มีนาคม ค.ศ. 1980......
สายหมอกขาวละเอียดเรี่ยราย ทิวยอดไม้ยางพาราเป็นริ้วสาย ดุจสายน้ำไหลหลาก ลากจากห้วงสวรรค์นำพาความชื่นฉ่ำลื่นรินหลั่งโลมสู่พื้นพิภพ...........ยาม รุ่งอรุณใกล้มาเยือนยังมืดครึ้มเพราะสุริยายังไม่เยี่ยมกรายโผล่พ้นทิวเขา มีเพียงประกายแสงเลือนรางจับขอบเมฆที่เกาะกลุ่มดำมืดเป็นเงาทะมึนอยู่บนฟาก ฟ้า............
หยดหยาดน้ำค้างผุดพราวเกาะกิ่งใบไม้และยอดหญ้าส่องประกายล้อแสงเรืองระยิบ ระยับงามตาดุจอัญมณีแห่งธรรมชาติ ระเหยเหิดไอเย็นสะท้านไหวสู่ผิวพื้นเหนือแผ่นดิน......ทุกสรรพสิ่งล้วนยังคง สงบเงียบรอเวลาที่จะตื่นฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแสงตะวันที่ใกล้เวลาโผล่พ้นทิว เขาคอหงส์ในอีกไม่นานนัก.........
เสียงฝีเท้าวิ่งเหยาะย่างมาตามทางเดินสีแดงมอ เลาะขอบรั้วศรีตรังฝั่งศูนย์วิจัยยางพาราอันเป็นกิจวัตรประจำวันของชางมหา ลัยบางคน ทึ่ลุกขึ้นก่อนไก่โห่ออกวิ่งจ๊อกกิ้งลัดเลาะไปรอบๆ มหาวิทยาลัยที่มีอาณาเขตกว้างขวางบ้างก็วิ่งลัดเลาะไปตามคันขอบอ่างเก็บน้ำ ที่สร้างเป็นถนนทอดยาวไปยังหมู่บ้านคณาจารย์ บ้างก็วิ่งไปตามถนนที่ลากตัดผ่านไปตามตัวอาคารคณะวิชาต่างๆ ที่ตั้งแยกห่างจากกันเป็น อิสระและสัดส่วนและก็มีบ้างไม่กี่คนที่ข้ามเขตรั้ว ออกไปนอกวิทยาเขตเข้าไปวิ่งเลาะตามทางเดินดินในศูนย์วิจัย ...เพื่อเข้าไปสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นของพืชพันธ์ไม้ยามเช้าอย่างเต็มอิ่ม
หลิน.....นักศึกษาสาวน้องใหม่คณะพยาบาลหนึ่งในไม่กี่คนที่กล่าวถึง เธอรักที่จะสัมผัสความอ่อนโยนจากธรรมชาติและรับพลังอันบริสุทธ์ยามเช้าเข้า สู่กายที่อวบอัดแน่นเนียนด้วยวัย 18 ที่กำลังเต็มอิ่ม เธอชอบความสงบเงียบและสันโดษ เธอจึงมักตื่นก่อนหน้าคนอื่น และ ออกวิ่งตามลำพังในเขตสวนยางพาราของศูนย์วิจัย ซึ่งปลอดคน และเช้านี้ก็เช่นกัน........
เธอยืนก้มศีรษะ กดมือค้ำเข้าทั้งสองข้าง บั้นท้ายเอนพิงต้นยางพารา หายใจหอบเหนื่อยจากการวิ่ง เหงื่อไหลไคลย้อยเหงื่อผุดพราวไปทั่วกาย เสื้อยืดสีขาวแขนกุดและกางเกงขาสั้นเปียกชุ่มรัดร่างเน้นรูปร้างที่สมบูรณ์ สมส่วนด้วยวัยสาว ส่วนที่เว้าส่วนที่นูนจึงเห็นชัดเป็นรูปร่าง ราวกับประติมากรรมชั้นเลิศ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองหมู่เพื่อนๆ ร่วม มหาลัย ที่กำลังวิ่งเลาะไปเรื่อยๆตามทางขอบอ่างกักเก็บน้ำของมหาวิทยาลัย ทึ่อยู่สูงขึ้นไปจากแนวรั้ว
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ทั้งๆที่ฟ้าเริ่มมีแสงเลือนรางของอาทิตย์อุทัยแล้ว วิ่งเป็นเพราะว่ากลุ่มเมฆฝนที่เคลื่อนตัวมาบดบังเบียดแน่นแผ่นฟ้า ยากที่แสงสุริยาจะส่องฟ้า อันเป็นปกติวิสัยของแดนดินถิ่นใต้เมืองสะตอขึ้นชื่อ ซึ่งมักจะมีฝนหลงฤดูอยู่บ่อยๆ แม้นในขณะนี้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตามที
หลิน เหยียดตัวขึ้นขยับกายออกท่าบริหารเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อขับไล่ความอ่อนล้าเมื่อยขบ ฉับพลันทันใดเธอก็มีอันสะดุ้งเฮือก เมื่อมีใครคนหนึ่งพุ่งปราดพรวดพราดเข้ามารวบตัวเธอ จากทางด้านหลัง เธอขยับปากอ้าร้องด้วยความตื่นตระหนกใจสุดขีด แต่มิทันที่เสียงจะหลุดรอดออกจากปากเต็มคำ ฝ่ามือใหญ่หยาบหนาก็ตะปบกดปิดปากเธอไว้แน่นพร้อมๆกับมีดปลายแหลมจ่อจรดกดลำ คอขาวผ่องของเธอไว้จนรู้สึกเจ็บ
“เงียบนะ ! อีสาว ถ้าไม่อยากตายโหง “ เสียงกระซิบข้างหูเหี้ยมเปล่งเป็นสำเนียงท้องถิ่นขู่สำทับเธอจนไม่กล้าขัด ขืน ปล่อบให้มันกึ่งลาก กึ่งประคอง ดึงเธอลึกเข้าไปทางท้ายสวนยางพาราพันธ์ดีติดตีนเขาคอหงส์ซึ่งเป็นจุดปลอดคน ในยามปกติ
นักศึกษาชายหญิง วิ่งเกาะกลุ่มกันเห็นอย่าลิบๆ หากเปล่งเสียงกู่ก้องตะโกนให้สุดแรงก็อาจจะมีสักคนที่ได้ยิน แต่ตอนนี้ต่างคน ต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่งลงเท้าไปเรื่อยๆโดยไม่สำเหนียกถึงเหตุอุบาทว์ที่ กำลังก่อเกิดขึ้นกลางท้ายสวนยางพารา
“ ถอดเสื้อผ้าให้เกลี้ยง อีสาว “ เสียงประกาศิตจากใบหน้าเหี้ยมเข้ม แววตาดุดันคมกริบ ไว้หนวดเสริมความกร้าวแกร่ง แต่เต็มไปด้วยรอนเกลื้อน พร้อมเป็นด่าวดวง ตัดกับผิวเข้มคล้ำดูโสมมเหมือนจิตใจมันในตอนนี้ ทำให้เธอไม่กล้าขัดขืน เมื่อมันเค้นเสียงขู่ตะคอกสำทับมาอีก พร้อมแกว่งไกวมีดในมือ
“ เร็ว........”
เธอถอดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีขาวมือไม้สั่น เมื่อเห็นประกายตาวาววับจับจุดขึ้นมาในแววตาของมัน เหลือเพียงบราเซียลายลูกไม้เนื้อบางเบาที่รัดเต้าอวบอิ่มจนปริ่มล้นและ กางเกงในเนื้อบางจนแลเห็นตฤณชาติเป็นเงาดำ และดูจะเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับโหนกเหน่าเนินเนื้ออูมอวบนูนเป็นหลังเต่า กลางหว่างขาเธอ
สายตาของมันจับจ้องจุดสำคัญของความเป็นสาวในกายของเธอจนแทบถลน หลิน รู้สึกสะท้านวูบวาบด้วยความหวาดกลัวและความอายเพราะตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอไม่เคยปลดเปลื้องเปลือยกายให้ใครได้ชม แม้กระทั่งเพื่อนหญิงที่สนิทชิดเชื้อก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ตอนนี้เธอจำใจต้องยืนเปลือยร่างต่อหน้าชายแปลกหน้าที่เธอเองก็รู้อยู่แก่ ใจว่ามันมุ่งหมายพรมหจรรย์ความเป็นสาวของเธอ ความอาย........ความกลัว.....ทำให้เธอยกสองมือปิดจุดสงวนของความเป็นสาวเอา ไว้ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นหญิง แม้จะไม่มิดชิดนักเพราะความอวบใหญ่แต่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยลดความ พรั่นพรึงเมื่อเห็นมันกลืนน้ำลายเหนียวลงคอและดวงตาที่ส่อแววหื่นราคะชัดเจน
“ ถอด....ถอดให้หมดอีสาว “ เสียงมันแหบสั่นพร่า อย่างควบคุมความกำหนัดไว้ไม่อยู่ สาวน้อยนักศึกษานิ่วหน้าคล้ายจะร่ำไห้เมื่อรู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะขัดขืนต่อ เหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตที่กำลังจะเกิดเธอค่อยๆ ปลดชุดชั้นในออกอย่างช้าๆ เพียงหวังว่าจะมีใครผ่านมาพบเหตุการณ์ก่อนที่มันจะสายเกินไป แม้จะเป็นความหวังเลือนรางเหมือนคนใกล้จะจมน้ำ ขอเพียงมีเศษฝางสักเส้นลอยผ่านมาก็คงจะไขว่คว้า........
เธอเงยหน้าขึ้นมา หลังจากปลดเปลื้องปราการด่านสุดท้าย แล้วก็ต้องผงะมีอันตะลึงพรึงเพริดเมื่อพบว่า......มันปลดเสื้อม่อฮ่อมและ กางเกงขาก๊วยที่สวมใส่เปลือยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ท่อนเนื้อความเป็นชายกลางหว่างขาของมันชูคอยื่นยาวผงกหัวชี้ชันมาทางเธอ อย่างมุ่งร้ายคาดคะเนความยาวของมันด้วยสายตาขนาดสองมือกำยังคงเหลือมันคงยาว ไม่ต่ำกว่า แปดนิ้วเป็นแน่แท้ขาดเหลือ คงไม่เท่าไร ความใหญ่ของมันที่มันกำลังใช้มือขยับรูดอยู่ ขนาดปลายนิ้วกลางชนปลายหัวแม่มือของมันพอดี หากเป็นเธอคงกำไม่ได้รอบกับรัศมีขนาด หกนิ้วกว่าๆ แค่นึกคิดเธอก็สะท้านเยือกเสียววูบจากช่องท้องแล่นลิ่วขึ้นสมองเกิดอาการ สั่นเทิ้มไปทั้งร่างเกิดอาการเกร็งขมุบขมิบที่ปากโพรงหลืบสาวด้วยความแสยง
มันเดินย่างสามขุมเข้ามา.........หลินผงะถอยหลังด้วยสัญชาติญาณป้องกันตัวจน แผ่นหลังกระทบกับต้นยางพาราที่ทีลำต้นไม่ใหญ่นัก เพราะเป็นยางพาราพันธ์ดีอายุไม่เกิน4 ปี ก่อนที่เธอจะคิดขยับตัวทำอะไรต่อไปมันก็ปราดประชิดเข้าถึงตัว กอดกระชับรัดร่างเธอไว้ด้วยความหื่นกระหาย ซุกจมูกเข้าซบไซร้ซอกคอละมุนที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อไคล มันสูดดอมดมกลิ่นสาบสาวอยู่ชั่วครู่จนอิ่มเอม มันจึงตวัดปลายลิ้นไล้ไปไชชอนเข้าไปตามรูหูของเธอ หญิงสาวบิดเบือนเอียงคอหลีกหนีด้วยความขยะแขยงจนต้อง ห่อไหล่ หลับตาปี๋ มันตามติดไล้ปลายลิ้นแผ่วๆ กระดุบกระดิบเหมือนหนอนคืบลงมาปลายติ่งหูแล้วใช้ฟัน ขบเม้มเนินเนื้อนุมส่วนนั้นเบาๆ จากความแขยง เปลื่ยนเป็นความจั๊กจี้ แล้วค่อยๆ แปลเปลี่ยนเป็นความซ่าน...สยิว ชวนเคลิบเคลิ้มจนขนทั่วกายลุกชี้ชันเป้นตุ่มเป็นไต หากการกระทำของมันเปลี่ยนไปเป็นการกระทำของ พี่ไก่ นักศึกษาแพทย์ รุ่นพี่ที่เป็นคนรักของเธอก้คงจะมีความสุขนักแต่นี่ไม่ใช่ !! .... เธอจึงรู้สึกซ่านสยิวตามปฏิกิริยาของเส้นสายปลายประสาทของเนื้อหนัง แต่ใจเธอมิได้ยินยอมโอนอ่อนผ่อนตามไปด้วย มันจึงเป็นความขัดแย้งระหว่างความรู้สึกนึกคิดและเป็นการต่อสู้พันตูระหว่าง ความต้องการของเนื้อหนังกับความถูกต้องของจริยธรรม
มันป้ายปาดป่ายปลายลิ้นเปะปะไปทั่วใบหน้ารูปไข่ของเธอ จนเปรอะเลอะเมื่อก ลื่นน้ำลายเหนียวของมันเป็นมันเยิ้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากของมันมาประกบบดจูบ ริมฝีปากบางสวยสีชมพูเรื่อของเธอแนบแน่นหนักหน่วงจนเธอรู้สึกเจ็บกลิ่นเน่า เหม็นของเศษอาหารค้างคืนในปากมันโชยผ่านจมูกเธอชวนสะอิดสะเอียนผะอืดผะอม จนเธอเองแทบอาเจียน เธอเม้มปากแน่นเป้นเส้นตรงเมื่อมันพยายามดันปลายสอดลอดผ่านเข้าสู่ช่องปาก หอมละมุนของเธอ อา........จูบแรกในชีวิตสาวของเธอมันช่างแตกต่างจากความวาดหวังฝันไว้โดย สิ้นเชิง
มือของมันข้างหนึ่งบีบขยำถันอวบอิ่มไว้เต็มมือ แรงนิ้วที่ขยุ้มจิกกดบีบเน้นทำให้ หลินสะดุ้งสะท้านร้าวรานด้วยความเจ็บปวด เหมือนมันจะสำนึกถึงความรุนแรงเกินเหตุกับเนื้อนุ่นเนียน มันจึงเปลื่ยนเป็นลูบไล้ ถูปลายจงอยถันให้ตื่นตจัวรับรู้ความหยาบสากกระด้างของฝ่ามือที่ผ่านงานหนัก มานาน ชั้นเชิงโลมเล้าของมันแม้นจะพื้นๆ ไม่แพรวพราวนักซ้ำแฝงไปด้วยความหักโหมรุนแรง ก้าวร้าว แข็ง....แต่เด็กสาวก้อดหยัดกายเกร็งไหล่หดห่อด้วยความเสียวสยิวไม่ได้ เพราะความไร้เดียงสา ไม่เคยรับสัมผัสแตะต้องจากมือชายมาก่อน มันจึงก่อเกิดความรู้สึกแปลบปลาบจากสัมผัสที่ถูกบีบเคล้นเคล้าคลึง บดขยี้ ขยุมขยำทรวงเต้าอวบใหญ่จนบิดเบี้ยวบี้แบน
“ ใหญ่...ใหญ่จริงๆอีสาว ไม่เสียแรงดักรอมาหลายวัน “ น้ำเสียงห้าวลึกแหบพร่ารำพึงออกมาอย่าสุดกลั้นความตื่นเต้นข้างๆ ใบหูเธอ
“ บึ๊บบั๊บ อล่างฉ่างไปหมดทั้งตัวเลย อย่างนี้แหละถึงจะเอามันส์ พับผ่า สิ !! โชคดีจริงๆ “
เสียงกระเส่าของมันสร้างความคับแค้นใจให้กับ นักศึกษาสาว เป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่เธอจะทำได้ในเวลานี้ก็เพียงยืนตัวแข็งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันปล่อยให้ มันตะโบมโลมลูบบีบขยำบี้สองเต้าขนาด 36 นิ้วตามใจชอบ
ขาข้างหนึ่งของมันสอดแทรกเข้ามาขัดคาง่ามขาเธอไว้ ขยับงอเข่าเพียงเล็กน้อยหน้าขาที่เต็มไปด้วยขนดกหยาบหนาของมันก็อัดโหนก เหน้าเนื้อสาวที่เปล่งอูมจนเธอต้องเขย่งปลายเท้าผ่อนน้ำหนักตัวที่กดทับลงมา ที่หน้าขาของมันเพื่อมิให้สัมผัสแนบแน่นสร้างความเสียดเสียว แต่ก็ไร้ผลเมื่อมันงอเข่ายกหน้าขาขึ้นอีก จนปลายเท้าเธอหลุดลอยขึ้นจากพื้น น้ำหนักตัวทั้งหมดของเธอกดทับลงมาที่หน้าขาของมันเต็มที่ พอมันขยับหน้าขาขึ้นๆ ลงๆ หน้าขาของมันจึงบดเบียดแถกถูไถโหนกเหน้าเนินเนื้ออวบหยุ่นของเธอความหยาบ ความสาก ของขนทิ่มแทงแยกตำร่องเนื้ออ่อน ของเธอต้องกระตุกร่างดิ้นกระแดกกระแด่วเพราะ แสยง....คันๆ เสียวๆ ...เธอพยายามหนีบขาไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้มันเสียด.... มันสี....แต่ก็กดหนีบได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม หน้าขาก้กลับถ่างอ้าออก ปล่อยให้มันถู....มันไถ.....ไสเนินเนื้ออิ่มจนย่นยู่ยับย่น สะโพก พลอยสั่นไหวส่ายรับแรงบดเบียดด้วยความเผลอตัว พอรู้สึกตัว เธอก็พยายามหุบขาใหม่แต่พอเผลอตัวเข้าอีกขาก็กลับถ่างอ้าออกอีก มันจึงอ้าๆ หุบๆ ขยับเข้า ขยับออก อยู่อย่างนั้นเพิ่มความสียวดาลใจให้แก่เธอมากยิ่งขึ้น
“ ครืน.....ครืน....น..น....”
ก่อนที่อารมณ์ของสาวน้อยจะเตลิดไปไกลจนสุดจะกู่กลับ เสียงฟ้าร้องครืนครั่นเข้ามา ลมย็นละอองไอฝนกระโชกโบกใบไม้เสียดสีดังกราวใหญ่ หลิน พยายามบิดตัวเบี่ยงร่างส่วนล่างที่กำลังถูกรุกรานลวนลามหนี ทว่าดูเหมือนความพยายามของเธอจะสูญเปล่า เมื่อมันรุกล้ำกรายร่างของเธอมากขึ้น เธอสะดุ้งเฮือก เหมือนสายอสุนีบาตพุ่งปราดฟาดสู่ร่างเธอ เมื่อมันซบฉกหน้าหาปลายจะงอยถันสีแดงเรื่อเผยอปาก อ้าอมดมดูดดุนเม้มดึงเป็นยางยืดแม้เธอจะไม่มีใจไปกับการกระทำของมันแต่ร่าง กายที่โดนกระตุ้นเร้าด้วยความหื่นกำหนัดในส่วนที่รับรู้ความรู้สึกสัมผัส อย่างว่องไว ปลายจะงอยเนื้อจึงแข็งตัวขมึงชูชันหยัดยืดยื่นยาวออกมาทีละนิดๆ จนรู้สึกตึงเปรี๊ยะ คัดเต้าจนเจ็บๆ เสียวๆ อันเป็นปฏิกิริยาที่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยมิพักต้องรอความยินยอมพร้อมใจ
หลิน ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนเพื่อหักห้ามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่านร่านเตลิดไป กับการเล้าโลม ซึ่งเต็มไปด้วยความหื่น...หยาบ...และป่าเถื่อน.....ปลายนิ้วของมันตวัดป้าย ปาดดุนดันลากวนติ่งเต้าที่ลุกชันชี้เด่ยื่นยาวนั้น บางครามันก็เม้มปากคาบปลายจะงอยเนื้อดึงยืดจนเธอผวาแอ่นอกตาม เพราะเกรงมันจะขาดติดปากไอ้บ้ากามไป และบางคราวมันก็เม้มเอาไว้แล้วขยับขากรรไกรล่างสั่นไหวบดบี้จะงอยเนื้อที่ เริ่มแดงก่ำด้วยแรงฉีดของเลือดสาวจนเธอสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยความสะท้าน
มันเป็นภาวะที่แสนทรมานสุดจะทนทานผืนอำนาจความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจที่ เป็นไปตามสัญชาติญาณของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ความสับสนที่เกิดขึ้นในจิตใจอันเกิดจากความขัดแย้งระหว่างควาถูกกับความผิด ความเลวกับความดี ที่ได้รับการพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กเล็กอยู่จนเป็นสาวให้รักนวลสงวนพรหมจรรย์ ของหญิงเอาไว้ยิ่งชีวิต แต่ในขณะนี้ร่างกายของเธอเร่าร้อน........เรียกร้อง......ในสิ่งที่เป็น ครรลองครองธรรมของธรรมชาติ...มากขึ้น.....มากขึ้น....โดยเธอมิอาจห้ามปราม ไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ เมื่อถูกกระตุ้นเร้าตามจุดกระสันต์ ต่างๆ บนเรือนร่างสาวที่ไม่เคยมีประสพการ์ณเช่นนี้มาก่อน ความสับสนที่เกิดจากความขัดแย้งภายในจิตใจ ก่อให้เกิดความเครียดขมึงตึงจนเธอหูอื้อตาพร่างพราย ลมหายใจเริ่มติดขัดเป็นห้วงๆ หอบ...แรงขึ้น....แรงขึ้น...
จนตัวโยน ปลายลิ้นเหนียวชุ่มน้ำลายของมันพลิ้วไหวไหลลื่นเลื่อนเคลื่อนต่ำลงมาตามแนง กึ่งกลางลำตัวสะดุดหยุดเน้นดุนตรงสะดือกลมบุ๋ม เล่นเอานักศึกษาสาวสั่นสะท้านเกร็งแขม่วลอนหน้าท้องไร้ไขมันไหวระริกบิดเอว หนีด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก คล้ายๆ จะ จั๊กจี้ แต่ก็ไม่ใช่ มันให้ความซ่าน....เสียว....มากกว่า สองมือของเธอพยายามแข็งขืนผลักดันศีรษะของมันให้ห่างออกจากจุดนั้น เพราเธอกริ่งเกรงว่าถ้าหากมันยังคงฉกลิ้นดุนแผ่วๆ อยู่ที่รูสะดือของเธอ เธอจะทนกลั้นต่ออารมณืความรู้สึกที่เรียกร้องความต้องการทางเพศไม่ไหว แต่กลับกลายเป็นว่าการผลักชองเธอทำให้ศีรษะของมันเลื่อนต่ำลงไปสะดุดหยุด อยู่ที่เนินสวาทกลางหว่างขาของเธอ ที่เริ่มลื่นชื้นแฉะ
“ อึ๋ย............”
หลิน แหงนหน้าหงาย หลับตาแน่นจนคิ้วขมวดย่น เผยอปากหลุดคำอุทานออกมารเบาๆ ในขณะที่ฟันยังคงสบขบกันแน่นเมื่อสัมผัสรับรู้ถึงปลายลิ้นนุ่มลากป่ายป้ายไป รอบๆ เนินเหนือร่องหลืบที่ยังคงแนบสนิท เพราะยังไม่เคยมีสิ่งแปลกปลอมอื่นใดล่วงล้ำผ่านเข้าไปนอกเสียจากปลายนิ้วของ ตนเอง เมื่อเลือดสาวเรียกร้องความต้องการเป็นครั้งคราว
ปลายลิ้นที่พลิกพลิ้วของมันค่อยๆ แซะ...ค่อยๆ ดุน...ค่อยๆดัน....ป่ายตวัด....เซาะกลีบเนื้อหว่างสองพลุเฉาะลึกเจาะเข้าไป อย่างช้าๆ ลึกเข้าไปทุกที ๆ ๆ สองมือของมันบีบกระชับจับขยำแก้มก้นทั้งสองของเธอไว้แนบแน่น จนเธอหมดสิทธ์บิดก้นไถลหนี ได้แต่ยืนเกร็งสั่นระริกเป็นเจ้าเข้า โดยเฉาะขาซ้ายของเธอสั่นกระตุกเหยงๆจนเห็นได้ชัด เพราะฤทิธ์ของความซ่านสียวที่ไม่เคยพานพบ โพรงเนื้อสาวจึงเต้นตุบๆ ขมิบบีบตัวรีดน้ำเมือกมันปลาบซึมเยิ้มออกมาทีละนิดทีละหน่อยจนหยาดเยิ้ม เปื้อนเปรอะเลอะไปทั้งซอกขาหนีบ
เดนมนุษย์แหงนหน้าเงยมองเธอด้วยสายตากระหยิ่มซี่อนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจที่ สามารถสร้างความเสียวซ่านให้นักศึกษาสาวจนน้ำเล็ด มันละปากที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของหญิงสาวจนมันปลาบเอ่ยถามอย่างผู้กำชัย ชนะไว้ในอุ้งมือมาร
“ ไง!!! อีสาว ชักเสี้ยนแล้วสิ......”
เธอสิ้นเรียวแรงที่จะโต้ตอบคารมกับมันเพราะรู้สึกอ่อนล้าจากการต่อสู้อย่าง หนักหน่วงกับความรู้สึกของตนเอง เธอเริ่มรู้สึก ท้อแท้ที่จะขัดขวางความรู้สึกต้องการที่ลุกโหมจู่โจมเธอเป็นละลอกๆ ไม่สิ้นสุดอนุสติฝ่ายดีของเธอกำลังจะขาดอยู่รอนๆ เฮกำลังจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้...แพ้ให้กับอารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง
มันเริ่มจู่โจมสาวน้อยอีกครั้ง อย่างต่อเนื่องด้วยปลายนิ้วที่หยาบหนา สากใหญ่ ข้อนิ้วปูดโปนเป็นปล้องๆ มันค่อยๆ ไสค่อยๆ ทิ่มชอนไช คว้านลึกเข้าไปในโพรงเนื้อที่ตีบตันจนสุดโคนนิ้ว แล้วบิดข้อมือซ้ายที ขวาที ควงปลายนิ้วเป้นดอกสว่านคว้านเนื้อใน จนหญิงสาวเกิดอาการเกร็งบิดเอวส่ายซ้ายที ขวาทีตามจังหวะการหมันของนิ้ว ปลายเท้าแยก แหกออกเหยียดกายกระตุกยิกๆๆ ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ ไม่เป็นจังหวะ ด้วยอาการเสียดสีที่เป็นไปอย่างสุดระงับข่มไม่ให้เกิดเพราะลำพังนิ้วมือยาว เรียวของเธอยังเคยส่งเฮขึ้นแดนสวรรค์ชั้นสุขาวดี มานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่ ทั้งใหญ่ทั้งสาก หยาบกระด้าง เวลามันเคลื่อนไหว มันสะกิด มันครูด ผนังเนื้ออ่อนภายในโพรงสวาทให้เกิดความรู้สึกที่เสี้ยนสวาท เสียดเสียว มากกว่าเป็นร้อนเท่า ทวีคูณ
ปลายนิ้วที่ควักคว้านชอนไช ควงไปทั่วโพรงหลืบของมันเริ่มขยับดึงออก....ดันเข้า....เนิบๆ....ช้าๆ....ทำ เอาแก้มก้นของเธอเกร็งขมิบเป็นจังหวะ สอดรับจะโคนของปลายนิ้ว น้ำสวาทเยิ้มพร่าเล็ดออกมานอกหลืบ เป็นฟองฟอดจนล้นไหลฉ่ำแฉะย้อยหยดแหมะๆ ลงบนปลายลิ้นของมันที่ยื่นรองรับก่อนที่มันจะฉกปลายลิ้นตวัดใส่ติ่งเนื้อ เหนือร่องธารสวาทที่โผล่ยื่นยืดยาวออกมา ปลายลิ้นของมันรัวใส่เหมือนหมัดนักมวยที่ซ้อมชก พันช์ชิ่งบอล จนหญิงสาวสะกดเสียงกลั้นไว้ไม่อยู่ต้องส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างสุดระงับ อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ .....อา......อา....”
จังหวะการชักนิ้วเข้าออกของมันเร็วขึ้น...เร็วขึ้น....เสียงดังพรืดๆ เร้าใจ ยิ่งมันเร่งนิ้วทิ่มแทงถี่ขึ้นท่ำร เร็วขึ้นเท่าไร เธอยิ่งรู้สึกเสียดเสียวขึ้นเท่านั้น มันร้อน.......มันวูบวาบ........หูอื้อ.......ตาลาย......พรายพร่า........ เธอรู้สึกอ่อนล้า หมดเรียวแรงจะหยัดยืน เข่าอ่อน ทรุดฮวบจนต้องเอื้อมมือขึ้นเหนือศรีษะ คว้าลำต้นยางพาราที่แผ่นหลังเธอพิงพักอยู่ เธอจึงอยู่ในท่าย่อเข้าฉีกขากว้างจะนั่งก็ไม่นั่ง จะยืนก็ไม่ยืนในขณะที่จิตใจของเธอกำลังเคลิบเคลิ้ม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังจะล่องลอยไปกับสายลมแรงยามเช้าเธอก็มีอันสะดุ้ง โหยง นิ่งหน้าร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ โอ๊ย......อูย.......อย่า.....ไม่......ฉันเจ็บ........ “
เธอร้องอุทรณ์ต่อมันแม้จะรู้ว่าไม่มีความหมาย เมื่อไอ้เดนคน ดึงนิ้วกลางที่ปักชำเราร่องสวาทของเธอออก เปลื่นตำแหน่งเลื่อนต่ำลงมาที่รูทวารแล้วกดทิ่มสอดแทรกแหวกชำเราเข้าไปช้าๆ แต่หนักแน่น
“ เจ็บไม่เท่าไรหรอกวะ อีสาว....เดี๋ยวจะมันส์จนลืมเจ็บ แอ่นกนให้พี่สะเด่าทั้งวันละไม่ว่า “
มันปลอบด้วยน้ำเสียงหื่นกระเส่าในขณะที่นิ้วมือถูกดันฝังลึกเข้าไปเรื่อยๆ สักพักมันก็แหวกกล้ามเนื้หูรูดภายในทะลุพรวดสวนทวารเข้าไปจนมิดยันโคนนิ้ว ความรู้สึดอึดอัดฝืดเจ็บที่เกิดขึ้นแต่แรกกับหญิงสาวเริ่มทุเลาเบาบางลง เมื่อมันขยับนิ้วลากถูเข้า ถูออก ช้าๆ จนกล้ามเนื้อที่บีบรัดนิ้วเริ่มผ่อนคลาย ทุกอย่างเริ่มคล่องตัวขึ้น มันจึงชักนิ้วอัดเข้าออกราวกับก้านสูบ จนหลินต้องขบกรามเคี้ยวฟันเบาๆ ในลำคอข่มความเสียวที่ประทุคุ กรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ
“ อึ๋ย............อึ๋ยส์..............”
ไม่ทันที่ปลายนิ้วกลางที่ฝังลึกอย่ในทวารจะถอดถอน ปลายนิ้วชี้ของมันก็ดิ่งลึกเข้าไปฝังตัวในโพรงกระสันเพิ่มการจู่โจมรุกเร้า เป็น สองทาง สองด้าน เล่นเอาหลินลืมตัวไปชั่วขณะ แอ่นสะโพกไปข้างหน้าแบะหน้าขาออกเพื่อให้การเคลื่อนไหวของนิ้วขยับถนัดถนี่ ขึ้น ลึกขึ้นทั้งๆที่รู้ว่ามันเองก็ดันจนสุดปลายนิ้วไม่มีเหลือแล้วสาวน้อยนัก ศึกษาบัดเดี๋ยวสะบัดหน้า บัดเดี๋ยวแหงนใบหน้า เผยอเผยิบปากสำลักอากาศดุจคนใกล้ขาดลม แอ่นกระเด้าสะโพกเนิบๆ ตามจังหวะการดึงนิ้วทั้งสองที่ลากถูเข้า ถูออก ทั้งสองช่องทาง และเมื่อมันเพิ่มปลายลิ้นตวัดฉกใส่ติ่งเหนือโพรงหลืบอีกครา ราวลิ้นอสรพิษ หญิงสาวก็เกร็งกระตุกสั่นสะท้านเหมือนมีใครเอาไฟฟ้าจี้ใส่ร่างด้วยแรงดัน เป็นหมื่นโวลต์ใบหน้าเธอบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความทุกข์ทรมานจากการสะกดกลั้น ความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ให้มีใจไปกับมัน แต่เธอก็มิอาจขมิบต้านน้ำรักเยิ้มไหลเหมือนคนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เปล่งเสียง ร้องครางครวญอย่างร้าวใจ
“ โอว์...........โอว์........โอ..........”
.” อยากจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมอีสาว.........เดี๋ยวพี่จะเอาให้ดิ้นเลย.....” มันพูดไปหัวเราะไปอย่างผู้ชนะที่สามารถทำให้สาวน้อยนักศึกษาน้ำรักเล็ดเลอะ สวนทางกับความรู้สึกนึกคิดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่
หลิน ไม่ได้ยินคำที่มันพูด เพราะสติของเธอเตลิดเพริดไปกับรสชาติแปลกใหม่ในชีวิต ที่ให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มล่องลอยแต่แรกมันให้ความรู้สึก หน้ามืดวูบไปสักพัก ก็มีแสงระยิบระยับพร่างพราวพรายเป็นดวงๆ วูบวาบอยู่ในดวงตา เหนื่อยอ่อนล้า .....จากการกระตุ้นเกร็งจนหอบหายใจถี่นัก เหงื่อผุดพราวโทรมกายคล้ายวิ่งมาเป็นระยะทางไกล ขณะที่สติเธอยังไม่กลับคืนมามันจับเธอพลิกกายกลับหันหน้าเข้าหาต้นไม้พร้อม จับกดแผ่นหลังของเธอให้ต่ำลง เธอจึงอยู่ในท่าโก้งโค้งมือจับลำต้นยาพารา ซุกหัวไหล่ด้านหนึ่งไว้กับลำต้นสองขาถ่างอ้าช่วยทรงตัวพยุงกาย มือหนึ่งเกาะลำต้นไม้เหนือหัว มือหนึ่งดันพยุงลำต้นไม้ใต้ลำตัว เธอเริ่มได้สติเหลียวหน้าหันมาดูมันที่ยืยอยูเบื้องหลังกลางหว่างขาด้วยความ ฉงนในกาสรกระทำของมันแล้วมีอันต้องเบิ่งตากว้างตระหนกสุดขีด.............