สวัสดีครับ ผมชื่อต้น วันนี้ผมมีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต้องห้ามของผมกับยัยเป้...น้องสาวสุดที่รักของผม
ก่อนที่คุณจะตัดสินผมล่วงหน้า ผมอยากให้คุณลองรับฟังเรื่องราวของผมให้จบก่อน ผมรู้...ว่าเรื่องที่ผมทำลงไปนั้นมันเป็นเรื่องต้องห้าม และผิดศีลธรรมจนคนส่วนใหญ่รับกันไม่ได้ แต่หลังจากที่คุณได้รับฟังเรื่องราวของผมจบลงแล้ว คุณอาจจะเปลี่ยนมุมมองมาเข้าใจ...ให้อภัยผม...หรือไม่ให้อภัยก็ได้...ใครจะไปรู้ ?
***********************
เรื่องราวของผมเริ่มต้นขึ้นด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข เมื่อไอ้เอกเพื่อนรักที่คบหากันมายาวนานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ได้ตกล่องปล่องชิ้นและแต่งงานกับเป้ น้องสาวสุดที่รักวัย 24ปี ญาติสนิทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของผม หลังจากที่พ่อแม่ของเราทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตไปพร้อมๆ กัน ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม 6 แต่ก็ยังถือเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ครอบครัวของเราพอจะมีฐานะ มีบ้าน มีหุ้น มีมรดกตกทอดมาให้เราสองพี่น้องได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเดือดร้อนอะไร
ผมกับไอ้เอกสนิทกันเพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็นนักฟุตบอลตัวโรงเรียนมาตลอดช่วงมัธยมปลาย ไอ้เอกมันเล่นเป็นกองกลางตัวรุก คอยปั้นเกมบุก ส่วนผมเล่นเป็นศูนย์หน้า คอยจบสกอร์จากบอลที่มันส่งมาให้นั่นแหละ พวกเราสองคนจัดว่าเข้าขาลงตัวกันมากจนสร้างผลงานเตะตาได้หลายต่อหลายครั้ง และหลังจากจบชั้นมัธยมปลาย ผมกับไอ้เอกก็ได้โควต้านักกีฬาเข้าเรียนที่มหาลัยในจังหวัดบ้านเกิด ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ผมเลือกปักหลักเรียนอยู่ที่มหาลัยในจังหวัดทางภาคตะวันออก ก็เพราะผมเป็นห่วงยัยเป้ ไม่อยากจะไปเรียนที่ไหนไกลๆ อยากจะอยู่คอยดูแลเธอใกล้ๆ ด้วยความที่เราเหลือกันเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น
ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คล้ายคลึงกับเหตุผลของไอ้เอกตัวแสบที่ไม่ยอมย้ายไปเรียนที่ไหนไกลๆ เพราะมันกำลังทำตัวเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ มาตามจีบเป็นแฟนกับเป้อยู่น่ะซิ ไอ้นี่มันกลัวว่าถ้าเกิดตัวเองเลือกไปเรียนในที่ไกลๆ โอกาสที่หมาจะมาคาบยัยเป้ไปแดกก็มีสูง !!! ตัวผมเลือกเรียนบริหาร ส่วนไอ้เอกมันเรียนวิศวกรรมโยธา พอปีต่อมาเป้ก็ตามมาเข้าเรียนที่มหาลัยเดียวกันกับพวกเรา โดยเลือกเรียนในสาขาบัญชีที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก
ทั้งคู่เริ่มต้นสานสัมพันธ์และคบกันภายใต้สายตาดุๆ ของผมที่คอยระแวดระวังอยู่ไม่ห่าง ในช่วงที่เป้กำลังเรียนอยู่ชั้นม. 4 หลังจากที่เธอตัดสินใจสมัครเข้าชมรมเชียร์ลีดเดอร์เพราะตั้งใจจะเข้ามาตามเชียร์พี่ชายสุดหล่อศูนย์หน้าเครื่องจักรถล่มประตูอย่างผมโดยเฉพาะ ก็เลยทำให้ไอ้เอกมีโอกาสได้ทำความรู้จักและเนียนเข้ามาตีสนิทกับเป้ โดยอาศัยความซี้ปึ้กของผมกับมันเป็นข้ออ้าง กระทั่งพอเป้ขึ้นม.5 ไอ้เอกก็ตัดสินใจมาพูดแบบเปิดอกกับผมเพื่อที่จะขอคบเป้เป็นแฟน เพราะมันรู้ดีว่าผมเองน่ะทั้งรักทั้งหวงน้องสาวเอามากๆ
ผมใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายวันจนมั่นใจว่ามันเป็นคนดีพอที่จะทำให้น้องผมมีความสุขได้ จึงค่อยตัดสินใจยอมเปิดไฟเขียวให้แบบไม่ยากเย็นนัก พอผมโอเคและเป้ก็ยอมตกลงคบหาดูใจเป็นแฟนกับมัน จากนั้นมาไอ้เอกก็คอยมาแวะเวียนอยู่รอบๆ ตัวยัยเป้ไม่ห่าง ขนาดวันเสาร์-อาทิตย์แม่งยังทำทีเป็นคิดถึงผม แวะมาใช้เวลาขลุกอยู่ที่บ้านผมจนดึกๆ ดื่นๆ บางทีก็มานอนค้างที่บ้านผมตั้งแต่คืนวันศุกร์-คืนวันเสาร์จนบางครั้งผมเองยังงงๆ ว่านี่มันบ้านผมหรือว่าบ้านมันกันแน่ สาดดดดด
คนรอบข้างที่เห็นผมกับไอ้เอกสนิทกันก็จะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะใครๆ ก็มักจะเรียกเราทั้งคู่ว่า “คู่หูคู่ฮา” บ้างก็ว่า “คู่หูนรกแตก” แล้วแต่ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง ชอบแหย่คนเล่นพอขำๆ ซ้ำยังชอบเล่นกีฬาและใช้ชีวิตกลางแจ้งเหมือนกัน จะมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น การที่มันเป็นคนรักเดียวใจเดียว ในขณะที่ผมกลับเป็นหนุ่มเจ้าชู้ เจ้าสำราญ มีภักษาหารเป็นของสดๆ คาวๆ มาให้กินตลอด ก็จะทำไงได้ล่ะครับ ในเมื่อทั้งผมกับมันก็ล้วนแต่หน้าตาดีด้วยกันทั้งคู่ รูปร่างรึก็สูงชะลูดตั้ง 180 กว่าๆ หุ่นนักกีฬา กำยำด้วยมัดกล้าม ไม่มีไขมันส่วนเกินให้เห็น ไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็มักจะมีสาวๆ สนใจเข้ามาติดพันอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าไอ้เอกมันจะไม่เคยวอกแวกกับใครเลยก็ตาม
สาเหตุที่ทำให้ผมเป็นหนุ่มเจ้าชู้ เจ้าสำราญ ก็ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนเลยครับ นอกจากคำว่า ‘เสียดาย’ คำเดียว สั้นๆ ง่ายๆ ก็จะเสียดายอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เจ้าของดีกลางหว่างขาผม ที่คุณพ่อสุดที่รักดันให้ติดตัวมาจนล้นเหลือ ด้วยขนาดที่ทั้งยาวทั้งใหญ่ ถึงขั้นที่ว่าหากมันแข็งตัวเต็มที่แล้ว ต่อให้เป็นดาราหนังเอ็กซ์ชื่อดังก็ยังกินผมไม่ลงเหมือนกัน ขนาดว่าในทีมฟุตบอลของเราที่ชอบยืนแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันตอนแข่งจบหรือซ้อมเสร็จ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ยังไม่ค่อยอยากที่จะมายืนอาบน้ำคู่กับผมสักเท่าไหร่ พวกมันบอกเลยว่าเวลายืนกับผมแล้วรู้สึกเสียความมั่นใจยังไงก็ไม่รู้ ก็จะไม่ให้หงอได้ยังไงล่ะครับ เพราะแม้แต่ตอนที่ยังนอนสงบอยู่ ไอ้หนูของผมก็ดูจะยื่นยาวกว่าอาวุธประจำกายของเพื่อนบางคนที่กำลังแข็งตัวอยู่ด้วยซ้ำไป จนอดนึกเสียดายไม่ได้ถ้าเกิดว่าจะต้องเก็บมันเอาไว้ใช้กับสาวเพียงคนเดียว
ถามจริง? ถ้าคุณมีของดีขนาดนี้แล้วไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ มันก็คงจะโคตรเสียของเลยว่ามั้ย พอคิดแบบนี้แล้วผมก็เลยเลือกที่จะใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด จนส่งผลให้กิตติศัพท์ในเรื่องสาวๆ ของผมนั้นขึ้นชื่อลือชาเอามาก สาวๆ ในทีมเชียร์ลีดเดอร์นี่ผมก็เก็บแต้มได้จนเกือบจะครบทั้งทีม จะมีที่เว้นๆ ไว้บ้างก็แค่พวกเพื่อนสนิทของยัยเป้บางคน ขี้เกียจโดนน้องสาวตัวเองมาวีนเหวี่ยงใส่แทนเพื่อนนั่นแหละครับ แถมสาวๆ ส่วนใหญ่ที่โดนผมฟันน่ะยังติดใจถึงขั้นต้องไปบอกต่อให้เพื่อนตัวเองได้รับรู้ด้วยนะ คราวนี้ก็ไปกันใหญ่สิครับ ไอ้ผมเลยแทบไม่ต้องออกไปจีบสาวเองเลย เรียกว่ามีมาป้อนถึงที่ บางคนเจอของใหญ่เข้าไปถึงกับหีฉีก แต่ก็ดั๊นไม่เข็ด พอรักษาตัวหายดีแล้วก็ยังขอกลับมาลองใหม่ บอกว่าต้องโดนซ้ำมันถึงจะได้อยู่ตัว เฮ้อ เอากับพวกคุณเธอสิ - -“
บางทีก็วุ่นหน่อย เวลาที่สาวๆ ดันเกิดโผล่มาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย กลายเป็นรถไฟชนกัน จนผมต้องไหว้วานให้ไอ้เอกมันช่วยรับหน้าแบ่งเบาภาระออกไปบ้าง โดยสัญญาว่าจะปิดเป็นความลับไม่บอกยัยเป้ให้ แต่เชื่อมั้ยครับว่าไอ้บ้านี่ดันตอบปฏิเสธผมกลับมาหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่สาวๆ พวกนั้นนะทั้งสวย ทั้งหุ่นดี แถมยังรักสนุกไม่ผูกพัน ไม่มีปัญหาใดๆ ให้ตามมากวนใจภายหลัง
ไอ้เอกมันอ้างกับผมคำเดียวเลยว่าตัวมันน่ะ รักเดียวใจเดียว ไม่คิดที่จะนอกใจน้องสาวผมเด็ดขาด ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างที่มันไม่ยอมช่วย แต่ในใจลึกๆ ก็แอบรู้สึกซาบซึ้งและยินดีกับความซื่อสัตย์ของมัน เฮ้อ...นี่ผมจะมีน้องเขยเป็น ‘คน’ หรือ ‘ควาย’ กันเนี่ย อ้อ! ลืมบอกไป อาวุธของไอ้เอกเองก็จัดว่าอยู่ในระดับเกินมาตรฐานชายไทยอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าเอามาเทียบกับของผมแล้วก็ต้องบอกว่าคนละชั้นแหละครับ
เอาล่ะ ทีนี้มาดูทางฝั่งยัยเป้บ้าง ว่าทำไมไอ้เอกมันถึงต้องตามเฝ้าตามหวง เป็นหมาตามเจ้าของถึงขนาดนั้น คำจำกัดความสั้นๆ ของเธอก็คือพิมพ์นิยมเลย ‘ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ตัวเล็ก เรียนดี กิจกรรมเด่น’ เป็นทั้งดาวโรงเรียน จนต่อยอดมาเป็นดาวมหาฯลัย ยัยเป้น่ะหน้าตาดีเหมือนพี่มันนั่นแหละ สวย หน้ากลมรูปไข่ ไร้สิวเสี้ยน ผมยาวดำขลับเป็นเงาวับ สูงประมาณ 160 หุ่นผอมเพรียวระดับนางแบบเลย แต่ผมมักชอบแกล้งเรียกเธอว่า “นางแบน” ซะมากกว่า เพราะถ้าจะมีจุดเดียวที่จะยกขึ้นมาติได้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องนมของเธอนั่นแหละ ที่แม่ไม่ค่อยรัก ให้มาแค่ขนาดกะทัดรัด กำลังดี จริงๆ มันก็ดูสวยกะทัดรัดสมตัวอยู่หรอก แต่เห็นเธอชอบบ่นว่าตัวเองนมเล็ก ผมก็เลยชอบแกล้งแหย่ให้เธอขุ่นเคืองใจเล่นอยู่บ่อยๆ
แต่ถึงด้านบนจะแบน แต่ด้านล่างนั้นกลับคนละเรื่องกันเลยครับ เพราะสิ่งที่แม่ชดเชยมาให้เธอนั้น ก็คือสะโพกกับก้นของเธอที่แสนจะกลมกลึงน่าฟัด ยิ่งเวลาที่เธอใส่กางเกงฟิตๆ ออกไปเดินห้างข้างนอกนะ หนุ่มๆ งี้เหลียวมองตามกันจนคอแทบเคล็ดเลยล่ะ ก็ขนาดว่าตัวผมเองมีสาวๆ สวยๆ มาให้ฟาดอย่างไม่ขาดปากแล้ว บางครั้งเวลาที่อยู่บ้านและเห็นยัยเป้แต่งตัวตามสบาย ใส่สายเดี่ยว ขาสั้น มาก้มๆ เงยๆ ไม่ระวังตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังเผลอใช้สายตาจ้องสำรวจเรือนเจ้าบั้นท้ายผายกลมกลึงได้รูปของเธออย่างลืมตัวอยู่บ่อยๆ
ตัวเป้เองคงไม่ได้ ‘คิดอะไร’ หรอก แต่ผมน่ะ ‘คิดจังไร’ ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แหม ถ้าได้จับมาด็อกกี้ซักทีนะ พ่อจะเอาให้ร้องซี้ดซ้าดครางลั่นบ้านเลย ฮึ่ยยยยยยย แต่ผมก็ได้แต่แอบคิดลามกอยู่ในใจเป็นบางครั้งเท่านั้นแหละครับ ไม่กล้าทำอะไรเกินเลยจริงๆ หรอก เพราะถ้าเกิดผมเผลอปล่อยให้ความเงี่ยนมันครอบงำ แล้วทำให้ยัยเป้กับผมเข้าหน้ากันไม่ติดขึ้นมามันจะไม่คุ้มเอา ก็ผมน่ะมีน้องสาวอยู่แค่คนเดียวนี่นา ส่วนสาวๆ สวยๆ น่ะยังมีให้ฟันอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่
หลังเรียนจบทำงานเก็บเงินได้ไม่นาน ไอ้เอกก็ตัดสินใจขอยัยเป้แต่งงาน โดยผมเสียสละให้ทั้งคู่ย้ายมาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเก่าที่พ่อแม่เราสร้างไว้ และปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นเรือนหออันอบอุ่นสำหรับสร้างครอบครัว โดยไอ้เอกบรรจงทุ่มเงินตกแต่งและต่อเติมให้ออกมาตรงกับความต้องการของเป้มากที่สุด ส่วนผมเองก็แยกตัวออกมาสร้างบ้านหลังใหม่อยู่บนที่ดินมรดกของพ่อแม่ ซึ่งอยู่ไม่ห่างไปจากบ้านหลังเดิมเท่าไหร่ โดยเลือกเอามุมที่ดูสงบและสะดวกสบายสำหรับการทำกิจกรรมยามค่ำคืนของหนุ่มโสดกับสาวๆ มากหน้าหลายตาที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา เพื่อไม่ให้มันเกิดเสียงดังจนไปรบกวนการพักผ่อนที่บ้านของยัยเป้
ไอ้เอกเริ่มต้นทำงานเป็นฝ่ายออกแบบของบริษัทรับเหมาก่อสร้างในจังหวัดที่พวกเราอาศัยอยู่ ในขณะที่ยัยเป้ก็เข้าไปทำงานกับบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีระดับโลกที่มีสาขาย่อยอยู่ที่นี่ ส่วนผมเลือกใช้ความรู้ที่ได้มาจากการเรียนในสายบริหารธุรกิจ เข้าทำงานในธุรกิจอสังหาฯ โดยเริ่มต้นทำงานกับ บริษัทอสังหาในท้องถิ่น แต่หลังจากทำไปได้สองปี ผมก็ทำเงินได้มากพอที่จะเปิดบริษัทอสังหาเล็กๆ ของตัวเองได้ในที่สุด ผลประกอบการของบริษัทในช่วงสามปีแรกนั้นประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย จนทำให้ผมสามารถวางเป้าหมายล่วงหน้าถึงการบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้ตั้งแต่ในช่วงอายุสามสิบห้า
หลังจากที่เป้ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีได้สามปี และสามารถสอบ CPA ได้ เธอก็ตัดสินใจเดินตามรอยผม ด้วยการเปิดบริษัทรับตรวจสอบบัญชีของเธอเองที่บ้าน เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากสถานะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องคอยแบมือขอเงินคนอื่น กิจการของเธอดำเนินไปได้ด้วยดี ในขณะที่ทางฝั่งของไอ้เอกก็ดูจะก้าวหน้าในสายงานของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้จัดการโครงการ และรับหน้าที่ควบคุมดูแลไซต์งานของบริษัทแทบทั้งหมด
ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มันคือเดือนพฤศจิกายนที่อากาศเริ่มเบาบางลงจนใกล้เคียงกับคำว่าหนาวเย็น คืนก่อนหน้านั้นมีฝนหลงฤดูซัดซาดเข้ามาจนเปียกปอนไปทั่วทั้งเมือง ฝนตกตลอดคืนก่อนที่จะเริ่มซาลงไปในช่วงเช้ามืด โดยที่ยังคงมีละอองฝนโปรยลงมาบ้างเป็นระยะๆ ไอ้เอกก็ออกไปตรวจไซต์งานปกติของมันเหมือนทุกวัน และโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน รวมถึงไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์แน่ชัด ทั้งผมและเป้ก็ได้รับข่าวร้ายในช่วงสายๆ ของวัน ว่าไอ้เอกเกิดพลัดลื่นตกลงมาจากไซต์ก่อสร้าง ซึ่งสูงประมาณ 5-6 เมตร แล้วสลบน็อคไปโดยที่ยังไม่รู้สึกตัวมาจนถึงนาทีนี้
หลังจากนำตัวไอ้เอกเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว เราจึงได้ตระหนักว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาก กระดูกสันหลังหักหลายส่วน และยังต้องรอให้ไอ้เอกฟื้นขึ้นมาเสียก่อน ถึงจะสามารถตรวจสอบอาการได้อย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจึงจะวินิจฉัยได้ว่าอาการร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วหมอก็ยังพูดเปรยๆ ให้เป้เตรียมทำใจเอาไว้ก่อนเลย ว่าไอ้เอกจะต้องเปลี่ยนมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต เพราะสภาพเส้นประสาทด้านหลังนั้นเสียหายหนักมาก พอได้ยินแค่นั้นเธอก็แทบจะเป็นลมล้มทั้งยืนแล้วล่ะครับ
ช่วงสองคืนแรกที่ผมอยู่เป็นเพื่อนยัยเป้ที่โรงพยาบาล ผมแทบจะไม่สามารถพาตัวเธอออกห่างจากร่างที่นอนหมดสติของไอ้เอกเพื่อไปกินข้าวหรือไปพักผ่อนบ้างได้เลย หลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องเข้ามาซุกหน้าร้องไห้กับอกผมด้วยหัวใจที่แตกสลาย เพราะกลัวว่าไอ้เอกมันจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ผมรู้ดีว่าเธอน่ะรักไอ้เอกมากแค่ไหน และรู้ด้วยว่าตอนนี้สภาพจิตใจเธอย่ำแย่เพียงใด จึงได้แต่คอยปลอบคอยให้กำลังใจเธออยู่ไม่ห่าง ปกติเราสองคนก็สนิทสนมกันดีอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น เลยยิ่งทำให้เราสองคนได้ใกล้ชิดและเป็นห่วงเป็นใยกันมากเป็นพิเศษ
ไอ้เอกสลบไปเกือบสามวันถึงค่อยฟื้นคืนสติขึ้นมา และหลังจากตรวจเช็คอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หมอจึงวินิจฉัยและสรุปอาการว่า ไอ้เอกกลายเป็นอัมพาตถาวร ไม่สามารถเดินหนเหมือนคนปกติหรือว่าควบคุมร่างกายท่อนล่างได้อีก ซึ่งหมายรวมไปถึงการหมดสิ้นสมรรถภาพทางเพศอย่างสิ้นเชิง แต่ยังคงสามารถใช้งานแขนทั้งสองข้างได้ไม่มีปัญหา
หลังจากรักษาตัวอยู่ต่ออีกราวๆ สองเดือน ไอ้เอกก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ โดยที่ในระหว่างนั้นทั้งผมและเป้ต่างก็ช่วยกันจัดเตรียมห้องนอนไว้ให้ใหม่ ติดตั้งเตียงพิเศษ และเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับคนที่เป็นอัมพาต ให้สามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกครับ ที่ผู้ชายซึ่งเคยเป็นคนร่าเริงแข็งแรง เป็นอดีตนักกีฬาที่ชื่นชอบชีวิตกลางแจ้งอย่างไอ้เอก จะสามารถกล้ำกลืนยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ผมก็เริ่มช่วยไอ้เอกทำกายภาพบำบัด ซึ่งจะว่าไปก็ค่อนข้างลำบากเอาการ เพราะมันกำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างหนักจนแทบจะไม่เปิดใจให้ใครช่วยทั้งสิ้น เมื่อร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของมันยังคงหนักอึ้งและขยับเขยื้อนไม่ได้ราวกับว่านั่นคืออวัยวะของคนอื่นที่ถูกผูกติดกับตัวมันไว้เท่านั้น ก่อนที่สุดท้ายแล้วมันจะเริ่มร้องไห้ออกมา จนผมต้องใช้เวลาพูดคุยปลอบใจกับมันอยู่นาน กว่าที่จะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ไอ้เพื่อนรักต้องหลั่งน้ำตา
มันบอกกับผมว่าไอ้เรื่องที่ชีวิตตัวเองต้องเปลี่ยนมานั่งรถเข็นไปตลอดน่ะ มันยังพอจะทำใจรับได้ แต่กับความจริงที่ว่าตัวมันเองไม่สามารถมอบความสุขบนเตียงให้กับเป้ได้อีกต่อไปต่างหาก ที่เป็นสิ่งรบกวนจิตใจของมันมาตลอด และทำให้มันรู้สึกรังเกียจตัวเองจนแทบจะรับไม่ได้ มันเล่าความลับให้ผมฟังว่าจริงๆ แล้วยัยเป้น่ะจัดเป็นผู้หญิงไฟแรงสูงคนหนึ่ง อย่างต่ำๆ อาทิตย์นึงก็ต้องจัดกันไม่ต่ำกว่าห้าวัน แถมวันไหนคึกๆ ก็อาจจะเบิ้ลได้สองถึงสามครั้งด้วยซ้ำ โอ้โห! ผมฟังแล้วของขึ้นเลย ใครจะไปคิดล่ะครับว่าน้องสาวแสนสวยผู้ร่าเริงของตนเองนั้น จะเซ็กส์จัดขนาดนี้
ความที่รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่สามารถทำหน้าที่ของสามีที่ดีได้อีก จึงทำให้ไอ้เอกตัดสินใจเอ่ยปากและเสนอให้เป้หย่ากับมัน เพื่อที่ว่าเธอจะได้มีอิสระ มีโอกาสได้พบกับผู้ชายที่ถูกใจคนใหม่ จะได้สร้างครอบครัวใหญ่ๆ สมใจอย่างที่เธอเคยฝันเอาไว้ ใช่ครับ มันเป็นความใฝ่ฝันที่แม้แต่ผมเองก็ยังเคยได้ยินได้ฟังจากปากของเธออยู่บ่อยๆ บางทีที่เธออยากจะมีลูกหลายๆ คน ก็คงเป็นเพราะว่ารู้สึกเหงาที่เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เธอไม่มีใครที่สนิทสนมพอจะสามารถระบายหรือปรึกษาเรื่องลับๆ ของผู้หญิงด้วยกันได้
แต่โชคดีนะที่ยัยเป้เองไม่บ้าจี้ตามไปด้วย และรีบปฏิเสธเสียงแข็งทันควัน ซ้ำยังเอ่ยถามกลับทั้งน้ำตาว่าไอ้เอกมันหมดรักเธอแล้วหรือยังไง ก่อนจะอธิบายให้มันฟังว่าชีวิตคู่สำหรับเธอนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เรื่องของเซ็กส์อย่างเดียวเท่านั้น แต่แม้จะได้ยินเธอยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะขนาดนั้น ไอ้เอกมันก็ยังแอบคิดอยู่ลึกๆ ว่าถึงแม้วันนี้เป้จะยังรักมันอยู่ แต่ถ้าปล่อยให้นานวันเข้า ถ้าความต้องการในตัวไม่ได้รับการปลดปล่อยออกมา สุดท้ายแล้วมันก็อาจจะบีบคั้นและกดดันจนทำให้เธอต้องแอบนอกลู่นอกทางไปหาใครซักคนที่ตอบสนองกับเธอได้อยู่ดี ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็คงจะทำใจยอมรับไม่ได้แน่ๆ
วันเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงปลายเดือนเมษา ตลอดระยะเวลาที่ผมช่วยไอ้เอกทำกายภาพบำบัดนั้น ผมต้องทนเห็นไอ้เอกมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่และมีแต่จะซึมเศร้าลงไปทุกวันๆ แถมร่างกายที่เคยกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อก็มีแต่จะยิ่งผ่ายผอมและซูบเซียวไปตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละเดือน ถึงแม้ว่าหมอและพยาบาลจะปล่อยตัวให้มันกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้กว่าครึ่งปีแล้ว แต่ไอ้เอกก็ยังคงจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ทรมานไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล
ไอ้อาการป่วยกายน่ะยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับอาการป่วยทางใจ จากปัญหาหนักอกที่ตัวมันเองไม่สามารถตอบสนองให้ความสุขทางเพศแก่เป้ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของมันดี ก็ยัยเป้น่ะเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเซ็กซี่ อีกทั้งยังอยู่ในวัยที่กำลังสาวสะพรั่ง และยังคงมีความต้องการคุกรุ่นอัดแน่นอยู่ภายในอก ถึงแม้ว่าเธอจะรักไอ้เอกมากพอที่จะมองข้ามทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งความสุขทางเพศที่เธอเคยได้รับอย่างสม่ำเสมอมาก่อนก็เถอะ
ผมจึงพยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยให้สภาพจิตใจของมันฟื้นกลับมาเป็นปกติก่อนเป็นลำดับแรก ด้วยการเอ่ยปากชวนมันไปตกปลาที่ทะเล เหมือนที่เราสองคนชอบทำเมื่อก่อนทุกครั้งที่พอมีเวลาว่าง เพื่อหวังจะช่วยให้มันได้คลายเครียดและเปลี่ยนบรรยากาศ ให้เลิกคิดจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ทรมานในห้องแคบๆ เดิมๆ ซึ่งแน่นอนว่าในเรือของผมนั้นก็ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมระบบอำนวยความสะดวกเอาไว้ให้ไอ้เอกแล้วอย่างครบครัน
****************************
พอถึงเช้าวันศุกร์ ผมก็มารับไอ้เอกตามนัดที่จะไปตกปลากัน แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าไอ้เอกมันมาเตรียมพร้อมรอรับผมอยู่นอกบ้านก่อนแล้ว ซึ่งเป้แอบมากระซิบให้ฟังภายหลังว่ามันออกมานั่งรออยู่ก่อนเวลาที่ผมจะมาตั้งเกือบชั่วโมงแน่ะ ที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ ผมแอบสังเกตเห็นถึงรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ หลังจากที่มันได้อันตรธานหายไปหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นขึ้น
พอเจอหน้ากัน ยัยเป้ก็เดินเข้ามากอดและหอมแก้มทักทายผมเหมือนปกติที่เราทำกันมาตลอด เธอพึ่งจะเสร็จจากการออกกำลังกายในตอนเช้าเพื่อรักษาหุ่นให้ฟิตและเฟิร์มอยู่เสมอ กลิ่นอับๆ จากเรือนร่างที่กำลังชุ่มเหงื่อ กระตุ้นอารมณ์จนทำให้ท่อนเนื้อของผมมันเริ่มจะสั่นกระตุกเบาๆ แม้จะยังไม่ถึงขั้นแข็งตัวจนเกิดอารมณ์เงี่ยนง่านก็ตามที เป้อยู่ในชุดเสื้อกีฬาผ้ายืดเอวลอยสีเหลืองแปร๋นยี่ห้อไนกี้ ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้ายืดสแปนเด็กซ์สีดำรัดเข้ารูป หยาดเหงื่อที่ซึมออกมานั้นช่วยขับเน้นเรือนร่างตรงช่วงหว่างขาจนมองเห็นเป็นรูปเนินสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ จังหวะที่เธอหันหลังกลับไป ผมยังเผลอลืมตัว แอบจับจ้องมองภาพหยาดเหงื่อที่ไหลเป็นทางด้านหลัง จนหายเข้าไปในร่องก้นอันเต่งตึงของเธอ
เป้เดินออกไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว จู่ๆ เธอก็หยุดเดินและเหลียวหลังกลับมามองหน้าผม ซึ่งยังคงไม่อาจละสายตาจากภาพกางเกงรัดรูปที่ชุ่มเหงื่อของเธอได้เลย พอเห็นเธอหันกลับมามองแบบนี้ผมจึงต้องรีบละสายตาออกจากเนินเนื้อสุดเซ็กซี่ ขึ้นมาจ้องสบตากับเธอแทน น้องสาวของผมยังคงดูสวยเสมอ แม้ว่าจะอยู่ในสภาพหน้าสดโซมเหงื่อจากการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ในมุมมองของผมแล้วมันกลับทำให้เธอยิ่งดูเซ็กซี่มากกว่าเดิม ตอนแรกผมเกือบตกใจเพราะคิดว่าเธอจะจับได้ว่าผมแอบถ้ำมองหุ่นของเธออยู่ซะอีก แต่ที่ไหนได้ ยัยเป้กลับไม่ได้โวยวายหรือต่อว่าอะไร หนำซ้ำใบหน้าของเธอกลับฉายรอยยิ้มและแววตาแปลกๆ ที่ผมไม่เข้าใจความหมายส่งมาให้เสียอีก
อันที่จริงผมเองก็แอบสงสารน้องสาวตัวเองอยู่ลึกๆ หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลจากปากของไอ้เอกว่าเธอค่อนข้างเป็นผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูง ซึ่งนี่ก็ผ่านมาตั้งครึ่งค่อนปีแล้ว ที่เธอต้องอดทนอดกลั้นจากความสุขบนเตียงที่มันจางหายไปพร้อมๆ กับอาการเจ็บป่วยของสามี แต่ถึงกระนั้นแล้วเธอเองก็ยังมีน้ำใจมากพอที่จะเสียสละความต้องการส่วนตัว เพื่อที่จะประคับประคองรักษาชีวิตคู่อันสั่นคลอนของตนเองเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ จนผมอดที่จะน้ำตาซึมไปกับความรักของทั้งคู่ไม่ได้ และยิ่งเกิดความต้องการที่จะหาทางช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของทั้งสองคน แม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี
ผมแบกร่างไอ้เอกขึ้นมานั่งประจำที่อยู่ข้างคนขับ ก่อนจะแบกรถเข็นไฟฟ้าของมันขึ้นไปวางอยู่บนท้ายรถปิคอัพซึ่งได้ดัดแปลงเพิ่มความสะดวกเอาไว้ให้แล้ว พอล็อครถเข็นเข้าที่ ผมจึงหันกลับมาบอกลายัยเป้ที่ยืนคอยส่งพวกเราอยู่ เธอเดินเข้ามากอดผมแน่น พร้อมกับบอกขอบคุณที่ผมคอยช่วยเหลือทั้งคู่มาตลอด เธอพูดไปด้วยรอยรื้นๆ ในดวงตา ก่อนจะกระซิบให้ฟังว่าไอ้เอกมันเคยบ่นคิดสั้นอยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นสภาพนี้ไปด้วยซ้ำ เธอกำชับให้ผมไม่ลืมที่จะช่วยให้กำลังใจกับมัน และบอกให้มันเชื่อว่าไม่ว่าจะยังไง เธอก็ยังรักมันเหมือนเดิมไม่มีวันเปลี่ยน ซึ่งผมก็ตกปากรับคำว่าจะทำทุกอย่างที่จะช่วยให้มันรู้สึกดีขึ้นมาได้ แล้วจึงค่อยจูบลาเธอออกมา
เราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงตลอดเส้นทางที่จะขับไปยังสโมสรที่เราเป็นสมาชิกฝากเรือเอาไว้ พูดคุยย้อนความหลังกันอย่างสนุกสนานและออกรส ทั้งเรื่องราวชวนหัวสมัยวัยรุ่น รวมไปถึงเรื่องการตกปลาครั้งก่อนๆ ของเรา ดูเหมือนว่าวันนี้ไอ้เอกจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ทำให้ผมยิ่งมีความสุขตามไปด้วยที่เห็นมันสนุกกับการออกมาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่เอาแต่นั่งอุดอู้จำเจอยู่แต่ในบ้านให้หัวใจห่อเหี่ยวไปเปล่าๆ
ไอ้เอกใช้มือบังคับรถเข็นให้วิ่งขึ้นไปตามทางลาดที่ผมติดตั้งเพิ่มเติม เอาไว้สำหรับใช้ขึ้นลงทั้งบนเรือรวมไปถึงที่ท้ายรถด้วย หลังจากล็อคเก้าอี้รถเข็นเข้าที่แล้ว เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปตกปลากัน การตกปลาในช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี เราตกได้ปลาขนาดใหญ่หลายตัว บางตัวก็หน้าตาแปลกๆ และไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วเราก็ตัดสินใจหยุดพักกินข้าวกลางวันด้วยกันบนเรือกลางทะเล
พอท้องอิ่มแล้ว ผมก็เปิดประเด็นชวนมันคุยเล่นรำลึกความหลังกันต่อ แต่ผ่านไปครู่นึง ผมก็เริ่มสังเกตเห็นสีหน้าของไอ้เอกที่ดูเคร่งเครียดมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่งเริ่มมีหยดน้ำตาคลอเบ้า พอผมหลุดปากถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น แค่นั้นมันก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดที่จะกลั้น กระทั่งหลังจากที่มันได้ร้องไห้ระบายออกมาจนพอใจแล้ว ไอ้เอกถึงเริ่มมีท่าทีที่สงบลง และทำให้ผมต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายตกตะลึงกับคำตอบของมันแทน
“กูอยากจะขอร้องนะ...ไอ้ต้น...ให้มึงฟังที่กูจะพูดต่อไปนี้ทั้งหมดก่อน...อย่าพึ่งขัด” ไอ้เอกเริ่มต้นพูดทั้งน้ำตา
“มึงก็รู้ว่ากูรักน้องสาวมึงมาก...มากแบบที่ไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน และนี่ก็เป็นเหตุผลเดียวที่กูจะขอร้องมึงในเรื่องต่อไปนี้...กูทนไม่ได้ว่ะที่เห็นเป้ต้องมาทนรับสภาพอยู่อย่างนี้...กูรู้...ว่าเค้ายังรักกูอยู่...และเซ็กส์ก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต...แถมเป้ก็ยืนกรานเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ต้องการผู้ชายคนไหนในชีวิตอีกนอกจากกู แต่ให้ตายเหอะ...สุดท้ายแล้วมึงกับกูก็รู้อยู่เต็มอกนั่นแหละว่าเรื่องนี้มันมีแต่จะสร้างความทุกข์ให้กับชีวิตของเป้” มันพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“สุดท้ายแล้วเค้าก็จะต้องการใครซักคนอยู่ดี ใครซักคนที่ดีพอ...แข็งแรงพอที่จะเป็นที่พักพิงให้กับเค้าได้ทั้งทางร่างกายแล้วก็จิตใจ มันก็ขึ้นอยู่กับแค่เวลาเท่านั้นแหละว่าเค้าจะทนฝืนได้นานแค่ไหน...ก่อนที่จะคิดเผลอใจไปกับใครคนไหน...ซึ่งถ้าเกิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็...กูก็ขอให้...ขอให้คนๆ นั้น...เป็นมึงได้มั้ยวะ?” ไอ้เอกตัดสินใจพรั่งพรูความอัดอั้นที่เก็บค้างเอาไว้ในใจออกมารวดเดียวจนหมด จนทำให้ผมที่นั่งฟังอยู่ได้แต่นั่งอึ้ง ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ไอ้เอกกำลังขอร้องให้ผมทำ ตอนแรกผมก็นึกว่าตัวเองฟังผิด หรือไม่เข้าใจว่ามันกำลังขอให้ทำอะไรอยู่
“มึงหมายความว่ายังไง?” ผมถามกลับด้วยใบหน้าที่งุนงงสุดขีด
“มึงได้ยินถูกแล้ว” ไอ้เอกตอบกลับเรียบๆ
“กูอยากให้มึงช่วยทำหน้าที่แทนกู...ช่วยกูตอบสนองความต้องการบนเตียงให้กับเป้...ช่วยเป็นคนรัก...และหวังว่ามึงจะช่วยทำลูกให้เป้อย่างที่เค้าอยากมี ทำในสิ่งที่กูไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว” มันพูดต่อพร้อมน้ำตาอาบแก้มจนผมกระจ่าง
“กูรักมึงนะไอ้ต้น...มึงกับกูสนิทกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา...และเป็นคนเดียวที่กูทำใจยอมรับได้ถ้าจะให้มานอนกับเป้ มึงทำให้กูได้มั้ย? กูอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเกิดว่ามึงไม่ช่วยกู” ไอ้เอกขอร้องต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง จนผมเริ่มตระหนักว่ามันไม่ได้แค่ล้อเล่นนี่หว่า
“ไอ้เชี่ย! มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ามึงพูดอะไรออกมา มึงจะให้กูไปนอนกับเป้เนี่ยนะ? แถมยังจะให้กูมีลูกกับน้องสาวตัวเอง!? มึงเอาหัวแม่ตีนที่ไหนคิด? ไอ้ห่า! นี่มันน้องสาวของกูทั้งคนนะเว่ย!” ผมตะคอกใส่มันด้วยความโกรธ
“มึงคิดว่ากูอยากจะให้มึงทำอย่างนี้เหรอ? กูอ่ะเจ็บกว่ามึงอีกหลายเท่าโว้ย แต่ถ้าเกิดว่าตัวกูต้องติดอยู่ในสภาพเน่าๆ แบบนี้ต่อไป...ได้แต่คอยเฝ้าดูเป้ต้องมีชีวิตที่เหี่ยวเฉา...หงอยเหงาลงไปเรื่อยๆ นั่นต่างหากที่จะทำให้กูต้องเจ็บปวดที่สุด แล้วถ้าหากว่ามึงไม่เต็มใจที่จะช่วยจริงๆ...กูก็คงต้องหาทางทำอะไรซักอย่างกับชีวิตของกู...เพื่อที่จะช่วยให้เป้ได้หลุดพ้นจากพันธะบ้าๆ นี้ไปซะที” มันพูดพร้อมกับสะอื้นหนักขึ้น พอได้ยินมันขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ก็เลยทำให้ผมเริ่มโอนอ่อนยอมฟังมันมากขึ้น
“แล้วมึงคิดว่าเป้มันจะเห็นด้วยกับความคิดบ้าๆ แบบนี้ของมึงเรอะ?” ผมพยายามเตะถ่วงหาข้ออ้างมาแย้ง
“กูคุยกับเป้เรียบร้อยแล้ว...เค้าตกลง” คำตอบของไอ้เอกทำเอาผมแทบหงายหลังร่วงตกทะเล
“เดี๋ยวๆ มึงว่าอะไรนะ? มึงจะบอกว่ายัยเป้เนี่ยนะ...ยอมตกลงที่จะมานอนกับกู? บ้าน่า...กูไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกล้าตัดสินใจแบบนั้นได้น่ะ” ผมเอ่ยออกไปอย่างไม่เชื่อหู
“มึงเชื่อกูเหอะ...เป้น่ะโอเคจริงๆ เค้ารักกูมากพอที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ จะติดอยู่เรื่องเดียวก็ตรงที่...มึงต่างหากที่จะยอมทำด้วยรึเปล่า” ไอ้เอกเอ่ยแล้วมองหน้าสบตาผม
“กูน่ะพยายามเกลี้ยกล่อมเค้าอยู่หลายครั้งแล้ว...ว่าให้ลองไปหาความสุขกับผู้ชายคนอื่นดูบ้าง แต่ยังไง๊ยังไง...เป้เค้าก็ยืนกรานไม่ยอมนอกใจหรือนอกกายไปกับใครซักที...แต่ถ้าจะมีใครซักคนที่เค้าพอจะมองเห็นเป็นตัวแทนได้...คนที่เค้าจะรักมากพอที่จะยอมมีอะไรกันด้วย ใครคนนั้นก็คงไม่มีทางที่จะยอมนอนกับเค้าแน่ๆ เพราะดันเป็นพี่น้องคลานตามกันมาจากพ่อแม่เดียวกัน...ใช่...ไอ้ต้น...ผู้ชายคนที่เป้เลือกก็คือมึงนั่นแหละ” พอสิ้นคำของไอ้เอก ในหัวของผมมันก็พลุ่งพล่านไปด้วยคำถามมากมายที่อัดแน่นเข้ามาในหัว
นี่ไอ้เอกกำลังอ้อนวอนขอร้องให้ผมทำลูกให้เมียมันอยู่งั้นเหรอ? แถมเมียมันที่ว่า...ก็ดันเป็นน้องสาวแท้ๆ ที่ผมเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ อย่างยัยเป้เสียอีก! แล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือ ยัยเป้เองก็ดันยินดีที่จะมีอะไรกับผม...ซึ่งเป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกันกับเธอด้วย! นี่มันเกิดฟ้าผ่าโลกถล่มอะไรกันขึ้นมา!?
“เป้เค้าสัญญากับกูแล้ว ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่มึงยอมตกลง เค้าก็ยินดีที่จะลองทำตามคำขอเพื่อกูซักครั้ง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วล่ะ ว่าจะยอมทำตามคำขอของกูกับเป้รึเปล่า” ไอ้เอกโยนความกดดันมาที่ผม และทำให้ผมต้องเริ่มคิดหนัก
“สมมตินะ...แค่สมมติเฉยๆ ถึงต่อให้สุดท้ายแล้วกูจะยอมมีอะไรกับมันจริงๆ แต่ยังไงซะเรื่องที่กูจะมีลูกกับมันเนี่ย ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกว่ะ ถึงยังไงก็เป็นพี่น้องกัน...กูไม่อยากปล่อยให้เด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเกิดมารับเคราะห์ แถมยังเสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคเอ๋ออีกด้วย” ผมพยายามขุดหาเหตุผลมาหักล้างคำขอของมัน
“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ามึงไม่อยากจะมีลูกจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะทุกวันนี้เป้ก็ยังกินยาคุมให้ประจำเดือนมาตรงเวลาอยู่แล้ว มึงแค่ทำให้เป้มีความสุขกับเรื่องนั้นก็พอแล้ว” น้ำเสียงของไอ้เอกดูจะแจ่มใสขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าผมเริ่มคล้อยตาม
พอโดนมันตะล่อมหนักๆ เข้า ในหัวของผมก็เลยเผลอจินตนาการไปถึงภาพเรือนร่างเพรียวบางของยัยเป้เมื่อเช้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ภาพของเป้ากางเกงยางยืดที่กำลังเปียกชุ่มเหงื่อ กลีบเนื้อสองพูที่อวบอูมเบียดแน่นอยู่ตรงกลางหว่างขา ไม่อยากจะยอมรับเลยครับว่าภาพที่เห็นนั้นมันกระตุ้นอารมณ์หื่นของผมได้อย่างจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายตาเย้ายวนแปลกๆ ที่เธอมองมาที่ผมในวันนี้ เฮ้อ...นี่ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ คนเดียวของตัวเองนะเนี่ย ก่อนที่ความคิดฟุ้งซ่านของผมจะถูกกระชากกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงตรงหน้าด้วยเสียงเรียกของไอ้เอก
“มึงจำได้มั้ย? ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เวลาที่มึงกับกูมีความเห็นไม่ตรงกัน เราสองคนจะเลือกจับไม้สั้นไม้ยาวกัน ใครได้ไม้ยาวก็ชนะไป ส่วนคนที่แพ้ก็ต้องยอมตามความเห็นของคนชนะ” ไอ้เอกขุดคุ้ยความทรงจำในอดีตออกมา
“อือ...กูจำได้” ผมตอบกลับไปแบบเซ็งๆ เพราะรู้ดีว่าคำพูดของมันกำลังจะนำพาไปต่อที่ตรงไหน
“งั้นก็เอาตามนี้ เดี๋ยวกูจะทำไม้สั้นไม้ยาวมาให้จับ มึงต้องสัญญามาก่อน...ว่าถ้าเกิดกูจับได้ไม้ยาว...มึงต้องยอมทำตามคำขอร้องของกู แต่ถ้ามึงจับได้ไม้ยาว นั่นก็เป็นสิทธิ์ของมึง ถ้ามึงเลือกที่จะไม่ช่วยกู กูก็คงไม่มีทางเลือก นอกจากหาทางจัดการกับชีวิตตัวเองเท่านั้น” พอมันพูดจบ ผมจึงรีบพูดสวนออกไปทันที
“กูยอมตกลงแค่นอนกับเป้ให้เท่านั้นนะ แต่ไม่ตกลงเรื่องลูก แล้วกูคงต้องขอถามความสมัครใจของเป้ให้แน่ใจอีกทีนึงก่อน ว่าตกลงมันยอมเห็นด้วยกับเรื่องนี้จริงๆ ถ้าสุดท้ายมันยังยืนยันคำเดิม...และถ้ากูเกิดจับได้ไม้สั้นจริงๆ ถึงตอนนั้นกูถึงจะยอมทำตามที่มึงขอ” ผมบอกมันเพื่อให้เข้าใจตรงกัน
“ตกลง” ไอ้เอกรีบรับคำอย่างใจร้อน
“ถ้างั้น...เดี๋ยวกูขอตัวไปเตรียมของก่อน แล้วมึงกับกูมาดูกัน...ว่าสุดท้ายเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างใคร” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า ก่อนที่จะหายเข้าไปในเคบินครู่หนึ่ง แล้วจึงกลับออกมาพร้อมกับแท่งไม้ในมือสองอัน
“อ่ะ...กูเป็นคนทำ มึงก็เป็นคนจับก่อน” มันพูดแล้วยื่นมือมาข้างหน้า ผมชั่งใจมองซ้ายมองขวาด้วยความสับสน ก่อนจะตัดสินใจออกแรงดึงไม้ออกมาอันหนึ่ง พร้อมกับที่ไอ้เอกรีบแบมือออกมาเพื่อที่จะวัดความยาวของแท่งไม้ทั้งสองแท่ง
“เยี่ยม!!” มันแหกปากร้องดีใจเสียงดัง เมื่อพบว่าแท่งไม้ในมือของตัวเองนั้นยาวกว่าไม้ของผมเกือบครึ่ง ส่วนตัวผมเองน่ะเหรอ พอรู้ผลลัพธ์แบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความเซ็ง ที่แม้แต่โชคชะตาก็ยังพลอยเห็นดีเห็นงามไปกับความคิดบ้าๆ ของไอ้เพื่อนซี้คนนี้
“มึงอย่าลืมนะ...ว่าสัญญาอะไรกับกูไว้” ไอ้เอกรีบทวงสัญญาทันที
“เออ...กูไม่ผิดสัญญาหรอกน่า อย่างที่บอกไง ถ้าเกิดว่าเป้มันยอม...กูก็ยอมตามด้วย แต่ถ้าเป้ไม่ตกลง...สัญญาก็เป็นโมฆะ...ทุกอย่างเป็นอันยกเลิก” พอสิ้นคำประกาศของผม แววตาของไอ้เอกก็พลันเปล่งประกายของความมีชีวิตชีวาวาบขึ้นมาในแบบที่ผมไม่เคยได้เห็นมันในรอบหลายเดือนนี้”
“เดี๋ยวกูจะเป็นคนไปบอกข่าวนี้กับเป้เอง มึงรอดูได้เลย เค้าต้องไม่เชื่อหูตัวเองแล้วก็คงจะดีใจมากแน่ๆ ที่รู้ว่ามึงยอมตกลงด้วยแบบนี้” ไอ้เอกฉีกยิ้มกว้างแทบหุบไม่ลง
*************************