ก่อนอื่น ดิฉันต้องขอแนะนำตัวเองก่อนว่า ดิฉันนั้นอายุก็มากแล้วคือย่างเข้า 41 ปี เรา(ดิฉันและสามี) อาชีพรับราชการด้วยกันทั้งคู่ ดิฉันเป็นคนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนสามีเป็นคนภาคกลาง เราแต่งงานมาได้ประมาณ เกือบ 20 ปีแล้ว ดู ๆไปทั้งหน้าที่การงาน การเงินและอื่น ๆเราก็เข้ากันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ไม่ถึงกับทะเลาะกัน มีบุตรด้วยกัน 2 คน ชาย หญิง อายุคนโตก็ประมาณ 13 ปี คนเล็ก 11ปีกว่าๆ ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปว่าครอบครัวดิฉันก็มีความสุขตามฐานะรูป ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องอะไร แต่ที่ต้องเล่าเรื่องของดิฉันให้คนอื่น ๆได้รับรู้บ้าง ก็เพราะว่า เพื่อให้คนอื่น ๆได้รับรู้เรื่องของคนอื่น ๆที่แปลกออกไป และดิฉันคิดว่าหากได้ระบายเรื่องของดิฉันออกไปให้คนอื่นได้รับรู้บ้างก็จะ เบาใจดิฉันได้ส่วนหนึ่งบ้าง แม้ว่าคนที่รับรู้จะไม่มีโอกาสที่จะรู้ว่าเจ้าของชีวิตในเรื่องนั้นคือใคร โดยปกติเรื่องเซ็กส์ระหว่างดิฉันกับสามีก็คิดว่าราบรื่นดี ไม่มีอะไรบกพร่อง ในตอนแต่งงานกันใหม่ก็เหมือนข้าวใหม่ปลามัน มีเวลาและโอกาสก็ร่วมรักกันเสมอ ๆ แต่มาระยะหลัง ๆ(ประมาณ 5-6ปี) มานี้เองที่สามีดูเหมือไม่ค่อยมีอารมณ์ดังแต่ก่อนเวลาร่วมรักกันก็เสร็จค่อน ข้างเร็ว ดิฉันก็ไม่คิดอะไร เพราะนึกว่าอายุก็เริ่มมากด้วยกันทั้งคู่และหน้าที่การงานก็หนักขึ้น โดยที่ดิฉันไม่ได้สังเกตุเลยว่าสามีเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร สามีดิฉันได้ซื้อหนังสือ จำพวกประเภทออกแนว “สวิงกิ้ง” มาอ่านบ่อย ๆ ดิฉันก็ไม่สนใจ เพราะปกติสามีดิฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือทุกประเภทอยู่แล้ว นอกจากหนังสือดังกล่าวแล้วสามียังมักแสวงหาหนังเอ็กส์มาดูบ่อย ๆและคอยชวนดิฉันดู ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ใส่ใจดู เพราะไม่ชอบ มาระยะหลัง ๆเวลาเราร่วมรักกัน ดูเหมือนสามีจะมีอารมณ์เพิ่มขึ้น และต้องการบ่อยขึ้น โดยที่ดิฉันไม่ได้สงสัยการเปลี่ยนแปลงของสามีแต่อย่างใดเลย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีพูดกับดิฉันว่าก่อนแต่งงานเคยผ่านผู้ชายมาบ้างไหม ดิฉันงงหมด นึกว่าสามีคงมาไม้ไหนแน่ ดิฉันก็ถามว่าถามทำไม สามีตอบว่าอยากรู้เฉย ๆ ดิฉันก็ว่าไม่เคยผ่านใคร ก็สามีดิฉันนี้แหละที่เป็นคนแรกที่ได้ความบริสุทธิ์ของดิฉันไป สามีก็เงียบไประยะหนึ่ง ต่อมาอีกสักพักก็ถามดิฉันในขณะที่เรากำลังร่วมรักกันอยู่ว่าเคยนึกอยากลอง กับผู้ชายคนอื่นบ้างไหม ดิฉันนี้มึนกับคำถามนี้เลย น้ำตาแทบร่วง ไม่นึกว่าสามีจะถามอย่างนี้ หมดรักเราแล้วหรืออย่างไร พานให้ไม่พูดกันไปหลายวันอยู่ แต่ก็อดลูกง้อของสามีไม่ได้ มาระยะหลัง ๆดิฉันไม่ตอบ ส่วนสามีก็มักถามเรื่องทำนองนี้เวลาเราร่วมรักกันเสมอ ๆ นอกจากนั้นก็จะไม่พูดถึงอีกเลย ดิฉันเริ่มชินชากับคำถามก็เลยเฉย ๆ ไม่รู้สึกอย่างไร แต่เมื่อนานวันเข้าคำถามเหล่านี้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของการปรุงรสรักของเรา ทั้งคู่โดยไม่ตั้งใจ เพราะหากวันไหนสามีไม่ได้ถามหรือคุยเรื่องทำนองนี้ ดิฉันก็รู้สึกว่าอารมณ์ไม่รุนแรงเลย วันไหนสามีถามบ่อย ๆ ย้ำ ๆ ดิฉันจะมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุ พอมาระยะหลัง ๆดิฉันก็เออ ออห่อหมกไปด้วยกับสามีในเวลาที่เรากำลังร่วมรักกัน รู้สึกสามีจะอารมณ์รุนแรงและทำนานมากขึ้น ในขณะที่ดิฉันก็ยังไม่ได้คิดอะไร ในคืนหนึ่งขณะที่เรากำลังร่วมรักกันดิฉันกำลังมีอารมณ์มาก สามีก็ถามดิฉันว่าดิฉันนึกอยากลองผู้ชายคนอื่นดูบ้างไหม ตอนนั้นดิฉันกำลังเสียวเต็มที่ก็เลยตอบไปว่าอยากซิ ซึ่งก็สร้างความพึงพอใจให้กับสามีเป็นอย่างมาก และเราก็ร่วมกันอย่างรุนแรงและหลายครั้งด้วยกัน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น จนมาระยะหลัง ๆดิฉันกลับต้องเอาคำพูดของสามีไปคิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้ชายจะยอมให้ภรรยาของตัวเองไปเอากับคนอื่น มันยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในโลกหรือ แต่ก็ยังสงวนท่าทีอยู่ แต่ในใจลึก ๆ แล้วยังสนใจเรื่องนี้อยู่มาก จึงได้ไปแอบดูหนังสือ “บันทึกชีวิตรัก” ที่สามีซื้อมาอ่านบ่อย ๆ ก็ต้องตกใจเพราะเรื่องในหนังสือนั้นเกี่ยวกับการที่สามีหรือภรรยายอมให้คู่ ของตัวเองไปร่วมรักกับคนอื่นที่มิใช่คู่ของตัวเอง เวลาสามีเผลอ ดิฉันก็หยิบมาอ่านในบางฉบับ อ่านแล้วดิฉันต้องยอมรับว่ามีอารมณ์จริง ๆ จึงต้องอ่านแทบทุกเรื่องและทุกฉบับที่สามีซื้อมา หลังจากนั้นในแทบทุกคืนดิฉันก็คอยการซักถามจากสามีในเรื่องนี้ เมื่อนานวันเข้าเราทั้งคู่ก็สามารถคุยกันได้อย่างไม่อาย และยอมรับว่ามีความต้องการตามที่สามีถามจริง สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่สามีได้ให้เหตุผลว่าต้องการให้ดิฉันได้รับรู้รส ชาติของชายอื่น ๆบ้างเพราะดิฉันได้รับจากสามีคนเดียว เสียเปรียบหญิงอื่น ๆที่ผ่านรสรักชายมาหลายคนก่อนได้สามี ดิฉันก็ทดสอบสามีมานานเหมือนกัน ทีแรกๆก็กลัวว่าสามีจะมีแผนอะไรหรือเปล่าต่อมาดิฉันได้ไตร่ตรองดูก็ยอมรับ ว่าหากผู้ชายยอมให้ภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่นดูบ้าง ก็ดีเหมือนกัน เราทั้งคู่ก็เลยตกลงกันว่าจะให้ดิฉันลองหาชายที่ถูกใจดูก่อน หากมีแล้วก็ให้สามีดิฉันได้รับรู้และเห็นชอบด้วย เพราะสิ่งที่เราทั้งคู่ยังกังวลอยู่คือ เรื่องความสะอาด ความลับ และการเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตคู่ของเราทั้งสอง ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตคู่เรามีปัญหาขึ้นมาได้ สามีก็ยังกลัวใจของดิฉันเหมือนกันว่าหากได้ลองแล้วอาจติดใจจนลืมครอบครัวไป ดิฉันก็รับปากอย่างมั่นเหมาะว่าไม่มีปัญหาดังกล่าวแน่นอน สามีจึงอนุญาตให้ดิฉันสามารถพูดคุย ติดต่อกับชายที่ถูกใจได้ ซึ่งดิฉันก็พยายามหาผู้ชายที่ค่อนข้างมีอายุหน่อยและเป็นผู้บริหารหรือหัว หน้าหน่วยงานก่อน เพราะไม่อยากพบเด็ก ๆ ซึ่งภาวะทางจิตใจอาจไม่ได้ตามที่เราต้องการ ดิฉันก็ติดต่อได้หลายคนทั้งจากการที่มาติดต่อราชการ หรือจากการไปอบรมด้วยกัน บางรายก็คบกันในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะนิสัยรับไม่ได้บ้าง บางรายก็ขาดการติดต่อเพราะอยู่ห่างไกลกัน บางรายพอสนิทกันมาก ๆนิสัยดั้งเดิมก็ออกมายอมรับไม่ได้ ก็เลยยังไม่ได้ลองซักที จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ ๆ 3 ปี จนดิฉันคิดว่าหมดหนทางแล้ว แต่สามีดิฉันก็ไม่ละความพยายาม คอยกระตุ้นให้ดิฉันหาใหม่อยู่เรื่อย ๆ จนมาปีที่แล้วดิฉันได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับการอบรมแทน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งซึ่งติดธุระส่วนตัว จึงขอเปลี่ยนให้ดิฉันไปแทน สถานที่อบรมก็ในกรุงเทพ ฯ วันแรกก็ธรรมดา ๆ พอวันที่สองก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้น ก็มีชายคนหนึ่งที่ดิฉันเห็นทีแรกก็นึกชมชอบอยู่ในใจ เนื่องด้วยความเงียบ ขรึมของเขา จนเวลาและโอกาสมาถึง เมื่อมีการแบ่งกลุ่มย่อยสัมนา เรามาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จึงทำให้ได้รู้จักชื่อ ที่อยู่และอุปนิสัยกัน ดิฉันยอมรับว่าแอบชมชอบชายผู้นี้เข้าแล้ว ส่วนเขาก็ยอมรับ(ในภายหลัง)ว่าดิฉันนั้นสดุดตาตั้งแต่ทีแรก แต่ไม่กล้าเพราะอายุขนาดนี้ด้วยกันแล้วทุกคนก็ย่อมต้องมีสามีหรือภรรยาแล้ว ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อเราสนิทกันมากขึ้น มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกัน(กลุ่ม)ในสถานบันเทิงในระหว่างการอบรม ดิฉันก็ยิ่งคิดว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ดิฉันและสามีแสวงหา หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมเราต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับโดยได้ให้เบอร์โทรศัพท์ กันไว้ หลังจากกลับจากการอบรมสามีก็ถามว่าพบชายที่ว่าหรือยังดิฉันก็เล่าตามจริงให้ สามีฟัง ดูสามีพอใจและยินดีเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งสอบถามเหตุผลที่
ดิฉันเลือกคบชายผู้นี้ ดิฉันก็ตอบตามตรงว่าที่ชอบเพราะ สูง มาดเข้ม ไม่พูดมาก การงานก็โอเค มีครอบครัวแล้ว น่าจะปลอดภัยและเก็บรักษาความลับได้ดี อีกทั้งดูจากรูปร่างที่สูง เกือบ 180 ซม.นั้น อะไร ๆ ก็คงจะใหญ่ตามไปด้วย ซึ่งดิฉันนั้นอยากจะได้ลองกับชายอื่นที่มีอาวุธยาว ๆและใหญ่ ๆดูว่าจะให้ความสุขกับตัวเองได้แค่ไหน เพราะของสามีก็ปกติคือไม่ใหญ่และยาวมาก ซึ่งเขาคนนั้น(สมมุติว่าชื่อ ชาย) ก็ติดต่อดิฉันมาตลอด ก็คุยกันเรื่องปกติ แต่ต่อมาก็เริ่มมีคำว่า “คิดถึง” “อยากเห็นหน้าอีก” บ่อย ๆ ดิฉันก็พูดทีเล่นทีจริงด้วยมาโดยตลอด จนอยู่มาระยะหนึ่งสามีก็ถามว่าพร้อมหรือยังสำหรับการพบกับ ชาย ดิฉันก็ยังนึกหวั่น ๆอยู่เหมือนกันว่าเวลาจริง ๆ แล้วจะกล้าหรือไม่ จึงต้องยืดเวลาออกไปอีก โดยให้เหตุผลแก่สามีว่าไม่อยากให้ ชาย ได้ดิฉันง่ายเกินไป เดี๋ยวจะมองวาดิฉันไม่มีค่า (เพราะเรื่องความต้องการของดิฉันและสามีดิฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยแม้แต่ กับ ชาย) ซึ่ง ชายก็ยังเข้าใจว่าดิฉันเป็นม่าย จึงยอมติดต่อด้วย และในเวลาที่ ชายพูดคุยโทรศัพท์กับดิฉัน ๆ ก็จะมาเล่าให้สามีฟังทุกครั้ง และเราก็จะร่วมกันแบบสุด ๆ ทุกครั้ง ดิฉันยอมรับว่าหากคืนไหนที่มิได้พูดถึง ชาย ดิฉันจะถึงจุดสุดยอดแบบธรรมดา ๆ แต่ถ้าก่อนร่วมเราคุยกันถึง ชาย ดิฉันก็จะเกิดอารมณ์เร็วจนฉ่ำเยิ้มไปหมด และเวลาถึงก็ถึงแบบสุด ๆเลยยิ่งกว่าตอนสาว ๆ เสียอีก จนสามีแซวเอาว่าดิฉันทำไมเดี๋ยวนี้อารมณ์รุนแรงเหลือเกิน ดิฉันก็ยอมรับว่าความรู้สึกแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรุงแต่งชีวิตเซ็กส์ ของเราให้มีรสชาติขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินมาได้ระยะหนึ่งดูเหมือนจะก้าวหน้า แต่ก็หยุดอยู่กับที่ มีแต่การพูดคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้น จนสามีดิฉันต้องถามดิฉันบ่อย ๆว่ายังต้องการลองกับ ชาย อีกหรือไม่ ดิฉันก็ตอบตามตรงว่ายังอยากอยู่ แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที สามีดิฉันก็เลยว่าให้ดิฉันออกอุบายว่าอยากไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนจากงานใน หน้าที่ที่หนัก โดยบอกให้ ชาย รู้และลองใจ ชาย ดูด้วยว่ามีความพึงพอใจดิฉันมากน้อยเพียงใด ดิฉันจึงได้นัดกับ ชาย ไปเที่ยวกันสองต่อสอง ยังสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่คนละจังหวัดกับที่ทั้งดิฉันและ ชาย อยู่ เมื่อพบกันดิฉันใจนึกประหม่าขึ้นมาทันที วางตัวไม่ค่อยถูกเลยส่วน ชาย ก็รู้สึกยินดีมากที่ได้พบกับดิฉัน หลังจากนั้นเราทึ้งคู่ก็หามุมสงบ ๆ คุยกันถึงความหลัง งานในหน้าที่และอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย จนเกือบเย็น ตลอดเวลาที่เราคุยกันดิฉันไม่กล้าสบตาม ชายเลย ได้แต่มองบ้างเป็นระยะ ๆ เท่านั้น ส่วนชายเท่าที่สังเกตจะคอยจ้องมองดิฉันตลอดเวลา สรุปแล้วดิฉันต้องขอตัว ชายกลับก่อน เพราะต้องเดินทางอีกไกล ก่อนจากกัน ชายก็ได้แค่กุมมือของดิฉันไว้หลวม ๆ ในระหว่างที่พาดิฉันไปส่ง ณ สถานีรถปรับอากาศ ความรู้สึกที่ดิฉันได้สัมผัสมือของ ชาย มันช่างอบอุ่นจริง ๆ ตลอดระยะทางที่กลับบ้านยังมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามือของ ชายยังกุมมือของดิฉันไว้ตลอดเวลา เมื่อกลับถึงบ้าน สามีซึ่งคอยการกลับมาของดิฉันรีบปรี่เข้ามาสอบถามใหญ่เลยว่า