“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” เสียงทูตนรกดังสนั่นขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว5นัดซ้อน ร่างชายฉกรรจ์ทั้ง5ที่กำลังนั่งเสพสุราส่งเสียงดังอยู่ภายในกระท่อมกลางทุ่ง นา ล้มคว่ำลงโดยไม่มีโอกาสที่จะชักปืนในเอวออกมาเพื่อต่อสู้ วิญญานโฉดของชายทั้ง5 ปลิวออกจากร่างเลือดชั่วแดงฉานนองไปเต็มพื้น
เสียงกระชากลำเลื่อนของลูกซอง5นัดดังสนั่นขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างของชาย หนุ่มซึ่งอยู่ในวัยเบญจเพศปรากฏขึ้นและย่างสามขุมเข้ามายังร่างของชายฉกรรจ์ ทั้ง5 สายตาของมันแดงกล่ำไม่ผิดกับสายตาของยมทูต มันเดินเข้ามาใช้เท้าถีบร่างชั่วนั้นทีละร่างจากนั้นมันก็จ่อลูกซองที่อยู่ ในมือไปยังหัวของ5ชายและเหนี่ยวไกอีกคนละนัดอย่างใจเย็น มันมั่นใจว่าทั้ง5ตายสนิทแน่นอนแล้ว มันจึงเดินออกมาจากกระท่อมกลางทุ่งนาและนั่งลงอยู่ตรงนั้นเหมือนคนที่สิ้น เรี่ยวแรงไป ไม่อาจจะขยับกายไปไหนได้
“เฮ้ย…นั่นเสียงใครยิงอะไรกันว่ะ ตั้ง10นัด ท่าไม่ดีแน่” กำนันคงตะดกนขึ้นมาภายหลังจากเสียงปืนชุดที่2สงบลง “เฮ้ย..ไปดูกันหน่อยวะ ว่ามันอะไรกันแน่” ร่างของกำนันสูงอายุแต่ท่าทางยังแข้งแรงหันไปคว้าปืนลูกซองยาวอาวุธคู่มือ ไว้และลุกขึ้น โดยมีลูกน้องคนสนิทอีกคนลุกพรึบขึ้นพร้อมกัน คนทั้งหมดสาวเท้าเดินดุ่มๆไปยังเสียงที่ได้รับฟังซึ่งดังมาจากกลางทุ่ง ไฟฉายหลายดวงถูกกราดไปมารอบๆ
“นั่นใคร…” เสียงกำนันคงร้องถาม เมื่อแสงไฟกระทบเข้ากับร่างผิวดำเป็นมันร่างหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนคันนา ข้างๆตัวมีปืนลูกซอง5นัดวางอยู่ กำนันคงกระชับปืนในมือแน่นก่อนที่จะก้าวเดินไปหาช้าๆด้วยความระมัดระวัง จนใกล้ร่างที่นั่นิ่งเหมือนคนไม่มีชีวิต “อ้าว…ไอ้ทิดมั่นเองเหรอ…เอ็งมาทำอะไรที่นี่วะ” แต่ไม่มีคำตอบจากปากคนที่กำนันเรียก กำนันสัหรณ์ใจแล้วว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง แกเดินไปใช้เท้าเขี่ยปืนลูกซองยาว5นัดให้ห่างออกจากร่างที่นั่งแข็ง ทิดมั่นมันไม่ได้ต่อสู้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้กำนันยึดปืนของมันไปและมันก็ยังคงนั่งนิ่งสายตาเหม่อลอยอยู่เช่น นั้น “ฉิบหายแล้วกำนัน เข้ามาดูอะไรนี่เร็ว” เสียงผู้ติดตามมาด้วยส่งเสียงเรียกสุดเสียง เมื่อสายตามองชายฉกรรจ์ทั้ง5นอนกลิ้งอยู่กับพื้น เลือดทะลักแดงฉานทุกคนตายสนิท พอกำนันมองเห็นศพคนทั้ง5ที่นอนตายกระเดนไปคนละทิศละทางแกถึงกับเบนหน้าหนี เพราะแกเองก็รู้จักกับร่างไร้วิญญาณทั้น5นั่นดีว่ามันเป็นใครและมีพฤติกรรม เช่นไร “โดนพรุนทั้งตัวตายเรียบเลยครับกำนัน” เป็นเสียงบอกของลูกน้องคนหนึ่ง ถึงไม่มีใครบอกกำนันคงก็รู้ว่าหัวกระจายแบบนี้ทุกคนไม่มีใครรอดแน่ๆ ใจของกำนันว้าวุ่น มือปืนคงไม่ใช่ใครที่ไหนไปได้ นอกจากทิดมั่นลูกบ้านของแกที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างนอกนั่นเอง กรามของกำนันขบกันเป็นสันนูนเมื่อแกนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ครอบครัวของไอ้หนุ่มลูกทุ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ทิดมั่นเป็นคนดีเรยีบร้อยประกอบสัมมาอาชีพ ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ซ้ำเวลาหมู่บ้านมีการมีงานอะไร ก็ได้ไอ้ทิดมั่นนี่แหละที่ออกหน้าออกตาช่วยเหลืออย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าความเป็นอยู่ของมันจะจน แต่มันก็ไม่เคยจนน้ำใจ ใครที่จนที่แย่กว่ามันก้จะแบ่งปันน้ำใจให้และช่วยเหลือทุกอย่างตามกำลังของ มันที่จะช่วยได้ด้วยแรงกายของมันที่มีอยู่
ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้า ทั้งกำนันคงและทุกคนต่างรู้กันดีว่าเหตุใด ไอ้ทิดมั่นซึ่งเป็นคนดีของหมู่บ้านจึงต้องกลายเป็นเพชฌฆาตอย่างนี้ กำนันเคงสาวเท้าเข้าไปหาไอ้หนุ่มที่นั่นนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเหม่อลอยอยู่บนคันนา นั่งยองๆข้างๆตัวมัน มองมันด้วยสายตาที่สงสารอย่างที่สุด “ ไอ้มั่นเอ๊ย…บอกข้ามาซิว่าทั้งหมดนี้เองเป้นคนทำใช่ไหม” ไอ้หนุ่มร่างบึกบึนหันมามองหน้ากำนัน ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา จ้องตากำนันที่มันเคารพรัก มันสารภาพ “ครับลุงกำนัน ผมยิงพวกมันเอง” กำนันพยักหน้า “ไปเถอะไอ้มั่น เอ็งรีบหนีไปซะก่อนที่ตำรวจจะมาถึง” ทิดมั่นส่ายหน้า “ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับกำนัน ถึงหนีก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนทุกอย่างในชีวิตผมหมดสิ้นแล้ว “ ตาสีเหล็กของมันมีน้ำไหลซึมออกมาเป็นทาง มันเป็นน้ำตาของลูกผู้ชายโดยแท้ “ไปเถอะวะ ถ้าเอ็งไม่หนี ข้าก็หมดปัญญาจะช่วยเอ็งได้อีกแล้ว เชื่อเถอะวะ ตอนนี้เอาตัวรอดซะก่อน วันหน้ายังมีตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานหนีไปรอจังหวะให้เรื่องทุกอย่างมันเงียบ เสียก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ ….ไป…ไป ไอ้ทิด” กำนันหันไปสั่งลูกน้องที่ติดตามมา “เฮ้ยพวกเอ็งปิดปากไว้ก่อน รอให้ไอ้ทิดมั่นมันหนีไปซะก่อน อย่าเพิ่งไปแจ้งตำรวจนะโว๊ย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาว่ากัน” ทุกคนก็ขานรับเป็นอย่างดีเพราะความสงสารไอ้หนุ่มที่กลายเป็นมือฆาตกร กำนันรีบพาไอ้หนุ่มเดินลัดทุ่งตรงไปยังบ้านของแก แกหันมาสั่งทุกคนเมื่อเดินใกล้จะถึงบ้าน “ไอ้ทอน ไปกับข้า อย่าปากหมาบอกให้ใครรู้นะ ส่วนพวกที่เหลือ อยู่เป็นเพื่อนไอ้ทิดมั่นมันก่อน กะเดี๋ยวข้าจะไปจัดเสื้อผ้าเงินทองให้ไอ้ทิดมั่นมัน” กำนันเอาผ้าขาวม้าห่อเสื้อผ้าของแก 2-3ตัวออกมาจากบ้าน พร้อมกับเงินสดอีกหลายพันบาทเพื่อให้ไอ้หนุ่มซึ่งเพิ่งจะเป็นฆาตรกรเป็นทุน หลบหนีและสั่งสมุนมือขวาของแก “ไอ้ทอน เอ็งเอารถปิคอัพของข้าออกมา และพาไอ้ทิดมั่นมันหนีไป” แกยื่นหน้ามากระซิบสมุนเบาๆ เมื่อถึงจุดหมายที่แกจะช่วยทิดมั่นไปหลบซ่อนตัวอย่างปลอดภัย เพราะคนระดับแกก็หาใช่กำนันที่ธรรมดาไม่ “เอ้านี่..ไอ้ทิด เสื้อผ้าของข้าเอง แล้วนี่เงิน เดี๋ยวข้าจะให้ไอ้ทอนขับรถพาเองไปหลบในที่ที่ปลอดภัย จำไว้ตอนนี้เอ็งห้ามเพ่นพ่านไปไหนมาไหนเป้นอันขาด” กำนันคงดุนหลังไอ้หนุ่มมือฆาตรกรขึ้นรถและหลังจากนั้นไอ้ทอนสมุนมือขวาของ กำนันก็ขับรถพาไอ้หนุ่มมือฆาตกรออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
……… กำนันคงกลับมาจากที่เกิดเหตุ ขึ้นไปนั่งบนเรือนอัดบุหรี่วาบๆใช้ความคิดอย่างหนักว่าแกจะช่วยลูกบ้านของแก ที่เป็นคนดี แต่มันต้องมาประสบเคราะห์กรรมเพราะการกระทำของ”เหี๊ย”ทั้ง5ตัวที่ถูกยิงตาย คากระท่อมกลางทุ่งนากลุ่มนั้น “กูเห็นท่าจะต้องปรึกษาท่านนายอำเภอกับท่านสารวัตรใหญ่ให้ช่วยเหลือไอ้ทิด มั่นเสียแล้ว กูจะปล่อยให้คนดีๆอย่างมันติดคุก ติดตารางไม่ได้แน่ๆ คนดีๆอย่างมัน ไม่สมควรไปติดคุก และการตายของไอ้เหี๊ยหางแดงทั้ง5ตัว มันก็เหมาะสมดีอยู่แล้วกับกรรมที่มันได้ก่อขึ้น ถึงแม้ไอ้ทิดมั่นไม่ยิงมัน แต่ถ้ากูเจอกูนี่แหละจะเป้นคนยิงมันทิ้งเสียเอง” แกคิดในใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดกำนันเต้มยศ และขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของท่านนายอำเภอผู้ที่แกนับถือ ผลงานของกำนันเป็นที่รู้จักเพราะเป็นกำนันแหนบทองคำ เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แกพูดคำไหนเป็นคำนั้นแกไม่เคยตระบัดสัตย์เหมือนนักการเมืองบางคนที่หวังแต่ ผลประโยชน์ส่วนตนจนทำให้ศีลธรรมเสื่อมเสีย “อ้าวกำนัน…. มีธุระอะไรกับผมเรอะ มาจนดึกจนดื่นเลย มา มา มา ขึ้นบนบ้านก่อนครับ” เสียงนายอำเภอเชื้อเชิญกำนันคง “กระผมมีเรื่องที่จะปรึกษากับท่านครับ….เป็นเรื่องสำคัญมาก” กระกระซิบแผ่วเบา “ งั้นว่ามาเลยกำนัน” นายอำเภอตอบ กำนันคงพูดต่อว่า “ท่านคงจำไดนะครับ เมื่อสามวันก่อนำได้เกิดเหตุร้ายที่หมู่บ้านของผมไอ้พวก500ที่รุมข่มขืนเมีย ของไอ้ทิดมั่นแล้วฆ่าทิ้งอย่างทารุณน่ะครับ” นายอำเภอพยักหน้าตอบ “อ๋อ…จำได้ซิกำนัน แล้วกำนันรวบตัวพวกมันได้แล้วเหรอครับ” กำนันคงมองหน้านายอำเภอนิ่ง แกกำลังคิดว่าจะพูดความจริงกับนายอำเภอดีหรือไม่ เพราะถ้าหากพูดไปแล้ว แกไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนายอำเภอ แกจะทำเช่นไร ความผิดที่ไอ้ทิดมั่นก่อไว้มันเป้นอาญาแผ่นดิน แกนั่นิ่งอึ้ง นายอำเภอดูจะทันความคิดของแกอยู่บ้าง “พูดความจริงมาเถอะครับกำนัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” กำนันนถอนหายใจเอ่ย “ไอ้พวกสัตว์ทั้ง5คนนั่นมันดดนยิงตายเรียบไปแล้วครับท่านายอำเภอ” นายอำเภอตาลุกวาว “หา….ว่ายังไงนะกำนัน” กำนันกล่าวต่อ “มันตายหมดแล้วครับ” นายอำเภอถามต่อ “แล้วกำนันเป็นคนยิงมันเองเหรอ”…. “เปล่าครับท่าน…เพราะเรื่องนี้แหละที่ผมต้องมากราบขอความกรุณาจากท่าน” …”งั้นกำนันเล่าความจริงมา ผมรับรองว่า ถ้าหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมรับปากช่วยกำนันเต็มที่ เพราะว่าคนตายเป็นคนที่กฏหมายต้องการตัวอยู่แล้ว” เรื่องราวทั้งหมดจึงออกจากปากของกำนันคงให้นายอำเภอได้รับรู้ “เรื่องนี้ไม่ยากนักหรอกกำนัน เดี๋ยวผมเชิญท่านสารวัตรใหญ่มาปรึกษาด้วย กำนันรอเดี๋ยวนะ” นายอำเภอเดินไปยกหูโทรศัพท์และเชิญสารวัตรใหญ่ให่มารับทราบเรื่องที่เกิด ขึ้น สารวัตรใหญ่เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดูท่าจะหนักใจไม่น้อย แต่การทำงานอยู่ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสังคสแคบๆอย่างนั้น การใช้กฏหมายใช้หลักนิติศาสตร์มากเกินไปโดยไม่มีหลักของรัฐศาสตร์ด้วยก็ เปรียบเหมือนการหักด้ามพร้าด้วยเข่า กำนันคงเป็นกำนันนักพัฒนา เป้นคนที่ชาวบ้านเครพรักและทางราชการเองก็จะต้องพึ่งพาอาศัยกำนันจงในการ ปกครองอีกยาวนานนัก “ผมคิดว่าเรื่องนี้เราทำให้เป็นวิสามัญฆาตกรรมก็น่าจะได้นะครับ เพราะคนตายก็มีความผิดฉกรรจ์อยู่” ….”ก็แล้วแต่ท่านสารวัตรเถอะครับ ว่าจะหาทางออกอย่างไร สำหรับผมพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” นายอำเภอพูดกับสารวัตรใหญ่ด้วยท่าทีที่จริงจัง “ผมว่า… งั้นท่านไปกับผมเลยดีกว่านะครับ”
…….เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจไปถึง มองเห็นสภาพศพทั้ง5ที่นอนตายเกลื่อนในกระท่อมถึงกับถอนหายใจ เพราะแต่ละศพถูกจ่อยิงหัวอย่างเผาขนซ้ำทุกคน สารวัตรเอ่ยกับลูกน้องคนสนิท “จ่าเอียด…ทำให้เหมือนกับมีการต่อสู้นะ”…..”ครับผม” จ่าเอียดรับคำและรีบเดินเข้าไปดึงปืนประจำตัวของคนร้ายออกมายัดใส่มือของแต่ ละคน จากนั้นก็บีบไกลั่นกระสุนออกมา จนปลอกกระสุนกระเด็นเต็มห้องไปหมด เสร็จแล้วจ่าผู้เชี่ยวชาญในการทำวิสามัญฆาตรกรรมก็ออกมาใช้ปืนลูกซองระดมยิง เข้าไปในกระท่อมจากจุดต่างๆจนเกิดร่องรอยว่าได้มีการต่อสู้กันอย่างหนัก และที่สุดคนร้ายทั้ง5ก็ถูกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตายจริงๆและคดีที่ กำนันคงหนักใจเมื่อสักครู่ ได้กลายเป็นคดีวิสามัญฆาตรกรรมไปเรียบร้อย หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ชาวบ้านก็มารุมดูศพ 5คนร้าย และต่างก็ยกมือท่วมหัวสาธุไปตามๆกัน “ไอ้ฉิบหายพวกนี้ตายเสียได้ก็ดีแผ่นดินจะได้สูงขึ้นอีก” เสียงสาปแช่งนับร้อยทำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างเบาใจ เพราะคนตายประพฤติตัวเป็นโจรร้าย เป็นอัธพาล เป็นที่เกลียดชังของชาวบ้านทุกคน ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไร ต่างชมเชยตำรวจและนายอำเภอกันเสียงขรม
………วันรุ่งขึ้น ชาวบ้านต่างนำช่อดอกไม้และสิ่งของไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มโรงพักที่ สามารถดับโจรร้ายทั้ง5คนลงได้ อันเป็นผลให้ผู้ใหญ่ระดับสูงชื่นชมผลงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง คดีจบไปแล้วแต่ทว่าเหตุการณ์ที่หฤโหดนั้น มันยังไม่จางหายไปจากใจของไอ้คนที่ดับฆาตรกรที่ชื่อ”ไอ้ทิดมั่น”เลย
………ทิดมั่นมันนั่งเหม่อลอยนอยู่ในไร่ข้าวโพดของสหายสนิทของกำนันคง ซึ่งทรงอิทธิพลอีกตำบลหนึ่งของจังหวัด ทิดมั่นนึกย้อนถึงวันชื่นคืนสุขกับปราณี สาวสวยของหมู่บ้านและรักใคร่ชอบพอกับมันมาหลายปี และในที่สุดความรักของสองหนุ่มสาวก็ลงเอยด้วยกัน หลังจากทิดมั่นสึกออกมาจากพระ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือจัดงานแต่งงานให้กับมันและ ปราณีสาวสวยของหมูบ้านสาวๆจำนวนไม่น้อยที่อิจฉาปราณีที่ได้ผัวดีขยันทำมาหา กินอย่างทิดมั่น
….คืนวันส่งตัวเข้าหอคือวันที่ทิดมั่นมันไม่เคยลืม …..มันรวบร่างงามของสาวคนรักเข้ามากอดและก้มลงจูบพวงแก้มของเธอครั้งแล้ว ครั้งเล่าสาวสวยก็อายม้วนจนน่าแดง เธอบิดพริ้วแต่พองาม เพราะถึงอย่างไรทั้งก้พึงพอใจและเต็มใจกันอยู่แล้ว “อุ้ย…ซี๊ดส์ อย่าเพิ่งค่ะ…พี่ทิด ณีอาย” แต่ไอ้หนุ่มมั่นมันมีอารมณ์ร้อนแรงเต็มที่ สาวสวยยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ทิดมั่นกระชับวงแขนกอดเธอไว้แน่น จมูกของทิดมั่นซุกไซร้ไปตามพวงแก้งแดงอิ่ม ซอกคอ และที่สุดก็ประกบริมฝีปากเข้าหากัน สาวสวยเผยอริมฝีปากรับลิ้นของทิดมั่นที่พุ่งเข้าไปพันกับลิ้นนุ่มหอมหวานของ เธอ สาวสวยวัยเพียง18อ่อนไปทั้งร่าง เมื่อส่วนนูน ส่วนเว้าของร่างกายถูกมือที่ร้อนเหมือนไฟของคนรักสัมผัสลูบไล้ไปมาจนร่างกาย ของเธอต้องหลั่งไอรักออกมาชะดลมส่วนสำคัญจนชุ่มโชก เพียงเวลาไม่นานนัก สองร่างก็ขาวโพลนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัว ทิดมั่นก้มลงดูดดื่มเนินถันที่แข็งเป็นไต สาวสวยก็บิดกายไปมาด้วยความร้อนระอุที่ประทุขึ้นในอารมณ์ แรงตัณหาและไฟพิศวาสลุกโชนท่วมสองร่าง ที่ทาบทับกันกลม สาวสวยหลับตาพริ้มเมื่อรู้ว่าปลายขายาวเรียวสวยของเธอนั้นถูกมือแข็งแรงของ ทิดมั่นถ่างออก เนินเนื้อนูนเด่นที่เป็นกระเปราะประดับด้วยขนไหมสีดำพองาม กลีบสวาทของเธอสีแดงสดแย้มออกจากกันสวยงามราวกลีบดอกไม้ที่ยังไม่เคยผ่าน หมู่ภมรเชยชม สายน้ำน้ำดูเหมือนว่าจะไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อน ทิดมั่นมองด้วยแววตาแห่งความปราถนา มันลากลิ้นโลมเลียไปบนกลีบสวาทนั่นอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่ามันจะช้ำ “ซี๊ดส์…โอพี่…อย่าค่ะ…อูย” เสียงปราณีร้องห้ามกระเส่า แต่ทิดมั่นหาได้หยุดไม่กลับเพิ่มความเร็วในการฉกลิ้นเพิ่มไปอีก สาวสวยประจำหมู่บ้านแทบขาดใจ “พี่มั่นค๊ะ…ซี๊ดส์..เสียวจังค่ะ….พอแล้ว ..พอเถอะนะคะ” ทิดมั่นกลับยิ้มด้วยความภูมิใจที่มันทำให้สาวสวยแทบขาดใจเสียให้ได้ มันขยับตัวขึ้นมาทาบทับไปบนร่างที่ขาวเนียนสวย สอดแทรกร่างของมันเองไปกลางหว่างขาของปราณีความเป็นชายของมันแม้ไม่ใหญ่โต นักแต่สาวปราณีถึงกลับตกใจเมื่อแลเห็นครั้งแรก ซึ่งเป็นธรรมดาของสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนย่อมตกใจเป็น ธรรมดา ….ทิดมั่นจับความเป็นชายที่แข็งแกร่งโชนชันจ่อลงไปที่กลีบสวาทและกดความเป้ นชายหนักๆ ส่วนหัวที่บานแดงก็จมหายเข้าไปในรอยรักที่คุบแน่นของเธอซึ่งกำลังถูกความ แข็งแกร่งกดดัน แต่กระนั้นเธอก็ร้องอุทานออกมาเพียงเล็กน้อย “อูยส์….พี่มั่นจ๋า เบาๆก่อนนะ ณีเจ็บ….อูยยยยย….” แต่เธอก็ตั้งใจรับความเป็นชายของคนรักให้จมดิ่งลงมาในเนินสวาทของเธอให้จง ได้ แม้เธอจะรู้สึกเจ็บแสบบ้าง แต่ความรักย่อมมีพลังเหนือกว่าความเจ็บแสบนั้น ในที่สุด เมื่อทิดมั่นขยับ ขโยกโยกย้ายความเป็นชายเพียงไม่กี่ครั้ง ความแข็งแกร่งของทิดมั่นก็จมหายเข้าไปในช่องทางรักของสาวสวยจนหมดสิ้น…เยื่อ พรหมจรรย์ของเธอฉีกขาดสังเวยความรักครั้งแรกให้กับหนุ่มนาที่แข็งแรงปานโค ถึก…
…..ความรักของทั้งสองดำเนินไปอย่างดุดัน รุนแรงพักใหญ่ ฟ้าฝนที่ตั้งเค้ามาหลายนาทีก็พลันพิโรธ ลมพายุพัดกระหน่ำจนยอดไม้เอนลู่และที่สุด ฝนรักก็หลั่งเทลงมาอย่างรุนแรง น้ำป่าไหลทะลักล้นออกมาจนท่วมตลิ่งสูงชันและยังพัดพาต้นไม้ใบหญ้ารายลู่ไป ทั้งเนินเขา
…..สาวปราณีตัวสั่นเทิ้ม ครางอู้ด้วยความสุข เช่นเดียวกันกับทิดมั่นที่โหมพลังกระหน่ำความรักให้สาวสวยจนเหงื่อท่วมตัว เหนื่อยหอบเหมือนมันแบกฟืนวิ่งมาตามเส้นทางที่ไกลแสนไกล ฝนรักที่หลั่งออกมาจากความกำยำของทิดมั่นผสมผสานกับความรักจากกายของสาว ปราณีที่มีสีแดงเรื่ออันเป็นสื่อแห่งความหมายของการเป้นสาวพรหมจรรย์ ทำให้ทิดมั่นภาคภูใจอย่างที่สุด ทิดมั่นกอดรัดและปลอบประโลมสาวคนรักไม่ยอมห่าง ในเมื่อทิดมั่นรู้ดีว่า เขานั้นคือผู้ชายคนแรกที่เด็ดดมความสาวของเธอเป็นคนแรก……..
……….พลกำลังแห่งความหนุ่มแน่นของชาวทุ่งยังคงทำให้ทิดมั่นมีความแข้งแกร่ง สิ่งที่แสดงถึงความเป้นชายยังคงเข็มแข็งค้างคาอยู่ในกายสาวสวยเช่นนั้น การสัมผัสด้วยจมูกที่มีลมหายใจร้อนผ่าว การสัมผัสด้วยมือที่เหมือนมีไฟร้อน และการขยับส่ายไปมาของร่างกายส่วนล่างอย่างมีจังหวะ ที่สุดสาวสวยประจำหมู่บ้านก็ต้องเป้นฝ่ายสนองสู้ เลือดในกายเธอร้อนไปทั้งร่านเพราะการเสียดสีในช่องรอยรักที่หนักหน่วงและรวด เร็ว ศึกรักที่เพิ่งจะผ่านไปก็เริ่มที่จะฟาดฟันระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง และมันก็เริ่มดำเนินไปในทำนองการรบพุ่ง ที่ต่างก็หักหาญไม่ยอมแพ้กันง่ายๆ คืนนั้นการสู้รบดำเนินไปถึง5ครั้ง 5หน โดยไม่ปรากฏว่ามีใครแพ้หรือใครเป็นผู้ชนะ ทั้งสองอ่อนแรงและหลับไปด้วยความสุขที่ปริ่มล้นหัวใจ….
….วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ที่ทั้งสองหนุ่มสาวร่วมือกันตักตวงหาความสุขทางกายให้กันและกันอย่างไม่รู้ เบื่อในรสชาติที่จำเจเพียง2เดือนผ่านพ้นไป สาวประณีดูอวบอิ่มขึ้น อกที่เคยเล็กก็เริ่มขยายใหญ่น่าจับต้องน่าคลำและน่าดูดดื่มขึ้นอีกหลายเท่า ตัว สะโพกของเธอก็ผายงอนใหญ่หนั่นหนา เวลาเยื้องย่างไปมาตามหมู่บ้านเหล่าชายไม่ว่าจะมีอายุมากหรือน้อยต่างหัน จ้องมองตาม และต่างก็คิดกันไปสารพัด “นังคนนี้..รูปร่างบาดหัวใจดีเหลือเกิน อย่างนี้ถ้ากูได้ทาบทับกกกอดเธอสักชั่วโมง คงจะสุขปานใดหนอ” นั่นเป้นความคิดโดยทั่วไปของผู้ที่ได้พบเห็นสาวสวยนามว่า “ปราณี” เมียรักของไอ้ทิดมั่น ส่วนใหญ่ทุกคนก็ได้แต่คิด แต่ไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้ากระทำการอันเป้นการย่ำยีหัวใจของเธอและทิดมั่น ซึ่งเป็นคนดี และเป้นเรี่ยวแรงอันสำคัญของหมู่บ้านนั้น…
…..จะมีก็แต่กลุ่มของอันธพาลประจำหมู่บ้านทั้ง5คนอันมี ไอ้สงค์ซึ่งเป็นหัวโจก ไอ้จิต ไอ้แวว ไอ้ดมและไอ้เอก เพียง5คนเท่านั้นที่คิดแล้วมันก็ทำ “อีปราณีคนนี้ เวลาก็มองดูนมมันที่ไร ควยกูแข็งขึ้นมาทุกที” ไอ้สงค์หัวโจกพูดในวันหนึ่งขณะที่ทั้ง5กำลังนั่งดวดเหล้าขาวกันอยู่ที่บ้าน ไอ้สงค์ “กูก็เหมือนกัน มึงเอ๊ย ถ้ากูได้เอาควยกูกระแทกลงหลุมนังคนนี้ได้ กูคงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าโน่นทีเดียว” ไอ้แววเอ่ยรับความเห็นของเจ้าสงค์ และทุกคนต่างก็คิดเห็นที่ตรงกัน ว่า ยังไงเสียจะต้องหาทางฉุดปราณี สาวสวยประจำหมู่บ้านมาเชยชมให้ได้ ซึ่งแม้ขณะนั้นปราณีเอง เธอก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูก แววตาที่หื่นกระหายจากเดนนรกทั้ง5จ้องมองอยู่ “ดูตูดงอนๆของมันซิวะ ..ซีดส์..ถ้าโก้งโค้งคงน่าเยดพิลึก” ไอ้จิตพูดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากของมันอย่างกระหาย “เฮ้ย ถ้าอย่างนั้นกูว่าฉุดมันมาอึ๊บให้หนำใจกันเลยดีกว่าไหมวะ” ไอ้เอกเอ่ยหลังจากที่นั่งวาดฝันกันจนน้ำเงี่ยนเยิ้มไปหมด “เออ…กูก็ว่าเข้าท่าดีว่ะ”ไอ้ดมว่าขึ้นตามสันดานมนุษย์ที่หนาไปด้วยกิเลส ตัณหา และลำพองในความเป้นนักเลงอันธพาลของมันที่คิดว่าในหมู่บ้านย่านนี้ ไม่มีใครที่จะกล้าหือกับพวกมัน และไม่มีใครกล้าหาญกล้ามาทำร้ายพวกมัน ความคิดของไอ้เอกจึงได้รับความเห็นชอบจากเพื่อนโดยทันที “งั้นพวกเราต้องพยายามซุ่มดูตอนไอ้ทิดมั่นไม่อยู่บ้าน จากนั้นพวกเราค่อยลงมือกับนังคนสวยดีกว่าโว๊ย” ไอ้สงค์หัวโจกพูดขึ้นและต่างก็ตกลงที่จะทำความชั่วกับสาวที่สวยงามบริสุทธิ์ อย่างปราณีนั้น………………..
…..เวรกรรมของสาวปราณีที่สร้างไว้แต่ปางก่อนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในวัน หนึ่ง เมื่อเธอรู้สึกไม่สบายปล่อยให้ทิดมั่นไปทำนาแต่เพียงผุ้เดียว โอกาสอันดีจึงเป็นของมหาวายร้ายทั้ง5….ลับร่างของทิดมั่นไปไม่นาน 5วายร้ายก็บุกงัดขึ้นบ้านสาวปราณีที่นอนแบบด้วยพิษไข้รุมๆ
…เสียงเรือนไหวยวบ เสียงคนจำนวนมากที่ขึ้นมา ทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นและชันตัวเองขึ้นนั่ง เธอตะโกนถาม “ ใครน่ะ” ประตูห้องนอนเปิดผลั่วะออกมา 5ชายโฉดจ้องมองร่างสาวสวยที่มันวาดฝันไว้ตาเป็นประกาย…หื่น