ตั้งแต่จำความได้ ชุมชนที่ผมอยู่มักมีงานประเภทที่ต้องได้รวมกลุ่มกันเป็นระยะ ไม่ว่าจะงานบวช งานศพ งานแต่ง งานสังสรรค์ทั่วไป
บ้านเจ้างานไหนที่เค้าค่อนข้างมีฐานะก็จะมีหนังกลางแปลง ลิเกด้วย แล้วแต่เจ้าภาพของแต่ละบ้าน ชุมชนที่นี่คอนข้างแข็งแรง แต่ละบ้านรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี
ภาพที่เห็นกันมาอย่างต่อเนื่องคือ กลุ่มคนเฒ่าคนแก่ แม่บ้านแล้วก็ลูกสาว หลานสาว มักจะรวมตัวกันแต่เช้า เพื่อประกอบกิจกรรมหุงหาอาหาร
ทุกอย่างจัดเตรียมกันเองหมด ทำกันตั้งแต่เช้ามืด ขลุกกันอยู่แต่ในครัว หรือลานกว้าง ๆ ด้านหลังบ้าน ข้างบ้านที่จัดงาน
อีกกลุ่มคือกลุ่มผู้ชายสูงอายุ จะนั่งยืน จับกลุ่มคุยกัน เตรียมงาน เตรียมพิธี สั่งการ ดูแลความเป็นไปทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ขาดตกบกพร่อง บ้างสูบบุหรี่ บ้างดื่มเหล้ากันแล้วแต่จะถนัด
ส่วนวัยหนุ่มวัยรุ่นทั้งหลายต่างมารวมตัวกัน ตั้งวงดื่มกิน ร้องรำทำเพลง กันตามประสา ทุกอย่างที่เห็นจะเป็นไปด้วยความรื่นเริง บันเทิงเป็นอย่างยิ่ง
เด็ก ๆ อย่างพวกผมก็หนีไม่พ้นกับการวิ่งเล่นตามประสา สุดแล้วแต่จะสรรหากันได้ เลิกจากสิ่งที่เล่นอยู่หลังจากถูกผู้ใหญ่ห้ามเตือนไม่ให้เล่น
ก็หันไปเล่นอย่างอื่นต่อ แม้ว่าจะต้องโดนดุอีก ก็ยอม
เด็กกลุ่มผู้หญิงก็มีเล่นด้วยกัน แต่หลังจากโดนผู้ใหญ่ดุห้ามเตือน เด็กผู้หญิงก็จะทยอยเลิกเล่นแล้วหันไปเล่นอะไรที่เบา ๆ บ้างจับกลุ่มเล่นกันตามประสาเด็กผู้หญิง
หลายครั้งที่พวกผมก็ไปเล่นแบบผู้หญิงกับพวกเค้าด้วย มีเหมือนกันที่ต้องถูกเรียกเข้าครัว เพื่อให้ช่วยหยิบจับอะไรบ้าง ไม่นานนักพวกเราก็ค่อย ๆ หลบหนีออกมาทีละคนสองคน
กิจกรรมที่เห็นจนชินตาหลังจากเสร็จภารกิจหลักของแต่ละคนแล้ว คือจะมีสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มดื่มเหล้า ร้องรำทำเพลง ส่วนมากอยู่หน้าบ้าน
นอกบ้าน อีกกลุ่มเป็นกลุ่มล้อมวงกันเล่นไพ่ ไฮโล กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มใหญ่เหมือนกัน เสียงเฮดังขึ้นเป็นระยะ ๆ กองเชียร์ก็มี คนเล่นก็เยอะ บางทีก็หลายวง ส่วนมากเล่นกันในบ้าน
วัยรุ่นที่โตแล้ว อย่างพวกสาว ๆ บ้างก็นอน บ้างก็ดูทีวีกันตามประสา เด็กหนุ่มก็ไป ๆ มา ๆ ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าออกเรื่อย ซื้อของบ้าง ซื้อเหล้าบ้าง แล้วแต่
เด็ก ๆ อย่างพวกผมทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ส่วนมากก็วิ่งไปมาระหว่างสองกลุ่มใหญ่เนี่ยแหละ เสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหาร สุดแล้วแต่ใครจะให้หยิบอะไร
ถ้าเป็นวงไพ่ วงไฮโล ก็จะได้เศษเงินติดไม้ติดมือมาไว้ซื้อขนมกินเล่น แค่ไม่กี่ตังพวกเราก็ดีใจกันเป็นอย่างมากแล้ว ส่วนกลุ่มกินเหล้า ก็จะให้หยิบโซดาบ้าง
หยิบน้ำแข็งบ้าง เศษตังค์ได้กับเขาอยู่เหมือนกันก็ตอนที่พวกเขาให้ไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเหลือเศษ หรือไม่คนดื่มเหล้าแรก ๆ แล้วจะใจดี
มีเศษตังค์ทอนหรือไม่มีก็จะควักแบงค์มาให้ต่างหากอีก
ภาพต่าง ๆ เหล่านี้ติดตา ติดใจเด็ก ๆ อย่างพวกผมมาเรื่อย ๆ บางทียังจับกลุ่มล้อมวงเอาไพ่ที่มันลอกเห็นลายเห็นหลังกันแล้ว ที่เค้าไม่ใช้เล่นกันแล้ว เอามาล้อมวงนั่งเล่นกันไปตามประสา
ตกเย็นก็จะเอาเสื่อมาปู เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาปู บางทีเอาหมอนผ้าห่มมาด้วยเลย เพื่อนั่งดูหนังกลางแปลง ลิเก แล้วแต่งาน
ทุกอย่างอยู่ในความทรงจำ และรับรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ อย่างนี้ตลอดมา เมื่อเติบใหญ่ เพื่อนฝูงที่เล่นกันมาบ้างแตกกลุ่มออกไป บ้างเปลี่ยนแนวเล่น หลายอย่างสุดแล้วจะแตกต่างกันไป
ตอนนี้พวกผมเหลือที่สนิทกันเป็นอย่างมาก ไปไหนไปกัน เล่นไหนเล่นกัน ก็แค่ 5 คน แต่เป็นห้าคนที่สุดจะสนุกเหนือคำบรรยาย ไอ้จ้อยเพื่อนรักเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก ๆ
บ้านอยู่ติดกันเลย วัยสิบสี่ปีเท่ากัน พี่สาวผม โตกว่าผมสองปี แล้วก็ผู้หญิงคู่แฝดรุ่นพี่ผมปีนึง ทั้งหมดเล่นด้วยกันแทบจะเรียกเป็นรุ่นเดียวกันได้เลย แม้ผมกับ
ไอ้จ้อยจะดูยังไม่โตเท่าไหร่นัก เพราะพวกผู้หญิงช่วงนี้เค้าจะโตเร็วกว่าพวกผม ไม่ว่าหุ่น รูปร่าง นิสัยก็เปลี่ยนไป แต่ที่ไม่เปลี่ยนก็คือความสนิทสนมที่
พวกเราห้าคนมีให้กัน ถึงขนาดผู้ใหญ่ยังเสียดายที่น่าจะให้เกิดมาเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเลย พวกเราคลุกคลี กิน เล่น ด้วยกันมาตลอด เรียนยังเรียนโรงเรียนเดียวกันเลย เช้า ๆ
ก็จะออกมารอไปพร้อมกัน บางคนตื่นสายก็เข้าไปปลุกถึงที่นอนกันเลยทีเดียว กลางวันก็ชวนเพื่อนแต่ละคนรวมกลุ่มกินข้าวเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วเล่นกันตามประสา
เล่นกันแบบเด็ก ๆ เหมือนยังไม่โตกัน ตกเย็นก็รอกลับพร้อมกัน บางทีก็แวะเล่นน้ำกลางทางซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่กำชับนักกำชับหนาห้ามไม่ให้เล่นน้ำตามลำพังเด็ดขาด
แต่พวกเราก็มักจะแอบเล่นกันอยู่เรื่อย ๆ
เพื่อป้องกันเสื้อผ้าเปียก พวกเรามีวิธี เด็กผู้หญิงแม้จะโตแล้วก็ยังใส่กางเกงขาสั้นไปด้วยเสมอ คงยังไม่ชินกับการใส่แค่กางเกงในตัวเดียวภายใต้กระโปรง
ก็ใส่แต่กางเกงขาสั้นกับเสื้อซับในเล่นน้ำ ส่วนพวกผมเด็กผู้ชายก็ใส่แต่กางเกงในเล่น ก่อนกลับพวกเรามักหามุมถอดกางเกงที่เปียกออกบิดน้ำให้แห้งเท่าที่จะแห้งได้
ใส่กลับถึงบ้านก็รีบเปลี่ยน ผู้ใหญ่รู้เกือบทุกครั้ง แต่โดนดุไม่ทุกครั้งไป
เรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ในเรื่องเพศก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัวกันอยู่ มีคุยเล่น ล้อกันบ้างตามประสาวัยกำลังเรียนรู้
มีบ้างที่พวกเราคุยล้อกัน เรื่องนมโต นมเล็ก จู๋เด็ก จู๋ผู้ใหญ่ ดูเป็นเรื่องปกติที่จะล้อเล่นกัน บางครั้งก็เล่นพ่อแม่กัน เอาเสื้อผ้าพ่อแม่มาใส่เล่นกัน เป็นที่สนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราต่างสนิทสนมกัน ต่างไว้วางใจกัน เล่นด้วยกันแบบไม่คิดมาก ไม่มีอะไรซ่อนเก็บเป็นความลับใด ๆ
เรื่องราวอยากรู้อยากเห็นตามวัยที่กำลังเรียนรู้ก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนพี่สาวที่เรียนอยู่ในตัวเมืองมาเที่ยวที่บ้าน อยู่นอนค้างด้วยหลายอาทิตย์ เรื่องราวของเด็กรุ่นพวกผม
ในเมืองเป็นยังไงกัน เพื่อนพี่ต่างมาถ่ายทอดเล่าให้พวกเราฟัง ในขณะที่พวกเราเองทั้งห้าคนต่างใจจดใจจ่อฟังเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความสนใจเป็นยิ่งนัก
นอกจากเรื่องราวที่เล่าออกจากปากแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมที่ออกจะส่อถึงความรู้สึกถึงพริกถึงขิงของพวกเราทั้งห้าคนได้อย่างประทับใจ
ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเล่นตามแบบฉบับของผู้ใหญ่ หลายต่อหลายอย่าง หลายต่อหลายแบบ แต่แบบนึงที่ส่วนตัวผมเองไม่ประทับใจก็คือ ล้อมวงเล่นไพ่
จากที่พวกเราเล่นอะไรกันไม่เป็น จนพวกเราเล่นได้สนุกขึ้นด้วยไพ่ผสมสิบ ใครที่แพ้ก็จะต้องถูกลงโทษ เราเล่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกินน้ำแก้วใหญ่
กินกันจนวิ่งเข้าห้องน้ำกันไม่ทันเลย ฉี่ออกมาเนี่ยใสแจ๋วเลย หรือใครแพ้ก็จะโดนดีดมะกอก เขกเข่า หรือสั่งให้ทำอะไรตลก ๆ หลังจากที่เล่นไพ่แพ้
ก็เป็นเรื่องสนุกสนานกันในกลุ่มพวกเราห้าคน ปิดห้องเล่นกันเงียบ ๆ เดี๋ยวโดนผู้ใหญ่จับได้แล้วจะถูกห้ามเล่นกัน
แต่หลังจากเพื่อนพี่สาวเข้าเกี่ยวข้องด้วยในช่วงอาทิตย์กว่า ๆ พวกเราต่างเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการเล่นแต่ละอย่างไปเลย
ที่โจ่งแจ้งมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นการเล่นไพ่เนี่ยแหละ
การเล่นไพ่ถูกวางกติกาไว้ให้ใครที่แพ้จะต้องถอดเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้น ท่าทาง ความน่าเชื่อถือและความทันสมัยกว่าเพื่อนของเพื่อนพี่สาว
รวมถึงคำพูดคำจา ทำให้พวกเราคล้อยตาม เล่นตามกติกาของเค้า โดยจะมีไพ่โจ๊กเกอร์แยกออกมาสองใบ ใบสีดำกับสีแดง สีดำเป็นคะแนนบวก
สีแดงเป็นคะแนนลบ คนที่แพ้จากการเล่นไพ่ ที่ได้แต้มต่ำสุดคนเดียวจะต้องจับไพ่ทั้งสองใบที่ถูกคว่ำและวางสลับกันไปมาทุกครั้ง
ถ้าคนที่แพ้จับได้ใบสีแดง จะต้องถอดเสื้อผ้าออกจากตัวเองชิ้นนึง ไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าจับได้สีดำ ตัวเองไม่ต้องถอดออก แต่สามารถสั่งให้ใครก็ได้คนนึงถอดออก
ได้หนึ่งชิ้น โดยไม่มีเงื่อนไขเหมือนกัน จะถอดชิ้นไหนก่อนก็ได้ไม่บังคับ หรือว่าถ้าเกิดได้ใบดำแล้วเห็นว่ามีเสื้อผ้าของแต่ละคนที่ถูกถอดกองอยู่ จะ
ไม่บังคับคนอื่นถอดก็ได้ ถ้าได้ใบดำสามารถหยิบเอาเสื้อผ้าที่อยู่ในกองมาใส่ได้หนึ่งชิ้น ว่าแล้วแต่ละคนก็รีบไปหาเสื้อผ้ามาใส่ให้มากชิ้นกว่าปกติ
เพื่อนพี่สาวเลยกำหนดว่าให้ใส่ไม่เกินสี่ชิ้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็สี่ชิ้นอยู่แล้ว ผมกับไอ้จ้อยต้องรีบหามาใส่เพิ่มให้ครบสี่ ผมกับไอ้จ้อยถอดเสื้อออก
เอากางเกงมาใส่ทั้งหมดให้ครบสี่เลย แต่ละคนขำกันใหญ่ แต่ก็ถูกตั้งกติกาให้เหมือนกัน กางเกงให้ใส่ได้แค่กางเกงในกับกางเกงข้างนอกแค่นั้น นอกนั้นจะเป็นเสื้อหรือถุงเท้าก็แล้วแต่
เกมส์และทุกอย่างถูกเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครตั้งตัว หรือคิดถึงผลที่จะตามมาแต่อย่างใด แต่ละเกมส์เป็นไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างเบา ๆ
และความระมัดระวังในการทิ้งไพ่เกมส์แรกไอ้จ้อยแพ้ โชคดีจับได้ไพ่สีดำ สามารถสั่งใครก็ได้ให้ถอดเสื้อผ้าออกหนึ่งชิ้น คงไม่กล้าบอกคนอื่น
เลยบอกผม เสื้อตัวนอกที่ใส่แล้วเหงื่อออกเนื่องจากร้อนก็หลุดออกจากตัวผมไปหนึ่งชิ้น แต่ละคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ตาต่อไปไอ้จ้อยแพ้อีก
แต่คราวนี้ได้สีแดง มันต้องถอดออกบ้างแล้วทีนี้หนึ่งชิ้น ตาต่อไปเสียงหัวเราะเริ่มน้อยลง สายตาแต่ละคนเริ่มกลัวและระแวงว่าตัวเองจะต้องเป็น
ฝ่ายถูกบังคับถอด แน่นอนเสื้อตัวนอกของคู่แฝดคนนึงถูกถอดออกไปแล้ว เสื้อซับในตัวบาง ๆ ที่ใส่ค่อนข้างกระชับมีเม็ดตุ่มนมดุนเสื้อออกมา
ให้เห็นเป็นรูปร่าง เธอห่อไหล่เข้าหากันพร้อมถูกเพื่อนพี่สาวบอกเล่นต่อ
คราวนี้ถึงตาเพื่อนพี่สาวบ้าง โดนใบแดงเต็ม ๆ เสื้อชั้นในตัวเดียวเท่านั้นที่ยังเกาะอกช่วงบนไว้อยู่ หลังจากเสื้อตัวนอกถอดออกไปด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
ทุกอย่างเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทุกระยะ ยังคงผลัดกันใส่ผลัดกันถอดอยู่อย่างนั้น มีตื่นเต้นหน่อยก็ที่แฝดอีกคนที่ไม่ใช่คนที่ต้องถอดเสื้อออกคนแรก
ต้องโดนบ้าง ชิ้นแรกก็เสื้อ แล้วก็ถึงชิ้นที่สอง ตอนแรกเจ้าตัวจะถอดเสื้อซับในออก คงคิดว่าตัวเองหน้าอกก็ยังไม่มีอะไรมากนอกจากเนินที่ขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่คู่แฝดอีกคนแนะให้ถอดกางเกงดีกว่า ก็เลยถอดกางเกงออก คงเหลือแต่กางเกงในกับซับในแค่นั้นเอง ผมก็ลุ้นระทึกว่าถ้าตัวเองต้องถูกถอดหมด จะทำยังไงดี
ในขณะที่แฝดคนนั้นยังมีแค่สองชิ้นประดับร่างกายอยู่ พี่สาวผมด้านบนเหลือแต่เสื้อใน ด้านล่างครบ เพื่อนพี่สาวด้านบนเหลือเสื้อใน
แต่ด้านล่างคงเหลือแต่กางเกงในแล้วเช่นกัน ดูว่าพี่เค้าจะรู้สึกเฉย ไม่ค่อยอายสายตาพวกเราทั้งห้าคนเท่าไหร่นัก คู่แฝดอีกคนถูกถอดออกแค่เสื้อตัวเดียว
ผมกับไอ้จ้อยสภาพเดียวกัน เหลือแค่คนละสองชิ้น กางเกงในกับตัวที่ใส่อยู่ข้างนอก
ตานี้ผมแพ้ แต่โชคดีจับได้ใบดำ ผมยังไม่เลือกที่จะหยิบเสื้อผ้าใส่ แต่เห็นเพื่อนพี่สาวไม่ค่อยจะเขินเท่าไหร่ บวกกับความเป็นตัวตั้งตัวตี
ขณะเดียวกันพวกที่เหลือก็พากันหลบสายตาผม กลัวว่าผมจะสั่งให้ถอด แล้วก็เหมือนจะส่งสายตาให้ผมออกคำสั่งไปทางเพื่อนพี่สาวซะด้วย แน่นอนเหลือแค่สองชิ้น
ถ้าถูกสั่งอีกไม่ชิ้นบนก็ชิ้นล่างเท่านั้นที่จะยังคงอยู่