วันนี้ ของเมื่อ 5 ปีที่แล้วผมพึ่งจะได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาในกรุงเทพครั้งแรก เพื่อเสี่ยงดวง แสวงโชค ตามคำเชื้อเชิญของบรรดาเพื่อนฝูง ที่มันเข้ามาเรียนต่อ หรือไม่ก็หางานทำ อยู่ก่อนแล้ว หลังเรียนจบมัธยม ต่างจังหวัด ..คนที่ผมติดต่อด้วยเป็นประจำก็จะมี ไอ้ขอด มันเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้าง ร้านขาย อะหลั่ยรถแถวๆ พญาไท แล้วก็ลงเรียน ที่มสธ.ไปด้วย ผมโทรนัดติดต่อกับมันอยู่หลายครั้งเพื่อดำรงการติดต่อไว้ เผื่อผมเข้ามาในกรุงเทพเมื่อไหร่ จะได้มาอาศัยนอนด้วย ในระหว่างที่กำลังหาที่เรียน หรือไม่ก็หางานทำ ......... ผมสองจิตสองใจ ระหว่างเรียน กับ งาน เพราะลำพังฐานะทางบ้าน ถ้าไม่มีรายได้เสริม คงไม่มีปัญญาพอที่จะส่งเสียให้เรียนได้ดังใจแน่ ผมเลยตัดสินใจ ที่จะหางานทำให้ได้ก่อน งานอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยงแล้วหล่ะ ขอให้มีรายได้ พอตั้งตัวได้ แล้วค่อยหาที่เรียนต่อ หรือไม่ก็เรียนไอ้ที่ไม่แพงมาก และก็สามารถ เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยก็ได้ .....อย่าง ที่ มสธ. อย่างกับไอ้ขอดมันแหล่ะ ...............9 ม.ค. ช่วงเย็นๆ ก่อนขึ้นรถ ผมโทรนัดกับไอ้ขอดไว้ ว่าจะถึง กรุงเทพประมาณ ตีห้าของวันที่ 10 ม.ค. และก็วานมันมารับ ที่หมอชิด.....เพราะผมไม่รู้ที่ทางที่จะไปหอพักของมัน.......มันรับ ปาก......ผมจึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เอาเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ กะว่าพอได้ที่อยู่แน่นอนเป็นหลักแหล่งแล้ว ค่อยกับ ต่างจังหวัดไปเอามาเพิ่ม....จะได้ไม่พะรุงพะรัง .......และแล้ว เช้ามืดของ วันที่ 10 ม.ค.ผมก็เดินทางสู่เมืองศิวิไลซ์ กรุงเทพมหานครจนได้ ... เมื่อรถถึงหมอชิด ผมเดินเล่นแถวๆ ท่ารถเมล์ ขสมก. อยู่พักนึง ก่ะว่าให้สว่างกว่านี้หน่อยค่อยโทรไปหาไอ้ขอดมัน เกรงใจมัน มันอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้......ผมเดินอยู่แถวนั้น หาอะไรกินนิดๆหน่อย จนถึง เจ็ดโมงกว่าๆ ผมตัดสินใจ โทรหาไอ้ขอด............ "ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก" เสียงผู้หญิงใสๆ ตอบจากโทรศัพท์ สามสี่ครั้งที่ผมโทรไป ......ผมรอเวลาอีกพัก ก่ะว่า มันคงยังไม่ตื่น เลยไม่ได้เปิดเครื่อง..... แปดโมงกว่าๆ ผมโทรอีก ก่ะว่าป่านนี้มันคงตื่นและเข้าไปทำงานที่ร้านแล้วหล่ะ.........เสียงสัญญาณ ดังขึ้น.....ผมดีใจ...ไม่ตกอับแล้วเรา.....มีเสียงผู้หญิงแก่ๆรับสาย บอกว่า "ลื้อจาโทหาคาย" ผมตอบ "ขอสายไอ้ขอดครับ ผมเป็นเพื่อมันมาจากต่างจังหวัด" อาซิ้มแก่ ตอบกลับมาว่า " อาขอดอีม่ายอยู่แล้ว....เมื่อคืน..ตังหรวดมาจับอีปาย บอกว่าอีอ่ะ ... เข้าไปขโมยของ ที่โรงแรมปฏิพัทธ์...มีคงจำหน้าอีได้....ป่านี้ คงนอนหงายเก๋งอยู่ในห้องขังแล้วหล่ะ" ผมตกใจพลางถามต่อไปว่า "แล้วไอ้ขอดมันถูกจับอยู่โรงพักไหนครับ" อาซิ้มตอบ "อั๊วม่ายแน่ใจ ลื้อลองไปถามที่ สน.พญาไท หรือไม่ก็ประชาชื่นก้อร่ายแค่นี้น้าอั๊วจะจัดของ" ...........สิ้นสุดเสียงอาซิ้ม ผมสับสนมากจะทำไงดี ใจหนึ่งก็เป็นห่วงไอ้ขอดมัน....อีกใจก็เป็นห่วงตัวเองว่า จะทำไงดี คนที่รู้จักที่อยู่แถวๆ กรุงเทพ ก็ไม่ได้เตรียมที่ติดต่อสำรองไว้.....โอ้ยซวยจริงกูเดินไปเดินมาอยู่แถวๆหมอ ชิด จนใกล้เที่ยง ....ไอ้การที่จะนั่งรถกลับบ้านก็กระไร....ผมตัดสินใจ นั่งรอที่ช่องทางจอดรถโดยสารขาเข้า จากจังหวัดของบ้านตัวเอง....เผื่อจะมีคนรู้จัก...เดินทางเข้ามากรุงเทพ บ้าง.....คันแล้วคันเล่า.....ไม่มีใครที่ผมรู้จักโผล่หน้ามาให้เห็น เลย.......ผมดูตังค์ในกระเป๋าซึ่งเหลืออยู่ไม่ถึงสามร้อยบาท.....คิดกลับไป กลับมา ว่าถ้าอยู่ต่อ จนตังค์หมดจะทำไงนี่....ผมตัดสินใจ...กลับดีกว่า ค่อยมาใหม่แล้วกัน...คราวหน้าเอาตังค์มาเยอะๆ เผื่อเจอปัญหาแบบนี้ ...ดีเสียอีกจะได้เอาข่าวไอ้ขอดติดคุกไปบอกญาติๆมันที่บ้านด้วย.......ผม เดินข้ามฟากจากโซนขาเข้ามายังโซนขาออก..แล้วเดินตรงดิ่ง มาที่ช่องจำหน่ายตั๋ว....ซึ่งมีคนเข้าแถวคอยซื้อตั๋วอยู่สาม-สี่ คน....ผมยืนรอแถวขยับอยู่พักนึง ก็มีคนมาต่อแถวต่อจากผม ผมไม่ได้หันไปมองแต่ได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์ เป็นเสียงผู้หญิงห้าวๆ ห้วนๆ สำเนียงคุ้นๆ...... ผมหันไปมอง....ผมต้องตกใจปนดีใจ...เพราะไอ้เจ้าของเสียงนั้นคือ อีอ้อม สาวทอม บ้านเดียวกันกับผม ผมเพ่งดูเธออยู่นาน เห็นเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูแต่งตัวดีขึ้น ขาวสะอาดขึ้น ไว้ผมทรงบ๊อบ สั้น แล้วรวบปลายผมทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง จนเห็นใบหูขาวนวลได้อย่างชัดเจน ข้างๆตัวเธอผมเห็นน้อง นิด เด็กสาวรุ่นน้องบ้านเดียวกัน จริงๆแล้วเธอเป็นญาติห่างๆกับผมแหล่ะ ยืนจับมืออยู่กับอีอ้อมแน่น ผมจำไม่ผิดแน่ ........ ผมตัดสินใจรอให้อีอ้อมวางหูโทรศัพท์แล้วหันกลับไปทักทั้งสองว่า ..... "นี่อ้อม รึเปล่า ....เรา มด น่ะ จำได้ป่ะ ..." อีอ้อม พยักหน้าขึ้นลงสองสามครั้ง แล้วถามว่า "มรึง!!!ไปไหนมาเหรอ ไม่รู้น่ะว่ามรึง!!!อยู่กรุงเทพ" เราทั้งสามพากันออกมาจากแถว แล้วสนทนากันอยู่พักนึง จนรู้ว่า อีอ้อมมันมาส่งน้องนิดกลับบ้านเพราะต้องกลับไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก ส่วนตัวผมก็เล่าเรื่องราวให้อีอ้อมฟัง และ ก็ขอไปอาศัย หอของมันนอน สักคืนสองคืน ในระหว่างหางานทำ .....มันก็โอเค..... มันบอกว่า อยู่ได้ เพราะช่วงนี้ น้องนิดของมันไม่อยู่ และก็คงอีกหลายวันกว่าจะกลับผมดีใจสุดชีวิต เหมือนฟ้าประทาน ที่พึ่งยามยาก มาให้พบ ผมนั่งแทกซี่กลับพร้อมอีอ้อม ในระหว่างนั่งรถกลับ ผมว่าอีนี่เป็นเอามาก ประมาณว่า ตัวมันเป็นหญิง...แต่ใจ และนิสัย มันยิ่งกว่าชายเสียอีก มันเล่าให้ฟังว่า มัน ทำงานเป็นการด (คงประมาณ รปภ.) อยู่ผับแถว ๆ รัชดา คอยเก็บแขกผู้หญิง ที่ทำท่าจะมีปัญหา ไม่ยอมจ่าย เมาเพี้ยน หรือตบตีกัน ...... รายได้ก็นิดๆหน่อยๆ ไม่มาก แต่ที่ได้มากก็ทิปพิเศษ จากแขกประจำ...ที่วันๆหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า เจ็ด แปด ร้อยบาท ....... ผมสนใจงานที่มันทำอยู่มาก ....และมันก็รับปากว่าจะลองถามๆ ดูให้ ว่าเค๊าต้องการบ๋อย หรือ คนโบกรถแขก รึเปล่า งานแบบนี้ มันต้องค่อยๆไต่เต้าไป ขอให้ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ เอาใจแขกเก่งๆ เดี๋ยวก็ดีเอง ...........ผมยิ้มอยู่ในใจ........แล้วก็ฝันหวานถึงรายได้งามๆ วันละ ซัก ห้า- หกร้อย แค่นี้ก็สุดยอดของผมแล้วแทกซี่วิ่ง มาได้เกือบๆชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงที่พัก ...... มันเป็นคอนโดสูง ประมาณ 5 ชั้นได้ อยู่ย่านรัชดานั่นแหล่ะ......ขณะ ที่เดินขึ้นบันไดเพื่อจะไปยังห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้น สาม อีอ้อมก็ชี้ให้ผมดูผับ...ที่ทำงานของมัน...มันอยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก นัก.............แล้วก็คอนโดนี้ คนที่พักที่นี่ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานที่ผับนั่น...มีทั้งการด บ๋อย เด็กเสริฟ สาวออฟ คนเชียร์แขก นักดนตรี นักร้อง พ่อครัว แม่ครัว ภารโรงยันถึงเจ้าของเลยหล่ะ ที่เค๊าอาศัยกันอยู่บนนี้ ......... เราทั้งคู่เดินขึ้นบันไดมา และ ผ่านมาตามทางเดิน แต่ละห้องที่เดินผ่านดูเงียบยังก่ะไม่มีคนอยู่ ..อีอ้อมหันมาบอก "ยังงี้แหล่ะ ที่นี่อ่ะ มันก็แค่ที่ซุกหัวนอน .............กลางคืนทำงาน กว่าจะเลิกก็ตีสาม ตีสี่ กลางวันก็นอนกัน....จะตื่นกันอีกทีก็ ห้าโมงเย็นกว่าๆ เตรียมเข้างานประมาณทุ่ม .....กลางวันยังงี้เลยดูเงียบๆ.....นี่ถึงห้องแล้ว..." อีอ้อมพาผมเข้าห้อง อย่างไม่เคอะเขิน สภาพห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี " นี่ยายนิดไม่อยู่หลายวัน ไม่รู้..กว่ามันจะกลับมาสภาพห้องจะสะอาดเรียบร้อยแบบนี้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ ยังไงก็ช่วยๆกันรักษาความสะอาดแล้วกัน กูขี้กียจ ให้เมียกลับมาด่า" อีอ้อมมันบ่นให้ฟัง แล้วชี้ไปที่มุมโซฟา แล้วบอกว่า "มรึง!!!นอนตรงนั้นแล้วกัน นอนพักก่อน ตามสบายน่ะ ห้องน้ำอยู่ตรงโน้น ที่ม่านกั้นน่ะที่นอนกูกับเมีย ตอนนี้กูขอนอนพักก่อน มีเวลาอีกสองสามชั่วโมง ก่อนเข้างาน อยากกินอะไรก็ ในตู้เย็นมี หรือถ้ามรึง!!!อยากกินข้าวก็ลงไปใต้คอนโด เค๊ามีขาย กุญแจห้องแขวนอยู่ที่ประตู ถ้าออก ไปก็ล๊อคกุญแจให้กูด้วย เดี๋ยวของหาย กูไปนอนหล่ะ" .......... พูดเสร็จอีอ้อมก็ มุดตัวเข้าไปในม่าน ซึ่งมีเตียงนุ่มๆ อยู่ด้านใน ไม่เกินห้านาที ผมก็ได้ยินเสียงมันกรน ดัง คร๊อก...ฟี๊....เฮ้อ หลับง่ายจังอี่นี่ ....ส่วนผม เดินทางมา วุ่นๆ ทั้งคืน รู้สึกง่วงเหมือนกัน เลยล้มตัวนอน ตรงโซฟา แล้วเปิดทีวีดูรายการข่าวได้พักนึงก็เผลอหลับไป.........................ผม มารู้สึกตัวตื่นอีกที...ก็อีตอนที่อีอ้อม มันเอาเท้า มาเขี่ย แถวขาผม ......ประมาณว่าจะสะกิดให้ผมตื่น ...ผมลืมตาขึ้นและผลักตัวเองลุกขึ้นนั่ง เห็นอีอ้อม กำลัง ก้มๆเงยๆอยู่เก้าอี้ข้างโซฟาที่ผมนอน มันกำลังผูกเชือกรองเท้า แล้วก็บ่นว่า "กูสายแล้วเนี่ยะ.....ยังไงมรึง!!!หาอะไรกินก่อนน่ะ ข้างล่างมีขาย....ไม่ได้ดูแลเลยหว่ะ....ฝากห้องด้วยน่ะ....." พูดเสร็จอีอ้อม ก็ พรวดออกห้องไป ผมหันไปมองที่นาฬิกา เห็นว่ามันคงสายของมันจริงอ่ะ เพราะนี่มัน จะสองทุ่มแล้วหล่ะ........ผมใช้ชีวิตคืนแรกในกรุงเทพแบบคนเดียวเปล่าเปลี่ยว ใจ ภายในห้องพักของ อีทอม คนบ้านเดียวกัน หลังจากที่ลงไปหาอะไรกิน เป็นมื้อค่ำ ด้านล่างคอนโด ผมกลับขึ้นมานอนเล่นต่อ บนห้อง ดูทีวี ไป นอนเล่นไป ...... แล้วก็เผลอหลับไป....อีก ......มาตื่นอีกทีก็ตอนที่อีอ้อมมันเลิกงานแล้ว.......มันกลับมาพร้อมกับคำ บ่นตามประสามันตามเคย "ไอ้ห่าเตี้ยเอ้ย....ชอบทำลายบรรยากาศ คนกำลังมีความสุข คนเค๊าจะหากินอย่างบริสุทธิ์ .... มัน จะมาตรวจอะไรนักหนาว่ะ...แย่ ...ๆ....ๆ ตรวจอย่างงี้ แขกหนีหมด" ผมตกใจตื่นขึ้นหันไปถามมันว่า "อะไรของมรึง!!!ว่ะ" มันตอบ "ก็พ่อมรึง!!!สิ มาตรวจฉี่ ตรวจบัตรอีกแล้ว อาทิตย์นี้ มันมาสามหนแล้วน่ะว้อย ยังงี้ ต่อไปแขกไม่มาแน่" พูดเสร็จมันก็มาจับผมลุกขึ้น แล้วบอก " ป่ะ ป่ะ แต่งตัว ไปกินเหล้ากันข้างล่าง ที่ห้องกัปตัน จะได้แนะนำให้รู้จัก จะฝากงานให้" ผมดีใจเมื่อได้ยินเรื่องฝากงาน รีบเปลี่ยนจากกางเกงขาสั้นเป็นกางเกงยีนส์ ขายาวสีดำตัวโปรด .............อีอ้อมแนะนำผมให้เพื่อนๆที่ทำงานได้รู้จัก มีทั้งที่เป็น บ๋อย นักดนตรี สาวออฟ รปภ. และก็ที่สำคัญคือกัปตัน ....ซึ่งแกคุยกับผมดีมาก...แนะนำทุกเรื่องประมาณว่าจะรับผมเข้าลองงานประมาณ นั้น ...ซึ่งผมก็เชื่อตามที่แกแนะนำทุกอย่าง ..... เรานั่งกินกันตั้งแต่ ตีหนึ่งเศษๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลย คุยสนุกสนานเฮฮา แซวกันไป แซวกันมา จนผมเริ่มเห็นถึงทางสว่าง ในการเข้าทำงานที่นี่ เพราะผมเข้ากับพี่ๆ ได้ทุกคน นี่ต้องขอขอบคุณ อีอ้อม คนดีของผม ที่ตอนนี้ดูมันจะดื่มมากกว่าเพื่อน คงจะถือโอกาสปลดปล่อย เพราะเห็นพี่ๆ เค๊าแซวกันว่า ช่วงที่ยายนิดอยู่อ่ะน่ะ ไม่เคยไปสังสรร กับเพื่อนๆเลย นอนกกเมียอยู่แต่ในห้อง ซึ่งถ้าจะจริงของพี่ๆเค๊าหล่ะ ........ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ...หลังจากที่หลายๆคน ขอตัวแยกย้ายกลับห้องไปนอน ..... เหลือเพียงผมกับพี่กัปตันนั่งดริ้งกันต่ออย่างอืดๆ ช้าๆ ( เพราะเมากันมากแล้วทั้งคู่ ) โดยมีอีอ้อมเมาฟุ๊บ อยู่ข้างๆวง ...ผมจึงถือโอกาสลาพี่กัปตัน บอกว่า เผื่อพี่จะพักผ่อน .....แล้วพยุงอีอ้อมลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลพอควร ........เมื่อถึงห้อง.......ผมประครองอีอ้อมซึ่งตอนนี้เมาไม่ได้สติ เข้าไปวางบนเตียงของมัน ... ตัวมันหนักพอดูเลย ก็คิดดู คนสูงเกือบๆ 165 ซม.อวบนิดๆ แล้วก็ไม่มีสติออกอย่างงี้ .... กว่าจะวางตัวมันบนเตียงได้อย่างไม่ล้มทั้งคู่ ผมคิดอยู่ตั้งนาน ว่าจะวางมันท่าไหนดี สุดท้ายก็มาจบเอาอีท่า หงายหลังนี่หล่ะ ผมเลือกวางหลังมันลงไปตรงๆ บนขอบเตียง ซึ่งท่านี้เองที่มันเป็นเหตุ ให้ไอ้เด็กบ้านนอกอารมณ์เปลี่ยวอย่างผมเกิดอารมณ์ หงี่ขึ้นมา ....คุณคิดดูว่า การที่ผู้หญิง ทำท่าแอ่นเหมือนๆ กับท่าสะพานโค้งอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นทอม หรือดี้ หรือ สาวสดแบบไหน มันแน่นอนว่า ส่วนโค้งส่วนเว้า ต่างๆมันย่อม นำเสนอตัวมันเองโดยธรรมชาติ ผมเพ่งดูอยู่พักนึง โดยเฉพาะตรงจิ๋มของมัน มันอูมมาก ประมาณฝ่ามือผมได้ .... ใจผมเต้นเหลือเกิน.......ผมหันไปที่ประตูซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ปิด......แล้ว วางอีอ้อมไว้บนเตียง โดยให้นอนตั้งฉากกับแนวยาวของเตียง แล้วปล่อยขาห้อยลง ..... ผมเดินไปปิดล๊อคประตู..........แล้วเดินกลับมาที่เตียง......ผมตั้งสติเขย่า ตัวอีอ้อม.....แล้วเรียก.....เพื่อทดสอบว่ามันเมาหลับสนิทแคไหน.....มันไม่ ตื่น ไม่ตอบสนอง.......ผมจัดแจงถอดเสื่อผ้าตัวเองออก.....ท่อนเนื้อของผมเริ่ม สู้....เมื่อมองเห็นเนินเนื้อตรงส่วนจิ๋มของอีอ้อม แม้มันจะถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงผ้ายืดสีดำ แต่ด้วยท่านอน แบบนั้น มันทั้งรั้ง ทั้งรัด ให้เห็น รอยแยกของเนินจิ๋มได้อย่างชัดเจน.......ผมไม่รอช้า.......มือขวาของผม เอื้อมมาจับสาว ท่อนเนื้อของตัวเอง อย่างอัตโนมัติราวกับ เป็นการปลอบประโลมให้รู้ว่า อีกไม่นาน เจ้าจะได้ลิ้มลอง อาหารโปรดที่เจ้าชื่นชอบ.....ส่วนมือซ้าย...ผมเอื้อมไปปลดตะขอที่กางเกงผ้า ยืดของอีอ้อม....แล้วรูดซิบลงอย่างช้าๆ...จนสุด...หลังจากนั้นผมล่ะมือขวา จากท่อนเนื้อ มายังขอบกางเกงผ้าของอีอ้อม แล้วบรรจงถอดมันออกเบาๆ มันหลุดออกมาไม่ยากมากนัก แล้วหันเหวี่ยงมันไปที่โซฟา.....แล้วใจผมก็ต้องเต้นระทึกอีกครั้งเมื่อ สังเกตเห็นเนินเนื้ออูม ภายใต้กางเกงในลายดอกไม้สีขาว ภายหลังจากถอดพันธนาการชั้นนอกออกแล้ว มันช่างสวยงามเหลือเกิน ความอูมใหญ่ ที่ถูกบดบังด้วยกางเกงผ้า และ จริตอย่างผู้ชายของอีอ้อม มันเผยโฉมที่แท้จริงของมันออกมาแล้ว ผมก้มลง เอาปลายจมูกสัมผัส ตรงล่องเนินเนื้อสวรรค์ เบาๆ เพื่อสัมผัสกลิ่นไอ ที่แท้จริงของมัน มันช่างหอมหวนเย้ายวนให้ลิ้มลองเหลือเกิน ถึงตอนนี้ผมไม่สนใจ เต้าเนื้อด้านบนของอีอ้อมเลย เพราะมันดูแบนราบ และคงจะถูบบีบรัดด้วยยางยืด อยู่ทุกวันจนไม่มีสิทธิ์โผล่ ชู ชัน ให้โลกได้เห็น .......ผมสารวนอยู่กับการสูดดมอยู่ตรงเป้ากางเกงในของอีอ้อมอยู่พักใหญ่ ..... แล้วตัดสินใจถอดมันออก.....เพื่อให้ประตูสวรรค์ ได้คลายตัว และแง้มเปิด...รอรับ การแทรกตัวเข้าไปของท่อนเนื้อของผม.....ผมพยายามใช้ลิ้น กระตุ้นเขี่ย กลีบเนื้อที่ปกคุมไปด้วยไร ขนสีน้ำตาล ดำ ทั้งสองข้าง และควานหาเม็ดสวรรค์ ... ผมเจอมันแล้ว ... ผมใช้ปลายลิ้นทักทายกับเม็ดนั้นเบา ....อีอ้อมกระตุกตัวเองนิดนึงจังหวะนี้.....ตัวมันแอ่นขึ้นทุกครั้งที่ปลาย ลิ้นของผมสัมผัสโดนเม็ดของมัน........ผมเล่นลิ้นอยู่กับเม็ดของอีอ้อมนานพอ ควร.......จนรู้สึกได้ว่า น้ำเมือกใสๆ ของอ้อม มันเจิ่งนอง เต็มปลายคางของผม ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่า เราสองคนพร้อมแล้ว สำหรับการ ปฏิสนธิ ...ท่อนเนื้อของผม ซึ่งตอนนี้ ถูกสาวขึ้นลง ขึ้นลง จนหัวบานได้ที่ ........ผมไม่รอช้า.....มือทั้งสองข้างของผม จับขาของอีอ้อม แบะออก ให้กว้างมากขึ้น แล้วปล่อยมันห้อยลงที่พื้น ผมขยับตัวเองเข้าใกล้เป้าหมาย....แล้ววางทาบท่อนเนื้อของตัวเอง ตรงร่องแฉะๆ ของอีอ้อม ใช้หัวแม่มือขวา กดหัวท่อนเนื้อลงไปในร่อง แล้วโยก เอวช่วย มันช่างรู้สึกได้ถึงไออุ่น ของกลีบเนื้อ ที่บีบรัดหัวท่อนเนื้อของผม...อย่างที่จะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว ......อีอ้อมมันคราง.....แล้วยกสะโพก ลอยขึ้นจากเตียงเล็กน้อย....มันเป็นปฏิกิริยา ตอบสนอง ทางสรีระ ของกลีบเนื้อ ที่ส่งไปยังประสาท แล้วสั่งการมาที่สะโพก ให้สนองตอบความต้องการ ความลึก ที่มากกว่า ผมไม่รอช้า ช่วยสนองตอบเธอทันที ผมชักเข้า ดึงออก ชักเข้า ดึงออก ยาวขึ้นๆ อีอ้อมยังคงคราง คราง แม้มันจะเป็นเสียง ที่เกิดขึ้นภายในลำคอ ที่ดูเหมือนความเจ็บปวด แต่ผมเข้าใจดี ว่า นี่มันบ่งบอกถึงความสุข ผมก้มหน้าก้มตาทำต่อ.......จนท่อนเนื้อของผม ได้ฝังมิดไปในกลีบเนื้อของอีอ้อม จนหัวเหน่าของผม บี้อยู่กับ กลีบทั้งสองของอีอ้อม แทบจะเป็นเนื้อแผ่นเดียวกันแล้ว....