close buttonclose buttonclose button
จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 1

จากนางแบบกลายเป็นนักโทษ ตอนที่ 1

หนูอยากลองของ · 52013

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline หนูอยากลองของ

  • เจ้าพ่อเรื่องเสียว
  • Super Master Hero
  • *******
    • Posts: 944
    • เสียว: 70
    • View Profile
ในชีวิตของคนเรามีใครบ้างที่ไม่เคยทำผิดพลาด บางคนทำผิดเล็กน้อยๆและถูกจับได้ทำให้เขาได้สำนึกกลับตัวก่อนที่จะทำผิดครั้งใหญ่ แต่บางคนไม่โชคดีขนาดนั้น เพราะการเริ่มต้นทำผิดเล็กๆน้อยๆแล้วไม่ถูกจับทำให้ย่ามใจ ทำหนักขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อถูกจับได้ก็กลายเป็นความผิดครั้งใหญ่ ถูกคนประณามและสูญเสียอนาคต ดิฉันอยากจะหวังให้โลกนี้จะมีแต่คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย
เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจกับการกระทำของเราในภายหลัง… ดิฉันชื่อ ปรารถนา ชื่อเล่นว่ารุ้ง อาชีพของดิฉันคือนางแบบ ชื่อของดิฉันค่อนข้างโด่งดังพอตัวเลยล่ะในยุคนั้น เพราะรับงานทั้งเดินแบบ
ถ่ายแบบลงหนังสือแฟชั่น เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า และมีงานโฆษณาออกทีวีอีกสองชิ้น ในยุครุ่งเรืองนั้นดิฉันรับงานแทบไม่ไหว แฟนของดิฉัน ก็เป็นนายแบบเช่นกัน เขามีชื่อว่า ตั้มเราพบกันในงานเดินแบบแห่งหนึ่ง และปิ๊งกันในวันแรกที่ได้พบทีเดียว เขาจีบดิฉันติดในเวลาไม่นานเพราะดิฉันมีใจให้กับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตั้มมีเสน่ห์อย่างรุนแรง เขาไม่เพียงแค่หล่อเท่านั้น แต่ยังสุภาพ นุ่มนวลและเอาใจเก่ง เราไปซื้อคอนโดอยู่ด้วยกันทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน ดิฉันมีรายได้มากกกว่าตั้มอยู่พอสมควร เพราะมีงานเข้ามามากกว่า แต่ของตั้มเองๆจริงๆแล้วก็ไม่น้อย เพราะงานในสายของเราทำเงินได้มากเลยทีเดียว แต่เงินที่หามาได้ง่ายมันก็ถูกใช้ไปอย่างง่ายๆเช่นกัน เราสองคน ผ่อนทั้งคอนโด ผ่อนรถ แล้วยังมีรสนิยมหรู ซื้อของแพงๆเป็นว่าเล่น เสื้อผ้าเครื่องประดับทุกชิ้นของดิฉันก็ต้องเต็มที่ไม่ให้น้อยหน้าเพื่อนนางแบบด้วยกัน ซึ่งอีตอนที่มีรายได้ดีมันก็ไม่มีปัญหา แต่พอเศรษฐกิจตกเท่านั้นความทุกข์ก็เริ่มเข้ามาเยี่ยมเรา ช่วงเศรษฐกิจตกทำให้บริษัทต่างๆพากันตัดงบโฆษณา งานของเราน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด เงินที่เคยได้มาเยอะๆเริ่มขาดมือ รายได้เราตกฮวบฮาบแต่รายจ่ายเรายังคงเดิม พวกเราจมไม่ลง ยังคงใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไม่ผิดกับสมัยที่งานเยอะ ผลที่สุดก็ทำให้เราเริ่มเป็นหนี้เป็นสิน ทั้งจากบัตรเครดิตที่มีกันคนละหลายๆใบรูดกันไม่ยั้ง ไปจนถึงเงินกู้นอกระบบที่ตั้มไปยืมมาปลดหนี้บัตรเครดิตโดยยอมเสียดอกราคาแพง เมื่อไม่มีเงินพอที่จะใช้หนี้ทำต้องผัดผ่อนไปเรื่อยๆ จนเจ้าหนี้หลายๆรายเริ่มตามทวงไม่หยุดหย่อน วันละหลายๆครั้ง หนักๆเข้าพวกเจ้าหนี้ก็เริ่มมีการขู่และด่าด้วยคำที่หยาบคาย มีอยู่รายหนึ่งถึงกับบอกให้ดิฉันไปขายตัวใช้หนี้เลยทีเดียวซึ่งพอตั้มรู้เขาก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที
ในที่สุดตั้มก็ตัดสินใจทำบางอย่างที่ทำให้เราทั้งคู่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ตั้มเริ่มค้ายาเสพติดโดยติดต่อรับยามาจากฮ่องกง ลูกค้าเริ่มต้นของพวกเราเป็นเพื่อนนายแบบและนางแบบด้วยกัน ต่อมาก็เริ่มกระจายไปสู่ดาราและพวกเพื่อนๆของพวกเขา การค้ายาทำรายได้มหาศาลมากกว่าที่ดิฉันเคยได้ตอนเป็นนางแบบเสียอีก การหาเงินมาได้อย่างจำนวนมากคล่องมือ ทำให้เราเริ่มได้ใจ จากที่ขายกันในหมู่เพื่อนฝูงก็เริ่มขายให้กับคนแปลกหน้า ในที่สุดก็มีลูกค้าใหม่ๆเต็มไปหมด เงินไหลมาเทมามากขึ้นโดยที่เราไม่เฉลียวใจเลยซักนิดว่าหายนะกำลังมาเยือนเราในไม่ช้าในที่สุด วันที่เกิดเรื่องก็มาถึง สายของตำรวจปลอมตัวมาซื้อยากับเรา เขามาแบบแนบเนียนโดยที่เราไม่เอะใจเลยซักนิด เขาซื้อครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยขายมา เงินตอบแทนมันมากจนทำให้เรายอมเสี่ยงทั้งๆที่ปกติเราจะไม่ขายให้กับคนแปลกหน้าด้วยล็อทใหญ่ขนาดนี้ ผลที่สุดเราถูกจับพร้อมของกลางในรถ โดยที่ดิฉันเป็นคนมอบยาให้กับเขาด้วยมือของดิฉันเอง เราสองคนหน้าซีด คอตกเมื่อเขาแสดงตัวออกจับกุม... นั่นเป็นวันแรกที่อิสรภาพโบยบินไปจากเรา ...และมันไม่เคยกลับมาอีกเลย! ตำรวจเปิดแถลงข่าว พร้อมทั้งมีนักข่าวให้ความสนใจพากันเฮเข้ามามากเป็นประวัติการณ์ แม้ว่างานของดิฉันจะลดน้อยลง แต่ชื่อเสียงของดิฉันยังโด่งดังมากพอที่จะเรียกร้องความสนใจจากนักข่าวที่หวังเล่นข่าวนี้กันอย่างเต็มที่ แสงแฟลชจากกล่องถ่ายรูปวูบวาบไปหมดจนดิฉันแสบตา จนถึงตอนนี้ดิฉันยังแปลกใจว่าทำไมคนที่ทำอะไรผิดพลาดเพียงครั้งเดียวต้องโดนทำร้ายจิตใจกันมากมายถึงขนาดนี้ เราทำผิดก็จับเราไปลงโทษตามกฎหมายซิ ทำไมต้องจับพวกเรามาประจานอย่างอัปยศเช่นนี้ด้วย ถึงจะเป็นผู้ต้องหาแต่อย่างน้อยเราควรจะมีสิทธิอยู่บ้าง
อย่างน้อยก็ในฐานะของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่หรือ พวกนักข่าวยิงคำถามเข้าใส่อยู่ตลอดเวลาซึ่งดิฉันไม่ได้ตอบซักคำ คงมีแต่ตั้มเท่านั้นที่ยังใจเย็นและตอบคำถามอย่างสุภาพเหมือนที่เขาเคยเป็น
ดิฉันจำได้ว่ามีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นที่ดิฉันตอบ เป็นคำถามที่ทำให้ดิฉันเลือดขึ้นหน้าและมันยังดังก้องอยู่ในหูจนถึงทุกวันนี้ “พี่รุ้ง คิดว่าจะไปเดินแบบในคุกมั๊ยคะ” ดิฉันเงยหน้าขึ้นมองคนพูด เธออยู่ในชุดนักศึกษาอายุคงจะอ่อนกว่าดิฉันประมาณสองสามปี คงจะเป็นนักข่าวฝึกหัด หน้าตาของเธอจัดว่าสวยเลยทีเดียว แต่คำถามของเธอส่อให้เห็นถึงการเสียดสีและเย้ยหยัน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสะใจ “อยากรู้ก็ตามไปอยู่ซิ” ดิฉันตอบเสียงกระชาก พวกนักข่าวเฮกันลั่น ในขณะที่นังเด็กนั่นยิ้มอย่างพอใจที่ยั่วโมโหดิฉันสำเร็จ ตั้มหันมามองดิฉันอย่างเศร้าๆ ในขณะที่ดิฉันใจหายวูบ ดิฉันไม่เคยเห็นแววตาที่สิ้นหวังอย่างนี้จากตั้มมาก่อน แม้กระทั่งในช่วงที่เราเป็นหนี้มากมายแววตาของตั้มก็ไม่เศร้าขนาดนี้ มันเป็นคงจะเป็นแววตาของผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมจำนนต่อสถานการณ์ที่ไม่สามารถปกป้องคนรั
กไว้ได้ “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คุณรุ้งจะทำอย่างนี้มั๊ยครับ” คำถามสุดท้ายมาจากนักข่าวที่ดูมีอายุมากที่สุดในที่นั้น เขาเป็นคนเดียวที่ดิฉันสังเกตเห็นความเห็นใจ และสงสารเจือปนอยู่ในน้ำเสียง มันทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามีน้ำตาเอ่อคลอจนแทบจะล้นออกจากเบ้า ดิฉันไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากแต่นึกในใจอย่างไม่ลังเลว่า’ทำแน่นอน’ ดิฉันยอมรับว่าดิฉันรักตั้มมาก เวลาที่อยู่กับเขาสติปัญญาของดิฉันจะโบยนออกไป เหลือแต่ร่างกายกับหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักในขณะที่สมองกลวงว่างเปล่าจนพร้อมที่จะทำให้เขาได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องการเหตุผล แต่หากเอาคำถามมาถามดิฉันในเวลานี้ ดิฉันจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าดิฉันจะไม่ทำแน่นอน และจะห้ามไม่ให้ตั้มทำด้วย จนถึงตอนนี้ดิฉันยังเชื่อว่า ถ้าดิฉันห้ามไม่ให้เขาทำเขาต้องเชื่อฟังดิฉันแน่นอน เพราะความรักที่ตั้มมีให้ต่อดิฉันไม่น้อยไปกว่าที่ดิฉันมีให้กับเขา
ดิฉันช่างอ่อนแอและไร้เดียงสาในเวลานั้น ความรักทำให้ดิฉันงี่เง่าและปล่อยให้มันย้อนกลับทำร้ายพวกเรา อนาคตสวยหรูที่ราทั้งคู่ฝันไว้ต้องดับสูญไปพร้อมกับความผิดพลาดเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ....... เราสองคนถูกส่งตัวขึ้นศาล หลักฐานที่ชัดเจนทำให้พวกเรายอมสารภาพอย่างสิ้นเชิง ตั้มพยายามแสดงความเป็นลูกผู้ชายโดยยอมรับผิดทั้งหมด และพยายามอธิบายว่าดิฉันเพียงแต่ถูกเขาหลอกใช้เท่านั้น แต่หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่าดิฉันมีส่วนรู้เห็นด้วยอย่างชัดเจน ตั้มถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ส่วนดิฉันโดนเข้าไปสิบห้าปี หลังฟังคำตัดสินดิฉันสติแตก กรีดร้องและอาละวาด เจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาจับดิฉันไว้ ดิฉันต่อสู้เหมือนหมาจนตรอกแต่ก็ถูกร่างกำยำสยบไว้อย่างง่ายดายและถูกปล้ำลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาคร่อมตัวดิฉันไว้ แล้วดิฉันก็ถูกพวกเขาจับเอามือไขว้หลังแล้วคล้องกุญแจ
ดิฉันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและตกใจ กุญแจรัดกินเอาเนื้อที่ข้อมือ ดิฉันจึงล้มลงบนพื้นเหมือนลูกไก่ที่หมดฤทธิ์ ดิฉันเห็นตั้มมองดิฉันอย่างตกใจ เขาถูกเจ้าหน้าที่อีกสองคนจับตัวไว้ในขณะที่พยายามดิ้นรนเพื้อเข้ามาหาดิฉัน มันทำให้อารมณ์ดิฉันเดือดพล่านขึ้นมาอีก ดิฉันกรีดร้องด่าคำหยาบคายทุกคำที่ดิฉันรู้จัก และเริ่มเตะสะบัดเจ้าหน้าที่สองคนที่พยายามยึดตัวดิฉัน พวกเขาจึงจับขาเขี่ยรองเท้าทิ้ง เอาสายหนังหนักๆรัดรอบเข่า มัดจนเหมือนกับหมูที่กำลังจะเอาไปโรงฆ่าสัตว์ แล้วเอาเทปกาวปิดปากไว้ ทำให้ดิฉันเงียบไป เหงื่อหยดลงมาที่นัยน์ตาและแผดเผาเหมือนน้ำร้อนลวก ดิฉันถูกหิ้วออกไปจากศาลโดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนไปที่รถตู้ขนนักโทษที่จอดอยู่เบื้องหน้า ระหว่างทางเต็มไปด้วยนักข่าวและคนทั่วไปที่ยืนดูเหมือนเห็นตัวประหลาด บางคนหัวเราะเยาะออกมาดังๆ ข้างในรถตู้ว่างเปล่า พวกเขาวางดิฉันให้นอนหมดแรงอยู่ที่พื้น โดยมีผู้คุมคนหนึ่งขึ้นตามมา เขาปิดประตูล็อคกุญแจ ซึ่งทำให้ข้างในมืดไปทันที จากนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงครางกระหึ่มของเครื่องยนต์ ขณะที่รถตู้เริ่มเคลื่อนที่ กระแทกให้ดิฉันโคลงเคลงอย่างรุนแรง ตั้งแต่เกิดมาดิฉันยังไม่เคยอยู่ในสภาพที่น่าทุเรศอย่างนี้เลย ดิฉันเหลือบตาไปมองผู้คุม ก็เห็นเขาจ้องมองมาที่ร่างของดิฉัน แสงสลัวที่รอดผ่านซี่กรงเข้ามายังทำให้สังเกตได้เห็นว่ามุมปากของเขามีรอยยิ้ม ซึ่งเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ดิฉันในตอนนั้นหมดสภาพ สมองแทบจะว่างเปล่าไปหมด ภาพสุดท้ายที่เหลืออยู่ในความคิดคือภาพของตั้มที่สะบัดดิ้นรนพยายามจะเข้ามาหาดิฉัน ซึ่งยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้ ....... นรกเข้ามาเยือนดิฉันเร็วกว่าที่คิด การจราจรในเมืองหลวงติดขัดเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่วันนี้เป็นวันที่ดิฉันทรมานมากที่สุด เป็นครั้งแรกที่ดิฉันอยู่ในรถที่ไม่มีแอร์ อากาศมันร้อนจนดิฉันรู้สึกเหงื่อออกโทรมไปทั้งตัว ข้อสำคัญดิฉันเริ่มรู้สึกปวดท้อง ในขณะที่รถก็ดูจะแล่นไปอย่างเชื่องช้าแถมบางทียังหยุดนิ่งเป็นเวลานานๆ ดิฉันเริ่มทนไม่ไหว
เริ่มสะบัดดิ้นรนพยายามทำสัญญานให้ผู้คุมเอากระดาษกาวที่ปิดปากดิฉันออก ในที่สุดเขาก็เข้าใจ เขาถามว่า ถ้าปลดออกดิฉันจะไม่โวยวายแบบตอนที่อยู่ในศาลใช่ไหม ดิฉันรีบพยักหน้า เขาจึงยอมดึงกระดาษกาวออกจากปาก ทันทีที่ปากเป็นอิสระดิฉันรีบบอกว่าดิฉันปวดท้องเบา ช่วยหยุดรถให้ดิฉันเข้าห้องน้ำได้มั๊ย เขาบอกว่าไม่มีกฎที่จะปล่อยนักโทษให้เข้าห้องน้ำระหว่างทาง ดิฉันพยายามอ้อนวอนเขา แต่เขาก็ยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว จนเขารำคาญจึงบอกว่า ถ้าดิฉันทนไม่ไหวก็ปล่อยออกมาได้เลยไม่ต้องอาย ยังไงก็ไม่มีคนข้างนอกเห็นอยู่แล้วเพราะอยู่กันสองคน และยังไงเมื่อไปถึงดิฉันก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดนักโทษอยู่ดี ดิฉันจึงเงียบพยายามอดกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ รถถูกปิดทึบทำให้อากาศมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ และรถก็ดูจะเคลื่อนที่ช้าลงไปทุกที ในที่สุดดิฉันก็ทนไม่ไหว ดิฉันหลับตาร้องไห้ย่างอดสูใจในขณะที่น้ำไหลลงมาตามซอกขา มันไหลรินเปรอะรดไปตามกระโปรง และนองเต็มพิ้นไปหมด บรรยากาศในรถตู้ตอนนั้นไม่ผิดอะไรไปกับนรกเคลื่อนที่ รอบๆตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นเหม็นของปัสสาวะ ดิฉันฉี่ราดกางเกง ร่างกายสกปรกมอมแมม รู้สึกถึงอาเจียนที่กำลังล้นขึ้นมาและน้ำขมๆที่อยู่ในปาก ช่วยตัวเองไม่ได้ กลัวจนลนลาน ว้าเหว่ ในที่สุดก็คิดถึงตั้ม ดิฉันต้องการความห่วงใยและปลอบโยนจากเขา น้ำตาไหลพรากออกมา สงสารตัวเองอย่างที่สุด ...... เมื่อถึงคุก พวกเขาก็พาดิฉันลงจากรถเข้าไปยังห้องควบคุมตัว ถึงแม้ดิฉันจะดิ้นรนเตะถีบแค่ไหน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังจัดการถอดกุญแจมือออก แล้วจับดิฉันมัดเข้ากับเก้าอี้ไม่ไม่มีพนักที่ยึดติดอยู่กับพื้นได้ พวกเขาใช้เชือกรัดแน่นอยู่ที่หน้าอกและบนตัก เข่าของดิฉันถูกมัดตัดอยู่กับขาเก้าอี้ น้าลายของดิฉันเหนียวและขมไปหมด ดิฉันพยายามเอี้ยวตัวไปข้างหลังและก้มลงเช็ดปาก แต่ไม่สำเร็จ จึงได้แต่ถ่มมันลงไปบนพื้น หลังจากเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ดิฉันมองไปรอบๆห้อง ก็เห็นมีผู้ชายหัวล้านอีกคนหนึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้ในสภาพเดียวกับดิฉัน กลิ่นตัวของดิฉันเหม็นจนน่าทุเรศ อาการคลื่นเหียนทำให้เหงื่อเย็นไปหมด เศษอาหารล้นออกมาจากกระเพาะ ทั้งขมทั้งเหม็น ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงปล่อยดิฉันทิ้งไว้เป็นเวลานานแทนที่จะทำอะไรให้เสร็จสิ้น ความเครียดและความกดดันที่ได้รับอย่างที่ไม่เคยเจอทำให้ดิฉันสติแตกอีกครั้ง “ไอ้สัตว์” ดิฉันร้องตะโกนด่า ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าด่าใคร “ไอ้สัตว์วิกลจริต ถ้ากูออกไปได้ กูฆ่ามึงแน่”
ประตูเปิดผลัวะออก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเปียกๆดีดใส่ดิฉันอย่างโกรธจัด ดิฉันรู้สึกว่าหัวถูกดีดจนแอ่นไปข้างหลัง ในขณะที่มันฟาดเข้าถูกใบหน้าดิฉันอย่างจังริมผ้าเช็ดหน้าจี้ใส่หน้าดิฉันเหมือนถูกเตารีดร้อนๆนาบ เลือดสดๆพรั่งพรูออกจากจมูก ปวดยังกับหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “ไอ้สัตว์” ดิฉันด่าใส่ ถ่มเลือดออกจากปาก เขาหมุนผ้าเช็ดหน้าทำท่าขู่อีกครั้ง “เพิ่งเข้ามาก็ซ่านะมึง ถ้ามึงแหกปากอีก กูจะดีดไอ้หัวระยำของมึง” ดิฉันเงียบเมื่อเห็นท่าทางของเขาเอาจริง สักพักเมื่อเขาเห็นดิฉันยอมสยบ จึงเดินออกไปจากห้อง กุญแจประตูถูกลั่นอย่างหนักๆเข้าที่เดิม มันขังเราสองคนไว้ในความเงียบสงัด ผู้ชายหัวล้านคนนั้นกระซิบถามดิฉันว่า “คุณบาดเจ็บหรือเปล่า” ดิฉันสั่นหัว “วันนี้แย่จัง ไม่ดีเลยที่ทำร้ายผู้หญิงสวยๆอย่างนี้ ผมไม่เคยทำร้ายผู้หญิงสวยๆอย่างนี้เลย ผมชอบผู้หญิงสวยๆ”
แม้จะหัวเล้านแต่เขาเป็นคนที่หน้าตาดีถึงจะอยู่ในสภาพอิดโรยจากการถูกมัดก็ตาม สภาพของเขาทำให้ดิฉันนึกขึ้นได้ว่าหน้าตาของดิฉันจะดูเป็นยังไง ผมของดิฉันเปียกและอับไปด้วยเหงื่อ ห้อยลงมาเหมือนเชือกที่ปวกเปียก เลือดและเศษอาหารแห้งกรังอยู่ตามหน้าและสื้อผ้า จมูกของดิฉันบวมเป่งและเต็มไปด้วยเลือด ดิฉันรู้สึกว่ามันไหลหยดลงไปในลำคอ ขณะนั้นเพิ่งจะรู้สึกว่ากำลังนั่งแช่อยู่กับฉี่ของตัวเอง ตอนที่ดิฉันถูกจับมัดกับเก้าอี้ กระโปรงของดิฉันถลกขึ้นมา เข่าถูกมัดติดกับสองขาหน้าของเก้าอี้ ดิฉันจึงนั่งโป๊และโชว์ขาอ่อนอยู่ พอรู้ว่าเขาพยายามจะจ้องเข้าไปในกระโปรงของดิฉัน ดิฉันจึงหนีบเข่าเข้าชิดกัน “ไอ้อัปรีย์ลามก” ดิฉันตะโกนด่าเขา แต่เขาก็ยังชำเลืองอยู่ แต่ขยับตัวอย่างอึดอัดบนเก้าอี้ มีทีท่าว่ากระหายเกิดอารมณ์ทางเพศ ดิฉันถูกขังให้จมอยู่ในความกลัว ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงทำกับดิฉันอย่างนี้ ดิฉันเหนื่อยเหลือเกิน คิดถึงตั้มเหลือเกิน ดิฉันพยายามรวบรวมกำลังใจบอกตัวเอง “เธอจะต้องแกร่งนะรุ้ง ไม่ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร ต้องเอาชนะมัน ต้องผ่านมันไปให้ได้” ดิฉันเชิดหัวขึ้น นั่งตัวตรงและแข็งเกร็งอยู่ในเก้าอี้ จิตใจมั่นคงสงบขึ้น ชายคนนั้นหลับไปแล้ว ดิฉันสูดหายใจลึกๆ ด้วยความเจ็บปวด และอีกไม่นานก็หลับตามเขาไป



Offline crusaderxx

  • Sr. Member
  • ****
    • Posts: 194
    • เสียว: 1
    • View Profile
 (003;............แหล่มเลย........... (003;



Offline ninja9_99

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 795
    • เสียว: 2
    • View Profile

Offline Taochinun

  • Jr. Member
  • **
    • Posts: 39
    • เสียว: 0
    • View Profile

Offline thep59

  • แฟนพันธ์แท้
  • *
    • Posts: 1217
    • เสียว: 11
    • View Profile
ขอบคุณครับ