกมาผ่านเนื้อผ้ากางเกงบางเฉียบรัดรูป แม้จะรู้สึกผิดอยู่ในใจลึกๆ แต่ความเงี่ยนที่เกาะกุมอยู่บริเวณกลางเป้าก็คอยชักนำให้เค้าถลำลึกลงไปทุกทีๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเด็ดๆ เหมือนอย่างที่เคยเจอในครั้งแรกซักที
ในขณะที่ทางฝั่งของพี่ชายนั้น แม้ว่าจะโดนน้องชายบอกปฏิเสธจนหน้าหงายกลับมา แต่ดูเหมือนต๋องเองจะยังไม่ยอมเลิกล้มความพยายามไปง่ายๆ ทั้งตามตื้อทั้งตามกล่อม เมื่อรวมเข้ากับภาพเรือนร่างของซ้อหยกที่ยังคงตามวนเวียนอยู่ไม่ห่าง จนสุดท้ายต้นก็ทนลูกตื้อของพี่ชายไม่ไหว และยอมเปิดปากเจรจาต่อรองกันในที่สุด
“ก็แล้วทำไมต้องให้ต้นไปมีอะไรกับพี่หยกแบบนั้นด้วยวะเฮีย อย่างน้อยถ้าจะให้ต้นช่วย ทำไมถึงไม่ใช้วิธีผสมเทียมจากน้ำเชื้อแบบที่หมอบอกไปเลย” ต้นยังพยายามอ้อมแอ้มหาทางบ่ายเบี่ยง ในหัวยังนึกกล้าๆ กลัวๆ อยู่
“เอ็งลองคิดถึงหัวอกเฮียดิวะต้น คนเป็นพ่อ ถ้าเลือกได้ใครจะอยากให้ลูกตัวเองต้องเกิดมาด้วยวิธีเสี่ยงๆ ผิดธรรมชาติแบบนั้น ถ้าเป็นเอ็ง... เอ็งจะยอมเสี่ยงเหรอ?” ต๋องพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“แต่ต้นว่า.... มันแปลกๆ.... แล้วนี่พี่หยกเค้าก็เออออไปกับเฮียด้วยเหรอเนี่ย?” หนุ่มต้นชักเริ่มจะเอนอ่อนตามพี่ชาย
“เอาจริงๆ ป่ะ เฮียก็ยังไม่ได้คุยกับหยกเลยว่ะ ใจเฮียอยากจะมาปรึกษากับต้นก่อน ถ้าต้นโอเค เฮียถึงจะได้สบายใจ แล้วลองไปคุยกับหยกดูอีกทีนึง”
“ปั๊ดโธ่เฮีย! ต้นก็นึกว่าเฮียกับพี่หยกคุยกันเรียบร้อยแล้ว แล้วแบบนี้ถ้าพี่หยกเค้าไม่เล่นด้วยจะเป็นยังไงเล่า” ต้นร้องออกมาอย่างเซ็งๆ ด้วยรู้ดีว่าพี่สะใภ้ของตัวเองค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยและรักนวลสงวนตัวอยู่พอสมควร
“เออ เรื่องหยกเอ็งไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวเฮียจัดการเอง เอ็งแค่รับปากกับเฮียมาก่อนว่าจะยอมช่วย แล้วเดี๋ยวเฮียจะลองไปคิดหาวิธีเคลียร์กับหยกให้” ต๋องยืนกรานขอคำยืนยันอีกที ส่วนต้นเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง ในหัวตอนนี้สับสนไปหมดถึงเรื่องของความถูกต้องและความเหมาะสมระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสามี
“เอ็งจะคิดนานไปทำไมวะต้น หรือเอ็งเห็นว่าเมียเฮียไม่สวยพอเหรอ?” ต๋องรีบออกปากกดดันน้องชายอย่างเร่งรัด
“ไม่ใช่แบบนั้น....” ต้นตอบไปเลี่ยงๆ ขณะที่ในหัวก็นึกไปถึงภาพใบหน้าหวานๆ ของหยกขึ้นมา ดวงตาขี้เล่นซุกซน จมูกเรียวแหลมเล็กน้อย บวกกับรอยยิ้มสดใส เส้นผมเรียบตรงยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนทำให้เธอดูน่ารักน่าทะนุถนอม มองได้ไม่มีเบื่อ พอนึกไปว่าตัวเองอาจจะได้มีโอกาสแบ่งปันความสุขบนเตียงร่วมกับผู้หญิงน่ารักๆ ที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของตัวเองคนนี้แล้ว หนุ่มต้นก็เริ่มที่จะโอนอ่อนตามพี่ชายไปเหมือนกัน
“เอางี้... เดี๋ยวคืนนี้เฮียจะให้เอ็งได้ดูอะไรดีๆ แบบเต็มๆ สองตาเลย เผื่อว่าจะช่วยให้เอ็งตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น สนใจเปล่า?” คำพูดของต๋องกระตุ้นความสงสัยของต้นจนถึงกับหูผึ่ง ในหัวก็คิดตีความไปล่วงหน้าแล้วว่าไอ้ 'อะไรดีๆ เต็มสองตา' เนี่ย มันหมายความว่ายังไง จนอดที่จะรู้สึกตื่นตัวและตื่นเต้นไม่ได้
“ดูอะไร?” ต้นถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามเก็บอาการให้ดูสุขุมต่อหน้าพี่ชาย
“เออน่า เดี๋ยวเห็นแล้วก็รู้เอง ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้ช่วง 4 ทุ่ม เอ็งมานั่งรออยู่ในนี้ก็แล้วกัน แล้วที่เหลือเดี๋ยวเฮียจัดการเอง” ต๋องฉีกยิ้มกว้าง พลางชี้ไม้ชี้มือไปที่ผนังห้อง พอต้นขยับตัวเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพบว่าที่ผนังมีรูกลมๆ เล็กๆ ขนาดกว้างราวๆ 2 เซนติเมตร สูงจากพื้นห้อง 2 เมตรกว่าๆ พอปีนขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ก็จะ มองทะลุเข้าไปเห็นถึงภาพในห้องนอนของเฮียต๋องกับซ้อหยกได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญมุมที่ปรากฏมันดันตรงกับตำแหน่งปลายเตียงพอดี ทำให้คนที่มองลอดรูนี้ไป สามารถเห็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้บนเตียงแบบเต็มๆ ตา!
ต้นถึงกับตัวแข็งนิ่งเมื่อคิดไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ ฟากเฮียต๋องที่กำลังยืนมองอยู่ข้างๆ ก็ใช้มือตบลงไปบนสะโพกน้องชายเบาๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนที่จะเดินหนีหายออกจากห้องไป ทิ้งให้ต้นได้แต่ยืนงงๆ อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ในหัวก็เริ่มที่จะกังวลขึ้นมาบ้าง ว่าตัวเองอาจกำลังหลงเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ของพี่ชายโดยไม่รู้ตัว....
พอเกือบ 4 ทุ่ม ต้นก็รีบปราดเข้าไปซุ่มรออยู่ในห้องเก็บของทางฝั่งบ้านเฮียต๋องทันที แง้มปิดประตูเบาๆ แล้วขยับเข้าไปหาตำแหน่งยืนพิงผนังให้สะดวกๆ พร้อมกับซุ่มโป่งรอคอยเหตุการณ์บางอย่างอยู่ในความมืดเงียบๆ ไม่ถึง 10นาที ซ้อหยกในชุดอยู่บ้านก็เดินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน โดยมีเฮียต๋องเดินตามมาติดๆ ทั้งคู่พูดคุยกระหนุงกระหนิงหยอกล้อกันตามประสา ก่อนที่ซ้อหยกจะค่อยๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าตะกร้าเสื้อผ้าใส่แล้ว พร้อมกับค่อยๆ รูดกางเกงขาสั้นของตัวเองออกช้าๆ เผยให้เห็นถึงปลีน่องเรียวขาวของเธอ
ต้นกลืนน้ำลายดังเอื้อกกับภาพที่เห็น กางเกงในผ้าลื่นสีน้ำเงินเข้มแนบติดกับเนินโหนกอวบอูมเป็นร่อง เสื้อยืดสีขาวถูกถลกออกมาเหนือหัว พร้อมกับปลดชุดชั้นในทั้งสองชิ้นออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างของตัวเองไว้ ด้วยความที่เธอยืนหันหลังเข้าหากำแพงอีกฝั่ง ทำให้ต้นได้เห็นเพียงแต่บั้นท้ายกับแผ่นหลังขาวๆ ของเธอเท่านั้น ต๋องยืนจ้องไปที่รูเล็กๆ บนผนังด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าภรรยาสาวของตัวเองมากอดไว้แน่น พร้อมกับซุกไซร้ไปที่ลำคอ
“อือออ อย่าซี่เฮีย หยกจะอาบน้ำ” ซ้อหยกพยายามดันตัวสามีออกด้วยความเขินอาย
“ก็เฮียอยากกอดเมียตัวเองนี่นา วันๆ ต้องไปนั่งคุมคนงานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้กลับมาหาหยกก็ค่ำมืดแล้ว หยกไม่คิดถึงเฮียบ้างเหรอ” ต๋องพูดพร้อมกับใช้มือขยำนมภรรยาเบาๆ ปากก็หอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“คิดถึงน่ะคิดถึง แต่ขอไปอาบน้ำให้มันสบายตัวก่อนได้มั้ยเล่า” หยกพยายามดิ้นรนอย่างไร้ผล
“ไม่ต้องอาบหรอกจ้ะ หยกตัวหอมอยู่แล้ว พี่ชอบ...” ต๋องไม่ยอมฟัง ใช้มือปลดผ้าขนหนูของหยกออกจนหลุด เรือนร่างขาวเปลือยเปล่าของเธอ จึงปรากฏแก่สายตาของต้นอีกครั้งอย่างชัดเจน
ต๋องใช้สองมือสอดเข้าไปใต้วงแขนของหยก พร้อมกับบีบคลึงทรวงอกทั้งสองข้างของเธอเบาๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ ปลายนิ้วเขี่ยลูบไล้ไปที่บริเวณหัวนมแหลมจนมันเริ่มที่จะชูชันขึ้นมา สะใภ้สาวเผลอเกร็งตัวโดยอัตโนมัติเพราะความเสียวที่เกิดขึ้นจากยอดปทุมถัน ก่อนที่ต๋องจะค่อยๆ เลื่อนมือซ้ายลงมาทักทายกับกลีบสาวของภรรยาด้านล่างอีกจุดหนึ่ง
“อืมมมมม เฮียอ่ะ... จะทำตอนนี้เลยเหรอ?” เสียงหยกครางเบาๆ เหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ขณะที่กำลังโดนสามีหนุ่มแซะนิ้วเข้าไปเขี่ยคลึงปากร่องเสียวของเธอจนมันเริ่มที่จะเปียกๆ ลื่นๆ ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“ตอนนี้แหละจ้ะ ของเฮียแข็งขนาดนี้แล้ว รอต่อไปไม่ไหวหรอก” ต๋องว่าพลางดึงมือภรรยามาจับเข้าไปกลางลำ สาวหยกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือสัมผัสเข้ากับวัตถุแข็งๆ ที่แสนจะคุ้นเคย ซึ่งตอนนี้กำลังตื่นตัวเต็มที่ เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังถูกถ้ำมองบทรักอยู่จากอีกห้องหนึ่ง
“หวา เฮีย.... ทำไมวันนี้มันแข็งแบบนี้” หยกอุทานออกมาเบาๆ พลางใช้มือลูบสำรวจอย่างแปลกใจ
“ก็มันคิดถึง มันอยากอึ๊บเมียนี่นา” ต๋องพูดพลางรูดกางเกงตัวเองทั้งข้างในและข้างนอกออกไปพร้อมๆ กัน ท่อนควยอวบคล้ำขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับอาวุธของต้น จึงดีดผึงออกมาล่อนจ้อนท้าทายสายตาของคนรอบข้าง ต๋องค่อยๆ จูงมือภรรยาคนสวยมานอนเอนลงไปบนเตียง ขยับตัวมุดลงไปจดๆ จ้องๆ อยู่ตรงบริเวณหน้าขาด้านล่าง จับสองขาของเธอแหกอ้าออก โดยจงใจให้หันไปในทิศทางที่ต้นกำลังยืนมองอยู่ ใช้นิ้วมืออ้าแหวกกลีบแคมที่ปกปิดร่องสาวของเธอออกกว้าง ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นตวัดเลียร่องหีของหยกเสียงดังแผล่บๆ!
“อุ๊ยเฮีย! อย่า... มันสกปรก อย่าสิ......สสสส ซี้ดดดดดดส์” หยกพยายามร้องห้ามเสียงครางกระเส่า ขณะที่ต๋องก็ก้มหน้าทั้งดูดทั้งกลืนน้ำหล่อลื่นของภรรยาสาวอย่างเอร็ดอร่อย พอเลียจนสาแก่ใจแล้วก็ค่อยๆ ถอนหน้าออกมา ใช้มือเช็ดคราบน้ำที่เลอะติดรอบๆ ปากออกไปทีสองที ก่อนจะขยับเอนตัวลงไปนอนอยู่บนเตียง พร้อมกับฉุดดึงร่างภรรยาสาวให้ขึ้นมาคร่อมหน้าตัวเองไว้ในท่า 69
“หยกจ๋า ดูดให้เฮียหน่อยนะ” เสียงต๋องร้องออดอ้อนภรรยาตัวเองอย่างเคยๆ สาวหยกสูดลมหายใจเบาๆ 2-3 ครั้งเหมือนเป็นการกลั้นใจ ก่อนจะค่อยๆ โน้มศีรษะลงไปแนบหน้าเข้ากับท่อนลำแข็งเด่ ใช้ลิ้นแตะๆ ที่บริเวณปลายหัวอยู่ครู่นึง ก่อนจะอ้าฮุบเอาท่อนเนื้อเข้าไปเต็มปากเต็มคำ แล้วทั้งสองก็เริ่มบรรเลงลีลาชิวหาพาเพลินให้กันและกันอย่างดุเดือด เสียงดูดจ๊วบแจ๊บดังสลับกับเสียงน้ำสาวกระเด็นแผล่บๆ สะใภ้สาวคนสวยก้มๆ เงยๆ ผงกหัวขึ้นลง อมรูดท่อนลำจนแก้มตอบ ภาพตรงหน้าทำให้ต้นต้องเผลอควักท่อนเอ็นของตัวเองออกมารูดเล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ
“อุ๊! พอก่อนนะที่รัก เดี๋ยวเฮียจะเสร็จซะก่อน” ต๋องเอ่ยปากพร้อมกับดันศีรษะของภรรยาออกเบาๆ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมา ดันตัวภรรยาสาวให้เป็นฝ่ายนอนหงายลงบ้าง จัดแจงท่าทางให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม จับจ่อท่อนเนื้อแข็งปั๋งกดถูไถอยู่ที่หน้าปากทางเข้าเบาๆ อยู่ 2-3 ที
“อือ..... ใส่เถอะเฮีย หยกไม่ไหวแล้ว” เสียงสะใภ้สาวร่ำร้องขออย่างหมดความอดทน ฝ่ายต๋องเองก็เงี่ยนง่านไม่แพ้กัน จึงค่อยๆ ขยับเอวกดท่อนควยทิ่มมุดเข้ามาในหีเธอช้าๆ หยกออกอาการดิ้นกระแด่วๆ ในตอนแรกๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มปรับสภาพรับความเจ็บปวดได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งท่อนเนื้อบานอวบมุดหายเข้าไปได้มิดด้าม แล้วต๋องก็เริ่มต้นซอยควยเย็ดหีเธอทันที เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นลั่นห้อง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!
ภาพใบหน้าสวยหวานอันคุ้นเคยดูบิดเบี้ยวเหยเกในแบบที่ต้นไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงหวานชวนหูของซ้อหยกกลับกลายเป็นเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ สองขาของเธอแหกอ้าวางพาดอยู่บนบ่าของสามี โดยมีท่อนเอ็นคล้ำอวบมุดเข้ามุดออกร่องรูอย่างถึงกึ๋น ทั้งภาพและเสียงเบื้องหน้า เร่งเร้าให้ต้นต้องยอมพ่ายแพ้ต่อสัญชาตญาณดิบของตัวเองอีกครั้ง ใช้มือเร่งรูดชักว่าวไปด้วยอารมณ์เสียวซ่านสุดขีด กิจกรรมเข้าจังหวะดำเนินไปได้อีกราวๆ ไม่ถึง 5 นาที ก่อนที่เฮียต๋องจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แหกปากร้องอู้ๆ สองมือบีบขยำเต้านมหยกเน้นๆ แบบไม่กลัวช้ำ พร้อมกับกระดกก้น ยิกๆ รัวๆ แล้วกระฉูดน้ำรักพุ่งเข้าโพรงหีภรรยาแบบเต็มคราบ แม้ว่าเธอจะพยายามร้องห้ามไม่ให้รีบหนีเข้าเส้นชัยไปคนเดียวก็ตาม
“โธ่.... เฮียอ้ะ เสร็จคนเดียวอีกแล้วนะ ทำไมไม่ยอมรอกันมั่งเลย” เสียงหยกบ่นอย่างน้อยใจ
“แหะๆ ขอโทษน้า ก็เฮียไม่ได้ทำนานแล้วนี่นา มันก็เลย.... อั้นไม่ไหว” ต๋องพูดขอโทษขอโพย พลางเอามือลูบหัวภรรยาตัวเองเบาๆ ไปด้วย แม้สาวหยกจะออกอาการงอนๆ นิดๆ แต่ก็ยังยินยอมให้สามีลูบหัวเธออยู่อย่างนั้น
“เดี๋ยวเฮียขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ มันเลอะเทอะ” ต๋องเอ่ยแล้วทำทีว่าจะลุกเดินออกมาเข้าห้องน้ำ แต่กลับเปิดประตูเลี้ยวเข้ามาในห้องเก็บของมืดๆ นี้แทน จนต้นแอบตกใจเล็กน้อย
“เฮ้ยเฮีย! เดี๋ยวพี่หยกก็เข้ามาเห็นหรอก” ต้นอุทานออกมาเบาๆ
“เออน่า ไม่ต้องห่วง มึงดูต่อไปเหอะ รับรอง เดี๋ยวได้เห็นอะไรดีๆ แน่” ต๋องกระซิบกระซาบสั่งการอยู่ใกล้ๆ ต้นจึงหันกลับไปแนบหน้าเข้ากับรูกำแพงอีกครั้ง ก่อนจะต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ซ้อหยกคนสวยตอนนี้กำลังนอนแหกแข้งแหกขา โม่คลึงปลายนิ้ววนเวียนเข้ากับเม็ดเสียวของตัวเองอย่างอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางที่เปียกลื่น สอดแยงชักเข้าชักออกในร่องหีของตัวเองอย่างมีอารมณ์ ซ้อหยกใช้นิ้วตกเบ็ดอยู่ได้ราวๆ 10 นาทีก็แสดงอาการกระตุกตัวเกร็ง ร้องครางซี้ดซ้าดออกมาเสียงกระเส่า พร้อมๆ กับแอ่นสะโพกบดอัดกับนิ้วมือตัวเองจนก้นลอยไม่ติดเตียง ปลดปล่อยน้ำรักที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายของตัวเองออกมาจนหมดสิ้น ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปนอนหอบหายใจเหนื่อยๆ อยู่บนเตียง ตลอดระยะเวลาร่วมๆ 10นาทีที่เฝ้ามองเธออยู่ ต้นทั้งแข็งทั้งเงี่ยนจนรู้สึกปวดควยไปหมด แต่ก็ไม่สามารถใช้มือรูดคลายความกระสันออกไปจากท่อนลำได้ เนื่องจากรู้สึกเขินอายพี่ชายตัวเองที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบพากันลงมาคุยต่อข้างล่าง เพราะกลัวว่าหยกจะออกมาเจอซะก่อน
“ไม่น่าเชื่อว่าสาวเรียบร้อยอย่างพี่หยกจะร้อนแรงได้ขนาดนี้” ต้นกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้นเบาๆ
“แปลกตรงไหนวะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้ว จะเรียบร้อยรึไม่เรียบร้อยมันก็เงี่ยนเป็นกันทุกคนนั่นแหละ ยิ่งโดนบิวท์มาซะขนาดนั้นแล้ว....” ต๋องว่าเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“แล้วตกลงเอ็งจะว่ายังไง?” ต๋องเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากเห็นต้นยังทำหน้าอึ้งๆ กับภาพที่เห็นเมื่อครู่
“ตกลงอะไรนะเฮีย?” ต้นถามด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งใจฟังให้ดีๆ
“แล้วเรื่องลูกเฮียน่ะ... ตกลงเอ็งว่ายังไง” ต๋องถามย้ำคำเดิม ต้นนิ่งเงียบไปพักนึง และหลังจากทบทวนความคิดอกุศลอยู่นานสองนาน ในที่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจตกปากรับคำกับพี่ชายออกไปจนได้
“เอาไงก็เอา ตามใจเฮียแล้วกัน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ต้นไม่รับผิดชอบด้วยนา...”
-
แม้ว่าต้นจะตัดสินใจยอมรับคำขอของพี่ชายไปแล้ว แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไปตามวิถีทางปกติของมันเหมือนเดิมโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เฮียต๋องยังคงง่วนอยู่กับการดูแลและปรับปรุงกิจการเกสท์เฮาส์ของที่บ้านต่อไป จนแทบจะไม่มีเวลามาคุยกับต้นด้วยซ้ำ ในขณะที่ซ้อหยกเองก็ยังคงมีท่าทีปกติเหมือนเดิม เธอยังคงทำหน้าที่ของพี่สะใภ้ใจดีที่คอยดูแลน้องสามีและคนในบ้าน โดยที่ไม่มีอาการเขินอายหรือออกพิรุธใดๆ จนต้นเริ่มจะรู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมาว่าแผนการต่างๆ ของพี่ชายคงจะยังไม่คืบหน้าไปไหนแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่ต้นจะคิดอะไรต่อไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าซึ่งแจ้งเป็นชื่อเบอร์ของเฮียต๋อง ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“ต้นเหรอ ตอนนี้อยู่บ้านป่ะ?” เสียงจากปลายสายเอ่ยถามขึ้น
“อือ... มีไรเฮีย?” ต้นตอบกลับไปด้วยเสียงเนือยๆ ตามสไตล์
“เออดีละ ถ้ายังไงเย็นนี้ว่างๆ ฝากพาหยกไปเซ็นทรัลหน่อยดิ เห็นบอกว่าต้องรีบเอาของไปเปลี่ยนวันนี้มั้ง” ผู้เป็นพี่เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนจับสังเกตได้
“เอ้า แล้วทำไมเฮียไม่พาเค้าไปเองวะ ยังไงก็ต้องกลับเข้าบ้านมาก่อนไม่ใช่อ่อ?” ผู้เป็นน้องพยายามหยั่งเชิงกลับมา
“เออน่า ก็เฮียมีธุระต้องเคลียร์ที่นี่เหมือนกันนี่หว่า เอ็งนั่นแหละ พาหยกไปให้ด้วย แค่นี้นะ” ต๋องพูดจบก็รีบตัดสายไม่เปิดช่องว่างให้ต้นได้โต้แย้ง น้ำเสียงในตอนท้ายแทบจะเก็บกลั้นอารมณ์ขันเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนต้นที่โดนจับมัดมือชกแบบไม่รู้ตัว ก็ได้แต่ยืนถอยหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะพอจะคาดเดาเจตนาบางอย่างของพี่ชายตัวเองออก
“ไปกันเลยมั้ยครับพี่?” ต้นเอ่ยถามหยกเมื่อถึงเวลานัดหมาย หญิงสาวหันมองตามพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา
“จ้าๆ ต้นว่างแล้วเหรอ ไม่ได้ติดธุระอะไรใช่มั้ย?” หยกเอ่ยถามไปตามมารยาท
“ไม่เป็นไรครับว่างแล้วล่ะ พึ่งส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คให้ลูกค้าไปเมื่อกี้เอง” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยื่นส่งหมวกกันน็อคใบเล็กให้พี่สะใภ้รับมันไปสวมไว้อย่างว่าง่าย ข้อดีอย่างนึงของการเป็นฟรีแลนซ์รับงานเป็นจ๊อบๆ แบบต้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของความเป็นอิสระในชีวิตประจำวันนี่แหละ
“โทษทีนะ จู่ๆ เฮียเค้าก็เกิดติดธุระกับคนงานขึ้นมากะทันหันน่ะ” หยกประกบมือเข้าหากันทำท่าทางออดอ้อนขอโทษขอโพย หนุ่มต้นฟังแล้วก็แอบอมยิ้มนิดๆ นึกขำที่พี่สะใภ้ตัวเองช่างโดนหลอกได้ง่ายดายเหลือเกิน นี่ถ้าเกิดอาเฮียตัวแสบแกเป็นพวกชอบแอบมีกิ๊กแล้วล่ะก็ ป่านนี้ก็คงได้หนีไปสนุกเพลิดเพลินกันถึงไหนต่อไหนแล้ว
ต้นขยับขึ้นไปนั่งพร้อมกับใช้กุญแจไขสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์ฟีโน่คันเก่ง ซึ่งเฮียต๋องซื้อไว้ให้เป็นของขวัญสำหรับเอาไว้ขี่ไปทำธุระใกล้ๆ บ้าน พอคนขับหนุ่มตั้งหลักได้เรียบร้อย ผู้โดยสารสาวก็ขยับก้าวขึ้นมานั่งซ้อนท้ายทันทีในท่าหันข้าง หัวไหล่นุ่มๆ ของเธอในชุดเสื้อแขนกุด จึงแนบสนิทพิงไปกับแผ่นหลังของต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้างฝ่ายสาวเจ้าน่ะไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว เพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง ก็เลยไม่ทันรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ฝ่ายเจ้าหนุ่มต้นคนขับหน้าละอ่อนนี่สิ กลับบังเกิดอารมณ์หวิวๆ แปลกๆ ขึ้นมาเมื่อได้สัมผัสเข้ากับผิวกายนุ่มๆ ของพี่สะใภ้ ยิ่งจังหวะที่รถเบรคหรือหักเลี้ยวๆ แรงๆ เมื่อไหร่ สาวหยกเป็นต้องไถลกายเข้ามาเบียดอัดแนบชิดกับแผ่นหลังของต้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทันระวังตัว เมื่อรวมเข้ากับกลิ่นกายหอมๆ ของเธอที่ลอยฟุ้งแตะจมูก จนส่งผลให้คนขับหนุ่มใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ กว่าจะประคองตัวขับพามาถึงที่ได้ก็แอบตื่นเต้นหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย
“งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอข้างนอกนี่นะครับพี่” ต้นเอ่ยปากบอกหยก ขณะกำลังเตรียมจะจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“เอ้ย! ไม่เอาดิ มาเดินด้วยกัน จะมายืนรอทำไมข้างนอกมืดๆ ให้ยุงกัด ป่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงหนมเป็นการตอบแทนที่พามา อ้อ! แล้วบุหรี่อ่ะเลิกสูบได้แล้ว ถ้าไม่สงสารร่างกายตัวเองก็เห็นใจเตี่ยเค้าหน่อย” ซ้อหยกรีบคว้าแขนหนุ่มต้นจูงลากเข้าไปในห้างด้วยกัน ส่วนต้นที่ไม่รู้จะเถียงยังไงก็เลยได้แต่ยอมเดินตามเธอไปง่ายๆ ก่อนที่จะพบว่าตัวเองกำลังถูกลากมาติดอยู่ในห้วงเวลาแห่งการช็อปปิ้งของพี่สะใภ้สาวโดยไม่รู้ตัว พอหลังจากทำธุระที่ตั้งใจไว้เสร็จ เจ้าหนุ่มต้นของเราก็โดนสาวหยกทั้งลากทั้งจูงพาเดินแวะเข้าร้านนู้นทีออกร้านนี้ทีจนแทบจะขาลาก
“ไม่เอาไรแล้วใช่มั้ยครับพี่?” ต้นเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นหยกหยุดยืนอยู่กับที่มาครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จ้ะ เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเรากลับกันเลยดีกว่า นี่ก็จะทุ่มนึงอยู่แล้ว”
“ครับพี่” ต้นรับคำง่ายๆ ด้วยความยินดี
“มากับต้นนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นเฮียนะ แค่พี่เดินดูของนิดๆ หน่อยๆ แกก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งไม่หยุดแล้ว” หยกเอ่ยปากชมน้องสามีด้วยเสียงหวาน
“คือถ้าเมื่อกี้พี่บอกว่าจะเดินต่ออีกนี่ผมก็จะเริ่มบ่นเหมือนกันล่ะครับ” คำตอบของต้นทำเอาหยกหลุดขำออกมาเบาๆ
“โธ่เอ๊ย... สุดท้ายก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยสิเนี่ย ป่ะๆ กลับกัน เดี๋ยวต้นจะบ่นพี่อีกคนซะก่อน” สาวหยกรีบชิงออกตัวพร้อมกับเดินนำหน้าไปที่ลานจอดรถ โดยมีหนุ่มต้นที่กำลังหิ้วถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรังค่อยๆ เดินตามหลังไปแบบไม่ห่าง
“อะแฮ่มๆ... ไปเที่ยวกันมาสนุกสนานเลยนะจ๊ะเมียจ๋า” เสียงเฮียต๋องร้องแซวขึ้นทันทีเมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าบ้าน
“อ้าว! ก็ตัวเองเป็นคนเบี้ยวนัดหยกเองไม่ใช่รึไง แล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะ” ซ้อหยกพูดสวนกลับไปพร้อมกับยกสองมือขึ้นเท้าสะเอว ทำหน้าเคืองๆ นิดๆ
“แฮะๆ แล้วตกลงได้ซื้อจับเลี้ยงมาฝากเฮียอ๊ะป่าว” หนุ่มใหญ่รีบร้องออดอ้อนหาของกินอย่างอารมณ์ดี
“อยู่ในถุงนี่อ่ะ เดี๋ยวหยกเอาไปแช่เย็นก่อนนะ จะได้อร่อยๆ” ภรรยาสาวพูดแล้วชูถุงพลาสติกถือเดินเข้าบ้านไป
“ว่าไง... ไปเดทกันเพลินเลยนะเอ็ง หน้าบานมาแต่ไกล” เฮียต๋องพูดแซวต้นเบาๆ
“ตลกแระ... เฮียนั่นแหละ วางแผนอะไรอยู่ รู้นา...” ต้นกระซิบตอบ ทำหน้าอมยิ้มอย่างรู้ทัน
“เอ้า ก็อยากให้เอ็งสองคนสนิทสนมกันขึ้นมาบ้างไง เพื่อว่า 'อะไรๆ' มันจะได้ก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง” ผู้เป็นพี่พูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“แสดงว่าสุดท้ายแล้ว... เฮียก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่หยกใช่มั้ยเนี่ย” ต้นพูดดักคอขึ้นมา
“ใครบอก เฮียลองไปคุยมาแล้วต่างหาก” คำตอบของเฮียต๋องทำให้ต้นหูผึ่งขึ้นมาทันที
“เฮ้ย! จริงดิ... แล้วไหงพี่หยกเค้าไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลยวะเฮีย” ต้นร้องเบาๆ อย่างตกใจ
“ก็... ที่บอกว่าคุยกันแล้วน่ะ เฮียแค่ลองเกริ่นๆ เรื่องจะหาคนมาทำลูกแทนเฉยๆ นั่นแหละ แต่ยังไม่ได้เฉลยให้เค้ารู้ว่าเป็นต้นไง” ต๋องพูดด้วยน้ำเสียงแทบจะกระซิบอยู่แล้ว
“แล้ว... แล้วพี่เค้าว่าไงมั่งอ่ะ?” เสียงของต้นเองก็เบาบางลงไม่แพ้กัน พร้อมๆ กับก้อนน้ำลายที่ขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ
“เค้าก็ด่าเฮียยับเลยน่ะสิวะ ฮ่าๆๆๆ เอ็งก็รู้อยู่ว่าหยกมันหัวโบราณขนาดไหน อยู่ดีๆ จะให้ไปนอนกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่ยอมง่ายๆ หรอก” ต๋องสารภาพความล้มเหลวออกมาตรงๆ
“ก็ว่าแล้ว.... แล้วทีนี้เฮียจะเอาไงล่ะ ดูท่าทางแล้วพี่หยกเค้าคงไม่เล่นด้วยแน่ๆ หรือต้องหันไปลองวิธีอื่น?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เฮียคิดแผนออกแล้ว รับรอง สุดท้ายหยกเองต้องยอมด้วยแน่นอน” พี่ชายตัวแสบยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ จนน้องชายสุดที่รักอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้
“แผนอะไรวะเฮีย? อย่าบอกนะว่าจะให้ต้นไปกล่อมพี่หยกด้วยตัวเองน่ะ”
“เอ็งนี่หัวไวสมเป็นน้องเฮีย แต่ผิดไปนิดนึง ไม่ได้ให้ไปกล่อมตรงๆ แต่จะให้เอ็งไปจีบหยกมันให้ติดแทน” ต๋องยกนิ้วชี้หน้าน้องชายอย่างชอบอกชอบใจ
“โอ๊ย ความคิดเฮียแต่ละอย่างนี่แม่ง... ฟังแล้วปวดกบาลเลย แล้วถ้าเกิดผมไปจีบแก แล้วแกไม่เอาด้วย เอาเรื่องนี้มาฟ้องเฮีย ผมไม่กลายเป็นหมาในสายตาพี่เค้าเหรอ?” ต้นรีบออกตัวด้วยความกังวล
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหยกมันมาฟ้อง เดี๋ยวเฮียจะช่วยแก้ต่างให้เองอีกทางนึง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าเอ็งนั่นแหละ จะมีปัญญาจีบสาวให้ติดได้รึเปล่า” คำพูดของเฮียต๋อง พาให้ต้นนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเคยเข้าไปติดพันกับหญิงสาวรุ่นพี่ในที่ทำงาน ซึ่งเธอนั้นก็แต่งงานและมีครอบครัวแล้วเช่นเดียวกัน หรือนี่คือโชคชะตาอะไรบางอย่างที่ถูกกำหนดมาให้เค้าต้องคอยทำเรื่องผิดศีลซ้ำซากอยู่แบบนี้....?
โดยที่ความจริงอีกข้อนึงที่หนุ่มต้นไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ก็คือความจริงที่ว่าสามีของผู้หญิงทั้งสองคนที่เค้าต้องเข้าไปพัวพันด้วยนั้น ต่างก็คอยสนับสนุนและยุยงส่งเสริมให้กับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นลับหลังนี้ด้วยตนเองทั้งคู่...
เมื่อปรึกษากันได้ความว่าแผนการทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ จะเดินหน้าไปได้ก็ต่อเมื่อซ้อหยกยอมเปิดใจให้กับต้นเท่านั้น ทั้งสองคนพี่น้องจึงเริ่มต้นปฏิบัติการณ์ตามแผนทันที โดยที่ต้นเองก็ค่อยๆ หาทางตีสนิทกับพี่สะใภ้คนสวยให้มากขึ้น ด้วยการหาโอกาสไปรับไปส่งเธอในเวลาที่เฮียต๋องเกิดติดธุระไม่ว่างจริงๆ หรือบางครั้งก็แค่แกล้งไม่ว่าง เพื่อที่จะบีบบังคับให้ภรรยาสาวผู้ไร้ซึ่งทักษะในการขับขี่รถยนต์ใดๆ ต้องอาศัยคอยซ้อนท้ายเกาะเอวน้องสามีตัวเองไปนู่นไปนี่อยู่บ่อยๆ
ข้างฝ่ายพี่ชายเองก็ดีใจหาย ออกแรงช่วยส่งเสริมน้องชายอีกทางนึง ด้วยการทุ่มเทดูแลกิจการแบบเป็นบ้าเป็นหลัง วันๆ แทบจะหายไปหมกตัวเฝ้าเกสท์เฮาส์ กว่าจะกลับบ้านก็แทบค่ำมืด จนไม่มีเวลามาคอยเอาอกเอาใจสวีทหวานกับเมียตัวเองเหมือนเดิม จนฝ่ายสะใภ้สาวต้องแอบเก็บความขมขื่นเอาไว้ในใจคนเดียวเงียบๆ เนื่องจากไม่อยากสร้างปัญหาวุ่นวายให้สามีต้องมาเหนื่อยมาเครียดไปกว่าเดิม และเมื่อหนุ่มต้น ผู้เปรียบเสมือนน้องชายอีกคนของเธอเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้ามาคอยดูแลเทคแคร์อยู่ไม่ห่างแบบนี้ ก็เลยทำให้หยกพอที่จะคลายความเหงาและอ้างว้างลงไปได้บ้าง สวนทางกับความสนิทสนมที่มีให้กับน้องสามี ซึ่งดูจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
“พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่กี่ปีแล้วนะ?” หนุ่มต้นเอ่ยถามเปิดประเด็นขึ้นมา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นกันอยู่ที่ถนนคนเดินหลาดใหญ่ ในช่วงหัวค่ำวันหนึ่ง
“อืม.... ก็ราวๆ 4-5 ปีมั้ง ทำไมเหรอ?” ซ้อหยกตอบกลับมาพลางก้มลงกัด
“แล้วพี่ไม่รู้สึกเบื่อมั่งเหรอ ที่ต้องลาออกจากงาน ห่างเพื่อน ห่างครอบครัว มาใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ ขนาดว่าผมเกิดที่นี่นะ แต่พอย้ายกลับมาอยู่ได้ไม่ทันถึงปียังเริ่มที่จะเบื่อเลย” ต้นพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถึงความรู้สึกภายในใจลึกๆ ของเธอออกมา การที่หญิงสาวคนนึงซึ่งเกิดและโตมาที่กรุงเทพฯอันแสนจะศิวิไลซ์ ต้องย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ต่างที่ต่างเมืองแบบนี้ ก็คงอดรู้สึกคิดถึงบ้านไม่ได้
“อยู่คนเดียวที่ไหน พี่ยังมีเฮียต๋องของต้นคอยกวนประสาทอยู่ทุกวันนี่ไง” ซ้อหยกตอบพร้อมกับยิ้มหวานอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางๆ ของเธอมันช่างยั่วยวนชวนให้ต้นจ่อจรดท่อนเนื้ออุ่นๆ ยัดปากเธอเสียจริงๆ อา... พอเผลอเมื่อไหร่ ความคิดชั่วๆ เป็นต้องแล่นวาบขึ้นมาในหัวของต้นโดยอัตโนมัติไปซะทุกที
“แต่ว่า... ช่วงหลังๆ เฮียเค้าเอาแต่ทำงาน ไม่เห็นมีเวลามาเอาใจใส่พี่หยกเหมือนเดิมเลยนี่ครับ” ต้นไม่รีรอ รีบพูดตอกย้ำถึงข้อเสียของพี่ชายด้วยความเต็มใจ สาวหยกที่ได้ยินแบบนี้ก็หน้าเจื่อนลงไปนิดนึง แต่ยังพยายามยิ้มสู้
“ถึงเฮียต๋องจะไม่ว่าง... แต่พี่ก็ยังมีต้น... แล้วก็มีเตี่ยกับโกวอยู่เป็นเพื่อนทั้งคนไง” คำพูดของเธอดูจะสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าได้โดยไม่ทันรู้ตัว
“เสียดายนะครับเมืองนี้มันเล็กไปหน่อย ขับรถแป๊บเดียวก็ครบรอบแล้ว เลยไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนต่อ” ต้นพยายามชวนคุยเปิดประเด็นต่อ
“อืม... ตัวเมืองมันเล็กก็จริงนะ แต่พวกหาดกับเกาะก็ยังสวยอยู่ ไปเที่ยวได้ไม่เบื่อเลย ตั้งแต่ย้ายมานี่ พี่ก็พึ่งจะมีโอกาสนั่งเรือข้ามไปเกาะนู้นเกาะนี้แค่ไม่กี่ครั้งเอง” ซ้อหยกพูดพลางทำหน้าเสียดาย
“ถ้างั้น.... ไว้เราลองไปเที่ยวกันดูมั้ยครับ? ตั้งแต่กลับมานี่ ผมเองก็ยังไม่เคยได้ไปดำน้ำเล่นที่เกาะแถวๆ นี้เลย” หนุ่มต้นรีบเอ่ยปากเสนอตัวอย่างรวดเร็ว
“อือก็ดีนะ แต่ว่า... กลัวว่าเฮียเค้าจะไม่ว่างไปน่ะสิช่วงนี้” สาวหยกตอนแรกก็ยังทำท่าดีใจอยู่ แต่พอนึกไปถึงธุระปะปังที่รัดตัวพัวพันเกาะติดสามีของเธอในช่วงหลังๆ แล้วก็อดรู้สึกเซ็งๆ ขึ้นมาไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเฮียไม่ว่าง เดี๋ยวเราไปกันแค่สองคนพี่น้องก็ได้” ต้นจงใจใช้คำเรียกแทนตัวเองเป็นพี่น้องเพื่อสร้างความสบายใจให้กับเธอ
“อืม.... ไม่รู้เหมือนกัน ไว้เดี๋ยวค่อยลองกลับไปชวนเฮียดูก่อนแล้วกันเนาะ” สาวหยกพยายามตอบเลี่ยงๆ ไว้ก่อน แม้ว่าเธอจะสนิทสนมกับน้องชายสามีคนนี้อยู่พอสมควร แต่การจะไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นซึ่งไม่ใช่สามีแบบสองต่อสอง ในสถานที่ไกลหูไกลตาจากคนในบ้านขนาดนั้น ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ค่อนแปร่งๆ สำหรับเธออยู่พอสมควร
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหนุ่มต้นของเราจึงชิงจังหวะ หาโอกาสเตี๊ยมแผนกับพี่ชายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน และเมื่อสาวหยกลองเอ่ยปากชวนสามีไปเที่ยวด้วยกันสามคน ต๋องจึงรีบบอกปฏิเสธไปแทบจะในทันที โดยอ้างว่าจะต้องอยู่ดูแลกิจการหน้าที่ที่แสนจะรัดตัวเสียเหลือเกิน พร้อมกับยัดเยียดภาระหน้าที่ให้เธอต้องเป็นไกด์เฉพาะกิจ พาน้องชายสุดที่รักไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศที่เกาะแทน เพราะอดสงสารที่น้องต้องมานั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไปวันๆ แบบนี้ ฝ่ายหยกเอง เมื่อเห็นว่าสามีดูจะสนับสนุนและเห็นดีเห็นงามด้วยขนาดนี้ก็จึงคลายความกังวลลงไปบ้าง และตกลงปลงใจยอมไปเที่ยวกับต้นกันแบบสองต่อสองในที่สุด
“แล้วตกลงต้นอยากไปที่ไหนอ่ะ?” ซ้อหยกเอ่ยปากถามถึงจุดหมายปลายของทริปพิเศษนี้
“เอาจริงๆ นะ ผมไม่รู้เลยว่าที่นี่มีเกาะอะไรน่าเที่ยวมั่ง” ต้นตอบกลับมาอย่างจนใจ
“งั้น.... ลองไปเกาะไม้ท่อนดูมั้ย ไม่ไกลเท่าไหร่ ทรายสะอาด ปะการังก็สวย ดำน้ำได้สบายเลย” หยกเสนอความเห็นขึ้นมา หนุ่มต้นที่ตั้งใจฟังอยู่ก็เออออตามทันทีแบบไม่ต้องคิด
“เอานั่นแหละพี่ๆ ขอใกล้ๆ ก่อน เผื่อเดี้ยงขึ้นมาจะได้กลับโรงบาลทัน”
“หา... ไปเกาะแค่นี้เอง ถึงกับเดี้ยงเลยเหรอ?” หยกทำท่าประหลาดใจ
“ไม่แน่หรอกครับ สตีฟเออร์วินที่ว่าแน่ๆ ยังมาโดนกระเบนที่บ้านเราแทงตายง่ายๆ เลย” คำตอบของต้นทำเอาซ้อหยกหัวเราะร่วนออกมาด้วยความชอบใจ
เมื่อถึงวันนัดหมาย ทั้งสองคนเตรียมกระเป๋าเป้ใบเล็กสำหรับใส่เสื้อผ้าไปเปลี่ยนแค่เพียงคนละ 1-2 ชุด ต่างคนต่างสะพายเป้ของตัวเองแบกขึ้นไหล่ พากันซ้อนมอเตอร์ไซค์ขี่ไปจนถึงหน้าร้านทัวร์ที่จองเรือไว้ใกล้ๆ ท่าเรือ เสร็จแล้วก็ลงไปนั่งรวมอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติที่มารอกันตั้งแต่ช่วงสายๆ พร้อมกับจัดแจงทาครีมกันแดดรอเวลา ก่อนที่ไกด์ทัวร์สาวร่างอวบจะลุกขึ้น แล้วเดินนำพาทุกคนไปลงเรือสปีดโบ้ทสำหรับนั่งข้ามฟากกัน
สภาพของเกาะที่ครั้งนึงเคยถูกปิดเป็นเกาะส่วนตัว สำหรับเอาไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าคนดังจากต่างประเทศ ทุกวันนี้ก็ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไรนัก หาดทรายขาวละเอียดดูสะอาดสะอ้าน น้ำทะเลรอบๆ เกาะใสแจ๋วเป็นสีฟ้าในแบบเดียวกับที่เราๆ เคยเห็นกันในใบปลิวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มองเห็นฝูงปลาตัวน้อยที่แหวกว่ายเล่นกันอยู่อย่างเริงร่า ปะการังสวยๆ รอให้นักท่องเที่ยวดำผุดดำว่ายสำรวจอยู่ไม่ไกลจากบริเวณรอบๆ เกาะ ดูไปดูมาราวกับว่าที่นี่คือสวรรค์บนดินก็ไม่ปาน
“เสียดายเนอะ ที่เฮียไม่ได้มาด้วยกัน” ซ้อหยกบ่นคิดถึงสามีของตัวเองให้น้องสามีฟัง ขณะที่กำลังเดินเล่นเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลอยู่ริมหาด
“ไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสพาแกมาเที่ยวบ้างก็ยังไม่สายนะครับพี่” ต้นกล่าวปลอบใจเธอเบาๆ พลางยื่นส่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆ ที่ซื้อติดตัวมาด้วยให้เธอดื่มแก้กระหาย
“อืมมม ฮ่าาา” สาวรุ่นพี่กระดกน้ำอัดลมอึกๆๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างชื่นใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าน้องชายสามีของตัวเอง กำลังแอบจ้องสำรวจเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธออยู่ทางด้านหลังเงียบๆ สาวอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่คลุมหน้าขา คราบเหงื่อที่เปียกชื้นที่ด้านหลัง ทำให้สามารถมองลึกเข้าไปเห็นถึงสายเชือกบิกินีที่คาดอยู่บนแผ่นหลังของเธอ ด้านล่างเป็นกางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำแบบผ้ายืด
“พี่หยกไม่ถอดเสื้อนอกออกเหรอครับ?” ต้นรีบเอ่ยทักขณะกำลังรูดเสื้อยืดของตัวเองออกทางหัว เหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบแนบเนื้อสีดำที่ติดตัวอยู่ด้านล่าง แม้ว่าท่อนเนื้อด้านในจะยังไม่ถึงกับตื่นตัวซักเท่าไหร่ แต่ความแนบเนื้อรัดรูปของกางเกง ก็พอจะทำให้ซ้อหยกสังเกตเห็นถึงรูปร่างของอวัยวะที่ซุกซ่อนอยู่ภายในได้แบบเลาๆ พอเห็นแบบนี้เธอจึงรีบหันหน้าหลบตาด้วยความเขินทันที
“ไม่เอาดีกว่า พี่เขิน” เธอว่าโดยไม่ยอมสบตา
“ไม่ต้องเขินหรอกครับพี่ มองไปรอบๆ สิ มีแต่นักท่องเที่ยวฝรั่งหัวเหลืองกับพวกแก๊งชาวจีนทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครรู้จักเราหรอก” ต้นยังพยายามยุให้เธอถอดเสื้อผ้าออกให้ได้
“โหยไม่เอาหรอก... หุ่นก็ไม่ดี ถอดไปมีแต่จะได้โดนคนอื่นเค้านินทาเอาอ่ะดิ”
“โธ่... ไม่มีใครนินทาหรอกครับ ถึงมันนินทาเราก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว อีกอย่างหุ่นพี่ก็ดีจะตายผมเคยเห็...” หนุ่มต้นหลุดปากพูดออกไปอย่างลืมตัว ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำพลาดมหันต์ซะแล้ว สะใภ้สาวฟังแล้วก็หน้าชาทันที เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน ที่เธอกับต้นปะหน้าเข้าอย่างจังตอนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง มันเป็นเหตุการณ์น่าอับอายที่เธอพยายามจะลืมเลือนไปนานแล้ว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะทำได้สำเร็จสมใจเสียด้วย จนกระทั่งหนุ่มต้นเผลอไปจุดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งใจนั่นแหละ...
“ฮื้ออออออ! ต้นอ่ะ! ทุเรศ! จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมลืมอีก” เธอร้องแหวออกมาด้วยความอายสุดขีด เดินหนีขึ้นฝั่งงุดๆ โดยไม่ยอมหันกลับมามอง จนต้นต้องรีบจ้ำอ้าวตามเธอไปติดๆ
“พี่หยกผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนั้นเลยครับ ผมแค่อยากจะชมว่าพี่หุ่นดีเฉยๆ” ชายหนุ่มรีบอธิบาย
“โหย ไม่ทันแล้วล่ะต้น หลุดปากมาซะขนาดนี้ พี่อายจนอยากจะเอาหน้ามุดทรายอยู่แล้วเนี่ย” หญิงสาวว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งชันเข่า ก้มหน้าซุกเข้ากับน่องเพื่อหลบสายตาใครๆ อยู่อย่างนั้น
“พี่หยก ผมขอโทษนะพี่...” หนุ่มต้นนั่งจ๋อยพูดเสียงอ่อยๆ อยู่ข้างๆ ส่วนหยกเองก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกันซักที
“ไม่เอาแล่ว... พี่อยากกลับบ้าน” หยกออกอาการงอนๆ
“โธ่... นี่เราพึ่งจะมาถึงกันเองนะครับพี่ อย่าพึ่งรีบกลับสิ หายโกรธเถอะนะ...” คำอ้อนวอนของชายหนุ่มดูจะไร้ผล
“ถ้าพี่หายโกรธ... ผมจะยอมทำอะไรก็ได้ตามใจพี่อย่างนึงเอ้า!” หนุ่มต้นพยายามเสนอทางเลือกให้ สะใภ้สาวฟังแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองนิดนึงด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“อะไรก็ได้จริงเปล่า...?” เธอถามเสียงเบาๆ
“อะไรก็ได้จริงๆ ครับ” ต้นยืนยันรับคำ สาวหยกที่ได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้ายิ้มแย้มพอใจขึ้นมา
“งั้นเก็บไว้ใช้วันหลังแล้วกัน” เธอพูดแล้วก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ก่อนจะขยับตัวรูดกางเกงผ้ายืดของตัวเองจนหลุดออก เผยให้เห็นบิกินีสั้นกุดทรงสปอร์ตสีฟ้าสดใส มองลึกเข้าไปเห็นเนินเนื้อแก้มก้นของเธอแล่บออกมาล้อเล่นนิดๆ เวลาเคลื่อนไหว ความขาวเนียนของเธอ เล่นเอาหนุ่มต้นถึงกับควยแข็งขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว
“ถอดแค่นี้นะ ข้างบนไม่กล้าอ่ะ อายเค้า” หยกพูดเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวหนีลงไปเล่นน้ำทะเล จนหนุ่มต้นที่กำลังหัวใจเต้นตึกตัก ต้องรีบก้าวตามเธอลงน้ำไปติดๆ ทั้งสองเล่นน้ำหยอกล้อกันอย่างสนุกสนามเต็มที่ วิ่งไล่สาดน้ำใส่กันเหมือนกับเด็กๆ จนมีบางจังหวะที่เผลอถูกเนื้อต้องตัวโดนกันโดยไม่ทันระวัง
หนุ่มต้นที่คิดเกินเลยอยู่ในหัว ต้องพยายามใช้ความอดทนระงับอารมณ์เป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เจ้าท่อนเนื้อด้านล่างมันตื่นตัวโด่เด่ไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายแล้วพี่สะใภ้คนสวย ก็ยังคงสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกติบางอย่าง ที่กำลังคับตุงกางเกงของชายหนุ่มได้อยู่ดี ท่อนเอ็นอวบอุ่น ตอนนี้กำลังพองตัวคับแน่นจนมองเห็นเป็นลำๆ อยู่ที่เป้ากางเกงว่ายน้ำ ขนาดของมันแทบไม่ต่างอะไรจากดุ้นเนื้อของเฮียต๋องผู้เป็นสามีเลยแม้แต่น้อย ความเขินอายทำให้เธอไม่กล้าที่จะจ้องมองมันตรงๆ ได้แต่แอบลอบสังเกตมันในยามที่หนุ่มต้นเผลอไผลหันหน้าไปมองทางอื่นเท่านั้น แต่เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้สาวหยกรู้สึกร้อนผ่าวๆ อยู่ในลำคอ จนหายใจติดขัดไปหมด
และแม้ว่าในใจจะแอบรู้สึกเขินๆ กันอยู่บ้างนิดๆ เวลาที่ผิวกายของทั้งคู่สัมผัสกระทบกระทั่งกัน แต่ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยังคงปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศการพักผ่อนบนเกาะนี้ จนกระทั่งตกเย็นและถึงเวลาต้องนั่งเรือกลับนั่นแหละ ทั้งคู่จึงเริ่มที่จะกลับมาสวมบทบาทของน้องสามีกับพี่สะใภ้ร่วมกันอีกครั้ง
“ถ้าวันหลังพี่เกิดเบื่อๆ เหงาๆ ขึ้นมา ก็บอกผมแล้วกันนะครับ ผมจะได้พาพี่ไปเที่ยวแบบนี้อีก” หนุ่มต้นเอ่ยขึ้นขณะกำลังนั่งสปีดโบ้ทกลับฝั่ง สาวหยกยิ้มรับเขินๆ แล้วตอบเออออตาม
“จ้า ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนนะต้น” หยกตอบแล้วก็เอนหัวพิงซบไหล่ของต้นด้วยความเหนื่อยล้าแล้วงีบหลับไป จังหวะที่ทั้งคู่กำลังจะปีนกลับขึ้นฝั่ง หนุ่มต้นที่ก้าวออกไปก่อนก็รีบยื่นมือมาให้เธอยึดจับไว้เป็นหลัก พร้อมกับออกแรงฉุดดึงรั้งร่างเธอให้ก้าวขึ้นมาอย่างสะดวก พอขึ้นฝั่งได้หยกก็รีบดึงมือตัวเองออกทันที เพราะอดรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ ทั้งคู่สบตากันยิ้มๆ เงียบๆ ก่อนจะขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับบ้านไปด้วยกัน โดยที่สาวหยกก็ยอมใช้สองมือโอบกอดเอวชายหนุ่มเอาไว้ ตามที่เขาเอ่ยปากขอซะด้วย....
=======================================
มันแทบจะกลายเป็นกิจวัตรคุ้นชินของคนทั้งคู่ไปแล้ว ที่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุยเล่นหยอกล้อกันได้เป็นวันๆ ไม่รู้จักเบื่อ เพื่อคลายความเหงาให้แก่กันและกัน จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์กลายเป็นเดือน ยิ่งนานวัน... ความสัมพันธ์ของทั้งต้นและหยก ก็เริ่มที่จะสนิทสนม... ใกล้ชิด... และตัวติดกันมากขึ้น ทั้งคู่เริ่มคุ้นเคยกับการหยอกล้อถึงเนื้อถึงตัวกันโดยไม่คิดอะไร(แม้ว่านายต้นจะแอบคิดอยู่ตลอดเวลาก็ตาม) จนดูจะเกินเลยจากคำว่าพี่สะใภ้และน้องสามีไปไกลโขพอสมควร
ทั้งสองแทบจะใช้เวลาขลุกตัวอยู่ด้วยกัน มากกว่าที่หยกได้อยู่ร่วมกับสามีของตัวเองเสียอีก โดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้สังเกตถึงความจริงอันแสนจะผิดปกติในข้อนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังหลงใหลเพลิดเพลินไปกับการเอาอกเอาใจจากน้องสามีหน้าใสคนนี้ จนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนหนุ่มต้นของเรานั้นที่พอจะเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้มาบ้าง จึงค่อนข้างที่จะคุ้นเคย และสามารถปรับตัวให้เล่นไปตามจังหวะของเกมได้อย่างไหลลื่น
และถึงแม้ว่ามันจะยังมีกำแพงบางๆ ที่คอยขวางกั้นระหว่างคนทั้งสองไม่ให้ก้าวข้ามไปหากันได้ แต่อย่างน้อยต้นเองก็ยังพอที่จะมองเห็นปลายทางสิ้นสุดของมัน ซึ่งกำลังรอคอยเค้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ ขอเพียงเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วอาเตี่ยสุดที่รักของต้น ก็คงจะได้อุ้มหลานชายอย่างสมใจแน่นอน...
ในขณะที่ต้นกับหยกกำลังค่อยๆ เดินหน้ากระหนุงกระหนิงกันไปเรื่อยๆ นั้น ทางฝั่งของต๋องเองก็คอยจงใจแกล้งปลุกอารมณ์เงี่ยนง่านของภรรยาตัวเองให้ต้องค้างเติ่งอยู่บ่อยๆ โดยที่เวลาเย็ดกัน ต๋องก็มักจะเร่งรีบกระทุ้งกระแทก รีบพาตัวเองเข้าเส้นชัยไปโดยไม่ยอมเห็นใจภรรยาสาวที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง เสร็จบ้างไม่เสร็จบ้างตามมีตามเกิด เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนภรรยาสาวต้องแอบเก็บความอึดอัดนี้ไว้คนเดียวเงียบๆ อยู่เป็นเดือนๆ
=======================================
จนกระทั่งมีอยู่วันนึง ต๋องบังเอิญต้องเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปร่วมงานแต่งของเพื่อนสนิทสมัยเรียน ก่อนจะไปก็ไม่ลืมที่จะฝากฝังน้องชายสุดที่รัก ให้ลองรุกคืบภรรยาตัวเองดูอีกซักรอบ ฝ่ายต้นก็รับคำง่ายๆ โดยไม่ได้พูดตอบอะไรมากมาย พอหลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเสร็จช่วงหัวค่ำ เตี่ยกับโกวก็แยกย้ายพากันขึ้นนอนทันทีตามประสาคนแก่ ทิ้งให้หนุ่มสาวทั้งคู่นั่งเล่นดูทีวีด้วยกันอยู่ข้างล่างแบบสองต่อสองอีกครั้ง
“ปวดหลังเหรอพี่?” หนุ่มต้นเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังทำท่าบิดแอ่นหลังไปมาด้วยความอ่อนล้า
“อืม นิดหน่อยอ่ะ พอดีวันก่อนก้มถูพื้นแล้วมันเกร็งผิดท่า” หยกตอบพร้อมกับใช้มือทุบไปที่แผ่นหลังเบาๆ
“มาพี่ เดี๋ยวผมนวดให้” ต้นรีบเสนอตัว พร้อมกับใช้มือประคองไหล่เธอให้หันแผ่นหลังมาหาตัวเอง สาวหยกสั่นสะท้านนิดๆ เมื่อโดนฝ่ามืออุ่นๆ ของชายหนุ่มบีบหมับเข้ามาที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ก่อนที่เธอจะรีบข่มความรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ นี้ ให้หลุดออกไปจากหัวโดยเร็ว สองมือของต้น ทั้งบีบทั้งนวด สลับกับการกดจุดนวดเส้นตามบ่าและหัวไหล่ของหยกจนเธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ผสมปนเปกับความรู้สึกหวิวๆ ตามตัวเมื่อถูกมือของชายหนุ่มบีบคลึงสัมผัส
“โห ต้นนวดเก่งอ่ะ ทำไมนวดเก่งจังเลย?” หยกเอ่ยถามออกไปเล่นๆ เพื่อแก้เขิน
“ตอนอยู่กรุงเทพฯผมไปนวดเกือบทุกอาทิตย์เลยฮะ พอดีต้องนั่งทำคอมทุกวัน มันเลยปวดหลังปวดไหล่บ่อยๆ พอได้นวดกับลุงคนเดิมบ่อยๆ ก็เลยได้คุยๆ ให้เค้าสอนคร่าวๆ มาบ้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจนะ ผมจะให้พี่ลองนวดน้ำมันดูแล้วเนี่ย รับรอง สบายตัวหายปวดหลังเป็นปลิดทิ้งเลย” หนุ่มต้นคุยหยอดเล่นมุกไปขำๆ
“เอาดิๆ ลองดูก็ได้” หยกเอ่ยกลับมาอย่างซื่อๆ โดยไม่ทันคิดไปว่า ไอ้การนวดน้ำมันที่ว่านั้น มันแตกต่างจากการนวดปกติอย่างไร ข้างฝ่ายหนุ่มต้นที่ได้ยินคำตอบก็อดตกใจไม่ได้ เอ่ยปากถามพี่สะใภ้อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“เอ่อ... พี่หยกรู้ใช่มั้ยครับ ว่านวดน้ำมัน มันต้องแก้ผ้าออกนะ เพราะเดี๋ยวเสื้อมันจะเลอะน้ำมัน....” สาวหยกที่ได้ยินแบบนั้นก็เขินปรี๊ดหน้าแดง ดวงตาเบิกโต อายม้วนกับความบ้องแบ๊วของตัวเองจนพูดอะไรไม่ออก
“แต่ว่า... ใส่ชุดว่ายน้ำไว้ข้างในก็ได้นะครับ แล้วเอาผ้าขนหนูคลุมตัวอีกที ไม่โป๊หรอก” หนุ่มต้นรีบอธิบายอย่างลนลานเพื่อหวังจะให้เธอสบายใจ
“มันต้อง... แก้ผ้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หยกเอ่ยถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความอายข้างใน
“ครับ.... ถ้าพี่เขิน เดี๋ยวเราไปนวดในห้องที่มิดชิดกว่านี้ก็ได้ครับ... นวดแล้วตัวเบาจริงๆ นะ” ต้นตอบกลับไปเสียงสั่น พยายามกลืนก้อนน้ำลายที่มาจุกอยู่ในลำคอ
สาวหยกชั่งใจอยู่พักใหญ่ๆ ความสุขที่ได้รับจากรสมือของต้นเมื่อครู่ กำลังโรมรันพันตูฟาดฟันกับสำนึกของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่คอยย้ำเตือนเธออยู่ลึกๆ ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังเริ่มจะล้ำเส้นของความเหมาะสมไปแล้วนะ ก่อนที่สุดท้ายแล้ว เธอจะยอมกลั้นใจตอบตกลงออกมา... โดยที่ในหัวก็พยายามยืนยันบอกกับตัวเองว่า มันคงจะไม่มีเหตุการณ์เกินเลยอะไรเกิดขึ้นมาได้หรอก ในเมื่อต้นก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเฮียต๋อง ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาก็คงบ้านแตก รู้กันไปหมดทั้งครอบครัว แล้วจะกล้าทำอะไรล่วงเกินเธอได้ยังไง ที่สำคัญก็คือ เธอเองก็พอจะมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าสามารถคุมสติตัวเองได้ ถ้าเกิดต้นคิดจะทำอะไรรุ่มร่ามขึ้นมา ถ้าเธอไม่ยอมซะอย่าง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้นมาหรอก
ต้นเดินตามพี่สะใภ้สาวเข้ามานั่งรอในบ้านของเธอที่โซฟาชั้นล่าง ในมือกำขวดน้ำมันกับผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้ ขณะที่เจ้าของบ้านขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบน นั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่ราวๆ 10 นาที ก่อนที่สาวรุ่นพี่จะปรากฏตัวออกมาที่ราวบันได โดยมีผ้าขนหนูผืนโตห่มพันรอบกายเอาไว้
“ขึ้นไปนวดข้างบนแล้วกันนะ” เธอพยักพเยิดให้ต้นเดินตามขึ้นไปบนห้องนอน พอเดินขึ้นมาถึงห้องก็พบว่าสาวหยกได้ปูผ้าขนหนูคลุมรองไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่นอนทอดกาย ปล่อยให้ต้นได้ใช้สองมือนวดคลึงเรือนร่างนุ่มๆ ของเธอ ที่ชุ่มโชกไปด้วยคราบน้ำมันหอมเท่านั้นเอง สาวหยกขยับตัวขึ้นไปนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง ขยับปลดผ้าคลุมให้กางพาดทับไว้ระหว่างตัว เพื่อให้คนนวดสามารถดึงเปิดปิดได้โดยง่าย ก่อนที่จะฟุบหน้าลงไปบนหมอนแล้วไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีก
“ถ้างั้นผมขออนุญาตนะครับพี่” หนุ่มต้นถามย้ำเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าเบาๆ แล้ว ก็ลงมือขยับขึ้นไปทาบคร่อมตัวของเธอไว้ทันที ใช้มือขยับดึงผ้าขนหนูให้พับลงมา เหลือปิดไว้แค่ช่วงสะโพกด้านล่างคลุมไปถึงหน้าขา เผยให้เห็นถึงสายชุดว่ายน้ำสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ ต้นกลืนน้ำลายเบาๆ หนึ่งที เทราดน้ำมันลงไปบนแผ่นหลังขาวเนียนสะอาดตา ก่อนจะค่อยๆ วางมือลงไปสัมผัสกับผิวกายของเธออีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ไม่มีเสื้อผ้ามาขวางกั้น
ทุกครั้งที่ต้นออกแรงกดลงไปเน้นๆ เสียงครางอืออย่างพึงพอใจของพี่หยก ก็จะลอยลอดผ่านลำคอออกมาเบาๆ ยิ่งเธอแสดงท่าทีพอใจเท่าไหร่ ต้นก็ยิ่งได้ใจ ใช้มือนวดคลึงสำรวจผิวกายไปทั่วบริเวณแผ่นหลังของเธอ จนกระทั่งความลื่นของน้ำมัน ทำให้มือของต้นลื่นพลาดไปแตะเข้าที่เต้านมด้านข้างเบาๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ว้ายตายแล้ว!” หยกอุทานออกมาด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ มือมันลื่นไปโดนพอดี” ต้นรีบแก้ตัวอย่างลนลาน สาวหยกที่ฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไรมาก เพราะน้ำมันที่ชโลมร่างของเธอนั้นมันก็ดูจะลื่นไหลอย่างที่ต้นบอกจริงๆ จะให้ไปตั้งแง่สงสัยอะไรกับน้องชายสามี ผู้ที่ไม่เคยแสดงท่าทีล่วงเกินลวนลามเธอเลยซักครั้ง มันก็ใช่เรื่องเปล่าๆ
“จ้ะๆ ไม่เป็นไร...” เธอพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ในใจตอนนี้กำลังเต้นโครมครามจนแทบจะได้ยินออกมาถึงข้างนอก เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ว่าอะไร หนุ่มต้นจึงรู้สึกโล่งใจ และลงมือนวดเฟ้นแผ่นหลังของเธอต่อ
“พี่หยกจะให้ผมนวดน่องนวดขาด้วยมั้ยครับ? ปวดขาบ้างรึเปล่า?” ต้นเอ่ยถามเธอหลังจากนวดไปได้ราวๆ 10 นาที
“อืออ.... เอาเลยจ้า” สาวหยกที่กำลังเพลิดเพลินจนเกือบจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว ร้องตอบกลับมาราวกับเสียงกระซิบ ต้นจึงค่อยๆ ถลกผ้าขนหนูของเธอขึ้นไปพาดปิดไว้ด้านบนแทน กางเกงว่ายน้ำแบบบิกินีสีดำเต็มตัว จึงปรากฏออกมาพร้อมกับสะโพกทรงกลมเต่งตึง ฝ่ามือหนาใหญ่ถูกวางทาบลงไปบนน่องขาของเธอแทบจะในทันที ก่อนที่ต้นจะค่อยๆ บีบคลึงนวดกระตุ้นปลีน่องอวบอัดของหยกด้วยความตั้งอกตั้งใจ นวดไล่ลงไปถึงปลายเท้า ก่อนจะค่อยๆ นวดเลื่อนกลับขึ้นมาที่น่องขาด้านบน แล้วค่อยๆ เลยไปถึงต้นขาของเธอช้าๆ เน้นๆ ตลอดเวลาที่นวดกันนั้น ท่อนเนื้อแข็งๆ ของต้น ก็คอยถูไถสัมผัสเข้ากับสะโพกและหน้าขาของหยกอยู่ตลอด จนเธอเริ่มรู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมา
“ฮืมมมมมม” เสียงครางถูกปล่อยให้ลอดออกมาอีกครั้ง เมื่อสองมือหนาๆ ของต้น กดเน้นลึกลงไปที่บริเวณขาอ่อนด้านใน หวุดหวิดจะเฉี่ยวโดนของสงวนของเธออยู่หลายครั้ง สะใภ้สาวใจเต้นระส่ำตึ่กๆ ตั่กๆ จังหวะการหายใจดูจะถี่ยิบขึ้นกว่ายามปกติ และก่อนที่เธอจะเผลอแอ่นกายบดเบียดสู้กับน้ำหนักมือของชายหนุ่มอย่างลืมตัว ต้นก็ชิงเป็นฝ่ายพูดขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน
“ให้ผมนวดด้านหน้าด้วยเลยมั้ยครับพี่?” คำถามจากน้องชายสามี ดูจะรุกเร้าและคุกคามเรือนร่างของเธออยู่ไม่น้อย หากเป็นในเวลาปกติ หยกคงจะรีบตอบปฏิเสธเขาไปทันควัน ด้วยเพราะรู้สึกว่ามันดูจะไม่เหมาะสมยังไงชอบกล แต่เนื่องจากความรู้สึกอึดอัดบางอย่าง ที่ถูกเก็บกดให้ค้างคามานานด้วยฝีมือของเฮียต๋อง เมื่อรวมเข้ากับความรู้สึกผูกพันใกล้ชิดที่เธอมีให้กับหนุ่มต้นมาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ก็ทำให้อารมณ์ความยับยั้งชั่งใจของสาวหยกที่มีต่อเขา ลดน้อยลงไปด้วย จนยอมตอบตกลงไปโดยที่ตัวเองก็ยังนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ผมเอาผ้าออกเลยแล้วกันนะครับ ไหนๆ มันก็เลอะไปแล้ว” หนุ่มต้นเอ่ยพร้อมกับเตรียมจะดึงผ้าขนหนูที่ปิดบังผิวกายขาวๆ ของซ้อหยกออก และเป็นอีกครั้งที่คำตอบตกลง หลุดลอดออกมาจากปากของเธออย่างง่ายดายเกินคาด หยกนอนหลับตาปี๋ ขณะที่ผ้าขนหนูถูกดึงหลุดออกไปช้าๆ ปล่อยให้เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมในชุดว่ายน้ำ ปรากฏออกมาแก่สายตาของต้นในที่สุด เนินนมโค้งนูนได้รูป สองเต้าขนาดกำลังพอดีมือ เบียดชิดกันอยู่ภายใต้บิกินีสีดำสนิท เอวเพรียวบางคอดกิ่ง สะโพกผายหนั่นแน่นไปด้วยเนื้อสาวดูนุ่มนิ่ม ตรงหน้าท้องขาวๆ มีร่องสะดือโบ๋เป็นรูสวยคั่นกลาง ระหว่างทรวงอกอวบอิ่มกับเนินสาวของเธอที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงว่ายน้ำทรงบิกินีสีเดียวกับท่อนบน
สองมือของต้นค่อยๆ ออกแรงบีบนวดผิวกายของเธอจากบริเวณหัวไหล่ ไล่ลามลงมาที่ท่อนแขน ก่อนจะโดดข้ามลงไปยังหน้าท้องเนียนเรียบ ต่ำลงไปยังหน้าขาขาวอวบ แล้วก็ไล่วนกลับมาที่หน้าท้องอีกครั้ง น้ำหนักมือของชายหนุ่มกดสลับกันไปมา บ้างก็นุ่มนวลชวนฝัน บ้างก็หนักแน่นจนเธอต้องหลุดครางสะดุ้งออกมาเบาๆ ซึ่งทุกครั้ง ชายหนุ่มก็จะคอยหยุดมือและถามไถ่ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตลอด สาวหยกโดนทั้งกดทั้งนวดจนตัวอ่อนไปหมด ใบหน้าแดงแป๊ดเป็นลูกตำลึง ลามขึ้นไปถึงใบหู พยายามข่มเสียงครางของตัวเองเอาไว้ให้อยู่แค่ในลำคอ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้ถูกชายอื่นซึ่งไม่ใช่เฮียต๋องผู้เป็นสามี มาจับสัมผัสฟอนเฟ้นเรือนร่างของตัวเองแบบนี้
ความรู้สึกร้อนวูบวาบก่อตัวขึ้นมาทั่วร่างของหยก โดยเฉพาะบริเวณหว่างขาที่แอบรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ ใจนึงก็นึกอายที่ต้องมานอนกึ่งโป๊กึ่งเปลือยให้น้องชายสามีหนุ่มบีบคลึงร่างกายอยู่แบบนี้ แต่อีกใจนึงก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เวลาที่ได้เห็นชายหนุ่มแอบกลืนน้ำลายอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับลอบจ้องสำรวจเรือนร่างของเธอผ่านๆ โดยคิดไปว่าเธอคงจะไม่ทันจับสังเกตสายตาของเขาได้ พอเห็นแบบนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจแอบเหลือบมองสำรวจพื้นที่ลับเฉพาะที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงของเขาเช่นกัน ภาพท่อนเนื้อที่แข็งตุงเป็นลำ ซึ่งกำลังดันผ้ากางเกงออกมาจนโป่งพองเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้หยกถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อจินตนาการไปถึงรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของมัน โดยอ้างอิงจากรูปร่างและขนาดของเฮียต๋องที่เคยผ่านมือผ่านตามาก่อน และทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งทะยานขึ้นมาถึงขีดสุด....
“ต้น...” เสียงหยกเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเบาๆ
“ครับพี่?” ต้นตอบกลับไปโดยที่มือยังคงทำงานไม่ยอมหยุด
“ต้นยังจำสัญญาที่บอกว่าจะยอมทำตามที่พี่บอกอย่างนึงได้มั้ย?”
“.... ครับพี่...” ต้นตอบกลับไปเสียงสั่น ในหัวหมุนติ้วๆ รีบคิดล่วงหน้าว่าเธอกำลังจะสั่งอะไรออกมา
“พี่อยากให้ต้น เอ่อ... อยากให้ต้นถอดเสื้อผ้าตัวเองออก...” คำพูดของเธอทำให้ต้นตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
“ยังไงนะครับ?” ชายหนุ่มหยุดมือค้างไว้แถวๆ ซี่โครงใต้ราวนมของเธอ
“พี่อยากให้ต้นถอดเสื้อผ้าออก... ให้เหมือนกับพี่น่ะ ก็ต้นเล่นให้พี่นอนโป๊อยู่คนเดียวเลย มันเขินนะรู้มั้ย....”
ต้นได้ฟังก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ที่สาวรุ่นพี่ซึ่งดูจะขี้อายคนนี้ กำลังออกปากสั่งให้เค้าแก้ผ้าปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกมาตรงๆ สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องยอมทำตามสัญญา ค่อยๆ เปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออก จนเหลือไว้เพียงกางเกงในทรงบิกินีสีขาวสะอาดสะอ้าน ที่ห่อหุ้มท่อนลำแข็งเด่ของตัวเองเอาไว้
“แล้วกางเกงในต้องถอดด้วยมั้ยครับพี่?” ต้นแกล้งถามเล่นๆ
“ว้าย! พอแล้วๆ!” หยกรีบร้องห้ามด้วยความตกใจ พลางหลับตาปี๋เพื่อที่จะได้มองไม่เห็นอะไร
“ถ้างั้น ผมนวดต่อเลยนะครับ” คนถาม ถามเสร็จแล้วก็กลืนน้ำลาย คนฟัง พยักหน้าตอบแล้วก็กลืนน้ำลายเช่นกัน แล้วการนวดน้ำมันก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง ฝ่ามือซุกซนลอยหวือลากเฉี่ยวบริเวณพื้นที่ต้องห้ามทั้งสองจุดเป็นระยะๆ พอทำท่าว่าจะโดนแล้วก็กลับหยุดอยู่แค่บริเวณใกล้เคียง ก่อนจะออกแรงกดคลึงนวดเน้นๆ แบบไม่มียั้ง คล้ายๆ กับว่าเขากำลังจงใจแกล้งกระตุ้นยั่วอารมณ์เธอให้เตลิดเปิดเปิงอยู่ในขณะนี้ และแน่นอนว่าท่อนเนื้อโด่เด่ที่กำลังจะหลุดพ้นออกมาจากขอบกางเกงในอยู่รอมร่อนั้น ก็คอยถูไถบดคลึงกับหน้าขาของเธอไปด้วยพร้อมๆ กันอีกทาง
“อุ๊ย...!” เสียงหยกร้องอุทานออกมาเบาๆ ทั้งที่ยังนอนหลับตา เมื่อรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วของต้น ที่สัมผัสโดนเนินเนื้อเต้านมของเธอเบาๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากมายกว่านั้น ขณะที่ทางหนุ่มรุ่นน้อง พอเห็นสาวรุ่นพี่ไม่มีท่าทีปฏิเสธหรือโวยวายใดๆ กลับมา จึงค่อยๆ เพิ่มแรงกดลงไปบนเต้านมของเธอหนักขึ้นๆ ก่อนจะกลายเป็นการบีบเคล้นขยำนมเธอผ่านเนื้อผ้าบิกินีไปในที่สุด ด้วยความที่หยกกำลังหลับตาอยู่ ทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้บิกินีท่อนบนของเธอนั้น กำลังโดนถลกให้เลื่อนหลุดขึ้นไปกองอยู่เต้านมทั้งสองข้างอย่างช้าๆ จนหัวนมเรียวแหลมชูชัน ค่อยๆ ปรากฏออกมาให้ต้นได้ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเขี่ยมันอย่างแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าหากรุนแรงเกินไป สาวรุ่นพี่จะรู้สึกตัวและเกิดโวยวายขึ้นมาซะก่อน
ต้นพยายามใช้มือนวดคลึงเต้านมอวบหยุ่นอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่วายบีบคลึงหนักๆ สลับกันไปด้วย เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า พี่สะใภ้สุดเรียบร้อยที่เขาคุ้นเคยมานานหลายปี ตอนนี้กำลังนอนหงายหลับตาพริ้ม ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขานวดคลึงหน้าอกหน้าใจของเธออยู่ตามใจชอบ ต้นใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบดบี้เขี่ยคลึงเม็ดจุกทั้งสองข้างอย่างคล่องแคล่ว จนสาวหยกตัวเกร็งเสียวสั่นไปทั้งร่าง ความอวบหยุ่นและเต่งตึงที่ได้สัมผัส จากสองเต้า ทำให้อารมณ์ของต้นพุ่งขึ้นสูงไม่แพ้เจ้าของร่าง และทำให้ชายหนุ่มเผลอเลื่อนมือลงไปลูบไล้สัมผัสเข้ากับเนินสวาทกลางเป้าของเธอ ผ่านเนื้อผ้าบิกินีด้วยความลืมตัว
“ว้ายต้น! อย่าโดนตรงนั้น!” เสียงหยกร้องลั่นด้วยความตกใจ คว้าหมับเข้าไปที่ข้อมือของชายหนุ่มเพื่อห้ามปราม พร้อมๆ กับยันตัวลืมตาขึ้นมาในที่สุด
“พี่หยกครับ... ให้ผมนวดให้พี่สบายตัวนะ” ชายหนุ่มอ้อนขอด้วยสายตาเป็นประกาย จ้องสบตาเพื่อหวังให้เธอเห็นใจ สาวหยกตอนนี้ก็เลยตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก ด้านนึงเธอก็รู้ตัวว่าถ้าเธอยอมตอบตกลง นั่นก็หมายความว่าสถานการณ์ต่างๆ ระหว่างเธอและต้น จะยิ่งหมิ่นเหม่อันตรายขึ้นไปอีก แต่อีกใจนึงเธอเองกลับรู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่เค้ามอบให้กับเธอ มันเป็นการสัมผัสลูบไล้ที่แฝงไปด้วยความปรารถนาลึกๆ ภายในจิตใจ ทั้งขัดเขินและประหม่า แต่ก็มีความเร่าร้อนอยู่ในที เป็นรสชาติของความสุขบางอย่างทางกาย ที่เธอห่างเหินจากมันมาเนิ่นนานแล้ว
“แต่ว่า... มันไม่ดีนะต้น...” สติสัมปชัญญะข้างใน ยังพอหักห้ามข่มใจของเธอเอาไว้ได้
“แค่นวดเฉยๆ เท่านั้นแหละครับ ผมรับรองว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้นอีก แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอ ถือว่าเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้...” ต้นยังคงเว้าวอนอย่างไม่ลดละ มาถึงขั้นนี้แล้ว เค้าต้องพยายามทำทุกอย่าง เพื่อหาทางปิดบัญชีเธอให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว คราวหน้าคงไม่มีโอกาสได้มาจดๆ จ้องๆ อยู่หน้าปากประตูแบบนี้อีก เพราะเธอคงจะเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นซะก่อน
“ฮืออออ... พี่รู้สึกยังไงๆ ก็ไม่รู้...” สาวหยกยังคงบ่ายเบี่ยง แม้จะไม่กล้าปฏิเสธออกไปตรงๆ
“ถ้าพี่รู้สึกเขิน เอาหมอนนี้บังไว้ก่อนก็ได้” ต้นพูดพร้อมกับยื่นส่งหมอนให้เธอรับไว้ปิดหน้าปิดตาตัวเอง หยกรับมาทำตามอย่างง่ายดาย ใช้มันปิดบังใบหน้าที่เป็นสีแดงผ่าวของตัวเองเอาไว้ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไปมากกว่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เจรจากันอยู่นี้ สองมือของต้นก็ยังคงนวดคลึงปลุกเร้าอารมณ์ของเธอต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แม้จะไม่ได้สัมผัสลงไปบนพื้นที่ของสงวนเธอตรงๆ แต่ก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่รอบๆ หน้าขา สลับกับบีบคลึงหน้าท้องนุ่มๆ ของเธอด้านบน พูดกันง่ายๆ ก็คือ 'ผู้ต้องสงสัยถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว ยอมจำนนซะดีๆ'
“ตกลงว่า... ถ้างั้นผมนวดเลยนะครับ” ต้นเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเอง เมื่อเห็นสาวรุ่นพี่ยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น เธอไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ต้นจึงทึกทักเอาว่าเธอเองก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธนั่นเอง ก่อนจะขยับเข้าไปคุกเข่าแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาของเธอ และค่อยๆ เลื่อนมือขยับเข้าไปใกล้กับเนื้อผ้าบิกินีท่อนล่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายนิ้วสัมผัสเข้าไปตรงๆ ในที่สุด สาวหยกออกอาการสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อร่องสาวถูกนิ้วมือแปลกหน้าลูบเขี่ยไปมาตามแนวร่องตรงๆ บ้างก็ถูไถไล่วนไปมาอยู่บริเวณรอบๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยแงะขอบบิกินีของเธอทางด้านข้าง พร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปสัมผัสกับเนินเนื้อข้างในโดยตรง
“อือออออ.......อออ” หยกพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ขณะที่ต้นกำลังสาละวนอยู่กับการเขี่ยคลึงเม็ดเสียวกลมกลึงด้านบนสุด พอคลึงเล่นจนหนำใจแล้ว ต้นก็ค่อยๆ เลื่อนนิ้วลงมาแตะๆ ที่ปากทางด้านล่างเพื่อสำรวจสภาพ ร่องเสียวของซ้อหยกตอนนี้กำลังเปียกชื้นแบบสุดๆ เนื่องจากอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุกเร้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ที่นั่งนวดกันมาหลายสิบนาทีก่อนหน้านี้ แต่ถูกสะสมยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ต้นกับต๋อง ตกลงแผนการด้วยกันได้สำเร็จนั่นแหละ ความหงุดหงิดขัดข้องคับใจที่หยกเคยเก็บกดมันไว้ข้างในเงียบๆ กำลังถูกปลายนิ้วของต้นเขี่ยแซะให้มันไหลซึมออกมานองเต็มหน้าขาของเธอ
“อ๊ะ!... อาห์...... อ่ะ... อ๊ะ.... ฮืมมมมม” สะใภ้สาวครวญออกมาเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ จังหวะที่ต้นขยับตัวหมุนไปหมุนมาเพื่อหยิบขวดน้ำมัน หยกก็รู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งๆ บางอย่าง ที่คอยสะกิดทิ่มแทงน่องขาของเธอเป็นระยะๆ สัมผัสที่เกิดขึ้น ดูจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้อยู่นิดหน่อย จนเธออดสงสัยไม่ได้ ต้องลอบสบสายตาผ่านช่องว่างระหว่างหมอนที่กอดอยู่เพื่อจับจ้องไปยังที่มา ภาพสีเนื้อไหวๆ ที่เคลื่อนไปมาทำให้เธอยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นชัดๆ เต็มสองตา หยกก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็ง เนื่องจากโดนปลายนิ้วกลางกับปลายนิ้วนางของต้น ชำแรกสอดมุดเข้าไปในร่องรูของตัวเองเสียก่อน
“อุ๊!.... อุ๊ยย... อุ๊ยยย” หยกละล่ำละลักครางไม่เป็นภาษา เมื่อสองนิ้วของชายหนุ่มสอดมุดลึกเข้าไปเรื่อยๆ พอสุดแล้วก็เริ่มชักนิ้วกลับ ก่อนที่จะเริ่มต้นตกเบ็ดแยงหีให้เธอจนน้ำเสียวกระเด็นกระดอน
“ดีขึ้นมั้ยครับพี่? หายปวดรึยัง?” ต้นแกล้งเอ่ยถามไปถึงอาการปวดเมื่อยของเธอ ทั้งที่กำลังนวดกันอยู่คนละจุด
“ดะ... ดีจ้ะ.... สบายตัวขึ้นเยอะเลย” หยกตอบกลับมาซื่อๆ เสียงสั่น
หยกโดนต้นใช้นิ้วเล่นงานจนตัวลอย ทำได้เพียงส่งเสียงซี้ดซ้าดออกมาเบาๆ จนเกือบที่จะทะยานถึงสวรรค์อยู่รอมร่อ ซึ่งชายหนุ่มเองก็เหมือนจะรู้ รีบชะงักหยุดมือทันที พร้อมกับขยับตัวจับจ่อท่อนเนื้อเข้าไปทาบถูไถกับปากร่องของเธอแทน ด้วยขนาดและสัมผัสที่ใหญ่โตแตกต่างกัน หยกจึงพอจะรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กำลังจรดจ่ออยู่กลางตัวเธอตอนนี้ ย่อมไม่ใช่นิ้วมือของเขาแน่ๆ แต่ด้วยความเสียวที่กำลังได้รับ ก็ทำให้เธอปล่อยเลยตามเลย ให้เค้าใช้มันถูไถเขี่ยเม็ดเสียวของเธอเล่นตามอำเภอใจ แล้วจู่ๆ หมอบใบโตที่ปิดหน้าเธออยู่ก็ถูกกระชากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างงามของเธออ่อนระทวย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะดึงรั้งฝืนมันเอาไว้ได้
“พี่หยกครับ... ขอผมเอาเข้านะครับพี่... เดี๋ยวผมจะทำให้พี่รู้สึกดีกว่าเมื่อกี้อีก” เสียงต้นเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับจ้องสบตาเธอเหมือนลูกแมว
“อย่าเลยต้น... พี่กลัวเฮียรู้...” หยกตอบกลับไปตรงๆ สายตาที่จ้องเขาตอบ คล้ายแฝงแววกังวลผสมผสานกับความเสียดายอยู่ภายในนั้น ต้นรีบเอื้อมมือไปกุมมือเธอแน่น พร้อมกับให้คำมั่นสัญญา
“ผมรับรองครับ ว่าเฮียต๋องจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้เด็ดขาด มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น...” ต้นยืนยันหนักแน่ ความอยากที่กำลังปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยกเริ่มที่จะใจอ่อน ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปอีก ต้นที่รอจังหวะอยู่จึงพยายามกดดุนดุ้นเนื้ออวบๆ จ่อลึกเข้าไปอีกจนเธอต้องรีบใช้มือยันแผงอกของเขาเอาไว้ พร้อมกับร้องห้ามปราม
“ต้น... ต้นมีถุงยางติดตัวรึเปล่า...?” หยกเอ่ยถามออกมาเสียงสั่นระรัว
“ไม่มีครับพี่ ในห้องไม่มีเหรอครับ?”
“ไม่มีหรอก... พวกพี่ไม่ได้ใช้มาตั้งนานแล้ว...” สาวหยกตอบไปตามตรงด้วยสีหน้าหวั่นๆ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาออกมาแตกข้างนอกก็ได้ครับพี่” คำตอบของต้นดูจะง่ายดายจนดูน่าหวั่นๆ อยู่ไม่น้อย ความคิดในหัวของเธอกำลังสับสนจนตัดสินใจไม่ถูก ในขณะที่หนุ่มต้นเองก็คอยพร่ำอ้อนวอนขอเธอไม่หยุด
สะใภ้สาวรุ่นพี่พยายามชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอคิดทบทวนถึงเหตุผลและความเหมาะสมต่างๆ นึกย้อนไปถึงความรู้สึกที่เคยหวานชื่นกับเฮียต๋อง ซึ่งช่วงหลังๆ ดูจะเหือดแห้งลงไปตามวันและเวลาที่เลยผ่าน อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยกไม่สามารถปฏิเสธความต้องการในตัวเธอได้อีกต่อไป เธอทำเพียงแค่หลับตาลง หันหน้ามองไปข้างๆ พร้อมกับสูดลมหายใจแรงๆ จนหน้าอกกระเพื่อมไปมา
“ปล่อย... ข้างนอกนะต้น” คำตอบของเธอเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ แต่มันกลับลอยกระแทกเข้าไปในโสตประสาทของต้นเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มรีบออกแรงดึงรูดบิกินีท่อนล่างของซ้อหยกให้หลุดออก จนมันลงมากองม้วนคาอยู่ตรงข้อเท้าซ้ายของเธอ ซึ่งนั่นก็แปลว่า น้องชายสามีเธอ สามารถมองเห็นภาพกลีบเนื้อกลางลำตัวที่แผ่หลาอยู่ได้อย่างเต็มสองตา กลีบเนื้อสาวอวบอูมของเธอมันวาวเป็นคราบ ทั้งจากน้ำมันหอมที่ถูกชโลมราดลงไป ผสมปนเปกับคราบความฉ่ำเยิ้มที่ผุดไหลออกมาจากร่องหลืบภายในจนแยกไม่ออก พงขนด้านบนดูเปียกลู่เป็นทาง เม็ดละมุนด้านบนเผยอชูชันออกมาเหนือกลีบร่องด้วยความกระสันเสียว
ต้นใช้สองมือจับแยกสองขาของเธอถ่างอ้าออกจากกัน กลีบเนื้อที่แนบสนิทในทีแรก จึงค่อยๆ เผยออ้าออกนิดๆ จนมองเห็นกลีบเนื้อสีแดงอมชมพูที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ต้นจับจรดท่อนลำค่อยๆ จ่อเข้าไปที่ปากทางเข้า ออกแรงกดควยให้ทิ่มมุดเข้าไปเบาๆ ซ้อหยกตัวกระตุกแอ่นเกร็ง เมื่อท่อนเนื้อแข็งอวบชำแรกมุดเข้าได้ราวๆ สองนิ้ว ความเปียกชื้นทำให้มันสามารถแทรกตัวเข้าไปได้โดยไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องใช้เวลาวางแผนกันนานเป็นเดือนๆ เลยเหมือนกัน ทุกๆ ครั้งที่ต้นกดทิ่มท่อนควยมุดหายเข้าไป ซ้อหยกก็จะออกอาการเกร็งตัวรับพร้อมกับสะดุ้งเฮือกเบาๆ
“อุ๊...! อู๊ยยยยยยย… ต้นเบาๆ ก่อน พี่เจ็บ” หยกร้องออกมาเมื่อต้นออกแรงกดทิ่มพรวดเดียวเข้าไปมิดด้าม
“อูยย ข้างในพี่ตอดผมไม่หยุดเลย... ซี้ดดส์ ทนอีกนิดนะครับ ไม่ต้องเกร็งนะ ปล่อยตัวสบายๆ เลย” ต้นเอ่ยปากพูดปลอบใจเธอ ค่อยๆ ขยับเอวคลึงโม่ท่อนเนื้อบดเบียดกับหน้าขาของซ้อหยกเป็นวงกลม พยายามให้หน้าขาตัวเองเสียดสีครูดกับเม็ดแตดด้านบนไปด้วย
“อ๊ะ!.. อื้ออออ.... อื้ออออออออ!” หยกพยายามข่มเสียงครวญครางของตัวเองเอาไว้ หลับตาปี๋ไม่กล้ามองภาพที่กำลังเกิดขึ้น ความรู้สึกหน่วงๆ ตึงๆ ที่บริเวณหว่างขา บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับต้น ได้เกินเลยจนถึงจุดที่ยากจะถอนตัวกลับแล้ว เธอนอนหงายแผ่ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดค่อยๆ ซึมซาบเกาะกุมขึ้นมาในใจช้าๆ รู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่มาคลอๆ อยู่บริเวณหางตา แต่ความรู้สึกแย่ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นมานั้น เดี๋ยวเดียวก็ถูกท่อนเนื้อด้านล่าง ถูไถลบเลือนออกไป ความรู้สึกเสียวเกร็งตรงหว่างขาค่อยๆ ผุดโผล่ขึ้นมาแทนที่
หนุ่มต้นก้มลงไปมองเนินเนื้อสาวของเธออย่างสนใจ สภาพปากทางของมันตอนนี้แหกอ้าบวมเป่ง คาบอมท่อนลำสีคล้ำของเขาเอาไว้จนมิดด้าม ใบหน้าสวยหวานของเธอ ดูยับเยินยู่ยี่ คิ้วขมวดด้วยอาการเสียวตึงในช่องท้อง ซ้อหยก ภรรยาสาวของเฮียต๋องที่เขาเคยแอบหลงปลื้ม และนึกอิจฉาพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ได้แฟนดีๆ แบบเธอมาเป็นคู่ครอง แต่บัดนี้ ตัวเขาเองก็กำลังจะมีโอกาสได้ยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเธอเช่นเดียวกัน ยิ่งนึกท่อนควยของต้นก็ยิ่งกระตุกหงึกๆ ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ แรงสะเทือนจากด้านในพาให้หญิงสาวรุ่นพี่ต้องแอ่นกระตุกสะโพกตามด้วยความเสียวกระสัน
“พี่หยกครับ.... ผมชอบพี่นะครับ” ต้นกระซิบสารภาพความรู้สึกในใจให้พี่สะใภ้ฟังด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“อื๊ออออ.... ออออ” สาวหยกเพียงครางตอบกลับมาเบาๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังขานตอบกับคำพูดของต้น หรือเพียงแค่ร้องครวญครางเพราะรู้สึกเสียวๆ ที่โพรงหีด้านล่างกันแน่
“งั้นผม... ขอขยับเลยนะครับพี่” ต้นเอ่ยขออนุญาต พร้อมกับค่อยๆ ขยับตัว
หลังจากที่ร่องหลืบของสาวรุ่นพี่ ดูจะค่อยๆ คุ้นเคยและปรับสภาพให้เข้ากับท่อนเนื้อที่ปักคาอยู่กลางโพรงได้แล้ว ต้นก็เริ่มขยับตัวถอนควยออกมาครึ่งลำ แล้วออกแรงโยกเอวกดท่อนเนื้อให้ทิ่มกลับเข้าไปจนแคมหีปลิ้นยู่ เสร็จแล้วก็ถอนลำออกมาใหม่ พลางกดซ้ำกลับเข้าไปเป็นจังหวะ จากช้าไปเร็ว จนสาวหยกต้องเผลอหลุดปากส่งเสียงซี้ดซ้าดออกมา จากความเสียวเบื้องล่างที่กำลังเสียดสีปากทางเข้าออกของเธออยู่ พร้อมกับใช้สองมือตะปบกอดลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างลืมตัว สองขาของเธอตอนนี้ถูกแหกอ้าออกกว้าง ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ต้นพยายามที่จะโน้มตัวลงไปจูบปากหยก แต่โดนสาวรุ่นพี่ใช้มือผลักอกออกมาเสียก่อน ดูท่าทางว่าเธอจะยังไม่ยอมเปิดใจให้เขาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แม้ว่าท่อนล่างจะเปิดอ้ารับเอาความเป็นชายของเขาเข้าไปเต็มๆ ลำแล้วก็ตาม
ต้นเองก็ไม่อยากไปฝืนขืนใจพี่สะใภ้ที่แสนดีคนนี้ซักเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการปลดกระชากบิกินีท่อนบนที่ค้างเติ่งอยู่เหนือเนินอกของเธอออก เผยให้เห็นถึงหน้าอกหน้าใจขนาดกำลังเหมาะมือ ถ้าไม่ติดว่าร่างของซ้อหยกกำลังเปรอะเปื้อนน้ำมันอยู่ล่ะก็... ต้นคงก้มลงไปงับดูดมันให้สาสมใจไปแล้ว เขาใช้สองมือบีบนวดสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ เคล้นมือบีบคลึงไปทั่วกระเปาะ ลูบไล้ผ่านหัวนมที่ตั้งชี้ชูชันท้าทายสายตา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก บีบบี้จนเต้านมทั้งสองข้างบิดเบี้ยวไปตามมือ ขณะที่ท่อนล่างก็ยังคงซอยควยเข้าออกไม่หยุด
“โอ๊ยต้น..... พี่เสียวจังเลย....” หยกร้องครวญพร้อมกับผวากอดตัวน้องสามีเอาไว้แน่น
“อูยย... ผมก็เสียวเหมือนกันครับพี่” ต้นครางตอบพร้อมกับสาวเอวส่งท่อนลำมุดเสยลึกเข้าไปด้านใน รู้สึกได้ถึงการตอดรัดจากภายในเป็นจังหวะถี่ๆ
“ฮืออออ..... ทำไมมันเสียวแบบนี้.... โอ๊ยยยย” สะใภ้สาวร่ำร้องออกมาอย่างพร่ำเพ้อ ความจุกอึดอัดด้านล่าง ทำให้เธอลืมเลือนภาพเฮียต๋องในหัวไปชั่วขณะ โพรงสวาทที่ฟิตแน่นและรัดรึง บวกกับอารมณ์ความตื่นเต้นที่ได้ลองเย็ดหีพี่สะใภ้เป็นครั้งแรก บีบบังคับให้ต้นรู้สึกเสียวปลายควยมากเป็นพิเศษ จนแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ ยิ่งจังหวะที่เธอขมิบตอดโพรงหีด้านในรัวๆ เพราะความเสียว ก็ยิ่งทำให้ต้นยากที่จะฝืนกลั้นความรู้สึกเอาไว้ได้ยาวนานเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ซึ่งก็ดูจะไม่ต่างอะไรจากอารมณ์ความรู้สึกของสาวหยก ที่กำลังเงี่ยนง่านพุ่งขึ้นถึงขีดสุดอยู่ในขณะนี้
“ฮืออออ..... ต้นนน.... พี่จะเสร็จแล้วนะ... โอ๊ยยย...ยยย ซี้ดดดดส์...” เสียงสัญญาณที่ดังออกมา ทำให้ต้นตัดสินใจที่จะปิดฉากเกมรักของพวกเค้าในทันที กัดฟันแน่นกรอดๆ ใช้สองมือจับยึดสะโพกเธอไว้มั่น เร่งกระแทกอัดบั้นเอวถี่ยิบ สลับกับแทงสโตรคยาวๆ แบบเน้นๆ จนเต้านมของหยกลอยละลิ่วไปมาเหมือนกับพุดดิ้งบนจานที่กำลังสั่นกระเพื่อม ความเสียวแปร๊บที่ลำควยทำให้เขาต้องสูดปากร้องครางอู้ออกมา
“อืมมม... ผมก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ต้นแหงนหน้า เร่งซอยควยกระแทกเน้นๆ เสียงดังสนั่น ปั้บบบ....! ปั้บบบ.... บบบ! ปั้บบบ.... บบบบ! สาวหยกสะบัดหน้าบิดตัวไปมาอย่างร้อนร่าน หลับตาปี๋ สองมือจิกเกร็งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ ปลายเท้าจิกเกร็งงองุ้มค้างอยู่กลางอากาศ
“ยะ... อย่างนั้นแหละ โอ๊ยย... ต้น อย่าหยุดนะ.... อ๊ะ! อ๋าาา....” หยกรีบร้องสั่งการ เพราะกลัวว่าพ่อหนุ่มหน้าละอ่อนจะชิงถึงสวรรค์และทิ้งเธอให้นอนอารมณ์ค้างอยู่คนเดียวเหมือนกับพี่ชาย ขาสองข้างเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของต้นเอาไว้ยิกๆ ก่อนที่เธอจะระเบิดน้ำรักพุ่งปรี๊ดออกมาชโลมท่อนควย พร้อมกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้อง
“อ๊ายยยยยย....! ซี้ดดดดส์ เสร็จ..... เสร็จแล้วววววววว” ร่างของหยกกระตุกเฮือกๆ ใบหน้ายับเยินยู่ยี่ คิ้วขมวดเกร็งด้วยความเสียวที่ถาโถมเข้ามาเป็นระลอกๆ ไม่หยุดหย่อน จนแทบจะขาดใจตาย มันเป็นความสุขแบบสุดยอดที่เธอไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว
หยกกอดรัดร่างของน้องสามีเอาไว้แน่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงโพรงเนื้อที่ดูดตอดรัวๆ เป็นจังหวะ ความอบอุ่นภายในทำให้เค้าทนไม่ไหว ต้องยอมยกธงขาว ขึ้นสวรรค์ตามเธอไปแบบติดๆ
“โอ๊ะ... อู๊ยยยย พี่หยก ผมก็... ไม่ไหวแล้ว...” ต้นละล่ำละลักร้องบอกเธอ สาวหยกได้ยินก็รีบใช้มือตีแขนร้องเตือน
“ออกข้างนอกนะ อย่าปล่อยข้างใน” ต้นได้ยินเพียงเท่านี้ก็รีบโหย่งก้นถอนควยหลุดออกมาจากร่องหีเธอดังผั้วะ! อัดบั้นเด้ายิกๆ กับเนินเนื้อและติ่งเสียวด้านนอกของเธอ
“อุ๊บ! ซี้ดดดดดส์” ชายหนุ่มร้องครวญครางหน้าเบ้ ก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักพุ่งกระฉูดเลอะนองเต็มท้องของซ้อหยกอย่างสุดกลั้น
ก่อนที่ต้นจะค่อยๆ ทรุดกายลงนอนตะแคงข้างๆ ซ้อหยกอย่างหมดแรง ร่างทั้งสองซึ่งพร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ นอนหอบหายใจหนักๆ ถี่ๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน สองมือโอบกอดกันกลมอยู่เคียงข้างกันบนเตียง....
-
หลังจากกิจกามสิ้นสุดลง.... พออารมณ์ความเสียวซ่านเริ่มที่จะจางหายไป ก็ทำให้ความรู้สึกผิดที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ข้างในลึกๆ ค่อยๆ ไหลย้อนกลับมาครอบงำจิตใจของหยกอีกครั้ง
ภาพคราบน้ำรักขาวขุ่นที่เลอะนองอยู่บนหน้าท้องของเธอ คือภาพสะท้อนของเหตุการณ์ทั้งหมดที่พึ่งจะผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี.... เธอทั้งรังเกียจตัวเอง ที่เผลอตัวยอมปล่อยใจให้ชายหนุ่มรุ่นน้องได้ฉวยโอกาสทิ่มแทงเย่อเย็ดจนเสร็จกิจ แต่ที่อับอายไปมากกว่านั้นก็คือ เธอเองนั่นแหละ ที่นึกคล้อยตามอารมณ์ความอยากของตัวเอง และรู้สึกสมยอมไปกับเขาด้วย โดยไม่ยอมนึกขัดขืนให้มากกว่านี้ พอคิดแบบนี้แล้ว น้ำตาอุ่นๆ ก็ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากเบ้าตาของเธอทั้งสองข้าง หนุ่มต้นที่เห็นพี่สะใภ้ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก็รีบดึงตัวเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับพี่หยก... เมื่อกี้พี่ยังพึ่งจะมีความสุขกับผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” ต้นพยายามพูดปลอบใจ
“พี่พึ่งจะทำผิดกับเฮียต๋องไปหมาดๆ เองนะต้น... ต้นจะไม่ให้พี่รู้สึกผิดได้ยังไง” หยกย้อนกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ... ผมรู้ว่าพี่หยกต้องทนฝืนเก็บกดเรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว คิดซะว่า... ให้ผมได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้พี่กับเฮียต๋องก็แล้วกัน” ต้นพูดกล่อมเธอต่อไปเรื่อยๆ หญิงสาวฟังแล้วอดฉุกใจขึ้นมาไม่ได้
“หมายความว่ายังไง... ต้นไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน...?” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใคร่สงสัย
“ผมพอจะเดาได้ไม่ยากหรอกครับ ก็ช่วงหลังๆ เฮียเค้างานยุ่งขนาดนี้ ไม่เห็นมีเวลาให้พี่หยกเหมือนเดิมเลย กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำแล้ว เรื่องนี้มันก็พอจะเห็นๆ กันอยู่” หยกฟังคำตอบแล้วก็นิ่งไป น้ำตาที่เคยไหลรินเป็นสาย ตอนนี้เริ่มที่จะหยุดคลอๆ อยู่แค่ในเบ้า
“แต่ว่า.... ถึงยังไงต้นก็ไม่ควรจะทำแบบนี้นะ...” หยกยังอดรู้สึกผิดไม่ได้
“ผมรู้ครับว่ามันไม่ควร แต่ยิ่งเราใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหักห้ามใจได้ยากขึ้นทุกทีๆ จนมาถึงวันนี้นี่แหละ...” คำตอบของต้น กระตุ้นเตือนให้หยกต้องลองมองย้อนกลับไปสำรวจความรู้สึกของตัวเองเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมา เธอเองก็คอยใช้น้องสามีคนนี้ เป็นเครื่องมือในการคลายเหงาให้กับตัวเองมาโดยตลอด ทั้งคอยอยู่เป็นเพื่อน ไปเที่ยวไปซื้อของด้วยกัน ทดแทนเวลาที่ขาดหายไปจากเฮียต๋อง ซึ่งเมื่อดูจากความใกล้ชิดที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนนี้ ก็คงไม่น่าแปลกอะไร ถ้าสุดท้ายแล้วเจ้าต้นจะเกิดเผลอใจ และแอบคิดละเมิดล่วงเกินเลยกับเธออย่างที่เกิดขึ้นวันนี้.... พอนึกแบบนี้แล้วสาวหยกก็ได้แต่ทอดถอนใจคนเดียวเบาๆ
“ผมรู้สึกดีๆ กับพี่จริงๆ นะ พี่ไม่รู้สึกอะไรกับผมบ้างเหรอ?” หนุ่มต้นถามจี้ใจดำของเธอขึ้นมาพอดี
“พี่.... พี่ก็ยังรักต้นเหมือนน้องชายคนเดิมนั่นแหละ” เธอพยายามตอบปฏิเสธไปเลี่ยงๆ
“แล้วถ้า... น้องชายคนนี้ จะขอใช้เวลาอยู่กับพี่สองต่อสองแบบนี้อีก... พี่หยกจะว่ายังไงล่ะครับ?” คำถามล่าสุดของต้นปิดทางหลบเลี่ยงของหยกไปจนหมดสิ้น เธอนิ่งเงียบทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่นาน ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรออกไปได้เลย ใจนึงก็อยากนึกปฏิเสธไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจนึงก็อดโหยหารสสัมผัสจากความสุขที่พึ่งจะได้รับไปหมาดๆ ไม่ได้
“นะครับ... ผมรับรองครับว่าเฮียต๋องจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด”
“ฮั่ดเช้ย!... ใครมันนินทากูจังวะ” เสียงเฮียต๋องร้องจามขึ้นมาระหว่างกำลังนั่งดวดเหล้ากับกลุ่มเพื่อนฝูงที่กรุงเทพฯ
สาวหยกฟังแล้วก็นิ่งไป ในใจเกือบจะพยักหน้าตอบรับน้องสามีอยู่แล้ว ถ้าสายตาไม่ดันเหลือบไปเห็นรูปภาพของตัวเองและสามีที่ถ่ายคู่กัน ซึ่งแขวนติดอยู่บนผนังห้องซะก่อน
“ต้นกลับไปก่อนได้มั้ย พี่เอ่อ.. พี่ยังตัดสินใจไม่ได้ ขอพี่อยู่คนเดียวก่อนนะตอนนี้” เธอพูดตัดบทดื้อๆ พลางบุ้ยใบ้ไล่ต้นให้ออกไปจากห้องนอน
“เอ่อ... ก็ได้ครับ” หนุ่มต้นแม้จะแอบเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมทำตามคำขอของเธออย่างว่าง่าย หยิบเสื้อผ้าตัวเองมาสวมแบบลวกๆ พร้อมกับคว้าขวดน้ำมันลุกเดินออกจากห้องไปแบบเซ็งๆ พอชายหนุ่มปิดประตูเรียบร้อย สะใภ้สาวก็ล้มตัวลงนอนหงายอย่างหมดแรง ปล่อยให้ความรู้สึกต่างๆ ที่กำลังผสมปนเปกันอยู่ในหัว ค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมา
ข้างฝ่ายน้องชายสามี พอกลับมาถึงห้องตัวเองก็รับโทรไปรายงานผลกับพี่ชายทันที พอต๋องได้ยินปุ๊บก็หูผึ่ง เอ่ยถามถึงความคืบหน้าทันที
“ตกลงหยกเค้ายอมเอ็งแล้วเหรอวะ?” เฮียต๋องถามด้วยความตื่นเต้น
“ก็... เรียบร้อยแล้วแหละเฮีย” ต้นตอบเขินๆ เพราะอดเกรงใจคู่สนทนาที่พึ่งจะโดนตีท้ายครัวมาหมาดๆ ไม่ได้
“แล้ว... แล้ว ได้แตกในป่ะ?” ต๋องถามต่อ
“ไม่อ่ะเฮีย พี่หยกเค้าให้ปล่อยของนอก” ต้นตอบไปตามตรง
“เออๆ ไม่ต้องคิดมาก คราวหน้าเดี๋ยวก็ได้เองแหละมั้ง” พี่ชายว่าอย่างอารมณ์ดี ในใจนึกตื่นเต้นตามไปด้วย
“ได้เด้ยอะไรล่ะเฮีย เผลอๆ พี่เค้าจะไม่ยอมให้มีคราวหน้าแล้วอ่ะดิ” ต้นบ่นถึงท่าทีของพี่สะใภ้ในช่วงท้ายๆ ให้ฟัง
สองหนุ่มปรึกษาพูดคุยกันอีกพักใหญ่ๆ ก่อนที่ต๋องจะขอวางหูไปก่อน ปล่อยให้ต้นได้แต่คิดกังวลอยู่คนเดียวในใจ ว่าตอนนี้พี่สะใภ้จะนึกรังเกียจเขาแล้วหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งเขาและเธอก็คงจะต้องอึดอัดกันน่าดู ถ้าต้องคอยมาหลบหน้าหลบตากันตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บ้านก็ติดกันซะขนาดนี้.... แต่ความกังวลของต้นก็ดูจะไม่จำเป็นมากนัก เพราะเพียงเช้าวันต่อมา สาวหยกก็เอ่ยปากทักทายทันทีที่ได้พบหน้ากันในครัว ราวกับว่าเมื่อคืนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
“พี่หยก... สบายดีนะครับ?” ต้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลังเลนิดๆ พี่สะใภ้คนสวยฟังแล้วก็ทำหน้ายิ้มๆ อย่างเป็นกันเอง
“สบายดีจ้ะ ต้นนวดซะจนพี่หายปวดหายเมื่อยไปทั้งตัวเลย” เธอตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มหวานน่ารัก คำตอบของหยกทำให้ต้นพอจะคลายความกังวลใจลงไปได้บ้าง จึงตัดสินใจเอ่ยถามต่อ
“งั้น... แสดงว่าพี่หยก ตอบตกลงแล้วใช่มั้ยครับเรื่องเมื่อคืน?”
“บ้า! มาพูดอะไรกันตรงนี้ ไม่เอา เดี๋ยวมีใครได้ยินหรอก” หยกรีบร้องห้ามปรามเบาๆ
“ไว้ค่อยคุยกันนะ” เธอว่าต่อแล้วยกจานผลไม้เดินหายออกจากครัวไปไวๆ
หลังจากที่ได้ร่วมรักกันไปครั้งแรก ต้นก็ดูเหมือนจะติดอกติดใจเรือนร่างขาวๆ ของหยกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาเฝ้าแต่จะหาเวลาอยู่ใกล้ชิดกับพี่สะใภ้แบบสองต่อสองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งคอยออดอ้อนขอเธออยู่เป็นระยะๆ และแม้ว่าเฮียต๋องเองก็จะพยายามเปิดโอกาสช่วยน้องชายด้วยอีกทางนึงหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอด ซ้อหยกก็ยังไม่ยอมให้เขามีอะไรด้วยง่ายๆ อยู่ดี
“พี่หยกใจร้าย...” เสียงต้นออกอาการบ่นหน้ามุ่ย หลังจากที่ความพยายามออดอ้อนเขาเอาเธอเป็นรอบที่ล้านแปด ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
“เอ้า... อะไรอ่ะ?” หยกตอบกลับมาอย่างงงๆ
“ก็พี่หยกใจร้ายจริงๆ นี่นา... เล่นปิดโอกาส ไม่ยอมให้ผมได้กอด ได้หอมพี่เลยซักครั้ง” ต้นพูดงอนๆ
“เอ๊ะต้นนี่ยังไง พี่เป็นเมียพี่ชายเธอนะ จะมาลามปามกันได้ยังไง?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ทีก่อนหน้านี้ พี่ยังปล่อยให้ผมลามปามจนมิดด้ามมาแล้วนี่นา” ต้นพูดหน้าทะเล้น
“ว้าย! น่าเกลียด! ทำไมต้นพูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าหรอก” ซ้อหยกร้องวี้ดว้ายเขินๆ
“ไม่มีใครได้ยินหรอกครับ วันนี้เฮียต๋องเค้าพาเตี่ยกับโกวไปเยี่ยมบ้านหยี่แปะกันเมื่อกี้นี้เอง กว่าจะกลับมาก็คงมืดๆ นั่นแหละครับ... จะเหลือก็แค่ผมกับพี่หยกนี่แหละ ที่ยังเฝ้าบ้านกันอยู่สองคน”
“อ้าว... แล้วทำไมเฮียเค้าไม่เห็นบอกพี่เลย?” หยกอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ หันไปมองดูนาฬิกาก็พึ่งจะ 10 โมงเช้าเท่านั้น
“คือ... พอดีเตี่ยเค้าอยากไปกะทันหันขึ้นมานะครับ เฮียเค้าเห็นพี่กำลังเก็บห้องค้างอยู่ ก็เลยไม่อยากกวน” ต้นรีบพูดแก้ตัวตะกุกตะกัก สาวหยกที่ได้ฟังก็แอบฉุนนิดๆ ที่ถูกทิ้งให้เฝ้าบ้านอยู่แบบนี้
“โธ่... ตาผัวบ้า ทิ้งเราให้นั่งทำงานบ้านอยู่คนเดียว คอยดูนะ กลับมาจะบ่นให้หูชาเลย”
“คนเดียวที่ไหนกันครับ มีผมอยู่ด้วยทั้งคน” ต้นพูดจบก็รีบขยับเข้าไปกอดรัดพี่สะใภ้ตัวเองจนแนบแน่น
“อุ๊ย! ไม่เอานะต้น” หยกพยายามเอ่ยปากร้องห้ามปรามเบาๆ ออกแรงดิ้นขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดของต้นอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ พร้อมกับซุกไซร้ซอกคอขาวๆ ของเธอจนชื่นใจ
“ผมอยากหอมพี่แบบนี้มานานแล้ว” ต้นกระซิบเสียงกระเส่า ก่อนจะอ้าปากงับลงไปเบาๆ ข้างหูเธอ สาวหยกที่เจอแบบนี้ก็มีอ่อนระทวยลงไปเหมือนกัน เรี่ยวแรงที่เคยขัดขืนก็ดูจะหมดสิ้นลงไปอย่างกะทันหัน
“อือออ.... อย่ารังแกพี่ อุ่..!” เธอพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะถูกน้องสามีประกบปากเข้ากับริมฝีปากบางสวยได้รูปของเธอ ต้นออกแรงบดปากหนักๆ พยายามสอดลิ้นเข้าไปในปากเธอให้ได้ สาวหยกเม้มปากต้านรับเป็นพัลวัน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้านไม่ไหว ต้องยอมให้หนุ่มรุ่นน้องกดลิ้นสอดเข้าไปพัวพันกับลิ้นของเธออย่างน่าดูชม
“อื้ออออ.... อื้อออออ....” หยกครางอู้อี้ เมื่อถูกต้นใช้มือซ้ายบีบหมับลงไปเบาๆ บนหน้าอกของเธอ ฝ่ามือใหญ่หนาของต้น ทั้งบีบทั้งบี้ทรวงเต้าของเธอด้วยความมันเขี้ยวผ่านเสื้อยืดตัวหลวมโคร่ง ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้นิ้วมือไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมันมุดหายเข้าไปในกางเกงผ้ายืดของเธอในที่สุด
เมื่อปลุกอารมณ์ของพี่สะใภ้จนฉ่ำแฉะและเปียกเยิ้มได้ที่แล้ว ต้นจึงค่อยๆ ถอนปากออกมาช้าๆ มองเห็นคราบน้ำลายของทั้งคู่ติดพันยืดยาวออกมาเป็นสายใสๆ ริมฝีปากบางๆ ของซ้อหยกเผยออ้าออกค้างไว้เหมือนไม่อยากแยกจากกัน สายตาของหญิงสาวรุ่นพี่ตอนนี้เคลิบเคลิ้มเหมือนคนกำลังเมายา ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยเลือดลมที่คอยสูบฉีดไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเธอกำลังได้ที่แล้ว ต้นจึงลองเอ่ยปากขออนุญาตล่วงเกินเธออีกครั้ง
“เราขึ้นไปต่อกันข้างบนดีมั้ยครับพี่?” คำถามของต้นทำเอาหญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาทันที ในหัวของเธอพยายามหยิบยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอ้างอิงเพื่อหาทางออกปากปฏิเสธชายหนุ่มไวๆ แต่สุดท้ายแล้วเหตุผลทั้งหมดนั้น ก็ถูกอารมณ์ดิบที่กำลังแฉะชื้นอยู่กลางหว่างขา หักล้างออกไปจนหมดสิ้น หลงเหลือไว้แต่เพียงภาพตอนที่เธอโดนชายหนุ่มรุ่นน้อง นวดคลึงให้จนตัวเบาสบายไปเมื่อหลายคืนก่อน พอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วหยกก็อดใจสั่นรู้สึกร้อนวาบๆ ไปทั้งตัวขึ้นมาไม่ได้ และหลังจากที่ตัดสินใจเงียบๆ อยู่นาน หญิงสาวจึงค่อยๆ ก้มหน้าเขินๆ มองพื้น พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงตอบรับออกมา
หนุ่มต้นที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มร่า พลางรีบจูงมือหญิงสาวรุ่นพี่เดินขึ้นห้องไปทันที และเมื่อเสียงประตูห้องนอนถูกปิดสนิทลง... อารมณ์ความปรารถนาที่ต่างโหยหาซึ่งกันและกันของคนทั้งคู่ ก็ถูกปลดปล่อยให้ระเบิดออกมา พร้อมกับเสียงครวญครางของความเงี่ยนง่าน ที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งบ้าน.....
=======================================
และหลังจากครั้งที่สองผ่านไปด้วยความยุ่งยากเล็กน้อย ครั้งที่สามและสี่ ก็ตามมาแบบติดๆ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเบิ้ลเลยต่างหาก ทั้งน้องสามีและพี่สะใภ้ ต่างหาโอกาสลักลอบเย็ดกันอีกอยู่เป็นระยะๆ ตามแต่ที่เวลาและสถานที่จะเอื้ออำนวย ซึ่งหลักๆ ก็คือช่วงเวลาที่เฮียต๋องไม่ได้อยู่ติดบ้านนั่นเอง เนื่องจากสาวหยกเองจะยอมเปิดทางให้ก็ต่อเมื่อเธออยู่ไกลห่างจากสามีตัวเองเท่านั้น เหตุผลข้อแรกก็คือกลัวว่าจะถูกเฮียต๋องจับได้ขึ้นมา และสองคือเธอเองก็ยังทำใจกับความรู้สึกผิดไม่ได้อย่างร้อยเปอร์เซนต์ เวลาที่ต้องแอบหนีมาหาความสุขร่วมกันกับต้นลับหลังสามีแบบนี้ ซึ่งหนุ่มต้นเองก็พอจะเข้าใจถึงความคิดของพี่สะใภ้ดีพอ จึงไม่ได้ไปยุ่มย่ามอะไรในส่วนนี้มากนัก เพราะแค่การได้เย็ดเธอไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้มสำหรับต้นแล้ว
แต่แม้ว่าจะแอบเย็ดกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ซ้อหยกก็ยังดูจะมีอาการเขินอายในทุกๆ ครั้งที่ลักลอบได้เสียกันทุกที เธอยังคงใจแข็งไม่ยอมให้ต้นได้เย็ดเธอแบบสดๆ โดยไม่มีถุงยางเด็ดขาด รวมไปถึงยังไม่ยอมเป็นฝ่ายขึ้นขย่มด้วยตัวเองตามที่ต้นอ้อนขอ และที่สำคัญที่สุดคือเธอยังไม่ยอมใช้ปากดูดควยให้ต้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าต้นจะทั้งดูดทั้งเลียจนหีเธอเปื่อยไปหมดแล้วก็ตาม ซึ่งข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้ ก็ดูจะสร้างความหนักใจให้กับต้นอยู่ไม่น้อย จนต้องแอบไปปรึกษากับเฮียต๋องลับหลังอีกรอบ ก่อนที่จะได้คำแนะนำเด็ดๆ กลับมา... นั่นก็คือการหาโอกาส ตะบันเย็ดซ้อหยกในช่วงไข่ตกซะเลย! ซึ่งไอ้เจ้าช่วงเวลาไข่ตกที่ว่านี้ ก็คือช่วงเวลาหนึ่งวัน ที่สาวๆ ทุกคน มักจะมีอารมณ์ความต้องการสูงผิดปกติ อันเป็นผลมาจากฮอร์โมนสำหรับสืบพันธุ์ในร่างกายนั่นเอง
หลังจากนัดแนะกับเฮียต๋องเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้นต้องทำก็มีเพียงแค่การรักษาระยะห่าง ปล่อยให้ซ้อหยกสะสมอารมณ์กำหนัดเอาไว้ให้มากพอ แล้วค่อยรอคอยสัญญาณบอกวันเวลาจากเฮียต๋อง เพื่อปิดฉากรวบหัวรวบหางเผด็จศึกพี่สะใภ้คนสวยที่กำลังเงี่ยนง่านเต็มที่ ให้น้ำแตกกระฉูดคารูหีของเธอนั่นเอง!
แผนการทุกอย่างค่อยๆ ดำเนินราบรื่นไปอย่างช้าๆ ซ้อหยกที่แม้จะสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของต้น แต่ก็ไม่ได้เปิดปากซักถามอะไรออกไป เนื่องจากผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเธอ จู่ๆ จะให้เป็นฝ่ายไปเอ่ยปากร้องถามถึงท่อนลำของชายอื่น มันก็ดูจะยังไงๆ อยู่ ขณะที่เฮียต๋องตัวแสบ ก็คอยกระตุ้นอารมณ์เงี่ยนของภรรยาไปอีกทางหนึ่ง ด้วยการปล่อยให้เธอต้องค้างคาไม่ถึงฝั่งฝันอยู่เป็นระยะๆ จนโดนภรรยาสาวบ่นงุบงิบๆ ด้วยความน้อยใจ แม้จะรู้สึกสงสารเธออยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยังคงฝืนใจแข็งคอยแกล้งยั่วเธอต่อไปเรื่อยๆ
และแล้ว... เวลาที่พี่น้องทั้งคู่รอคอยก็มาถึง หนึ่งวันก่อนช่วงเวลาตกไข่ เฮียต๋องที่นับนิ้วเฝ้ารอวันเวลามาเนิ่นนานอย่างใจจดใจ่อ ก็รีบหาจังหวะกระซิบกระซาบนัดหมายให้ต้นเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมทันที โดยที่เฮียต๋องจะทำทีเป็นชวนทั้งสามคนไปเที่ยวพักผ่อนค้างคืนบนเกาะราชาด้วยกัน 1 คืน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ โดยจองห้องนอนรวมไว้เพียงห้องเดียวเพื่อความสะดวก แล้วพอไปถึงเกาะ ต๋องก็จะแสร้งทำทีเป็นว่าติดธุระด่วนที่เกสท์ฯขึ้นมากะทันหัน ต้องรีบกลับมาเคลียร์ปัญหาคนเดียว โดยเปิดโอกาสให้ภรรยากับน้องชายของตัวเอง ได้มีโอกาสบรรเลงเพลงรักกันแบบถึงพริกถึงขิง... เนื้อแนบเนื้อ... โดยที่ไม่มีถุงยางมาคอยขวางกั้นให้รำคาญใจ....
=======================================
“โห ฟ้าสวยดีจังเลยเนาะเฮีย” สาวหยกร้องว้าวตาโต เมื่อได้เห็นภาพบรรยากาศท้องฟ้าสีครามปรอดโปร่งบนเกาะ
“อื้อ สวยน้อยกว่าเมียเฮียนิดนึง” ต๋องพูดขำๆ กลับไปแบบอารมณ์ดี
“แหม ปากหวานจังเลย... วันนี้เฮียกินอะไรผิดสำแดงมาป่าวเนี่ย?” สาวหยกแกล้งแซวกลับไปบ้าง
“อะไรกัน เฮียก็แค่พูดไปตามที่เห็นเท่านั้นเอง ก็ช่วงนี้เมียเฮียดูเปล่งปลั่งสวยวันสวยคืนนี่นา ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน” ต๋องแกล้งพูดยั่วๆ ให้เธอสะกิดใจเล่นๆ สาวหยกที่ได้ฟังก็แอบสะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังคงเก็บอาการได้ดีอยู่ จึงรีบพูดเปลี่ยนเรื่องทันที
“โอ๊ย! เฮียก็พูดไปเรื่อย หยกไปเดินเล่นก่อนนะ” เธอว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวเดินลงไปเล่นน้ำทะเลกับต้นที่ชายหาด
ต๋องยืนมองจ้องไปที่เงาร่างของทั้งสองคนพร้อมกับคิดอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียว ในใจก็นึกเสียดายต่อโชคชะตา ที่กำหนดให้ตัวเองไม่สามารถมีลูกร่วมกับภรรยาได้ และพอมองไปเห็นหน้าเจ้าต้นที่กำลังยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ก็ยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองมากขึ้นไปอีก ที่ต้องมาคอยฝากฝังภาระในการสืบสกุลไว้กับน้องชายตัวเองอยู่แบบนี้....
“เอ้าเฮีย ไม่ลงไปเล่นน้ำกับพี่หยกเหรอ?” เสียงต้นเอ่ยทักขึ้นมาขณะกำลังเดินดุ่มๆ ขึ้นมาจากฝั่งในช่วงบ่ายๆ
“เฮียว่าแดดมันแรงไปหน่อยว่ะ เดี๋ยวผิวเสียหมด” ต๋องพูดยิ้มๆ
“แหม พูดเป็นสาวๆ ไปได้นะเฮีย ปกติก็ดำอยู่แล้ว จะมาห่วงอะไรเอาตอนนี้” ต้นพูดแซวขำๆ ต๋องที่ฟังอยู่ก็แค่ยิ้มๆ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา สายตาจับจ้องไปยังภาพเรือนร่างของหญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพน้ำทะเลอย่างเพลิดเพลิน คลื่นลมทะเลเกือบจะพัดเอาหมวกปีกบานของเธอ ให้ลอยละลิ่วปลิวหลุดออกจากศีรษะ
“ต้น... ต้นอึดอัดมั้ยที่เฮียขอให้ช่วยแบบนี้?” ต๋องเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ หนุ่มต้นที่ได้ฟังก็หันหน้าไปมองพี่ชายแบบงงๆ แล้วตอบกลับไป
“ก็... ไม่เท่าไหร่อ่ะเฮีย? ทำไมเหรอ?”
“อืม ไม่อึดอัดก็ดีแล้ว เฮียอยากให้ต้นมีความสุข... อยากให้หยกมีความสุข... แล้วก็อยากให้เตี่ยมีความสุขเช่นกัน” ต๋องเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวๆ สายตาจ้องมองเหม่อลอยไปที่ภรรยาตัวเอง
“เออ เฮีย แล้วนี่เตี่ยกับโกวเค้าไม่รู้ใช่มั้ยว่าตกลงแล้วเฮียเป็นหมันน่ะ” ต้นเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจอยู่
“ไม่รู้หรอก ถ้าเค้ารู้แล้ว เฮียจะกล้าปล่อยให้หยกมันมาท้องกับเอ็งเหรอวะ เตี่ยคงได้ช็อคตายกันพอดี”
“เออจริงว่ะ” ต้นเออออตาม
“ยังไงเฮียฝากด้วยแล้วกันนะ” ผู้เป็นพี่เปิดปากพูดทิ้งท้าย ตบไหล่น้องชายเบาๆ
“อืม” ต้นทำได้เพียงขานรับตอบพี่ชายไปเบาๆ
และพอตกเย็น ต๋องก็เริ่มต้นทำตามแผนการทันที ด้วยการแกล้งโวยวายเสียงดังผ่านโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีผู้รับสาย แสร้งทำทีเป็นว่าคนงานที่เกสท์เฮ้าส์กำลังมีปัญหาใหญ่ ต้องรีบกลับไปเคลียร์ทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าภรรยาสาวจะดูไม่พอใจอยู่นิดๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ยอมปล่อยให้สามีติดเรือขนส่งข้ามฝั่งกลับไปดูแลกิจการที่บ้านแต่โดยดี
“เฮ้อ... เฮียนะเฮีย ขนาดมาเที่ยวกันแบบนี้ ก็ยังจะมัวบ้างานอยู่อีก” หยกบ่นงึมงำๆ ออกมาเบาๆ ขณะกำลังนั่งทานมื้อเย็นที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ ฝ่ายหนุ่มต้นที่เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ของพี่ชายดีจึงรีบเข้ามาช่วยแก้ต่าง
“อย่าไปโกรธเฮียต๋องเลยนะครับพี่หยก แกยอมเสียสละรับหน้าที่ดูแลกิจการให้ที่บ้านแทนผม เลยต้องคอยวิ่งวุ่นหัวปั่นอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าเฮียแกไม่อยากจะใช้เวลาอยู่กับพี่หยกซะหน่อย”
“เรื่องนั้นพี่ก็รู้ แต่แหม... มันก็ข้ามฝั่งกันมาถึงนี่แล้วป่ะ น่าจะลองปล่อยให้ลูกน้องเคลียร์ๆ กันเองได้มั่งนา” หยกยังคงตัดพ้อไม่หยุด พลางจิ้มชิ้นปลาหมึกย่างเข้าปาก
“อย่าไปคิดมากเลยนะครับพี่ มาๆ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วผมจะรับหน้าที่ดูแลพี่เอง จะได้หายเครียดซักที” ต้นพูดพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ สาวหยกที่ได้ยินก็รีบทำยิ้มเขินๆ อย่างรู้ทัน
“แน่ใจนะว่าจะดูแล ไม่ใช่ว่าจะมารังแกอะไรพี่อีกนา....” เธอพูดเสียงยานคางล้อเลียน
“ดูแลสิครับ รับรองเลยว่าพี่หยกต้องแฮปปี้แน่นอน สัญญา” หนุ่มต้นว่าพลางชูนิ้วทำท่าสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ อาหารอร่อยๆ กับเบียร์เย็นๆ แล้วก็คู่สนทนาที่รู้ใจ พอจะช่วยให้สาวหยกคลายความหงุดหงิดลงไปได้บ้างพอสมควร
พอทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว สองหนุ่มสาวก็พากันมาเดินเล่นดูคลื่นลมทะเลที่ชายหาด โดยมีเครื่องดื่มมึนเมาขวดสีเขียวๆ ติดมือมาด้วยคนละขวด แสงไฟจากเกาะภูเก็ตเปล่งประกายวิบวับ ไม่แพ้ดวงดาวที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ลมทะเลตอนกลางคืน พัดหวิวๆ ชวนให้ผิวกายของหญิงสาวรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมากะทันหัน
“หนาวเหรอครับพี่” หนุ่มต้นเอ่ยปากถาม พลางถอดเสื้อนอกเอาไปห่มคลุมกายให้เธอ หลังจากทีเห็นว่าเสื้อเชิ้ตแขนกุดกับกางเกงขาสั้นที่เธอสวมอยู่ ไม่สามารถปกป้องเธอจากความหนาวเย็นของทะเลในยามค่ำคืนได้เลย
“ขอบคุณจ้ะ” หยกกล่าวขอบคุณเรียบๆ สายตาจับจ้องไปที่แสงไฟบนเกาะฝั่งตรงข้าม
“ไม่รู้ป่านนี้ที่เกสท์ฯจะวุ่นวายแค่ไหนเนาะ” ต้นเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ พร้อมกับยกเบียร์ขึ้นจิบ
“อื้อ” หญิงสาวตอบกลับมาสั้นๆ ในหัวยังคงนึกเสียดายไม่หาย ที่สามีของเธอไม่ได้มาใช้เวลาอยู่ร่วมกันในบรรยากาศดีๆ แบบนี้ แล้วเธอก็ยกเบียร์ขึ้นจิบตามเช่นเดียวกัน
“อุ๊ย!” หยกอุทานออกมาเบาๆ เมื่อถูกท่อนแขนยาวๆ ของชายหนุ่มรุ่นน้อง โอบรั้งตัวเธอมากอดไว้แนบกาย
“ขอกอดหน่อยนะครับ ผมเริ่มจะหนาวขึ้นมาแล้วแหละ” หนุ่มต้นพูดแก้ตัวง่ายๆ
“บ้า... ไม่เอา อายเค้า คนอื่นเยอะแยะ” เธอร้องห้าม พลางหันหน้าไปมองยังนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่กำลังชื่นชมกับบรรยากาศบนชายหาดรอบๆ
“มองได้ก็มองไปสิครับ เค้าอาจจะคิดว่าเราเป็นผัวเมียกันเหมือนคู่อื่นๆ ก็ได้” ต้นยังใช้มือโอบเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พยายามซุกไซร้ใบหน้าให้แนบชิดเข้ากับแก้มเธอ
“พี่ไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าต้นจะเป็นคนทะลึ่งแบบนี้” สาวหยกพยายามเบี่ยงตัวหลบ ร้องโต้ตอบกลับไปอย่างเขินๆ
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับพี่ แต่มือมันไปเองง่ะ” ต้นยิ่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างเธอแน่นขึ้นไปอีก
“โอ๊ยพอแล้ว พอแล้วนะ... อายคนเค้า” หญิงสาวร้องอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“งั้น... ถ้าเป็นที่ๆ ไม่มีคนอื่น พี่หยกโอเคใช่มั้ยครับ?” ต้นรีบถามจี้ใจเธอทันที ซ้อหยกทำหน้าเขินๆ แก้มแดงแป๊ดพลางร้องปฏิเสธเสียงอ่อน
“บ้า... โอเคที่ไหนเล่า” เธอบ่นงุบงิบๆ พลางก้มหน้าหลบตา พวงแก้มแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ซึมเข้าเส้นเลือด และที่สำคัญที่สุดคือ นี่เป็นช่วงเวลาที่อารมณ์ของหญิงสาวกำลังพลุ่งพล่านที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งจากฮอร์โมนในร่างที่กำลังสุกงอมได้ที่ รวมไปถึงความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกเก็บกดขาดตอนมาจากสามีเป็นระยะเวลาร่วมเดือน... ชายหนุ่มจึงเอื้อมไปจูงมือเธอ แล้วพาเดินนำหน้ากลับไปยังห้องพักทันที...
“ต้น.... ต้นไม่ดูดาวแล้วเหรอ?” สาวหยกร้องถามออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัว
“ไม่ดูแล้วครับ ก็ข้างๆ ผมตอนนี้ มีอะไรสวยๆ น่าดูกว่าดาวบนฟ้าตั้งเยอะ” ต้นกล่าวชมจนหญิงสาวหน้าแดงขึ้นไปอีก สองมือที่เคยกุมจับกันแบบหลวมๆ ก็ดูจะแนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มที่จะแยกไม่ออกแล้วว่าใครกันแน่ ที่กำลังเป็นฝ่ายกุมมือของอีกคนอยู่ในตอนนี้กันแน่ ทั้งคู่กึ่งลากกึ่งสมยอมพาร่างของกันและกันมาจนถึงห้องพักในที่สุด
ต้นดันร่างของพี่สะใภ้เข้ามาในห้องได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ พอเอื้อมมือไปกดล็อคประตูเสร็จ ก็ขยับตัวเข้าประกบจูบปากหญิงสาวทันที ริมฝีปากของคนทั้งสองบดเบียดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ต้นบดปากจูบเธออยู่ร่วมๆ นาที สองมือที่ซุกซนก็คอยขยำขยี้ มุดล้วงเข้าไปเกาะกุมทรวงเต้าของเธอใต้เสื้อไม่หยุด ก่อนจะค่อยๆ ออกแรงดันตัวเธอให้เอนหลังลงไปนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ พร้อมกับใช้มือถลกชายเสื้อของเธอขึ้น เปิดให้เห็นหน้าท้องขาวๆ แบนราบ กับสะดือสวยเป็นรูดูน่าจูบ มองเลยขึ้นไปเห็นขอบยกทรงสีขาวสะอาดตา กำลังห่อหุ้มเต้านมขาวๆ ของเธอไว้อีกชั้น ต้นก้มหน้าลงไปจุมพิตสลับกับไล่งับหน้าท้องของเธอเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“ว้าย! ฮะๆ ไม่เอา มันจั๊กจี้นะ พอแล้ววว!” สาวหยกดิ้นพล่านๆ สะบัดตัวหนีไปมา หัวเราะก๊ากจนน้ำหูน้ำตาเล็ด ใช้มือจิกลงไปผมของต้นแรงๆ เพื่อห้ามปราม
“โอ๊ยๆๆ พี่หยก ผมเจ็บ” ต้นเงยหน้าขึ้นมาร้องครวญเบาๆ
“ก็ต้นอ่ะ... แฮ่กๆ... แกล้งพี่เองทำไมเล่า... แฮ่กๆ” หยกหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“งั้นไม่แกล้งแล้วครับ เอาจริงเลยดีกว่า” ต้นว่าพลางใช้มือแกะกระดุมกางเกงขาสั้นของเธอ พร้อมกับดึงถลกรูดทีเดียวหลุดออก ท่อนล่างของเธอตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่กางเกงในผ้าลื่นตัวจิ๋วสีเขียวอ่อน มีโบว์เล็กๆ น่ารักประดับติดอยู่บริเวณด้านบนของเป้าเท่านั้น
เจ้าหนุ่มหน้าใสไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้มหน้าลงไปจุมพิตกลางเป้าของเธอทันทีด้วยความนุ่มนวล ใช้ปากดูดเม้มกลีบสาวของเธอผ่านเนื้อผ้ากางเกงใน สลับกับการใช้ลิ้นเลียไปตามร่องแคมเป็นแนวยาว จนสาวหยกต้องแอ่นกายบิดเบี้ยวไปมาเพราะความเสียวที่กำลังเกิดขึ้น ต้นใช้มือดันน่องขานุ่มๆ ของเธอให้ถ่างอ้าออกจากกัน พอปลีน่องอวบอัดถูกจับแบะอ้าแล้ว ก็ทำให้กลีมแคมกลางตัวของเธอ ค่อยๆ เผยออ้าออก จนมองเห็นเม็ดแตดกลมกลึงดันทะลุเนื้อผ้ากางเกงชั้นในออกมา ต้นรีบตวัดลิ้นจู่โจมเม็ดทับทิมของเธออย่างไม่รอรี ทั้งปาด ทั้งดุน จนเจ้าของร่างเกร็งกระตุกแอ่นตัวลอย ก้นเด้งหงึกๆ ไม่ติดเตียง น้ำหีเปียกเยิ้มทะลักทลายออกมาไม่หยุดหย่อน
ต้นค่อยๆ ถอนปากออก ใช้สองมือดึงรูดกางเกงในตัวจิ๋วของเธอผ่านทางหน้าขา ตรงบริเวณกลางเป้าของมันมีคราบน้ำใสๆ เหนียวเยิ้มเป็นดวง แล้วจึงมุดหน้ากลับเข้าไปที่เดิม ค่อยๆ ใช้นิ้วแตะๆ ถูไถเขี่ยปากร่องเสียวไปมา จนคราบน้ำรักมันวาวเกาะติดชุ่มนิ้วกลาง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ สอดนิ้วดันมุดเข้าไปในร่องรูที่เผยอรออยู่ ออกแรงกดทีเดียวนิ้วกลางก็หายเข้าไปได้เกือบสุดลำ สาวหยกหลุดปากร้องซี้ดดดส์ออกมาเบาๆ หลับตาปี๋ข่มอารมณ์เอาไว้แน่น มือซ้ายจิกขยำผ้าปูที่นอนไปด้วยเพื่อช่วยคลายความเสียว
“อืมมมมมม....ม์” หยกครางฮืออยู่ในลำคอเบาๆ เมื่อท่อนนิ้วกลางของต้น กดสอดเข้าไปจนสุดมิดด้าม เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ถอนมันออกช้าๆ ก่อนจะกดนิ้วมุดกลับเข้าไปอีกเบาๆ เป็นจังหวะ
“ดีมั้ยครับพี่? เสียวไหม?” ต้นกระซิบถามข้างหูเธอ พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล่คลึงโม่บดเม็ดแตดของเธอด้านนอกไปด้วยเพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้เงี่ยนง่านขึ้นไปอีก
“อือออ... ดะ... ดี... ดีจ้ะ” หยกละล่ำละลักตอบกลับมาเสียงสั่นขาดช่วง ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนี้จึงยิ่งเร่งตกเบ็ดให้สุดฝีมือ ชักนิ้วเข้าออกจนน้ำเงี่ยนของพี่สะใภ้กระเด็นเจิ่งนองไปทั่วผ้าปูที่นอน
“ซี้ดดดดดดส์ อู๊ย! ต้น.....นนนน โอ๊ยยยยยยย.....!” หยกร้องลั่นเมื่อเจอลิ้นสากๆ ปาดเข้าไปที่เม็ดเสียวอย่างจัง ขณะที่ร่องรูด้านในก็โดนนิ้วกลางกับนิ้วนางทะลุทะลวงอย่างถึงกึ๋น เล่นเอาหยกถึงกับกระเจิดกระเจิงไปเลย ริมฝีปากของต้นพยายามดูดกลืนกลีบสาวของเธอเสียงดังซ้วบซ้าบ จนเธอแทบจะขาดใจ
ต้นใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ เลื่อนขึ้นไปบีบคลึงเต้านมอวบอิ่มพอดีมือของเธอเล่น รู้สึกได้ถึงความชูชันจากปลายยอดปทุมถัน ที่แทงทะลุเนื้อผ้ายกทรงออกมา จึงออกแรงดันยกทรงให้เลื่อนขึ้นไปกองไว้เหนือราวนม เพื่อที่จะได้สัมผัสกับก้อนเนื้อนุ่มๆ ของเธอโดยตรง ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายเหมือนอย่างพวกนางเอกหนังโป๊ที่เขาชื่นชอบ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแบนราบเรียบจนเป็นไม้กระดานเหมือนอย่างสาวๆ หลายๆ คน ความอวบหยุ่นสู้มือทำให้ต้นอดใจไม่ไหว ใช้ฝ่ามือออกแรงบีบเคล้นคลึงเคล้าด้วยความเมามัน จนมันบิดเบี้ยวผิดทรงผิดรูปไปหมด ปลายนิ้วก็คอยเขี่ยสะกิดหัวนมของเธอเล่นไปด้วย
สาวหยกที่โดนจู่โจมทั้งด้านบนและด้านล่างพร้อมกันแบบนี้ก็สุดที่จะต้านทาน อารมณ์เงี่ยนของเธอที่พยายามกดเก็บมันไว้มานาน ถูกกระตุ้นเร่งเร้าจนมันปะทุออกมาอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ รีบเร่งแอ่นเอวบดสะโพกเบียดอัดกับใบหน้าของชายหนุ่มรัวๆ ดังพรืดๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวเร่าร้อน ริมฝีปากเผยออ้าเพื่อเตรียมกู่ก้องร้องครวญครางออกมา ก่อนที่อารมณ์ของเธอจะระเบิดออกมาในที่สุด....
“อ๊ะ..! อาห์ พี่.... พี่ไม่ไหว.... ไม่ไหวแล้ววววว...ววว อ๊ะ!... อ๋าย... อ๊ายยยย.... ซี้ดดดดดดดส์ อ๊ายยยยยยยยยส์....!!” สองมือของซ้อหยกขยุ้มจิกลงไปบนเส้นผมของต้นอย่างแรง เกร็งร่างกระตุกเฮือกๆ แหกปากร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้อง ร่องหลืบเนื้อสาวด้านล่าง ไม่อาจกักเก็บความเสียวไว้ได้อีกต่อไป มันกระตุกพรวดๆ บดสู้กับปลายลิ้นของต้นอยู่ 2-3 ที ก่อนที่น้ำเงี่ยนเหนียวๆ ใสๆ จะพุ่งปรี๊ดทะลักทลายออกมา เลอะปากเลอะคางของชายหนุ่มจนเปียกเยิ้มไปหมด ร่างของหญิงสาวลอยแอ่นค้างอยู่กลางอากาศ ในวินาทีที่อารมณ์ของเธอพุ่งทะยานถึงขีดสุด ลมหายใจขาดห้วง ใจเต้นระรัวราวกับจะฉีกหลุดออกมาจากอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ลดระดับลงกลับสู่เหตุการณ์ปกติ หยกนอนหอบแฮ่กๆ อย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจเอาอากาศเข้าไปไม่ทัน
ต้นรูดกางเกงขาสั้นของตัวเองออกไป ตามด้วยกางเกงชั้นใน ก่อนจะรูดถลกเสื้อยืดของตัวเองออกไปพ้นหัว ร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ขยับตัวเข้ามาทาบชิดกับท่อนล่างอันเปลือยเปล่าของพี่สะใภ้ เขาก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบเธออย่างดูดดื่ม โดยที่เธอเองก็เผลอจูบตอบเขาไปด้วยความคุ้นเคย ลิ้นของทั้งคู่สอดประสานกันอย่างเข้าขารู้ใจ พอคนนึงถอย อีกคนก็ตามรุกไล่ พอจังหวะที่ต้นกำลังจะขยับตัวขึ้นทาบทับร่างของเธอนั้น หยกจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีติดตัวอยู่ ดันตัวน้องชายสามีออกมาเสียก่อน
“คุยกันก่อนได้มั้ย? พี่อยากเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อน” หยกเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง นัยน์ตาแฝงความรู้สึกบางอย่าง
“ครับพี่” ต้นตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมกับจ้องหน้าสบตาเธอไปด้วย สายตาเป็นประกายเช่นเดียวกัน
“พี่แค่รู้สึกว่าพักหลังๆ เราสองคนชักจะเตลิดเกินเลยมาเยอะแล้วนะ”
“พี่หยกหมายความว่ายังไง” ต้นถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ที่เรากำลังทำอยู่เนี่ย ต้นไม่คิดว่ามันดูเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยเหรอ...? ขณะที่เฮียต๋องเค้าต้องกลับไปทำงาน แต่เราสองคนกลับ... มานั่งทำอะไรกันอยู่แบบนี้” หยกเอ่ยอ้างไปถึงสามี ผู้ซึ่งตอนนี้กำลังนอนดูทีวีอยู่บ้านสบายใจเฉิบ
“ผมรู้ครับว่าที่ทำอยู่น่ะมันดูไม่ดี แต่ผมอยากขอให้พี่หยกช่วยเห็นใจผมบ้างได้มั้ย ที่ผ่านมาผมก็ได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึก ต้องทนเห็นพี่กับเฮียต๋องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน โดยที่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตอนที่พี่จะยอมเจียดเวลามาหาผมบ้างเท่านั้นเอง” หยกนิ่งไปเมื่อได้ฟังน้องชายสามีระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
“อย่างน้อยผมขอแค่คืนนี้อีกคืนเดียว ที่ผมจะได้นอนกอดพี่หยกให้พอหายคิดถึงกันบ้าง มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอครับพี่?” ต้นถามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กๆ
“พี่....” หญิงสาวไม่รู้จะสรรหาคำใดๆ มาโต้แย้ง เพราะในขณะเดียวกัน เธอเองก็มีความต้องการไม่ต่างอะไรจากต้นเลยแม้แต่น้อย
“ผมสัญญาครับ ว่าผมจะไม่ไปก้าวก่ายเรียกร้องอะไรจากพี่มากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมรู้ดีว่าพี่น่ะรักเฮียต๋อง ไม่ได้รักผม.... พี่ไม่ต้องคิดมากนะครับ ยังไงสถานะของเราสองคนก็จะยังคงเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ขอแค่พี่แบ่งเวลามาอยู่กับผมบ้าง แค่ช่วงสั้นๆ แบบนี้ก็พอ” คำออดอ้อนของต้น กลายเป็นหมัดน็อคที่ทำให้หญิงสาวต้องยอมพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ความต้องการของตัวเองในที่สุด
“ต้นเอาถุงยางมาด้วยรึเปล่า?” หยกเอ่ยถามเสียงเบาหวิว
“เปล่าครับ... ผมไม่คิดว่าเราจะได้มาอยู่กันสองต่อสองแบบนี้อ่ะ” ต้นตอบโกหกหน้าตาย
“พี่ก็ไม่คิดเหมือนกัน... แล้วแบบนี้จะเอาไงดี” สะใภ้สาวทำหน้ากังวลขึ้นมา
“ก็เอากันที่นี่แหละครับ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก” น้องสามีแกล้งพูดแซวอย่างอารมณ์ดี
“บ้า! ไม่ใช่ พี่หมายถึงว่า จะทำยังไงดี ถุงยางก็ไม่มีแบบนี้” หญิงสาวใช้มือตีแขนต้นเบาๆ พยายามลากชายหนุ่มให้กลับมาพูดคุยจริงๆ จังๆ อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมเสร็จข้างนอกเหมือนเดิมก็ได้ครับพี่” ต้นเอ่ยย้อนไปถึงประสบกามครั้งแรกของคนทั้งคู่ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก ไม่ต่างอะไรจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สาวหยกชั่งใจอยู่แป๊บนึง ก่อนจะยอมพยักหน้า
“อืม.... เอางั้นก็ได้” หญิงสาวตอบ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเอง รูดอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้หลุดออกมาจากตัว เรือนร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ จึงออกมาประจันหน้ากันตามลำพัง โดยที่ไม่มีสิ่งใดมาคอยขวางกั้นอีกต่อไป....
ต้นขยับเข้าไปนอนตะแคงข้างๆ เธอ ใช้มือบีบจับลงไปบนหน้าอกเปลือยเปล่า แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไปจุมพิตเข้าที่ยอดปทุมถันด้วยความนุ่มนวล หยกครางฮือออกมาทันทีที่ถูกปลายลิ้นสัมผัส ชายหนุ่มออกแรง ทั้งบีบ ทั้งคลึงเต้านมจนมันบิดเบี้ยวผิดรูป ปากก็เม้มดูดหัวนมของเธอราวกับทารกน้อยที่กำลังหิวกระหาย พอดูดจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ต้นจึงเปลี่ยนเป้าหมาย เลื่อนมือลงไปควานเขี่ยที่ปากทางร่องเสียวอันเปียกเยิ้มของเธออีกครั้ง
และจากประสบกามที่เคยร่วมรักกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ต้นพอที่จะคุ้นเคยกับลีลาสวาทของคู่ขาตัวเองเป็นอย่างดี โดยที่เค้าเองก็ไม่เคยจะคิดมาก่อนเลยว่า ผู้หญิงเรียบร้อยๆ หน้าตาน่ารักๆ อย่างซ้อหยก เวลาที่อยู่บนเตียงนั้นจะมีอารมณ์ร้อนแรงได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งแม้ว่าพี่สะใภ้สาวคนสวยจะพึ่งเสร็จกิจจากการโดนลงลิ้นจนตัวลอยไปหมาดๆ แต่เมื่อดูจากสภาพความชุ่มชื้นเปียกแฉะในตอนนี้แล้ว ถ้าหากว่าลองปลุกอารมณ์อย่างต่อเนื่องดีๆ ก็คงเพียงพอที่จะพาเธอพุ่งทะยานขึ้นสวรรค์ไปอีกรอบได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่
ต้นใช้นิ้วแหวกกลีบแคมที่หุบตัวอยู่จนเปิดอ้าออก ตวัดลิ้นชิมรสชาติน้ำเสียวสีขาวหนืดๆ ของเธอทีสองที รสออกเค็มๆ ปะแล่ม มีกลิ่นสาวแปลกๆ ลอยติดจมูกนิดๆ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์หื่นของต้นไอ้ปึ๋งปั๋งขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวีคูณ สาวหยกที่โดนจู่โจมซ้ำสองที่จุดเดิมถึงกับเสียวจนตัวแอ่น
“โอ๊ยยย... ยังจะเลียอีกเหรอต้น...?” หยกร้องท้วงขึ้นมา เมื่อเห็นว่าต้นไม่เร่งรีบสอดใส่ท่อนลำเข้ามาอย่างที่เธอเตรียมใจในไว้ตอนแรก หนุ่มต้นที่ได้ฟังก็ยิ้มให้เธอ แล้วก้มหน้าก้มตาใช้ลิ้นลากเลียไปตามแนวร่องเสียวของเธอจนน้ำเงี่ยนเปรอะริมฝีปาก บางจังหวะยังแอบลากผ่านไปถึงรูก้นของเธอ จนหญิงสาวต้องรีบใช้มือจิกดึงผมเอาไว้ไม่ให้ลงต่ำไปมากกว่านี้ แม้ว่ารสสัมผัสที่เกิดขึ้นมันจะพาให้อารมณ์ของเธอรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่เอานะ! อย่าลงไปแบบนั้น” ซ้อหยกรีบออกปากร้องห้ามเสียงดัง จนต้นต้องยอมผงกหัวขึ้นมาตามเดิม
ต้นพยายามใช้ลิ้นฉกเลียกระตุ้นอารมณ์พี่สะใภ้ด้วยความพิถีพิถัน บางจังหวะก็สอดลิ้นแยงคว้านเข้าไปสำรวจร่องหลืบภายใน สลับกับการลากวนเล่นงานเม็ดแตดที่กำลังบวมเป่ง พอเห็นว่าอารมณ์ของเธอเริ่มขึ้นสูงได้ที่อีกครั้ง ต้นก็จัดแจงลงไปนอนหงายกลับหัวกลับหาง ดันร่างซ้อหยกให้กลับขึ้นมานอนคว่ำในท่า 69 แบบที่เคยเห็นพี่ชายทำในห้องนอน
“ว้าย! ไม่เอานะต้น พี่ไม่ใช้ปากให้นะ” สาวหยกรีบร้องดักคอออกมาทันทีอย่างรู้ทัน
“เปล่านะครับ ผมแค่อยากเลียให้พี่จากด้านล่างบ้างก็เท่านั้นเอง เห็นเค้าว่ามันเสียวกว่ากันเยอะเลย” หนุ่มต้นพยายามหาข้ออ้างข้างๆ คูๆ จากมุมมองด้านล่างที่เห็นอยู่นี้ ทำให้สะโพกพายกับแก้มก้นงอนๆ ของซ้อหยก ลอยแอ่นท้าทายสายตาอย่างน่าดูชม กลีบพูอวบอูมของเธอดูจะเผยออ้าออกมาเล็กน้อย เมื่อต้องมาอยู่ในท่าคุกเข่าคลานสี่ขาแบบนี้ แคมหีอวบๆ มีคราบน้ำสวาทยืดเยิ้มออกมาจากร่องรูภายใน ผสมปนเปกับคราบน้ำลายจากปลายลิ้นของหนุ่มต้นจนเปียกนองไปทั่วง่ามขา ชายหนุ่มเห็นเข้าก็อดใจไม่ไหว ต้องรีบดึงรั้งสะโพกของเธอลงมา เพื่อดูดกลืนน้ำทิพย์จากร่องหีของเธอ เสียงดังซ้วบบบบบ....บบบ!
“อุ๊ย! ต้น! เบาๆ หน่อยซี่....” หยกหลุดปากร้องออกมาเบาๆ แต่ชายหนุ่มดูจะไม่สนใจ ยังคงก้มหน้าก้มตาลงลิ้นกับร่องเสียว จนสาวหยกเผลอเป็นฝ่ายขย่มบดอัดเนินสาวเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มเสียเอง
“ซี้ดดดดดดส์ อาห์... ทำไมมันเสียวแบบนี้นะ.... ฮือออออ” สะใภ้สาวพร่ำเพ้อออกมา สายตาก็พลันสบเข้ากับท่อนเอ็นเปลือยเปล่า ที่กำลังกระดกหงึกๆ ยั่วยวนอยู่ตรงหน้า ปลายหัวบานแดงโร่ ตรงบริเวณรอยหยักมีหยดน้ำกลมๆ ใสๆ เกาะติดอยู่ ดูคล้ายกับหยาดน้ำค้างก็ไม่ปาน ท่อนเอ็นบานอวบส่ายกระตุกไปมาอยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่เพียงคืบ รูปร่างหน้าของมันรึ ก็ดูคล้ายคลึงแทบไม่ต่างอะไรจากแก่นกายของเฮียต๋องผู้เป็นสามีเลยซักนิด
สาวหยกเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว สายตาก็ยังจับจ้องไปที่อาวุธประจำกายของชายหนุ่มไม่ให้คลาดสายตา หนุ่มต้นที่จับสังเกตได้ว่าพี่สะใภ้กำลังแอบชั่งใจอยู่เงียบๆ จึงพยายามช่วยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ด้วยการเกร็งกระตุกท่อนควยของตัวเองหงึกๆ จนใบหน้าของเธอร้อนผ่าวไปหมด ลมหายใจติดๆ ขัดๆ เหมือนกำลังกลั้นใจอยู่ตลอดเวลา
“พี่หยกใช้มือให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ?” ต้นเอ่ยปากอ้อนขอเสียงใส สาวหยกที่ได้ฟังก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงใช้มือซ้ายเอื้อมไปคว้าหมับเข้าที่ท่อนลำอุ่นๆ ค่อยๆ ลูบสัมผัสมันอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้ว่าเธอจะเคยจับสัมผัสมันมาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี หยกเองก็อดแปลกใจกับตัวเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่กับเฮียต๋องเองเธอก็เคยทำให้หมดแล้ว ทั้งใช้มือ... ใช้ปาก... หรือแม้แต่การขึ้นไปร่อนขย่มด้วยตัวเองจนเสร็จสรรพ ก็ไม่เห็นจะมีอาการประหม่าเขินอายแบบนี้ แบบที่กำลังเกิดขึ้นกับต้น....
หรือเพราะว่ามันคือเซ็กส์ต้องห้าม ที่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ หาโอกาสตักตวงความสุขซึ่งกันและกัน จึงทำให้เธอยังคงรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เหมือนว่าตัวเองกำลังแอบทำความผิดอยู่แบบนี้
ความรู้สึกผิดที่ผิดทางเหล่านี้ กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเธอให้ตื่นเต้นขึ้นไปอีก ภาพหัวควยบานแดงโร่ที่กำลังถูกฝ่ามือของเธอรูดปลิ้นเข้าปลิ้นออก ทำให้เธอต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก! ใช้หัวแม่มือบี้คลึงไปที่รอยแยกบริเวณปลายหัว พร้อมกับออกแรงชักรูดท่อนลำแบบเน้นๆ เล่นเอาหนุ่มต้นต้องเผลอถอนปากออกมาด้วยความเสียวซ่าน เสียงครางสูดปากซี้ดซ้าดของน้องชายสามี ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการกระทำของเธอ ดูจะสร้างความพึงพอใจให้กับสาวหยกได้เป็นอย่างดี... เธอแอบอมยิ้มนิดๆ ที่สามารถทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้อง ต้องออกอาการเสียวซ่านจนตัวเกร็งได้ถึงเพียงนี้
ภาพเบื้องหน้าที่คอยเร่งเร้ากระตุ้นอารมณ์ บวกกับความมั่นใจที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ทำให้สาวหยกแอบคิดอยากลองทำอะไรให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านขึ้นไปอีก เธอค่อยๆ เผยอปากอ้า แลบลิ้นออกมาช้าๆ ก่อนจะใช้มันแตะเข้าไปที่บริเวณปลายหัวควยของต้นเบาๆ เพื่อชิมรสชาติน้ำหล่อลื่น
“อุ๊...! ซี้ดดดดดส์” ชายหนุ่มสูดปากครวญเบาๆ หน้าท้องเกร็งแขม่วเมื่อถูกริมฝีปากบางๆ ของหญิงสาว ครอบอมไปที่ดอกเห็ดบานอวบสีแดงโร่ สองมือก็คว้าหมับ บีบคลึงลงไปบนแก้มก้นของซ้อหยกเพื่อช่วยกำกับจังหวะ เธอค่อยๆ ใช้ปากดูดกลืนท่อนเนื้อเข้าไปจนแก้มตอบ ก่อนจะออกแรงรูดผงกศีรษะโยกขึ้นลงเบาๆ เป็นจังหวะ แม้จะเคยมีประสบการณ์กับสามีมาบ้างแล้ว แต่ด้วยกลิ่นคาวและรสชาติอันแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นลิ้น ก็เลยทำให้หญิงสาวดูจะเกร็งๆ กล้าๆ กลัวๆ และออกอาการติดขัดอยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงแรกๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มต้นติดเครื่องได้ในที่สุด
“ดะ.... ดีครับพี่... อืมมมม... แบบนั้นแหละครับ” ต้นสูดปากหลับตาพริ้ม ปล่อยตัวเอนกายให้พี่สะใภ้ ได้ดูดดุนดุ้นเนื้อของตัวเองตามใจชอบ บางจังหวะยังช่วยเกร็งตัวเดาะสะโพกขึ้นจากเตียงเพื่อช่วยเสริมแรง ซ้อหยกตอนนี้หน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว ก้มหน้าก้มตาใช้ปากดูดโม้กควยให้หนุ่มต้นอย่างถึงเอร็ดอร่อย ยิ่งเร่งยิ่งรูด จนชายหนุ่มเองไม่กล้านอนเอาเปรียบ ต้องรีบเกร็งคอประกบแนบเข้ากับบั้นท้ายเธอ พร้อมกับลงลิ้นทาสีไปที่พวงเนื้อสาวอย่างถึงพริกถึงขิง
สองหนุ่มสาวสลับกันใช้ปากให้กันและกันจนฉ่ำแฉะหนำใจ ก่อนที่หนุ่มต้นจะค่อยๆ ส่งสัญญาณขอสงบศึกชั่วคราว เพราะเริ่มเสียวหัวควยจนแทบทนไม่ไหว ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับชันตัวขึ้นมาคุกเข่าประกบซ้อหยกจากทางด้านหลัง ออกแรงดันตัวเธอให้เอนไปข้างหน้าในท่าคลานคุกเข่าสี่ขา พร้อมๆ กับจรดท่อนเนื้อเปลือยเปล่าเข้าไปจ่อที่ปากทาง ซึ่งกำลังแบะอ้าเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มสบตากับหญิงสาวเป็นเชิงขออนุญาต ขณะที่ทางฝั่งสะใภ้สาวเองก็ไม่ได้พูดหรือตอบอะไรออกไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ หนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้ท่อนเอ็นแข็งอวบ ค่อยๆ มุดแซะเข้ามาในร่องรูอันเปียกชื้นของเธอ
“อ่ะ... อาาา….ห์ อึ่... อึ่กกก..กก อ๊ะ..! อ๊า.... อ๋าาาา!!” หยกร้องครวญครางเสียงกระเส่า หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะความจุกเสียด ขณะที่ท่อนควยคล้ำอวบ ค่อยๆ ทะลวงยัดรูหีของเธอจนแคมยู่ยี่ปลิ้นกองอยู่ด้านข้าง รสสัมผัสจากการเสียดสีของผิวเนื้อแบบสดๆ ทำให้ต้นอดรู้สึกมันควยขึ้นมาไม่ได้ เร่งบดอัดท่อนลำ ยงขยี้รูหีของซ้อหยกด้วยความเมามัน จนเธอถึงกับแหกปากร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา
“อ๊ะ! อ๋อยสส.....ซี้ดดดดส์ อู๊ยย ต้น..... พี่เสียววว....ววววว อะ.... อ๊ะ...! โอ๊ยยย....!” หยกสะบัดหน้าไปมา เนื้อตัวสั่นกระเพื่อมด้วยแรงกระแทกจากทางด้านหลัง หน้าอกขนาดพอดีมือของเธอแกว่งไกวไปมา เดี๋ยวซ้ายที เดี๋ยวขวาที โพรงเนื้อด้านล่างก็ถูกคว้านทะลวง จนเธอรู้สึกจุกแน่นไปถึงหน้าท้อง
ต้นเอื้อมมือซ้ายคว้าจับเข้าไปที่พวงเต้าขาวๆ ซึ่งกำลังเอนส่ายไปมาอย่างไร้สมดุล ใช้ปลายนิ้วบี้คลึงเล่นกับปลายยอดปทุมถันของเธออย่างนึกมันเขี้ยว บางจังหวะก็แอบออกแรงบีบบี้มันจนทรวดทรงบิดบวมไปมาอยู่ในฝ่ามือ เขาค่อยๆ ใช้มือขวาอีกข้าง ประคองจับใบหน้าของเธอให้หันกลับมาหา พร้อมกับขยับตัวเข้าไป ใช้ริมฝีปากประกบจูบ บดอัดลงไปทาบทับกับริมฝีปากเรียวบางได้รูปของเธอ ลิ้นของคนทั้งคู่สอดกระหวัดเกี่ยวกันทันทีที่ริมฝีปากถูกทาบเข้าหากันจนแนบสนิท น้ำลายอุ่นๆ หวานๆ ของหยก กระตุ้นอารมณ์ให้ต้นยิ่งเร่งรัดบดอัดกระเด้าควยแทงใส่หีของเธอจากทางด้านหลัง เร็วขึ้น แรงขึ้น
กลีบแคมเนื้อสาวสีแดงแจ๋ ปลิ้นยู่ยี่ไปมาๆ เมื่อโดนท่อนเนื้อเสียดสีมุดเข้ามุดออก คราบน้ำรักเล็ดลอดกระฉอกออกมาไม่หยุดหย่อน สาวหยกรู้สึกเสียวแปล๊บๆ จี๊ดๆ ที่บริเวณหว่างขา ทุกครั้งที่ถูกชายหนุ่มออกแรงกดกระแทกดุ้นเนื้อให้มุดสอดเข้ามาภายในตัว หน้าขาของเธอตอนนี้รู้สึกชาไปหมด ในหัวไม่สามารถคิดคำนึงถึงเรื่องอื่นใดได้อีก นอกจากปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ลอยละล่องไปกับรสชาติความเสียวที่คู่ขารุ่นน้องเป็นคนประเคนมาให้ แบบส่งตรงถึงข้างใน ทั้งคู่เย็ดกันในท่าด็อกกี้แบบนี้อยู่ราวๆ 10 - 15 นาที ในที่สุดหนุ่มต้นก็ทนฝืนอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว สูดปากร้องซี้ดๆๆ ใบหน้าเหยเกเพราะความเสียวที่กำลังก่อตัวขึ้นบนท่อนลำ
“อูย....ยยย พี่หยก ผมจะเสร็จแล้วครับ” หนุ่มต้นละล่ำละลักร้องครางออกมา เมื่อรู้ตัวว่าใกล้ถึงที่หมายในอีกไม่ช้า
“อ... อ๊าา...! อ๊ะ...! พ.. พี่.... พี่ก็จะเสร็จแล้วเหมือนกันต้น โอ๊ย...ยยยย” หญิงสาวแหกปากร้องครวญแข่งกับชายหนุ่ม
“ผม... ผมขอปล่อยข้างในเลยได้มั้ยครับ” ต้นลองเอ่ยปากหยั่งเชิงดูเบาๆ พยายามข่มความเสียวเอาไว้ ไม่ให้แตกทะลักออกมาก่อนเวลาอันควร
“ฮืออออ... ไม่เอานะ... อะ... เอาออกมาปล่อยข้างนอกนะต้น... โอ๊ยยยย...” แม้จะเสียวจนขึ้นสมอง แต่สำนึกแห่งความถูกผิดของหยกก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี หนุ่มต้นที่ได้ยินแบบนี้ก็แอบใจเสีย จึงพยายามทำเป็นหูทวนลม ตั้งหน้าตั้งตาซอยต่อไป พร้อมกับแอบหวังว่าความเสียวที่เกิดขึ้นจะทำให้พี่สะใภ้ลืมเลือนเรื่องนี้ไปได้บ้าง
“อืมมมมม พี่หยกผมเสียว... ชะมัด...” ชายหนุ่มสูดปากร้องซี้ด พร้อมกับเร่งกระดกบั้นท้ายอัดท่อนลำเสียงดังป้าบ..! ป้าบ...บ! ป้าบ...บบบ!!! จนร่างของซ้อหยกกระเด็นกระดอนไปมาเพราะแรงกระแทกที่บั้นท้าย
“โอ๊ย ต้น! เอาออกไปก่อน...นนน” สาวหยกกัดฟันกรอดๆ พร้อมกับร้องสั่งให้น้องชายสามีรีบถอนท่อนควยออกมาแตกข้างนอกรูหีของเธอเช่นเดิม
เมื่อเห็นพี่สะใภ้ยังคงใจแข็งอยู่แบบนี้ หนุ่มต้นจึงเริ่มรู้สึกอับจนหนทางขึ้นมา ขณะที่ท่อนลำบริเวณปลายหัว ก็เริ่มเสียวซ่านจนใกล้ที่จะทนไม่ไหว และกำลังจะน้ำแตกอยู่รอมร่อ....
-
ขณะที่ต้นกำลังจะถอดใจและเกือบยอมชักออกมาน้ำแตกข้างนอกนั้น ในหัวก็พลันนึกย้อนไปถึงคำพูดของเฮียต๋อง เกี่ยวกับเรื่องที่เตี่ยอยากอุ้มหลานขึ้นมา ไล่เรียงมาจนถึงเรื่องที่พี่ชายของตัวเองเป็นหมันมีลูกไม่ได้ จนกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ ต้นจึงพอจะคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ในที่สุด
ชายหนุ่มจึงขยับตัวพลิกร่างของหญิงสาวให้ลงไปอยู่ในท่านอนหงาย กดสอดใส่แก่นกายของตัวเอง ทิ่มพรวดเข้าไปในโพรงหีของเธออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับก้มลงไปกระซิบกระซาบเบาๆ ที่ข้างหูของเธอ จนซ้อหยกถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองจ้องหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หนุ่มต้นจ้องตาเธอตอบกลับไปเพื่อยืนยันคำพูด ขณะที่ร่างกายท่อนล่างก็ยังคงซอยกระเด้าเข้าออกร่องหีของเธออย่างต่อเนื่อง
อารมณ์ของสาวหยกตอนนี้ กำลังปั่นป่วนจากความสับสนที่เกิดขึ้นในหัว สัญชาตญาณลึกๆ บอกเธอว่าไม่ควรยอมปล่อยให้น้องสามี ได้สำเร็จความใคร่ทิ้งคราบไคลเอาไว้ภายในร่องหลืบของเธอเด็ดขาด แต่อีกใจนึง ด้วยอารมณ์ความเสียวที่ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนาน พอมันถูกต้นเล้าโลมปลุกเร้าจนจุดติด และใกล้ที่จะเสร็จกิจกันอยู่รอมร่อ มันก็ยากที่เธอจะยอมลดเกียร์ถอนคันเร่งลงได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาไข่ตกแบบนี้... ยิ่งส่งผลให้อารมณ์ความอยากของเธอ ลอยพุ่งทะลุเพดานออกไปจนไกลลิบลิ่ว
พอหนุ่มต้นทำทีว่าจะถอนท่อนลำให้หลุดออก ซ้อหยกที่กำลังเสียวซ่านได้ที่ จึงเป็นฝ่ายลืมตัว เผลอใช้ขาเกี่ยวกระหวัดรัดสะโพกของน้องสามีเอาไว้ ไม่ให้มันหลุดออกมา สองแขนโอบกอดรอบคอไว้แน่น ออกแรงทั้งเหนี่ยวทั้งรั้ง พยายามกดสะโพกของชายหนุ่ม ให้กลับเข้ามาลึกๆ เหมือนเดิม พร้อมกับชะเง้อคอขึ้นไปดูดปากกับคู่รักหนุ่มรุ่นน้อง เพื่อช่วยเร่งเร้าความเสียวที่กำลังจะระเบิดแตกออกมาในไม่ช้า
ข้างฝ่ายหนุ่มต้นเองก็กำลังอยู่ในช่วงนับถอยหลังรอจุดระเบิดอยู่ไม่ต่างกัน สองมือของเขาบีบเคล้นลงไปที่สองเต้าขาวนวลอย่างสนุกมือ หลบตาพริ้มดูดปากแลกลิ้นกับสาวรุ่นพี่ กระดกก้นเด้าควยยิกๆๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นลั่นห้อง ปั้บ...! ปั้บ...บบ! ปั้บ...บบบบ! ปั้บบ...บบบบบบ!!! ปั้บบ...! ปั้บบ...บบ! ปั้บบ...บบบ! ปั้บบ...บบบบ!!! เป็นจังหวะเร็วรัวต่อเนื่อง ก่อนที่หนุ่มสาวทั้งคู่จะออกอาการกระตุกเฮือกๆ เหมือนกับกำลังจะขาดอากาศหายใจขึ้นมากะทันหัน
“อ๊ะ..! อร๊ายย....สสสสส ซี้ดดดดส์ ต้น! พี่จะเสร็จแล้ว อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ายยย อย่างนั้น....! โอ๊ยยย แรงๆ เลย!” สาวหยกถอนปากออกมาร้องครวญครางหวีดหวิว ใบหน้าที่เคยอ่อนหวานกลายเป็นบิดเบี้ยวเหยเก ดูเร่าร้อนราวกับว่าเป็นคนละคน สองขาที่เคยโอบรั้งสะโพกของชายหนุ่มก็แบะอ้าออกกว้าง ปลายเท้าจิกเกร็งอย่างเสียวซ่าน เต้านมส่ายบิดเบี้ยวอยู่ในกำมือของชายหนุ่มคู่ขา ขณะที่ร่องหลืบด้านในก็ออกอาการกระตุกตอด บีบรัดท่อนลำที่กำลังทิ่มแทงอยู่ไม่หยุดหย่อน ทุกๆ ครั้งที่ท่อนลำบานอวบกดกระแทกมุดกลับเข้าไปในอุโมงค์เนื้อสาว น้ำหีใสๆ เหนียวๆ ของเธอก็จะไหลทะลักซึมออกมาจนเปียกเลอะไปทั่วสองข้างของกลีบแคม เรือนร่างของซ้อหยกสั่นระริกคล้ายคนกำลังจะขาดใจตาย สองมือของเธอจิกข่วนลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างระงับอารมณ์ไม่ได้
“อุ๊... อู๊ยยยย พี่หยก ผมจะเสร็จ.... เสร็จแล้วววววว” หนุ่มต้นฝืนทนไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร้องครวญส่งสัญญาณบอกพี่สะใภ้เป็นครั้งสุดท้าย สาวหยกที่กำลังน้ำแตกถึงจุดสุดยอด ระลอกของความเสียวที่กำลังระเบิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เธอลืมเรื่องราวต่างๆ รอบตัวไปอย่างสิ้นเชิง ปล่อยตัวปล่อยใจ แอ่นเบียดหีให้ชายหนุ่มเร่งกระเด้าก้นอัดกลับเข้ามายิกๆๆ ก่อนที่เขาจะเกร็งตัวกระฉูดน้ำรักสีขาวข้นเหนียวหนืด ให้พุ่งปรี๊ดเข้าไปในช่องท้องของเธออย่างสุดที่จะห้ามปรามได้ น้ำควยเหนียวๆ พุ่งกระทบเข้าไปถึงมดลูกด้านใน ไหลนองอยู่เต็มช่องท้องของซ้อหยก ปริมาณของมันที่หนุ่มต้นเก็บสะสมเอาไว้เป็นอาทิตย์ๆ ถูกปลดปล่อยออกมาในทีเดียวราวกับเขื่อนแตก จนเธอรู้สึกอุ่นแน่นไปหมด
หลังจากเกร็งตัวกระตุกอยู่เกือบๆ หนึ่งนาที ในที่สุดหนุ่มต้นก็รีดเอาน้ำเชื้อหยดสุดท้ายของตัวเอง ไหลเข้าไปแช่อยู่ในโพรงหีของพี่สะใภ้ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งสองทิ้งตัวลงนอนกอดก่ายอยู่ข้างๆ กันอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ผิวกายของทั้งคู่กลายเป็นสีแดงระเรื่อ เป็นผลมาจากเลือดลมที่คอยสูบฉีด ร่างทั้งสองเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อที่เกาะพร่างพราวอยู่ทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณเนินสาวของซ้อหยกที่ดูจะเปียกชื้นเป็นพิเศษ คราบน้ำกามสีขาว ค่อยๆ ไหลนองย้อยออกมาจากร่องหลืบภายในของเธอ ผสมปนเปเข้ากับคราบน้ำรักเหนียวๆ ใสๆ จนไหลย้อยออกมาเป็นทางเลอะง่ามขา
“ดูสิ... เลอะเทอะไปหมดเลย” สาวหยกเอ่ยปากเป็นเชิงบ่นๆ กับต้นถึงคราบน้ำรักที่ไหลนองออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปสำรวจสภาพกลีบสาวของเธอ ที่ตอนนี้กำลังบานอ้าออก มองเข้าไปเห็นเป็นโพรงเนื้อสีแดงแจ๋ มีคราบน้ำอสุจิสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาเรื่อยๆ พงหมอยด้านบน มีคราบน้ำรักใสๆ เกาะติดอยู่เป็นดวงๆ
“อืม... น้ำผมยังไหลออกมาไม่หยุดเลย สงสัยจะเยอะจริงๆ ด้วย” ต้นเอ่ยปากเออออตาม
“นี่ อย่าจ้องซี่!” ซ้อหยกรีบพลิกตัวตะแคงหลบ เมื่อเห็นว่าถูกน้องชายสามีจ้องสำรวจเนินเนื้อสาวของเธออย่างเพ่งพินิจ ชายหนุ่มเห็นอาการเขินอายของเธอแล้วก็นึกหัวเราะชอบใจ ก็เมื่อตะกี้เธอยังเป็นคนเอ่ยปากร้องเรียกให้เขาก้มลงไปดูผลงานตัวเองอยู่เลยมิใช่หรือ
“อือออ... ผมมีความสุขจังเลยครับ พี่หยกล่ะ มีความสุขเหมือนกันมั้ย?” หนุ่มต้นพูดอ้อน พร้อมกับขยับตัวเข้าไปตะแคงกอดเธอ สาวหยกทำหน้าเขินๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกมา จนหนุ่มต้นต้องกระเซ้าถามอีกรอบเธอจึงยอมตอบ
“อืม... ก็... ก็ดีนะ” ซ้อหยกตอบแล้วก้มหน้าหลบตา ชายหนุ่มจึงใช้มือประคองใบหน้าเธอขึ้นมา แล้วโน้มหน้าเข้าไปจูบเธออย่างแผ่วเบา ทั้งคู่จูบปากกันอยู่ครู่นึงก่อนจะถอนปากออก แล้วจึงเอนกายหลับตา นอนพักเอาแรงอยู่เคียงข้างกันไปอีกครู่ใหญ่ๆ
“ต้น... ที่ต้นพูดมาก่อนหน้านี้น่ะ พูดจริงเหรอ?” หลังจากได้นอนพักจนหายเหนื่อยแล้ว สาวหยกจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามถึงถ้อยคำที่ชายหนุ่มกระซิบบอกเธอ ในช่วงที่ทั้งคู่กำลังใกล้จะถึงจุดสุดยอด ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หยกตัดสินใจยอมให้เค้าเสร็จสมในตัวเธอนั่นเอง
“เรื่องอะไรเหรอครับพี่?” หนุ่มต้นยังนึกไม่ทัน จึงเอ่ยปากถามไป
“ก็เรื่องที่ต้นเป็นหมันนั่นไง...”
“คือ... จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับเป็นหมันร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับพี่หยก แต่คุณหมอที่เคยตรวจให้เค้าบอกว่าเชื้อของผมมันอ่อนมากๆ จนแทบจะมีลูกไม่ได้เลย ถ้าใช้วิธีปกติ... ไม่รู้ว่าพี่หยกเคยคุยกับเฮียต๋องรึยังนะ แต่รู้สึกว่าแกเองก็น่าจะมีอาการนี้อยู่เหมือนกัน หมอเค้าว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ที่มาเกิดขึ้นในรุ่นพวกผมพอดี ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าเคสเฮียต๋องแกจะรุนแรงกว่าของผมซะอีก...” หนุ่มต้นโกหกคำโตหน้าตาย สาวหยกที่ได้ฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสามี จึงรีบพยักหน้าเออออตามไปด้วย
“อืม... ก็อย่างที่ต้นบอกนั่นแหละ พี่กับเฮียก็เคยไปหาหมอมาแล้วเหมือนกัน ยิ่งช่วงหลังๆ ที่เตี่ยเค้าบ่นอยากมีหลาน เราก็พยายามหาวิธีช่วย หาวิธีบำรุงกันมาหลายทางแล้ว แต่ผลสุดท้ายมันก็ติดปัญหาอยู่ที่ต้นทางนั่นแหละ ก็เลยจนปัญญาจริงๆ...” หยกพูดพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าๆ
“ถ้างั้น เดี๋ยวให้ผมทำแทนเฮียเองก็ได้ครับพี่ เชื้อผมน่าจะแข็งแรงกว่าของเฮียอยู่นิดหน่อย... แล้วพี่หยกอยากได้ลูกชายหรือลูกสาวล่ะ?” หนุ่มต้นพูดกระเซ้าติดตลก
“บ้า! ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ล่ะแย่เลย พี่ไม่รู้จะหาคำแก้ตัวอะไรไปบอกเฮียเลยนะแบบนั้น”
“โอ๊ย ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ถ้าเกิดว่าท้องขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวผมไปคุยกับเฮียแป๊บเดียวก็รู้เรื่องแล้ว”
“ไม่เอาอ่ะ พี่กลัวเฮียโกรธ เดี๋ยวโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านกันพอดี” สาวหยกยังทำหน้าหวั่นๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร หนุ่มต้นก็ขยับตัวจู่โจมเธออีกระลอกเสียก่อน
“อุ๊ย! อย่าซี่...” หยกพยายามร้องห้าม เมื่อน้องชายสามีรุกเข้ามาคลึงเคล้นดูดนมเธอ ราวกับเด็กน้อยที่กำลังร่ำร้องออดอ้อนหาแม่ เสียงดูดดังจ๊วบแจ๊บสะใจ อารมณ์เงี่ยนง่านของชายหนุ่มเริ่มที่จะคืนกลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้นอนพักเอาแรงไปครู่ใหญ่ๆ
ข้างฝ่ายซ้อหยกเองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนอยู่ภายใน ทำให้ต่อมรับความเสียวของหญิงสาว ดูจะฟื้นตัวกลับคืนมาได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ เพียงแค่โดนน้องชายสามีดูดเลียหัวนมเล่นได้ไม่นาน ใบหน้าของเธอก็เริ่มที่จะกลับมาเป็นสีแดงซ่านอีกครั้ง ลมหายใจรึก็ดูจะติดขัดขาดช่วงขาดตอน กลีบแคมเนื้อสาวด้านล่างที่เปียกชื้นอยู่แล้ว ก็พาลเปียกปอนยิ่งขึ้นไปอีก
“โธ่... ต้นอ่ะ นี่ยังไม่เหนื่อยอีกเหรอ?” หยกเอ่ยปากเป็นเชิงปฏิเสธ แต่หนุ่มต้นเองกลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยกลับไปง่ายๆ ยังคงดูดดุนจุกนมของเธออย่างชื่นใจ พร้อมกับเลื่อนมือลงไปเขี่ยคลึงเม็ดเสียวด้านล่างเป็นการใหญ่
“จ๊วบ...บบ ผมขออีกรอบนะครับพี่หยก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะไม่มีเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว”
“ฮืออออ... แต่พี่หมดแรงแล้วนะ” เธอยังพยายามอ้อนขอความเห็นใจ
“ไม่เป็นไรครับ พี่หยกนอนเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวผมทำให้เอง” ต้นพูดจบก็ค่อยๆ สอดนิ้วกลาง แยงลึกเข้าไปถูไถบริเวณจุดจีสปอตด้านในโพรงหีของเธออย่างคุ้นเคย
รสสัมผัสที่เกิดขึ้นจากภายใน กระตุ้นให้หญิงสาวรู้สึกเสียวแปล๊บๆ ราวกับโดนไฟช็อต ร่างของเธอส่ายกระตุกไปมาตามแรงกดของนิ้วมือ ต้นใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ ประคองจูงมือของพี่สะใภ้ให้มาเกาะกุมอยู่ที่ท่อนเนื้อของตัวเองไปด้วย พร้อมกับค่อยๆ คลึงมือเธอให้รูดขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะ...
แรกๆ ชายหนุ่มก็ยังต้องคอยใช้มือช่วยควบคุมจังหวะให้เธอก่อน แต่พอผ่านไปซักพัก เมื่ออารมณ์หื่นของซ้อหยกเริ่มที่จะกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว ต้นจึงสามารถถอนมือออก ปล่อยให้หญิงสาวเป็นผู้กำหนดจังหวะการถอกรูดท่อนลำด้วยตัวเอง... ชายหนุ่มใช้นิ้วเขี่ยแยงหีให้พี่สะใภ้อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถอนมือออก ใจจริงเขานึกอยากจะก้มไปลงลิ้นให้เธออีกซักครั้ง แต่ติดที่ว่าใจไม่ถึงพอ นึกกลัวว่าถ้าเกิดเผลอพลาดไปชิมเข้ากับน้ำกามของตัวเองแล้ว ก็พาลจะทำให้หำหดซะเปล่าๆ
ต้นจึงรีบขยับตัวลุกขึ้น ท่อนเนื้อที่แข็งตัวได้ที่ ดีดผั้วะ!หลุดออกมาจากฝ่ามือซ้อหยก เขาค่อยๆประคองร่างนุ่มนิ่มของพี่สะใภ้ให้เอนหงายลงไปกับเตียง จับแบะสองขาของเธอ ยกโล้ขึ้นไปทางด้านบน มองเห็นถึงกลีบแคมเนื้อสาวที่เผยอแบะอ้าออกจนเห็นเป็นสีแดงแจ๋อยู่ภายใน คราบน้ำรักที่เปียกชื้นเหนอะหนะ ทำให้ผิวเนื้อตรงส่วนนั้นของเธอดูมันวาวเป็นเงา ตลอดจนความกลมกลึงโค้งเว้าของเนื้อหนั่นตรงช่วงสะโพก ที่ถูกขับเน้นให้ดูโดดเด่นในท่วงท่านี้ ภาพความสวยงามเบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ต้องรีบแอ่นตัว กระดกท่อนเอ็นจ่อมุดเข้าไปที่ปากร่องสาว พร้อมกับออกแรงกดท่อนลำให้มุดเข้าไปอย่างช้าๆ
“อุ๊ยยย...ยยย ต้นมันแน่น...นนน” หยกร้องอุทานออกมา รู้สึกถึงความคับแน่นตึงที่หว่างขา สองมือผวาจิกลงไปบนแผงไหล่กว้างๆ ของต้น ขณะที่น้องชายของสามีก็ค่อยๆ กดควยเข้าหาเธอ ลึกเข้ามาทีละนิด... ทีละนิด...
“ซี้ดดดดส์ อีกนิดนะครับพี่ จะสุดแล้ว อุ๊บ.... อาห์...” ชายหนุ่มสูดปากอย่างสะใจ เร่งกระดกแดะเอวยิกๆ ไม่ยั้ง
“อ๊ะ! อ๋าาา อ๊ะ! อ๊ะ... โอ๊ย!” สาวหยกออกอาการสะดุ้งทุกครั้งที่ถูกท่อนเนื้อทิ่มลึกเข้ามาข้างใน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วมันก็มุดเข้ามาได้สุดลำกล้องในที่สุด และเมื่อตั้งหลักได้แล้ว... ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ออกแรง ซอยควยใส่หีของเธอโดยทันที
“อ๊ะ... อ๊ายยยสสส ซี้ดดดส์ อ๊ายยย... อ่ะ... อ๋าาาาา!” ซ้อหยกแหกปากร้องครางเสียงสั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่าน สองขาของเธอลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ สั่นไหวไปมาตามแรงกดกระแทกเบื้องล่าง ความเสียวจากเนินหีบริเวณหว่างขา แล่นลึกเข้ามาผ่านทางหน้าท้อง ก่อนจะพุ่งขึ้นไปกระแทกเข้าที่ก้านสมองอย่างจัง เล่นเอาเธอชาไปทั้งใบหน้า
เสียงเนื้อของคนทั้งคู่กระทบกันดัง ปั้บ...! ปั้บบบ..! ปั้บบบบ....บบบ! เป็นจังหวะดังระรัวลั่นห้อง สลับกับเสียงครางของหญิงสาวที่ถูกลำควยบานอวบ มุดคว้านเข้าออกอยู่ในร่องรูหีของเธอ จนกลีบแคมสองข้าง ปลิ้นอ้าออกมาอยู่ด้านข้าง ต้นคุกเข่ากระแทกเธออยู่เกือบๆ 20 นาทีก็เริ่มปวดเข่า ความที่เขาพึ่งจะเสร็จกิจไปหมาดๆ ทำให้ความอึดที่มีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาจึงตัดสินใจขยับตัวเปลี่ยนท่าพลิกร่างหญิงสาวให้หันนอนตะแคง พร้อมกับขยับเข้าไปสอดประกบร่องหีเธอจากทางด้านหลัง ใช้มือซ้ายช้อนขาของเธอขึ้นมายกค้างไว้ พร้อมกับกดอัดท่อนลำที่มีเข้าไปจนสุด
ท่านี้ยิ่งทำให้ท่อนลำของชายหนุ่ม ครูดผ่านโพรงเสียวของซ้อหยกได้ลึกยิ่งกว่าเดิม สาวหยกโดนตะแคงเย็ดได้อีกครู่เดียวก็เริ่มที่จะทนไม่ไหว สองจิกขยุ้มผ้าปู ก้มหน้างุดๆ ร้องซี้ดซ้าดใส่หมอนอย่างเสียวซ่าน บางจังหวะที่ต้นกระแทกควยทิ่มเข้าไปลึกๆ แรงๆ ก็จะได้ยินเสียงครางหวีดหวิวของซ้อหยก หลุดลอดผ่านหมอนออกมา 'อ๊ะ... อ๋าา... โอ๊ะ... โอ๊ย... โอ๊ยยยยยย' ไล่เรียงกันเป็นจังหวะ ก่อนที่ร่างของเธอจะออกอาการสั่นสะท้าน เนื้อตัวกระตุกเกร็งเฮือกๆ แอ่นใบหน้าเริ่ดๆ ปล่อยให้เสียงครางยาวๆ หลุดลอดออกมาอย่างหมดอาย พร้อมกับหยาดน้ำรักที่พรั่งพรูออกมาจากภายใน ซึ่งไหลเยิ้มออกมาจนเปียกชโลมท่อนลำที่สอดแทรกคาอยู่
ต้นเองพอเห็นพี่สะใภ้เสร็จนำหน้าไปก่อนแล้ว ก็จับพลิกร่างของเธอให้นอนคุดคู้อยู่ในท่าคุกเข่า ใบหน้าฟุบเข้ากับหมอนนุ่มๆ สะโพกลอยโด่ง มองเห็นกลีบแคมที่แบะอ้าบานเป็นรูโบ๋ ต้นขยับตัวเข้าไปคุกเข่าประกบจากทางด้านหลัง ก้าวขาข้างนึงออกไปชันเข่าไว้กับเตียง กดจ่อท่อนควยมุดหายเข้าไปในกลีบหีของซ้อหยกแบบพรวดเดียวเกือบสุดลำ ต้นใช้สองมือยึดจับสะโพกของพี่สะใภ้ เพื่อคอยดึงรั้งร่างเธอเข้ามากระแทกแบบเน้นๆ จนเกิดเสียงดังสนั่นลั่นห้อง บั้นเอวก็กระดกกระเด้ายิกๆ สาวควยมุดเข้าออกแคมหีจนมันบิดปลิ้นไปมา ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นในท่านี้ได้ราวๆ ไม่ถึง 10 นาทีก็สุดกลั้น กระฉูดน้ำรักเหนียวข้น พุ่งเข้ามดลูกของเธออีกเป็นคำรบสอง แม้ว่าปริมาณของมันจะไม่อาจเทียบได้กับน้ำกามชุดแรก แต่ก็ยังมากพอที่จะทำให้สาวหยก รู้สึกอุ่นแน่นคับช่องท้องอยู่เหมือนกัน
หลังจากประคับประคอง พากันเข้าเส้นชัยเป็นรอบที่สองติดๆ กันแล้ว ทั้งหยกและต้น ก็แทบจะสลบเหมือดไปในทันทีด้วยความอ่อนแรง สาวหยกล้มตัวลงนอนทาบทับร่างของน้องชายสามี ก่อนจะเผลองีบหลับไป โดยที่ยังมีท่อนควยอุ่นๆ เสียบคาหีของเธออยู่อย่างนั้น ร่างทั้งสองพร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลริน สองมือกอดก่ายแนบชิดกันราวกับคู่รักที่ไม่อยากแยกจากกันไปไหน ทั้งคู่นอนพักให้หายเหนื่อยอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่หนุ่มต้นจะเอ่ยปากชักชวนสะใภ้สาวรุ่นพี่ ให้เข้าไปล้างเนื้อล้างตัวด้วยกันในห้องอาบน้ำ โดยที่ทั้งคู่ผลัดกันชำระคราบไคลให้กันอยู่นานสองนาน ทั้งล้วง ทั้งควัก ทั้งรูด จนร่างกายสะอาดเอี่ยมอ่อง พอแต่งตัวเสร็จ สองหนุ่มสาวก็พากันทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แล้วหลับสนิทไปพร้อมๆ กันแทบจะในทันที...
และกว่าที่จะถึงเวลาเช็คเอาท์ในวันต่อมา ทั้งหยกและต้น ก็เลยได้มีโอกาสเล่นสนุกร่วมกันอีกแบบสองยกติดต้องรอให้เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบเที่ยงนั่นแหละ สองหนุ่มสาวจึงยอมแยกตัวออกห่างจากกันได้ชั่วคราว ซึ่งก็แน่นอนว่าในแต่ละครั้งที่มีอะไรกันนั้น หนุ่มต้นก็จะออดอ้อนขอแตกในใส่มดลูกของเธอตลอด... มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งคืนอันมหัศจรรย์ ที่ชายหนุ่มได้มีโอกาสระเบิดน้ำเชื้อใส่หีพี่สะใภ้คนสวยแบบเต็มคราบ นับนิ้วดูแล้วก็ปาเข้าไปสี่ดอกเน้นๆ ในขณะที่ฝ่ายซ้อหยกเองก็เตลิดเพลิดเพลินไปกับรสสัมผัสจากความเสียวที่ได้รับ จนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น พูดง่ายๆ ว่าตลอดระยะเวลาที่ร่วมรักกับต้นอย่างถึงพริกถึงขิงนั้น ก็เล่นเอาเธอถึงกับใจแตกลืมเลือนสามีไปเลย
ซึ่งแม้แต่ต้นเองก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ในวันข้างหน้านั้น หญิงสาวจะยังยอมเปิดโอกาสให้เค้าได้เสพสุขกับเธอขนาดนี้อีกหรือไม่...? และก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสปล่อยน้ำเชื้อเข้าไปผสมในรังไข่ของเธออีก แบบที่ตั้งใจเอาไว้รึเปล่า...?
ทั้งสองนั่งเคียงข้างกันบนเรือ สองมือเกาะกุมกันไว้อย่างเงียบๆ เฝ้านับถอยหลังถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่กำลังจะหมดลงไปในอีกไม่กี่นาทีนี้ ทันทีที่เรือแล่นเข้ามาใกล้ฝั่ง ชายหนุ่มก็รีบชี้ชวนให้หญิงสาวมองตามขึ้นไปบนฝั่ง หยกทอดสายตาออกไปไกลๆ มองเห็นเป็นเงาร่างของชายหนุ่มหน้าตี๋ผิวแทนที่แสนจะคุ้นตา กำลังยืนพิงเสารอคอยอยู่ที่ท่าเรือเพียงลำพัง เฮียต๋องนั่นเอง หญิงสาวเผลอปล่อยมือที่กุมมือชายหนุ่มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกผิดในใจเริ่มที่จะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนมันถูกแสดงออกมาผ่านสีหน้าที่วิตกกังวลของเธอ หนุ่มต้นที่แอบสังเกตเห็นจึงรีบเอ่ยปากพูดปลอบโยนทันที
“ไม่เป็นไรนะครับพี่หยก... เรื่องบนเกาะ ก็ให้มันจบลงแค่บนเกาะ ไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดกังวลอีก” สาวหยกหันไปสบตาเขา พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
“จ้ะ...” เธอตอบมาเพียงแค่นั้น แล้วก็นิ่งไป ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งขึ้นฝั่ง แม้ว่าเหตุการณ์บนเกาะจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจของคนทั้งคู่ โดยไม่ลบเลือนหายไปไหน
หลังจากกลับถึงบ้าน ความสัมพันธ์อันหวานชื่นรื่นเริงของต้นกับหยก ก็ดูคล้ายจะถูกบรรยากาศของคนในครอบครัว กลืนหายกลับไปเป็นเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งคู่ต้องกลับมาสวมบทบาทพี่สะใภ้กับน้องชายสามีเหมือนดังที่ผ่านมา ต้นยังคงต้องคอยหาเวลา แอบดอดมาเล่นจ้ำจี้กับซ้อหยกลับหลังพี่ชาย(แบบหลอกๆ) อยู่เป็นระยะๆ โดยที่สาวหยกเองก็ดูจะระมัดระวังตัวมากขึ้น พยายามรักษาท่าทีต่อคนในบ้านเอาไว้ ไม่ให้มีพิรุธ รวมไปถึงเวลาที่ทั้งคู่มีอะไรกัน เธอก็ไม่อนุญาตให้ต้นได้เย่อเย็ดเธอแบบสดๆ เนื้อแนบเนื้อ อีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนแทบจะเป็นการปิดตายโอกาสในการทำลูกของต้นไปเสียสนิท
เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปซ้ำๆ เหมือนเดิม และสองหนุ่มเองก็เริ่มที่จะกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าแผนการต่างๆ ดูจะไม่คืบหน้าไปไหนเสียที จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบเดือนกว่าๆ สาวหยกจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอคุยกับต้นแบบสองต่อสองขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ต้น พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย?” เสียงของสะใภ้สาวรุ่นพี่เอ่ยทักขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ครับพี่ มีอะไรเหรอ?” ต้นวางชามก๋วยเตี๋ยวที่กำลังเตรียมจะอุ่นไมโครเวฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับเดินตามเธอขึ้นไปเงียบๆ แม้ว่าวันนี้ทั้งบ้านจะเหลือเพียงพวกเค้าอยู่กันแค่สองคน แต่สาวหยกเองก็ยังออกปากชวนต้นขึ้นมาพูดคุยกันตามลำพัง สองต่อสองในห้องนอน ราวกับว่าเรื่องที่กำลังจะคุยกันนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อยากให้ใครๆ ได้ยินอีก
“คือ...” หยกเอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป ใบหน้าของเธอก้มลงไปมองดูพื้น ปล่อยให้ความสงสัย ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาในหัวของน้องชายสามี
“พี่หยก... มีปัญหาอะไรรึเปล่า? หรือว่า... ทะเลาะกับเฮียต๋อง?” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หญิงสาวฟังแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ แอบเห็นถึงหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มเกาะซึมอยู่บริเวณหางตาเล็กๆ
“พี่... ท้อง” คำพูดสั้นๆ เพียงสองพยางค์ของเธอ ทำให้ต้นแทบจะหลุดปากร้องเฮออกมาโดยไม่ระวัง แม้ว่าเขาจะพยายามปั้นหน้าเก็บอาการให้ดูนิ่งขรึมที่สุด แต่ก็ดูจะเป็นไปได้ยากเย็นเหลือเกิน
“ต้นยิ้มทำไม? นี่พี่ไม่ได้พูดเล่นอยู่นะ” น้ำเสียงของซ้อหยกเริ่มไม่พอใจขึ้นมานิดๆ
“พี่หยก แน่ใจนะครับ?” ต้นเอ่ยถามกลับไปด้วยใบหน้าที่ยังคงดูร่าเริงเช่นเดิม
“ก็แน่ใจน่ะสิ พี่ถึงอยากมาคุยกับต้นให้รู้เรื่องนี่ไง... ประจำเดือนพี่ไม่มาตั้งนานแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าคงแค่มาช้าเฉยๆ แต่พอลองนึกย้อนไปถึงเรื่องคืนนั้นแล้ว พี่ก็อดกังวลไม่ได้ พอลองซื้อที่ตรวจมาตรวจดู ถึงได้รู้เนี่ย...”
“พี่หยกลองตรวจซ้ำดูแล้วจริงๆ นะ?” ต้นยังคงเอ่ยปากถามต่อเหมือนไม่ยอมเชื่อ
“สามครั้งแล้วต้น ต้นคิดว่าพี่จะกุเรื่องขึ้นมาหรือไง?” ซ้อหยกชักเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา เธอคิดว่าน้องชายสามีกำลังพยายามจะปัดเลี่ยงความรับผิดชอบให้เธอต้องแบกรับมันไว้คนเดียว
“เปล่านะครับพี่หยก ผมก็แค่... ดีใจเท่านั้นเอง ที่พี่หยกกำลังจะมีลูก” ต้นตอบกลับไปตรงๆ อย่างไม่ปิดบังอาการ
“จะบ้าเหรอต้น!? นี่มันควรดีใจตรงไหน ต้นก็รู้นี่นาว่าเฮียต๋องเค้าเป็นหมัน แล้วแบบนี้ พี่จะไปบอกเค้ายังไง ว่าพี่กำลังท้องลูกคนอื่นอยู่ตอนนี้เนี่ย?” สาวหยกระบายความอัดอั้นตันใจออกมา พร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่ฝืนกลั้นมันเอาไว้อีกไม่ไหว หนุ่มต้นที่เห็นอาการของเธอแล้วจึงเดินเข้ามาสวมกอดเธอไว้แน่น
“พี่หยก... พี่หยกอย่าร้องไห้เลยนะครับ ผมรับรองว่าเฮียเค้าต้องดีใจเหมือนเราแน่ๆ ก็เพราะว่าที่ผ่านมา...” ต้นพูดแล้วหยุดเว้นช่วงนิดนึง
“ที่ผ่านมา? ทำไมเหรอต้น?” หยกเอ่ยถามเพื่อจะให้ชายหนุ่มพูดต่อให้จบ
“ก็... ที่ผ่านมา เฮียเค้าเองนั่นแหละ ที่เป็นคนเอ่ยปากขอให้ผม... ช่วยทำให้พี่หยกท้องแบบนี้” คำพูดของต้นทำเอาซ้อหยกถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“หมาย... หมายความว่ายังไงต้น พี่ไม่เข้าใจ?” สมองของหยกยังคงไม่สามารถทำความเข้าใจกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่
“พี่หยกรู้ใช่มั้ย ว่าเตี่ยเค้าเคยขอกับเฮียว่าอยากอุ้มหลานชายก่อนตายซักครั้ง เฮียเค้าเลยแอบเก็บมาเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เค้ากลัวว่าตัวเองจะทำให้เตี่ยผิดหวัง ที่แม้แต่คำขอร้องสุดท้ายของแก ก็ยังทำให้ไม่ได้” ต้นอธิบายเหตุผลต่างๆ ให้เธอเข้าใจ
“แต่ว่า... เฮียเค้าก็น่าจะมาคุยกับพี่ก่อนไม่ใช่เหรอ? นี่มันเรื่องใหญ่นะต้น” สาวหยกเริ่มโวยวายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ความจริงที่ได้ฟังยิ่งทำให้เธอปล่อยโฮออกมาหนักข้อขึ้นไปอีก
“ถ้าเรื่องนั้น... พี่หยกคุยกับเฮียเองดีกว่าครับ” ต้นพูด พลางล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา กดโทรออกหาเบอร์พี่ชาย รอจนกระทั่งได้ยินเสียงปลายสาย แล้วจึงยื่นส่งให้เธอ
“เฮีย... ทำไมเฮียทำแบบนี้ ทำไมเฮียไม่ปรึกษาหยกบ้าง...” หยกบ่นตัดพ้อใส่เฮียต๋องทันที พร้อมกับร้องไห้โฮออกมา
“หยกหมายถึง... ต้นบอกหมดแล้วเหรอ?” ต๋องพยายามจะตามเหตุการณ์ต่างๆ ให้ทัน
“ใช่ ต้นเล่าให้หยกฟังหมดแล้ว เฮียยังจะแก้ตัวว่าอะไรอีก?” ภรรยาสาวเร่งคาดคั้นต้อนให้สามีจนมุม
“คือ.. เฮียแค่.. เฮียแค่อยากให้เตี่ยเค้ามีความสุข เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง” สามีจอมกะล่อนรีบยกเอาชื่อบุปผการีขึ้นมาอ้างเป็นเกราะกำบัง ซึ่งก็ดูจะได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะทันทีที่สาวหยกได้ยิน ท่าทีของเธอก็ดูจะโอนอ่อนลงไปบ้าง
“แต่เฮียก็น่าจะคุยกับหยกให้รู้เรื่องก่อนนี่นา ไม่ใช่ไปตัดสินใจกันเอาเองลับหลังแบบนี้... แล้วที่สำคัญ ทำไมต้องให้ต้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาของเราด้วย?” สาวหยกยังพยายามอ้อมแอ้มรีดถามเหตุผลจากสามีไปอย่างเสียมิได้ ข้างฝ่ายหนุ่มต้นผู้ถูกอ้างถึง ก็อดสะดุ้งไม่ได้ แอบนึกกลัวไปว่าพี่สะใภ้ที่แสนใจดีคนนี้ จะเกิดนึกรังเกียจชิงชังเค้าขึ้นมาบ้างรึเปล่า แต่ดูท่าว่าเค้าคงจะไม่จำเป็นต้องกังวลซักเท่าไหร่ เพราะเฮียต๋องผู้แสนจะปากเปราะ ก็ยังคงคอยดึงเอาความขุ่นเคืองจากภรรยา ให้พุ่งเป้าไปลงที่แกได้เป็นอย่างดี
“ก็... เฮียก็เห็นว่าหยกเอง ก็ยังสนุกไปกับต้นเลยนี่นา” คำพูดของต๋อง แทบจะทำให้สาวหยกปรี๊ดแตกควันออกหู
“อุบาทว์อ่ะเฮีย! ทำไมเฮียพูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้เนี่ย” สะใภ้สาวร้องด่าผู้เป็นสามีแทบจะในทันที
“ก็จริงนี่นา... ไอ้ต้นมันยังเล่าให้เฮียฟังอยู่เลย ว่าหยกนะถึงแล้วถึงอีก เสร็จกับมันได้ตั้งหลายครั้ง แถมยังยอมให้มันเสร็จข้างในเหมือนเฮียด้วย ยิ่งไอ้ต้นเองนะ ตอนเล่านี่ หน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลย”
พอสิ้นคำพูดของเฮียต๋อง สาวหยกก็หันขวับ จ้องมองมาที่หนุ่มต้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ใบหน้าสวยหวานใจดีของเธอ ดูจะเหี้ยมเกรียมขึ้นมาจนแม้แต่ต้นเองก็ยังนึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้ ว่าพี่ชายมันกำลังเผาอะไรเค้าอยู่อีก แล้วจู่ๆ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนกลับไปเป็นท่าทีที่ไร้อารมณ์อีกครั้ง
“เหรอ...? แล้วเฮียก็โอเคกับเรื่องแบบนี้อ่ะนะ?” หยกเอ่ยปากถามออกไปเรียบๆ
“มันก็.. ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ เสียดาย ที่เฮียไม่ได้เห็นเองกับตา แฮะๆ” ต๋องสารภาพอย่างจำนน สาวหยกที่ฟังอยู่ก็นิ่งไปไม่ได้พูดอะไรอีก เธอค่อยๆเดินอ้อมไปด้านหลังต้นช้าๆ เดินเลยไปเกือบถึงหน้าห้อง ก่อนที่จะกดล็อคกลอนประตูเบาๆ พร้อมกับเดินจูงมือต้นมานั่งลงบนเตียงข้างๆ กัน
“ถ้าเฮียชอบ... งั้นหยกจะตามใจเฮียก็แล้วกัน” คำพูดของพี่สะใภ้ ทำให้หนุ่มต้นใจเต้นแรงระรัวอย่างกะทันหัน ท่อนเอ็นที่กำลังตื่นๆ หวั่นๆ ก็พลันตื่นตัวขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาหันหน้าจ้องตากับเธอ ราวกับจะถามว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่สาวหยกที่จ้องตอบกลับมา ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ตอบกลับมา เพียงแค่กดเปิดสปีคเกอร์โฟน แล้วโยนมือถือลงไปบนเตียง ก่อนจะโถมตัวเข้ามาบดปากจูบกับต้นอย่างดูดดื่ม เสียงลมที่เกิดจากการดูดปากดังจ๊วบแจ๊บ ระงมไปทั่วห้อง
ก่อนที่สาวหยกจะดันตัวน้องชายสามีให้เอนลงไปบนเตียง ใช้มือรูดดึงกางเกงขาสั้นสามส่วนของเขาออก เช่นเดียวกับกางเกงบ็อกเซอร์ด้านใน ท่อนเอ็นลำอวบใหญ่ จึงดีดผึงออกมาอยู่ตรงหน้า หญิงสาวจ้องมองมันอย่างหลงใหล ค่อยๆ ใช้ฝ่ามือคลึงลงไปบนหัวลำแดงโร่ ลูบไล้ไปมาจนเริ่มรู้สึกได้ถึงน้ำเหนียวๆ ใสๆ ที่ซึมออกมาจากรอยหยัก หญิงสาวใช้นิ้วแตะๆ แล้วถอนมือออก จนคราบน้ำใสๆ ยืดยาวติดออกมาเป็นสาย สาวหยกมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่แป๊บนึง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ ก้มลงไปใช้ปากครอบอมท่อนลำของหนุ่มรุ่นน้อง พร้อมกับเม้มปากดูดเสียงดังซ้วบบบ! จนต้นถึงกับต้องแหงนหน้าร้องสูดปากเบาๆ ด้วยความเสียว
“อุ๊... ซี้ดดดดดส์” ต้นร้องครางออกมา เมื่อโดนปลายลิ้นของพี่สะใภ้ลากวนไปมาบริเวณหัวหยัก พร้อมกับห่อปากรูดอมท่อนเนื้อของตัวเองเข้าไปจนเกือบสุดโคน ลีลาการใช้ปากของเธอดูจะร้อนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เคยทำให้เค้าบนเกาะเสียอีก เธอทั้งดูด ทั้งรูด ทั้งเลีย จนหนุ่มต้นแทบจะขึ้นสวรรค์อยู่รอมร่อ ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“อูยยย พี่หยกครับ เดี๋ยวผม จะเสร็จเอานะครับ” ต้นเอ่ยปากออกมาเบาๆ สาวหยกจึงเริ่มชะงัก และค่อยๆ ถอนปากออกมาช้าๆ มีเสียงอากาศดีดตัวดังบ๊วบ!
หยกค่อยๆ ยันตัวยืนขึ้น รูดถลกเสื้อยืดตัวหลวมของตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยยกทรงสีครีม แล้วจึงรูดกางเกงผ้าลื่นขายาวออกทางปลายเท้า ก่อนจะปิดท้ายด้วยกางเกงในสีครีมแนบเนื้อ ที่ถูกรูดออกมาเป็นชิ้นสุดท้าย จนเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอ ปรากฏออกมาอยู่ตรงหน้าหนุ่มต้นอย่างชัดเจน เต้านมขาวอวบกลมกลึงเป็นกระเปาะน้อยๆ หัวนมบริเวณปลายถันดูแข็งชูชัน เนินเนื้อบริเวณกลีบสาวดูมีร่องรอยแฉะชื้นซึมออกมาจากปากทางนิดๆ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ขณะที่หญิงสาวรุ่นพี่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ เธอก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปลายเตียงขึ้นมาพูดต่อ ด้วยไม่ได้กดปิดเสียงสปีคเกอร์โฟน เพราะจงใจให้ต้นได้ฟังบทสนทนานี้ด้วยกัน
“เฮีย... เฮียชอบให้หยกทำแบบนี้จริงๆ ใช่มั้ย?” สาวหยกเอ่ยถามย้ำความรู้สึกของสามีอีกครั้ง หนุ่มต๋องนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยอมเอ่ยปากตอบกลับมาตรงๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“เต็มที่เลยนะ... เฮียอยากฟังหยก... ร่าน....” พอสิ้นคำพูดของสามี สาวหยกจึงเหมือนจะยอมรับสภาพต่างๆ ได้ในที่สุด
“ต้น ช่วยพี่ทีได้มั้ย?” หญิงสาวเอ่ยขออย่างกระดากอาย หนุ่มต้นรีบพยักหน้าตอบรับทันทีอย่างรู้กัน หญิงสาวจึงขยับลงไปนอนเอนกาย ให้ชายหนุ่มใช้สองมือแบะอ้าสองขาของเธอออก พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเลียกลีบสาวของเธอด้วยความชื่นใจ รสชาติน้ำกามของพี่สะใภ้ทั้งเค็มๆ คาวๆ สร้างความเร้าใจให้ชายหนุ่มอย่างถึงที่สุด
เสียงครางซี้ดซ้าดอันเร่าร้อนของหยก เล่นเอาสามีหนุ่มอดรนทนต่อไปอีกไม่ไหว ต้องรีบออกปากฝากงานให้ลูกน้องช่วยดูแลแทน พร้อมกับขับรถบึ่งกลับมาที่บ้านทันที โดยเปลี่ยนมาใช้หูฟังแบบบลูทูธ เพื่อคอยฟังเหตุการณ์สดๆ ไปด้วยอย่างร้อนรน ในหัวก็คอยนึกภาพภรรยาตัวเองกับน้องชาย กำลังแลกเปลี่ยนบทรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง
ต้นเลียหีของพี่สะใภ้จนมันเปียกเยิ้มได้ที่แล้ว ก็ขยับลุกขึ้น หมายจะเสียบสอดท่อนควยเข้าไปในโพรงหีของเธอ แต่สาวหยกกลับเอามือยันตัวเขาไว้ เนื่องจากเธอยังแอบนึกกังวลเรื่องที่ต้นไม่ได้เตรียมถุงยางมาด้วยนั่นเอง ชายหนุ่มเห็นอาการของเธอแล้วก็เข้าใจดี รีบชี้ไม้ชี้มือไปที่โทรศัพท์มือถือซึ่งวางกองอยู่บนเตียง เพื่อสื่อถึงพี่ชายตัวดี ที่กำลังเฝ้ารอเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ด้วยใจระทึก พอหยกนึกถึงวีรกรรมความแสบของเฮียต๋องขึ้นมา เธอจึงนึกหมั่นไส้ อยากเอาคืนสามีให้ถึงที่สุด จึงใช้มือโอบกอดรอบคอของต้น พร้อมกับดึงรั้งร่างของเขา ให้เสียบแก่นกายเข้ามาในตัวเธอด้วยความเต็มใจ เสียงท่อนเนื้อตีกระทบกันดังปั้บ... ปั้บบบ.. ปั้บบบ สลับกับเสียงหวีดร้องของหญิงสาวจึงลอยละลิ่วเข้าหูของเฮียต๋องอีกเป็นระลอก
หนุ่มต้นเร่งกระแทกควยขย่มหีเธอได้พักใหญ่ๆ ก็นึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ เขาขยับถอนกายจนท่อนเนื้อหลุดออก พี่สะใภ้รีบขยับตัวตามทันทีอย่างเสียดาย ใบหน้าเธอดูงงๆ เล็กน้อย ต้นขยับลงไปนอนเอนกายถ่างขาอล่างฉ่างอยู่บนเตียง พร้อมกับบุ้ยใบ้ให้หญิงสาวเป็นฝ่ายควบคุมกิจกรรมครั้งนี้ดูบ้าง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ซ้อหยกยังไม่เคยยอมขย่มควยให้ต้นเลยซักครั้ง เนื่องจากเธออดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าหากว่าจะต้องเป็นฝ่ายออกแรงขึ้นคร่อมขย่มลำควยของชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเองด้วยตัวเองแบบนี้
และแม้ว่าในใจของหยกจะยังรู้สึกเขินอายอยู่ลึกๆ แต่ด้วยอารมณ์ความขุ่นเคืองที่ต้องการจะประชดใส่สามี ก็เลยทำให้หญิงสาวยอมที่จะฝืนกลั้นใจ ขยับตัวปีนขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขาของชายหนุ่ม กดจ่อร่องหีให้กลีบแคมอ้าอมปลายหัวควยเอาไว้นิดนึง ก่อนที่จะออกแรงกดสะโพกทิ้งตัวลงมา จนกระทั่งท่อนควยค่อยๆ จมหายเข้าไปในร่องรูของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อืมมม ดีจังเลยครับพี่” หนุ่มต้นออกปากชมสะใภ้รุ่นพี่ พลางใช้สองมือเอื้อมคว้าบีบเข้าไปที่เต้านมขาวๆ คู่งามของเธอ ก้อนเนื้อที่กำลังแกว่งไกวไปมา ถูกฝ่ามือจับยึดเอาไว้แน่นจนไปไหนไม่รอด เสียงครวญของน้องชายลอยผ่านโทรศัพท์มาเข้าหูของผู้เป็นพี่ได้อย่างชัดเจน
“อ๊ะ...! อ๋าาาา.... ต้น... พ... พี่เสียวมากเลย” สาวหยกปลดปล่อยอารมณ์ แหกปากร้องครางออกมาเสียงดังกว่าปกติ เพื่อหวังที่จะยั่วให้สามีหนุ่ม เกิดอารมณ์หึงหวงขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้ ขย่มสะโพกบดอัดเนินหีเข้าหาท่อนลำของชายหนุ่มอย่างเมามัน
“โอ๊ย...ยยย ของต้นมันใหญ่... พี่จุกไปหมดแล้วนะ ฮือออ...” หยกยังคงพยายามแกล้งพูดยั่วเฮียต๋องไม่เลิก
ใบหน้าสวยหวานของหยกตอนนี้ กำลังสะบัดไปมาอย่างมีอารมณ์ หน้านิ่วคิ้วขมวดยับยู่ยี่ เม้มกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น เพื่อข่มระงับอารมณ์เสียวที่กำลังจะหลุดลอดออกมาผ่านทางลำคอ ขณะที่หนุ่มต้นก็เองก็ทั้งขยำขยี้ดูดหัวนม กระดกอัดบั้นเอวเสยสู้หีเธออย่างไม่ยอมแพ้ เสียงเนื้อของคนทั้งคู่กระทบกันดังสนั่นลอดผ่านเข้าไปในหูของเฮียต๋องอย่างชัดเจน ท่อนลำกลางเป้าของสามีหนุ่มตอนนี้แข็งปั๋งจนปวดหนึบหนับอยู่ในกางเกง ถ้าไม่ติดว่ากำลังขับรถอยู่ล่ะก็ เค้าคงควักมันออกมารูดเล่นเพื่อคลายความเสียวไปแล้ว
ถึงตอนนี้สาวหยกลืมเรื่องความอายหรือความหงุดหงิดที่มีต่อเฮียต๋องไปจนหมดสิ้นแล้ว ในหัวคิดแต่อยากจะเร่งขย่มควยจนตัวเองต้องน้ำแตกให้รู้แล้วรู้รอดไป ยิ่งออกแรงขย่มก็ยิ่งเสียว ยิ่งเสียวก็ยิ่งมัน พอยิ่งมันมากๆ ก็ยิ่งพาให้เธอ เข้าใกล้สวรรค์ชั้นเจ็ดมากขึ้นเรื่อยๆ... ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ... อีกนิดนะ... ขอแค่อีกนิดเดียว... ใกล้แล้ว... ใกล้จะถึงแล้ว... จนกระทั่ง....
“อ่ะ... อ๊ะ! อ๊าาาาา....สสสสสส์” หยกหวีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ในวินาทีที่กำลังพุ่งเข้าเส้นชัย เนื้อตัวสั่นเกร็งกระตุกเฮือกๆ เธอทั้งขย่มทั้งร่อน บดเบียดหน้าขาเข้าหาสะโพกของชายหนุ่มยิกๆ ร่องรูข้างในก็คอยขมิบตอดท่อนลำไปด้วยอย่างรุนแรง หยาดน้ำแห่งความสุขไหลซึมออกมาไม่ขาด ท่วมท้นร่องรูข้างในจนล้นออกมาผ่านหว่างขา ความอบอุ่นรัดรึงจากภายใน เร่งเร้าอารมณ์ให้คู่รักหนุ่มรุ่นน้องถึงกับท่อนเอ็นกระตุก ต้องยอมน้ำแตกกระฉูดคาหีของเธอไปพร้อมๆ กันด้วยความเต็มใจ มันเป็นความรู้สึกเสียวสุดยอด ที่ได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อให้พุ่งเข้าไปยังมดลูก ในจังหวะเดียวกับที่คู่ขารุ่นพี่กำลังถึงจุดสุดยอดเช่นเดียวกัน....
ข้างฝั่งเฮียต๋องที่ขับรถกลับมาถึงบ้าน เขาตัดสินใจกดตัดสายโทรศัพท์ แล้วรีบไขประตูวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนทันที พอจะเปิดประตูก็พบว่าห้องนอนของตัวเองตอนนี้ ถูกล็อคกลอนเอาไว้ จนเปิดเข้าไปไม่ได้ เฮียต๋องรีบเคาะประตูเรียกให้คนข้างในมาเปิดด้วยความร้อนรน เคาะอยู่เกือบๆ นาที ลูกบิดจึงถึงหมุนออกมา พร้อมๆ กับร่างของซ้อหยกที่สวมเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่ปิดคลุมหน้าขาไว้เท่านั้น พอมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นร่างของน้องชายตัวเอง ที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ลายทางติดตัวอยู่เพียงชิ้นเดียว เรือนร่างของทั้งสองคนดูเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ คล้ายกับว่าพึ่งออกกำลังกายเหนื่อยๆ ร่วมกันมาเมื่อไม่นานนี้ พอเฮียต๋องเห็นแบบนี้ก็อดใจแป้วขาสั่นไม่ได้
“อ้าวเฮีย... ทำไมวันนี้กลับเร็วจังเลย?” สาวหยกแกล้งพูดแซวเขินๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถึงอาการลุกลี้ลุกลนของสามี
“โห หยกอ่ะ... แกล้งเฮียได้ลงคอ ดูสิ เฮียใจเต้นจนเกือบจะหัวใจวายตายอยู่แล้วนะ” ต๋องแกล้งพูดตัดพ้อไปงั้น
“ฮึ! ไม่ต้องมาพูดเลย ตัวเองนั่นแหละ รวมหัวกับต้นมาคอยแกล้งหยก แล้วยังจะมีหน้ามาบ่นอีกนะ” หยกพูดค้อนๆ พลางใช้มือบิดหูสามีด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ยๆ เจ็บอ้ะ เฮียเจ็บ” ต๋องร้องครวญเมื่อโดนภรรยาบิดจนหูแทบหลุด พอคุยหยอกกันเสร็จแล้ว ใบหน้าของสาวหยกก็เริ่มกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง เมื่อนึกได้ว่ายังมีบางอย่างที่ยังต้องสารภาพกับสามี
“เฮีย....” สาวหยกเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา สามีหนุ่มจึงดึงร่างเธอมากอดไว้แน่นเพื่อปลอบใจ
“หืม?” ต๋องครางตอบเธอไปเบาๆ
“หยกท้อง...” คำพูดของหญิงสาว ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวราวกับเสียงกลองที่ดังสะท้อนจนได้ยินไปทั่ว
“จริงเหรอหยก!? หยกกำลังจะมีลูกจริงๆ เหรอ?” ต๋องหลุดปากถามย้ำด้วยความดีใจ
“เฮียไม่โกรธหยกใช่มั้ย...? เฮียจะไม่ทิ้งหยกไปไหนใช่รึเปล่า?” เธอถามพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
“หยกอย่ากังวลไปเลยนะ เฮียไม่ได้โกรธอะไรหยกเลย ซ้ำยังดีใจเสียอีก ที่ครอบครัวเรากำลังจะมีลูกมีหลานไว้คอยสืบสกุล... เตี่ยเค้าจะได้สบายใจหมดห่วงเสียที” ต๋องพูดพร้อมกับลูบหัวปลอบใจเธอ
“แต่ว่า... เฮียรับได้เหรอ ที่เด็กในท้อง... เอ่อ... เป็นลูกที่เกิดจากหยกกับต้นน่ะ” คำพูดของหญิงสาวเล่นเอาหนุ่มต้นที่กำลังนั่งตัวลีบอยู่บนเตียง อดสะดุ้งขึ้นมาไม่ได้
“โธ่เอ๊ย... หยกจะคิดมากไปทำไม ไอ้ต้นเองมันก็น้องชายสายเลือดเดียวกันกับเฮียนั่นแหละ ถึงยังไงก็ยังเป็นลูกเป็นหลานในตระกูลเดียวกัน หยกคิดว่าเฮียจะไปนึกรังเกียจเชื้อสายของตัวเองได้ลงคอเหรอ?” คำพูดของสามี พอจะช่วยให้หญิงสาวคลายความกังวลใจลงไปได้บ้าง น้ำตาของเธอเริ่มที่จะไหลช้าลงเรื่อยๆ จนแทบจะหยุดสนิท
“แต่หยกกลัวนี่นา... กลัวว่าวันนึงข้างหน้า ความมันจะแตกขึ้นมา ถ้าเกิดลูกรู้ความจริง หรือคนในบ้านเค้ารู้... หยกไม่รู้จะทนให้คนเค้ามองบ้านเรายังไง” สาวหยกยังระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอีก
“หยกสบายใจได้นะ เรื่องของเราสามคน ก็รู้กันแค่เราสามคนก็พอ คนนอกจะคิดยังไงก็เรื่องของเค้า ส่วนเรื่องลูก... เราสามคนก็ค่อยช่วยกันเลี้ยงดูให้แกเติบโตขึ้นเป็นคนดี รักพ่อ รักแม่ แล้วก็รัก.. เอ่อ รักอาของแกก็พอแล้ว” หนุ่มต้นที่นั่งมองพี่ชายกับพี่สะใภ้เคลียร์ปัญหาคาใจกันอยู่จึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนนอกขึ้นมาตงิดๆ จึงตัดสินใจลุกขึ้นแต่งตัว พร้อมกับเอ่ยปากขอตัวลงไปก่อน เพื่อปล่อยให้คู่สามีภรรยาได้ปรับความเข้าใจกันตามสะดวก เฮียต๋องพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับใช้มือตบบ่าของน้องชายเป็นการขอบคุณ
“หยก... หยกรักเฮียมั้ย?” ต๋องเอ่ยถามขึ้น เมื่ออยู่กันลำพังเพียงสองคนในห้อง
“รักสิ... รักมากด้วย” สาวหยกสะอื้นนิดๆ พลางก้มลงไปซบหน้าอกของสามีอย่างออดอ้อน
“เฮียก็รักหยกเหมือนกัน... แล้วก็รักลูกของเราด้วย” ต๋องอมยิ้มอย่างใจดี พลางเอามือลูบไปที่หน้าท้องของภรรยาเบาๆ ด้วยความรักใคร่ สาวหยกเงยหน้าขึ้นมองตาสามี ก่อนจะเผลอหลุดยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณนะเฮีย” เธอว่าพลางเอามือกอดร่างสามีเอาไว้จนแน่น
“อื้อ” ผู้เป็นสามีเอ่ยตอบ พร้อมกับใช้มือลูบหลังเธอเบาๆ
“งั้นหลังจากนี้... หยกก็ห้ามไปมีอะไรกับไอ้ต้นมันอีกแล้วนะ” ต๋องแกล้งเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เล่นเอาภรรยาสาวถึงกับเปลี่ยนอารมณ์ตามไม่ทัน เธอมองด้วยสีหน้างงๆ ก่อนจะตอบกลับไป
“อ้าว... ทำไมอ่ะ?”
“ก็หยกท้องแล้วนี่นา ทีนี้ไอ้ต้นมันก็หมดประโยชน์แล้วนี่ อิอิ” เฮียต๋องว่าอย่างอารมณ์ดี
“เอ๊ะ! ขี้โกงนี่นา...” หยกบ่นอ้อแอ้ ใบหน้าเหมือนกับเด็กที่กำลังจะโดนพ่อแม่ยึดของเล่นชิ้นโปรดไปจากมือ
“อ้าว โกงอะไรๆ นี่อย่าบอกนะว่า หยกยังติดใจไอ้ต้นมันอยู่อีก” ต๋องแกล้งถามรุกเร้าจนภรรยาสาวต้องรีบก้มหน้าหลบด้วยความเขินอาย
“บ้า! หยกก็แค่สงสารน้องเฉยๆ ก็เฮียเล่นไปบังคับต้นแล้วพอสมใจแล้วก็ไล่เค้าเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ น่าเกลียดจะตาย” หยกพยายามอ้างข้างๆ คูๆ ต๋องที่เห็นอาการของเธอแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“โอเคๆ สงสารน้องก็สงสารน้อง เฮียไม่ห้ามก็ได้ แต่ว่าหลังจากนี้ หยกต้องเล่าให้เฮียฟังด้วย ว่าไปโดนต้นมันทำอะไรมาบ้าง โดนไปกี่ท่า เสร็จไปกี่ที ต้องเล่ามาให้หมดเลย ห้ามกั๊ก รู้เปล่า?” ต๋องทำท่าชี้นิ้วสั่ง
“โหย ไม่เอาหรอก! น่าอายจะตาย ใครจะไปเล่า เฮียอ่ะ ลามก ในหัวก็คิดแต่เรื่องจกเปรตแบบนี้” หยกตัดพ้อ
“อ่ะ ไม่เล่าก็ได้ งั้นวันหลังให้เฮียนั่งดูด้วยนะ” ชายหนุ่มยังถูไถไปได้
“ว้าย! ทุเรศ! เฮียทุเรศที่สุดเลย” หยกบ่นพลางเอามือตีแขนสามีเบาๆ
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะไปด้วยกัน.....
=======================================
ข่าวที่ว่าซ้อหยกกำลังจะมีน้อง กลายเป็นหัวข้อที่สร้างความยินดีให้กับญาติๆ และทุกคนในบ้าน คนที่ดีใจที่สุดจนหน้าบานเป็นกระด้งก็เห็นจะหนีไม่พ้นอาเตี่ยของทั้งสองหนุ่มนั่นแหละ แกเที่ยวไปโม้กับใครต่อใคร ว่าตัวเองกำลังจะได้อุ้มหลานสมใจ ถึงกับรีบเห่อไปซื้อของเล่นมารอไว้เต็มบ้านไปหมด ซึ่งผลการตรวจอัลตราซาวด์ในรอบแรก ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเด็กในท้อง จะคลอดออกมาเป็นหลานชายสมใจอากงเขาล่ะ... ทำให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่ จึงไม่ได้สนใจที่จะติดตามสอบถามเรื่องเพศของลูกกับคุณหมออีก
วันเวลาก็ยังคงหมุนเวียนผ่านไปเรื่อยๆ ลูกในท้องของสาวหยกก็ดูจะเติบโตสมบูรณ์ขึ้นทุกวันๆ โดยที่อา(?)หนุ่มสุดหล่ออย่างต้น ก็ยังคงมาคอยต่อแขนต่อขาให้ลูกของเธออยู่เรื่อยๆ ทุกเดือนๆ โดยที่เฮียต๋องผู้เป็นสามีเองก็ยินยอมปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังด้วยความเข้าใจ จวบจนกระทั่งถึงวันคลอดนั่นแหละ...
ซึ่งพอถึงเวลาคลอดจริงๆ ทั้งต้นและต๋อง ก็ทำได้เพียงแค่มานั่งรอคอยอยู่หน้าห้องทำคลอดด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ซึ่งในหัวของว่าที่คุณพ่อทั้งสอง ต่างก็คอยลุ้นและภาวนาให้แม่และเด็กปลอดภัยไม่ต่างกัน จนกระทั่งผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ นางพยาบาลจึงเดินออกมาจากห้องทำคลอด ร้องเรียกหาผู้เป็นพ่อ จนหนุ่มๆ ทั้งสองที่เผลอยืนขึ้นพร้อมกัน อดหัวเราะเขินๆ ด้วยกันไม่ได้ เฮียต๋องที่มีศักดิ์เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปคุยกับเธอ ปล่อยให้ต้นผู้เป็นพ่อตามสายเลือด ยืนรอฟังผลอยู่ห่างๆ ด้วยใจระทึก
พยาบาลสาวร่างอวบยิ้มแย้มตาหยีให้เฮียต๋องด้วยความยินดี ก่อนที่จะใช้มือดึงผ้าปิดปากของตัวเองลงมากองไว้ที่คาง เพื่อที่จะได้ประกาศข่าวดีให้กับคุณพ่อมือใหม่ ได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณพ่อได้ลูกสาวค่ะ!”
สองหนุ่มพี่น้องทำหน้าตะลึง ก่อนจะหันมาสบตากันยิ้มๆ แบบรู้กัน.....
THE END
-
ถูกใจผมมากเลยครับ ขอติดตามผลงานตอนต่อไปอีกครับ ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ต้องทำลูกชายอีกคนต่อแล้วคับ แบบนี้
ขอบคุณครับ