"หญิงรักพี่เอก เพราะพี่เอกเป็นพี่เอกไงคะ แค่พี่เอกเป็นตัวเองก็พอแล้ว" ในห้วงแห่งความสับสนนั้น ใบหน้าของน้องหญิงลอยเด่นขึ้นมาใน
ความคิดพร้อมกับคำพูดของเธอที่ให้ไว้กับผมในค่ำคืนแห่งความสุขสมของผมและเธอ มันช่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ความ
คิดที่สับสนอลหม่านในหัวสมองหายไปหมดสิ้น ความคิดผมกระจ่างชัดนัก คำตอบที่ต้องการนั้นออกมาแล้วว่าผมควรจะทำอะไร
............................
ในห้องพักฟื้นคนไข้ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองหลวง
....................................................................
ภาพที่ปรากฎอยู่ในห้องพยาบาลขณะนี้ค่อนข้างดูแปลกตาไปซักหน่อย เมื่อชายหนุ่มในชุดแพทย์สีขาวที่ควรจะทำหน้าที่ตรวจอาการคนไข้
กลับนอนนิ่งสลบไสลอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้อง ปล่อยให้ ปู สาวสวยในชุดคนไข้นอนหลับนิ่งหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ อยู่บนเตียงพักฟื้น โดยมี
เอกนั่งคร่อมที่บริเวณเอวของเธออยู่ เขาหลับตาพนมมือบ่นพึมพัมอะไรบางอย่างอยู่ในลำคอเบา ๆ ซุ้มเสียงทุ้มต่ำเป็นภาษาแปลกหูที่ยากจะทำ
ความเข้าใจได้ หากแต่มันกลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจบางอย่าง ที่รู้สึกสัมผัสได้อบอวลอยู่รอบ ๆ ตัว ที่ด้านข้างของเขาฝ้ายพยาบาลสาวสวยนั่ง
มองดูเหตการณ์ด้วยความสงสัยใคร่รู้ โดยที่ด้านก็มีเก่งนั่งกุมมือของปูอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใย
ฝ้าย พยาบาลสาวดูจะมีท่าทีงง ๆ และยังไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผีสางวิญญาณที่เอกเล่าให้ฟังมากนัก ชีวิตของเธอเรียกว่าได้สัมผัสอยู่กับความเจ็บ
ป่วยความตายแทบจะตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยเจอะเจอกับอะไรที่เข้าข่ายจะเรียกได้ว่าภูติผีวิญญาณเลยแม้แต่ซักครั้งเดียว หากแต่เธอเองก็ไม่
อาจจะหาเหตผลกลใด มาอธิบายสิ่งที่ทำให้เธอเผลอตัวเผลอใจ ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้นายเก่งเชยชมร่างงามของเธอไม่ได้เลย อีกทั้งยังดวง
ตา สีเขียวแวววาวน่ากลัวราวผีนรกของปูคนไข้ที่นอนหลับไม่ได้สติมาหลายวันนั่น อีก แม้จะไม่อยากเชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่เหตการณ์ที่เกิด
ขึ้นก็ทำ ให้เธอรู้สึกว่าเรื่องราวลี้ลับที่เคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ดูจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้เป็นอย่างดีที่สุด
เอกที่นั่งคร่อมอยู่บนร่างของปูกำลังบริกรรมคาถาอะไรบางอย่าง ตามเสียงบอกของรักยมที่แว่วดังบอกไว้ในโสตประสาทอย่างมีสมาธิ สีหน้า
ทะเล้น ขี้เล่นที่ปรากฎอยู่เสมอ ๆ กลับเป็นสีหน้าเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม่อาจจะได้พบเห็นบ่อยเท่าไหร่นัก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนทั่วร่างมีพลังบาง
อย่างไหลเวียนไปมาอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมกับกระแสเลือด และเมื่อพลังสมาธิก่อเกิดมากยิ่งขึ้น เขาก็รับรู้ได้ถึงพลังมากมายมหาศาลที่ไหลเวียน
อยู่รอบตัวอย่างไม่หยุด ยั้งเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางพายุลมอันเชี่ยวกรากรุนแรง ใบหน้าคมสันนั้นขมวดคิ้วแน่นด้วยกริ่งเกรงว่าตนเองจะล่องลอย
หายไปตามกระแสพลังอันรุนแรงที่ไหลเวียนไม่รู้จบ เม็ดเหงื่อไหลซึมที่หน้าผากจนชุ่มทั้ง ๆ ที่อากาศในห้องนั้นกำลังเย็นชุ่มฉ่ำสบาย
แม้จะไม่เข้าใจนักว่าเอกกำลังทำอะไร แต่ฝ้ายพยาบาลสาวสวยก็ถึงกับต้องเพ่งมองใบหน้าชู้รักของตัวเองอย่างชื่นชมและหลงไหล เธอรู้สึกว่า
ใบ หน้าที่กำลังเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังของเอกช่างดูมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเองก็กำลังตกเป็นเป้าสายตาของนายเก่ง แฟน
หนุ่มของปูคนไข้สาวไปพร้อมกัน เก่งที่จับมือของแฟนสาวตัวเองแน่นด้วยความรักและเป็นห่วง กลับอดใจไม่ได้ที่จะต้องเผลอมองตามเรือน
ร่าง สวยของพยาบาลสาวที่เค้าเกือบจะได้ชื่อว่าเป็นผัวของเธออยู่รอมร่อ เขานึกไปก็รู้สึกเสียดายไม่น้อยเลยทีเดียว ขณะที่เหม่อมองดวงตากลม
โต จมูกโด่ง ๆ ปากเรียวงามได้รูปของเธออย่างว้าวุ่นใจ ไหนจะทรวงอกอวบอิ่มที่ดันเอาชุดพยาบาลสีขาวนั้นออกมาเป็นก้อนกลมสวยอีก เสน่ห์
อันร้อนแรงของฝ้ายพยาบาลสาวสวยทำเอาเก่งใจเต้นแรง อารมณ์ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา เมื่อชำเลืองมองเทียบกับปูแฟนสาวของเขาแล้ว
พยาบาลสาวคนนี้ดูจะมีเสน่ห์ยั่วยวนเพศตรงข้ามมากกว่า เขารู้สึกผิดที่แอบคิดนอกใจแฟนสาวของตัวเองแบบซึ่ง ๆ หน้า ทั้ง ๆ ที่เธอยังนอน
สลบ ไสลไม่ได้สติอยู่ และยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าแอบคิดมิดีมิร้ายกับแฟนของเอกชาย หนุ่มที่คิดจะช่วยเหลือแฟนสาวของเขา เก่งพยายาม
ตั้งสติเพื่อหยุดคิดฟุ้งซ่าน หากแต่เสน่ห์อันล้นเหลือของพยาบาลสาว และความต้องการทางเพศที่ยังไม่ได้ระบายออก ก็ยังคงทำเอาเค้าต้องแอบ
เผลอมองตามเป็นระยะอยู่ดี
เวลาผ่านไปเกือบ 15 นาทีแล้วที่เอกร่ายบริกรรมคาถา อยู่ ๆ เขาหยุดการร่ายคาถานั้นและลดมือลงวางบนต้นขาตัวเอง พร้อมกับลืมตาตื่นขึ้น
ด้วย ประกายตาสดใสเจิดจ้า ทั่วร่างราวกับเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งมนตรา ฝ้ายที่เพ้อมองตามใบหน้าหล่อคมสันนั้นอยู่ เมื่อสบตาเข้ากับสาย
ตาคมกริบ แฝงแววจริงจังที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น ก็ทำเอาเธอรู้สึกวูบวาบใจหวิวสั่นสะท้าน เธอไม่เคยรู้จักชายหนุ่มชู้รักของตัวเองในแง่มุม
นี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ภาพที่เธอคุ้นชินคือชายหนุ่มนักรักขี้เล่น เธอคิดว่าเค้าช่างดูดีมีเสน่ห์ไปอีกแบบเมื่อทำอะไรเป็นจริงเป็นจังแบบนี้
" คุณเอก ผมคิดว่ามันอันตรายเกินไป มีหมอผีหลายคนแล้วที่เป็นอันตรายเพราะวิธีนี้" เก่งหน้านิ่วคิ้วขมวดร้องเตือนเอก เมื่อเห็นว่าเอกลืมตาตื่น
ขึ้นมา เก่งก็พอจะมีความรู้ในเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้อยู่มิใช่น้อย ศาสตร์การถอดจิตนั้นเป็นวิชาขั้นสูงมาก แต่การเข้าไปในจิตใจคนอื่นนั้นกลับ
ยิ่งสูงกว่า หมอผีจำนวนน้อยคนนักที่จะมีความสามารถในระดับนี้ได้ ความจริงเค้าควรจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มที่อายุแค่ 20 กว่า ๆ จะ
สามารถทำได้ หากแต่มีอะไรบางอย่างในตัวเอกที่ทำให้เค้ารู้สึกเชื่อว่า ชายหนุ่มคนนี้สามารถทำได้หากเค้าต้องการทำ และยิ่งเมื่อเห็นเอก
สามารถ ร่ายบริกรรมคาถายาก ๆ ได้อย่างคล่องปาก และไหนจะพลังมนตราที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของเอกจนเขารู้สึกสัมผัสได้อีก ก็ยิ่งทำให้รู้สึก
มั่นใจว่า เขาสามารถเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นความกังวลใจก็ยังคงรบกวนเค้าอยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วเขาก็เคยพาแฟนสาวไปหา
หมอผีชื่อดังมาแล้ว และผลก็คือหมอผีคนนั้นสลบเหมือดไม่ได้สติอีกเลย หลังจากที่ถอดจิตเข้าไปในใจของแฟนสาว แม้ว่าเขาอยากจะให้แฟน
สาวฟื้นขึ้นมาเพียงใด แต่เค้าเองก็ไม่อยากให้คนที่เค้าเพิ่งจะรู้จักวันแรกต้องมาเสี่ยงตัวเองเพื่อช่วยแฟนของเค้าขนาดนี้
"ผมคิดว่ามันคงเป็นวิธีเดียวครับ และเราคงรอเวลาไม่ได้ อีกอย่างผมก็ตัดสินใจแล้วด้วย" เอกตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับบ่งบอกได้ถึง
ความมุ่งมันอย่างที่สุด สายตาจริงจังของเขาบ่งบอกเจตนาอย่างชัดเจนแล้ว ว่ายากที่จะเปลี่ยนใจเขาได้
" พี่เอก ..." ฝ้ายพยาบาลสาวชู้รักของเอกพอจะเข้าใจสิ่งที่เอกพยายามพูดอยู่บ้าง แม้เธอจะยังไม่ปักใจเชื่อไปซะทั้งหมด แต่ก็รู้สึกกลัวทันที
เมื่อเก่งเอ่ยปากเตือนถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
"ไม่เป็นไรหรอกฝ้าย มีแฟนสวยขนาดนี้ ไม่ยอมเป็นอะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว" เอกมองไปทางฝ้ายอย่างรักใคร่
"แต่ฟังดูแล้ว มันอันตรายมากเลยนะ พี่เอกแน่ใจแล้วเหรอ" เธอใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่เห็นคนรักยังคงแฝงไปด้วยความทะเล้นเหมือนเดิม แต่
กระนั้นก็ยังคงรู้สึกกังวลใจในสิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่ดี
"มันอันตรายครับ และออกจะเป็นการกระทำที่โง่มากด้วย .... แต่หากไม่ทำผมก็จะเสียใจไปตลอดชีวิต" เอกตอบน้ำเสียงหนักแน่น
" พี่เอก ..." ฝ้ายพูดเสียงอ่อน เมื่อรับรู้ได้ว่าคงไม่อาจที่จะเปลี่ยนใจชู้รักคนนี้ได้ แต่นั่นก็ทำให้เธอก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ชายหนุ่มคนนี้มีจิตใจที่จะ
ช่วยเหลือคนอื่นอยู่ไม่น้อย เธอได้แต่บีบมือของเอกจนแน่น เธออยากจะไปช่วยแฟนหนุ่มของเธอเหลือเกินไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
" ถ้าอย่างงั้นพี่เอกระวังตัวด้วยนะคะ" ฝ้ายพูดต่อพร้อมกับใบหน้าสวยนั้นเข้าไปจูบแก้มของเอกเบา ๆ อย่างรักใคร่ ทำเอาเก่งที่มองอยู่ใกล้ ๆ
รู้สึกได้ถึงไฟแห่งความอิจฉาในใจที่กำลังลุกโชนขึ้นมาช้า ๆ โดยไม่อาจควบคุม
"อืม พี่จะกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัยที่สุด" เอกตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น
" งั้นผมไปล่ะนะ คุณเก่งฝากดูทางนี้ด้วยนะครับ" เอกหันไปมองทางเก่งที่พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะหลับตาทำสมาธิให้นิ่งตามที่รักยมได้บอกไว้
ถึงแม้ปกติแล้วเอก ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิวิปัสณาอะไรมากนัก หรือเรียกได้ว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความที่เคยผ่าน
ประสบการณ์ เฉียดตายมาแล้ว เมื่อผนวกกับจิตใจแห่งความแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือนั้น ก็ทำให้ตัวเค้าเริ่มเข้าสู่โลกแห่งสมาธิขั้นสูงได้โดยไม่ยาก
นัก เขานั่งทำสมาธิเพียงไม่นานนักก็รู้สึกได้ว่าเสียงต่าง ๆ เริ่มหายไปจากโสตประสาทเรื่อย ๆ เสียงดังหึ่งเบา ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ทำ
งานอยู่ได้เงียบลง รอบตัวนั้นดูจะเงียบกริบราวกับไร้ซึ่งสรรพสิ่งใด ๆ สัมผัสอุ่น ๆ นุ่ม ๆ ของมือพยาบาลสาวที่บีบอยู่แน่นนั้นก็เริ่มจางหายไป
เอกรู้สึกราวกับ ร่างกายกำลังล่องลอยเบาหวิวไร้น้ำหนัก เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังที่อาจอธิบายได้ไหลเชี่ยวกรากอยู่รอบตัวอีกครั้ง และเมื่อเขา
บริกรรมคาถาจนจบ ก็เหมือนมีแสงสว่างวาบไปทั่วในห้วงแห่งความคิด และเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเขากำลังลอยล่องอยู่ในที่อันมืดมิดไร้ซึ่ง
แสงสว่าง สิ่งมีชีวิต และสรรพสิ่งใด ๆ
" พ่อจ๋า" เอกหันไปมองด้านข้างตามเสียงเรียก ก็เห็นเด็กน้อยสองคนหน้าตาน่ารักน่าชังยืนยิ้มรออยู่ รักยมนั่นเอง เอกรู้สึกได้ว่ารูปลักษณ์ของ
เด็กสองคนนี้ดูจะแปลกตาไปกว่าครั้งล่าสุด ที่เคยเห็นไม่น้อย ครั้งก่อนนั้นเด็กสองคนผิวกายดูซีดเซียวราวกับเป็นภูติผีวิญญาณ หากแต่วันนี้ดู
พวกเค้ามีน้ำมีนวลขึ้นมาแลดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ จนดูเหมือนเด็กน้อยที่มีชีวิตอีกทั้งยังจ้ำม่ำน่ารักน่าชังไม่น้อย
"เจอกันอีกแล้วนะเรา นี่แสดงว่าพ่อทำสำเร็จล่ะซิ" เอกก้มลงดูร่างที่ดูเหมือนจะโปร่งแสงของตัวเอง นี่มันเหมือนกับประสบการณ์เฉียดตายใน
ครั้งที่ช่วยน้องหญิงแล้วโดนยิงจนตัวเองเกือบตายเลยทีเดียว
"ใช่จ้ะ พ่อทำสำเร็จไป 1 ขั้นแล้ว พวกหนูยังรู้สึกแปลกใจเลยว่าพ่อทำได้ค่อนข้างง่ายกว่าที่คิด" เด็กน้อยสองคนพูดตอบเสียงใส
"พ่อเป็นคนเก่งอยู่แล้วนี่ เรื่องแค่นี้สบายมาก ... เอ้าไปกันเถอะ" เอกตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้สองเด็กน้อย
" พ่อจ๋า แต่ต้องระวังผีสาวนั่นด้วยนะ มันยังไม่หมดฤทธิ์ซะทีเดียว มันยังคงอยู่ในร่างของพี่สาวคนนั้น จนกว่าพี่สาวจะกลับมาควบคุมร่างอีกครั้ง"
"แต่ไม่ต้องกลัวอะไร พวกหนูอยู่ด้วย ผีสาวตนนั้นทำอะไรพ่อกับพี่สาวคนนี้ไม่ได้แน่"
"อ้าว พ่อนึกว่าปราบไปแล้วซะอีก" เอกถามสีหน้าสงสัย และออกแนวกังวลเล็กน้อย
" แค่ทำให้มันหมดฤทธิ์เฉย ๆ จ้ะ แต่มันยังคงอยู่ในร่างของพี่สาวคนนี้ ถ้าใครที่ถอดจิตเข้ามาโดยไม่ระวัง อาจจะโดนเล่นงานได้" รักยมพูดต่อ
"อืม ก็มีแค่พวกเรานี่นา งั้นคงไม่มีอะไรมั้ง งั้นก็ไปกัน"
"พ่อจ๋า ....." รักยมดึงมือของเอกไว้ มองหน้าผู้เป็นพ่อเหมือนไม่อยากจะให้ไปเสี่ยงเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้พูดห้ามออกมา
"มีอะไรล่ะลูก หือ ..."
"พ่อจะไปจริง ๆ เหรอ ถ้าพ่อเป็นอะไรไปแล้วพวกหนูจะอยู่ยังไงล่ะ" รักยมพูดน้ำเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ออกมา
" พ่อไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าเป็นอะไร ก็ไปอยู่กับแม่นะ แล้วก็ฝากดูแลแม่ด้วย .... ฝากบอกด้วยล่ะว่าพ่อรักแม่ที่สุด" เอกพูดยืนยันเสียงแข็ง
ทำเอาเด็กน้อยสงคนมองหน้ากันตาละห้อยเหมือนไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่นัก
"อ๊ะ เดี๋ยวก่อน ... รักยม" เอกพูดพลางมองหน้าเด็กน้อยทั้งสอง
"พ่อเปลี่ยนใจเหรอจ๊ะ" รักยมพูดเหมือนจะรู้สึกดีใจเล็กน้อย พวกเค้าเองก็ไม่อยากจะให้พ่อตัวเองไปเสี่ยงซักเท่าไรนัก
" เปล่าหรอก พ่อแค่จะบอกว่า พ่อดีใจนะ ที่มีโอกาสได้พบกับลูกทั้งสองคน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ชาติหน้าขอให้เราได้พบกันใหม่ พ่อรักลูกทั้งสอง"
เอกก้มตัวลงไปสวมกอดร่างวิญญาณของเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างแนบแน่นและอบอุ่น แม้จะเพิ่งเจอะเจอกันมาไม่นานนัก แต่ความผูกพันของ
เด็กน้อยสองคนนี้สำหรับเค้าซึ่งอยู่คนเดียวแบบไร้ญาติมิตรมาตลอดแล้ว ก็เทียบได้เหมือนพ่อกับลูกแท้ ๆ เลยทีเดียว
"พ่อจ๋า ฮืออ ฮือออ" สัมผัสอบอุ่นแห่งความรักความห่วงใยที่พวกเค้าโหยหาและไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานจนแทบจะจำไม่ได้ ทำเอาเด็กน้อยทั้ง
สอง ถึงกับน้ำตาซึมออกมาจนต้องร้องไห้โฮอย่างไม่อาจจะอดกลั้นต่อไปได้อีก มันเป็นความรู้สึกที่พวกเค้าไม่เคยได้รับสัมผัสมานานมากแล้ว
ความ จริงแล้วหากไม่นับที่พวกเค้าเป็นวิญญาณและมีอิทธิฤทธ์มากมายแล้วล่ะก็ พวกเค้าก็มีอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเด็กน้อยทั่วไปที่
ต่างก็ต้องการคนดูแลที่มอบความรักความอบอุ่นเหมือน ๆ กัน พวกเค้ากอดร่างวิญญาณของพ่อของพวกเค้าจนแนบแน่น ถึงแม้ร่างวิญญาณจะ
ไร้ ซึ่งความอบอุ่นดั่งที่มีในร่างเนื้อ แต่พวกเค้าก็กลับสัมผัสได้ถึงกระแสความอบอุ่นแห่งความรักที่มีอยู่อย่าง เหลือล้นจากดวงวิญญาณเบื้องหน้านี้
"ไว้ถ้ากลับไปได้ พ่อจะซื้อพิซซ่าของโปรดมาให้ลูก ๆ กินกันนะ" เอกลูบหัวของเด็กน้อยสองคนอย่างรักใคร่ที่สุด
"พ่อจ๋า ......" เด็กน้อยสองคนยังคงกอดร่างวิญญาณของพ่อตัวเองไว้แน่น
"เอาล่ะ ไปกันเถอะ" เอกลูบหลังเด็กน้อยสองคน ก่อนที่จะปล่อยมือที่สวมกอดอยู่แล้วลุกขึ้นยืน
" พ่อจ๋า ... " เด็กน้อยสองคนเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะหันมาจับมือของเอกจนแน่น เพียงชั่วครู่ร่างวิญญาณของทั้งสาม
ก็ โดนแรงดึงดูดจากหลุมลึกที่มองไม่เห็นดูดเข้าไปอย่างรุนแรง เมื่อร่างจิตนั้นเข้าไป ณ จุดหนึ่ง เอกก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังหมุนคว้างท่าม
กลางกระแสอันเชี่ยวกรากรุนแรง มันหมุนวนราวกับพายุไต้ฝุ่นจนเค้าไม่สามารถจับภาพรอบข้างใด ๆ ได้แม้แต่น้อย ที่รู้สึกได้ก็มีเพียงแต่
สัมผัสของมือทั้งสองข้างที่มีเด็กน้อยสองคนจับกุมไว้จนแน่น แรงดึงอันบ้าคลั่งนี้ทำเอาสติของเค้าหายไปทีละเล็กละน้อยอย่างช้า ๆ
" พ่อจ๋า พวกหนูก็ดีใจ ที่ได้มาอยู่กับพ่อนะ และพวกหนูก็ภูมิใจในตัวพ่อด้วย" เอกได้ยินเสียงเด็กน้อยทั้งสองพูดขึ้นมาก่อนที่สติจะวูบหายไป
"พี่เอก" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาจากที่ที่ไม่ไกลนัก หากแต่เสียงนั้นไปไม่ถึงผู้ที่เธออยากจะเรียกหา เพราะคนที่เธอเรียกได้หมดสติไปซะ
ก่อนหน้าแล้ว
............................................................
อีกด้านหนึ่งที่ห้องพยาบาล
" คุณฝ้ายทำไมนิ่งไปล่ะครับ คุณฝ้าย" เก่งเขย่าตัวฝ้ายที่นั่งฟุบหน้านิ่งอยู่กับขอบเตียง ทั้ง ๆ ที่ยังกุมมือของเอกไว้แน่น เธอหายใจสงบนิ่ง
ราวกับว่ากำลังหลับอยู่ หากแต่เก่งเขย่าตัวเธอเท่าไหร่ เธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
"อย่าบอกนะว่า ... ฝ้ายตามเอกไปด้วย !!!" เก่งหันหน้ามามองดูร่างของเอกที่นั่งปิดตานิ่งสนิทอยู่บนร่างของปูแฟนสาว
...........................................................
" อูยยยย .... ปวดหัวชะมัด" เอกร้องครวญครางเบา ๆ เมื่อเริ่มได้สติอีกครั้ง เค้ายันร่างของตัวเองขึ้นมายืน สองมือกุมศรีษะที่รู้สึกปวดร้าวราว
กับจะ แตกระเบิดออก แค่ประสบการณ์เข้าสู่จิตคนอื่นครั้งแรก ก็ทำเอาเค้ารู้สึกหวาด ๆ จนไม่อยากจะให้มีครั้งต่อ ๆ ไปอีกแล้ว เขาต้องใช้เวลา
อยู่ครู่ใหญ่กว่าที่จะสามารถเรียกสติตัวเองกลับมาได้ ระดับหนึ่ง ก่อนที่จะพบว่าเค้ายืนอยู่พื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำเหนียว ๆ ที่สูงระดับตาตุ่ม มันดู
เหนียว ๆ แหยะ ๆ ยังไงชอบกล แถมยังมีกลิ่นคาวชวนอ้วกแปลก ๆ เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัว ก็พบเพียงแต่ความมืดมิดจนมองไม่เห็นขอบฝั่ง
ภายในนี้มันมีแรงกดดันหนักหน่วงบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกหดหู่ซึมเศร้าอย่างรุนแรงแฝงตัวอยู่ในอากาศอย่างอธิบายไม่ถูก
" นี่เราเข้ามาในจิตแล้วเหรอเนี่ย รักยมเอ้ย อยู่ไหนลูก" เอกก้มลงมองร่างวิญญาณของตัวเอง ก็พบว่าเค้ากำลังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้สิ้นซึ่ง
อาภรเครื่องนุ่งห่มปก คลุมเหมือนปกติที่เค้าเคยถอดวิญญาณออกมา ต่างกันตรงที่ตอนนี้ร่างวิญญาณของเขามิได้โปร่งใสอย่างที่เคยเป็น แต่กลับ
มี ทุกอย่างเหมือนร่างเนื้อตามปกติ จนเขาเริ่มไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านี่คือโลกจริง ๆ หรือโลกของจิตวิญญาณกันแน่ เอกลองร้องตะโกนเรียกหารักยม
ไปรอบทิศ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไร จากตรงไหน และอย่างไร
"....." แต่ไม่ว่าเขาจะร้องตะโกนเท่าไหร่ก็มีแต่สุ้มเสียงแห่งความเงียบงันที่ ตอบกลับมา ราวกับว่าเค้าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่หลงอยู่
ในภพมิติแห่งนี้
" ฮือ ฮือ ฮือ ...." ขณะที่เอกกำลังวุ่นวายใจว่าจะต้องทำอย่างไร ก็พลันได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นของหญิงสาวดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากที่ไม่ไกล นัก
"ใครน่ะ .... นั่นคือปูหรือเปล่า" เอกหันไปมองทางต้นเสียงพยายามเพ่งมองไปไกล แต่ก็ยังคงมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด
"..... ฮือ ฮืออออ ...." ไม่มีเสียงตอบรับจากเข้าของเสียงร่ำไห้ เสียงสะอื้นไห้นั้นหยุดไปชั่วครู่ แล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกรอบเหมือนไม่สนใจอะไร
"....." เอกตัดสินใจเดินไปตามต้นเสียงร้องไห้ที่ได้ยินอย่างช้า ๆ รู้สึกหวาดหวั่นในใจลึก ๆ การที่ต้องหลงอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิดนี้ ไม่
ว่าใครจะหาญกล้าเพียงใดก็ต้องรู้สึกหวาดหวั่นบ้างไม่มากก็น้อย
...... ท่ามกลางความเวิ้งว้างอันมืดมืด มีเพียงเสียงร้องไห้ และเสียงจ๋อม ๆ ดังขึ้นตามจังหวะการก้าวย่ำเท้าของเขาลงไปในน้ำเท่านั้น
".... นั่นคุณปู หรือเปล่า" เอกที่เดินตามต้นเสียงไปซักระยะ ร้องถามเมื่อเค้าพบเห็นอะไรบางอย่างปรากฎอยู่รางเรือนในมุมแห่งความมืดมิด นั้น
"..... ฮืออออ ฮืออ ...." ยังคงไม่มีเสียงตอบจากต้นเสียง แต่เค้ารับรู้ได้ว่าเค้ามาถูกทางแล้ว เพราะเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ นั้นบ่งบอกได้ว่า
ระยะห่างของตัวเค้ากับต้นเสียงนั้นเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
" คุณปู ..." ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ เค้าเดินเข้าไปใกล้ร่างเปลือยเปล่าของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งกอดเข่าซุกหน้า ร้องไห้อยู่ที่มุมห้อง
เนื้อตัวของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำเหนียว ๆ เต็มไปหมด
"............." หญิงสาวไม่ตอบ เธอเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย แม้ใบหน้าจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แต่เธอก็ยัง
คงความสวยใสน่ามองตามแบบฉบับสาวบ้านนาไว้เป็นอย่างดี หากแต่แววตาของเธอดูเฉยฉาไร้สิ้นซึ่งชีวิตชีวาราวกับไร้ซึ่งเป้าหมายแห่งชีวิต
" คุณปูจริง ๆ ด้วย" เอกรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย ใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่เบื้องหน้านี้คือใบหน้าเดียวกับคนไข้สาว สวยที่เขาเพิ่งจะ
ได้ลิ้มชิมรสสวาทมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน เค้ามาได้ถูกทางแล้ว .... ปัญหาก็คือจะต้องทำอะไรต่อไป .....
"คุณปู กลับกันเถอะครับ ทุกคนรออยู่นะ" เอกนั่งลงที่เบื้องหน้าของหญิงสาว พยายามเอ่ยปลอบใจ
"... ใครรอปูอยู่ล่ะ .. ก็ทุกคนตายกันหมดแล้ว ... ดูซิ เลือดนองเต็มพื้นเลย ฮือ ฮือออ" ปูมองไปรอบข้างอย่างหวาดกลัวแล้วก็ฟุบหน้าลงไป
ร้องไห้ต่ออย่างหมดอาลัยตายอยาก
" เลือดเหรอ .... เฮ้ยย ...." ชายหนุ่มลองเอื้อมมือลงไปแตะของเหลวที่นองเต็มไปทั่วพื้นขึ้นมาดู ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าที่จริงแล้ว ของ
เหลวที่เค้าเดินเหยียบย่ำไปมานั้นคือเลือดสีแดงสดปริมาณมหาศาลที่เจิ่งนองอยู่
"ฮืออ พ่อ แม่ พี่ชาย ... ทุกคน ตายหมดแล้ว ฮือออ" ปูก้มหน้าลงไปร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายตามครอบครัวเสียให้ได้
"......." เอกพยายามตั้งสติ นึกถึงคำพูดของรักยมที่บอกว่า สภาพภายในจิตใจของคนนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์และความคิดของเจ้าของ
ร่าง จิตอย่างคล้องจองกัน และเมื่อมาเห็นสภาพทะเลเลือดแบบนี้ ก็บ่งบอกได้ถึงความเศร้าและหดหู่ของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี เค้าเอื้อมมือจะไป
จับมือของปูเพื่อให้กำลังใจ แต่ ....
"อย่ามาแตะปู นะ กรี๊ดดดดดดดดด ออกไป ออกไปปปปป" หญิงสาวราวกับจะหวาดกลัวมือของชายหนุ่ม เธอสะดุ้งขยับตัวถอยหลังหนี พร้อม
กับกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันร่างของเอกก็โดนพลังมหาศาลของอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น อัดกระแทกใส่จนกลิ้งกระเด็นออก
มาไกลจากร่างของปู
" แค่ก ๆ โอยยยย" เอกที่ล้มกลิ้งไปตามแรงกระแทกที่มองไม่เห็น ยันตัวขึ้นสำลักด้วยความรู้สึกจุกแน่น เค้ารู้ดีว่าภายในจิตแห่งนี้ หญิงสาวเจ้า
ของจิตมีอำนาจอย่างเต็มที่ ที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ และดูท่าทางเธอจะหวาดกลัวเพศตรงข้ามอย่างรุนแรง ซึ่งก็ไม่ผิดเมื่อเธอนั้นโดน
ทำร้ายซะจนยับเยินขนาดนั้น ไหนจะโดนข่มขืนต่อหน้าคนรัก ไหนจะโดนฆ่าล้างครัว ความทรงจำเหล่านี้หากจะทำให้เธอหวาดกลัวผู้ชายมันก็
ไม่ ได้แปลกอะไรเลย เอกรู้สึกอับจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้ รักยมก็ไม่อยู่ซะด้วย แต่ขณะที่กำลังคิดหาทางออก ก็กลับได้ยินเสียงคุ้นหู
ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
"พี่เอก ... นั่นพี่เอกหรือเปล่าคะ"
...........................................................