ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ ๑ (ขุนไกรพลพ่าย)
มาจะกล่าวถึงแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา (ตอนต้น) เมื่อครั้งสมเด็จพระพันวษา ได้ทรงขึ้นครองราชย์
บ้านเมืองก็ประสบกับความสุขอันเนื่องมาจากการที่หัวเมืองสำคัญๆ เช่น เมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูน เมืองเชียงทอง ได้เข้ามาร่วมสวามิภักดิ์
ขอเป็นเมืองขึ้นกับกรุงศรีอยูธยา อันส่งผลให้กรุงศรีอยุธยามีความมั่นคง มั่งคั่ง ประชาราษฏร์เป็นสุขกันทั่วหน้า
ณ เมืองสุพรรณบุรี อันเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญเมืองหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ก็ได้รับทราบข่าวว่า
สมเด็จพระพันวษา จะเสด็จออกมาประพาส ล่าสัตว์ ซึ่งอยู่ในการดูแลของขุนไกร นายกองซึ่งมีความสามารถ วิชาอาคม ก็ขมังนัก
หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า เคยบวชเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ที่วัดป่าเลไลย์ ได้รับวิชาอาคมขลัง จากท่านสมภารมาจนหมดสิ้น
จากการที่ได้รับทราบข่าวนี้ ขุนไกรจึงพาบ่าวไพร่ ทั้งหมดออกจัดทำประรำพิธี คอกต้อนสัตว์
และที่สำหรับประทับของสมเด็จพระพันวษา ณ บ้านของขุนไกร ซึ่งเป็นบ้านที่ปลูกอย่างกว้างขวาง อาณาบริเวณกว้างใหญ่
ภายในปลูกเต็มไปด้วย สวนมะม่วง สวนมะพร้าว และผลไม้ต่างๆ นานาชนิด ยังความร่มรื่นให้แก่บ้านเป็นอย่างยิ่ง
ภายในบ้านมีห้องหับต่างๆ มากมาย และยังปลูกบ้านให้บ่าวไหร่ได้อยู่อาศัยกันอย่างฉันท์พี่ฉันท์น้อง
“อาว์ ซี๊ด พี่ขุน แรงๆ หน่อย ข้าเสียวจังเลย” เสียงครางจากนางทองประศรีดังเบาๆ ออกมาจากห้องที่ปิดไม่สนิทนัก
“เออ ข้ากำลังกระแทกเอ็งอยู่ไง เป็นไง ชอบไหม ว่าแต่นมเอ็งเด้งดีจังเลย ขอข้าดูดหน่อยเหอะวะ” เสียงจากขุนไกรดังตอบมา
จากนั้นก็มีเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด ดังเป็นจังหวะต่อเนื่อง ส่งผลให้เด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ในลานข้างล่าง หยุดเงี่ยหูฟังเสียงนั้นอย่างสนใจ
“เฮ้ย ไอ้พลายแก้ว พ่อมึงจะฆ่าแม่มึงซะละมั้ง” เสียงจากเด็กชายหัวล้าน ตัวดำ หน้าตาน่าเกลียด ดังขึ้น
“ไอ้ช้างบ้า มึงหัวล้านแล้วยังไม่มีความคิดอีก พ่อแม่ของพลายแก้วเขารักกันอย่างนั้น จะมาฆ่ากันได้ยังไง รูปชั่วตัวดำ แล้วยังคิดอุบาทว์อีก”
เสียงใสๆ ดังมาจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ หน้าใส ฟันมีเขี้ยวสองข้าง แถมด้วยลักยิ้มสองข้าง น่ารักน่าชังนัก
“เฮ้ย พ่อแม่ข้า เขารักกันอย่างที่น้องพิมบอกแหละ เอ็งคิดบ้าๆ”
เสียงจากเด็กชายหน้าตาหล่อเหลาน่าเอ็นดู อนาคตภายภาคหน้าต้องเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างแน่นอน
“ก็กูได้ยินอยู่นี่ไง มึงมาฟังสิ เสียงครางของแม่มึง เสียงพูดของพ่อมึง กูจำได้ มาซิ มาฟังดูซิ ยังดังอยู่เลย”
เด็กชายช้างพูดขึ้น (เด็กชายช้าง เป็นบุตรชายของขุนศรีวิชัย และนางเทพทอง ซึ่งร่ำรวยมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีของเมืองสุพรรณบุรีทีเดียว)
“ไหนวะ ถ้ามึงโม้ มึงโดนตีนกูแน่ ไอ้ช้าง” พลายแก้วพูด พลางชวนพิมพิลาไลเดินเข้ามานั่งยองๆ ฟังอยู่ใต้บ้านข้างๆ กับเด็กชายช้าง
“เออ จริงๆ ด้วยนะ พลายแก้ว พ่อของเธอ กำลังทำร้ายแม่ของเธอแน่ๆ เลยนะ” พิมพิลาไลยกระซิบเบาๆ ข้างหูพลายแก้ว
(พิมพิลาไลย เป็นบุตรสาวของพันศรโยธา และนางศรีประจัน ซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อค้า)
“วะ เอาไงดี ข้าชักเป็นห่วงแม่ข้าแล้ว เราหารูแอบดูดีไหม ถ้าเห็นพ่อข้าแกกำลังจะทำร้ายแม่ของข้า เราไปเรียกคนอื่นมาช่วยดีหรือเปล่า”
พลายแก้วเอ่ย และแล้วเด็ก ๆ ทั้ง ๓ ก็เดินด้อมๆ มองๆ อย่างเงียบกริบขึ้นไปบนเรือน ค่อยๆ ย่อง หารูเพื่อมองเข้าไปยังภายในห้อง
แต่แล้วเด็กชายช้างก็เจอก่อน มันเป็นรูที่แตกจากฝ้ากระดานที่แห้ง มีรูแยกเกิดขึ้น จึงได้ทาบตาเข้าไปมอง
แล้วก็ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง พลายแก้วสังเกตเห็นอาการจึงเข้ามาดึงตัวเด็กชายช้างออกมา
แล้วทาบสายตาของตนเข้าไปแทนแล้วพลายแก้วก็ได้เห็นภาพ นางทองประศรี มารดาของตน
กำลังถูกบิดาของตนทำร้าย จริงๆ โดยบิดาของตนเอาทวนเนื้อ แทงเข้าไปในตัวของมารดาตน จนมิดด้ามทุกๆ ครั้ง
แถมทุกๆ ครั้งยังมีการกัดฟัน ขบกราม และคำรามเบาๆ ออกมา ส่วนมารดาของตน ก็คงจะทรมาณมาก
เพราะเห็นเอามือสองข้างมาจับแขนของบิดา เหมือนกับจะห้ามไม่ให้ทำ แต่กลับเด้งสะโพกรับ จนนมสองเต้า กระเพื่อมไปมา รับการแทงของบิดา
“พลายแก้ว ๆ ของพิมดูมั่งซิ” พิมพิลาไลยกระซิบบอกกับพลายแก้ว พลายแก้วจึงถอยออกมาให้พิมพิลาไลยได้ดูบ้าง
พิมพิลาไลย ดูได้ซักพัก ก็ถอนตัวออกมา แล้วเดินลงเรือนไปในพุ่มไม้ด้านล่าง โดยไม่พูดไม่จากับใครเลย
เด็กชายช้างก็รีบเข้ามาแทนที่รูนั้นทันที ส่วนพลายแก้วก็เดินตามพิมพิลาไลยลงไป ด้วยเป็นห่วงว่านางจะไม่สบาย
พิมพิลาไลย เดินหลบเข้ามาในดงไม้มิดชิด และเริ่มแก้ผ้าออกทีละชิ้น เริ่มจากถอดเสื้อออก
มองเห็นหน้าอกที่เริ่มตูมน้อยๆ หัวนมน้อยๆ แดงชูชันอย่างเห็นได้ชัด ตามมาด้วยผ้านุ่ง
มองเห็นหีที่ยังไม่มีขนขึ้นสักเส้นเลย ขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา โหนกนูนพูนงาม สองแคมปิดสนิท ซึ่งมีน้ำเยิ้มๆ ออกมา
เมื่อถอดเสื้อผ้าเสร็จพิมพิลาไลยก็นั่งลงกับพื้น แล้วเอานิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่ร่องหีที่ปิดสนิท
แตดอันน้อยๆ ยังไม่โผล่หัวออกมา ก็ถูกนิ้วคลึงเคล้าจนกระทั่งมันเริ่มพองตัวสู้มือออกมา
พิมพิลาไลย รู้สึกเสียวอย่างมาก ตั้งแต่ได้ดูพ่อกับแม่ของพลายแก้วเย่อกัน
จึงได้มาทำการตกเบ็ดตามที่ได้เคยเห็นพวกบ่าวสาวๆ มันแอบทำกัน ยิ่งเธอบี้แตดแรงเท่าไหร่
เธอก็ยิ่งเสียวมากขึ้น น้ำเหนียวไหลเยิ้มออกมาเปียกมือของเธอจนเป็นมันเยิ้ม
พลายแก้วที่เดินตามมาทีหลังก็หาพิมพิลาไลยไม่เจอ จึงนั่งรออยู่ที่ริมพุ่มไม้แห่งหนึ่ง รอจนหลับไป
ขุนไกรที่กำลังกระแทกหีเมียตัวเองอย่างเมามัน กระดกตูดอย่างถี่ยิบ ตัวก็ก้มลงไปฟัดหัวนมนางทองประศรีที่เด้งไปมา
รูหีที่รัดควยของขุนไกรเป็นฟองขาว น้ำเงี่ยนไหลเยิ้มลงไปเปียกที่นอนไปหมด
นางทองประศรีร้องครางอย่างถึงใจกับความสุขที่ผัวประทานให้ พลางเด้งตูดรับการกระแทกอย่างเต็มใจ
พร้อมแอ่นนมให้ขุนไกรดูดนม ขุนไกรกระแทกจนเกือบจะเสร็จ ก็หยุด แล้วให้นางทองประศรียืนขึ้นให้เห็นรูปร่างชัดเจน
นมของนางทองประศรีคล้อยเล็กน้อยแต่ปลายงอนช้อยขึ้น หัวนมสีน้ำตาล ตั้งชูชันเป็นเม็ดเขื่อง
เนื่องจากอายุที่ไม่น้อยและการมีบุตรแต่ยังไม่ทำให้เสียความสวยงาม แต่กลับเพิ่มความงามของสาวใหญ่
ต่ำลงมาเป็นหน้าท้องที่อวบยุ้ยน้อยๆ และมาถึงโหนกนูน ที่มีปุยขนดำขลับเปียกน้ำเงี่ยนชุ่มโชกจนลู่ลง
ขุนไกรมองดูรูปร่างของนางทองประศรีแล้วกล่าวชมว่า
“เอ็งนี่รูปร่างยังมีเสน่ห์เสมอเลยนะ ข้ามองยังไงก็ไม่เบื่อ”
“พี่ขุนนี่แหละ ตัวพี่ขุนเองก็หล่อไม่เบาเหมือนกันน้า” ทองประศรีกล่าวเขินๆ
“มามะ เอ็งคลานขึ้นมาบนตัวข้านี่มา มาขี่ข้าบ้างซิ ข้าทำให้เอ็ง เมื่อยเอวไปหมดแล้ว”
ขุนไกรกล่าว พลางนอนลงกับที่นอน ทำให้ลำควยท่อนเขื่องขนาดความยาวไม่น้อยกว่า ๖ นิ้ว ตั้งเด่
หัวบานเป็นดอกเห็นสีม่วงแก่ กระดกไปมารอรูหีที่จะมาถึง
ศรีประจันก็คลานเข้ามาจูบที่ควยของผัวรัก พร้อมอ้าปากอมหัวควยเข้าปาก พลางขยอกหัวควยไปมา
ทำให้ขุนไกรเสียวจนแทบระเบิด แล้วดึงตัวเมียรักขึ้นมา นางทองประศรีก็คลานขึ้นมาบนตัวผัวรัก
นั่งยองๆ แล้วค่อยๆ จับควยของขุนไกร สอดเข้ามายังช่องทางรักอันฉ่ำเยิ้มของตนเอง
แล้วค่อยๆ ห่มตัวลง ให้หัวควย ค่อยๆ แทรกผ่านช่องรูหีเข้าไปทีละน้อย พลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า พร้อมสูดปากเบาๆ
ขุนไกรที่ทนเสียวไม่ได้จึงกระแทกควยขึ้นใส่รูหีของนางทองประศรีจนมิดโคน หัวควยไปยันมดลูกของนาง
ทำให้นางทองประศรีซีดปากด้วยความเสียว พลางทุบไปที่ขุนไกร
“พี่ขุนนี่แหละ ชอบกระแทกข้าแรงๆ อย่างงี้ อีกหน่อย หีข้าพังไปละ พี่จะรู้สึก”
“ทองประศรีเอ๋ย หีเอ็งน่ะชั้นหนึ่งนัก ข้าเอาเอ็งมาตั้งแต่ยังสาวๆ จนตอนนี้ก็ยังฟิต ดูดควยของข้าไม่มีเปลี่ยน จะไม่ให้ข้าชอบกระแทกเอ็งได้ไง”
ขุนไกร กล่าวพลางเด้งตูดรับการไสจากนางทองประศรี จนในที่สุด นางทองประศรีก็ร้องครางออกมาดังๆ
“เร็วๆ พี่ขุน เด้งรับข้าหน่อย ข้าจะถึงแล้ว”
“เออ มาเลย เข้าเด้งสุดแรงแล้ว” ขุนไกร กล่าวพลางเด้งตูดรับการกระแทกจากนางทองประศรีเป็นพัลวัน
“เร็วอีกพี่ขุน อีก อีกกกก” นางทองประศรีกระแทกหีใส่ควยของขุนไกรเป็นครั้งสุดท้าย แล้วตัวสั่นนอนฟุบไปกับตัวของขุนไกร
เด็กชายช้างแอบดูถึงตอนนี้ก็รีบถอยออกมาจากรู แล้วย่องอย่างเงียบกริบลงลงไปจากเรือนของขุนไกร แล้วก็เดินไปที่ดงไม้
เห็นพลายแก้วนอนหลับอยู่ ส่วนพิมพิลาไลย ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน จึงเดินหา แล้วก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากดงไม้ด้านข้าง
เด็กชายช้างจึงแอบย่องเข้าไปด้วยหวังว่าจะได้ดูหนังสดอีก
แต่ภาพที่ได้เห็นก็คือ พิมพิลาไลย นอนแก้ผ้าล่อนจ้อนตัวขาวโพลน ผิวเนียน กำลังเอานิ้วแหย่ไปในรูหีตัวเอง
พลางร้องครางออกมา นิ้วก็สอดเข้าไปในรูหีที่คับแคบได้เพียงนิ้วเดียวนั้นเป็นมันเยี้ม พิมพิลาไลยเด้งตูดสู้นิ้วตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต
ทำให้เด็กชายช้างที่แอบดูอยู่ รู้สึกเสียวๆ ที่ไอ้ช้างน้อยตัวเอง มันเริ่มพองก๋าสู้ออกมา
สักพักพิมพิลาไลยก็ถึงจุด นอนนิ่งไป เด็กชายช้างแอบดูอยู่สักพัก รู้สึกไม่มีอะไรแล้วก็เดินกลับบ้านของตนเองไป
ทิ้งให้พิมพิลาไลยนอนแก้ผ้าอยู่ตรงนั้น
ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ ๒ (การพลัดพราก)
ในที่สุดวันที่สมเด็จพระพันวษา จะเสด็จมาประพาสล่าควายป่าก็มาถึง สมเด็จท่านมีพระพักตร์สี่เหลี่ยม คิ้วดกหนา จมูกโด่งตั้งตรง ริมฝีปากบาง
แสดงให้เห็นถึงลักษณะของคนที่มีอารมณ์ร้อน แต่เป็นคนตรงและมีความจริงใจเป็นที่ตั้ง
ท่านเสด็จมาประพาสยังเมืองสุพรรณบุรีนี้แห่งนี้ ก็เพราะว่าท่านอยากจะได้เจอกับขุนไกรพลพ่าย ซึ่งเคยเป็นทหารที่ตามรับใช้ท่านมา
ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นเพียงรัชทายาทเท่านั้น ขุนไกรเป็นนายทหารที่มีความเก่งกาจ คาถาอาคมก็ขมังนัก นิสัยก็เป็นคนซื่อสัตย์ไม่โลเล
ดังนั้นท่านจึงเลือกที่จะเสด็จมายังที่แห่งนี้ เพื่อมาพบกับขุนไกรโดยเฉพาะ
วันนั้นขณะที่ขุนไกรได้ล่ำลาเมียรักจนฉ่ำเยิ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะไปรับเสด็จสมเด็จพระพันวษา
ทิ้งให้นางทองประศรีนอนอยู่เพียงคนเดียวในห้อง ซี่งขณะที่ขุนไกรกำลังจะเดินออกจากบ้านนั้น ก็ปรากฏลางร้ายเกิดขึ้นคือ
จิ้งจกตัวหนึ่ง ได้ตกลงมาตายต่อหน้าขุนไกร ทำให้ขุนไกรซึ่งรอบรู้ในเรื่องไสยเวทย์ต่างๆ ต้องหยุดชะงักและต้องมาทำนายทายทักตัวเอง
โดยหยิบเอากระดานชนวนขึ้นมา แล้วเริ่มทำนายตามหลักโหราศาสตร์ที่ได้ศึกษามาเป็นอย่างดี
แต่ต่อให้ขุนไกรขีดเขียนและทำนายตนเองอย่างไร ก็ไม่ปรากฏผล เหมือนดังกับมันไม่มีอะไรให้ทำนาย
สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ขุนไกรอย่างยิ่ง ดังนั้นขุนไกรจึงลุกขึ้นยืนและลงจากเรือนไป
ซึ่งขณะนั้นนางทองประศรีได้ลุกขึ้นมาส่งสามีที่หน้าต่าง แต่นางทองประศรีก็พบว่า สามีไม่มีเงาหัว
เหมือนดังกับมีใครตัดศรีษะของสามีไปฉะนั้น นางขยี้ตาอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดศรีษะของขุนไกรก็กลับมาอีกครั้ง
นางศรีประจันรู้สึกไม่สบายใจ และไม่อยากจะให้สามีของนางจากไปเลย รู้สึกอ้างว้างไม่อยากให้สามีจากไปเลย
ณ ที่ประทับของสมเด็จพระพันวษา ขุนไกรได้เดินทางมาถึงพร้อมกับทหารในสังกัด
เมื่อมาถึงแท่นที่ประทับขุนไกรและทหารติดตามก็ลงจากหลังมา และคลานมาเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน
“เออ ว่าไงวะ ไอ้ขุนไกร ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะ ฮ่ะ ฮ่ะ ข้าละดีใจที่ได้เจอเอ็ง เป็นไงได้ข่าวว่าได้ลูกชายใช่มั้ย...
เอ็งมันโชคดีจริงๆ เลยว่ะ ข้าเองยังไม่มีซักคน มีแต่อีสาวๆ ทั้งนั้น” สมเด็จพระพันวษาตรัสทักทายขุนไกร
“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระพุทธเจ้า มีบุตรชายคนหนึ่ง ชื่อพลายแก้วพระเจ้าข้า...
เนื่องจากตอนที่ภรรยาของข้าพระพุทธเจ้าตั้งท้องนั้น ฝันว่ามีช้างพลายเผือกวิ่งมาเข้าในท้องพระเจ้าข้า เลยตั้งชื่อตามนั้น” ขุนไกรถวายบังคับตอบ
“เรอะ งั้นลูกเอ็งก็มีบุญไม่เบา วันหลังเอ็งพามาเข้าเผ้าข้าซิ แล้วข้าจะตั้งให้มันเป็นมหาดเล็ก จะได้รู้จักเข้าเจ้า เข้านายได้ ดีมั้ย ไอ้ขุนไกร”
สมเด็จพระพันวษาตรัส พลางมองลงมาที่ตัวขุนไกรที่กำลังหมอบอยู่ด้านล่าง พลางเสด็จลงจากแท่นที่ประทับ
แล้วเสด็จดำเนินไปขึ้นม้าพระที่นั่ง พลางพยักพระพักตร์ให้ขุนไกรแล้วตรัสอีกว่า
“มา เอ็งไปต้อนควายป่ามาให้ข้าล่าได้เล้ว เดี๋ยวเสร็จแล้วไปกินข้าวกะข้า”
ขุนไกรรับคำ แล้วลุกขึ้นเรียกบรรดาทหารคนสนิทให้ขึ้นม้า แล้วกระตุ้นม้าควบนำหน้าหายเข้าไปในป่า
สักพักเดียวก็ได้ยินเสียงป่าแตกครืนครั่นมาแต่ไกล บัดดลก็ปรากฏฝูงควายป่าวิ่งแตกตื่นมายังด้านหน้าของที่ประทับของสมเด็จพระพันวษา
แต่ไม่มีสักตัวเดียวที่ยอมวิ่งมาเข้าในคอก เหมือนกับรู้ว่าถ้ามันเข้ามาอยู่ในคอกนั้น มันจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาสู่ป่าอีกเลย
เมื่อฝูงควายป่าตัวหน้าๆ ไม่ยอมเข้าคอกแต่แตกตื่นหนีออกมาด้านข้างนั้น ก็ทำให้บรรดาทหารของขุนไกร ระส่ำระสาย
เนื่องจากจะฆ่ามันก็กลัวพระอาญา แต่ถ้าไม่ฆ่ามันก็จะโดนมันฆ่า สุดท้ายก็เลยแตกฮือ เป็นฝึ้งแตกรัง
ปล่อยให้ฝูงควายป่าวิ่งหนีออกไปจากวงล้อม สร้างความพิโรธ แก่สมเด็จพระพันวษาเป็นยิ่งนัก จึงตะโกนด้วยความโกรธว่า
“ไอ้ขุนไกร มึงทำงานกันยังไงหา ฝูงความป่ามันแตกหนีไปหมดแล้ว ถ้ากูไม่ได้ล่ามัน มึงต้องโดนกูลงโทษแน่ รีบๆ ไปต้อนมันกลับมาเดี๋ยวนี้”
ขุนไกรได้ฟังรับสั่งดังนั้น ก็ตกใจตัวสั่น รีบชักม้าเข้าไปต้อนความป่าเหล่านั้นกลับมา แต่บรรดาควายป่าเหล่านั้นไม่ยอมกลับมา
แถมยังพยายามจะขวิดขุนไกรด้วย แต่ไม่เข้า ด้วยขุนไกรมีอาคมขลัง ขุนไกรจึงเอาหอกแทง แต่ด้วยความซวยมาถึง
ทำให้แทงไปทีไรโดนจุดตายทุกตัว ควายป่าล้มตายไปหลายตัว ที่เหลือก็แตกฮือหนีเข้าป่าไป สร้างความพิโรธให้แก่สมเด็จพระพันวษาเป็นอย่างยิ่ง
ขุนไกรเมื่อไม่สามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จ จึงขี่ม้าอย่างเหงาหงอย กลับมายังหน้าพระที่นั่ง แล้วคลานเข้ามากราบทูลว่า
“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ความป่าเหล่านั้นมันไม่ยอมจะเข้ามาในคอกพระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจึงต้องฆ่ามันพระเจ้าข้า”
“เออ กูเห็นแล้ว มึงฆ่าควายป่าของกูตายเกลี้ยง ไม่เหลือให้กูฆ่าเลย มึงเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย หา ไอ้ขุนไกร เอา เอา...
ถ้ามึงต้องการฆ่า กูก็จะสงเคราะห์มึง เฮ้ย ทหาร เอาตัวไอ้ขุนไกรไปตัดหัวซะ” สมเด็จพระพันวษาตรัสด้วยความโกรธกริ้วอย่างแรง จึงทรงรับสั่งไปโดยไม่ยั้งคิด
ขุนไกรตัวสั่นด้วยกลัวพระอาญา ใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงลูกเมียอย่างเหลือแสน บรรดาทหารก็ฉุดกระชากลากถูให้ขุนไกรมายังลานกว้าง แล้วให้นั่งรอ
ขณะนั้นเพชฌฆาตก็ออกมาพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ ขุนไกรก็นั่งลงน้อมรับอาญาอย่างไม่ส่งเสียงอันใด ขณะนั้นเองสมเด็จพระพันวษาก็ทรงตรัสกับขุนไกรว่า
“มึงมีอะไรจะขอกูเป็นครั้งสุดท้ายมั้ยวะ ไอ้ขุนไกร”
ขุนไกรเงยหน้าขึ้นแล้วทูลสมเด็จพระพันวษาว่า
“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าขอสั่งเสียกับทหารคนสนิทสักหน่อยเถิดพระเจ้าข้า”
สมเด็จพระพันวษาก็พยักพระพักตร์ ให้ทหารคนสนิทของขุนไกรเข้าไปรับฟังคำสั่งเสียของขุนไกร เมื่อทหารคนสนิทเดินมาถึง
ขุนไกรก็กระซิบกับทหารคนสนิทเบาๆ แล้วทหารคนสนิทก็เดินออกมา แล้วกระโดดขึ้นควบมาจากไปทันที
“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าสั่งเสียเรียบร้อยแล้วพระเจ้าข้า” ขุนไกรทูลตอบแล้วก้มหน้าลงรอรับคมดาบ
ซึ่งขณะเดียวกันนั้น ขุนไกรก็พนมมือบริกรรมอาคม แล้วลูบไปยังที่คอของตนแล้วนั่งนิ่งอยู่
เพชฌฆาตก็เงื้อดาบขึ้นสุดมือ แล้วฟันลงสุดกำลัง !!!
เฮือก นางทองประศรีสะดุ้งตื่นจากความฝัน มันช่างเป็นความฝันที่เหมือนจริงเสียนี่กระไร
นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงเรือนมา พร้อมกับเรียกหาบุตรชายของนางพลายแก้ว
ขณะนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นมา นางจึงหันไปดู เห็นนายทวนทหารคนสนิทของขุนไกรควบม้าเข้ามาที่บ้านของนาง แล้วลงจากม้า
พร้อมกับบอกกับนางว่า
“เรียนนายหญิง ข้านำข่าวจากพี่ขุนไกรมา พี่ขุนไกรทำความผิดต้องพระอาญาของพระเจ้าอยู่หัว ต้องโดนตัดหัว...
แต่พี่ขุนไกรได้สั่งข้าให้พานายหญิง กับนายน้อย เดินทางหนีไปอยู่ที่อื่น เพื่อหนีพระอาญา ไม่ต้องโดนนำตัวไปเป็นทาสขอรับ”
นางทองประศรีได้หังดังนั้นแล้ว ก็ล้มลงสลบเป็นลมในทันที ร้อนถึงนายทวนทหารคนสนิท ต้องรีบอุ้มนางขึ้นบนเรือนแล้วทำการปฐมพยาบาลให้นางฟื้นขึ้นมา
ขณะที่นายทวนกำลังปฐมพยาบาลให้นางทองประศรีฟื้นขึ้นนั้น ถ้าแถบของนางก็หลุดออก เผยให้เห็นนมทั้งสองเต้า ขาวลออ อยู่ตรงหน้า
หัวนมสีน้ำตาลอ่อน ตั้งอยู่บนยอดสุด นมของนางถึงแม้จะคล้อยมาบ้างเนื่องมาจากการใช้งานหนัก แต่ยังทรงเสน่ห์ ทำให้นายทวนทหารคนสนิทหยุดชะงัก
จ้องมองจนตาแทบจะถลนออกมา สองมือสั่นเทา ยกขึ้นมาจับที่เต้าเต่งของนางทองประศรี แล้วค่อยๆ เคล้นคลึง
เต้าของนางแม้จะไม่สู้มือเหมือนกับเต้าของหญิงสาวรุ่นกำดัด แต่ยังดีดสะท้อนมือดีอยู่ นายทวนทหารคนสนิทก็ใช้นิ้วมือ คีบดึงเบาๆที่หัวนมของนาง
ทำให้มันเขม็งตึงชี้ชูชันขึ้นมา นายทวนทนไม่ไหวก้มตัวลงดูดเต้านมของนาง เม้มหัวนมเข้ามาในปากดูดเม้มด้วยไรฟันเบาๆ
ทำให้นางทองประศรีส่งเสียงครางออกมาเบาๆ แล้วเอามือกดหัวของนายทวนให้แนบติดกับเต้านมของนาง ทำให้นายทวนได้ใจ
เอามือดึงผ้านุ่งของนางทองประศรีออกมา แล้วใช้มือจับไปบนโคกของนางที่ปกคลุมด้วยพงขนดำขลับ พร้อมกับใช้นิ้วกลางเกี่ยวดึงเอาเม็ดแตดของนางทองประศรี
จนมันแข็งเด่สู้มือ และตรงรูก็เริ่มมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา นายทวนก็ถอยตัวลงมาก้มหน้าลงใช้ลิ้นเสียไปยังแคมหีของนาง
พร้อมกับดูดเม้มที่ยอดแตดของนางที่ขณะนี้ขยายใหญ่จนแทบจะมีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วลิสง
แล้วทำให้นางทองประศรี ยิ่งครางออกมาบิดตัวไปมา แล้วบอกกับนายทวนว่า
“ทวนจ๋า เมียทนไม่ไหวแล้ว เอาควยแทงเข้ามาเถอะ อย่าทรมานเมียอยู่เลย”
นายทวนได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่านางทองประศรีพร้อมแล้ว จึงลุกขึ้นถอดเสื้อ และถอดกางเกงออกปล่อยให้ควยขนาด ๗ นิ้ว ดำมะเมื่อม ตะปุ่มตะป่ำไปทั้งอัน
ออกมาผงกอยู่ข้างหน้านางทองประศรี ทำให้นางทองประศรีตะลึงไปว่า นี่มันควยของคนหรือของม้ากันนี่ แต่นางก็ไม่กลัว
ยื่นมามาจับควยของนายทวนดูดเข้าปาก แต่เข้าได้เพียงแต่ดรึ่งเดียวก็รู้สึกติดในคอ
นายทวนจับหัวของนางทองประศรี ให้รูดควยของเขาเข้าๆ ออกๆ อยู่สักพัก ก็ดึงหัวของนางออก แล้วจับขานางถ่างออก
แทรกตัวเข้าไปตรงกลาง จับหัวบานสีม่วงคล้ำจ่อกับรูหีที่สั่นระริกของนางทองประศรี แล้วกดกระแทกตัวเข้าไปเต็มที่
กึกก หัวควยบานเข้าไปจุกอยู่กับปากมดลูกของนาง ทำให้นางทองประศรีหวีดร้องออกมาด้วยความจุก ปนความเจ็บ และความเสียว
“โอ้ย ทวนขา เบาๆ หน่อยซิคะ หีเมียพังหมดแล้ว เบาๆ นะคะ เดี๋ยวเมียจะตอดให้ทวนเสร็จเลย” ทองประศรีออดอ้อนชายชู้
“ขอรับนายหญิง ข้ากำลังเงี่ยนเลยทำแรงไปหน่อย นายหญิงอภัยให้ข้าด้วยนะขอรับ”
นายทวนกระหืดหระหอบตอบด้วยอารมณ์กระสันเป็นกำลัง เนื่องจากรูหีของนางทองประศรีรัดควยของเขา แน่นมากๆ จนเขาแทบจะเสร็จเลยในทีเดียว
เขาจึงแช่อยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆ ดึงควยออกช้าๆ จนถึงเงี่ยงหยัก ทำให้นางทองประศรีแอ่นตูดตามขึ้นมาด้วยความเสียวที่โดนหัวควยครูด
แล้วนายทวนก็แทงสวนกลับไปดังฟุบ พร้อมกับก้มลงดูดฟันนมทั้งสองเต้าของนางทองประศรี ที่เด้งกระเพื่อมไปมาล่อตาล่อปากยิ่งนัก
ควยอันใหญ่โตวิ่งเข้าวิ่งออก แต่ละครั้งก็ทำให้แคมของนางทองประศรี ยู่เข้ายู่ออก ตามจังหวัะ น้ำเงี่ยนไหลทะลักไม่ขาดสาย
ชโลมอยู่บนลำควยเป็นมันเลื่อม แตดของนางชี้เด่ออกมา ขี่อยู่บนควยของนายทวน ทำให้นางทองประศรีรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยมาก่อนตั้งแต่ได้ผัวมา
นายทวนกระเด้านางทองประศรีได้สักพัก รู้สึกว่าจะเสร็จก็หยุด แล้วจับนางทองประศรีคลานสี่ขา ท่านี้ทำให้แคมหีของนางทองประศรีย้อยมาด้านหลัง
นายทวนก็จ่อทวนคู่กาย แล้วกระแทกอัดเข้าไปในรูของนางทองประศรีที่เยิ้มเปียกอยู่ในทันที เสียงดังฟุบ น้ำเงี่ยนแตกกระจายออกมาบนที่นอน
เพราะรูหีโดนหัวควยขนาดใหญ่ตอกเข้าไปกระทันหัน ส่งผลให้นางทองประศรีร้องครางออกมาดังๆ ด้วยความเงี่ยน นายทวนไม่ฟังเสียง
กระแทกควยเข้าออกหีของนางอย่างไม่กลัวฟัง พวงไข่กระแทกตูดนางดังแปะ แปะ นายทวนกระแทกถี่ยิบ
ทำให้นางทองประศรีเสียวจนทนไม่ไหวชิงเสร็จไปก่อนแล้วหนึ่งที แต่นายทวนก็ยังไม่เสร็จ จับนางทองประศรียืนขึ้น แล้วช้อนขาของนางขึ้นข้างหนึ่ง
อีกมือหนึ่งจับควยจ่อเข้าไปที่รูที่ที่อ้าโบ๋ เพราะโดนควยขนาดใหญ่ทะลวง แล้วกระเด้าควยเข้าไปในรูหีที่ขมิบยวบๆ อยู่อย่างเร่งร้อน
นางทองประศรีซึ่งขณะนั้นเสร็จไปแล้ว ไม่เคยเจอกับลีลาขนาดนี้ ถึงกับร้องครางออกมาอย่างไม่อาย แล้วจับบ่าของนายทวนไว้
ตูดก็เด้งรับการกระแทกของนายทวนอย่างไม่หยุดยั้ง
จนในที่สุด นายทวนก็ทนไม่ไหว กระแทกสุดแรงเกิดจนหัวควยมุดไปจอดที่หน้ามดลูกของนางทองประศรีแล้วส่งน้ำควยเข้าไปอาบมดลูกของนาง
นางทองประศรีรู้สึกอุ่นวาบที่มดลูกก็เสร็จไปอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากเสร็จกามกิจแล้ว นายทวนก็เร่งให้นางทองประศรี รีบเก็บข้าวของแล้วย้ายหนีไปโดยทันที แล้วนายทวนก็จากไป
ทิ้งให้นางทองประศรีเรียกหาพลายแก้ว แต่พลายแก้วก็เหลือเกินตอนนี้ไม่รู้ไปไหน ทิ้งให้นางเก็บข้าวของอยู่คนเดียวขณะที่นางเก็บข้าวของอยู่นั้น
พลายแก้วก็เดินขึ้นเรือนมา นางเข้ามากอดพลายแก้วแล้วร้องไห้ เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่พ่อขุนไกรต้องอาญาแผ่นดิน โดนตัดหัวไปแล้ว
แล้วให้ทหารคนสนิทมาเตือนให้นางแม่ลูกหนีอาญาแผ่นดิน พลายแก้วได้ฟังดังนั้นในหัวใจดวงน้อยๆ ของเด็ก ๙ ขวบ รู้สึกเสียใจร่ำไห้ แต่ก็เข้มแข้ง
จูงมือแม่พาลงจากเรือน แล้วถามแม่ว่าเราจะไปที่ไหน นางทองประศรีระงับความเศร้าโศกแล้วก็คิดถึงว่า
นางมีญาติผู้พี่อยู่คนหนึ่ง อยู่ที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี เห็นทีนางจะต้องไปขอพึ่งพาให้เขาช่วยอุปการะครอบครัวนาง
แล้วนางจึงจูงพลายแก้วออกเดินทางไปสู่จังหวัดกาญจนบุรีทันที