ป่ะเท้ง ป่ะ ป่ะเท้ง ป่ะ ป่ะป่ะ ป่ะเท้งป่ะ เหวย เหวย มา มา มาฟังเรื่องราวพิสดารอันเกิดจากกู ว่าใครจะรู้ว่ากูคือพระเอกตัวจริง นามกูชื่อบุญ แต่กูไม่มีบุญเป็นแค่พรานเฝ้าล้างผลาญ สรรพสัตว์ที่ถึงฆาต บุกบั่นไพรีขึ้นเขาลงห้วย กูทำอาชีพนี้ต่อจากพ่อกูปู่กูโคตรกู ป่าคือบ้าน ท้องฟ้าคือมุ้ง ผืนดินคือที่นอน อ่ะฮ้า พวกมึงอย่าพึ่งมองกูเถื่อน “อ้ายมีเหตุผล” เฮ้ยกูมีเหตุผล กูฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารและแลกเขากระดูกเพื่อยังชีพ กูไม่ได้ทรมานเดี๋ยวผิด พรบ.คุ้มครองสัตว์ เมื่อตอนกูอายุเยาว์ พ่อ กูพาไปพบฤๅษี
๐ จะกล่าวถึงพระมุนี ฤๅษีศิลป์
ข้าวปลาไม่กิน กินแต่ก๋วยเตี๋ยว
เจ้าตัญหาบังคับให้จับกระ เจี้ยว
กลัวมันเหี่ยวกลัวมันหดรันทดใจ ๐
๐ ทุกวันนี้ฝึกวิชาในอาศรม
ร่ายอาคมข่มหื่นฝืนกระหาย
ทำปากหมุบหมับแล้วก็หลับไป
ภาวนานั้นไซร้ท่องมนต์พลัน ๐
กูไม่เข้าใจความหมายหรอกน่ะ แต่ตาฤๅษีก็ทำนายทายทักว่ากูจะไม่มีลูกหลานมนุษย์สืบสกุล พ่อกูก็ตกใจจนถามหนทางแก้เคล็ด กูก็ไม่เข้าใจถ้าแก้เคล็ดทำไมไม่ใช่ยาหม่อง มาถามตาฤๅษีมันจะได้เรื่องอะไร ท่านตาฤๅษีก็แนะว่า ให้มันอาศัยในป่า ให้ครบ ยี่สิบห้าขวบปี และให้หา สัตว์ สองเท้า หรือ สี่เท้า ถวายผู้มีบุญบารมีเมื่อใด ผู้มีบุญบารมีให้พรเมื่อใดก็เมื่อนั้น..... ตอนนั้นกูคิดเอาพอกูอายุยี่สิบห้ากูจะเอาลิงช้างบ่างชะนีไปถวายพระในวัดก็ได้มั้งนั้นแหละกูถึงต้องมาระเห็จอยู่ในป่า ยังดีได้ความรู้วิชาที่ท่านตาฤๅษีถ่ายทอดให้บ้าง พ่อกูมาสอนมาสั่งบ้าง จัดการสัตว์ยังไง วางกับดักยังไง และคอยเตือนกูไว้อย่าเก็บเห็ดในป่าไม้พยุงล่ะเดี๋ยวถูกจับ กูก็ไม่เข้าใจน่ะ เอาเถอะ กูก็ฟัง ทุกวันนี้กูบุกเขาลำเนาไพรไปเหนือจรดใต้ สิ่งมหัศจรรย์พันลึกอะไรกูก็เจอมาหมดแล้ว
วันนั้นท่านตาฤๅษีสั่งกูให้ไปทิศหรดี(ทิศตะวันตกเฉียงใต้) ท่านบอกกับกูว่า “มึงมีชะตาชีวิตกับเขา มึงไปซะ วัฐจักรกำลังหมุนวนเวียนมาแล้ว” กูว่าท่านตาฤๅษีเพี้ยนแน่ๆ พูดกับกูกี่ทีกูไม่รู้เรื่องเลยซักครั้งแต่ท่านให้ไปทางนี้กูก็ไปทางนี้ ผ่านป่าเขาลำเนาไพร หุบเหว แม่น้ำ สัตว์ร้ายนานา ที่จ้องจะกินกู กว่าจะผ่านไปได้กูแทบรากเลือด กูผ่านไปจนถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง แล้วกูก็ได้ยินเสียงโครมคราม น้ำแตกกระจาย ต้นไม้พลิกพินาศ เสียงคำราม ด้วยความโกรธของสัตว์ใหญ่ กูรีบรุดไปดู ธัมโม!? สังโฆ!?
“ก๊าซซซซ...ฟ่อ...ตูม ตูม ...ก๊าซซซซ” ภาพที่เห็นกูทำกูใจหายไปถึงตาตุ่ม พญานาค ใช่พญานาค จริงๆ มีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่เท่าต้นสักสามคนโอบที่หัวมีหงอนสีทองและตาสีแดงเขี้ยวเต็มปาก เกล็ดเหมือนปลา ลำตัวสีเขียว มีสายรัดเป็นประคำเป็นข้อๆ กำลังสะบัดด้วยความโกรธเกรี้ยวอยู่ในร่างแห ที่ดูแล้วเหมือนไม่ใช่แหธรรมดา ก๊าซซซซซเสียงสะท้านสะเทือนผืนดินจนกูต้องอุดหู...เชี้ยแม่งดังฉิบหาย ...พญานาคตนนั้น หันมาเห็นกูเข้าจึงคำรามอย่างเดือดดาล ก้อนหินหลายก้อนทั้งใหญ่และเล็กถูกปัดกระเด็นมาทางกู กูก้มหมอบอย่างสุดชีวิต ฉิบหาย คงคิดว่ากูเป็นคนทำร้ายท้าทายพญานาคกระมัง โธ่พุทโธ สังโฆ กูก้มกราบพร้อมนึกถึง ท่านตาฤๅษี พร้อมมนต์ที่ท่านให้ไว้ พุธโธ ธัมโม สังโฆ ข้าไม่คิดทำร้ายท่าน ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูท่าน ข้าไม่จองเวรท่าน โปรดอภัยต่างคนต่างไปด้วยเทอญ สาธุ
ก๊าซซซซซซ เสียงยังตะโกนดังเหมือนร้องข้างหูก้อนหินยังปลิวว่อน กูไม่ท่องในใจแล้วกูตะโกนออกมาเลย “พุธโธ ธัมโม สังโฆ ข้าไม่คิดทำร้ายท่าน ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูท่าน ข้าไม่จองเวรท่าน โปรดอภัยต่างคนต่างไปด้วยเทอญ สาธุ”แล้วกูก็ท่องตะโกนวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเสียงคำรามเริ่มเงียบลงแต่การฟาดหางตีน้ำอยู่โครมครามยังมีอยู่ กูค่อยๆ เงยหน้าลืมตา ท่านพญานาคมองมาตาแดงปั๊ด ปากอ้าเขี้ยวยาวควันออกปาก กูนี่ขนหัวลุก แต่กูรู้ว่ากูต้องทำยังไงนี่แหละงานกูที่ตาฤๅษีมอบให้ กูจะคลานเข้าไปใกล้ๆ เสียงคำราม ดังอีกครั้ง กูต้องปลดธนู นั้นแหละท่านถึงได้เงียบลง แล้วค่อยๆคลาน ไปที่แห ที่มัดร่างท่านพญานาค กูควักมีดออกมา ท่านพญานาค จ้องมองกูตาแทบทะลักเลยแถมส่งเสียงคำรามฮึมฮำในลำคอของท่าน กูนี่เสียวยันไข่ แต่กูก็ต้องมาตัดแห แม่งอย่าให้บอก แหนี้มีอาคม กูไม่รู้ว่าใครหรือทำไมถึงต้องใช้แหอาคมมาจับท่านพญานาค แต่กูก็เป็นศิษย์มีครู เรื่องแก้แห ขอให้บอก ตูม ตูมเสียงหางฟาดน้ำ
เมื่อแหถูกปลดออก แหมันสลายตัวทันที แม่งเอ้ยโคตรน่าเสียดายจริงเลยแหแบบนี้น่าได้หลายตังค์ ท่านพญานาคฟาดน้ำตูมตาม หันหน้าตาสีแดงกล่ำจ้องมองมายังกูเขี้ยว นี่โง้วเลย กูนี่เสียวสันหลังวาบหวังว่าคงไม่ตอบแทนกูด้วยเขี้ยวหรอกน่ะ ท่านพญานาคท่านขย้อนตัว เหมือนลอกคราบ กูดูอยู่ซักพัก ท่านพญานาคก็ตวัดที่ลอกคราบมาให้กู กูก็รับไว้มันยาวมันเหนียว มีรอยเกร็ดพญานาคอยู่ เหมาะทำเชือกมาก แล้วท่านก็ร้องก๊าซเสียงดังแล้วดำลงไปในน้ำ กูช่วยตั้งนานให้กูเชือกเส้นเดียวนี่น่ะ แล้วกูก็นึกถึงคำสอนของตาฤๅษีได้ ว่าอย่าโลภ ช่วยใครอย่าหวังอะไร ได้แค่ไหน ก็ถือว่าบุญได้แค่นี้ เอาเถอะกูคิดว่าภารกิจทิศหรดีที่ท่านตาฤๅษีบอกไว้ก็คงเรียบร้อยแล้ว กูก็ท่องเที่ยวสำราญใจเที่ยวไพรในป่าใหญ่เจอสัตว์ที่เคยเห็นและสัตว์แปลกๆที่ไม่เคยเห็นกูคิดว่ากูเข้ามาแดนหิมมพานแล้วล่ะ จนกูมาเจอกวางใหญ่เขาโง้วสวยงามกูเองก็ลองนึกสนุกเอาเชือกลอกคราบจากท่านพญานาคผูกเป็น บ่วงแล้วเหวี่ยงไปคล้องคอ กวางตัวนั้น เหวี่ยงปุ๊บกูดึงทันทีเพราะมันจะต้องกระชากตัวหนี อ้าวเฮ้ย กวางตัวใหญ่ กลับเดินมาตามแรงดึงของกูไม่หือไม่อือไม่แอะ โหยโหย นี่กูได้ของดีมาใช่ไหมเนี่ย พอกูปล่อยเชือก กวางเผ่นแนบทันที ช่างเถอะกวางตัวเดียว กูว่าแล้ว ระดับท่านพญานาคต้องให้อะไรแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวแน่กูขอเรียกว่า บ่วงนาคราช ฮะฮ้ากูโคตรดีใจจริงๆ
วันนึงกูร่อนเร่พเนจรไปไร้ทิศทางกูมาเจอสระแห่งหนึ่งกูมองจากไกลๆมันสวยงามมีน้ำตกไหลรินมีน้ำใสไหลเย็นท่ามกลางหุบเขาที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปมา โตรกธารลดเลี้ยวผ่านผาสูงและน้ำตกขนาดใหญ่ ก่อเกิดเป็นทิวทัศน์อันตระการตาโดดเด่นด้วยสีสันของภาพภูมิทัศน์โดยรอบมีแม่น้ำสองสายอีกสายหนึ่งไหลมาจากตาน้ำที่ป่าดึกดำบรรพ์ อีกสายมาทางด้านตะวันออก สองสายธารไหลคู่ขนานแล้วมาบรรจบกันที่ใกล้บริเวณทะเลสาบที่เหมือนกระจก รอบสระมีต้นไม้ไหวพลิ้วลม เสียงนกร้อง หริ่งหรีดเรไร ระงม ปลาโดดจากน้ำ นี่มันสระของสรวงสวรรค์ชัดๆ ก่อนที่กูจะเข้าไปที่สระที่ไกลตา เสียงของกูได้ยินเสียงของปีกนก นกตัวใหญ่มาก กูก็แอบล่ะน่ะ เพราะถ้าเสียงปีกขนาดนี้ขนาดยังไม่เห็นตัวยังได้ยินต้องเป็นนกอินทรีตัวใหญ่มากแน่ กูก็ให้คำสัจต่อตาฤๅษีไว้แล้วด้วยถ้าไม่เพื่อกินกูไม่ฆ่าถ้าไม่เป็นภัยกูไม่ฆ่า ถ้ามีลูกเล็กกูไม่ฆ่า เพราะงั้น หลบดีกว่า .....
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย นั้นมันคนหรือนกว่ะนั้น นางเป็นเหมือนคนแต่มีปีก มีหาง มีขาเป็นนก แต่หน้านางรูปร่างเป็นคนสวยงามอย่างนางฟ้า นางโบยบิน ลงมา อ่ะนางถอดปีก ถอดหางขานกกลายเป็นขาคน ตอนนี้นางปลดเสื้อผ้าของนางออก เผยให้เห็น ดอกปทุมงามเต่งตึงชูช่อยอดปทุมเอวบางร่างน้อย สะโพกผายนาแปลงน้อยมีแพรไหมปกคลุมอยู่รำไร เสียงของนางโดดลงน้ำ นี่กูเห็นนางฟ้าจากสวรรค์มาอาบน้ำรึว๊ะเนี่ย กูคลานเข้าไปใกล้ให้เห็นชัดชัด แล้วกูเข้าไปเก็บปีกเก็บหาง ของนางมาซ่อนไว้ พอกูซ่อนไว้เรียบร้อย กูก็แอบย่องใกล้ใกล้แล้วกูก็กระโดดตะครุบนาง “ว๊าย “ ตูม! กูถูกถีบเต็มหน้า กูแค่สงสัยไม่เห็นต้องถีบหน้ากันเลย นางรีบไปหาที่ปีกหางของนางแต่มันไม่อยู่แล้วก็กูเอาไปซ่อนมันจะไปอยู่ได้ยังไง กูก็ไล่จับนาง ถึงแม้นางไม่มีปีกแต่การโดดของนางคล่องแคล้วว่องไว แถมแรงเยอะ กูจับแขนนางกูถูกนางเหวี่ยงจนสำลักน้ำไปหลายอึก จับขานางกูก็ถูกเตะเข้ายอดอก แม่งแรงเยอะฉิบหาย จนกูควัก.........เชือกนาคราช พันรอบตัวนางเท่านั้นแหละ สงบ ห่าทำไมกูไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่ต้นว๊ะ กูก็ลากนางขึ้นฝั่ง
พราน : แม่นางเอ๊งชื่ออะไร
......... : ข้าชื่อมโนรมย์
พราน : เล่าให้ข้าฟังหน่อยเอ็งเป็นใคร ความเป็นมาอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร อยู่ที่ไหน เหตุใดจึงมาที่นี่
มโนรมย์ : ข้าพเจ้าเป็นชาวกินรี เป็นพระธิดาองค์โตของท่านท้าวทุมราช หม่อมแม่มณีมีธิดา เจ็ดคน ข้าพเจ้าอยู่เมืองกินนรี ทุกเจ็ดราตรีพวกเราพี่น้องจะมาอาบน้ำที่สระอโนนาด แต่เนื่องจากข้าพเจ้าคลาดการอาบน้ำกับพี่น้องจึงต้องมาในวันนี้คนเดียว
นางพูดอย่างสงบเสงี่ยมปราศจากการต่อต้านหรือขัดขืน..ด้วยอิทธิฤทธ์ของเชือกนาคราชทำให้นางได้ตอบแต่ความจริง กูฟังนางตอบแต่ตากูมองไปที่นมที่โตของมันกูเผลอไปจับบีบหัวนมมันเบาๆ มันแหงนหน้าร้องซีด ว่าแล้วกูก็ก้มหน้าลงเลียที่ยอดหัวนมของนางกินรีทั้งเลียทั้งบีบบี้สองเต้าอย่างมัน ก่อนที่จะเลียมาวนที่สะดือสวยๆของนาง ภาพเนินโหนกที่แนบสนิทด้วยสองกลีบสีชมพู ที่มีขนปอยน้อยๆ ปกคลุมอยู่ไม่มาก กูก้มหน้าลงใช้ปลายลิ้นเลียแผ่วๆ ที่รอยแยกของสองกลีบนางกินรี เองสะท้านวาบ หลับตาปี๋ เสียงครางกระสั่นกระสันรัญจวน กูใช้มือแหวกกลีบรองของแม่นางกินรีเผยอออก เล็กน้อย จนเห็นว่ารูนั้นมีน้ำใสๆไหลเยิ้มออกมา ตอนนี้ ลิ้นก็ยังคงเน้นเลียที่ส่วนบนสุดของสองกลีบ นิ้วมือก็ค่อยๆวางแปะลงที่รู และกดแยงเบาๆเข้าไป จนกินรีมโนรมย์ ร้อง โอ๊ย ร้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามแทรกผ่าน กลีบสาวเข้าไป พยายามเบนร่างถอยแต่ก็ไม่สำเร็จ สองมือแหวกสองแคม ออก อย่างแรงพร้อมกับเลียดูดขบเน้นที่ยอดเม็ดติ่งเสียว ของนาง จน กินรีน้อยเองบังคับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว น้ำเสียวไหลกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของกู
“โอ๊ยยซี๊ดดด พอแล้วโอ๊ เสียวววววววววไม่ไหวแล้วพอออออ” กินรีร้องลั่น พร้อมกับดิ้นพราดๆ ตอนนี้ทั้งลิ้นทั้งนิ้ว ซึ่งตอนนี้นิ้วสองนิ้วของกู กำลังซอยเข้าๆออกๆ จากโยนีอันอวบอูมอย่างเร็ว กินรีน้อยทนไม่ไหวสำลักความเสียวจนฉี่แตก ซ่าออกมา ซวยเลยกูฉี่ใส่หน้ากูซะงั้น ก่อนที่จะจับกินนรีน้อยตะแคงข้างแล้วยกขาขาวๆของนางพาดกับบ่าของกู ก่อนจะเล็งเป้าหมายพร้อมทั้งจับองคชาติของกูถูกับร่องของนาง จนกินรีน้อยเอง เผลอร่อนโยนีของนางรับแท่งองคชาติที่ถูๆเฉียดไปมาของมันอย่างลืมตัว ท่อนหัวบานร่าของมันกดฝังส่วนหัวเข้าไปในสองกลีบ จนกินรีน้อยรู้สึกจุกเพราะความใหญ่ ดีว่าตอนนี้มีน้ำเลอะไปหมดทำให้ ไม่ฝืดในการยัด แต่ด้วยความสดความซิง ทำให้ มันลำบากมากเช่นกัน แต่แล้วส่วนหัวบานหยักก็สามารถอัดบุ๋มเข้าไปได้ “ฟิตสุดๆเลย ซี๊ด...” กูค่อยๆออกแรงดันทีละน้อย แต่ดูเหมือนกินรีน้อย เองก็เจ็บมาก “โอ๊ะ พอ…..ก่อน เจ็บอย่าดันฉันเจ็บ โอ๊ย” กินรีน้อยหน้าเหย น้ำตาไหลด้วยความเจ็บ แต่กูก็รู้วิธีดี ไม่ยอมถอนออกยังคาแช่ไว้ แต่ก้มตัวมาเลียบีบเคล้นนมต้มของนาง อีกครั้งในระหว่างที่กำลังเผลอๆนั้น มันก็ออกแรงกดอย่างแรง “โอ๊.......ยช่วยด้วย ตายแล้ว อ๊าย...ย...ย...ย..ย” กินรีน้อยร้องลั่นจิกร่างกูไว้แน่น ร่องรักบวมเป่งออกสีแดงเรื่อๆ กำลังยู่ไปตามแรงกด มันดันจนรู้สึกว่าหัวมันกระแทกกับผนังภายในรูของกินรีน้อย มันค่อยๆควงคว้านท่อนองคชาติอย่างไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งออกแรงซอยเบาๆ “อู๊ววววแม่งโคตรฟิต..สัส”
กู จับอุ้มกินรีน้อย ขึ้นในท่าลิงอุ้มแตงซอยอย่างเมามันร่างบางน้ำหนักเบามันจริงๆนมตูมๆกระเด้งกระดอนตามจังหวะกระแทกก่อนจะจับตัวนางกินรีพลิกหันหน้าโก้งโค้งในท่ายืน แล้วก็ยืนกระเด้าอยู่ด้านหลัง มือก็บีบนมของเธอ แรงกระเด้าทำให้กินรีน้อย ตัวสั้น นมเต่งๆ กระเพื่อมเป็นจังหวะ ก้นงอนๆขาวๆถูกตีบ้างฟาดบ้าง จนเป็นรอยจ่ำๆน้ำเงี่ยนเธอไหลย้อยยืด เป็นทางลงมาตามง่ามขา ในที่สุดก็ได้รับสัมผัสอันวิเศษสุดอีกครั้ง ความเสียวของกินรีน้อยจนต้องครางร้องออกมา กูเองก็ถึงแล้วนี่มันครั้งแรกที่วิเศษสุด น้ำกูหลั่งออกมากูค่อยซอยอย่างช้าๆอีกครั้ง เมื่อกูถอนออกมาทั้งเลือดทั้งน้ำไหลย้อยออกมาร่างของนางก็ฟุบลงชายฝั่งนอนหอบหายใจอย่างรวยริน
เมื่อความเงี่ยนหมดไปสติกลับมา กูนึกขึ้นได้ว่า ท่านตาฤๅษี เคยทักท้วงให้กูหาสัตว์ สองเท้า สี่เท้าเข้าถวายผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพื่อให้พวกท่านจะให้พรเพื่อให้กูได้มีบุตรหลานสืบสกุลถ้าเป็นไปได้ถ้ากูนำน้องของนางกินรีไปถวายแด่องค์พระยุพราชพระสุธนน่าจะดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ถามนางกินรีน้อย(ตอนนี้เชือกนาคราชหลุดไปแล้ว)
พราน : แม่นางมโนรมย์ วันไหนจ๊ะ ที่น้องๆของนางจะมาอาบน้ำอีก
มโนรมย์ : ได้กูแล้วยังจะเอาน้องกูอีกหรอ มึงตาย....!
เฮ้....ย....ดะ ....เดี๋ยว ...ตูม!!!!!