ยอดนักรบไทย ตอน 1
“หมู่อ๊อด.....เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปที่ทำงานเลยไปต้องมารับฉันที่บ้าน...แล้วตอน สายๆเอารถไปรับคุณหญิงที่ดอนเมืองแล้วพามาส่งบ้านด้วย..
เย็นๆค่อยออกไปรับฉันจากที่ทำงานอีกที” พล.ต.เพิ่มศักดิ์
นายพลมาดเข้มสมกับเป็นชายชาติทหารกล่าวกับทหารรับใช้ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ ขับรถขณะตนเองก้าวลงจากประตูหลังเมื่อรถยนต์ประจำตำแหน่งจอดสนิทภายในบ้าน พักหลังใหญ่
“ครับท่าน...แต่ว่าคุณหญิงท่านจะมาถึงกี่โมงครับผมจะได้รีบไปรอก่อนเดี๋ยวท่านมาไม่เจอใครครับ”
“ชั้นก็จำไม่ได้เหมือนกัน
เดี๋ยวตอนเช้าฉันจะสั่งผู้กองไว้ก่อนออกไปตีกอลฟ์กับ ท่าน
ผบทบ.”
“ครับผม...ถ้างั้นผมลาละครับท่าน”
หมู่อ๊อดกล่าวอำลาด้วยท่าทางตะเบ๊ะตามแบบฉบับทหารชั้นผู้น้อยแล้วจึงเดินไป ที่รถจักรยานยนต์ของตัวเองที่จอดไว้ในโรงรถเดียวกันขับกลับที่พักของตน
นายพล.ต.เพิ่มศักดิ์ แม้จะอายุ 50 เศษๆ
แต่ลักษณะและท่าทางนั้นเข้มแข็งบึกบึน
ภายหลังจากจบจากโรงเรียนนายร้อย
ก็เข้าสู่สมรภูมิทันทีหลายครั้งหลายหนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เขาแต่งงานกับภรรยาซึ่งปัจจุบันได้รับแต่งตั้งเป็นถึงคุณหญิงอันเนื่องมาจาก สามีของเธอผู้นี้ได้รับเหรียญกล้าหาญมานับไม่ถ้วน
และปัจจุบันก็ยังเป็นนายทหหารที่อนาคตไกลอาจเป็นถึงบัญชาการของกองทัพอีกด้วย
ปัจจุบันท่านนายพลนอกจากต้องปฎิบัติภาระกิจในกองทัพยังได้รับเลือกเป็น กรรมการบริหารหน่วยงานธุรกิจอีกหลายแห่งของรัฐฯ
ตามตำแหน่งหน้าที่สายงานทหารของตนที่มีอำนาจมากมาย
ฐานะความเป็นอยู่จึงร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐีเหมือนนักธุรกิจอื่นๆที่มีชื่อเสียง
“ป้าช้อย....ยังไม่มีใครกลับมาเลยหรือไงเนี้ย”
ท่านนายพลเอ่ยกล่าวกับแม่บ้านขณะที่เธอกำลังนำน้ำมาเสริฟท์เมื่อตัวเองเข้า ไปนั้งในห้องนั่งเล่นเพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในวันนี้
“ยังค่ะท่าน......คุณผึ้งยังไม่กลับจากโรงเรียนค่ะเห็นโทรมาบอกว่าจะไปดู หนังกับเพื่อนๆเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ค่ะ
แต่คุณส้มเธอกลับมาจากมหาลัยเมื่อกี้แล้วค่ะ.....แต่ก็รีบขับรถออกไปเลยไม่ ได้บอกว่าจะไปไหน...ส่วนคุณแจ๊คเองก็ยังไม่กลับจากมหาลัยค่ะไม่ทราบว่าจะ กลับหรือเปล่าด้วยค่ะ”
ป้าช้อยแม่บ้านวัย 40
ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหญิงสายทิพย์
ภรรยาท่านนายพลเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับเหตุการณ์ที่ลูกๆของท่านนายพลทั้ง
3 ไม่ค่อยอยู่บ้านเป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นเสมอ
“เฮ้อ....ทำไมไม่มีใครคิดอยู่บ้านกันบ้างน๊ะ.....นานๆเราจะกลับเร็วซักที ....นี้ป้าช้อยปกติสามคนนั้นกลับบ้านดึกตลอดหรือเปล่า...ฉันเองก็กลับดึก กว่าจะถึงบ้านก็ตีหนึ่งตีสองแล้วไม่ค่อยเจอพวกนั้นเลย...ไหนบอกมาซิ”
“เออ...ก็ไม่ดึกมากหรอกค่ะ...คุณผึ้งปกติก็กลับประมาณ
ทุ่มนึง ส่วนคุณส้มก็ 4-5 ทุ่ม
ยกเว้นคุณแจ๊คค่ะที่บ้างวันก็กลับบางวันก็ไม่กลับ
.....ท่านไม่ทราบเหรอค่ะช้อยนึกว่าคุณหญิงเรียนให้ท่านทราบแล้ว”
“โถ่ฉันกลับมาก็เหนื่อยแล้ว...เช้าก็ต้องรีบออกไปทำงานเลยไม่รู้เรื่อง ...คุณหญิงก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย..สงสัยพรุ่งนี้กลับมาต้องคุยกับสักหน่อยแล้ว เลี้ยงลูกยังไง”
ป้าช้อยเห็นอาการหงุดหงิดของท่านนายพลก็รู้สึกตัวทันทีว่าต้องรีบออกไปให้ ไกลรัศมีเพราะยามที่ท่านมีอารมย์โกรธจะมีหน้าตาดุดันหน้ากลัวสำหรับแก
ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเพราะความที่เป็นชายชาติทหารที่ออกรบตลอดตัวเองจึงต้องทำ บุคคลิกให้เป็นที่เกรงขามของลูกน้องเพราะทุกๆนาทียามออกรบมันหมายถึงชีวิต
แต่ในความเป็นจริงท่านายพลก็เหมือนคนสูงอายุธรรมดาผู้เป็นพ่อทั่วๆไป
21.30
..........เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นตามแบบฉบับรถซิ่งของวัยรุ่นในสมัยนี้ ทำให้ท่านนายพลซึ่งเพิ่งจะดับไฟภายในห้องเตรียมตัวเข้านอนไปได้ไม่นานถึงกับ ต้องลุกจากเตียงเพื่ออยากรู้ว่าใครเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวเข้ามาในบริเวณ บ้าน
ท่านนายพลเดินไปเปิดม่านออกเล็กน้อยพร้อมกับเพ่งสายตาลงมาจากชั้นสองมองลงไปถนนหน้าบ้านฝ่าความมืดออกไป
ท่ามกลางแสงสลัวๆจากหลอดไฟจางๆหน้าตัวบ้าน
เขาเห็นหญิงสาววัยรุ่นในชุดนักเรียนมัธยมปลายกำลังเดินมาจากหน้าประตูรั้ว ที่เธอเป็นผู้เปิดมันออกค้างไว้กลับมาที่รถเก่งดันดังกล่าว
แต่แทนที่เธอจะเข้ามาในตัวบ้านทันทีเธอกลับเปิดประตูรถคันนั้นกลับขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ
ท่านนายพลยืนดูเงียบๆเพื่ออยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอผู้นั้นถึงจะก้าวลงมาจากรถ
“ผึ้งไปก่อนน๊ะพี่นนท์...ขอบคุณนะค่ะอุตสาห์พาไปเลี้ยงข้าวกับดูหนัง”
สาวน้อยพูดไปพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาเขินอายแวบหนึ่งก่อนจะขยับตัวเพื่อจะออกจากรถคันเดิม
แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูรถซิ่งคันงามเธอถึงกับร้องสะดุ้งอุทานเบาๆขนทั่ว ร่างกายลุกสู้ความสยิวโลดแล่นไปทั่วร่างกายวัยขบเผาะ
เพราะหนุ่มรุ่นพี่นามว่านนท์ได้เอนตัวมาทางที่เธอนั่งทันทีพร้อมกับใช้มือ ขวาล้วงรอดผ่านกระโปรงนักเรียนมัธยมจากปลายเท้าของเธอด้านล่างขึ้นมาด้านบน อย่างรวดเร็ว
จนขอบกระโปรงเลิกขึ้นมากองที่ต้นขาขาวๆของเธอเผยให้เห็นผิวกายบริเวณต้นขา ของสาวแรกรุ่นวัยกำดัดที่ผิวขาวนวลเนียนออกสีชมพูจางๆ
ชายหนุ่มไม่ได้เหลือบตามลงมองหาจุดสงวนแต่เขาก็รู้จากประสบการณ์ว่ามันอยู่ตรงไหน
เขาส่งฝ่ามือและปลายนิ้วขึ้นไปสัมผัสเข้ากับโคกเนื้อน้อยๆที่มันอวบอิ่ม บริเวณเหนือต้นขากลางหว่างขาของเธออย่างรวดเร็ว
พร้อมกับคลึงปลายนิ้วเบาๆตรงรอยแยกกลางโคกเนินซึ่งมันเยิ้มฉ่ำแฉะจนเปียก ชุ่มไปทั้งชั้นในผ้าฝ้ายสีขาวของเธอที่ขวางกันอยู่
“อุ๊ย....ซีด...พี่นนท์อย่าเลยนะค่ะ..ด.เดี๋ยวใครมาเห็น..อย่าค่ะ”
“โถ่..ไม่มีใครเห็นหรอกครับน้องผึ้ง...พี่มาส่งที่ไรคุณแม่น้องผึ้งก็ไม่เคย สนใจซักที...แล้วนี้พรุ่งนี้ถึงจะกลับไม่ใช้เหรือจ๊ะ”
“อ...อุยยยย.ซซ...
..ต..แต่.เผื่อป้าช้อยออกมาค่ะ..พี่นนท์...โอ้ยย..ซีดดส...พอเถอะนะ”
“น้องผึ้งไม่ชอบเหรอครับ.....ตอนอยู่ในโรงหนังพี่เห็นผึ้งไม่ว่าอะไรเลยนี้ครับ...นี้เห็นไหมมันแฉะไปหมดเลย”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างลำพองใจเมื่อเขารู้สึกว่าสาวน้องคนนี้ปากร้องห้ามจริงแต่ โคกน้อยๆกลางหว่างขาของเธอนั้นบัดนี้สะโพกอวบๆกำลังขยับไปมาตามจังหวัดการบด คลึงนิ้วมือของเขากลางร่องแคม
ซึ่งจากที่มันเปียกแฉะมาก่อนหน้านี้ทำให้แม้จะมีเนื้อผ้าของชึ้นในขาวสะอาด ขวางกันอยู่แต่ก็ทำให้ร่องรอยกลีบแคมน้อยๆกลางโคกเนินปรากฎรอยแยกเด่นชัด
เขารู้สึกได้จึงกดนิ้วกลางเบียดลงไปกลางรอยแยกนั้นโดยเริมจากร่องด้านบนทั้งๆที่ยังมีชั้นในแฉะๆกันไว้อยู่
“ซีดด..โอ๊ะ....พี่นนท์ขา...ผึ้ง....เสียว..อย่าเลยค่ะ..โอ๊ะ...ซีดดด...”
สาวน้อยครางสูดปากคอสั่นด้วยความเสียวกระสันต์
ร่างกายช่วงล่างของเธอสะโพกกลมกลึงอวบอิ่มกำลังแอ่นโคกเนินให้ติ่งไตภายใน กลีบแคมเข้าสู้การปดคลึงจากปลายนิ้วมือของชายหนุ่มเร็วขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นได้ไม่นาน สาวน้อยก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ
“โอ๊ะ.....ซีดดสสส .....ว๊าย...มีคนแอบดู”
สาวน้อยอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดผลักตัวหนุ่มนนท์ออกห่างจากตัวทันที
“อะไรครับผึ้ง...ไหนใคร...เดี๋ยวพี่ลงไปจัดการเอง”
นนท์ทำหน้าเลิกลักงงงวยเผยอตัวขึ้นมองออกไปรอบๆตัวรถทันที
“ข้างบนห้องคุณแม่...เมื่อกี้ผึ้งเห็นเงาคนแอบมองอยู่ที่หน้าต่างๆ.....นั้นไงเปิดไฟแล้ว”
“อ้าวไหนผึ้งบอกคุณแม่กลับพรุ่งนี้ไงครับ...ตายละไม่รู้เห็นหรือเปล่า”
“ต..ตายแน่ๆค่ะ..พี่นนท์รีบกลับไปก่อนเร็ว...เร็วซิค่ะไม่ใช่คุณแม่หรอกคุณ พ่อผึ้งเอง...นั้นไงรถจอดอยู่นั้นไง....ว๊ายกำลังลงมาแล้วไปเร็วซิค่ะพี่ นนท์”